Crazy Leveling System 607: ข้าคือมหาจักรพรรดิ

Now you are reading Crazy Leveling System Chapter 607: ข้าคือมหาจักรพรรดิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 607: ข้าคือมหาจักรพรรดิ

 

วังโหมวเทียนถือเป็นขุมอํานาจขั้น 3 ชั้นยอด พลังโดยรวมจริงๆ แล้วไม่อ่อนแอ มีโอกาสที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นไปได้ แต่ถามว่าจะสามารถขึ้นเป็นขุมอํานาจระดับอาณาจักรได้ไหมนั้น บอกได้เลยว่าไม่มีทาง ต่อให้จะใช้เวลาหลายปี หรือกระทั่งหลายสิบปีก็ทําได้เพียงแค่เกือบๆเท่านั้น

 

คิดจะขึ้นเป็นขุมอํานาจระดับอาณาจักร หากไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านสลักอาคมที่ทรงพลังแล้วล่ะก็ ไม่มีทางที่จะเป็นมหาจักรพรรดิที่แข็งแกร่งได้อย่างแน่นอน ดังนั้น แต่ละอาณาจักรจึงมีราชครูซึ่งเป็นนักสลักอาคมเป็นสัญลักษณ์

 

อาณาจักรที่ไม่มีมหาค่ายกลคอยปกป้อง ก็ง่ายที่แตกหัก ดังนั้น จึงจําเป็นต้องมีค่ายกลระดับอาจารย์คอยปกป้องประเทศ ยามเมื่อถูกโจมตีเข้ามา จึงจะโอกาสโจมตีสวนกลับ อย่างน้อยก็พอที่จะสามารถต้านทานเอาไว้จนกว่าที่กําลังเสริมจะมา ไม่ใช่ถูกถล่มราบในพริบตา

 

ไม่ว่าขุมอํานาจจะแข็งแกร่งแค่ไหน หรือต่อให้เป็นมังกรแท้ ก็จําเป็นต้องสยบต่อหน้าเขา!

 

จากความประทับใจของอี้เทียนหยุน จริงอยู่ที่วังโหมวเทียนอยู่ในงานเลี้ยงค่ําคืนนั้นด้วย แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ฝั่งที่สนับสนุนตน แต่อยู่ในฝั่งที่มาขมามากกว่า

 

ตอนนี้กลับมาปาวประกาศว่ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แล้วยังพูดเหลวไหลว่านายน้อยฉีอะไรนั่นสนิทกับเขา นี่มันช่างน่าขันนัก สนิทกับเขาอย่างงั้นเหรอ? ต่อให้สิบนายน้อยฉีจะใจกล้าสักแค่ไหน ก็ไม่กล้าที่จะเข้ามาพูดกับเขา แล้วใครให้สิทธิ์นายน้อยฉีคนนี้กัน?

 

ขนาดพ่อของนายน้อยฉียังต้องคุกเข่าพูดกับเขา อย่าว่าแต่นายน้อยฉีผู้นี้ ตัวเขาคงทําได้เพียงแค่หลอกผู้ฝึกตนพวกนี้ที่มีระดับต่ํา กับขุมอํานาจที่ค่อนข้างอ่อนแอเท่านั้น

“เจ้าเป็นใคร!” ชายน่ารังเกียจรีบหันมามอง อยู่ๆก็มีคนโผล่ขึ้นมา ทําไมเขาถึงไม่รู้สึกตัวเลยละ

 

“เป็นเจ้า!?”

 

จ้าวอวี่ชี้มายังอี้เทียนหยุนพร้อมกับเอามือปิดปากด้วยความตกใจ กระทั่งอวี่ซีเชี่ยนก็ตกใจเช่นกัน พวกเธอเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของอี้เทียนหยุนมาก่อน ตั้งแต่ตอนที่อาณาจักรใต้พิภพเชิญเมื่อตอนนั้น

 

ในตอนนั้นประมุขของวังเทียนขี่ถูกทําลาย ไม่คิดว่าจะถูกสังหารจนหมด

 

แม้ว่าวังเทียนจี้ที่เหลือจะรวมเข้ากับอาณาจักรเทียนหยุน แต่ก็หลายอย่างถูกปิดไว้ ดังนั้นหลายคนจึงไม่รู้ถึงสถานการณ์ภายในอย่างแน่ชัด ตัวอย่างเช่นอี้เทียนหยุนยังไม่ตาย เรื่องนี้หลายคนยังไม่รู้

 

“ข้า? ไม่ใช่ว่าข้าคือมหาจักรพรรดิที่เจ้ากําลังพูดถึงอย่างงั้นเหรอ” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าบอกเองว่านายน้อยฉีสนิทกับข้า แล้วทําไมถึงไม่รู้จักข้าล่ะ?”

 

“เจ้าคือมหาจักรพรรดิ?” ชายน่ารังเกียจอ้าปากค้าง จากนั้นคนกลุ่มนั้นก็พากันชี้มาที่เขาพร้อมกับหัวเราะดังลั่น “ช่างคุยโตไม่รู้จักอายจริงๆ! เจ้ากล้าบอกว่าตัวเองเป็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุนอย่างงั้นเหรอ หากอาณาจักรเทียนหยุนรู้เข้า ต่อให้ตายยังไงเจ้าคงยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ํา! ข้าหยวนหลงเป็นเพื่อนายน้อยฉีไปพบกับมหาจักรพรรดิเทียนหยุนด้วยตัวเอง เจ้ายังมีหน้ามาปลอมเป็นคนอื่นต่อหน้าข้าอีกอย่างงั้นเหรอ?”

 

หยวนหลงทําตัวอวดโอ้ว่าตนเคยเจอมหาจักรพรรดิเทียนหยุนมาแล้ว ทั้งที่จริงเขาไม่เคยเจอ ตอนนั้นเขารออยู่ด้านนอกท้องพระโรง ขนาดจะเข้าไปยังไม่กล้า

 

คุยโวต่อหน้าคนทั่วไปแน่นอนย่อมได้หน้า แต่ว่าคุยโวต่อหน้าอี้เทียนหยุน เท่ากับหาที่ตาย

 

อี้เทียนหยุนมั่นใจว่าไม่เคยเห็นหยวนหลงมาก่อน แม้จะเป็นคนที่ไม่สําคัญ แต่ความจําของเขานั้นน่าทึ่งมาก แค่มองเพียงครั้งเดียวก็รู้แล้วว่าเคยเจอหรือไม่เคยเจอกันมาก่อน

 

อวี่ชีเชี่ยนกับพวกที่อยู่ใกล้ๆ ต่างก็มองมาที่อี้เทียนหยุนพร้อมกับพูดด้วยความตกใจ “ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เจ้าตายไปแล้วหรอกเหรอ แล้วไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นประมุขวังเทียนจี้หรือยังไง?”

 

พวกเธอไม่สนใจที่เขาบอกว่าตนเป็นมหาจักรพรรดิ แต่กลับกําลังสงสัยที่เขายังไม่ตายมากกว่า

 

“ข้าไม่ตายง่ายแบบนั้นหรอก” เทียนหยุนมองไปที่พวกเธอพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “ไปเถอะ ที่นี่ให้ข้าจัดการเอง”

 

“แต่ว่าพวกเขาแข็งแกร่งมาก เจ้าอย่าเข้ามายุ่งดีกว่า…” อวีซีเชี่ยนขมวดคิ้ว ส่ายหัวพร้อมกับพูดปฏิเสธ “พวกเขาเป็นคนของวังโหมวเทียน หากเทียบกับวังเทียนจี้แล้ว แข็งแกร่งกว่ามาก”

 

เห็นได้ชัดว่าข่าวของพวกเธอไม่ได้เร็วมากนัก หรือควรพูดว่าข่าวนี้รู้แต่คนที่สนิทมากกว่า เรื่องที่รวมสํานักเข้าด้วยกันไม่ได้มีการประกาศออกไป ทั้งการรวมกันของพวกเขายังไม่ได้มีอะไรพิเศษ ดังนั้นคนส่วนใหญ่จะไม่รู้ก็เป็นเรื่องธรรมดา

 

แต่ว่าในอาณาจักรเทียนหยุนล้วนแต่รู้ดี เรื่องนี้ขนาดเด็กสามขวบยังรู้ รู้ไปถึงคนที่กําลังจะตายด้วยซ้ํา

 

“วังโหมวเทียน?” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ “ขนาดนายน้อยฉีของพวกเขายังไม่คู่ควรที่จะเป็นคนถือรองเท้าให้ข้าด้วยซ้ํา! แล้วยังมีหน้ามาอ้างชื่อของข้าเพื่อรังแกคนอื่นอีก แค่ไม่ถล่มพวกมันจนราบก็ดีแค่ไหนแล้ว!”

 

“เจ้าหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ระวังปากตัวเองด้วย!” หยวนหลงยื่นมือออกมา ต้องการคว้าหัวอี้เทียนหยุนไว้

 

อี้เทียนหยุนขนาดมองยังไม่มอง ยกมือขึ้นเบาๆ ก็สามารถซัดหยวนหลงจนปลิวได้แล้ว หลังจากที่กระแทกกับต้นไม้สองสามต้น ในที่สุดก็หยุดลง เพียงโบกมือ ก็สามารถจัดการกับผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณได้อย่างง่ายดาย!

 

ฉากนี้ทําเอาคนที่มองอยู่ต้องตกตะลึง ทั้งที่ยังดูเด็กอยู่แท้ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะร้ายกาจขนาด

 

อวี่ชีเชี่ยนกับพวกเองก็ต้องพากันเบิกตาคู่งามโพลง นี่มันเหมือนกับเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เพียงแค่โบกมือเบาๆ ก็สามารถจัดการกับพวกเขาได้แล้วอย่างงั้นเหรอ?

 

“เจ้า เจ้ากล้าทําร้ายข้าอย่างงั้นเหรอ…ข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ข้าจะให้นายน้อยฉีลงโทษเจ้า!” หยวนหลงยังไม่ตาย แต่กระดูกทั่วทั้งร่างแทบแหลก ทําให้ยากที่จะลุกขึ้นมาได้

 

“ลงโทษอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ “ข้าจะไว้ชีวิตสุนัขของเจ้า รีบไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า แล้วรีบไปบอกประมุขวังโหมวเทียนของเจ้า บอกให้มันมาหาข้าที่วังไปเหลียนด้วยตัวเอง! จักรพรรดิผู้นี้ก็อยากจะถามมันเหมือนกัน ว่าใครให้ความกล้ามัน ถึงได้กล้าเอาชื่อของข้าไปทําเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้!”

 

เขาโกรธมาก หากว่าหาเรื่องเขาคงไม่เป็นไร แต่นี่กลับเอาชื่อเขาไปใช้ทําเรื่องไม่ดี หากไม่จัดการให้ดี ขุมอํานาจอื่นที่สนับสนุนเขา อาจจะเอาชื่อของเขาไปใช้ประโยชน์ได้ เรื่องชื่อเสียนั้นไม่เป็นไร แต่ที่สําคัญคือสิ่งที่เขาไม่ได้ทํา นั่นแหละที่ทําให้เขาโกรธ

 

ศักดิ์ศรีของมหาจักรพรรดิ ไม่สามารถลบหลู่ได้!

“เจ้า เจ้าตายแน่ กล้าอ้างว่าตัวเองเป็นมหาจักรพรรดิ จับมันให้ข้า!” หยวนหลงคํารามออกมา พร้อมกับบอกให้ลูกน้องเข้าไปจับอี้เทียนหยุน

 

ผู้ฝึกตนคนอื่นสีหน้าเย็นชา พร้อมกับหยิบเอาตาข่ายออกมาอย่างรวดเร็ว นี่ไม่ใช่ตาข่ายธรรมดา แต่เป็นตาข่ายที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ ผู้ฝึกตนทั่วไปไม่สามารถที่จะทําลายได้ ไม่แปลกที่พวกเขาบอกว่าจะต่อให้ต้องใช้กําลังก็จะพาพวกอวี่ชีเชี่ยนกลับไปให้ได้ ที่แท้ก็ได้เตรียมตาข่ายนี้มาด้วยนี่เอง

 

ตอนนี้พวกเขาเลือกที่จะเอามาใช้กับเขา หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณขั้นสูง ก็ไม่ทางที่จะทําลายตาข่ายนี้ออกมาได้

 

พวกเขารู้ว่าอี้เทียนหยุนมีพลังที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้เขา ทําได้เพียงโอบล้อมอยู่ด้านนอก พร้อมกับโยนตาข่ายสีทองเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว ปกคลุมตัวเขาไว้

 

“ไสหัวไป!”

 

อี้เทียนหยุนโบกมือออกไป พร้อมกับเกิดพายุหมุนขึ้น ก่อนที่จะ “ปัง ปัง ปัง” เกิดเสียงระเบิดตามมาติดๆ พร้อมกับผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ พากันปลิวกระเด็นออกไป หลังจากที่กระแทกใส่ต้นไม้หลายต้นติดๆกันแล้ว ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก

 

“ตั้ง ท่านสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณสําเร็จ…”

 

คราวนี้เขาไม่ได้ออมมือ ทําให้สังหารผู้ฝึกตนพวกนี้ไปในทันที จะเหลือก็แต่คนสองคนที่อยู่ข้างหลังที่แค่ปลิวกระเด็นไปเท่านั้น

 

“ขะ แข็งแกร่งมาก…”

 

พวกอวี่ซีเชี่ยนพากันเบิกนัยน์ตาคู่งามโพลง ตกใจในพลังที่แสนร้ายกาจนี้ พวกที่อยู่รอบๆอย่างแย่ก็อยู่ในระดับหลอมรวม เพียงแค่โบกมือเบาๆ อีกฝ่ายก็ตายแล้ว หรือว่าระดับของเขาจะไปถึงระดับผันแปรวิญญาณที่แสนร้ายกาจนั่นแล้ว?

 

ระดับผันแปรวิญญาณในสายตาของพวกเธอนั้น ถือว่าไม่ต่างอะไรไปจากเทพเจ้า อย่างน้อยก็เป็นระดับประมุข

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Crazy Leveling System 607: ข้าคือมหาจักรพรรดิ

Now you are reading Crazy Leveling System Chapter 607: ข้าคือมหาจักรพรรดิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 607: ข้าคือมหาจักรพรรดิ

 

วังโหมวเทียนถือเป็นขุมอํานาจขั้น 3 ชั้นยอด พลังโดยรวมจริงๆ แล้วไม่อ่อนแอ มีโอกาสที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นไปได้ แต่ถามว่าจะสามารถขึ้นเป็นขุมอํานาจระดับอาณาจักรได้ไหมนั้น บอกได้เลยว่าไม่มีทาง ต่อให้จะใช้เวลาหลายปี หรือกระทั่งหลายสิบปีก็ทําได้เพียงแค่เกือบๆเท่านั้น

 

คิดจะขึ้นเป็นขุมอํานาจระดับอาณาจักร หากไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านสลักอาคมที่ทรงพลังแล้วล่ะก็ ไม่มีทางที่จะเป็นมหาจักรพรรดิที่แข็งแกร่งได้อย่างแน่นอน ดังนั้น แต่ละอาณาจักรจึงมีราชครูซึ่งเป็นนักสลักอาคมเป็นสัญลักษณ์

 

อาณาจักรที่ไม่มีมหาค่ายกลคอยปกป้อง ก็ง่ายที่แตกหัก ดังนั้น จึงจําเป็นต้องมีค่ายกลระดับอาจารย์คอยปกป้องประเทศ ยามเมื่อถูกโจมตีเข้ามา จึงจะโอกาสโจมตีสวนกลับ อย่างน้อยก็พอที่จะสามารถต้านทานเอาไว้จนกว่าที่กําลังเสริมจะมา ไม่ใช่ถูกถล่มราบในพริบตา

 

ไม่ว่าขุมอํานาจจะแข็งแกร่งแค่ไหน หรือต่อให้เป็นมังกรแท้ ก็จําเป็นต้องสยบต่อหน้าเขา!

 

จากความประทับใจของอี้เทียนหยุน จริงอยู่ที่วังโหมวเทียนอยู่ในงานเลี้ยงค่ําคืนนั้นด้วย แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ฝั่งที่สนับสนุนตน แต่อยู่ในฝั่งที่มาขมามากกว่า

 

ตอนนี้กลับมาปาวประกาศว่ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แล้วยังพูดเหลวไหลว่านายน้อยฉีอะไรนั่นสนิทกับเขา นี่มันช่างน่าขันนัก สนิทกับเขาอย่างงั้นเหรอ? ต่อให้สิบนายน้อยฉีจะใจกล้าสักแค่ไหน ก็ไม่กล้าที่จะเข้ามาพูดกับเขา แล้วใครให้สิทธิ์นายน้อยฉีคนนี้กัน?

 

ขนาดพ่อของนายน้อยฉียังต้องคุกเข่าพูดกับเขา อย่าว่าแต่นายน้อยฉีผู้นี้ ตัวเขาคงทําได้เพียงแค่หลอกผู้ฝึกตนพวกนี้ที่มีระดับต่ํา กับขุมอํานาจที่ค่อนข้างอ่อนแอเท่านั้น

“เจ้าเป็นใคร!” ชายน่ารังเกียจรีบหันมามอง อยู่ๆก็มีคนโผล่ขึ้นมา ทําไมเขาถึงไม่รู้สึกตัวเลยละ

 

“เป็นเจ้า!?”

 

จ้าวอวี่ชี้มายังอี้เทียนหยุนพร้อมกับเอามือปิดปากด้วยความตกใจ กระทั่งอวี่ซีเชี่ยนก็ตกใจเช่นกัน พวกเธอเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของอี้เทียนหยุนมาก่อน ตั้งแต่ตอนที่อาณาจักรใต้พิภพเชิญเมื่อตอนนั้น

 

ในตอนนั้นประมุขของวังเทียนขี่ถูกทําลาย ไม่คิดว่าจะถูกสังหารจนหมด

 

แม้ว่าวังเทียนจี้ที่เหลือจะรวมเข้ากับอาณาจักรเทียนหยุน แต่ก็หลายอย่างถูกปิดไว้ ดังนั้นหลายคนจึงไม่รู้ถึงสถานการณ์ภายในอย่างแน่ชัด ตัวอย่างเช่นอี้เทียนหยุนยังไม่ตาย เรื่องนี้หลายคนยังไม่รู้

 

“ข้า? ไม่ใช่ว่าข้าคือมหาจักรพรรดิที่เจ้ากําลังพูดถึงอย่างงั้นเหรอ” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าบอกเองว่านายน้อยฉีสนิทกับข้า แล้วทําไมถึงไม่รู้จักข้าล่ะ?”

 

“เจ้าคือมหาจักรพรรดิ?” ชายน่ารังเกียจอ้าปากค้าง จากนั้นคนกลุ่มนั้นก็พากันชี้มาที่เขาพร้อมกับหัวเราะดังลั่น “ช่างคุยโตไม่รู้จักอายจริงๆ! เจ้ากล้าบอกว่าตัวเองเป็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุนอย่างงั้นเหรอ หากอาณาจักรเทียนหยุนรู้เข้า ต่อให้ตายยังไงเจ้าคงยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ํา! ข้าหยวนหลงเป็นเพื่อนายน้อยฉีไปพบกับมหาจักรพรรดิเทียนหยุนด้วยตัวเอง เจ้ายังมีหน้ามาปลอมเป็นคนอื่นต่อหน้าข้าอีกอย่างงั้นเหรอ?”

 

หยวนหลงทําตัวอวดโอ้ว่าตนเคยเจอมหาจักรพรรดิเทียนหยุนมาแล้ว ทั้งที่จริงเขาไม่เคยเจอ ตอนนั้นเขารออยู่ด้านนอกท้องพระโรง ขนาดจะเข้าไปยังไม่กล้า

 

คุยโวต่อหน้าคนทั่วไปแน่นอนย่อมได้หน้า แต่ว่าคุยโวต่อหน้าอี้เทียนหยุน เท่ากับหาที่ตาย

 

อี้เทียนหยุนมั่นใจว่าไม่เคยเห็นหยวนหลงมาก่อน แม้จะเป็นคนที่ไม่สําคัญ แต่ความจําของเขานั้นน่าทึ่งมาก แค่มองเพียงครั้งเดียวก็รู้แล้วว่าเคยเจอหรือไม่เคยเจอกันมาก่อน

 

อวี่ชีเชี่ยนกับพวกที่อยู่ใกล้ๆ ต่างก็มองมาที่อี้เทียนหยุนพร้อมกับพูดด้วยความตกใจ “ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เจ้าตายไปแล้วหรอกเหรอ แล้วไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นประมุขวังเทียนจี้หรือยังไง?”

 

พวกเธอไม่สนใจที่เขาบอกว่าตนเป็นมหาจักรพรรดิ แต่กลับกําลังสงสัยที่เขายังไม่ตายมากกว่า

 

“ข้าไม่ตายง่ายแบบนั้นหรอก” เทียนหยุนมองไปที่พวกเธอพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “ไปเถอะ ที่นี่ให้ข้าจัดการเอง”

 

“แต่ว่าพวกเขาแข็งแกร่งมาก เจ้าอย่าเข้ามายุ่งดีกว่า…” อวีซีเชี่ยนขมวดคิ้ว ส่ายหัวพร้อมกับพูดปฏิเสธ “พวกเขาเป็นคนของวังโหมวเทียน หากเทียบกับวังเทียนจี้แล้ว แข็งแกร่งกว่ามาก”

 

เห็นได้ชัดว่าข่าวของพวกเธอไม่ได้เร็วมากนัก หรือควรพูดว่าข่าวนี้รู้แต่คนที่สนิทมากกว่า เรื่องที่รวมสํานักเข้าด้วยกันไม่ได้มีการประกาศออกไป ทั้งการรวมกันของพวกเขายังไม่ได้มีอะไรพิเศษ ดังนั้นคนส่วนใหญ่จะไม่รู้ก็เป็นเรื่องธรรมดา

 

แต่ว่าในอาณาจักรเทียนหยุนล้วนแต่รู้ดี เรื่องนี้ขนาดเด็กสามขวบยังรู้ รู้ไปถึงคนที่กําลังจะตายด้วยซ้ํา

 

“วังโหมวเทียน?” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ “ขนาดนายน้อยฉีของพวกเขายังไม่คู่ควรที่จะเป็นคนถือรองเท้าให้ข้าด้วยซ้ํา! แล้วยังมีหน้ามาอ้างชื่อของข้าเพื่อรังแกคนอื่นอีก แค่ไม่ถล่มพวกมันจนราบก็ดีแค่ไหนแล้ว!”

 

“เจ้าหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ระวังปากตัวเองด้วย!” หยวนหลงยื่นมือออกมา ต้องการคว้าหัวอี้เทียนหยุนไว้

 

อี้เทียนหยุนขนาดมองยังไม่มอง ยกมือขึ้นเบาๆ ก็สามารถซัดหยวนหลงจนปลิวได้แล้ว หลังจากที่กระแทกกับต้นไม้สองสามต้น ในที่สุดก็หยุดลง เพียงโบกมือ ก็สามารถจัดการกับผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณได้อย่างง่ายดาย!

 

ฉากนี้ทําเอาคนที่มองอยู่ต้องตกตะลึง ทั้งที่ยังดูเด็กอยู่แท้ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะร้ายกาจขนาด

 

อวี่ชีเชี่ยนกับพวกเองก็ต้องพากันเบิกตาคู่งามโพลง นี่มันเหมือนกับเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เพียงแค่โบกมือเบาๆ ก็สามารถจัดการกับพวกเขาได้แล้วอย่างงั้นเหรอ?

 

“เจ้า เจ้ากล้าทําร้ายข้าอย่างงั้นเหรอ…ข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ข้าจะให้นายน้อยฉีลงโทษเจ้า!” หยวนหลงยังไม่ตาย แต่กระดูกทั่วทั้งร่างแทบแหลก ทําให้ยากที่จะลุกขึ้นมาได้

 

“ลงโทษอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ “ข้าจะไว้ชีวิตสุนัขของเจ้า รีบไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า แล้วรีบไปบอกประมุขวังโหมวเทียนของเจ้า บอกให้มันมาหาข้าที่วังไปเหลียนด้วยตัวเอง! จักรพรรดิผู้นี้ก็อยากจะถามมันเหมือนกัน ว่าใครให้ความกล้ามัน ถึงได้กล้าเอาชื่อของข้าไปทําเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้!”

 

เขาโกรธมาก หากว่าหาเรื่องเขาคงไม่เป็นไร แต่นี่กลับเอาชื่อเขาไปใช้ทําเรื่องไม่ดี หากไม่จัดการให้ดี ขุมอํานาจอื่นที่สนับสนุนเขา อาจจะเอาชื่อของเขาไปใช้ประโยชน์ได้ เรื่องชื่อเสียนั้นไม่เป็นไร แต่ที่สําคัญคือสิ่งที่เขาไม่ได้ทํา นั่นแหละที่ทําให้เขาโกรธ

 

ศักดิ์ศรีของมหาจักรพรรดิ ไม่สามารถลบหลู่ได้!

“เจ้า เจ้าตายแน่ กล้าอ้างว่าตัวเองเป็นมหาจักรพรรดิ จับมันให้ข้า!” หยวนหลงคํารามออกมา พร้อมกับบอกให้ลูกน้องเข้าไปจับอี้เทียนหยุน

 

ผู้ฝึกตนคนอื่นสีหน้าเย็นชา พร้อมกับหยิบเอาตาข่ายออกมาอย่างรวดเร็ว นี่ไม่ใช่ตาข่ายธรรมดา แต่เป็นตาข่ายที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ ผู้ฝึกตนทั่วไปไม่สามารถที่จะทําลายได้ ไม่แปลกที่พวกเขาบอกว่าจะต่อให้ต้องใช้กําลังก็จะพาพวกอวี่ชีเชี่ยนกลับไปให้ได้ ที่แท้ก็ได้เตรียมตาข่ายนี้มาด้วยนี่เอง

 

ตอนนี้พวกเขาเลือกที่จะเอามาใช้กับเขา หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณขั้นสูง ก็ไม่ทางที่จะทําลายตาข่ายนี้ออกมาได้

 

พวกเขารู้ว่าอี้เทียนหยุนมีพลังที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้เขา ทําได้เพียงโอบล้อมอยู่ด้านนอก พร้อมกับโยนตาข่ายสีทองเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว ปกคลุมตัวเขาไว้

 

“ไสหัวไป!”

 

อี้เทียนหยุนโบกมือออกไป พร้อมกับเกิดพายุหมุนขึ้น ก่อนที่จะ “ปัง ปัง ปัง” เกิดเสียงระเบิดตามมาติดๆ พร้อมกับผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ พากันปลิวกระเด็นออกไป หลังจากที่กระแทกใส่ต้นไม้หลายต้นติดๆกันแล้ว ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก

 

“ตั้ง ท่านสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณสําเร็จ…”

 

คราวนี้เขาไม่ได้ออมมือ ทําให้สังหารผู้ฝึกตนพวกนี้ไปในทันที จะเหลือก็แต่คนสองคนที่อยู่ข้างหลังที่แค่ปลิวกระเด็นไปเท่านั้น

 

“ขะ แข็งแกร่งมาก…”

 

พวกอวี่ซีเชี่ยนพากันเบิกนัยน์ตาคู่งามโพลง ตกใจในพลังที่แสนร้ายกาจนี้ พวกที่อยู่รอบๆอย่างแย่ก็อยู่ในระดับหลอมรวม เพียงแค่โบกมือเบาๆ อีกฝ่ายก็ตายแล้ว หรือว่าระดับของเขาจะไปถึงระดับผันแปรวิญญาณที่แสนร้ายกาจนั่นแล้ว?

 

ระดับผันแปรวิญญาณในสายตาของพวกเธอนั้น ถือว่าไม่ต่างอะไรไปจากเทพเจ้า อย่างน้อยก็เป็นระดับประมุข

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+