Crazy Leveling System 464: หมอกแห่งความตาย
CLS ตอนที่ 464: หมอกแห่งความตาย
หัวฉลามใต้พิภพทั้งสามโผล่อยู่ด้านหน้า นอกจากฉลามใต้พิภพทั้งสามตัวนี้แล้ว ฉลามใต้พิภพตัวอื่นๆ เห็นได้ชัดว่าไม่ฟังคำสั่งของเขา ทำให้ในบริเวณรอบๆ มีการโจมตีโผล่เข้ามาเรื่อยๆ
“พวกมันฟังคำสั่งเจ้าจริงๆ เหรอ?”
เริ่นเหลียงเฉินกับพวกพากันตกใจ เมื่อเห็นว่าฉลามใต้พิภพทั้งสามตัวนี้ไม่โจมตีเข้ามา ก็ทำให้พวกเขาพากันคิดไม่ถึงจริงๆ พริบตาก็ถูกอี้เทียนหยุนควบคุมไว้แล้ว หรือว่าเขาจะเป็นนักฝึกสัตว์?
อี้เทียนหยุนไม่อธิบาย ทันใดนั้นก็หยิบเชือกออกมา พร้อมกับคล้องไปที่พวกมัน หลังจากแล้วเสร็จ เขาก็ออกคำสั่งในทันทีว่า “ไป!”
ฉลามใต้พิภพทั้งสามฟังคำสั่งของเขาในทันที พร้อมกับลากเรือไม้ไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ความเร็วของพวกเขาเพิ่มขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก พริบตาก็ไล่ทันพวกหลิงหลง จากนั้นก็แซงพวกเขาไปได้อย่างง่ายดาย
“พายช้าอย่างกับทาก เจ้าพวกโง่เอ๊ย!” อี้เทียนหยุนพ่นประโยคดูถูกออกไป พร้อมกับควบคุมฉลามใต้พิภพให้ว่ายต่อไปอย่างบ้าคลั่ง พวกมันใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ดังนั้นพวกมันจึงว่ายในแม่น้ำนี้ได้อย่างผ่อนคลาย พร้อมกับฉุดลากเรือของพวกเขาไปยังด้านหน้า
ยิ่งกว่านั้น หลังจากที่ฉลามใต้พิภพสูญเสียเป้าหมายอย่างอี้เทียนหยุนไป พวกมันก็พลันเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นพวกหลิวหลงแทน พวกมันพากันกระโจนเข้าใส่พวกเขาติดๆ กัน จนทำให้พวกเขาตกใจจนต้องกรีดร้องออกมา
“เร็ว รีบพายเร็วเข้า!” หลิวหลงเห็นฉลามใต้พิภพกระโจนเข้าใส่พวกเขาอย่างบ้าคลั่งก็พลันร้องตะโกนออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นอีกกลุ่มก็มีเสียงตะโกนออกมาเช่นกัน
ตอนนี้พวกเขาได้แต่หวาดกลัว พร้อมกับจ้วงพายอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าก่อนหน้านี้ได้ดูถูกพวกอี้เทียนหยุนเอาไว้ ตอนนี้เหมือนกับตบเข้าที่หน้าของตัวเอง ไม่รู้เลยว่ารสชาตินั้นเป็นยังไง ตอนนี้ถึงคราวพวกเขาเป็นฝ่ายหนีบ้างแล้ว และเมื่อมองไปยังฝั่งของอี้เทียนหยุน ก็เห็นอีกฝ่ายกำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างสบายใจ พร้อมกับทิ้งระยะห่างจากพวกเขาไกลออกไปทุกที
“หรือว่าเจ้าเด็กนั่นจะเป็นนักฝึกสัตว์? นี่ ตกลงว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” ในใจหลิวหลงสั่นสะท้านกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าฝั่งเริ่นเหลียงเฉินจะเป็นฝ่ายสูญเสียเพราะรับเจ้าเด็กนั่นเข้ากลุ่ม แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นฝ่ายพวกเขาเสียเองที่เป็นฝ่ายสูญเสีย!
พริบตาสถานการณ์ก็พลิกตาลปัตร กลายเป็นว่าฝั่งอี้เทียนหยุนกับสุดยอดกว่ามาก ทำการทิ้งพวกเขาไว้ข้างหลังอย่างง่ายดาย ปล่อยให้พวกเขาเป็นอาหารของฉลามใต้พิภพแทน
อี้เทียนหยุนก็ไม่ได้ลดความเร็วลง พวกเขาต่างพากันมองมาที่เขาด้วยความตกใจ ต่างพากันจ้องอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี จากนั้นก็ละสายตามองไปยังฉลามใต้พิภพที่กำลังลากอยู่ที่หัวเรือ สงสัยพวกเขาจะดูเขาผิดไป
“มีอะไรเหรอ?” อี้เทียนหยุนมองไปยังสีหน้าที่ตื่นตกใจของพวกเขาแล้วยิ้มออกมา
ที่พวกเขาตกใจนั้นอี้เทียนหยุนเข้าใจดี ฉลามใต้พิภพนั้นถือว่าเป็นเจ้าในอาณาเขตนี้ พริบตาก็ทำให้เจ้าเชื่อฟัง เรื่องนี้หากเป็นคนอื่น ใครบ้างจะไม่ตกใจ?
“น้องอี้ เจ้าเป็นนักฝึกสัตว์อย่างงั้นเหรอ?” หลังจากนั้นสักพัก เริ่นเหลียงเฉินก็ได้ถามขึ้น
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” อี้เทียนหยุนคิด ตามทฤษฎีแล้วเขามีความสามารถของนักฝึกสัตว์ แต่เทียบกันแล้วเขาแข็งแกร่งกว่านักฝึกสัตว์มาก นักฝึกสัตว์ทั่วไปไม่มีทางทำให้ฉลามใต้พิภพสามตัวเชื่องในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างแน่นอน
“งั้นที่เจ้าไม่สังหารฉลามใต้พิภพเมื่อครู่นี้ ก็เพื่อที่จะปราบพวกมันอย่างงั้นเหรอ?” เหลิงหู่กับพวกนึกถึงก่อนหน้านี้ที่อี้เทียนหยุนไม่สังหารฉลามใต้พิภพ คนอื่นพากันคิดว่าเขาไม่ได้กินข้าวมา ดังนั้นจึงไม่มีแรงที่จะจัดการกับพวกมัน
“ใช่แล้ว หากทำร้ายพวกมัน แล้วใครจะช่วยเราลากเรือล่ะ?” อี้เทียนหยุนตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ
“น้องอี้ เจ้าจะไม่ซื่อสัตย์เกินไปแล้ว ทำไมไม่บอกว่าตัวเองเป็นนักฝึกสัตว์เร็วกว่านี้หน่อยล่ะ ก่อนหน้านี้ทำข้าตกใจแทบแย่ เล่นเอาซะหัวใจจะวาย!” หยางจื้อเหวินตบหน้าอกตัวเอง ก่อนหน้านี้เขากลัวว่าตัวเองจะตายจริงๆ นะ ฉลามใต้พิภพเยอะขนาดนั้น แล้วฝั่งเขายังมีคนไม่ยอมพายเรืออีก แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาตกใจได้ยังไง
“ข้าบอกแล้วท่านจะเชื่ออย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
“นี่ ข้าก็ไม่เชื่อจริงๆ นั่นล่ะ…..”
พวกเขาพากันมองหน้ากัน เรื่องนี้มันยากจะเชื่อจริงๆ ต่อให้เป็นนักฝึกสัตว์ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปราบฉลามใต้พิภพให้เชื่องได้เร็วขนาดนั้นจริงไหม แน่นอนว่าพวกเขาย่อมเคยเจอนักฝึกสัตว์มาบ้าง กับฉลามใต้พิภพที่แสนดุร้ายในที่ที่แสนอันตรายอย่างนี้ ตามสามัญสำนึกทั่วไป การจะทำให้อีกฝ่ายเชื่องในระยะเวลาอันสั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้
หากว่าพวกเขาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยก็ว่าไปอย่าง แต่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงอย่างนี้ กลับเลือกที่จะปราบฉลามใต้พิภพ เห็นได้ชัดว่าไม่รู้จักประมาณตน นี่มันอันตรายเกินไปจริงๆ นอกจากว่าจะปราบได้ในพริบตา ไม่อย่างนั้น ไม่ว่าใครก็ไม่คิดจะอยู่รอแม้แต่วินาทีเดียว
“ก็ตามนั้นแหละ ในเมื่อทุกคนเต็มใจรับข้าเข้ามา ข้าก็ย่อมต้องช่วยทุกคนอย่างเต็มกำลัง ไม่อย่างนั้น ข้าคงรู้สึกผิด” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ที่พวกเราตวาดใส่เจ้าเมื่อกี้นี้ ก็เพราะคิดว่าเจ้าตกใจกลัวจริงๆ แต่ใครจะคิดว่าเจ้าจะมั่นใจอย่างนั้น” หยางจื้อเหวินหัวเราะแห้งๆ ออกมา อย่างเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “หวังว่าเจ้าจะไม่ใส่ใจกับคำพูดที่พวกเราพูดออกไปก่อนหน้านี้นะ”
“คำพูดพวกนั้นข้าไม่ใส่ใจหรอก กับสถานการณ์เร่งร้อนแบบนั้น พวกท่านทำแบบนั้นนับว่าปกติมาก” แน่นอนว่าอี้เทียนหยุนย่อมไม่ใส่ใจ หากเปลี่ยนเป็นเขาก็ต้องร้อนใจเช่นกัน
“แต่ไม่ว่าจะยังไง พวกเราก็ดีใจจริงๆ ที่เจ้าเข้ามารวมกลุ่มกับพวกเรา ดูนั่นสิ หลิวหลงกับพวกถูกพวกเราทิ้งไว้ข้างหลัง ตามพวกเราไม่ทันแล้ว!” หยางจื้อเหวินหัวเราะออกมา ในเสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความสะใจ ก่อนหน้านี้พวกเขาโดยหัวเราะเยาะใส่ แน่นอนว่าในใจย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดา
ตอนนี้หลิวหลงกับพวกถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ทำให้ในใจของพวกเขารู้สึกสะใจอย่างมาก
ภายใต้การรุกไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขามองเห็นท่าเรืออย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าแม่น้ำใต้พิภพจะมีเพียงสายเดียว หากว่าตกลงไป นั่นคงเป็นปัญหาจริงๆ
“ดูเร็ว พวกเรากำลังจะถึงท่าเรือแล้ว!” พวกเขาพากันร้องขึ้นมาอย่างดีใจ แม้ว่าพวกเขาจะมีฉลามใต้พิภพคอยลากเรือให้ แต่ในใจก็ยังหวังว่าจะขึ้นไปถึงท่าเรือให้เร็วที่สุด อย่างน้อยพวกเขาก็จะได้อุ่นใจเพราะถึงฝั่งแล้ว
หากพวกเขาบินได้คงไม่เป็นไร แต่ปัญหาคือพวกเขาไม่สามารถบินได้ ดังนั้นการไปถึงท่าเรือจึงทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจกว่า
บนท่าเรือปกคลุมไปด้วยหมอกหนา ทำให้ไม่สามารถเห็นด้านในได้ชัดนัก แม้แต่สัมผัสวิญญาณก็ไม่สามารถสำรวจด้านในได้ง่ายๆ ความยากของมันย่อมยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
เส้นทางไปยังโลกวิญญาณช่างไม่ง่ายจริงๆ ยิ่งใกล้จะถึงมากเท่าไหร่ยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ
“ที่นี่คงเป็นหมอกแห่งความตาย จะมีช่วงเวลาหนึ่งที่หมอกสลายไป พวกเราคงต้องรอให้ถึงเวลานั้น ดูแล้ว พวกเราคงไม่มีวิธีอื่นชั่วคราว” เริ่นเหลียงเฉินมองไปยังหมอกแห่งความตายนี้แล้วบอกวิธีแก้ออกมา
อี้เทียนหยุนพยักหน้า เขารู้จักที่แห่งนี้ ในแผนที่ทางผ่านใต้พิภพมีข้อมูลบอกไว้อยู่ กระทั่งวิธีผ่านเขาก็ยังรู้ แต่การที่หมอกขึ้นปกคลุมอย่างนี้ ต่อให้มีแผนที่ก็ยังผ่านไปได้ไม่ง่ายอยู่ดี ดังนั้น หลังจากพวกเขามาถึงท่าเรือ จึงทำได้เพียงรอให้หมอกสลายไป ไม่อย่างนั้นไม่กล้าเข้าไป
หากว่าเดินเข้าไปตามใจแล้วเกิดหลงขึ้นมา นั่นคงถึงจุดจบ โดยเฉพาะพวกไม่รู้ทาง ถือว่าเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริง!
“หากว่าหมิงเฉินกับพวกออกมาจากที่นี่ เรื่องก็คงง่าย แต่พวกเขาจะออกมาจากทางนี้จริงๆ?” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว หากพวกเขาออกมาจากที่นี่ ถึงอย่างงั้นก็ยังเป็นปัญหาอยู่บ้าง
ยังไงก็ตาม เขารู้สึกว่าพวกเขาจะไม่ออกมาจากที่นี่ แม้ว่าจะยาก แต่หากเทียบกับพลังระดับสูงแล้ว ถือว่าไม่ยากเท่าไหร่ เขารู้สึกว่าพวกเขาจะต้องไม่ออกมาจากที่นี่ แต่เป็นที่อื่น!
Comments