Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 2291 : การสนับสนุน
ตอนที่ 2291 : การสนับสนุน
องครักษ์สองคนในชุดม่วงได้บินออกมาหาเจี้ยนเฉินทันที
ตงหลินหยานเซว่ที่อยู่บนเวที เมื่อเห็นองครักษ์ที่มุ่งหน้าไปหาเจี้ยนเฉิน นางรู้สึกหมดหวังขึ้นมา
นางคือหนึ่งในห้าผู้แข่งขันและมีฐานะในระดับหนึ่งภายในโถงเซียนธาตุแสง แต่ตอนนี้นางไม่อาจจะช่วยอะไร เจี้ยนเฉินได้
“ไม่ ไม่นะ ศิษย์พี่ เราจะทำยังไงกันดี ? ” ไป๋หยูกังวลอย่างมาก นางกังวลกับสิ่งที่เจี้ยนเฉินกำลังจะเผชิญ ในฐานะศิษย์ของผู้อาวุโส นางรู้กฎทุกอย่างของโถงเซียนธาตุแสงเป็นอย่างดี นางรู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่ดี การที่เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นความผิดร้ายแรงและบทลงโทษเองก็ร้ายแรงเช่นกัน
“ฮึ่ม เจียงหยาง ตอนอยู่ด้านนอกเจ้าไม่ตาย แต่แน่นอนว่าข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ ในอนาคต ถึงอย่างนั้นคนในตระกูลทำอะไรกันอยู่ ? ไม่ใช่ว่าพวกเขาบอกว่าได้ส่งคนไปฆ่าเจียงหยางแล้วรึไง ? ทำไมเขายังมีชีวิตอยู่ได้ ” กงเจิงซิ่นฮึดฮัดออกมาพร้อมกับสายตาที่แสดงความเย็นชา
“ศิษย์ที่ชื่อเจียงหยางผู้นี้ตกที่นั่งลำบากแล้ว…”
“เขาแค่มีแกนวิญญาณหนึ่งสี แต่เขากลับกล้าจะผ่านเข้ามาถึงห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ นี่เท่ากับการไม่ไว้หน้าที่นี่…”
“ไม่ใช่แค่จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก แต่แม้แต่ผู้นำของยอดเขาทะยานเมฆที่เกี่ยวข้องนั้นก็ต้องถูกลงโทษเช่นกัน…”
“ นี่เป็นบทเรียนให้กับเราด้วย เมื่อเรากลับไป เราต้องระวังให้ศิษย์อยู่ในกฎระเบียบ เผื่อว่าจะฝ่าฝืนกฎเกณฑ์โดยไม่รู้ตัวและเราก็จะมีปัญหาไปด้วย….”
….
ในเวลาเดียวกันราชาเทพธาตุแสงหลายคนก็ได้พูดคุยเรื่องนี้กันแบบลับ ๆ
ตอนนั้นองครักษ์ทั้งสองได้ไปถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินพร้อมกับโซ่หนาที่ปรากฏขึ้นมาในมือ
โซ่นี้สร้างขึ้นมาจากโลหะพิเศษและมีค่ายกลมากมายสลักไว้ในโซ่ เมื่อมันล่ามใครเอาไว้ ไม่ใช่แค่จะผนึกการบ่มเพาะแต่ยังเพิ่มน้ำหนักขึ้นมาอย่างมาก ซึ่งทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเคลื่อนไหวได้
มีแค่พวกที่ก่อความผิดร้ายแรงในโถงเซียนธาตุแสงเท่านั้นที่จะได้รับการลงโทษเช่นนี้
“ช้าก่อน ! ” ตอนที่องครักษ์กำลังจะล่ามเจี้ยนเฉิน จู่ ๆ เขาก็ตะโกนออกมา เขามองไปยังผู้อาวุโสมู่จงที่อยู่บนเวทีและพูดขึ้นมาว่า “ผู้อาวุโสมู่จง ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านตัดสินยังไงว่าการที่ข้าเข้ามายังโถงศักดิ์สิทธิ์นี้ ข้าต้องถูกจับกุม ? ”
“เจ้าเข้ามาในโถงศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้อาวุโสคนไหนเลย การเข้ามาที่นี่ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง” ผู้อาวุโสมู่จงพูดขึ้นมา
“ในอีกความหมายคือข้าต้องได้รับอนุญาตจากผู้อาวุโสเพื่อที่จะเข้ามายังโถงศักดิ์สิทธิ์และตราที่ข้ามีก็ไม่เพียงพอให้ข้ามีสิทธิเข้ามาทีนี่รึ ? รึว่าบางทีสิทธิที่เหรียญนี่มีคงไม่ได้มีอำนาจมากเท่ากับคำอนุญาตจากผู้อาวุโส” เจี้ยนเฉินพูดออกมาอย่างชัดเจน หลังจากนั้นเขาก็เอาเหรียญของซวนจ้านออกมาและชูมันขึ้นเหนือหัว
เมื่อผู้อาวุโสมู่จงเห็นเหรียญที่มีแทนฐานะรองหัวหน้า เขาก็ตะลึง จู่ ๆ ตาของเขาก็หรี่ลงพร้อมกับสีหน้าที่แสดงความแปลกใจออกมา
“เหรียญของรองหัวหน้า…”
“รองหัวหน้าซวนจ้าน…”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ? เขามีเหรียญของรองหัวหน้าซวนจ้านได้ยังไง ? เขาเกี่ยวข้องยังไงกับรองหัวหน้าซวนจ้าน….”
“เขาคือเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสีและไร้ชื่อเสียง เขามีเหรียญของรองหัวหน้าซวนจ้านได้ยังไง” ไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสมู่จงที่แปลกใจเมื่อเห็นเหรียญในมือของเจี้ยนเฉิน แต่สีหน้าของผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างก็เปลี่ยนไปเช่นกัน พวกเขาต่างก็เผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมา
สำหรับราชาเทพธาตุแสงด้านล่างเวทีต่างก็พากันหยุดพูดคุย สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่มือของเจี้ยนเฉิน ไปที่เหรียญซึ่งแทนตำแหน่งรองหัวหน้า สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ตาของตงหลินหยานเซว่เป็นประกายขึ้นมา นางมองไปที่เหรียญในมือของเจี้ยนเฉินและรู้สึกตะลึง สายตาของนางเต็มไปด้วยความสับสนและสงสัย
ตอนที่นางเห็นเหรียญนี้ ก็มีคำถามมากมายโผล่เข้ามาในหัว เมื่อเจียงหยางมีเหรียญของรองหัวหน้า ชัดเจนแล้วว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับรองหัวหน้า เขาสามารถขออนุญาตจากรองหัวหน้าได้โดยตรงหากต้องการเข้าไปยังหอคอยธาตุแสง
แม้ว่าเงื่อนไขในการเข้าไปยังหอคอยธาตุแสงจะเคร่งครัดอย่างมาก แต่รองหัวหน้าก็สามารถยกเว้นให้กับศิษย์ได้ด้วยอำนาจที่ตัวเองมี คงใช้คำพูดแค่ไม่กี่คำ ดังนั้นทำไมเจียงหยางถึงได้เสนอวิญญาณอันบริสุทธิ์ของนางและมาเป็นผู้ติดตามเพื่อเข้าไปยังหอคอยธาตุแสง ?
ทันใดนั้นตงหลินหยานเซว่ก็พบว่านางไม่เข้าใจความคิดของเจียงหยางเลย
“หยานเซว่ เจ้าไม่เข้าใจรึ ? เจียงหยางต้องการเป็นผู้ติดตามคนที่ 9 ของเจ้าเพราะเขาต้องการจะอยู่กับเจ้า” อาจารย์ของตงหลินหยานเซว่ มู่ชุ่ย เหมือนจะมองทุกอย่างออก นางได้บอกตงหลินหยานเซว่แบบลับ ๆ
ตงหลินหยานเซว่ ทบทวนรายละเอียดทุกอย่างตั้งแต่ที่นางรู้จักกับเจียงหยางมา นางไม่ได้มองข้ามรายละเอียดใด ๆ สุดท้ายนางก็ส่ายหน้าและตอบกลับ “ไม่ อาจารย์ เจียงหยางไม่น่าจะเป็นคนเช่นนั้น “
“ข้าจะไม่พูดอีกว่ามันจะจริงรึไม่ เจ้าฉลาด ดังนั้นเจ้าน่าจะตัดสินได้เอง” มู่ชุ่ยพูดขึ้นมา “แต่ในเมื่อเจียงหยางมีเหรียญญของรองหัวหน้าซวนจ้าน มันก็หมายความว่าเขาได้รับการสนับสนุนจากรองหัวหน้าซวนจ้าน เมื่อเป็นแบบนั้น ฐานะของเขาในโถงเซียนธาตุแสงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าหรืออาจจะเหนือกว่าเจ้าก็ได้ “
“ซวนจ้านคือรองหัวหน้าที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดารองหัวหน้า 8 คน รองหัวหน้าคนอื่น ๆ ต่างก็แสดงความเคารพต่อซวนจ้าน ผลก็คือหากเจียงหยางได้รับการสนับสนุนจากรองหัวหน้าซวนจ้าน งั้นมันก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะหาเรื่องเขาภายในโถงเซียนธาตุแสง”
มู่ชุ่ยอธิบายให้กับตงหลินหยานเซว่ฟัง นางพยายามกระตุ้นความคิดของตงหลินหยานเซว่
ตงหลินหยานเซว่ยังคงเงียบ นางมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยอารมณ์ซับซ้อน ตอนนั้นนางอดไม่ได้ที่จตะสงสัยถึงเป้าหมายที่แท้จริงของเจี้ยนเฉินมันเป็นแบบที่อาจารย์นางบอก หรือว่าที่เขาทำไปก็เพราะเขาต้องการอยู่ใกล้ชิดกับนาง ?
ยังไงซะนางก็เป็นอัจฉริยะในโถงเซียนธาตุแสง มันมีคนนับไม่ถ้วนที่ไล่ตามนางและนางก็ชินกับเรื่องพวกนี้แล้ว แต่เจียงหยางเป็นหนึ่งในพวกนั้นหรือ ?
สีหน้าของกงเจิงซิ่นบิดเบี้ยวไปทันที ส่วนสีหน้าของไป๋หยูกลับเต็มไปด้วยความแปลกใจและตื่นเต้น
ผู้อาวุโสมู่จงมองไปที่เจี้ยนเฉิน ด้วยความแข็งแกร่งที่เขามี เขาสามารถบอกได้ว่าเหรียญในมือของเจี้ยนเฉินนั้นเป็นของจริง ในขณะเดียวกันองครักษ์ทั้งสองก็ได้ถอยกลับมาหลังจากที่เจี้ยนเฉินได้แสดงเหรียญตราออกมา
นี่เพราะแม้แต่ผู้อาวุโสก็ไม่มีสิทธิตัดสินและลงโทษคนที่มีเหรียญของรองหัวหน้า ตอนนี้คำสั่งของผู้อาวุโสมู่จงนั้นไร้ค่า
“ในเมื่อเจ้ามีเหรียญของรองหัวหน้า ชัดเจนแล้วว่าเจ้าก็มีสิทธิที่จะเข้ามายังโถงศักดิ์สิทธิ์” ผู้อาวุโสมู่จงบอกกับ เจี้ยนเฉิน จากนั้นเขาก็มองไปรอบ ๆ และพูดต่อ “กลับมาที่เรื่องผู้พิทักษ์คนสุดท้าย “ – หลังจากที่เงียบไปได้ไม่นาน เขาก็พูดขึ้น “หลังจากที่ทบทวนดูดี ๆ แล้ว ข้าตัดสินว่าผู้พิทักษ์คนสุดท้ายจะต้องเป็นผู้นำยอดเขากระบี่หัก…” ผู้อาวุโสมู่จงหยุดพูดกลางคัน
หลังจากที่นั้นเขาก็แสดงสีหน้าเคารพที่ยากจะแสดงออกมา สายตาเขาเต็มไปด้วยความแปลกใจ
แต่ไม่นาน ผู้อาวุโสมู่จงก็กลับมาแสดงสีหน้าดังเดิม เขามองไปที่เจี้ยนเฉินอีกครั้ง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ และประกาศออกมา “ข้าขอประกาศว่าผู้พิทักษ์คนที่ 9 ของตงหลินหยานเซว่คือศิษย์ของยอดเขาทะยานเมฆ เจียงหยาง…”
Comments