Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ 211 : Command Post

Now you are reading Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ Chapter 211 : Command Post at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ครื่นนน—ครึก—ครึก—ครึก—

 

ในขณะที่เอริกะกำลังนำพวกนากาและอัลเปียบุกลงไปยังเมืองมาร์นาร์ฟเก่าที่ตั้งอยู่ใต้ดินของเมืองแพนเทร่าอยู่นั้นเอง ทางด้านอาริสะที่ถูกไนน์ฮาร์ทผู้เป็นราชาของเมืองแพนเทร่าสั่งให้เธอหนีหลบไปจากเมืองก็ได้เดินเข้าไปข้างในโรงเก็บเรือบินของปราสาทแพนเทร่าจนทำให้ริวที่ล่วงหน้ามาเตรียมการก่อนแล้วร้องตะโกนบอกเธอแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ของเรือเหาะลำที่ว่าขึ้นมา

 

“เรือบินพร้อมที่จะออกเดินทางแล้วนะครับท่านอาริสะ!”

 

“ทราบแล้วค่ะ!”

 

ซึ่งทางด้านอาริสะที่ได้ยินเสียงของริวก็ได้พยักหน้ากลับไปให้หัวหน้าหน่วยทหารส่วนตัวของเธอเล็กน้อยก่อนที่เธอจะมองดูรอบๆ ด้วยท่าทางที่ดูกลัดกลุ้มใจอยู่สักพักหนึ่งแล้วจึงพูดถามริวที่เดินลงมารับเธอใกล้ๆ ขึ้นมา

 

“แล้วคุณวิลฟอร์ดล่ะคะ?”

 

“อาการของวิลฟอร์ดยังไม่ดีขึ้นมากขนาดนั้นพวกแพทย์หลวงก็เลยยังไม่ยอมปล่อยเขาออกมาเลยน่ะครับ แถมเรือบินของหน่วยของพวกเราเองก็ไม่ได้มีอุปกรณ์ทางการแพทย์พร้อมจะพยุงอาการของเขาในระหว่างเดินทางด้วย…”

 

ริวที่ได้ยินอาริสะถามถึง วิลฟอร์ด หนึ่งในทหารในหน่วยของเธอที่ถูกไคเลอร์เล่นงานไปในตอนที่เธอส่งเขาไปซุ่มยิงเซซิเรียก่อนหน้านี้ได้พูดอธิบายขึ้นมาให้เจ้านายของเขาได้ฟังก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีหนึ่งในทหารของหน่วยไวท์ ฮาวด์ อีกคนหนึ่งชะโงกหน้าออกมาจากเรือบินของอาริสะและร้องตะโกนบอกริวขึ้นมา

 

“หัวหน้า!! เรือบินพร้อมจะออกเดินทางแล้วนะครับ!”

 

“ได้ยินแล้วครับ! ทั้งสองคนไปเตรียมประจำการตามตำแหน่งของตัวเองได้เลย เดี๋ยวผมจะไปเปิดหลังคาโรงเก็บเรือเหาะให้เอง!”

 

“ครับ!”

 

นายทหารในหน่วยไวท์ ฮาวด์ที่มีชื่อว่าคาฮาร่าได้พูดตอบรับคำสั่งของริวกลับมาก่อนที่เขาจะเดินหายไป และนั่นก็ทำให้ริวที่เห็นแบบนั้นไม่รอช้าที่จะพูดบอกอาริสะขึ้นมาอีกคนหนึ่ง

 

“ท่านอาริสะเองก็รีบไปขึ้นเรือบินก่อนที่จะมีคนอื่นมาเห็นเถอะครับ…”

 

“เข้าใจแล้วค่ะ…”

 

อาริสะพยักหน้าพูดตอบริวกลับไปเบาๆ ด้วยท่าทางกลัดกลุ้มใจ เพราะถึงแม้ว่าพระราชาของเมืองแพนเทร่าและเอริกะจะไม่ได้พูดขึ้นมาตรงๆ แต่ว่าสิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนทำลงไปมันก็ไม่ได้ต่างจากการที่พวกเขาพูดว่าตัวเธอในตอนนี้ทำประโยชน์อะไรไม่ได้และต้องการให้เธอหลบออกไปจากเมืองก่อนจะได้ไม่เผลอไปเกะกะคนอื่นเลยแม้แต่น้อย

 

ซึ่งถึงแม้ว่าในใจจริงลึกๆ แล้วอาริสะจะเข้าใจว่าพวกเขาทั้งสองคนแค่เป็นห่วงเธอที่ยังเป็นแค่เด็กสาวช่วงวัยรุ่นอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่าถ้าเกิดว่าตัวเองมีความสามารถมากกว่านี้ก็คงจะดี

 

“หลบไปเพื่อไม่ให้ไปเกะกะคนอื่นเขา… สุดท้ายแล้วดิฉันก็ทำได้แค่นั้นเองงั้นหรอ…”

 

 

“ว—วะ—หว๋าาาาาา— น..น—นี่มันป—แป้นควบคุมแบบโบราณข–ของเมืองโบราณในตำนาน— ถ…ถ…แถมจะให้ฉันใช้มันด้วยงั้นหรอคะ แหะ…แหะแหะแหะ….”

