Dungeon Defense (WN)ตอนที่74 การเตะถ่วงในสภาสูง(4)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter ตอนที่74 การเตะถ่วงในสภาสูง(4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

บาร์บาทอสกระซิบกับผม

 

“อย่าสบตาล่ะ ถ้าไม่อยากเยี่ยวราด”

 

ผมตะลึงงันในทันที จอมมารส่วนมากที่ผมเจอมาจนถึงตอนนี้นั้นต่างมีบุคลิกหยิ่งยะโส พวกเขาไม่มีทางแสดงกิริยาสุภาพกับจอมมารตนอื่น แม้อีกฝ่ายจะมีระดับที่สูงกว่าพวกเขาก็ตาม 

มันจึงเป็นสิ่งที่เห็นได้ยากมากที่พวกเขาจะให้เกียรติแสดงความเคารพใครสักคน เมื่อบาอัลปรากฏตัวขึ้นจอมมารทุกตนต่างโค้งคำนับให้ในทันที

 

“พวกนั้นไม่ได้ทักทายเขาจริงๆหรอก พวกนั้นแค่แกล้งทำเป็นทักทาย”

 

“เธอหมายความว่ายังไงน่ะ?”

 

“ถ้าแกไปสบตากับตาแก่บาอัลเข้า แกจะรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที แม่งโคตรของโคตรจะน่ากลัวเลยล่ะ ดังนั้นพวกนั้นเลยเลี่ยงที่จะสบตาด้วยการแสดงการทักทายเพราะไม่อยากเจอประสบการณ์อย่างนั้น”

 

มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เหล่าจอมมารยอมที่จะแสดงความนอบน้อมแทนการสบตากับบาอัล แววตาของเขาต้องน่ากลัวขนาดไหนกันนะถึงขนาดที่ทำให้เหล่าผู้สูงส่งดุจดังภูเขาหิมาลัยต้องยอมทักทายสุภาพเพื่อเลี่ยงการสบสายตา

 

“มันน่ากลัวมากเหรอ?”

 

“ถ้าสนใจ ก็ลองดูสิ”

บาร์บาทอสพูดห้วนๆตอบกลับมา

“ข้าไม่ห้ามแกหรอก แต่ให้แน่ใจว่า ใส่ผ้าอ้อมไว้แล้ว”

 

ประตูใหญ่ของห้องประชุมเปิดออกมาอย่างเชื่องช้า บานพับส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด เสียงเหล็กขุดสะท้อนไปทั่วทั้งห้อง 

ตอนนั้นเองที่โคมไฟระย้านับยี่สิบดวงแตกเป็นเสี่ยง ทั้งห้องกลับมืดลงในชั่วพริบตา แสงสลัวที่ลอดมาจากหน้าประตูเป็นแหล่งแสงเดียวที่เหลืออยู่ ผมรีบก้มหัวในทันที

 

 

เสียงฝีเท้า

 

 

ผมได้ยินเสียงฝีเท้าหลายต่อหลายก้าว ฝีเท้าแต่ละก้าวนั้นเชื่องช้า ฝีเท้าที่หนักแน่นนั้นเข้ามาใกล้กับพื้นที่ตรงอีกฝั่งหนึ่งของประตู อากาศสะเทือนทุกครั้งในแต่ละก้าว คนๆนั้นทำให้ทั้งบรรยากาศในอาคารกลับหนักอึ้งด้วยเสียงย่ำเท้าเพียงอย่างเดียว 

เสียงฝีเท้าหนึ่งที่เติมเต็มบรรยากาศในห้องประชุมนั้นเติมเต็มบรรยากาศ ก่อนจะค่อยๆจางหายไป ก่อนจะเกิดขึ้นวนซ้ำในการก้าวครั้งต่อไป

 

แม้มันจะฟังไม่เหมือนดนตรีก็ตาม มันดูราวกับว่า เขาระมัดระวังไม่ให้ห้องประชุมทั้งห้องนั้นต้องพังครืนลงมาเพราะแรงกดดันจากเสียงฝีเท้า

 

เขาเดินผ่านกลางห้องประชุมไป แล้วจู่ๆก็หยุดลง ผมประเมินสถานการณ์ไม่ได้เพราะยังคงก้มหัวอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น ผมประมาณเอาว่า ที่ๆเขาหยุดยืนอยู่นั้นน่าจะใกล้ๆกับ ฝ่ายเป็นกลางที่รวมตัวกันอยู่

 

 

“มาร์บาส ทำได้ดีเลย”

 

“……ด้วยพระคุณของท่านครับ ท่านบาอัล”

 

“ฝ่ายเป็นกลางนั้นเป็นหนทางอันเดียวดาย ข้าหวังให้ความเดียวดายของเจ้ามิใช่กะลาสีผู้ตกเป็นเชลย หากแต่เป็นกัปตันผู้สามารถหาเส้นทางในทะเลได้ด้วยตนเอง”

 

เสียงฝีเท้าดำเนินต่อไป แล้วก็มาหยุดตรงที่ฝ่ายภูเขามารวมกลุ่มกัน

 

 

“ไพมอน ความงดงามของเจ้ายังทำให้ข้าประทับใจเสมอ”

 

“เป็นเกียรติมากเจ้าค่ะ……ท่านบาอัล”

 

“กลยุทธนั้นไม่ใช่สิ่งเดียวของการต่อสู้ เจ้าต้องมีโลกในอุดมคติเพื่อขับเคลื่อนตนไปข้างหน้า ข้าจะให้การสนับสนุนเจ้าเพื่อให้ไปถึงอุดมคติของเจ้าไม่ว่ามันจะนานเพียงใดก็ตาม”

 

แล้วเสียงฝีเท้าก็ยังคงดำเนินต่ออีกระลอก ไม่นานนักก็มาหยุดใกล้ๆนี่

 

เขาพูดกับบาร์บาทอสด้วยเสียงต่ำ

 

“บาร์บาทัส โอ้ นักรบแท้จริงตราบชั่วนิจนิรันดร์”

 

ผมขนลุกซู่ทันที เหมือนกับเสียงของเขาดังก้องอยู่ข้างๆ ไม่สิ ไม่ใช่เลย เหมือนมันดังอยู่ในหูผม เสียงของเขานั้นเหมือนมันเสียดแทงเข้ามาในหูแล้วเขย่าสมอง การทรงตัวของผมเริ่มทำงานไม่ปรกติ ผมเกือบจะประคองตัวไว้ไม่อยู่ นี่ถ้าไม่ผมไม่ฟังคำเตือนของบาร์บาทอสด้วยการเกร็งร่างท่อนล่างไว้ก่อน ผมอาจจะล้มพับแล้วทำตัวเองขายหน้าก็ได้

 

 

「จอมมารบาอัลสั่งใช้งาน <การเสื่อมถอยของทักษะ> <Degredation of Skills>」

 

「สกิลนี้จะต้านทานได้ตามค่าอำนาจและค่าความฉลาด]

 

「เหรียญชี้เป็นชี้ตายได้ถูกโยนขึ้น แต่เนื่องจากปาฏิหารย์บางอย่าง มันกลับไปหยุดกลางอากาศแทน! คุณล้มเหลวในการต้านทานอันเนื่องจากความแตกต่างของค่าสแตท ‘อันมหาศาล’ คุณจะได้รับผลการลงโทษ」

 

‘ช่าย มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นแหละ’

 

มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเป็นอย่างนั้น แต่เท่าที่ผมจำได้ บาอัลไม่มีสกิลทำให้ทักษะลดประสิทธิภาพลง ใน เกม <Dungeon Attack> บาอัลมีสกิลมากมายในโลกห่านี่นอกเหนือจากในเกมอีก

 

ในขณะที่ผมกำลังยอมจำนนต่อบทลงโทษค่าสแตท มีอะไรบางอย่างมาบังผมจากด้านหน้า มันคือ เงาของบาร์บาทอส เธอนั้นได้กันผมไว้จากบาอัล

 

 

“ไม่เจอกันนานเลยนะ ตาแก่ ยังฟิตเหมือนเคยเลยนี่ หืม?”

 

「จอมมารบาร์บาทอสเปิดการใช้งาน <โมฆะและว่างเปล่า> , <Null and Void>」

 

「สกิลนั้นได้ถูกยกเลิกไป! ผลการลงโทษถูกลบล้าง」

 

ผมตกใจทันที ยัยโลลิคลั่งนี่! เธอทำอะไรของเธอน่ะ!?

 

แม้ผมจะตัดสินใจแล้วที่จะเข้าร่วมกับฝ่ายที่ราบอย่างเป็นทางการ แต่คงเป็นปัญหาหากผมจะไปโดดเด่นท่ามกลางผู้คน เพราะตัวผมนั้นอ่อนแอ 

 

คนอ่อนแอไม่มีสิทธิ์เปิดเผยตัวเองอย่างกล้าหาญและกระทำการองอาจ การซ่อนตัวอยู่หลังผู้แข็งแกร่งอย่างเฉลียวฉลาดเป็นการอยู่รอดเป็นพฤติกรรมที่เหมาะสมของผู้อ่อนแอ หากบาร์บาทอสออกหน้าปกป้องผมเกินไป มันก็แทบไม่ต่างจากการประกาศบอกทุกคนด้วยซ้ำว่า พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาต่อกัน!

 

แน่นอนว่า บาอัลเองก็เปล่งเสียงแสดงความสนอกสนใจในการกระทำของบาร์บาทอส

 

“โฮ่?”

 

“ข้าสงสัยจริงๆนะว่าท่านอยู่กับร่างกายรุ่มร้อนของตัวเองทั้งคืนได้ยังไงโดยที่ไม่มีภรรยาสักคน นายน่ะได้ทำแบบนั้นมั่งมั้ย?”

บาร์บาทอสหัวเราะร่วนอย่างหยาบคาย ผมบอกได้เลยแม้จะยังก้มหัวอยู่ แต่ผมก็รู้สึกดีที่เธอเล่นมุกตลกลามกแล้วบาอัลก็หัวเราะด้วยเช่นกัน

 

 

“ชีวิตเซ็กส์ของข้ามันไม่ได้มีเกียรติพอที่จะพูดคุยอย่างเปิดเผยกับคนอื่น ก็น่าแปลกสำหรับเจ้านะที่สนใจชีวิตเซ็กส์ของข้า อาจจะเป็นการหยาบคายสักหน่อย แต่ข้าอยากถามเหมือนกันว่า เจ้ามีชีวิตเซ็กส์ที่อลังการอย่างนั้นหรือ?”

 

“โอ้ ข้ากล้ายืนยันเลยว่า ชีวิตเซ็กส์ของข้าเนี่ยมันฉูดฉาดและสุดจะบันเทิงยิ่งกว่านังกะหรี่ไพมอนกับท่านมีเสียอีก เอาจริงๆนะ ตาแก่ สำหรับข้ามันยากจะนึกภาพท่านมีเซ็กแบบ เข้า-ออก เข้า-ออก เข้า-ออก แล้วก็ฉีดใส่ ข้ารู้สึกว่า มันต้องจบลงแบบนั้นแน่ๆ”

 

“คุ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

เสียงหัวเราะดังลั่นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งห้อง ผมรู้สึกได้เลยว่า ในมุมตึกนั้นสั่นไหว ความรู้สึกแย่แปลกๆมันไหลลงไปยังไขสันหลัง

 

จอมมารคนอื่นรอบบาอัลพยายามหัวเราะตามอย่างระแวงๆ 

โอ้ พระเจ้าช่วย พวกเขาพยายามปรับอารมณ์ตามบาอัล 

ใครที่มาเห็นภาพนี้เข้าคงจินตนาการไม่ออกแน่ๆว่าเป็นจอมมารพวกเดียวกับที่นำความหวาดกลัวมาสู่โลกมนุษย์

 

 

“มันผ่านมานานเหลือเกินที่ตัวข้า,บาอัลผู้นี้ จะได้หัวเราะเต็มที่ ข้าดีใจมากที่มีใครสักคนยิงมุกตลกใส่ข้าโดยที่ยังมีชีวิต ยังหายใจอยู่ได้ 

โอ้ นักรบแท้ของข้า แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ข้ารักเจ้าได้อย่างไร?”

 

น้ำเสียงของเขากลับเบิกบานขึ้น

 

 

“สำหรับข้า ผู้ยินดีในชีวิตท่ามกลางเหล่าผีเสื้อ ฟองอากาศ และผู้มีอายุขัย เหมือนเหล่าผีเสื้อและฟองอากาศนั้นจะรู้เรื่องของชีวิตมากที่สุด”

 

“เฮอะ ตาแก่ ท่านน่ะยิ่งใหญ่เสมอนั่นแหละ แต่บ่อยครั้งข้าก็บอกไม่ได้เลยว่า ท่านน่ะกำลังพูดกับข้าอยู่หรือกำลังร่ายบทกวีกันแน่ บางครั้งข้าก็สงสัยว่า นี่เราพูดคนละภาษาอยู่รึเปล่าแต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็เข้าใจกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ”

 

“เรื่องนั้นข้าจะไปทำอะไรได้เล่า? ชีวิตของข้านั้นยาวเกินเสียจนวิธีการพูดของข้านั้นแตกต่างจากเด็กสมัยนี้แล้ว”

 

ข้าก็อยู่มา 2,000 ปีเหมือนกันนะ บาร์บาทอสบ่นอุบ บาอัลจึงหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง

 

“เรื่องคราวนี้ข้าจะมองข้ามไป”

 

“…….”

 

ไม่มีเหตุผลที่เขาจะอธิบายว่า เขามองข้ามเรื่องอะไรไป นี่อาจจะหมายถึงว่า เขาจะไม่พูดถึงเรื่องที่บาร์บาทอสปกป้องผมอีกแล้ว

บาอัลผละจากพวกเราแล้วเดินหน้าต่อ เขาไปทักทายจอมมารอันดับสูงทั้ง 6 ที่อยู่ใต้เขา 

ถ้าหากการที่ถามฝ่ายเดียวแล้วอีกฝ่ายตอบกลับมา เรียกว่าการทักทายน่ะนะ…….

 

บาร์บาทอสบ่นพึมพัม

“เฮ่อออออ ข้าคิดว่าจะตายซะแล้ว”

 

“นี่ ทำไมเธอไปทำอะไรแบบนั้นล่ะ”

 

“เจ้างั่งเอ๊ย หุบปากไปเหอะ นี่ไม่รู้ตัวเลยรึไงว่า ตาแก่น่ะมองเจ้าอยู่?”

 

ห้ะ อะไรนะ?

“……เขามองผมเหรอ? ทำไมล่ะ?”

 

“ฟัค พูดอย่างกับข้ารู้อย่างนั้นน่ะ? ถ้าข้าปล่อยไปเจ้าได้โดนขยี้เป็นผงแน่ สำหรับตัวตนที่อ่อนแอแล้ว เจ้าไม่รู้หรอกว่ามันน่ายินดีขนาดไหนกัน”

 

บาร์บาทอสเม้มฝีปากตนเอง

 

ผมคิดไม่ออกว่าทำไมกันนะ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปทำอะไรดึงดูดความสนใจบาอัลเข้า สิ่งเดียวที่ผมนึกออกคือ เหตุการณ์ที่ผมฆ่าอันโดรมาลิอุส แต่ก็ยากที่จะเชื่อว่า จอมมารอันดับ 1 นั้นจะให้ความสนใจกับผมเพียงเพราะผมไปฆ่าผู้ร่วมเผ่าพันธุ์

 

เหนือสิ่งอื่นใด ผมจำบุคลิกของบาอัลในเกมได้ บาอัลนั้นเป็นฝ่ายที่สนับสนุนสงครามยิ่งกว่า บาร์บาทอสซะอีก ไม่สิ พูดว่า ตัวเขานั้นอุทิศตัวเองให้กับการรบเลยก็ยังได้ เขาจะหาความหมายของชีวิตผ่านการต่อสู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขาเชื่อว่า การมีตัวตนอยู่ของเผ่าปีศาจนั้นเป็นไปเพื่อความขัดแย้ง 

 

จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ผู้ยึดมั่นในสนามรบนองเลือดยิ่งกว่าใครทั้งปวง นั่นคือ อุปนิสัยแท้จริงของบาอัล

 

 

‘หรือเขาจะล่วงรู้แล้วว่า ผมนี่แหละที่เป็นคนปล่อยข่าวลือเรื่องกาฬโรค?’

 

ไม่ดีแล้วล่ะ ผมมีข้อมูลไม่พอสำหรับการตัดสินใจ……. 

 

อย่างน้อยที่สุด หากค่าความชอบของบาอัลที่มีต่อผมมากกว่า 20 ผมก็สามารถแอบดูความคิดของเขาได้ และสิ่งเดียวที่จะปรากฏขึ้นมาตอนที่ผมส่องสเตตัสของเขาก็คงจะเป็น ค่า HP พลังโจมตีและพลังป้องกันที่สูงจนน่ากลัว

 

ผมไม่รีบด่วนสรุปอะไรตอนนี้ แม่งเอ้ย มันรู้สึกเหมือนมีกลุ่มก้อนดำๆกองอยู่ในมุมหนึ่งของสมองผมเลย

 

 

 

“ข้าอยากจะแสดงความชื่นชมกับทุกคนมากที่มาอยู่ที่นี่ แม้ในยามยาก”

บาอัลนั่งอยู่ตรงกลางของที่นั่งอันทรงเกียรติ ขณะนั้นเอง ลูกบอลไฟขนาดใหญ่ทั้ง 6 ลูกปรากฏขึ้นกลางอากาศ พวกมันทำหน้าที่เพื่อให้แสงสว่างแทนโคมระย้าในห้อง

 

บาอัลหยุดชั่วครู่แล้วมองไปรอบห้อง ผมไม่สามารถมองเขาตรงๆได้ ดังนั้นจึงแอบก้มเล็กน้อย

 

จอมมารส่วนใหญ่ก็ทำท่าคล้ายกับผม มาร์บาสแห่งกองกำลังฝ่ายเป็นกลาง,ไพมอนแห่งกองกำลังฝ่ายภูเขา และบาร์บาทอสแห่งฝ่ายกองกำลังที่ราบ

……มีน้อยคนนักที่สามารถยืนเหยียดหลังและมองตรงไปที่บาอัล การมองของคนๆหนึ่งที่ทรงพลังเปี่ยมไปด้วยอำนาจ ผมไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า การมองนั้นกดร่างของผมให้หนักได้ขนาดนั้น

 

 

“ตามปรกติแล้ว วิถีจอมมารจะต้องตัดสินใจหลังจากที่มีการถกเถียงและใคร่ครวญกันอย่างยาวนาน สิ่งที่ถูกต้องคือ การที่จอมมารระดับสูงไม่เข้าไปแทรกแซงการพูดคุยกันโดยอนุญาตให้พวกเจ้าทั้งหลายตัดสินกันเองด้วยความสมัครใจ

แต่ถึงอย่างนั้น ตัวข้า บาอัล ก็ปรารถนาที่จะแสดงเจตจำนงในครานี้”

 

ความเงียบงันอันน่าอึดอันท่วมทับไปทั้งห้อง ราวกับว่ามีใครเพิ่มแรงโน้มถ่วงให้เข้มข้นขึ้น น้ำเสียงหนักๆของบาอัลดังขึ้นไปทั่วทั้งห้องประชุม

 

 

“สงคราม!”

 

เพียงคำเดียวเท่านั้นที่ประกาศการรวมกองกำลังพันธมิตรเสี้ยวจันทราครั้งที่ 8 

 

บาอัลเริ่มประกาศนามของจอมมารแต่ละคนในขณะที่พวกเขาทั้งหมดต่างยังยืนนิ่งอึ้งอยู่ คำประกาศที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ดังกึกก้องนั้นห้อมล้อมจอมมารทั้ง 60 ตน เข้าด้วยกัน

 

“อันดับ 9 ไพมอน”

 

“เจ้าค่ะ”

 

ไพมอนเดินมากลางห้องด้วยท่าทางสง่างามแต่ก้าวย่างรวดเร็ว เธอจับมุมชายกระโปรงเดรสแล้วยกขึ้นเล็กน้อยเป็นท่าทางการแสดงความเคารพ

 

“โปรดบัญชาเลดี้ไพมอนผู้นี้ได้ ได้ดั่งใจท่านปรารถนา”

 

“ข้าขอแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้บัญชาการภาค 1 นำกองกำลังฝ่ายภูเขามุ่งตรงไปยัง ราชอาณาจักรทิวทัน และ สาธารณรัฐบัทตาเวีย! ทำลายปอดของเจ้ามนุษย์พวกนั้นซะไม่ให้มันได้สูดอากาศเข้าไปอีก เจ้าได้รับอำนาจในการบัญชาการฝ่ายภูเขาได้อย่างอิสระ”

 

“รับทราบเจ้าค่ะ”

 

ไพมอนนั้นโค้งให้อีกครั้ง

 

ไพมอน ผู้รักสงบ และชื่นชอบในเหล่ามนุษย์ กลับตอบรับคำสั่งโดยไม่มีท่าทีแห่งความลังเลแม้แต่น้อย 

ในฐานะที่เป็นคนที่รู้ถึงอุดมการณ์ของเธอและรู้ว่า เธอพยายามมากแค่ไหนที่จะเป็นมิตรกับพวกมนุษย์ไปจนถึงโชคชะตาในเกม การที่เธอปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเชื่อฟังนั้นทำให้ผมตกใจ

 

ไพมอนนั้นยอมรับภารกิจการบุกทำลายประเทศของมนุษย์โดยไม่แสดงท่าทีขัดขืนเลยแม้แต่น้อย!

 

“อันดับ 5 มาร์บาส”

 

“ผมอยู่ที่นี่”

 

มาร์บาสเดินมาด้วยฝีเท้าที่งามสง่า เขาไม่ได้โค้งแต่ก็ยกมือขวาวางบนอก นั่นเป็นการแสดงความเคารพ

 

“มาร์บาส ผู้นี้ยินดีรับบัญชาจากท่าน”

 

“ข้าขอแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้บัญชาการภาค 2 บัญชาการเหล่ากองกำลังฝ่ายเป็นกลาง แล้วเดินทัพไปยัง จักรวรรดิอนาโตเลีย(Anatolia Empire) และราชอาณาจักร โพลิช-ลิทัวเนีย (Polish-Lithuanian Kingdom) ทำลายฝั่งตะวันออกของทวีปเสีย”

 

“ฝั่งตะวันออกของทวีปจะกลายเป็นฝุ่นและถูกเรียกว่า ทะเลทราย”

 

มาร์บาสพูดราวกับกำลังให้สัตย์สาบานกับตนเอง

 

 

“อันดับ 2 อกาเรส”

 

“ค่า”

หญิงผู้ที่นั่งอยู่บนที่นั่งอันทรงเกียรติลุกขึ้น เธอเดินนวยนาดไปยังกลางห้องอย่างคนขี้เล่น เธอใช้มือแตะหน้าผากครั้งหนึ่งก่อนจะแสดงความเคารพ

 

“ข้า,อกาเรสแห่งแผ่นดินไหว บอกสิ่งที่ท่านประสงค์มาได้เลย”

 

“ข้าขอแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้บัญชาการภาค 3 นำพาเหล่าจอมมารที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ทะลวงราชอาณาจักรมอสโคว(Kingdom of Moscow)และพันธมิตรคาลมาร์(Kalmar Alliance)! 

แสดงให้พวกมนุษย์เห็นว่า ทางเหนือนั้นเคยเป็นดินแดนที่มีหิมะตลอดกาล ”

 

“อี๋ ข้าเกลียดความหนาว…….แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ ข้าจะทำให้แน่ใจเลยว่า มนุษย์จะไม่มีวันเห็นหิมะทางเหนืออีกต่อไป”

ด้วยท่าทางที่ดูโอเวอร์ เธอกางแขนออกแล้วคุกเข่าลง

 

 

 

“อันดับ 3 วาสซาโก้ ข้าขอแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้บัญชาการ ภาค 4 ไปพร้อมกับ อันดับ 6 วาเลฟอร์ และเปลี่ยนกองเรือของราชอาณาจักรเบอนิเซีย(Kingdom of Bernicia)ให้กลายเป็นเถ้าธุลี!”

 

“เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับผม”

ชายคนนั้นผงกหัวรับคำสั่งแล้วไปยืนกลางห้องประชุม

 

“อันดับ 4 กามิกิน ข้าขอแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้บัญชาการ ภาค 5 จงสนับสนุนกองกำลังทุกกองทัพจากหน้าบ้านพร้อมกับ อันดับ 7 อามอน! ปกปักรักษาดินแดนของพวกเรา”

 

“แหม ทื่รัก,แหม ที่รัก ท่านช่างมอบงานน่าเบื่อให้กับข้าเสียที่ ได้โปรดเถิด ท่านนี่ช่างโหดร้ายเหลือเกิน ท่านบาอัลคะ”

 

หญิงสาวผู้นั้นเดินไปกลางห้องด้วยรอยยิ้ม แต่แม้เธอจะแสดงกิริยาท่าทางอย่างนั้นแต่ก็ไม่เกินเลยวินัยของทหารรักษาการณ์ 

 

ในที่สุดเสียงของบาอัลก็มุ่งมาหาพวกเรา

 

“อันดับ 8 บาร์บาทอส”

 

“ข้ารอท่านเรียกจนหงุดหงิดแล้วเนี่ย”

 

บาร์บาทอสเดินไปอย่างกล้าหาญ พร้อมพูดออกมาอย่างเริงร่า ราวกับจอมมารรอบตัวนั้นเป็นดวงดาวระยับ

 

 

“ชัดเจนแน่แล้วว่า ข้าจะไปที่ไหนใช่ไหม?”

 

“ข้าขอแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้บัญชาการภาค 6 จงนำทัพมุ่งไปยังจักรวรรดิ์ฮับบวร์ก ข้าอนุญาตให้เจ้าบัญชาการกองกำลังฝ่ายที่ราบทั้งหมด”

 

“ฟัค เย่ห์! เอาล่ะโว้ย! ข้าจะได้ฉีกร่างพวกมนุษย์แล้ว!”

 

เธอยกมือขวาขึ้นแตะที่อก 

ด้วยทั้งหมดนั้น ทั้งฝ่ายภูเขา ฝ่ายเป็นกลาง ฝ่ายไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด จอมมารระดับสูง รวมถึง ฝ่ายที่ราบ เมื่อถูกเรียกตัวออกมาหมดแล้วก็เหลืออีกบุคคลหนึ่ง

 

ความร้อนระอุระหว่างจอมมารทุกตนก็พุ่งสูงขึ้น จิตวิญญาณการต่อสู้ลุกโชน นี่นับเป็นครั้งแรกในรอบ 2,000 ปี ที่กองกำลังพันธมิตรเสี้ยวจันทรานั้นมีจอมมารมาเข้าร่วมทุกตน

 

เหยียบย่ำ,พิชิต และทำลาย คำพูดพวกนั้นมีไว้เพื่อจอมมารได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งห้อง เหมือนกับพวกเขาได้กลิ่นเลือดและเริ่มน้ำลายไหลกันแล้ว

 

 

“และสุดท้าย ตัวข้า ,บาอัล”

บาอัลกล่าวขึ้น

 

“ข้าขอประกาศตนเป็นผู้บัญชาการภาค 7 และหัวหน้าผู้บัญชาการ ข้าจะกำจัดจักรวรรดิแฟรงค์(Frank Empire)ด้วยตนเอง โดยแบ่งกองกำลังของพวกเราเป็น 7 ภาค พวกเราทั้ง 7 สายแห่งการทำลายล้างและเสียงกรีดร้อง 

สหาย!

เรามาทำให้พวกมนุษย์มันสำนึกเถิดว่า ใครเป็นผู้ครองโลกใบนี้ตัวจริง!”

 

 

เขายืนขึ้นและดึงดาบจากปลอกที่ด้านหลัง

 

 

“พันธมิตรเสี้ยวจันทรา! บุก!”

 

เสียงของสัตว์ร้ายทั้งหลายก็ดังขึ้นในทันที

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN)ตอนที่74 การเตะถ่วงในสภาสูง(4)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter ตอนที่74 การเตะถ่วงในสภาสูง(4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

บาร์บาทอสกระซิบกับผม

 

“อย่าสบตาล่ะ ถ้าไม่อยากเยี่ยวราด”

 

ผมตะลึงงันในทันที จอมมารส่วนมากที่ผมเจอมาจนถึงตอนนี้นั้นต่างมีบุคลิกหยิ่งยะโส พวกเขาไม่มีทางแสดงกิริยาสุภาพกับจอมมารตนอื่น แม้อีกฝ่ายจะมีระดับที่สูงกว่าพวกเขาก็ตาม 

มันจึงเป็นสิ่งที่เห็นได้ยากมากที่พวกเขาจะให้เกียรติแสดงความเคารพใครสักคน เมื่อบาอัลปรากฏตัวขึ้นจอมมารทุกตนต่างโค้งคำนับให้ในทันที

 

“พวกนั้นไม่ได้ทักทายเขาจริงๆหรอก พวกนั้นแค่แกล้งทำเป็นทักทาย”

 

“เธอหมายความว่ายังไงน่ะ?”

 

“ถ้าแกไปสบตากับตาแก่บาอัลเข้า แกจะรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที แม่งโคตรของโคตรจะน่ากลัวเลยล่ะ ดังนั้นพวกนั้นเลยเลี่ยงที่จะสบตาด้วยการแสดงการทักทายเพราะไม่อยากเจอประสบการณ์อย่างนั้น”

 

มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เหล่าจอมมารยอมที่จะแสดงความนอบน้อมแทนการสบตากับบาอัล แววตาของเขาต้องน่ากลัวขนาดไหนกันนะถึงขนาดที่ทำให้เหล่าผู้สูงส่งดุจดังภูเขาหิมาลัยต้องยอมทักทายสุภาพเพื่อเลี่ยงการสบสายตา

 

“มันน่ากลัวมากเหรอ?”

 

“ถ้าสนใจ ก็ลองดูสิ”

บาร์บาทอสพูดห้วนๆตอบกลับมา

“ข้าไม่ห้ามแกหรอก แต่ให้แน่ใจว่า ใส่ผ้าอ้อมไว้แล้ว”

 

ประตูใหญ่ของห้องประชุมเปิดออกมาอย่างเชื่องช้า บานพับส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด เสียงเหล็กขุดสะท้อนไปทั่วทั้งห้อง 

ตอนนั้นเองที่โคมไฟระย้านับยี่สิบดวงแตกเป็นเสี่ยง ทั้งห้องกลับมืดลงในชั่วพริบตา แสงสลัวที่ลอดมาจากหน้าประตูเป็นแหล่งแสงเดียวที่เหลืออยู่ ผมรีบก้มหัวในทันที

 

 

เสียงฝีเท้า

 

 

ผมได้ยินเสียงฝีเท้าหลายต่อหลายก้าว ฝีเท้าแต่ละก้าวนั้นเชื่องช้า ฝีเท้าที่หนักแน่นนั้นเข้ามาใกล้กับพื้นที่ตรงอีกฝั่งหนึ่งของประตู อากาศสะเทือนทุกครั้งในแต่ละก้าว คนๆนั้นทำให้ทั้งบรรยากาศในอาคารกลับหนักอึ้งด้วยเสียงย่ำเท้าเพียงอย่างเดียว 

เสียงฝีเท้าหนึ่งที่เติมเต็มบรรยากาศในห้องประชุมนั้นเติมเต็มบรรยากาศ ก่อนจะค่อยๆจางหายไป ก่อนจะเกิดขึ้นวนซ้ำในการก้าวครั้งต่อไป

 

แม้มันจะฟังไม่เหมือนดนตรีก็ตาม มันดูราวกับว่า เขาระมัดระวังไม่ให้ห้องประชุมทั้งห้องนั้นต้องพังครืนลงมาเพราะแรงกดดันจากเสียงฝีเท้า

 

เขาเดินผ่านกลางห้องประชุมไป แล้วจู่ๆก็หยุดลง ผมประเมินสถานการณ์ไม่ได้เพราะยังคงก้มหัวอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น ผมประมาณเอาว่า ที่ๆเขาหยุดยืนอยู่นั้นน่าจะใกล้ๆกับ ฝ่ายเป็นกลางที่รวมตัวกันอยู่

 

 

“มาร์บาส ทำได้ดีเลย”

 

“……ด้วยพระคุณของท่านครับ ท่านบาอัล”

 

“ฝ่ายเป็นกลางนั้นเป็นหนทางอันเดียวดาย ข้าหวังให้ความเดียวดายของเจ้ามิใช่กะลาสีผู้ตกเป็นเชลย หากแต่เป็นกัปตันผู้สามารถหาเส้นทางในทะเลได้ด้วยตนเอง”

 

เสียงฝีเท้าดำเนินต่อไป แล้วก็มาหยุดตรงที่ฝ่ายภูเขามารวมกลุ่มกัน

 

 

“ไพมอน ความงดงามของเจ้ายังทำให้ข้าประทับใจเสมอ”

 

“เป็นเกียรติมากเจ้าค่ะ……ท่านบาอัล”

 

“กลยุทธนั้นไม่ใช่สิ่งเดียวของการต่อสู้ เจ้าต้องมีโลกในอุดมคติเพื่อขับเคลื่อนตนไปข้างหน้า ข้าจะให้การสนับสนุนเจ้าเพื่อให้ไปถึงอุดมคติของเจ้าไม่ว่ามันจะนานเพียงใดก็ตาม”

 

แล้วเสียงฝีเท้าก็ยังคงดำเนินต่ออีกระลอก ไม่นานนักก็มาหยุดใกล้ๆนี่

 

เขาพูดกับบาร์บาทอสด้วยเสียงต่ำ

 

“บาร์บาทัส โอ้ นักรบแท้จริงตราบชั่วนิจนิรันดร์”

 

ผมขนลุกซู่ทันที เหมือนกับเสียงของเขาดังก้องอยู่ข้างๆ ไม่สิ ไม่ใช่เลย เหมือนมันดังอยู่ในหูผม เสียงของเขานั้นเหมือนมันเสียดแทงเข้ามาในหูแล้วเขย่าสมอง การทรงตัวของผมเริ่มทำงานไม่ปรกติ ผมเกือบจะประคองตัวไว้ไม่อยู่ นี่ถ้าไม่ผมไม่ฟังคำเตือนของบาร์บาทอสด้วยการเกร็งร่างท่อนล่างไว้ก่อน ผมอาจจะล้มพับแล้วทำตัวเองขายหน้าก็ได้

 

 

「จอมมารบาอัลสั่งใช้งาน <การเสื่อมถอยของทักษะ> <Degredation of Skills>」

 

「สกิลนี้จะต้านทานได้ตามค่าอำนาจและค่าความฉลาด]

 

「เหรียญชี้เป็นชี้ตายได้ถูกโยนขึ้น แต่เนื่องจากปาฏิหารย์บางอย่าง มันกลับไปหยุดกลางอากาศแทน! คุณล้มเหลวในการต้านทานอันเนื่องจากความแตกต่างของค่าสแตท ‘อันมหาศาล’ คุณจะได้รับผลการลงโทษ」

 

‘ช่าย มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นแหละ’

 

มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเป็นอย่างนั้น แต่เท่าที่ผมจำได้ บาอัลไม่มีสกิลทำให้ทักษะลดประสิทธิภาพลง ใน เกม <Dungeon Attack> บาอัลมีสกิลมากมายในโลกห่านี่นอกเหนือจากในเกมอีก

 

ในขณะที่ผมกำลังยอมจำนนต่อบทลงโทษค่าสแตท มีอะไรบางอย่างมาบังผมจากด้านหน้า มันคือ เงาของบาร์บาทอส เธอนั้นได้กันผมไว้จากบาอัล

 

 

“ไม่เจอกันนานเลยนะ ตาแก่ ยังฟิตเหมือนเคยเลยนี่ หืม?”

