Crazy Leveling System 489: พบหมิงเฉินอีกครั้ง!
CLS ตอนที่ 489: พบหมิงเฉินอีกครั้ง!
เมื่อเห็นป่าต้นอู่ถงไฟ อี้เทียนหยุนก็พาเยี่ยนเอ๋อบินไปอย่างรวดเร็ว เพิ่งจะลงมา เยี่ยนเอ๋อก็สอดสายตาไปรอบๆ โดยไม่รู้ว่าผ่านไปกี่นาที นัยน์ตาคู่งามของเธอก็ได้เผยประกายสงสัยออกมา
“ท่านพ่อ ข้ารู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่ มันรู้สึกสงบ…..”
เยี่ยนเอ๋อพลันรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่ขึ้นมาทันตา โดยไม่ต้องคิดว่าเธอต้องไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แต่เพราะว่าสภาพแวดล้อมที่นี่เหมาะที่เธอจะใช้ชีวิต ดังนั้นจึงให้ความรู้สึกคุ้นเคยนี้ออกมา
“ใช่แล้ว ที่นี่คือบ้านของเจ้า แต่ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาบางอย่าง…..”
อี้เทียนหยุนกวาดสายตามอง ที่นี่ค่อนข้างเร้นลับอย่างมาก ค่ายกลของที่นี่จะต้องถูกผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ตั้งขึ้นอย่างแน่นอน ทำให้ตาเปล่าไม่สามารถมองทะลุได้ และเพื่อจะมองหาเงื่อนงำ เขาจึงได้ทำการเปิดใช้งานเนตรสวรรค์ พร้อมกับมองสภาพแวดล้อมที่นี่ด้วยมุมมองแบบกว้าง
และเขาก็พบว่าบนต้นอู่ถงไฟรอบๆ ได้มีค่ายกลเล็กๆ สลักไว้อยู่ ซึ่งถูกปกปิดไว้บนต้นอู่ถงไฟ! หากว่ามองจากภายนอก จะไม่มีทางมองเห็นมันได้เลย
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะค่ายกลส่วนใหญ่ไม่ได้มีไว้เพื่อโจมตี หรือทำให้สับสน แต่ใจความสำคัญของค่ายกลที่สร้างไว้ มีเพื่อสำรวจผู้รุกราน
หมายความว่าทันทีที่อี้เทียนหยุนเข้ามา ก็จะถูกตรวจพบในทันที จากนั้นข้อมูลก็จะถูกส่งเข้าไปยังรังฟีนิกซ์ที่อยู่ด้านใน เพื่อให้รู้ว่าคนที่อยู่ที่นี่ทำอะไรอยู่
อี้เทียนหยุนไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ พร้อมกับจับมือน้อยๆ ของเยี่ยนเอ๋อเดินเข้าไปด้านใน เขาไม่กลัวว่าจะถูกพบ แต่ที่กังวลคือจะไม่พบมากกว่า!
ทั้งเขาไม่มีความคิดที่จะทำลายค่ายกลแล้วบุกเข้าไป เขาแค่ต้องรอให้คนข้างในออกมารับและนำทางเข้าไป ซึ่งนี่เป็นวิธีที่เหมาะสมอย่างไม่ต้องสงสัย หากว่าฝืนบุกเข้าไป ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับคำชมจากพวกเขาเท่านั้น แต่ยังจะสร้างความโกรธแค้นให้อีกต่างหาก ดังนั้น การให้อีกฝ่ายพาตัวเขาเข้าไปด้วยตัวเองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
จากนั้นเขาจึงพาเยี่ยนเอ๋อเดินเข้าไป แต่ว่าเดินอยู่เป็นนานก็ยังไม่มีใครออกมาพบ ทั้งยังไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นด้วย นี่จึงทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก หากจะให้พูด พวกเขาควรต้องรีบส่งคนออกมาถึงจะถูก มีผู้บุกรุกเข้ามา อย่างน้อยก็ควรจะเข้ามาป้องกันหน่อยไหม?
แต่ใครจะรู้ว่าเดินอยู่เป็นนานก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้แต่เงาของคนก็ยังไม่เจอ
และเมื่อเข้าเดินเข้าไปเรื่อยๆ เขาก็พลันพบกับคนที่อยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นสายตาของเขาก็เป็นประกายเย็นชา พร้อมกับรีบเก็บเยี่ยนเอ๋อเข้าช่องเก็บสัตว์เลี้ยงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ตามติดคนผู้นั้นไป โดยการแอบตามพุ่มไม้
และทันทีที่เข้าไปซ่อนในพุ่มไม้ เขาก็ได้ใช้ความสามารถซ่อนเร้นออกมาทันที ตราบเท่าที่ไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งมาก ผลของมันก็จะยังคงทรงประสิทธิภาพตามเดิม
และเพิ่งจะซ่อนตัวแล้วเสร็จ ไม่นานก็มีเงาคนสองคนเดินมา ระดับของพวกเขาก็ไม่ได้สูงมาก เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 6 ที่ 7 เท่านั้น พวกเขาพากันสวมชุดสีดำ และบนนั้นก็ปักไว้ด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ว่า “หมิง 冥”
“แปลกจริง เมื่อกี้นี้เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามีคนอยู่ ทำไมอยู่ๆ ถึงได้หายไปล่ะ?” ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณพูดขึ้นมาอย่างสงสัย
“ไม่ใช่ว่าเจ้ามองผิดเหรอ? ข้าไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย” ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณอีกคนพูด
“หรือว่าข้าจะมองผิดจริงๆ?” ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณคนนี้มองไปรอบๆ แต่ก็มองไม่เห็นใครเลยสักคน สุดท้ายก็ได้แต่ยอมแพ้ไป
“จะมีคนหรือไม่ก็ช่างเถอะ คราวนี้พวกเรามาทำธุระ การเจรจาดูเหมือนว่าใกล้จะออกมาแล้ว เผ่าฟีนิกซ์นี้ไม่ยอมเห็นด้วย ช่างไม่รู้จักดีชั่วจริงๆ ตอนนี้สถานการณ์อันตรายมาก แต่ก็ยังไม่ยอมให้พวกเราช่วยอีก….”
“ความหยิ่งยโสของเผ่าฟีนิกซ์เป็นที่รู้กันดี หากว่ายอมปฏิญาณว่าจะจงรักต่อแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงของเรา นั่นคงจะเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบมาก”
พวกเขาคุยไปพร้อมกับเดินกลับไปยังเขตแดนใกล้ๆ
อี้เทียนหยุนที่แอบฟังก็ขมวดคิ้ว เพื่อที่จะให้เผ่าฟีนิกซ์ค้นพบตัวเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปกปิดกลิ่นอาย แต่ใครจะรู้ว่าจะชักนำคนของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงมาแทน เมื่อเห็นว่าไม่ใช่คนของเผ่าฟีนิกซ์ เขาจึงรีบซ่อนตัว ไม่ยอมให้พวกเขาเจอตัว
โดยเฉพาะเมื่อเห็นตัวอักษร “หมิง” ตัวนั้น เขาก็รู้สึกต่อต้านขึ้นมาทันที เพราะยังจำหมิงเฉินได้ ไม่รู้ว่าหมิงเฉินคนนี้จะใช่ผู้เชี่ยวชาญของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงหรือเปล่า?
“ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มีผู้ฝึกตนมากมายขนาดนี้มาที่นี่ หรือว่าวางแผนว่าจะโจมตีและโอบล้อมรังฟีนิกซ์นี้?”
อี้เทียนหยุนเคลื่อนตัวไปข้างหน้าทีละน้อย หลังจากเข้าไปใกล้จนสุดแล้ว เขาก็พบว่าที่ดินแดนด้านหน้า มีผู้ฝึกตนจำนวนมากอยู่ ในพวกเขา ที่แข็งแกร่งที่สุดจะอยู่ที่ผู้ระดับวิญญาณเที่ยงแท้ ที่อ่อนแอที่สุดก็เป็นระดับผันแปรวิญญาณ
คนที่รวมตัวอยู่ที่นี่ อย่างน้อยก็มี 20-30 คน ซึ่งแต่ละคนต่างก็มีระดับตั้งแต่ผันแปรวิญญาณขึ้นไป และระดับวิญญาณเที่ยงแท้ก็มีเกิน 4-5 คน ถือว่าเป็นกลุ่มคนที่ทรงพลังมาก
ยังไงก็ตาม พวกเขาก็รวมตัวอยู่ที่นี่เฉยๆ ไม่ได้มีท่าทางเหมือนจะโจมตีหรือโอบล้อมรังฟีนิกซ์ไว้เลย ตรงหน้าพวกเขามีผู้คุ้มกันของเผ่าฟีนิกซ์อยู่ 4 คน และที่รู้ว่าเป็นคนของเผ่าฟีนิกซ์น่ะเหรอ นั่นก็เพราะว่าบนร่างกายของพวกเขามีสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นเผ่าฟีนิกซ์อยู่ นั่นก็คือขนฟีนิกซ์
ระดับของพวกเขาก็อยู่ที่ระดับผันแปรวิญญาณเช่นกัน และหนึ่งในนั้นก็มีระดับอยู่ที่วิญญาณเที่ยงแท้ จากท่าทางของเขา พูดได้ว่าทรงพลังมาก และชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้านี้ ก็มีพลังถึงระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นสูงสุด
และที่ด้านหลังของพวกเขาก็มีทางอยู่ คงจะเป็นทางนำไปสู่รังฟีนิกซ์ที่แท้จริง แต่คนพวกนี้กลับทำได้เพียงรออยู่ที่ด้านนอก ไม่กล้าก้าวเข้าไปแม้แต่ครึ่งก้าว
พลังของเผ่าฟีนิกซ์ เป็นอะไรที่ไม่สามารถยั่วยุได้ เห็นได้จากผู้ฝึกตนพวกนี้ไม่ได้มีท่าทางหาเรื่อง แต่เหมือนกำลังปรึกษาเรื่องอะไรกันอยู่
“ไม่แปลกที่ไม่มีใครมาหยุดข้า ที่แท้ก็กำลังยุ่งกันอยู่นี่เอง…..”
อี้เทียนหยุนไม่ออกไป แต่กลับซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ ยังคงไม่รีบร้อนออกไป ที่นี่มีคนอยู่ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่กล้าโผล่ออกไปตามใจ
หลังจากเขาซ่อนตัวอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดด้านในก็มีเสียงเล็กๆ ดังมา จากนั้นก็มีร่างสองสามคนเดินออกมาจากข้างใน ทั้งยังพูดคุยกันมาตลอดทาง
“ผู้อาวุโสลั่ว หวังว่าท่านจะคิดให้ดี ข้าเชื่อว่านอกจากพวกเราแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน” เสียงที่คุ้นหูดังมาจากข้างใน ทำให้อี้เทียนหยุนต้องขมวดคิ้ว
เสียงนี้เขารู้สึกคุ้นหูอย่างมาก ทำให้เขาสงสัยว่าตัวเองอาจจะฟังผิด?
แต่อย่างรวดเร็ว ร่างนี้ก็ได้ปรากฏให้เขาเห็น เป็นชายหนุ่มรูปหล่อ แม้เขาจะไม่เคยเห็นรูปลักษณ์นี้มาก่อน แต่ว่าเสียงนี้กลับคล้ายกับเสียงของหมิงเฉินอย่างมาก!
หมิงเฉิน : ระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 6, สวมใส่ชุดเกราะเทียนหมิง, มีเปลวเพลิงใต้พิภพโคจรทั่วร่าง สามารถระเบิดพลังที่แข็งแกร่งออกมาได้ในพริบตา, ฝึกวิชาฝ่ามือใต้พิภพ, ลมปราณใต้พิภพ, มังกรมืดสิงร่าง, จุดอ่อน : แพ้เปลวเพลิงอมตะขั้นสุด, พลังรบ 320 ล้าน (สภาพปกติ) หากสังหารมีโอกาสได้รับ…..
“หมิงเฉิน!”
อี้เทียนหยุนสีหน้าเย็นชา ไม่คิดว่าจะบังเอิญมาเจอที่นี่ ที่แท้แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงก็เป็นขุมอำนาจของหมิงเฉิน เมื่อนึกถึงคำพูดของหมิงเฉิน อี้เทียนหยุนก็มีสายตาเย็นชา จนเผลอทำให้จิตสังหารหลุดออกมา
หมิงเฉินมองมาที่นี่พร้อมกับโบกมือออกมาอย่างรวดเร็ว ปล่อยลำแสงใต้พิภพตรงมาที่นี่ การโจมตีนี้กะทันหันเกินไป แต่การตอบสนองของอี้เทียนหยุนนั้นเร็วกว่า เขาทำการหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว พร้อมกับซ่อนกลิ่นอายเอาไว้อย่างสมบูรณ์
หลังจากลำแสงใต้พิภพกวาดผ่านต้นอู่ถงไฟสองสามต้น ต้นอู่ถงไฟที่อยู่ไกลออกไปก็ระเบิดออกมา “ตูม” ต้นอู่ถงไฟต้นใหญ่ถูกเผาจนเป็นจุล!
จิตสังหารเมื่อกี้พลันทำให้หมิงเฉินจับได้ในทันที ช่างเป็นคนที่สัมผัสไวนัก ทั้งพลังยังน่าตระหนก ไม่เสียทีที่เป็นหมิงเฉินตัวจริง!
Comments