 

ในขณะที่อาริสะกำลังจะขึ้นเรือเหาะเพื่อเดินทางหลบหนีออกจากเมืองแพนเทร่าตามคำสั่งของไนน์ฮาร์ทผู้เป็นพระราชาของเมืองแพนเทร่าอยู่นั้นเอง ที่ด้านใต้ปราสาทแพนเทร่าลึกลงไปจนเกือบจะถึงเมืองใต้ดินอันเป็นสถานที่ตั้งของห้องควบคุมที่แท้จริงนั้นก็ได้มีเสียงของหญิงสาวผมสีเหลืองขอบตาดำคล้ำในชุดเสื้อกาวน์ดังขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหลงใหลในสิ่งที่เธอได้เห็น

 

ซึ่งสภาพของอัลเปียที่ดูคลั่งไคล้ตื่นเต้นจนแทบจะอ่อนระทวยไหลลงไปกองกับพื้นนั้นก็ได้ทำให้โมโกะตัดสินใจที่จะยกมือขึ้นมาปิดหูของอีฟที่เธอจูงมือเอาไว้และจับหน้าของเด็กสาวให้หันไปมองทางอื่นแทน และนั่นก็ทำให้เอริกะต้องส่ายหน้าไปมาด้วยสีหน้าขบขันก่อนที่เธอจะพูดเตือนขุนนางสาวของเมืองแพนเทร่าขึ้นมา

 

“เก็บอาการหน่อยสิคุณอัลเปีย พวกเรามีเด็กมาด้วยนะ”

 

“แหะแหะ…แหะ—อ่ะ— ข..ข–ขอโทษค่ะ”

 

อัลเปียที่ได้ยินคำเตือนของเอริกะนั้นได้รีบยกมือขึ้นมาปาดน้ำลายของเธอที่ทำท่าจะไหลออกมาและรีบกลับเข้ามาดของขุนนางสาวที่ดูน่านับถืออีกครั้งในทันที แต่ถึงอย่างนั้นมือของเธอก็กลับค่อยๆ ยื่นเข้าไปสัมผัสหนึ่งในแผงแป้นพิมพ์ที่อยู่ใกล้ๆ และลูบไล้มันเบาๆ ด้วยท่าทางหลงใหลจนทำให้นากาถึงกับต้องกระเถิบตัวถอยห่างจากหญิงสาวเล็กน้อยแล้วจึงพูดถามเอริกะขึ้นมา

 

“ว่าแต่ที่นี่จะปลอดภัยแน่นะเอริกะ?”

 

“อื้ม เดี๋ยวให้อีฟเขารออยู่กับฉันที่นี่เนี่ยแหล่ะดีแล้ว”

 

“เดี๋ยวสิ– แล้วเธอจะไม่ลงไปข้างล่างนั่นด้วยหรอ?”

 

“แหม่ ก็ตอนนี้มีฉันแค่คนเดียวที่ใช้งานเจ้านี่เป็นนี่นา เพราะงั้นคงจะมีแต่พวกเธอเท่านั้นแหล่ะที่ต้องลงไปสู้กับพวกเขาข้างล่างนั่นน่ะ”

 

เอริกะพูดตอบนากากลับไปและตบไปที่แผงแป้นพิมพ์แผงเดียวกับที่เธอเคยใช้งานก่อนหน้านี้ในตอนที่เธอลงมายังห้องควบคุมด้วยกันกับอาริสะก่อนที่เธอจะพูดอธิบายขึ้นมาเพิ่มเติมเมื่อสังเกตเห็นว่าพวกนากาเหมือนจะยังไม่ไว้วางใจในความปลอดภัยของอีฟที่ต้องลงมาอยู่ใกล้สนามรบมากนัก

 

“เรื่องเจ้าหนูอีฟน่ะพวกเธอไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก เพราะถ้าเกิดว่าฉันประจำการอยู่ที่นี่ฉันมั่นใจว่าจะสามารถป้องกันระบบลิฟต์ที่เป็นทางออกกับระบบระบายอากาศไม่ให้หมอกพวกนั้นเข้ามาถึงที่นี่ได้แน่ๆ น่ะ”

 

“ถ้าเธอยืนยันอย่างงั้นล่ะก็นะ… ถ้างั้นจากที่เธอบอกตอนที่กำลังลงมาข้างล่างนี่เธอตั้งใจจะให้พวกฉันบุกไปที่ปราสาทที่อยู่ตรงกลางนั่นเพื่อจัดการกับคนบงการที่น่าจะอยู่ข้างในนั้นสินะ?”

 

“จ้ะ แล้วก็อย่าลืมเรื่องเพื่อนๆ ทหารรับจ้างของเธอด้วยล่ะนากาคุง”

 

“ไม่ลืมหรอกน่า ถ้าเกิดว่าพวกเขายังรอดอยู่ข้างในนั้นน่ะนะ…”

 

นากาพูดตอบเอริกะกลับไปก่อนที่เขาจะย่อตัวลงไปลูบหัวลูบแก้มของอีฟเล็กน้อยก่อนที่พวกเขาจะต้องแยกกัน ในขณะที่ทางด้านคอนแนลที่ดูมีท่าทางกลุ้มใจมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้วก็ได้เอ่ยปากพูดถามเอริกะขึ้นมาบ้าง

 

“สรุปว่าคนร้ายคือซิสเตอร์โจน่าคนนั้นจริงๆ งั้นหรอครับ…?”

 

“อื้ม ไม่ผิดแน่แล้วล่ะ… แต่ว่ามันก็อย่างที่ฉันบอกไปว่าถึงเขาจะใช้ร่างของเจนอยู่ก็เถอะ แต่ว่าคนที่อยู่ข้างในนั้นน่ะไม่ใช่สาวใช้เจเนตคนที่เธอกับฉันรู้จักอีกต่อไปแล้วนะคอนแนล และพวกเราก็ต้องหยุดเขาเอาไว้ให้ได้ก่อนที่เขาจะก่อความเสียหายให้กับเมืองแพนเทร่าไปมากกว่านี้ด้วย”

 

“ครับ เรื่องนั้นผมเข้าใจ…”

 

ถึงแม้คอนแนลจะไม่อยากจะเชื่อในเรื่องที่เอริกะบอกว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขามีการนำร่างของคนที่เสียชีวิตไปแล้วมาใช้งานดั่งตุ๊กตาเนื่องจากว่ามันฟังดูน่าเหลือเชื่อจนเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มั่นใจว่าคนอย่างเอริกะไม่มีทางที่จะกุเรื่องที่ฟังดูไร้สาระแบบนั้นขึ้นมาเล่นๆ และน่าจะมีมูลความจริงอยู่ในคำพูดของเธอไม่มากก็น้อยเขาจึงพยักหน้าพูดตอบเธอกลับไปแต่โดยดี

 

ส่วนทางด้านนากาที่เล่นกับอีฟเสร็จแล้วก็ได้ขยับตัวลุกกลับขึ้นมาก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดถามเอริกะขึ้นมา

 

“ถ้างั้นพวกเราจะไปกันเลยมั้ย?”

 

“จุ๊ๆ ก่อนอื่นพวกเราต้องมาวางแผนกันก่อนต่างหากล่ะ… สำหรับอันดับแรกก็…”

 

แกร๊กแกร๊ก— พรึบ—

 

เอริกะที่พูดตอบนากากลับไปนั้นได้รัวนิ้วของเธอเข้าใส่แป้นพิมพ์ที่อยู่ข้างกายด้วยความเร็วสูงจนทำให้จอภาพที่ถูกติดตั้งเอาไว้ด้านในสุดของห้องถูกใช้งานอีกครั้งหนึ่งเผยให้เห็นภาพแผนที่มุมสูงของเมืองใต้ดินให้ทุกคนได้รับชม อีกทั้งมันยังทำให้อัลเปียที่ยืนมองการกระทำของเอริกะอยู่ถึงกับต้องยกมือขึ้นมากอดอกตัวสั่นสะท้านและส่งเสียงร้องประหลาดๆ ออกมาอีกด้วย

 

“ฮ…ฮ…โฮ้วววว~”

 

“…….”

 

เสียงร้องของอัลเปียได้ทำให้ทุกคนต้องเหลือบตาไปมองเธอเล็กน้อยก่อนที่เอริกะจะเป็นคนแรกที่ส่ายหน้าไปมาด้วยสีหน้ายิ้มๆ และชี้ไปยังจุดสีน้ำเงินที่อยู่ตรงสุดขอบด้านบนห่างจากขอบของแผนที่เพียงแค่เล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมา

 

“เห็นจุดสีน้ำเงินข้างบนนั่นมั้ย ตรงนั้นคือตำแหน่งที่พวกเราอยู่กันตอนนี้ ส่วนทางด้านล่างสุดที่มีภาษาโบราณเขียนกำกับเอาไว้นั่นคือ วังแห่งมาร์นาร์ฟ ที่เป้าหมายของพวกเราน่าจะอยู่ที่นั่น…”

 

“หมายความว่าพวกเราต้องฝ่าเมืองทั้งเมืองลงไปถึงข้างล่างนั่นเลยงั้นสินะ… แต่เห็นเธอบอกว่าฝ่ายนั้นเขาอาศัยอยู่ข้างล่างนี่มาตั้งนานแล้วนี่นา แบบนั้นพวกเขาจะไม่วางกองกำลังป้องกันหรือกับดักอะไรเอาไว้ป้องกันผู้บุกรุกเต็มไปหมดเลยหรอ?”

 

นากาที่เห็นว่าเป้าหมายของพวกเขาอยู่ห่างออกไปถึงอีกฝั่งหนึ่งของตัวเมืองที่เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างพร้อมจะเป็นจุดให้แอบซุ่มโจมตีนั้นได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดถามเอริกะขึ้นมา และนั่นก็ทำให้โมโกะที่ได้ยินแบบนั้นอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูดขัดเขาขึ้นมา

 

“ถ้าเกิดว่าพวกนั้นแอบซุ่มโจมตีพวกเราก็แค่จัดการให้หมดก็สิ้นเรื่องไม่ใช่หรอไง”

 

“จุ๊ๆ ใจเย็นก่อนสิแม่เสือน้อย ฉันคิดเรื่องนั้นเอาไว้แล้วก็เลยไปติดต่อขอความร่วมมือจากองค์ราชาของเมืองแพนเทร่ามาแล้วให้เขาส่งกองทัพมาช่วยเหลือพวกเราสักหน่อยน่ะ”

 

คำพูดของโมโกะในครั้งนี้ได้ทำให้เอริกะต้องหันไปพูดห้ามเด็กสาวเอาไว้ก่อนด้วยความประหลาดใจ เพราะว่าเท่าที่เธอจำได้ถึงแม้ว่าโมโกะจะเป็นคนกระตือรือร้นที่จะพิสูจน์ความสามารถของตนเอง แต่ว่าที่ผ่านมาเด็กสาวก็เป็นคนรอบคอบไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่นที่เอะอะก็จะใช้กำลังหรือความรุนแรงเข้าว่าแบบนั้น ในขณะที่ทางด้านนากาที่เคยเป็นคนใจร้อนเอะอะก็จะคว้าดาบออกไปช่วยเหลือชาวบ้านโดยไม่คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนกลับกลายเป็นคนวางแผนให้แทนโมโกะไปเสียอย่างนั้น และนั่นก็คงจะหมายความว่าต่อให้พวกเด็กๆ ทั้งสองคนจะหายจากอาการซึมเศร้าแล้วแต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านโมริโกะก็เปลี่ยนแปลงตัวตนของพวกเขาไปมากเช่นเดียวกัน

 

และเมื่อคิดได้อย่างนั้น เอริกะก็ได้แต่เผยรอยยิ้มเศร้าๆ ออกมาก่อนที่เธอจะเคาะไปที่แผงแป้นพิพม์อีกสองสามทีจนทำให้เกิดกรอบสี่เหลี่ยมขึ้นมาตรงจุดหนึ่งของแผนที่เมืองมาร์นาร์ฟอีกจุดหนึ่ง

 

“พวกเธอเห็นตรงกรอบสี่เหลี่ยมนี่มั้ย เดี๋ยวอีกสักพักนึงกองทัพของทางเมืองแพนเทร่าจะบุกลงมาที่จุดนี้น่ะ”

 

“ด…เดี๋ยวสิคะท่านเอริกะ… ถ…ถ้าดูจากโครงสร้างของอาคารแถวๆ นั้นแล้วนั่นมันน่าจะอยู่ด้านหน้าค่ายทหารของศัตรูพอดีเลยไม่ใช่หรอคะ…”

 

“ใช่แล้วล่ะ แต่ฉันบอกองค์ราชาเกี่ยวกับเรื่องนั้นเอาไว้แล้วล่ะ เพราะงั้นพอกองทัพแพนเทร่าลงมาปุ๊บทั้งสองฝ่ายก็น่าจะเริ่มต่อสู้กันจนสถานการณ์มันวุ่นวายสุดๆ เป็นโอกาสให้พวกเธอได้ลอบเข้าไปข้างในวังมาร์นาร์ฟกันได้ง่ายๆ ยังไงล่ะ”

 

เอริกะยิ้มแป้นพูดตอบอัลเปียกลับไปด้วยท่าทางอารมณ์ดีผิดกับแผนการสุดอันตรายที่จะต้องให้เหล่านายทหารของเมืองแพนเทร่าเสี่ยงชีวิตต่อสู้เพื่อพวกเธอ และนั่นก็ทำให้นากาต้องมือขึ้นมาเกาศีรษะของตนเองเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดถามเอริกะขึ้นมาอีกครั้ง

 

“แต่ถ้าเธอบอกแบบนั้นก็แปลว่าทางลงที่ว่านั่นมันจะต้องใหญ่ขนาดที่ว่าสามารถส่งกองทัพแพนเทร่าทั้งกองลงมาได้ทั้งกองเลยไม่ใช่หรอ ถ้าเกิดว่ามันเป็นแบบนั้นเจ้าพวกนั้นจะไม่หาวิธีปิดกั้นทางลงนั่นเอาไว้ก่อนหรอกหรอ?”

 

“ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก เพราะสำหรับศัตรูแล้วพวกเขารู้ดีว่าถ้าเกิดการต่อสู้ระดับกองทัพขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็พวกเขาจะได้เปรียบกว่าถ้าตั้งรับอยู่ในเมืองใต้ดินแบบนี้น่ะสิ”

 

“แต่ถ้าเป็นแบบนั้นมันไม่ต่างจากการที่พวกเราส่งทหารของเมืองแพนเทร่าลงไปตายเลยไม่ใช่หรอครับคุณเอริกะ…?”

 

คำตอบของเอริกะในครั้งนี้ได้ทำให้คอนแนลต้องพูดถามขึ้นมาด้วยอีกคนหนึ่งและนั่นก็ทำให้เอริกะต้องหันไปพูดตอบอัศวินหนุ่มกลับไป

 

“เรียกว่าพวกเขาลงไปทำหน้าที่ในส่วนของเขาดีกว่านะคอนแนลคุง แล้วฉันเองก็บอกเรื่องนี้กับพระราชาของเมืองแพนเทร่าเอาไว้แล้ว เพราะงั้นพวกทหารเขาก็น่าจะรู้ตัวว่าจะต้องเจอกับการโจมตีในทันทีที่ลงมาถึงแน่ๆ จนน่าจะเตรียมพร้อมรับมือเอาไว้อยู่แล้วล่ะ”

 

“นั่นสินะครับ…”

 

คอนแนลพยักหน้าพูดตอบเอริกะกลับไปด้วยความเข้าใจ เพราะถ้าจะให้พูดกันตรงๆ แล้วปฏิบัติการครั้งนี้ของเมืองแพนเทร่าก็ไม่ต่างจากการป้องกันตัวเองเมื่อมีคนมาโจมตีสักเท่าไหร่นัก ติดแต่ตรงที่ว่าในครั้งนี้ศัตรูที่มาโจมตีจนพวกเขาต้องตอบโต้กลับเป็นคนของเมืองโบราณที่ตั้งอยู่ด้านล่างเมืองของตัวเองเท่านั้นเอง

 

และเมื่อเอริกะเห็นว่าคอนแนลเหมือนจะเข้าใจในจุดนี้แล้วเธอก็ได้หันไปหาอัลเปียแล้วจึงค่อยเอ่ยปากพูดกับขุนนางสาวขึ้นมา

 

“แต่ถึงกองกำลังหลักของพวกนั้นน่าจะยุ่งอยู่กับการรับมือกองทัพแพนเทร่าก็เถอะ แต่ถ้าเกิดว่าพวกเขารู้ตัวว่ามีคนกำลังใช้งานห้องควบคุมอยู่ล่ะก็พวกเขาก็อาจจะส่งคนบุกเข้ามาหยุดฉันเอาไว้ด้วยเหมือนกัน ถ้าถึงตอนนั้นคงจะต้องเป็นหน้าที่ของเธอแล้วละนะที่จะต้องคุ้มกันที่นี่เอาไว้น่ะอัลเปีย”

 

“ข…ข…เข้าใจแล้วค่ะ!! ฉ…ฉันจะไม่ทำให้ท่านเอริกะผิดหวังแน่นอนค่ะ!!”

 

“เอาล่ะ แล้วทีนี้ก็สำหรับพวกเธอทั้งสามคนที่จะต้องบุกเข้าไปข้างใน… อย่างที่รู้กันว่าตอนนี้ระบบสื่อสารที่ฉันอุตส่าห์สร้างมามันโดนดักฟังไปแล้ว เพราะงั้นพวกเธอจะต้องตัดสินใจกันเองว่าเวลาไหนควรจะทำอะไร หรือว่าเวลาไหนควรจะถอยนะเข้าใจมัั้ย”

 

“แต่ถ้าพวกเราถอยแล้วพวกทหารที่ทำหน้าที่เป็นตัวล่อให้พวกเราล่ะเอริกะ? แบบนั้นไม่ใช่ว่าพวกเขาจะตายกันไปเปล่าๆ หรอกหรอ…?”

 

คำสั่งของเอริกะในคราวนี้ได้ทำให้โมโกะพูดถามหญิงสาวนักประดิษฐ์ขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ อีกทั้งคำถามของโมโกะนั้นก็ได้ทำให้ทั้งนากาและคอนแนลต่างพากันจ้องมองไปทางเอริกะเป็นสายตาเดียวกัน และนั่นก็ทำให้เอริกะต้องยกมือขึ้นมาเขี่ยแก้มของตัวเองเล็กน้อย เพราะดูท่าแล้วว่าคำตอบของเธอคงจะส่งผลต่อการทำงานของพวกเด็กๆ อย่างแน่นอน

 

