Crazy Leveling System 294

Now you are reading Crazy Leveling System Chapter 294 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

CLS ตอนที่ 294: มีข้าอยู่ทั้งคน

 

“เยี่ยม นี่แหละที่ต้องการ!”

 

อี้เทียนหยุนมีความสุขสุดๆ กับภารกิจต่อเนื่องนี้ ยิ่งมีภารกิจมากเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น แถมรางวัลยังดีอีกต่างหาก แม้ว่าจะไม่มีไอเทมเป็นรางวัล แต่ถ้าเทียบกับค่าประสบการณ์จำนวนมากนี้แล้ว ไอเทมนับเป็นอะไรได้?

 

“ดี ค่ายกลทั้งหมดซ่อมแซมเสร็จแล้ว!” บนใบหน้าเย่ชิงเสวียนเผยร่องรอยแห่งความโล่งใจอยู่หลายส่วน หลังจากซ่อมแซมค่ายกลทั้งหมดนี้เสร็จ จากนั้นก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว จากนั้นเธอก็พูดกับอี้เทียนหยุนว่า “ลำบากเจ้าแล้ว ไปพักเถอะ ที่เหลือพวกเราจัดการเอง”

 

“ไม่ นี่เป็นแค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น ถ้าไม่กำจัดผู้รุกรานที่ทำลายค่ายกลทิ้ง ไม่เร็วก็ช้า พวกเราจะต้องซ่อมแซมค่ายกลอีกอย่างแน่นอน ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป พวกเราจะต้องทนได้อีกไม่นานแน่” อี้เทียนหยุนส่ายหัว ระบบอุตส่าห์มอบภารกิจให้กับเขา แล้วจะให้เขายอมหลีกไปไม่ทำอะไรเลย งั้นภารกิจนี้ก็ไม่มีความหมายน่ะสิ

 

พวกเธอพากันตกใจ สีหน้าแปลกไป จากนั้นก็ถอนหายใจ

 

“ที่จริงพวกเราก็พอจะต้านทานได้ แต่เพราะคนในเผ่าบาดเจ็บกันมาก ทำให้พวกเราไม่สามารถป้องกันได้ทุกทาง ทำให้เกิดสถานการณ์อย่างในปัจจุบัน” เย่ชิงเสวียนส่ายหัวแล้วพูดต่อ “ถ้างั้นก็ไปกัน ข้าได้ยินมาว่าในการต่อสู้คราวนี้ อีกฝ่ายพาผู้เชี่ยวชาญมากมากมายนัก”

 

ผู้เชี่ยวชาญของพวกเธอที่ยังเหลืออยู่ไม่มากนัก ระดับผันแปรวิญญาณมีอยู่น้อยมากแค่ 1-2 คนเท่านั้น ส่วนระดับก่อแกนวิญญาณแม้จะมีมาก แต่ก็ได้รับบาดเจ็บกันมากเช่นกัน ส่วนระดับวิญญาณเที่ยงแท้นั้น ได้ถูกอีกฝ่ายกุมตัวไปเรียบร้อยแล้ว

 

ผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ แน่นอนว่าย่อมทรงพลังอย่างมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้เทียมทาน ตราบเท่าที่ติดกับแผนการของศัตรู ก็ง่ายที่จะถูกอีกฝ่ายควบคุมตัวได้อยู่ดี

 

“ผู้เชี่ยวชาญของอีกฝ่ายมีมากแค่ไหน พอจะรู้ข้อมูลคร่าวๆ ไหม?” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้วถามขึ้น

 

“ผู้นำในคราวนี้เป็นเหลยหยุน รวมถึงผู้อาวุโสในเผ่าอีกหลายคน รวมถึงผู้จัดการอีกจำนวนหนึ่ง รวมเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณ 5 คน และระดับก่อแกนวิญญาณอีกจำนวนมาก นี่ยังไม่นับคนของอาณาจักรใต้พิภพอีก เคราะห์ดีที่พวกเรามีค่ายกลที่ท่านบรรพชนคอยปกป้อง ไม่อย่างนั้นคงตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูกันหมดแล้ว” นัยน์ตาสีเงินของเย่ชิงเสวียนเป็นประกายด้วยความโกรธ เห็นได้ชัดว่าโมโหคนทรยศพวกนี้

 

“ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณ 5 คน แล้วมีระดับวิญญาณเที่ยงแท้ไหม?” อี้เทียนหยุนหรี่ตา พร้อมกับลูบคาง

 

“ไม่มี ระดับวิญญาณเที่ยงแท้เทียบได้กับระดับผู้บัญชาการกองทหารคนหนึ่ง เหลยหยุนเปรียบได้แค่ข้ารับใช้ที่มีความดีความชอบคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีทางที่จะพาระดับผู้บัญชาการมาได้อย่างแน่นอน” เย่ชิงเสวียนส่ายหัวแล้วพูดขึ้น

 

“ถ้าไม่มีระดับวิญญาณเที่ยงแท้ งั้นก็ง่ายหน่อย” อี้เทียนหยุนยิ้ม “งั้นข้าจะไปจัดการพวกมันให้เอง”

 

“ท่าน ท่านจะไปจัดการพวกมัน ท่านจัดการได้?” เย่หว่านเอ๋อที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินก็คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้

 

“ก็แค่ใช้หมัดไล่พวกมันไป ไม่ได้จะไปคุยกับพวกมันสักหน่อย?” อี้เทียนหยุนยิ้ม จากนั้นก็หันไปพูดกับเย่ชิงเสวียนว่า “เจ้าจะไปด้วยไหม?”

 

เย่ชิงเสวียนเผยรอยยิ้มบนใบหน้า พร้อมกับพูดอย่างไม่ลังเล “ก็ต้องไปแน่นอนอยู่แล้ว”

 

“ท่านบ้าไปแล้ว ศัตรูมีกันเป็นจำนวนมาก….. พี่ใหญ่อี้ ท่านพี่ พวกท่านจะไม่ใจร้อนเกินไปหรอกเหรอ?”

 

เย่หว่านเอ๋อคิดว่าพวกเขาบ้ากันไปแล้ว คิดว่าอี้เทียนหยุนนั้นบ้าไปแล้ว กระทั่งเย่ชิงเสวียนที่มักจะใจเย็นอยู่เสมอก็พลันเป็นไปกับเขาด้วย!

 

“ท่านนักบุญหญิง นี่ทำไม่ได้เด็ดขาด ขอแค่พวกเราถ่วงเวลาออกไป พวกมันจะต้องพากันถอยกลับไปอย่างแน่นอน พอถึงตอนนั้น พวกเราค่อยหาวิธีจัดการกับพวกมันก็ยังไม่สาย” ผู้อาวุโสเยี่ยนไม่เห็นด้วย ระดับของเธอไม่ต่ำเลย เธอมีพลังถึงระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 2 แต่ในสนามรบ สองหมัดยากจะสู้สี่ฝ่ามือ พวกเธอไม่มีทางกำจัดเหลยหยุนกับพวกได้อย่างแน่นอน

 

ส่วนเรื่องที่จะหนีนั้น กลัวว่าจะเป็นเรื่องยากยิ่งกว่า ถ้าเป็นตอนที่ยังไม่ถูกโจมตีอาจจะพอเป็นไปได้ แต่เมื่อถูกโจมตีแล้ว ไม่มีทางหนีรอดไปได้อย่างแน่นอน

 

“จะหาวิธีอะไรอีก? ขอความช่วยเหลือจากสำนักอื่นอย่างงั้นเหรอ หรือว่าจะให้หาคนมาช่วย?” เย่ชิงเสวียนถาม

 

“นี่……”

 

คำพูดนี้ก็เป็นสิ่งที่พวกเธออยากจะรู้เหมือนกัน ดังนั้นจึงทำให้พวกเธอพูดไม่ออก

 

“การต่อสู้ครั้งนี้พวกเราจะไม่แพ้อย่างแน่นอน ค่ายกลใหญ่ก็ซ่อมแซมเสร็จแล้ว ประสิทธิภาพในการซ่อนเร้นของมันแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อน ดังนั้นการลอบโจมตีจึงเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาก” สายตาของเย่ชิงเสวียนเต็มไปด้วยจิตสังหาร “ต่อให้จะไม่ชนะ แต่อย่างน้อยพวกเราจะต้องสังหารพวกมันให้หนักสักครั้ง ฆ่าได้แค่ไหนเอาแค่นั้น!”

 

“ก่อนซ่อมแซมค่ายกลข้าก็คิดเรื่องไว้เหมือนกัน แต่นี่มันไม่ปลอดภัย คนที่เราส่งออกไปเมื่อก่อนหน้าเป็นตัวอย่างได้ดีที่สุด มันง่ายมากที่จะถูกค้นพบ แต่ตอนนี้ต่างไปแล้ว เรามีค่ากลใหญ่คอยคุ้มกัน ผลลัพธ์จะต้องต่างออกไปอย่างแน่นอน”

 

“ข้าคิดว่าคุณชายอี้ก็ต้องมีความคิดนี้อย่างแน่นอน นั่นก็คือลอบโจมตีพวกมันให้สาหัส!”

 

เย่ชิงเสวียนที่วิเคราะห์อยู่ด้านข้างพูดออกมา ทำให้พวกเราเผยสีหน้าเหมือนกับเพิ่งคิดออก เมื่อคิดดีๆ แล้ว หลังจากค่ายกลถูกซ่อมแซมจนแล้วเสร็จ ประสิทธิภาพในการซ่อนเร้นอำพรางย่อมต้องเพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสให้กับพวกเธออย่างมาก

 

“ไม่ ข้าไม่ได้มีความคิดแบบนี้ ความคิดของข้านั้นง่ายมาก จัดการพวกมันตรงๆ เลย” อี้เทียนหยุนไม่ไว้หน้าเธอแม้แต่น้อย ทำการปฏิเสธอย่างเด็ดขาดที่สุด

 

“……”

 

เย่ชิงเสวียนถลึงตาใส่เราอย่างแรง นี่เขาไม่คิดจะไว้หน้าเธอหน่อยหรือไง

 

“นี่จะไม่ไร้เหตุผลยิ่งกว่าหรอกเหรอ?” ผู้อาวุโสเยี่ยนขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น

 

“เวลาเหลือไม่มากแล้ว ท่านนักบุญหญิง พวกเราไป” อี้เทียนหยุนไม่อธิบายมาก แค่ที่พูดอยู่นี่ก็มากเกินไปแล้ว กับพวกที่อ่อนแอกว่าเขา จำเป็นต้องวางแผนด้วยหรือไง

 

“ได้ พวกเราไป ตอนนี้พวกมันถูกขังอยู่ในป่า เป็นโอกาสดีที่พวกเราจะโจมตีพวกมัน!” เย่ชิงเสวียนพยักหน้า “ผู้อาวุโสเยี่ยน ท่านทำการคุ้มกันที่นี่ ดูแลสถานการณ์อยู่ที่นี่ พวกเราจะไปขับไล่พวกมันเอง!”

 

“ท่านพี่ ข้าไปด้วย!” เย่หว่านเอ๋อเสนอตัว

 

“เจ้าอยู่ป้องกันสถูปวิญญาณที่นี่แหละ นี่ก็เป็นภารกิจที่สำคัญเช่นกัน” เย่ชิงเสวียนพูดกับเธออย่างจริงจัง “ถ้าค่ายกลถูกทำลาย เจ้าคงนึกถึงผลลัพธ์ออกใช่ไหม”

 

“ได้!” เย่หว่านเอ๋อพยักหน้ารับปาก

 

หลังจากพูดเสร็จ เย่ชิงเสวียนก็พาอี้เทียนหยุนไปทันที

 

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่อยากให้น้องสาวเผชิญกับอันตรายงั้นสินะ” อี้เทียนหยุนที่อยู่ข้างๆ พูดด้วยรอยยิ้ม

 

แม้ว่าดูเหมือนเธอจะมอบหมายหน้าที่ที่สำคัญให้ แต่ค่ายกลในตอนนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร อย่างน้อยก็ในเวลาสั้นๆ นี้ แต่ต่อให้มีปัญหา ผู้อาวุโสเยี่ยนก็สามารถแก้ไขได้ ไม่จำเป็นต้องมีเธออยู่สักนิด ที่ให้เธออยู่ที่นี่ เหตุผลที่แท้จริงคือไม่ต้องการให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ

 

“คนเราย่อมมีความเห็นแกตัว เธอเป็นน้องสาวของข้า ข้าย่อมไม่อยากให้เธอต้องเจอกับอันตรายอะไรอยู่แล้ว!” นัยน์ตาสีเงินของเย่ชิงเสวียนเป็นประกายเย็นชา

 

“วางใจเถอะ ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นอะไร มีข้าอยู่ทั้งคน” เสียงของอี้เทียนหยุนเต็มไปด้วยเสน่ห์ ทำให้เธอพยักหน้ารับคำ

 

“อืม…..”

 

ไม่รู้ทำไม ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าต้องเผชิญหน้ากับอาณาจักรใต้พิภพที่ทรงอำนาจ แต่แค่คำพูดไม่กี่คำของอี้เทียนหยุน ก็ทำให้เธอสงบลงได้ บางทีเธออาจจะคิดว่าช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกันอันตรายอย่างมากนี้ แต่ก็ใช่ว่าการเผชิญหน้ากับอันตรายจะต้องพบจุดจบที่เลวร้ายเสียหน่อย?

 

ครั้งก่อนเขาก็ช่วยเธอหนีจากสถานการณ์ที่สิ้นหวังออกมาได้ ถ้างั้นคราวนี้พวกเธอก็จะต้องรอดเช่นกัน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด