Crazy Leveling System 480: โลกวิญญาณ
CLS ตอนที่ 480: โลกวิญญาณ
รับสามแม่ทัพสำเร็จ ทำให้อี้เทียนหยุนเต็มไปด้วยความสุขใจ ประเทภอย่างแม่ทัพนี้ ยิ่งมีมากเท่าไหร่ยิ่งดี ก่อนหน้านี้เขาวางแผนว่าจะรับพวกเขาเข้ามา แต่ในขณะที่ไม่รู้ว่าจะเปิดปากพูดยังไง พวกเขากลับเป็นฝ่ายเสนอขอเข้าร่วมกับเขาก่อน เขาก็เลยตามน้ำ รับพวกเขาเข้ามาใต้ปกครองในทันที
“เมื่อพวกท่านเลือกจะติดตามข้า แน่นอนว่าข้าย่อมไม่ให้ของถูกๆ อย่างเด็ดขาด” อี้เทียนหยุนยิ้ม อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ำสำหรับเขาแล้ว ไม่ได้มีความหมายเท่าไหร่นัก เอาเฉพาะที่ตัวเขามีอยู่กับตัวก็ไม่รู้ว่ามีอยู่เท่าไหร่ แล้วเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เขายังไม่ต้องการอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ำนี้ด้วยแล้ว
หากไม่ใช่อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง เขาย่อมไม่ชายตามอง ดังนั้น อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ำจึงยกให้บางคนไป พวกเขาเป็นแม่ทัพใต้บังคับบัญชาของตน ดังนั้นการยกให้พวกเขาจึงเป็นเรื่องธรรมดา
“ดูเหมือนว่าการติดตามพี่ใหญ่อี้ จะสามารถเติมเต็มความสุขของพวกเราได้!” หยางจื้อเหวินลูบกระบี่ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ำในมือไม่หยุด ในใจรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก ราวกับสามารถมองเห็นอนาคตที่สว่างไสวของตน
อีกสองคนที่เหลือก็พากันพยักหน้า คิดว่าการเลือกเช่นนี้เป็นตัวเลือกที่ถูกต้องแล้ว แต่ที่พวกเขาพากันเลือกอี้เทียนหยุน เหตุผลหลักเพราะว่าเขาไม่ทอดทิ้งพวกตน ไม่ใช่เพราะได้รับอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์นี้
หากต้องบังเอิญพบกับความตายเข้า อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์นี้ยังใช้ทำอะไรได้? ในพริบตาที่ความตายพุ่งเข้าหา ไม่ว่าจะความสุขหรือความสำราญ ต่างก็ปลิวหายไป พร้อมกับจิตวิญญาณที่หลุดลอย
“เอาล่ะ พวกเราก็ไปโลกวิญญาณกันเถอะ” อี้เทียนหยุนเก็บรอยยิ้มบนใบหน้ากลับคืน จากนั้นก็มองไปยังค่ายกลเคลื่อนย้าย พร้อมกับเดินนำทุกคนไป “การไปโลกวิญญาณของข้าคราวนี้ มีเรื่องที่ต้องทำนิดหน่อย และเพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นจึงไม่สามารถพาพวกเจ้าไปด้วยได้”
“เรื่องนี้พวกเราได้ยินแล้วเมื่อกี้ เมื่อไปถึงโลกวิญญาณ พวกเราจะหาที่พัก แล้วรอคอยพี่ใหญ่ท่านกลับมา” พวกเขาพากันพยักหน้า ไม่เลือกที่จะตามไปด้วยกันกับเขา
อี้เทียนหยุนบอกว่าจะไม่พาพวกตนไป ดังนั้นพวกเขาก็ไม่ตื้อ ก็แค่หาที่รอเขากลับมา
“หลังจากกลับมา ข้าก็ต้องรีบกลับไปยังวังเทียนหยุน ไม่รั้งอยู่โลกวิญญาณต่อ ไม่รู้ว่าพวกเจ้าเต็มใจกลับด้วยกันกับข้าไหม?” อี้เทียนหยุนถาม
เพิ่งจะไปถึงโลกวิญญาณ ไม่ทันได้ทำอะไรก็ต้องรีบกลับ เขาอยากจะฟังความคิดของพวกเขา หากว่าพวกเขายังไม่อยากกลับ เขาก็จะให้พวกเขาอาศัยอยู่ในโลกวิญญาณชั่วคราว
“พวกเราย่อมต้องกลับพร้อมพี่ใหญ่อี้แน่นอนอยู่แล้ว ต่อให้อยู่โลกวิญญาณต่อก็ไร้ความหมาย ที่พวกเราไปยังโลกวิญญาณ ก็เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนอยู่กับพี่ใหญ่อี้จะมีอนาคตมากกว่า” เริ่นเหลียงเฉินกับพวกพากันยิ้มออกมา คำถามแบบนี้ยังต้องพูดอีกเหรอ?
“ดี เมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นก็ไปโลกวิญญาณด้วยกัน หลังจากข้าจัดการเรื่องแล้วเสร็จ ข้าจะพาพวกเจ้ากลับมา!” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
จากนั้น พวกเขาก็ขึ้นไปยืนบนค่ายกลเคลื่อนย้าย และพริบตาที่ใส่พลังวิญญาณเข้าไป ค่ายกลเคลื่อนย้ายก็เริ่มทำงาน พร้อมกับส่งพวกเขาไปในทันที
ทันทีที่พวกเขาหายไป ที่แห่งนี้ก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบ รอบๆ ประตูโลกวิญญาณเริ่มมีพลังงานสีดำควบแน่นขึ้นทีละน้อย และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะฟื้นคืนกลับสู่สภาพเดิม แต่อย่างน้อยถ้าดูจากตอนนี้ ก็จำเป็นต้องใช้เวลาที่นานสักระยะหนึ่ง
และจากนี้ไป ผู้ฝึกตนที่ต้องการผ่านประตูโลกวิญญาณในช่วงเวลานี้ ก็จะสามารถผ่านไปได้ง่ายขึ้น
……
อี้เทียนหยุนรู้สึกเหมือนกับร่างกายของตนล่องลอย หลังจากผ่านอาการวูบในช่วงสั้นๆ ที่ปรากฏตรงหน้าก็คือทุ่งหญ้าสีเขียวที่กว้างสุดลูกหูลูกตา นอกจากทุ่งหญ้าขนาดใหญ่นี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรอื่น
และที่สำคัญก็คือ นอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีใครอื่น กระทั่งพวกเริ่นเหลียงเฉินเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นการเคลื่อนย้ายแบบสุ่ม ตั้งแต่เริ่มแล้ว การเคลื่อนย้ายนี้ก็ไม่ได้ตั้งพิกัดมาแต่แรก ไม่แปลกที่จะไม่สามารถกลับไปยังทางผ่านใต้พิภพได้ ขนาดถูกส่งมาที่ไหนยังไม่รู้ อย่าว่าแต่หาทางกลับเลย
“ค่ายกลเคลื่อนย้ายแบบสุ่ม ช่างน่าสงสัยจริงๆ…..” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว หากเป็นอย่างนี้ การจะตามหาพวกเขาก็จะกลายเป็นปัญหาแล้ว
ยังไงก็ตาม เขาก็มีวิธีที่ง่ายและตรงจุด นั่นก็คือป้ายอัญเชิญแม่ทัพเทพ เพียงแต่ป้ายอัญเชิญแม่ทัพเทพนี้สามารถใช้ได้เพียงสามครั้งเท่านั้น การจะใช้เพราะเหตุนี้ เห็นได้ชัดว่าเสียเปล่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ทั้งปัจจุบันก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร ไม่เหมือนกับทางผ่านใต้พิภพที่เต็มไปด้วยอันตราย ดูแล้วก็ไม่ได้ต่างไปจากทวีปเทียนจิ่งเท่าไหร่ แม้จะเรียกว่าโลกวิญญาณ แต่ก็ใช่ว่าทุกที่จะเต็มไปด้วยอันตรายเสียหมด
เหตุผลที่ที่นี่ถูกเรียกว่าโลกวิญญาณ ก็เพราะว่าที่นี่มีบรรยากาศที่อึมครึมและหนาวเย็น ทั้งยังเหมาะแก่การฝึกฝนธาตุมืดเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าโลกวิญญาณ
ธาตุมืดค่อนข้างมีการจำกัดความที่กว้างขวาง อย่างธาตุน้ำแข็งเองก็ถูกจัดว่าเป็นธาตุมืดเช่นกัน ตราบเท่าที่ดูอึมครึมและหนาวเย็น ก็สามารถถูกจัดว่าอยู่ในธาตุมืดได้เช่นกัน
ดังนั้น ที่นี่จึงถูกเรียกว่าโลกวิญญาณ เนื่องเพราะว่ามันเหมาะแก่การฝึกธาตุมืดเป็นที่สุด แม้ว่าจะไม่ได้อันตรายไปทุกที่ แต่ทุกหนแห่งต่างก็เต็มไปด้วยวิญญาณที่ลอยว่อน ดูแล้วน่าสะอิดสะเอียน ไม่เหมือนกับทวีปเทียนจิ่งที่อุดมสมบูรณ์ไปหมดทุกที่ แต่ว่าพลังวิญญาณในที่แห่งนี้ กลับหนาแน่นกว่ามาก
แล้วก็หนาแน่นกว่าหลายเท่าหากว่าเทียบกับทวีปเทียนจิ่ง หากได้ฝึกฝนในที่แห่งนี้ ก็สามารถทะลวงเข้าสู่ระดับหลอมรวมหรือสูงกว่าได้อย่างง่ายดาย สภาพแวดล้อมในการฝึกตนในที่แห่งนี้ สามารถตัดสินได้ว่าดีกว่าทวีปเทียนจิ่งเยอะ ต่อให้ไม่ได้ต้องใช้โอสถ ก็สามารถเลื่อนขั้นได้อย่างง่ายดาย
นอกจากความรู้สึกที่เย็นกว่าหน่อยแล้ว ก็ไม่มีอะไรต่าง แต่ว่าที่นี่ก็คือโลกวิญญาณ
“ดูเหมือนว่าคงได้แต่อัญเชิญพวกเขามาเท่านั้น ที่นี่ไม่คุ้นเคยทั้งคนและสถานที่” อี้เทียนหยุนมองข้ามโอกาสนี้ ทำการใช้ป้ายอัญเชิญแม่ทัพเทพอย่างไม่ลังเล ทันใดนั้น ตรงหน้าของเขาก็ปรากฏรายชื่อที่ต้องการออกมา
บนนั้นมีอยู่ 4 รายชื่อด้วยกัน กระทั่งสวี่เฟยก็อยู่บนนั้น หมายความว่า หากว่าเขาต้องการ ก็สามารถทำให้สวี่เฟยมาที่โลกวิญญาณได้ในพริบตา
ยังไงก็ตาม ตอนนี้เขายังไม่ต้องการให้สวี่เฟยมาชั่วคราวก่อน ดังนั้นจึงไม่ได้ติ๊กที่ชื่อของสวี่เฟย
“พาพวกเขามา!”
หลังจากที่อี้เทียนหยุนติ๊กที่รายชื่อพวกเริ่นเหลียงเฉินแล้ว ทันใดนั้นก็กดข้อความตกลงในทันที อย่างรวดเร็ว รอบๆ ก็มีแสงระยิบระยับเปล่งออกมา พร้อมกับเริ่นเหลียงเฉินและพวกปรากฏขึ้นด้านข้างทีละคน เริ่นเหลียงเฉินสีหน้าดำสนิท เพิ่งจะถูกส่งมาก็ล้มลงกับพื้น
“พี่ใหญ่เริ่น!” พวกเขาเพิ่งจะได้สติ ก็พบว่าเริ่นเหลียงเฉินล้มลงไปแล้ว สีหน้าของเขาดำคล้ำ ร่างกายปรากฏบาดแผลน้อยใหญ่ ราวกับถูกอะไรบางอย่างกัด
“ถูกพิษ คงจะถูกอะไรบางอย่างกัดเข้า” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าเพิ่งถูกส่งมา เริ่นเหลียงเฉินก็พลันพบกับอันตรายเข้าเสียแล้ว
“ถูกแล้ว ข้าถูกงูพิษกัดเข้า มันเร็วมากเลย…..” สีหน้าเริ่นเหลียงเฉินคล้ำลงยิ่งกว่าเก่า ดูแล้วท่าทางเจ็บปวดมาก เทียบกับตกลงไปในแม่น้ำใต้พิภพแล้ว เหมือนจะเจ็บปวดยิ่งกว่า
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าจะช่วยถอนพิษให้”
อี้เทียนหยุนรับเอาเลือดที่หยดออกมา มองจากแผลที่เน่าเปื่อยนี้แล้ว หากเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน เขารีบทำการวิเคราะห์พิษอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เริ่มกลั่นยาถอนพิษในทันที
“พี่ใหญ่เป็นนักกลั่นโอสถด้วย?” พวกเขาพากันคาดไม่ถึง
อี้เทียนหยุนไม่ตอบพวกเขา หลังจากนั้นไม่นาน ยาก็ถูกกลั่นจนเสร็จอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอาให้เริ่นเหลียงเฉินกินอย่างรวดเร็ว ภายใต้สรรพคุณของยาถอนพิษ ทำให้บาดแผลที่ถูกพิษร้ายค่อยๆ ดีขึ้น
ดีที่เขาใช้ป้ายอัญเชิญแม่ทัพเทพ ไม่อย่างนั้น เริ่นเหลียงเฉินคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
โลกวิญญาณนี้ช่าง เลวร้ายอย่างที่หาที่เปรียบไม่ได้จริงๆ ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณ หากว่าไม่ระวัง ก็อาจตายโดยไม่รู้ตัวได้
Comments