“พวกเธออย่าคิดว่าทหารของเมืองแพนเทร่าลงมาเสียสละเพื่อเปิดโอกาสให้พวกเธอเลยดีกว่านะ ฉันอยากให้พวกเธอคิดว่าพวกเขามาทำหน้าที่ปกป้องเมืองของตัวเองตามปกติ ส่วนแผนการในส่วนของพวกเธอก็เป็นเหมือนตัวโบนัสที่ว่าถ้าทำสำเร็จก็คงจะดีไปนั่นแหล่ะ”

 

“ช..ช..ใช่แล้วจ้ะ… พ…เพราะต่อให้ไม่มีแผนการในส่วนของพวกเธอ… ท…ทหารของเราก็จะถูกส่งลงมาข้างล่างนี่อยู่ดี… น..นั่นแหล่ะจ้ะ…”

 

“อย่างงั้นเองหรอครับ…”

 

นากาที่ได้ยินคำพูดยืนยันจากทั้งของเอริกะและอัลเปียนั้นได้พยักหน้ากลับไปให้พวกเธอทั้งสองคน และนั่นก็ทำให้เอริกะค่อนข้างที่จะโล่งใจขึ้นมาได้บ้างที่พวกเด็กๆ คงจะไม่มีความคิดว่าพวกเขาจะต้องแบกรับชีวิตของเหล่าทหารเมืองแพนเทร่าที่จะต้องเสียสละไปในแผนการของเธอเอาไว้และทำอะไรเสี่ยงตายเพื่อให้ชีวิตที่ถูกเสียสละไปเหล่านั้นคุ้มค่า

 

“เอาล่ะถ้างั้นพวกเธอไปเตรียมตัวอยู่ในห้องที่พวกเราใช้ลงมากันเลยก็แล้วกัน แล้วเดี๋ยวพร้อมกันเมื่อไหร่ฉันจะได้ส่งพวกเธอลงที่ข้างล่างนั่นเลย”

 

“แล้วอีฟล่ะ?”

 

คำสั่งของเอริกะได้ทำให้นากาต้องพูดถามอีกฝ่ายขึ้นมา และนั่นก็ทำให้ทุกคนในห้องต่างพากันมองตรงไปยังเด็กสาวผมสีขาวกันเป็นสายตาเดียวกันก่อนที่จนทำให้เอริกะตัดสิใจที่จะพูดอธิบายให้ชัดๆ ขึ้นมา

 

“ก็ปล่อยเอาไว้กับฉันในห้องนี้นั่นแหล่ะ อย่างที่ฉันบอกไปแล้วว่าฉันทำให้ที่นี่มันปลอดภัยเอาไว้แล้วด้วยเจ้านั่นน่ะ”

 

เอริกะที่เอ่ยปากพูดขึ้นมานั้นได้ชี้นิ้วโป้งของเธอตรงไปยังบริเวณข้างๆ บานประตูที่มีอุปกรณ์อะไรบางอย่างของเอริกะเชื่อมต่อเข้าไปข้างในกำแพงข้างๆ บานประตูที่ถูกเปิดเป็นช่องเอาไว้ ซึ่งภาพที่นากาเห็นนั้นก็ได้ทำให้เขาต้องพูดถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

 

“แล้ว… เจ้านั่นมันจะทำให้ที่นี่ปลอดภัยได้ยังไงล่ะนั่น…?”

 

“แหม่~ ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ ก็คือว่าเจ้านั่นมันจะช่วยให้พวกเขาไม่สามารถยื่นมือเข้ามายุ่งกับระบบต่างๆ ในห้องนี้ได้นั่นแหล่ะ ถ้าเธอลองสังเกตดูดีๆ ในห้องนี้น่ะมันไม่มีหมอกเลยใช่มั้ยล่ะ นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่สามารถเข้ามายุ่งกับระบบกรองอากาศของห้องนี้ได้ยังไงล่ะ”

 

“อ่า… เอาเป็นว่าถ้าเธอว่าอย่างนั้นงั้นมันก็คงจะปลอดภัยนั่นแหล่ะ เธออยู่กับเอริกะเขาไปก่อนได้นะอีฟ?”

 

“…….!”

 

อีฟที่ได้ยินนากาพูดถามขึ้นมานั้นได้พยักหน้ากลับมาให้กับเขาอย่างว่าง่ายก่อนที่เธอจะเดินไปยืนอยู่ข้างๆ เอริกะด้วยท่าทางเรียบร้อยผิดปกติจนทำให้นากาต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้อะไรมากกับท่าทางว่าง่ายของเจ้าหนูอีฟจอมซนมากนักและหันไปพูดบอกเอริกะขึ้นมา

 

“ถ้างั้นพวกฉันไปเตรียมตัวกันก่อนเลยก็แล้วกันนะ ไปกันเถอะ โมโกะ คอนแนล”

 

หลังจากที่นากาพูดบอกเอริกะเสร็จแล้วเขาก็ได้เดินนำโมโกะและคอนแนลกลับไปยังทางลงห้องควบคุมกัน ในขณะที่ทางด้านอัลเปียเองก็ได้พูดถามเอริกะขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักของเธอ

 

“ว…ว่าแต่นั่นน่ะหรอคะเด็กคนที่ท่านเอริกะบอกว่าเป็นอ..อัศวินของเมืองรีมินัสที่ทำงานอยู่ที่เดียวกับคนที่ถูกหัวหน้าฝ่ายศัตรูเอาร…ร่างไปใช้นั่นน่ะคะ… บ..แบบนี้เขาจะสู้กับคนคนนั้นได้ลงหรอคะ…?”

 

“นั่นสินะ เรื่องนั้นฉันเองก็คงจะพูดอะไรไม่ได้เหมือนกัน… แต่เอาเป็นว่าตอนนี้พวกเรามาจัดการแผนสองเผื่อว่าสามคนนั้นเขาทำไม่สำเร็จกันก่อนดีกว่าเนอะ”

 

“ค…คุณเอริกะนี่…ช…ชอบทำอะไรเสี่ยงๆ จังเลยนะคะ…”

 

“แหม่~ โลกนี้ก็มันไม่มีทางเลือกอื่นเหลือให้ฉันสักเท่าไหร่เลยนี่นะ”

 

“นี่เอริกะแอบขนของมาได้ยังไงให้มันเยอะได้ขนาดนี้เนี่ย…”

 

ในขณะที่โมโกะกำลังจัดเตรียมตลับกระสุนสำรองสำหรับยูนิตเชสเชียร์ของเธออยู่นั้นเอง เธอก็จำเป็นต้องยกมือขึ้นมาเกาศีรษะของตนเองเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งสุดท้ายที่กองอยู่ที่ก้นกล่องยูนิตหรือก็คือตลับกระสุนธาตุไฟกับดินสำหรับปืนกลเบาจำนวนมากและตัวแปรธาตุสำหรับเปลี่ยนวิซเป็นธาตุอื่นอีกจำนวนหนึ่งจนทำให้เธอตัดสินใจที่จะพูดถามคอนแนลที่เป็นอีกคนหนึ่งที่มียูนิตใช้ขึ้นมา

 

“นี่คอนแนล จะแบ่งตัวแปรธาตุหรือว่ากระสุนของฉันไปใช้หน่อยมั้ย?”

 

“…………”

 

แต่ถึงแม้ว่าจะมีเสียงร้องถามของโมโกะดังขึ้นมาแล้วก็ตาม แต่ว่าทางด้านคอนแนลนั่งอยู่ข้างๆ กันก็กลับไม่ได้พูดตอบอะไรเด็กสาวกลับไปจนทำให้โมโกะที่เห็นแบบนั้นต้องเลิกคิ้วเล็กน้อยและยื่นมือของเธอไปตีไหล่ของอัศวินหนุ่มที่ดูเหมือนจะกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่างจนไม่ได้ยินคำถามของเธอขึ้นมา

 

“คอนแนล? นี่คอนแนล! ได้ยินหรือเปล่าเนี่ย!?”

 

“ฮะ—ฮะ—? ครับ!?”

 

“ฉันถามว่านายจะเอาตลับกระสุนหรือว่าตัวแปรธาตุไปเผื่อมั้ย? นี่นายเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย? เห็นเหม่อๆ มาตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้วนะ”

 

โมโกะที่เห็นว่าคอนแนลเหมือนจะไม่ได้ยินคำถามของเธอซะด้วยซ้ำได้เลิกคิ้วพูดถามกลับไปด้วยความสงสัย และนั่นก็ทำให้นากาที่เห็นแบบนั้นต้องช่วยพูดมาให้แทนคอนแนล

 

“เอาน่าๆ โมโกะ ช่วงนี้คอนแนลเขามีเรื่องให้คิดน่ะ”

 

“หมายถึงเรื่องที่เอริกะบอกว่าคนที่พวกเราต้องไปสู้ด้วยก็คือเจนที่เคยเป็นหัวหน้าแม่บ้านของเวก้าเขานั่นน่ะนะ?”

 

“ครับ…”

 

คอนแนลพยักหน้าพูดตอบโมโกะและนากากลับไปสั้นๆ และนั่นก็ทำให้โมโกะที่ไม่เคยแม้แต่จะได้เห็นหน้าเจนมาก่อนตัดสินใจที่จะพูดเตือนเขาขึ้นมา

 

“แต่เอริกะก็บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าต่อให้จะเป็นแบบนั้นแต่ว่าเขาก็ไม่ใช่เจนคนที่นายเคยรู้จักอีกต่อไปแล้วน่ะ…”

 

“ฉันว่านายไปรออยู่กับเอริกะน่าจะดีกว่ามั้งคอนแนล…”

 

“ด–เดี๋ยวก่อนสิครับ!”

 

คอนแนลที่ได้ยินคำพูดที่นากาพูดสนับสนุนโมโกะขึ้นมานั้นได้รีบพูดขัดเขาขึ้นมาในทันที และนั่นก็ทำให้นากาที่ได้ยินแบบนั้นต้องเลิกคิ้วพูดถามเพื่อนของเขากลับไป

 

“แต่ถ้าเกิดว่านายไม่มีสมาธิแบบนี้ฉันว่านายอย่าไปด้วยกันน่าจะดีกว่านะ นายก็ได้ยินเอริกะบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าเรื่องในคราวนี้มีเมืองแพนเทร่าทั้งเมืองเป็นเดิมพันน่ะ”

 

“ต–แต่ว่า…”

 

“ไม่มีแต่แล้ว ฉันอยากให้นายตอบมาตอนนี้เลย ถ้าเกิดสมมุติว่าฉันกับโมโกะติดพลันการต่อสู้ที่อื่นอยู่แล้วนายเป็นคนเดียวที่สามารถเข้าไปถึงตัวซิสเตอร์โจน่าได้นายจะลงมือกับเขาได้หรือเปล่า?”

 

“ก็…. ถ้าเกิดว่าซิสเตอร์โจน่าเขาแค่เอาร่างกายของคุณเจนมาใช้งานจริงๆ ล่ะก็ผมคิดว่าผมทำได้ครับ…”

 

“แค่คิดว่างั้นหรอ…”

 

คำตอบของคอนแนลได้ทำให้นากาต้องยกมือขึ้นมาขยี้หัวตัวเองด้วยท่าทางยุ่งยากใจ แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่พวกเขาจะได้คุยกันไปมากกว่านั้นก็กลับเกิดเสียงระเบิดและแรงสั่นสะเทือนบางอย่างดังแว่วๆ มาให้พวกเขาได้ยินเสียก่อน

 

ตู้ม— ครื่นนนน—

 

“ทางฝั่งทหารเขาเริ่มกันแล้วล่ะมั้ง…”

 

เสียงระเบิดที่ดังมาแว่วๆ และแรงสั่นสะเทือนเบาๆ ที่ว่านั้นได้ทำให้โมโกะเอ่ยปากพูดพึมพำออกมาก่อนที่เธอจะคว้าเอาตลับกระสุนสำรองอีกจำนวนหนึ่งมาเหน็บเอาไว้ตามตัวก่อนที่ทันใดนั้นเองจะปรากฏร่างของเอริกะเดินตรงมาตามโถงทางเดินที่ทอดยาวไปยังห้องควบคุมและเอ่ยปากพูดกับพวกเขาขึ้นมา

 

“พวกทหารเขาเริ่มต้นการบุกโจมตีแล้วล่ะ พวกเธอพร้อมแล้วหรือยัง?”

 

“ก็พร้อมเท่าที่จะพร้อมได้แล้วล่ะมั้ง ใช่มั้ยคอนแนล?”

 

“ครับ!”

 

คอนแนลพูดตอบนากากลับไปพลางตรวจสอบความเรียบร้อยของยูนิตฮอปล่อนของเขาอันเป็นยูนิตแขนกลติดโล่ประจำตัว ในขณะที่ทางด้านโมโกะที่ไม่ได้พูดตอบอะไรกลับไปเองก็กำลังตรวจสอบยูนิตเชสเชียร์และตลับกระสุนรวมถึงตัวแปรธาตุวิซสำรองของเธออยู่ด้วยเช่นเดียวกัน

 

และเมื่อเอริกะเห็นแบบนั้นเธอก็ไม่รอช้าที่จะพูดย้ำเตือนถึงสิ่งที่พวกเด็กๆ จะต้องไปทำขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

 

“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะส่งพวกเธอลงไปเลยก็แล้วกันนะ จำเอาไว้ว่าอย่าโดนแสงไฟแล้วก็พยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ไม่จำเป็นให้ได้มากที่สุด เพราะว่ายิ่งพวกเธอเข้าถึงตัวเป้าหมายได้เร็วเท่าไหร่พวกทหารของเมืองแพนเทร่าก็จะยิ่งมีโอกาสรอดชีวิตกันมากขึ้นนะ”

 

“อื้ม…”

 

นากาที่ได้ยินเอริกะพูดย้ำเตือนถึงสิ่งที่พวกเขาต้องทำขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งได้พยักหน้าพูดตอบเธอกลับไปสั้นๆ และนั่นก็ทำให้เอริกะพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่เธอจะกดไปที่แผงควบคุมที่ถูกติดเอาไว้ที่ด้านข้างจนทำให้ประตูของทางลงห้องควบคุมเลื่อนปิดลงก่อนที่ห้องทั้งห้องจะค่อยๆ เคลื่อนตัวลงไปยังเมืองมาร์นาร์ฟเก่าที่ตั้งอยู่ลึกลงไปเบื้องล่าง

 

ครื่นนนน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด