Crazy Leveling System 358

Now you are reading Crazy Leveling System Chapter 358 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

CLS ตอนที่ 358: ค่ายกลโลก

 

“ในที่สุดก็จบสักที…..”

 

อี้เทียนหยุนถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย การต่อสู้ที่ยากลำบากนี้ ในที่สุดก็จบสักที แม้ว่าเขาจะใช้ทักษะอะไรไปก็ไม่สามารถที่จะจัดการกับขุนพลฟงผู้นี้ได้ ดีที่ได้เม็ดยาโชคร้ายช่วย ทำให้พลังของอีกฝ่ายตีกลับ ลดพลังรบของอีกฝ่ายลงในพริบตา

 

ด้วยเหตุนี้ ทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถแสดงพลังทั้งหมดของตนออกมา อย่างมาก็ใช้ได้เพียงพลังระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 2 เท่านั้น โดยเฉพาะยิ่งเวลาผ่านไป การโจมตีของอีกฝ่ายก็ยิ่งตกลง ทำให้ไม่สามารถต่อต้านได้เป็นเวลานาน จนท้ายที่สุด ต่อให้เขาไม่อยากตายก็กลายเป็นเรื่องยากแล้ว

 

การต่อสู้ข้ามระดับนั้นไม่ใช่ว่าจะใช้แต่พลังเข้าห้ำหั่นกันอย่างเดียว บางครั้งก็จำเป็นต้องใช้แผนการบ้าง ไม่อย่างนั้น เขาคงจะไม่สามารถจัดการกับขุนพลฟงผู้นี้ได้ การต่อสู้ข้ามระดับนั้น หากคิดจะใช้พลังเข้าสู้ มันเป็นเรื่องที่ยากมาก

 

แต่ไม่ว่าจะยังไง ในที่สุดเขาก็สังหารขุนพลฟงผู้นี้สำเร็จ ถือเป็นการขจัดภัยคุกคามในระยะสั้นนี้ได้ ไม่รู้ว่าผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้นี้ ในอาณาจักรใต้พิภพนั้น มีอยู่มากน้อยเพียงใด แม้จะมีคนบอกว่าขุนพลฟงผู้นี้เป็นผู้ทรงพลังอันดับที่ 3 แต่ไม่รู้ว่าความจริงนั้นจะเชื่อได้แค่ไหน

 

การที่อาณาจักรใต้พิภพทรงพลังอย่างนี้นั้น มันก็ต้องมีเหตุผลของมันอยู่ แน่นอนว่าจะต้องมีพลังอำนาจที่น่าสะพรึงคอยคุมหลัง ไม่อย่างนั้นอาณาจักรใต้พิภพคงไม่อยู่มาถึงทุกวันนี้

 

แต่ในขณะที่อี้เทียนหยุนกำลังจะค้นของจากศพขุนพลฟงนั้น ก็พลันมีลำแสงเย็นเยียบแทงเข้ามาจากข้างหลังของเขาพร้อมกัน อี้เทียนหยุนที่สัมผัสได้ถึงอันตรายที่เข้ามา เขาก็ได้หันไป แต่ทันใดนั้นก็มีแส้สีเงินกวาดเอาการลอบโจมตีนั้นออกไป

 

“เจ้ากล้าสังหารขุนพลฟงของพวกเรา เจ้า เจ้าต้องตาย….” ขณะที่โจมตีเข้ามา อีกฝ่ายก็ถูกแส้เงินซัดกระเด็นไป พร้อมกับกระอักเลือดออกมา การโจมตีของแส้เงินนี้มีพลังไม่ต่ำเลย

 

อี้เทียนหยุนเลิกคิ้วขึ้น และก็พบว่าคนที่เข้ามาช่วยเขาจัดการกับการลอบโจมตีนี้ก็คือเย่ชิงเสวียน ไม่คิดว่าเย่ชิงเสวียนจะยังไม่จากไป แต่กลับรออยู่ที่นี่ เมื่อเห็นอี้เทียนหยุนถูกลอบโจมตี เธอจึงรีบเข้ามาช่วย

 

“พวกอาณาจักรใต้พิภพ สมควรตาย!” สายตาของเย่ชิงเสวียนเย็นชา พร้อมกับฟาดแส้ออกไปอีกครั้ง “โพละ” ครั้งนี้ หัวของทหารนายนั้นก็พลันระเบิดออก จนเลือดสาดกระจาย

 

เห็นได้ชัดเธอเป็นหญิงสาวที่งดงามนางหนึ่ง แต่เมื่อไหร่ที่คิดจะฆ่า ก็จะฆ่าอย่างไม่ออมมือ พูดได้ว่าสำหรับศัตรูแล้ว เธอจะไม่มีทางออมมืออย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะกับคนของอาณาจักรใต้พิภพ เธอเกลียดพวกมันเข้ากระดูกดำ

 

ไม่ใช่เพราะอาณาจักรใต้พิภพหรอกเหรอ ที่ทำให้เผ่าภูตต้องตกอยู่ในสภาพนี้?

 

“ไม่ใช่ว่าเจ้าไปแล้วหรอกเหรอ กลับมาอีกทำไม?” อี้เทียนหยุนเดินเข้าไป เมื่อเห็นว่าร่างของเย่ชิงเสวียนซวนเซ เขาก็ได้เข้าไปประคองเธอ และก็พบว่าใบหน้าของเธอได้ซีดขาวอย่างน่ากลัวที่สุด

 

“ข้ากลับมาเพื่อดูว่าท่านอยู่ที่นี่เป็นยังไง ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ข้าจะได้ช่วยได้” เย่ชิงเสวียนแสดงรอยยิ้มออกมา “แต่ไม่คิดว่าท่านจะสามารถจัดการกับขุนพลฟงผู้นี้ได้ ไม่เสียทีที่เป็นถึงราชาของพวกเรา!”

 

“นี่เจ้าใช้ค่ายกลโลกอย่างงั้นเหรอ!!” อี้เทียนหยุนจ้องเธอพร้อมกับสีหน้าที่ดำคล้ำ

 

ระดับของเย่ชิงเสวียนแม้ไม่สูงแต่ก็ไม่ต่ำ แต่เมื่อไหร่ที่มีเรื่องสำคัญก็สามารถช่วยได้ ในฐานะเผ่าภูต ทำให้เธอถือครองค่ายกลจำนวนมาก ในจำนวนนั้นมีค่ายกลต้องห้ามที่ร้ายกาจเป็นพิเศษ ซึ่งอี้เทียนหยุนก็รู้ แต่ว่าการจะสร้างมันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งกว่านั้น มันยังเผาผลาญพลังวิญญาณมหาศาล

 

และแน่นอนว่าผลลัพธ์ของมันนั้นก็แข็งแกร่งพอที่จะเอาชีวิตได้เลย ซึ่งนี้ใช่สิ่งที่จะสร้างได้ตามใจเหรอ?

 

เผ่าภูตมีค่ายกลที่แข็งแกร่งมากอยู่ ซึ่งเรียกว่า “ค่ายกลโลก” ซึ่งค่ายกลนี้ ทั่วทั้งเผ่าภูตมีเพียงเสิ้งหนี่และราชาภูตเท่านั้นที่รู้ แต่ถ้าจะให้บอกระดับของมันแล้วล่ะก็ ค่ายกลโลกนี้เป็นเพียงแค่ค่ายกลชั้น 5 เท่านั้น

 

ค่ายกลชั้น 5 นี้เป็นค่ายกลที่มีระดับสูงมากอย่างงั้นเหรอ? แน่นอนว่าไม่ใช่ค่ายกลระดับสูง เพียงแค่นักสลักอาคมชั้น 5 ก็สามารถสร้างได้แล้ว แม้ว่าจะไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่มีความสามารถที่จะสร้างค่ายกลโลกนี้ได้

 

แต่ยังไงก็ตาม ผลลัพธ์ของมันทรงพลังมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ เม็ดยา หรือว่ากระทั่งร่างกาย หากทำการสลักค่ายกลโลกนี้ลงไป ผลลัพธ์ของมันจะน่ากลัวอย่างมาก ผลลัพธ์ของมันทั้งเรียบง่ายและป่าเถื่อน นั่นก็คือการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทุกอย่างเป็น 5 เท่า ในระยะเวลาธูปไหม้หมดดอก

 

หากใช้กับอาวุธจะเพิ่มพลังโจมตีขึ้น 5 เท่า, หากใช้กับเม็ดยาจะทำให้ประสิทธิภาพของยาเพิ่มขึ้น 5 เท่า, หากใช้กับร่างกายจะทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น 5 เท่า!

 

เรียบง่ายและป่าเถื่อน อย่าว่าแต่ค่ายกลชั้น 5 เลย ต่อให้เป็นค่ายกลระดับจงซือก็ไม่มีทางให้ผลลัพธ์ที่ท้าทายสวรรค์ขนาดนี้

 

ยังไงก็ตาม ผลลัพธ์ที่ท้าทายสวรรค์นี้ก็จำเป็นที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างใหญ่หลวง เพื่อที่จะสร้างค่ายกลนี้ จำเป็นต้องใช้แกนโลหิตของตน พูดได้ว่าค่ายกลนี้ จำเป็นต้องจ่ายแกนโลหิตออกไปถึง 50% ซึ่งถือเป็นการล้างผลาญที่มหาศาลอย่างมาก หากไม่อยู่ในเวลาวิกฤตจริงๆ ไม่มีใครเต็มใจใช้มันอย่างแน่นอน

 

ซึ่งเหตุผลที่เลือกจะไม่ประกาศให้โลกภายนอกรับรู้นั้น นอกจากว่ามันจะหายากแล้ว พวกเขายังกลัวว่าหลังจากที่เรื่องนี้รู้ถึงโลกภายนอก มันจะนำปัญหาใหญ่มาให้กับเผ่าภูต เพราะคนที่สามารถสร้างค่ายกลนี้ได้มีแค่เผ่าภูตเท่านั้น เนื่องเพราะค่ายกลนี้ต้องการแกนโลหิตของเผ่าภูต แกนโลหิตของคนทั่วไปล้วนไม่ได้ผล

 

หากเป็นอย่างนั้น เผ่าภูตคงต้องถูกจับกุมตัวไปแน่ แต่อีกฝ่ายจะไม่ฆ่าพวกเขา นอกจากว่าจะไม่มีหนทางแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้นจะไม่ทำการสังหารเผ่าภูตอย่างแน่นอน

 

เหตุผลก็ง่ายอย่างนี้เอง ผู้ที่จะสร้างค่ายกลนี้ จำเป็นต้องใช้แกนโลหิตของพวกเขา ใช้ของคนอื่นไม่ได้ผล จำเป็นต้องใช้แกนโลหิตของเผ่าภูตเท่านั้น ซึ่งนี่เป็นความต้องการพื้นฐาน ดังนั้น เผ่าภูตทุกคนจึงไม่โง่ที่ประกาศออกไปให้คนมาคุกคามพวกเขาอย่างแน่นอน

 

หากเรื่องนี้แพร่ออกไป พวกเขาจะต้องถูกบังคับให้ใช้แกนโลหิตของตนสร้างขึ้นมา เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับพวกเขา ซึ่งนี่ก็ไม่ต่างจากการตาย

 

ซึ่งก็เหมือนกับอี้เทียนหยุนที่รู้จักค่ายกลนี้ แต่เขาก็ไม่คิดจะใช้มัน ทั้งยังคิดจะรักษาไว้ จากนั้นเขาก็จะส่งต่อมอบมันให้กับเผ่าภูตคนอื่น ซึ่งนี่ก็เป็นความคิดแรกเริ่มของเย่ชิงเสวียนเช่นกัน เพราะเธอกลัวว่าหากว่าเธอตายไป ท่านบรรพชนตายไป จะไม่มีใครที่รู้จักค่ายกลนี้อีก

 

เพราะหากอยู่ในช่วงวิกฤต ค่ายกลนี้จะมีส่วนที่ช่วยได้มาก ก็เหมือนกับเย่ชิงเสวียนที่ใช้มันกับตัวเอง ทำให้เธอสามารถระเบิดพลังที่ยิ่งใหญ่ออกมาได้ในพริบตา แม้ว่าจะด้อยกว่าขุนพลเฟิง แต่อย่างน้อยหลังจากที่ใช้มัน เธอก็ยังมีโอกาสได้ช่วยอี้เทียนหยุน

 

นอกจากค่ายกลโลกนี้แล้ว ยังมีค่ายกลอื่นอีกที่เผ่าภูตเก็บเอาไว้ ซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดา

 

การที่เธอเลือกจะอยู่ที่นี่ เพราะว่าเธอเชื่อว่าเธอสามารถช่วยได้ หากว่าเธอยอมสละชีวิต เธอจะต้องช่วยอี้เทียนหยุนได้อย่างแน่นอน แต่โชคดีที่โศกนาฏกรรมนี้ไม่ได้เกิดขึ้น ดังนั้นเธอจึงสามารถยืนอยู่ต่อหน้าอี้เทียนหยุนได้ แต่ตอนนี้ถึงแม้เธอจะไม่ต้องสละชีวิต แต่ก็เหมือนจะห่างจากความตายไม่เท่าไหร่แล้ว

 

“คือ….” เย่ชิงเสวียนสีหน้าซีดขาวอย่างมาก ผลข้างเคียงของมันกำลังออกฤทธิ์แล้ว ที่เธอสามารถจัดการผู้ลอบโจมตีพวกนั้นออกไป ก็ถือว่าใช้พลังได้คุ้มค่าพอแล้ว

 

“หากสู้ไม่ได้ข้าก็สามารถหลบหนีได้ หาใช่ว่าข้าต้องยอมแลกชีวิตกับมันสักหน่อย!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง

 

“ใครจะรู้ว่าราชาของพวกเราจะทุ่มสุดตัวหรือเปล่า…..” เย่ชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้ม “กับขุนพลฟงผู้นี้ ดีแล้วที่ท่านไม่เป็นอะไร นี่คือค่ายกลโลกที่เหลือ ให้ท่านเอาไว้ใช้…..”

 

พูดจบ เธอก็หยิบกระดาษยันต์ขึ้นมา บนนั้นวาดไว้ด้วยอักษรรูนแน่นขนัด ที่สร้างมาจากแกนโลหิต สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่น่าสะพรึงที่ส่งออกมา นี่คือค่ายกลโลก เป็นสมบัติที่เผ่าภูตปกปักรักษา หากไม่ใช่ช่วงวิกฤต จะไม่มีทางใช้เด็ดขาด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด