Crazy Leveling System 612: ข้าเอง
CLS ตอนที่ 612: ข้าเอง ผู้ชมต่างก็ได้ยินเพียงแต่เสียงโขกศีรษะ พร้อมกับบรรยากาศที่ค่อยๆจับตัวเป็นก้อน แต่ก็ไม่มีใครกล้ากระโดดออกมาห้าม โดยเฉพาะนายน้อยฉีที่ตอนนี้ยังคงโชกศีรษะอยู่ ตอนนี้หน้าผากของเขาย้อมไปด้วยเลือดสีแดงแล้ว แต่เขาก็ทําได้เพียงโขกศีรษะต่อไป เพื่อวิงวอนให้อี้เทียนหยุนให้อภัย และในตอนนี้ คนอื่นๆในวังไป๋เหลียนก็ได้ถูก เสียงเอะอะชักนํามา แต่พวกเธอก็พากันยืนอยู่บริเวณรอบๆอย่างเงียบๆเท่านั้น ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปาก แม้แต่ประมุขที่มาถึง ก็ยังท่าได้เพียงยืนดูอยู่เงียบๆ ไม่กล้าพูดออกมาเช่นกัน ประมุขวิ่งไปเหลียนเป็นหญิงงามอายุประมาณ 40 ปี แต่ยังดูเหมือนสาวอยู่ และตอนนี้เธอก็ทําตัวเหมือนกับเป็นสาวใช้ยืนอยู่ใกล้ๆเทียนหยุน พร้อมกับประสานมือไว้ที่หน้าท้อง ขณะที่มองดูทุกอย่างด้วยสีหน้าเย็นชา ระดับของเธอนั้นถือว่าดีเยี่ยม เป็นถึงระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 8 แต่ว่าระดับนี้สําหรับเทียนหยุน ก็เป็นเรื่องที่แค่ตบฝ่ามือออกไปก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายแล้ว ผู้อาวุโสไป๋อ กับพวกพากันโขกศีรษะจนหน้าผากแตก แต่ประมุขวังไปเหลียนกลับไม่เดินออกมาพูดแม้แต่ครึ่งคำ ในโลกนี้พูดคุยกันด้วยความแข็งแกร่ง ต่อให้เรื่องที่อี้เทียนหยุนจะเป็นสิ่งที่ผิด แต่พวกเธอก็ทําได้เพียงแค่กล้ํากลืนเอาไว้เท่านั้น หากว่าขัดขึ้น อาจจะทําให้เกิดหายนะตามมาได้ และตอนนี้เธอยังรู้ถึงที่มาที่ไปของเรื่องราวแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป “พอแล้ว” อี้เทียนหยุนยกมือขึ้นเบาๆ พวกเธอก็พากันหยุดพร้อมกับเงยหน้ามองมาที่เขา ราวกับกําลังร้องขอความเมตตา “เจ้าคิดว่าอุบายที่ทําร้ายตัวเองแบบนี้จะทําให้ข้าให้อภัยอย่างงั้นเหรอ?” เทียนหยุนมองพวกเธออย่างเฉยชา อย่าว่าแต่โขกจนหัวแตกเลย ต่อให้ตัดแขน ก็ไม่ได้มีความหมายแม้แต่น้อย นายน้อยฉีหน้าเปลี่ยนสี พร้อมกับพูดด้วยท่าทางหวาดกลัวว่า “มะ ไม่ใช่… ย่อมไม่ใช่อย่างแน่นอน ข้าไม่ได้เอาชื่อของฝ่าบาทออกมาใช้ประโยชน์จริงๆพะยะค่ะ….” “เรื่องนี้ข้าจะส่งคนไปสืบอีกที ส่วนเจ้าก็ต้องอยู่ที่นี่เป็นตัวประกันของวังโหมวเทียน ดูว่าคนที่ข้าให้เป็นสืบข่าวจะได้ความว่ายังไง” เทียนหยุนมองไปที่พวกเขา จากนั้นก็พูดกับจ้าวอวี่ว่า “พวกเจ้าสามคนไปสืบเรื่องนี้มา ให้ข้าไปสืบดูว่าวังโหมวเทียนใช้ชื่อข้าไปทําอะไรไว้บ้างแล้ว” “เพคะ ฝ่าบาท….” ผู้อาวุโสไปื้อที่รู้สึกว่าแรงกดดันไม่มีแล้ว จึงได้รีบลุกขึ้น พร้อมกับพยักหน้าหงิกหงัก เว่ยอขึ้นเองก็รีบพยักหน้าเช่นกัน ส่วนจาวอวเองก็ไม่ได้แย้งอะไร เอาจริงๆคือไม่กล้แย้ง พร้อมกับรีบออกไปสืบข่าวที่ได้รับหมอบหมายในทันที มีแต่นายน้อยเท่านั้นที่ยังคงคุกเข่าอยู่ พร้อมกับสีหน้าที่ยิ่งมายิ่งน่าเกลียด ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจจนล่าไส้บิดเขียว หากว่ารู้มาก่อน เขาคงไม่คุยโม้จนเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ ตอนแรกเขาคิดว่าอี้เทียนหยุนคงไม่มาที่นี่ แต่ไม่คิดว่าไม่เพียงแต่จะมาเท่านั้น แต่ยังบังเอิญไปเจอกับลูกน้องโง่ๆของเขาอีก! “มหาจักรพรรดิเทียนหยุน หรือจะให้วังไปเหลียนของพวกเราส่งคนไปช่วยท่านสืบเรื่องนี้เพิ่มดี? นี่ถือเป็นการชดใช้ต่อความไม่สุภาพของพวกเรา” ในตอนนี้เอง ประมุขวังไปเหลี่ยนที่อยู่ใกล้ๆก็ได้เสนอหน้าพร้อมกับพูดด้วยความสุภาพ เทียนหยุนพยักหน้า พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ก็ดี รบกวนเจ้าด้วย” “ไม่ได้เป็นการรบกวน ไม่ได้เป็นการรบกวนเลยจริงๆ!” ไป๋อวี่เหลียนเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา ต่อให้จะเป็นการรบกวน เธอก็คงไม่กล้าพูดออกไปหรอก เมื่อเธอได้รู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวแล้ว รู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอยังจะกล้าพูดว่าเป็นการรบกวนอีกเหรอ? ฝั่งตรงข้ามไม่ได้หลอกอะไรพวกเธอชัดๆ แต่เป็นพวกเธอต่างหากที่ไม่เชื่อเอง จากนั้น ไป๋อวี่เหลียนก็ได้ส่งศิษย์นับไปถ้วนออกไปสืบข่าว แต่นายน้อยฉียังคงคุกเข่าอยู่กับที่ไม่กล้าที่จะลุกขึ้น เทียนหยุนไม่สั่งให้เขาลุก แล้วเขาจะกล่าลุกได้ยังไง? นายน้อยฉีได้แต่หวังว่าข่าวที่สืบมาจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องตายอย่างแน่นอน แต่เมื่อคิดถึงการกระทําของตนแล้ว ก็ยิ่งทําให้เหงื่อของเขาไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากสั่งให้ศิษย์ทุกคนออกไปสืบข่าวแล้ว ไป๋อวี่เหลียนก็ย่อเอวลง พร้อมกับพูดอย่างเคารพว่า “มหาจักรพรรดิเทียนหยุน ได้ยินว่าพระองค์เรียกหากระหม่อม?” เธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าทําไมเทียนหยุนถึงได้มองหาตน เธอจําได้ว่าตัวเองไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับอาณาจักรเทียนหยุน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นไปไม่ได้ที่จะไปหาเรื่องอาณาจักรเทียนหยุนด้วย “…” สายตาของเธอเลื่อนไปยังอวี่ชีเชี่ยนที่อยู่ใกล้ๆ รู้สึกว่าเธอคนนี้คือกุญแจสําคัญ อวี่ชีเชี่ยนไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือพรสวรรค์ ทั่วทั้งวังไปเหลียนแห่งนี้ล้วนแต่ยืนอยู่แถวหน้า มีคนตามจีบเธอหลายคน และนายน้อยฉีก็เป็นหนึ่งในคนพวกนั้น แต่ใครจะคิดล่ะว่าคราวนี้เขาจะลงมืออย่างรุนแรง ถึงกับใช้ชื่อเสียงของอาณาจักรเทียนหยุนเพื่อบังคับจีบเธอ แต่ใครจะรู้ว่าคราวนี้เขาจะเตะถูกแผ่นเหล็กเข้า ถึงกับส่งคนมาจับคนต่อหน้าอี้เทียนหยุน! และเมื่อคิดว่าเธอมีสิทธิ์ที่จะกลายเป็นจักรพรรดินี ในใจไป๋อวี่เหลียนก็ท่วมท้นไปด้วยความสุข หากว่าสามารถเป็นจักรพรรดินีได้จริงๆ วังไปเหลียนของพวกเธอจะต้องทะยานขึ้นฟ้าอย่างแน่นอน! เมื่อถึงตอนนั้น ใครจะกล้ามาหาเรื่องพวกเธอ? “หยุดความเลอะเลือนของเจ้าซะ ข้าเคยเจอกับคุณหนูอวี่มาก่อน ทั้งเธอยังเอ่ยเดือนข้าด้วยเจตนาดี ดังนั้นข้าจึงได้ช่วยเธอไว้” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ อวี่ชีเชี่ยนที่อยู่ใกล้ๆ พูดขึ้น “เรียนฝ่าบาท ข้าเคยช่วยพระองค์มาก่อนอย่างงั้นเหรอเพคะ?” เธอคิดไม่ออกจริงๆว่าเคยช่วยเทียนหยุนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้ก่อนหน้านี้จะเคยเจอกัน แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้คุยกันแม้แต่ครึ่งค่า ซึ่งนี่ห่างไกลจากค่าว่าช่วยเหลือมาก “นี่?” เมื่อเทียนหยุนหันไปมองเธอ เขาก็เอามือลูบหน้าตัวเองเบาๆ พร้อมกับใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ หลังจากเห็นใบหน้านี้ชัดแล้ว เขาก็รีบเอามือลูบหน้าตัวเองอีกครั้ง เก็บหน้ากากร้อยแปลงไว้โดยที่คนอื่นไม่ทันเห็น “ปะ เป็นพระองค์…..” อวี่ชีเชียนตกใจ คราวนี้ในที่สุดเธอก็รู้ว่าเธอเคยช่วยเทียนหยุนไว้ตอนไหน ไม่คิดว่าจะเป็นก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ตอนที่เจอกันที่เกาะโหมวหยุน เรื่องนี้ทําเอาเธอตกใจจริงๆ นี่เป็นเรื่องที่นานมาแล้ว นานจนเธอเกือบลืม ใบหน้านี้ ช่างคิดไม่ถึงจริงๆ “ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหม?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “หากว่าวังไปเหลียนปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี เจ้าสามารถมาที่อาณาจักรเทียนหยุนของข้าได้ ข้าสามารถมอบตําแหน่งดีๆให้เจ้าได้” การแย่งคนต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ไม่ได้ทําให้ไอวี่เหลี่ยนที่อยู่ใกล้ๆไม่พอใจ กลับกัน เธอกลับรู้สึกมีความสุขแทน! แม้ว่าจะไม่ได้เป็นจักรพรรดินี แต่แค่สามารถนั่งในตําแหน่งสําคัญของอาณาจักรเทียนหยุนได้ แค่นี้ก็สามารถช่วยวังไปเหลียนได้แล้ว! “ระ รู้แล้วเพคะ ” อวชีเชียนตกใจ เธอไม่คิดเลยว่าการเอ่ยเดือนด้วยความใจดีของเธอ จะทําให้เกิดประโยชน์เช่นนี้ แค่นี้ก็ทําให้ฝ่าบาทมาหาเธอได้ด้วย? เทียนหยุนไม่ใช่คนโง่ เขาไม่ได้มาหาเธอเพราะว่าสวย พูดไปแล้ว อวชีเชียนก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงคนหนึ่ง ทั้งยังมีฐานะที่ไม่ได้ย่าแย่แต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเอ่ยเตือนเขาด้วยความเต็มใจ เธอเป็นการรับรองว่าเธอเป็นคนที่จิตใจดีคนหนึ่ง จิตใจที่ดีเป็นสิ่งที่เขาให้ความสําคัญเป็นอันดับแรก ยิ่งกว่านั้น มาตรฐานของเธอเองก็ไม่ได้แย่ ดังนั้นจึงเหมาะอย่างมากที่จะเป็นขุนนางของอาณาจักรเทียนหยุนเขา อี้เทียนหยุนยิ้ม และก็ไม่พูดอะไรอีก จากนั้นเดินเข้าไปในวังไป์เหลียน ไป๋อวี่เหลียนก็ตามไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับโบกมือเรียกให้อวีซีเชียนตามมาด้วย แม้ว่าจะไม่ได้มาหาอว์ชีเชียนโดยเฉพาะ แต่อย่างน้อยก็มีความรู้สึกประทับใจให้กับเธอ แค่นี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีแล้ว อวชีเชี่ยนพยักหน้า จากนั้นก็เดินตามไป อยากจะรู้ว่ามีเรื่องอะไร “เออใช่ เจ้าจงอยู่ที่นี่ คอยฟังข่าวที่สืบกลับมา หากว่าเจ้ากล้าไปจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว คงจะรู้ผลลัพธ์ที่ตามมานะ” สีหน้าอี้เทียนหยุนนิ่งมาก แต่นายน้อยฉีที่ได้ฟัง กลับรู้สึกว่ามันน่ากลัวอย่างถึงที่สุด “พะ พะยะค่ะ…. กระหม่อนจะไม่ไปจากที่นี่แม้แต่ครึ่งก้าว” ต่อให้อี้เทียนหยุนไม่พูด เขาก็ไม่กล้าจากไปแม้แต่ครึ่งก้าว ทําได้เพียงคุกเข่าอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง แม้ว่าจะดูเสียหน้า แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสําคัญ ลูกผู้ชายที่แท้จริง ต้องสามารถปรับตัวตามสถานการณ์ อีกทั้งการที่สามารถคุกเข่าต่อหน้ามหาจักรพรรดิเทียนหยุนได้ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหน้าแต่อย่างใด
CLS ตอนที่ 612: ข้าเอง
ผู้ชมต่างก็ได้ยินเพียงแต่เสียงโขกศีรษะ พร้อมกับบรรยากาศที่ค่อยๆจับตัวเป็นก้อน แต่ก็ไม่มีใครกล้ากระโดดออกมาห้าม
โดยเฉพาะนายน้อยฉีที่ตอนนี้ยังคงโชกศีรษะอยู่ ตอนนี้หน้าผากของเขาย้อมไปด้วยเลือดสีแดงแล้ว แต่เขาก็ทําได้เพียงโขกศีรษะต่อไป เพื่อวิงวอนให้อี้เทียนหยุนให้อภัย และในตอนนี้ คนอื่นๆในวังไป๋เหลียนก็ได้ถูก เสียงเอะอะชักนํามา แต่พวกเธอก็พากันยืนอยู่บริเวณรอบๆอย่างเงียบๆเท่านั้น ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปาก แม้แต่ประมุขที่มาถึง ก็ยังท่าได้เพียงยืนดูอยู่เงียบๆ ไม่กล้าพูดออกมาเช่นกัน
ประมุขวิ่งไปเหลียนเป็นหญิงงามอายุประมาณ 40 ปี แต่ยังดูเหมือนสาวอยู่ และตอนนี้เธอก็ทําตัวเหมือนกับเป็นสาวใช้ยืนอยู่ใกล้ๆเทียนหยุน พร้อมกับประสานมือไว้ที่หน้าท้อง ขณะที่มองดูทุกอย่างด้วยสีหน้าเย็นชา
ระดับของเธอนั้นถือว่าดีเยี่ยม เป็นถึงระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 8 แต่ว่าระดับนี้สําหรับเทียนหยุน ก็เป็นเรื่องที่แค่ตบฝ่ามือออกไปก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายแล้ว
ผู้อาวุโสไป๋อ กับพวกพากันโขกศีรษะจนหน้าผากแตก แต่ประมุขวังไปเหลียนกลับไม่เดินออกมาพูดแม้แต่ครึ่งคำ
ในโลกนี้พูดคุยกันด้วยความแข็งแกร่ง ต่อให้เรื่องที่อี้เทียนหยุนจะเป็นสิ่งที่ผิด แต่พวกเธอก็ทําได้เพียงแค่กล้ํากลืนเอาไว้เท่านั้น หากว่าขัดขึ้น อาจจะทําให้เกิดหายนะตามมาได้
และตอนนี้เธอยังรู้ถึงที่มาที่ไปของเรื่องราวแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป
“พอแล้ว”
อี้เทียนหยุนยกมือขึ้นเบาๆ พวกเธอก็พากันหยุดพร้อมกับเงยหน้ามองมาที่เขา ราวกับกําลังร้องขอความเมตตา
“เจ้าคิดว่าอุบายที่ทําร้ายตัวเองแบบนี้จะทําให้ข้าให้อภัยอย่างงั้นเหรอ?” เทียนหยุนมองพวกเธออย่างเฉยชา อย่าว่าแต่โขกจนหัวแตกเลย ต่อให้ตัดแขน ก็ไม่ได้มีความหมายแม้แต่น้อย
นายน้อยฉีหน้าเปลี่ยนสี พร้อมกับพูดด้วยท่าทางหวาดกลัวว่า “มะ ไม่ใช่… ย่อมไม่ใช่อย่างแน่นอน ข้าไม่ได้เอาชื่อของฝ่าบาทออกมาใช้ประโยชน์จริงๆพะยะค่ะ….”
“เรื่องนี้ข้าจะส่งคนไปสืบอีกที ส่วนเจ้าก็ต้องอยู่ที่นี่เป็นตัวประกันของวังโหมวเทียน ดูว่าคนที่ข้าให้เป็นสืบข่าวจะได้ความว่ายังไง” เทียนหยุนมองไปที่พวกเขา จากนั้นก็พูดกับจ้าวอวี่ว่า “พวกเจ้าสามคนไปสืบเรื่องนี้มา ให้ข้าไปสืบดูว่าวังโหมวเทียนใช้ชื่อข้าไปทําอะไรไว้บ้างแล้ว”
“เพคะ ฝ่าบาท….”
ผู้อาวุโสไปื้อที่รู้สึกว่าแรงกดดันไม่มีแล้ว จึงได้รีบลุกขึ้น พร้อมกับพยักหน้าหงิกหงัก เว่ยอขึ้นเองก็รีบพยักหน้าเช่นกัน ส่วนจาวอวเองก็ไม่ได้แย้งอะไร เอาจริงๆคือไม่กล้แย้ง พร้อมกับรีบออกไปสืบข่าวที่ได้รับหมอบหมายในทันที
มีแต่นายน้อยเท่านั้นที่ยังคงคุกเข่าอยู่ พร้อมกับสีหน้าที่ยิ่งมายิ่งน่าเกลียด ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจจนล่าไส้บิดเขียว หากว่ารู้มาก่อน เขาคงไม่คุยโม้จนเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ ตอนแรกเขาคิดว่าอี้เทียนหยุนคงไม่มาที่นี่ แต่ไม่คิดว่าไม่เพียงแต่จะมาเท่านั้น แต่ยังบังเอิญไปเจอกับลูกน้องโง่ๆของเขาอีก!
“มหาจักรพรรดิเทียนหยุน หรือจะให้วังไปเหลียนของพวกเราส่งคนไปช่วยท่านสืบเรื่องนี้เพิ่มดี? นี่ถือเป็นการชดใช้ต่อความไม่สุภาพของพวกเรา” ในตอนนี้เอง ประมุขวังไปเหลี่ยนที่อยู่ใกล้ๆก็ได้เสนอหน้าพร้อมกับพูดด้วยความสุภาพ
เทียนหยุนพยักหน้า พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ก็ดี รบกวนเจ้าด้วย”
“ไม่ได้เป็นการรบกวน ไม่ได้เป็นการรบกวนเลยจริงๆ!” ไป๋อวี่เหลียนเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา ต่อให้จะเป็นการรบกวน เธอก็คงไม่กล้าพูดออกไปหรอก
เมื่อเธอได้รู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวแล้ว รู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอยังจะกล้าพูดว่าเป็นการรบกวนอีกเหรอ? ฝั่งตรงข้ามไม่ได้หลอกอะไรพวกเธอชัดๆ แต่เป็นพวกเธอต่างหากที่ไม่เชื่อเอง
จากนั้น ไป๋อวี่เหลียนก็ได้ส่งศิษย์นับไปถ้วนออกไปสืบข่าว แต่นายน้อยฉียังคงคุกเข่าอยู่กับที่ไม่กล้าที่จะลุกขึ้น เทียนหยุนไม่สั่งให้เขาลุก แล้วเขาจะกล่าลุกได้ยังไง?
นายน้อยฉีได้แต่หวังว่าข่าวที่สืบมาจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องตายอย่างแน่นอน แต่เมื่อคิดถึงการกระทําของตนแล้ว ก็ยิ่งทําให้เหงื่อของเขาไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากสั่งให้ศิษย์ทุกคนออกไปสืบข่าวแล้ว ไป๋อวี่เหลียนก็ย่อเอวลง พร้อมกับพูดอย่างเคารพว่า “มหาจักรพรรดิเทียนหยุน ได้ยินว่าพระองค์เรียกหากระหม่อม?”
เธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าทําไมเทียนหยุนถึงได้มองหาตน เธอจําได้ว่าตัวเองไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับอาณาจักรเทียนหยุน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นไปไม่ได้ที่จะไปหาเรื่องอาณาจักรเทียนหยุนด้วย
“…” สายตาของเธอเลื่อนไปยังอวี่ชีเชี่ยนที่อยู่ใกล้ๆ รู้สึกว่าเธอคนนี้คือกุญแจสําคัญ
อวี่ชีเชี่ยนไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือพรสวรรค์ ทั่วทั้งวังไปเหลียนแห่งนี้ล้วนแต่ยืนอยู่แถวหน้า มีคนตามจีบเธอหลายคน และนายน้อยฉีก็เป็นหนึ่งในคนพวกนั้น แต่ใครจะคิดล่ะว่าคราวนี้เขาจะลงมืออย่างรุนแรง ถึงกับใช้ชื่อเสียงของอาณาจักรเทียนหยุนเพื่อบังคับจีบเธอ
แต่ใครจะรู้ว่าคราวนี้เขาจะเตะถูกแผ่นเหล็กเข้า ถึงกับส่งคนมาจับคนต่อหน้าอี้เทียนหยุน!
และเมื่อคิดว่าเธอมีสิทธิ์ที่จะกลายเป็นจักรพรรดินี ในใจไป๋อวี่เหลียนก็ท่วมท้นไปด้วยความสุข หากว่าสามารถเป็นจักรพรรดินีได้จริงๆ วังไปเหลียนของพวกเธอจะต้องทะยานขึ้นฟ้าอย่างแน่นอน! เมื่อถึงตอนนั้น ใครจะกล้ามาหาเรื่องพวกเธอ?
“หยุดความเลอะเลือนของเจ้าซะ ข้าเคยเจอกับคุณหนูอวี่มาก่อน ทั้งเธอยังเอ่ยเดือนข้าด้วยเจตนาดี ดังนั้นข้าจึงได้ช่วยเธอไว้” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
อวี่ชีเชี่ยนที่อยู่ใกล้ๆ พูดขึ้น “เรียนฝ่าบาท ข้าเคยช่วยพระองค์มาก่อนอย่างงั้นเหรอเพคะ?”
เธอคิดไม่ออกจริงๆว่าเคยช่วยเทียนหยุนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้ก่อนหน้านี้จะเคยเจอกัน แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้คุยกันแม้แต่ครึ่งค่า ซึ่งนี่ห่างไกลจากค่าว่าช่วยเหลือมาก
“นี่?”
เมื่อเทียนหยุนหันไปมองเธอ เขาก็เอามือลูบหน้าตัวเองเบาๆ พร้อมกับใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ หลังจากเห็นใบหน้านี้ชัดแล้ว เขาก็รีบเอามือลูบหน้าตัวเองอีกครั้ง เก็บหน้ากากร้อยแปลงไว้โดยที่คนอื่นไม่ทันเห็น
“ปะ เป็นพระองค์…..”
อวี่ชีเชียนตกใจ คราวนี้ในที่สุดเธอก็รู้ว่าเธอเคยช่วยเทียนหยุนไว้ตอนไหน ไม่คิดว่าจะเป็นก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ตอนที่เจอกันที่เกาะโหมวหยุน เรื่องนี้ทําเอาเธอตกใจจริงๆ นี่เป็นเรื่องที่นานมาแล้ว นานจนเธอเกือบลืม
ใบหน้านี้ ช่างคิดไม่ถึงจริงๆ
“ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหม?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “หากว่าวังไปเหลียนปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี เจ้าสามารถมาที่อาณาจักรเทียนหยุนของข้าได้ ข้าสามารถมอบตําแหน่งดีๆให้เจ้าได้”
การแย่งคนต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ไม่ได้ทําให้ไอวี่เหลี่ยนที่อยู่ใกล้ๆไม่พอใจ กลับกัน เธอกลับรู้สึกมีความสุขแทน! แม้ว่าจะไม่ได้เป็นจักรพรรดินี แต่แค่สามารถนั่งในตําแหน่งสําคัญของอาณาจักรเทียนหยุนได้ แค่นี้ก็สามารถช่วยวังไปเหลียนได้แล้ว!
“ระ รู้แล้วเพคะ ” อวชีเชียนตกใจ เธอไม่คิดเลยว่าการเอ่ยเดือนด้วยความใจดีของเธอ จะทําให้เกิดประโยชน์เช่นนี้ แค่นี้ก็ทําให้ฝ่าบาทมาหาเธอได้ด้วย?
เทียนหยุนไม่ใช่คนโง่ เขาไม่ได้มาหาเธอเพราะว่าสวย พูดไปแล้ว อวชีเชียนก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงคนหนึ่ง ทั้งยังมีฐานะที่ไม่ได้ย่าแย่แต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเอ่ยเตือนเขาด้วยความเต็มใจ เธอเป็นการรับรองว่าเธอเป็นคนที่จิตใจดีคนหนึ่ง
จิตใจที่ดีเป็นสิ่งที่เขาให้ความสําคัญเป็นอันดับแรก ยิ่งกว่านั้น มาตรฐานของเธอเองก็ไม่ได้แย่ ดังนั้นจึงเหมาะอย่างมากที่จะเป็นขุนนางของอาณาจักรเทียนหยุนเขา
อี้เทียนหยุนยิ้ม และก็ไม่พูดอะไรอีก จากนั้นเดินเข้าไปในวังไป์เหลียน ไป๋อวี่เหลียนก็ตามไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับโบกมือเรียกให้อวีซีเชียนตามมาด้วย แม้ว่าจะไม่ได้มาหาอว์ชีเชียนโดยเฉพาะ แต่อย่างน้อยก็มีความรู้สึกประทับใจให้กับเธอ แค่นี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีแล้ว
อวชีเชี่ยนพยักหน้า จากนั้นก็เดินตามไป อยากจะรู้ว่ามีเรื่องอะไร
“เออใช่ เจ้าจงอยู่ที่นี่ คอยฟังข่าวที่สืบกลับมา หากว่าเจ้ากล้าไปจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว คงจะรู้ผลลัพธ์ที่ตามมานะ” สีหน้าอี้เทียนหยุนนิ่งมาก แต่นายน้อยฉีที่ได้ฟัง กลับรู้สึกว่ามันน่ากลัวอย่างถึงที่สุด
“พะ พะยะค่ะ…. กระหม่อนจะไม่ไปจากที่นี่แม้แต่ครึ่งก้าว”
ต่อให้อี้เทียนหยุนไม่พูด เขาก็ไม่กล้าจากไปแม้แต่ครึ่งก้าว ทําได้เพียงคุกเข่าอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง แม้ว่าจะดูเสียหน้า แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสําคัญ ลูกผู้ชายที่แท้จริง ต้องสามารถปรับตัวตามสถานการณ์ อีกทั้งการที่สามารถคุกเข่าต่อหน้ามหาจักรพรรดิเทียนหยุนได้ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหน้าแต่อย่างใด
Comments
Crazy Leveling System 612: ข้าเอง
CLS ตอนที่ 612: ข้าเอง ผู้ชมต่างก็ได้ยินเพียงแต่เสียงโขกศีรษะ พร้อมกับบรรยากาศที่ค่อยๆจับตัวเป็นก้อน แต่ก็ไม่มีใครกล้ากระโดดออกมาห้าม โดยเฉพาะนายน้อยฉีที่ตอนนี้ยังคงโชกศีรษะอยู่ ตอนนี้หน้าผากของเขาย้อมไปด้วยเลือดสีแดงแล้ว แต่เขาก็ทําได้เพียงโขกศีรษะต่อไป เพื่อวิงวอนให้อี้เทียนหยุนให้อภัย และในตอนนี้ คนอื่นๆในวังไป๋เหลียนก็ได้ถูก เสียงเอะอะชักนํามา แต่พวกเธอก็พากันยืนอยู่บริเวณรอบๆอย่างเงียบๆเท่านั้น ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปาก แม้แต่ประมุขที่มาถึง ก็ยังท่าได้เพียงยืนดูอยู่เงียบๆ ไม่กล้าพูดออกมาเช่นกัน ประมุขวิ่งไปเหลียนเป็นหญิงงามอายุประมาณ 40 ปี แต่ยังดูเหมือนสาวอยู่ และตอนนี้เธอก็ทําตัวเหมือนกับเป็นสาวใช้ยืนอยู่ใกล้ๆเทียนหยุน พร้อมกับประสานมือไว้ที่หน้าท้อง ขณะที่มองดูทุกอย่างด้วยสีหน้าเย็นชา ระดับของเธอนั้นถือว่าดีเยี่ยม เป็นถึงระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 8 แต่ว่าระดับนี้สําหรับเทียนหยุน ก็เป็นเรื่องที่แค่ตบฝ่ามือออกไปก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายแล้ว ผู้อาวุโสไป๋อ กับพวกพากันโขกศีรษะจนหน้าผากแตก แต่ประมุขวังไปเหลียนกลับไม่เดินออกมาพูดแม้แต่ครึ่งคำ ในโลกนี้พูดคุยกันด้วยความแข็งแกร่ง ต่อให้เรื่องที่อี้เทียนหยุนจะเป็นสิ่งที่ผิด แต่พวกเธอก็ทําได้เพียงแค่กล้ํากลืนเอาไว้เท่านั้น หากว่าขัดขึ้น อาจจะทําให้เกิดหายนะตามมาได้ และตอนนี้เธอยังรู้ถึงที่มาที่ไปของเรื่องราวแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป “พอแล้ว” อี้เทียนหยุนยกมือขึ้นเบาๆ พวกเธอก็พากันหยุดพร้อมกับเงยหน้ามองมาที่เขา ราวกับกําลังร้องขอความเมตตา “เจ้าคิดว่าอุบายที่ทําร้ายตัวเองแบบนี้จะทําให้ข้าให้อภัยอย่างงั้นเหรอ?” เทียนหยุนมองพวกเธออย่างเฉยชา อย่าว่าแต่โขกจนหัวแตกเลย ต่อให้ตัดแขน ก็ไม่ได้มีความหมายแม้แต่น้อย นายน้อยฉีหน้าเปลี่ยนสี พร้อมกับพูดด้วยท่าทางหวาดกลัวว่า “มะ ไม่ใช่… ย่อมไม่ใช่อย่างแน่นอน ข้าไม่ได้เอาชื่อของฝ่าบาทออกมาใช้ประโยชน์จริงๆพะยะค่ะ….” “เรื่องนี้ข้าจะส่งคนไปสืบอีกที ส่วนเจ้าก็ต้องอยู่ที่นี่เป็นตัวประกันของวังโหมวเทียน ดูว่าคนที่ข้าให้เป็นสืบข่าวจะได้ความว่ายังไง” เทียนหยุนมองไปที่พวกเขา จากนั้นก็พูดกับจ้าวอวี่ว่า “พวกเจ้าสามคนไปสืบเรื่องนี้มา ให้ข้าไปสืบดูว่าวังโหมวเทียนใช้ชื่อข้าไปทําอะไรไว้บ้างแล้ว” “เพคะ ฝ่าบาท….” ผู้อาวุโสไปื้อที่รู้สึกว่าแรงกดดันไม่มีแล้ว จึงได้รีบลุกขึ้น พร้อมกับพยักหน้าหงิกหงัก เว่ยอขึ้นเองก็รีบพยักหน้าเช่นกัน ส่วนจาวอวเองก็ไม่ได้แย้งอะไร เอาจริงๆคือไม่กล้แย้ง พร้อมกับรีบออกไปสืบข่าวที่ได้รับหมอบหมายในทันที มีแต่นายน้อยเท่านั้นที่ยังคงคุกเข่าอยู่ พร้อมกับสีหน้าที่ยิ่งมายิ่งน่าเกลียด ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจจนล่าไส้บิดเขียว หากว่ารู้มาก่อน เขาคงไม่คุยโม้จนเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ ตอนแรกเขาคิดว่าอี้เทียนหยุนคงไม่มาที่นี่ แต่ไม่คิดว่าไม่เพียงแต่จะมาเท่านั้น แต่ยังบังเอิญไปเจอกับลูกน้องโง่ๆของเขาอีก! “มหาจักรพรรดิเทียนหยุน หรือจะให้วังไปเหลียนของพวกเราส่งคนไปช่วยท่านสืบเรื่องนี้เพิ่มดี? นี่ถือเป็นการชดใช้ต่อความไม่สุภาพของพวกเรา” ในตอนนี้เอง ประมุขวังไปเหลี่ยนที่อยู่ใกล้ๆก็ได้เสนอหน้าพร้อมกับพูดด้วยความสุภาพ เทียนหยุนพยักหน้า พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ก็ดี รบกวนเจ้าด้วย” “ไม่ได้เป็นการรบกวน ไม่ได้เป็นการรบกวนเลยจริงๆ!” ไป๋อวี่เหลียนเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา ต่อให้จะเป็นการรบกวน เธอก็คงไม่กล้าพูดออกไปหรอก เมื่อเธอได้รู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวแล้ว รู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอยังจะกล้าพูดว่าเป็นการรบกวนอีกเหรอ? ฝั่งตรงข้ามไม่ได้หลอกอะไรพวกเธอชัดๆ แต่เป็นพวกเธอต่างหากที่ไม่เชื่อเอง จากนั้น ไป๋อวี่เหลียนก็ได้ส่งศิษย์นับไปถ้วนออกไปสืบข่าว แต่นายน้อยฉียังคงคุกเข่าอยู่กับที่ไม่กล้าที่จะลุกขึ้น เทียนหยุนไม่สั่งให้เขาลุก แล้วเขาจะกล่าลุกได้ยังไง? นายน้อยฉีได้แต่หวังว่าข่าวที่สืบมาจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องตายอย่างแน่นอน แต่เมื่อคิดถึงการกระทําของตนแล้ว ก็ยิ่งทําให้เหงื่อของเขาไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากสั่งให้ศิษย์ทุกคนออกไปสืบข่าวแล้ว ไป๋อวี่เหลียนก็ย่อเอวลง พร้อมกับพูดอย่างเคารพว่า “มหาจักรพรรดิเทียนหยุน ได้ยินว่าพระองค์เรียกหากระหม่อม?” เธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าทําไมเทียนหยุนถึงได้มองหาตน เธอจําได้ว่าตัวเองไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับอาณาจักรเทียนหยุน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นไปไม่ได้ที่จะไปหาเรื่องอาณาจักรเทียนหยุนด้วย “…” สายตาของเธอเลื่อนไปยังอวี่ชีเชี่ยนที่อยู่ใกล้ๆ รู้สึกว่าเธอคนนี้คือกุญแจสําคัญ อวี่ชีเชี่ยนไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือพรสวรรค์ ทั่วทั้งวังไปเหลียนแห่งนี้ล้วนแต่ยืนอยู่แถวหน้า มีคนตามจีบเธอหลายคน และนายน้อยฉีก็เป็นหนึ่งในคนพวกนั้น แต่ใครจะคิดล่ะว่าคราวนี้เขาจะลงมืออย่างรุนแรง ถึงกับใช้ชื่อเสียงของอาณาจักรเทียนหยุนเพื่อบังคับจีบเธอ แต่ใครจะรู้ว่าคราวนี้เขาจะเตะถูกแผ่นเหล็กเข้า ถึงกับส่งคนมาจับคนต่อหน้าอี้เทียนหยุน! และเมื่อคิดว่าเธอมีสิทธิ์ที่จะกลายเป็นจักรพรรดินี ในใจไป๋อวี่เหลียนก็ท่วมท้นไปด้วยความสุข หากว่าสามารถเป็นจักรพรรดินีได้จริงๆ วังไปเหลียนของพวกเธอจะต้องทะยานขึ้นฟ้าอย่างแน่นอน! เมื่อถึงตอนนั้น ใครจะกล้ามาหาเรื่องพวกเธอ? “หยุดความเลอะเลือนของเจ้าซะ ข้าเคยเจอกับคุณหนูอวี่มาก่อน ทั้งเธอยังเอ่ยเดือนข้าด้วยเจตนาดี ดังนั้นข้าจึงได้ช่วยเธอไว้” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ อวี่ชีเชี่ยนที่อยู่ใกล้ๆ พูดขึ้น “เรียนฝ่าบาท ข้าเคยช่วยพระองค์มาก่อนอย่างงั้นเหรอเพคะ?” เธอคิดไม่ออกจริงๆว่าเคยช่วยเทียนหยุนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้ก่อนหน้านี้จะเคยเจอกัน แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้คุยกันแม้แต่ครึ่งค่า ซึ่งนี่ห่างไกลจากค่าว่าช่วยเหลือมาก “นี่?” เมื่อเทียนหยุนหันไปมองเธอ เขาก็เอามือลูบหน้าตัวเองเบาๆ พร้อมกับใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ หลังจากเห็นใบหน้านี้ชัดแล้ว เขาก็รีบเอามือลูบหน้าตัวเองอีกครั้ง เก็บหน้ากากร้อยแปลงไว้โดยที่คนอื่นไม่ทันเห็น “ปะ เป็นพระองค์…..” อวี่ชีเชียนตกใจ คราวนี้ในที่สุดเธอก็รู้ว่าเธอเคยช่วยเทียนหยุนไว้ตอนไหน ไม่คิดว่าจะเป็นก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ตอนที่เจอกันที่เกาะโหมวหยุน เรื่องนี้ทําเอาเธอตกใจจริงๆ นี่เป็นเรื่องที่นานมาแล้ว นานจนเธอเกือบลืม ใบหน้านี้ ช่างคิดไม่ถึงจริงๆ “ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหม?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “หากว่าวังไปเหลียนปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี เจ้าสามารถมาที่อาณาจักรเทียนหยุนของข้าได้ ข้าสามารถมอบตําแหน่งดีๆให้เจ้าได้” การแย่งคนต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ไม่ได้ทําให้ไอวี่เหลี่ยนที่อยู่ใกล้ๆไม่พอใจ กลับกัน เธอกลับรู้สึกมีความสุขแทน! แม้ว่าจะไม่ได้เป็นจักรพรรดินี แต่แค่สามารถนั่งในตําแหน่งสําคัญของอาณาจักรเทียนหยุนได้ แค่นี้ก็สามารถช่วยวังไปเหลียนได้แล้ว! “ระ รู้แล้วเพคะ ” อวชีเชียนตกใจ เธอไม่คิดเลยว่าการเอ่ยเดือนด้วยความใจดีของเธอ จะทําให้เกิดประโยชน์เช่นนี้ แค่นี้ก็ทําให้ฝ่าบาทมาหาเธอได้ด้วย? เทียนหยุนไม่ใช่คนโง่ เขาไม่ได้มาหาเธอเพราะว่าสวย พูดไปแล้ว อวชีเชียนก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงคนหนึ่ง ทั้งยังมีฐานะที่ไม่ได้ย่าแย่แต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเอ่ยเตือนเขาด้วยความเต็มใจ เธอเป็นการรับรองว่าเธอเป็นคนที่จิตใจดีคนหนึ่ง จิตใจที่ดีเป็นสิ่งที่เขาให้ความสําคัญเป็นอันดับแรก ยิ่งกว่านั้น มาตรฐานของเธอเองก็ไม่ได้แย่ ดังนั้นจึงเหมาะอย่างมากที่จะเป็นขุนนางของอาณาจักรเทียนหยุนเขา อี้เทียนหยุนยิ้ม และก็ไม่พูดอะไรอีก จากนั้นเดินเข้าไปในวังไป์เหลียน ไป๋อวี่เหลียนก็ตามไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับโบกมือเรียกให้อวีซีเชียนตามมาด้วย แม้ว่าจะไม่ได้มาหาอว์ชีเชียนโดยเฉพาะ แต่อย่างน้อยก็มีความรู้สึกประทับใจให้กับเธอ แค่นี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีแล้ว อวชีเชี่ยนพยักหน้า จากนั้นก็เดินตามไป อยากจะรู้ว่ามีเรื่องอะไร “เออใช่ เจ้าจงอยู่ที่นี่ คอยฟังข่าวที่สืบกลับมา หากว่าเจ้ากล้าไปจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว คงจะรู้ผลลัพธ์ที่ตามมานะ” สีหน้าอี้เทียนหยุนนิ่งมาก แต่นายน้อยฉีที่ได้ฟัง กลับรู้สึกว่ามันน่ากลัวอย่างถึงที่สุด “พะ พะยะค่ะ…. กระหม่อนจะไม่ไปจากที่นี่แม้แต่ครึ่งก้าว” ต่อให้อี้เทียนหยุนไม่พูด เขาก็ไม่กล้าจากไปแม้แต่ครึ่งก้าว ทําได้เพียงคุกเข่าอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง แม้ว่าจะดูเสียหน้า แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสําคัญ ลูกผู้ชายที่แท้จริง ต้องสามารถปรับตัวตามสถานการณ์ อีกทั้งการที่สามารถคุกเข่าต่อหน้ามหาจักรพรรดิเทียนหยุนได้ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหน้าแต่อย่างใด
CLS ตอนที่ 612: ข้าเอง
ผู้ชมต่างก็ได้ยินเพียงแต่เสียงโขกศีรษะ พร้อมกับบรรยากาศที่ค่อยๆจับตัวเป็นก้อน แต่ก็ไม่มีใครกล้ากระโดดออกมาห้าม
โดยเฉพาะนายน้อยฉีที่ตอนนี้ยังคงโชกศีรษะอยู่ ตอนนี้หน้าผากของเขาย้อมไปด้วยเลือดสีแดงแล้ว แต่เขาก็ทําได้เพียงโขกศีรษะต่อไป เพื่อวิงวอนให้อี้เทียนหยุนให้อภัย และในตอนนี้ คนอื่นๆในวังไป๋เหลียนก็ได้ถูก เสียงเอะอะชักนํามา แต่พวกเธอก็พากันยืนอยู่บริเวณรอบๆอย่างเงียบๆเท่านั้น ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปาก แม้แต่ประมุขที่มาถึง ก็ยังท่าได้เพียงยืนดูอยู่เงียบๆ ไม่กล้าพูดออกมาเช่นกัน
ประมุขวิ่งไปเหลียนเป็นหญิงงามอายุประมาณ 40 ปี แต่ยังดูเหมือนสาวอยู่ และตอนนี้เธอก็ทําตัวเหมือนกับเป็นสาวใช้ยืนอยู่ใกล้ๆเทียนหยุน พร้อมกับประสานมือไว้ที่หน้าท้อง ขณะที่มองดูทุกอย่างด้วยสีหน้าเย็นชา
ระดับของเธอนั้นถือว่าดีเยี่ยม เป็นถึงระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 8 แต่ว่าระดับนี้สําหรับเทียนหยุน ก็เป็นเรื่องที่แค่ตบฝ่ามือออกไปก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายแล้ว
ผู้อาวุโสไป๋อ กับพวกพากันโขกศีรษะจนหน้าผากแตก แต่ประมุขวังไปเหลียนกลับไม่เดินออกมาพูดแม้แต่ครึ่งคำ
ในโลกนี้พูดคุยกันด้วยความแข็งแกร่ง ต่อให้เรื่องที่อี้เทียนหยุนจะเป็นสิ่งที่ผิด แต่พวกเธอก็ทําได้เพียงแค่กล้ํากลืนเอาไว้เท่านั้น หากว่าขัดขึ้น อาจจะทําให้เกิดหายนะตามมาได้
และตอนนี้เธอยังรู้ถึงที่มาที่ไปของเรื่องราวแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป
“พอแล้ว”
อี้เทียนหยุนยกมือขึ้นเบาๆ พวกเธอก็พากันหยุดพร้อมกับเงยหน้ามองมาที่เขา ราวกับกําลังร้องขอความเมตตา
“เจ้าคิดว่าอุบายที่ทําร้ายตัวเองแบบนี้จะทําให้ข้าให้อภัยอย่างงั้นเหรอ?” เทียนหยุนมองพวกเธออย่างเฉยชา อย่าว่าแต่โขกจนหัวแตกเลย ต่อให้ตัดแขน ก็ไม่ได้มีความหมายแม้แต่น้อย
นายน้อยฉีหน้าเปลี่ยนสี พร้อมกับพูดด้วยท่าทางหวาดกลัวว่า “มะ ไม่ใช่… ย่อมไม่ใช่อย่างแน่นอน ข้าไม่ได้เอาชื่อของฝ่าบาทออกมาใช้ประโยชน์จริงๆพะยะค่ะ….”
“เรื่องนี้ข้าจะส่งคนไปสืบอีกที ส่วนเจ้าก็ต้องอยู่ที่นี่เป็นตัวประกันของวังโหมวเทียน ดูว่าคนที่ข้าให้เป็นสืบข่าวจะได้ความว่ายังไง” เทียนหยุนมองไปที่พวกเขา จากนั้นก็พูดกับจ้าวอวี่ว่า “พวกเจ้าสามคนไปสืบเรื่องนี้มา ให้ข้าไปสืบดูว่าวังโหมวเทียนใช้ชื่อข้าไปทําอะไรไว้บ้างแล้ว”
“เพคะ ฝ่าบาท….”
ผู้อาวุโสไปื้อที่รู้สึกว่าแรงกดดันไม่มีแล้ว จึงได้รีบลุกขึ้น พร้อมกับพยักหน้าหงิกหงัก เว่ยอขึ้นเองก็รีบพยักหน้าเช่นกัน ส่วนจาวอวเองก็ไม่ได้แย้งอะไร เอาจริงๆคือไม่กล้แย้ง พร้อมกับรีบออกไปสืบข่าวที่ได้รับหมอบหมายในทันที
มีแต่นายน้อยเท่านั้นที่ยังคงคุกเข่าอยู่ พร้อมกับสีหน้าที่ยิ่งมายิ่งน่าเกลียด ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจจนล่าไส้บิดเขียว หากว่ารู้มาก่อน เขาคงไม่คุยโม้จนเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ ตอนแรกเขาคิดว่าอี้เทียนหยุนคงไม่มาที่นี่ แต่ไม่คิดว่าไม่เพียงแต่จะมาเท่านั้น แต่ยังบังเอิญไปเจอกับลูกน้องโง่ๆของเขาอีก!
“มหาจักรพรรดิเทียนหยุน หรือจะให้วังไปเหลียนของพวกเราส่งคนไปช่วยท่านสืบเรื่องนี้เพิ่มดี? นี่ถือเป็นการชดใช้ต่อความไม่สุภาพของพวกเรา” ในตอนนี้เอง ประมุขวังไปเหลี่ยนที่อยู่ใกล้ๆก็ได้เสนอหน้าพร้อมกับพูดด้วยความสุภาพ
เทียนหยุนพยักหน้า พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ก็ดี รบกวนเจ้าด้วย”
“ไม่ได้เป็นการรบกวน ไม่ได้เป็นการรบกวนเลยจริงๆ!” ไป๋อวี่เหลียนเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา ต่อให้จะเป็นการรบกวน เธอก็คงไม่กล้าพูดออกไปหรอก
เมื่อเธอได้รู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวแล้ว รู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอยังจะกล้าพูดว่าเป็นการรบกวนอีกเหรอ? ฝั่งตรงข้ามไม่ได้หลอกอะไรพวกเธอชัดๆ แต่เป็นพวกเธอต่างหากที่ไม่เชื่อเอง
จากนั้น ไป๋อวี่เหลียนก็ได้ส่งศิษย์นับไปถ้วนออกไปสืบข่าว แต่นายน้อยฉียังคงคุกเข่าอยู่กับที่ไม่กล้าที่จะลุกขึ้น เทียนหยุนไม่สั่งให้เขาลุก แล้วเขาจะกล่าลุกได้ยังไง?
นายน้อยฉีได้แต่หวังว่าข่าวที่สืบมาจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องตายอย่างแน่นอน แต่เมื่อคิดถึงการกระทําของตนแล้ว ก็ยิ่งทําให้เหงื่อของเขาไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากสั่งให้ศิษย์ทุกคนออกไปสืบข่าวแล้ว ไป๋อวี่เหลียนก็ย่อเอวลง พร้อมกับพูดอย่างเคารพว่า “มหาจักรพรรดิเทียนหยุน ได้ยินว่าพระองค์เรียกหากระหม่อม?”
เธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าทําไมเทียนหยุนถึงได้มองหาตน เธอจําได้ว่าตัวเองไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับอาณาจักรเทียนหยุน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นไปไม่ได้ที่จะไปหาเรื่องอาณาจักรเทียนหยุนด้วย
“…” สายตาของเธอเลื่อนไปยังอวี่ชีเชี่ยนที่อยู่ใกล้ๆ รู้สึกว่าเธอคนนี้คือกุญแจสําคัญ
อวี่ชีเชี่ยนไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือพรสวรรค์ ทั่วทั้งวังไปเหลียนแห่งนี้ล้วนแต่ยืนอยู่แถวหน้า มีคนตามจีบเธอหลายคน และนายน้อยฉีก็เป็นหนึ่งในคนพวกนั้น แต่ใครจะคิดล่ะว่าคราวนี้เขาจะลงมืออย่างรุนแรง ถึงกับใช้ชื่อเสียงของอาณาจักรเทียนหยุนเพื่อบังคับจีบเธอ
แต่ใครจะรู้ว่าคราวนี้เขาจะเตะถูกแผ่นเหล็กเข้า ถึงกับส่งคนมาจับคนต่อหน้าอี้เทียนหยุน!
และเมื่อคิดว่าเธอมีสิทธิ์ที่จะกลายเป็นจักรพรรดินี ในใจไป๋อวี่เหลียนก็ท่วมท้นไปด้วยความสุข หากว่าสามารถเป็นจักรพรรดินีได้จริงๆ วังไปเหลียนของพวกเธอจะต้องทะยานขึ้นฟ้าอย่างแน่นอน! เมื่อถึงตอนนั้น ใครจะกล้ามาหาเรื่องพวกเธอ?
“หยุดความเลอะเลือนของเจ้าซะ ข้าเคยเจอกับคุณหนูอวี่มาก่อน ทั้งเธอยังเอ่ยเดือนข้าด้วยเจตนาดี ดังนั้นข้าจึงได้ช่วยเธอไว้” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
อวี่ชีเชี่ยนที่อยู่ใกล้ๆ พูดขึ้น “เรียนฝ่าบาท ข้าเคยช่วยพระองค์มาก่อนอย่างงั้นเหรอเพคะ?”
เธอคิดไม่ออกจริงๆว่าเคยช่วยเทียนหยุนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้ก่อนหน้านี้จะเคยเจอกัน แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้คุยกันแม้แต่ครึ่งค่า ซึ่งนี่ห่างไกลจากค่าว่าช่วยเหลือมาก
“นี่?”
เมื่อเทียนหยุนหันไปมองเธอ เขาก็เอามือลูบหน้าตัวเองเบาๆ พร้อมกับใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ หลังจากเห็นใบหน้านี้ชัดแล้ว เขาก็รีบเอามือลูบหน้าตัวเองอีกครั้ง เก็บหน้ากากร้อยแปลงไว้โดยที่คนอื่นไม่ทันเห็น
“ปะ เป็นพระองค์…..”
อวี่ชีเชียนตกใจ คราวนี้ในที่สุดเธอก็รู้ว่าเธอเคยช่วยเทียนหยุนไว้ตอนไหน ไม่คิดว่าจะเป็นก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ตอนที่เจอกันที่เกาะโหมวหยุน เรื่องนี้ทําเอาเธอตกใจจริงๆ นี่เป็นเรื่องที่นานมาแล้ว นานจนเธอเกือบลืม
ใบหน้านี้ ช่างคิดไม่ถึงจริงๆ
“ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหม?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “หากว่าวังไปเหลียนปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี เจ้าสามารถมาที่อาณาจักรเทียนหยุนของข้าได้ ข้าสามารถมอบตําแหน่งดีๆให้เจ้าได้”
การแย่งคนต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ไม่ได้ทําให้ไอวี่เหลี่ยนที่อยู่ใกล้ๆไม่พอใจ กลับกัน เธอกลับรู้สึกมีความสุขแทน! แม้ว่าจะไม่ได้เป็นจักรพรรดินี แต่แค่สามารถนั่งในตําแหน่งสําคัญของอาณาจักรเทียนหยุนได้ แค่นี้ก็สามารถช่วยวังไปเหลียนได้แล้ว!
“ระ รู้แล้วเพคะ ” อวชีเชียนตกใจ เธอไม่คิดเลยว่าการเอ่ยเดือนด้วยความใจดีของเธอ จะทําให้เกิดประโยชน์เช่นนี้ แค่นี้ก็ทําให้ฝ่าบาทมาหาเธอได้ด้วย?
เทียนหยุนไม่ใช่คนโง่ เขาไม่ได้มาหาเธอเพราะว่าสวย พูดไปแล้ว อวชีเชียนก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงคนหนึ่ง ทั้งยังมีฐานะที่ไม่ได้ย่าแย่แต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเอ่ยเตือนเขาด้วยความเต็มใจ เธอเป็นการรับรองว่าเธอเป็นคนที่จิตใจดีคนหนึ่ง
จิตใจที่ดีเป็นสิ่งที่เขาให้ความสําคัญเป็นอันดับแรก ยิ่งกว่านั้น มาตรฐานของเธอเองก็ไม่ได้แย่ ดังนั้นจึงเหมาะอย่างมากที่จะเป็นขุนนางของอาณาจักรเทียนหยุนเขา
อี้เทียนหยุนยิ้ม และก็ไม่พูดอะไรอีก จากนั้นเดินเข้าไปในวังไป์เหลียน ไป๋อวี่เหลียนก็ตามไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับโบกมือเรียกให้อวีซีเชียนตามมาด้วย แม้ว่าจะไม่ได้มาหาอว์ชีเชียนโดยเฉพาะ แต่อย่างน้อยก็มีความรู้สึกประทับใจให้กับเธอ แค่นี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีแล้ว
อวชีเชี่ยนพยักหน้า จากนั้นก็เดินตามไป อยากจะรู้ว่ามีเรื่องอะไร
“เออใช่ เจ้าจงอยู่ที่นี่ คอยฟังข่าวที่สืบกลับมา หากว่าเจ้ากล้าไปจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว คงจะรู้ผลลัพธ์ที่ตามมานะ” สีหน้าอี้เทียนหยุนนิ่งมาก แต่นายน้อยฉีที่ได้ฟัง กลับรู้สึกว่ามันน่ากลัวอย่างถึงที่สุด
“พะ พะยะค่ะ…. กระหม่อนจะไม่ไปจากที่นี่แม้แต่ครึ่งก้าว”
ต่อให้อี้เทียนหยุนไม่พูด เขาก็ไม่กล้าจากไปแม้แต่ครึ่งก้าว ทําได้เพียงคุกเข่าอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง แม้ว่าจะดูเสียหน้า แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสําคัญ ลูกผู้ชายที่แท้จริง ต้องสามารถปรับตัวตามสถานการณ์ อีกทั้งการที่สามารถคุกเข่าต่อหน้ามหาจักรพรรดิเทียนหยุนได้ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหน้าแต่อย่างใด
Comments