 

「จอมมารบาร์บาทอสเปิดการใช้งาน <โมฆะและว่างเปล่า> , <Null and Void>」

 

「สกิลนั้นได้ถูกยกเลิกไป! ผลการลงโทษถูกลบล้าง」

 

ผมตกใจทันที ยัยโลลิคลั่งนี่! เธอทำอะไรของเธอน่ะ!?

 

แม้ผมจะตัดสินใจแล้วที่จะเข้าร่วมกับฝ่ายที่ราบอย่างเป็นทางการ แต่คงเป็นปัญหาหากผมจะไปโดดเด่นท่ามกลางผู้คน เพราะตัวผมนั้นอ่อนแอ 

 

คนอ่อนแอไม่มีสิทธิ์เปิดเผยตัวเองอย่างกล้าหาญและกระทำการองอาจ การซ่อนตัวอยู่หลังผู้แข็งแกร่งอย่างเฉลียวฉลาดเป็นการอยู่รอดเป็นพฤติกรรมที่เหมาะสมของผู้อ่อนแอ หากบาร์บาทอสออกหน้าปกป้องผมเกินไป มันก็แทบไม่ต่างจากการประกาศบอกทุกคนด้วยซ้ำว่า พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาต่อกัน!

 

แน่นอนว่า บาอัลเองก็เปล่งเสียงแสดงความสนอกสนใจในการกระทำของบาร์บาทอส

 

“โฮ่?”

 

“ข้าสงสัยจริงๆนะว่าท่านอยู่กับร่างกายรุ่มร้อนของตัวเองทั้งคืนได้ยังไงโดยที่ไม่มีภรรยาสักคน นายน่ะได้ทำแบบนั้นมั่งมั้ย?”

บาร์บาทอสหัวเราะร่วนอย่างหยาบคาย ผมบอกได้เลยแม้จะยังก้มหัวอยู่ แต่ผมก็รู้สึกดีที่เธอเล่นมุกตลกลามกแล้วบาอัลก็หัวเราะด้วยเช่นกัน

 

 

“ชีวิตเซ็กส์ของข้ามันไม่ได้มีเกียรติพอที่จะพูดคุยอย่างเปิดเผยกับคนอื่น ก็น่าแปลกสำหรับเจ้านะที่สนใจชีวิตเซ็กส์ของข้า อาจจะเป็นการหยาบคายสักหน่อย แต่ข้าอยากถามเหมือนกันว่า เจ้ามีชีวิตเซ็กส์ที่อลังการอย่างนั้นหรือ?”

 

“โอ้ ข้ากล้ายืนยันเลยว่า ชีวิตเซ็กส์ของข้าเนี่ยมันฉูดฉาดและสุดจะบันเทิงยิ่งกว่านังกะหรี่ไพมอนกับท่านมีเสียอีก เอาจริงๆนะ ตาแก่ สำหรับข้ามันยากจะนึกภาพท่านมีเซ็กแบบ เข้า-ออก เข้า-ออก เข้า-ออก แล้วก็ฉีดใส่ ข้ารู้สึกว่า มันต้องจบลงแบบนั้นแน่ๆ”

 

“คุ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

เสียงหัวเราะดังลั่นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งห้อง ผมรู้สึกได้เลยว่า ในมุมตึกนั้นสั่นไหว ความรู้สึกแย่แปลกๆมันไหลลงไปยังไขสันหลัง

 

จอมมารคนอื่นรอบบาอัลพยายามหัวเราะตามอย่างระแวงๆ 

โอ้ พระเจ้าช่วย พวกเขาพยายามปรับอารมณ์ตามบาอัล 

ใครที่มาเห็นภาพนี้เข้าคงจินตนาการไม่ออกแน่ๆว่าเป็นจอมมารพวกเดียวกับที่นำความหวาดกลัวมาสู่โลกมนุษย์

 

 

“มันผ่านมานานเหลือเกินที่ตัวข้า,บาอัลผู้นี้ จะได้หัวเราะเต็มที่ ข้าดีใจมากที่มีใครสักคนยิงมุกตลกใส่ข้าโดยที่ยังมีชีวิต ยังหายใจอยู่ได้ 

โอ้ นักรบแท้ของข้า แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ข้ารักเจ้าได้อย่างไร?”

 

น้ำเสียงของเขากลับเบิกบานขึ้น

 

 

“สำหรับข้า ผู้ยินดีในชีวิตท่ามกลางเหล่าผีเสื้อ ฟองอากาศ และผู้มีอายุขัย เหมือนเหล่าผีเสื้อและฟองอากาศนั้นจะรู้เรื่องของชีวิตมากที่สุด”

 

“เฮอะ ตาแก่ ท่านน่ะยิ่งใหญ่เสมอนั่นแหละ แต่บ่อยครั้งข้าก็บอกไม่ได้เลยว่า ท่านน่ะกำลังพูดกับข้าอยู่หรือกำลังร่ายบทกวีกันแน่ บางครั้งข้าก็สงสัยว่า นี่เราพูดคนละภาษาอยู่รึเปล่าแต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็เข้าใจกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ”

 

“เรื่องนั้นข้าจะไปทำอะไรได้เล่า? ชีวิตของข้านั้นยาวเกินเสียจนวิธีการพูดของข้านั้นแตกต่างจากเด็กสมัยนี้แล้ว”

 

ข้าก็อยู่มา 2,000 ปีเหมือนกันนะ บาร์บาทอสบ่นอุบ บาอัลจึงหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง

 

“เรื่องคราวนี้ข้าจะมองข้ามไป”

 

“…….”

 

ไม่มีเหตุผลที่เขาจะอธิบายว่า เขามองข้ามเรื่องอะไรไป นี่อาจจะหมายถึงว่า เขาจะไม่พูดถึงเรื่องที่บาร์บาทอสปกป้องผมอีกแล้ว

บาอัลผละจากพวกเราแล้วเดินหน้าต่อ เขาไปทักทายจอมมารอันดับสูงทั้ง 6 ที่อยู่ใต้เขา 

ถ้าหากการที่ถามฝ่ายเดียวแล้วอีกฝ่ายตอบกลับมา เรียกว่าการทักทายน่ะนะ…….

 

บาร์บาทอสบ่นพึมพัม

“เฮ่อออออ ข้าคิดว่าจะตายซะแล้ว”

 

“นี่ ทำไมเธอไปทำอะไรแบบนั้นล่ะ”

 

“เจ้างั่งเอ๊ย หุบปากไปเหอะ นี่ไม่รู้ตัวเลยรึไงว่า ตาแก่น่ะมองเจ้าอยู่?”

 

ห้ะ อะไรนะ?

“……เขามองผมเหรอ? ทำไมล่ะ?”

 

“ฟัค พูดอย่างกับข้ารู้อย่างนั้นน่ะ? ถ้าข้าปล่อยไปเจ้าได้โดนขยี้เป็นผงแน่ สำหรับตัวตนที่อ่อนแอแล้ว เจ้าไม่รู้หรอกว่ามันน่ายินดีขนาดไหนกัน”

 

บาร์บาทอสเม้มฝีปากตนเอง

 

ผมคิดไม่ออกว่าทำไมกันนะ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปทำอะไรดึงดูดความสนใจบาอัลเข้า สิ่งเดียวที่ผมนึกออกคือ เหตุการณ์ที่ผมฆ่าอันโดรมาลิอุส แต่ก็ยากที่จะเชื่อว่า จอมมารอันดับ 1 นั้นจะให้ความสนใจกับผมเพียงเพราะผมไปฆ่าผู้ร่วมเผ่าพันธุ์

 

เหนือสิ่งอื่นใด ผมจำบุคลิกของบาอัลในเกมได้ บาอัลนั้นเป็นฝ่ายที่สนับสนุนสงครามยิ่งกว่า บาร์บาทอสซะอีก ไม่สิ พูดว่า ตัวเขานั้นอุทิศตัวเองให้กับการรบเลยก็ยังได้ เขาจะหาความหมายของชีวิตผ่านการต่อสู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขาเชื่อว่า การมีตัวตนอยู่ของเผ่าปีศาจนั้นเป็นไปเพื่อความขัดแย้ง 

 

จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ผู้ยึดมั่นในสนามรบนองเลือดยิ่งกว่าใครทั้งปวง นั่นคือ อุปนิสัยแท้จริงของบาอัล

 

 

‘หรือเขาจะล่วงรู้แล้วว่า ผมนี่แหละที่เป็นคนปล่อยข่าวลือเรื่องกาฬโรค?’

 

ไม่ดีแล้วล่ะ ผมมีข้อมูลไม่พอสำหรับการตัดสินใจ……. 

 

อย่างน้อยที่สุด หากค่าความชอบของบาอัลที่มีต่อผมมากกว่า 20 ผมก็สามารถแอบดูความคิดของเขาได้ และสิ่งเดียวที่จะปรากฏขึ้นมาตอนที่ผมส่องสเตตัสของเขาก็คงจะเป็น ค่า HP พลังโจมตีและพลังป้องกันที่สูงจนน่ากลัว

 

ผมไม่รีบด่วนสรุปอะไรตอนนี้ แม่งเอ้ย มันรู้สึกเหมือนมีกลุ่มก้อนดำๆกองอยู่ในมุมหนึ่งของสมองผมเลย

 

 

 

“ข้าอยากจะแสดงความชื่นชมกับทุกคนมากที่มาอยู่ที่นี่ แม้ในยามยาก”

บาอัลนั่งอยู่ตรงกลางของที่นั่งอันทรงเกียรติ ขณะนั้นเอง ลูกบอลไฟขนาดใหญ่ทั้ง 6 ลูกปรากฏขึ้นกลางอากาศ พวกมันทำหน้าที่เพื่อให้แสงสว่างแทนโคมระย้าในห้อง

 

บาอัลหยุดชั่วครู่แล้วมองไปรอบห้อง ผมไม่สามารถมองเขาตรงๆได้ ดังนั้นจึงแอบก้มเล็กน้อย

 

จอมมารส่วนใหญ่ก็ทำท่าคล้ายกับผม มาร์บาสแห่งกองกำลังฝ่ายเป็นกลาง,ไพมอนแห่งกองกำลังฝ่ายภูเขา และบาร์บาทอสแห่งฝ่ายกองกำลังที่ราบ

……มีน้อยคนนักที่สามารถยืนเหยียดหลังและมองตรงไปที่บาอัล การมองของคนๆหนึ่งที่ทรงพลังเปี่ยมไปด้วยอำนาจ ผมไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า การมองนั้นกดร่างของผมให้หนักได้ขนาดนั้น

 

 

“ตามปรกติแล้ว วิถีจอมมารจะต้องตัดสินใจหลังจากที่มีการถกเถียงและใคร่ครวญกันอย่างยาวนาน สิ่งที่ถูกต้องคือ การที่จอมมารระดับสูงไม่เข้าไปแทรกแซงการพูดคุยกันโดยอนุญาตให้พวกเจ้าทั้งหลายตัดสินกันเองด้วยความสมัครใจ

แต่ถึงอย่างนั้น ตัวข้า บาอัล ก็ปรารถนาที่จะแสดงเจตจำนงในครานี้”

 

ความเงียบงันอันน่าอึดอันท่วมทับไปทั้งห้อง ราวกับว่ามีใครเพิ่มแรงโน้มถ่วงให้เข้มข้นขึ้น น้ำเสียงหนักๆของบาอัลดังขึ้นไปทั่วทั้งห้องประชุม

 

 

“สงคราม!”

 

เพียงคำเดียวเท่านั้นที่ประกาศการรวมกองกำลังพันธมิตรเสี้ยวจันทราครั้งที่ 8 

 

บาอัลเริ่มประกาศนามของจอมมารแต่ละคนในขณะที่พวกเขาทั้งหมดต่างยังยืนนิ่งอึ้งอยู่ คำประกาศที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ดังกึกก้องนั้นห้อมล้อมจอมมารทั้ง 60 ตน เข้าด้วยกัน

 

“อันดับ 9 ไพมอน”

 

“เจ้าค่ะ”

 

ไพมอนเดินมากลางห้องด้วยท่าทางสง่างามแต่ก้าวย่างรวดเร็ว เธอจับมุมชายกระโปรงเดรสแล้วยกขึ้นเล็กน้อยเป็นท่าทางการแสดงความเคารพ

 

“โปรดบัญชาเลดี้ไพมอนผู้นี้ได้ ได้ดั่งใจท่านปรารถนา”

 

“ข้าขอแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้บัญชาการภาค 1 นำกองกำลังฝ่ายภูเขามุ่งตรงไปยัง ราชอาณาจักรทิวทัน และ สาธารณรัฐบัทตาเวีย! ทำลายปอดของเจ้ามนุษย์พวกนั้นซะไม่ให้มันได้สูดอากาศเข้าไปอีก เจ้าได้รับอำนาจในการบัญชาการฝ่ายภูเขาได้อย่างอิสระ”

 

“รับทราบเจ้าค่ะ”

 

ไพมอนนั้นโค้งให้อีกครั้ง

 

ไพมอน ผู้รักสงบ และชื่นชอบในเหล่ามนุษย์ กลับตอบรับคำสั่งโดยไม่มีท่าทีแห่งความลังเลแม้แต่น้อย 

ในฐานะที่เป็นคนที่รู้ถึงอุดมการณ์ของเธอและรู้ว่า เธอพยายามมากแค่ไหนที่จะเป็นมิตรกับพวกมนุษย์ไปจนถึงโชคชะตาในเกม การที่เธอปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเชื่อฟังนั้นทำให้ผมตกใจ

 

ไพมอนนั้นยอมรับภารกิจการบุกทำลายประเทศของมนุษย์โดยไม่แสดงท่าทีขัดขืนเลยแม้แต่น้อย!

 

“อันดับ 5 มาร์บาส”

 

“ผมอยู่ที่นี่”

 

มาร์บาสเดินมาด้วยฝีเท้าที่งามสง่า เขาไม่ได้โค้งแต่ก็ยกมือขวาวางบนอก นั่นเป็นการแสดงความเคารพ

 

“มาร์บาส ผู้นี้ยินดีรับบัญชาจากท่าน”

 

“ข้าขอแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้บัญชาการภาค 2 บัญชาการเหล่ากองกำลังฝ่ายเป็นกลาง แล้วเดินทัพไปยัง จักรวรรดิอนาโตเลีย(Anatolia Empire) และราชอาณาจักร โพลิช-ลิทัวเนีย (Polish-Lithuanian Kingdom) ทำลายฝั่งตะวันออกของทวีปเสีย”

 

“ฝั่งตะวันออกของทวีปจะกลายเป็นฝุ่นและถูกเรียกว่า ทะเลทราย”

 

มาร์บาสพูดราวกับกำลังให้สัตย์สาบานกับตนเอง

 

 

“อันดับ 2 อกาเรส”

 

“ค่า”

หญิงผู้ที่นั่งอยู่บนที่นั่งอันทรงเกียรติลุกขึ้น เธอเดินนวยนาดไปยังกลางห้องอย่างคนขี้เล่น เธอใช้มือแตะหน้าผากครั้งหนึ่งก่อนจะแสดงความเคารพ

 

“ข้า,อกาเรสแห่งแผ่นดินไหว บอกสิ่งที่ท่านประสงค์มาได้เลย”

 

“ข้าขอแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้บัญชาการภาค 3 นำพาเหล่าจอมมารที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ทะลวงราชอาณาจักรมอสโคว(Kingdom of Moscow)และพันธมิตรคาลมาร์(Kalmar Alliance)! 

แสดงให้พวกมนุษย์เห็นว่า ทางเหนือนั้นเคยเป็นดินแดนที่มีหิมะตลอดกาล ”

 

“อี๋ ข้าเกลียดความหนาว…….แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ ข้าจะทำให้แน่ใจเลยว่า มนุษย์จะไม่มีวันเห็นหิมะทางเหนืออีกต่อไป”

ด้วยท่าทางที่ดูโอเวอร์ เธอกางแขนออกแล้วคุกเข่าลง

 

 

 

“อันดับ 3 วาสซาโก้ ข้าขอแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้บัญชาการ ภาค 4 ไปพร้อมกับ อันดับ 6 วาเลฟอร์ และเปลี่ยนกองเรือของราชอาณาจักรเบอนิเซีย(Kingdom of Bernicia)ให้กลายเป็นเถ้าธุลี!”

 

“เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับผม”

ชายคนนั้นผงกหัวรับคำสั่งแล้วไปยืนกลางห้องประชุม

 

“อันดับ 4 กามิกิน ข้าขอแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้บัญชาการ ภาค 5 จงสนับสนุนกองกำลังทุกกองทัพจากหน้าบ้านพร้อมกับ อันดับ 7 อามอน! ปกปักรักษาดินแดนของพวกเรา”

 

“แหม ทื่รัก,แหม ที่รัก ท่านช่างมอบงานน่าเบื่อให้กับข้าเสียที่ ได้โปรดเถิด ท่านนี่ช่างโหดร้ายเหลือเกิน ท่านบาอัลคะ”

 

หญิงสาวผู้นั้นเดินไปกลางห้องด้วยรอยยิ้ม แต่แม้เธอจะแสดงกิริยาท่าทางอย่างนั้นแต่ก็ไม่เกินเลยวินัยของทหารรักษาการณ์ 

 

ในที่สุดเสียงของบาอัลก็มุ่งมาหาพวกเรา

 

“อันดับ 8 บาร์บาทอส”

 

“ข้ารอท่านเรียกจนหงุดหงิดแล้วเนี่ย”

 

บาร์บาทอสเดินไปอย่างกล้าหาญ พร้อมพูดออกมาอย่างเริงร่า ราวกับจอมมารรอบตัวนั้นเป็นดวงดาวระยับ

 

 

“ชัดเจนแน่แล้วว่า ข้าจะไปที่ไหนใช่ไหม?”

 

“ข้าขอแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้บัญชาการภาค 6 จงนำทัพมุ่งไปยังจักรวรรดิ์ฮับบวร์ก ข้าอนุญาตให้เจ้าบัญชาการกองกำลังฝ่ายที่ราบทั้งหมด”

 

“ฟัค เย่ห์! เอาล่ะโว้ย! ข้าจะได้ฉีกร่างพวกมนุษย์แล้ว!”

 

เธอยกมือขวาขึ้นแตะที่อก 

ด้วยทั้งหมดนั้น ทั้งฝ่ายภูเขา ฝ่ายเป็นกลาง ฝ่ายไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด จอมมารระดับสูง รวมถึง ฝ่ายที่ราบ เมื่อถูกเรียกตัวออกมาหมดแล้วก็เหลืออีกบุคคลหนึ่ง

 

ความร้อนระอุระหว่างจอมมารทุกตนก็พุ่งสูงขึ้น จิตวิญญาณการต่อสู้ลุกโชน นี่นับเป็นครั้งแรกในรอบ 2,000 ปี ที่กองกำลังพันธมิตรเสี้ยวจันทรานั้นมีจอมมารมาเข้าร่วมทุกตน

 

เหยียบย่ำ,พิชิต และทำลาย คำพูดพวกนั้นมีไว้เพื่อจอมมารได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งห้อง เหมือนกับพวกเขาได้กลิ่นเลือดและเริ่มน้ำลายไหลกันแล้ว

 

 

“และสุดท้าย ตัวข้า ,บาอัล”

บาอัลกล่าวขึ้น

 

“ข้าขอประกาศตนเป็นผู้บัญชาการภาค 7 และหัวหน้าผู้บัญชาการ ข้าจะกำจัดจักรวรรดิแฟรงค์(Frank Empire)ด้วยตนเอง โดยแบ่งกองกำลังของพวกเราเป็น 7 ภาค พวกเราทั้ง 7 สายแห่งการทำลายล้างและเสียงกรีดร้อง 

สหาย!

เรามาทำให้พวกมนุษย์มันสำนึกเถิดว่า ใครเป็นผู้ครองโลกใบนี้ตัวจริง!”

 

 

เขายืนขึ้นและดึงดาบจากปลอกที่ด้านหลัง

 

 

“พันธมิตรเสี้ยวจันทรา! บุก!”

 

เสียงของสัตว์ร้ายทั้งหลายก็ดังขึ้นในทันที

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+