Dungeon Defense (WN) 105 ผู้สาปแช่งที่ขุดหลุมฝังศพสอง

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 105 ผู้สาปแช่งที่ขุดหลุมฝังศพสอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

 

ปี 1506 ตามปฏิทินจักรวรรดิ วันที่ 30 ของเดือน 3 เวลา 9 นาฬิกา ในตอนเช้า

 

เหล่าทหารชั้นสูงที่นำโดยบาร์บาทอสเอาชนะกองกำลังจักรวรรดิที่บัญชาการโดยมาร์คกราฟ ฟริทซ์ ฟอน โรเซนเบิร์ก กองทัพจอมมารประสบความสำเร็จในการยึดที่ราบสูงปราทเซน

 

บาร์บาทอสได้สั่งกองกำลังของเธอให้จัดกลุ่มใหม่ในทันที เธอได้เรียกกองกำลังทัั้งหมดไปที่ปีกขวา ซึ่งเป็นสถานที่ที่เซปาร์กับผมกำลังป้องกันกันอยู่ อย่างยากลำบาก

 

ทหารจักรวรรดิจำนวน  20,000 นาย ที่มีจำนวนมหาศาลกว่ากองกำลังจอมมารปีกขวา ตอนนี้กลับถูกล้อมทั้งสองด้าน

 

 

– มกุฏราชกุมารถูกจับเป็นเชลยแล้ว! มาร์คกราฟตายแล้ว!

 

เหล่าทหารผู้บัญชาการของกองทัพจักรวรรดิต่างตื่นตระหนกทันทีที่ทราบว่า นายพลผู้บัญชาการสูงสุดถูกกำจัดแล้ว

 

ความปรารถนาที่จะหนีเพื่อให้สูญเสียน้อยที่สุดและความปรารถนาที่จะสู้จนหยดสุดท้ายปะทะกัน

พวกแรกนั้นมาจากทหารฝ่ายกองกำลังหลัก และพวกหลังมาจากทหารที่รับใช้มาร์คกราฟ

 

ปีกขวาของกองทัพจอมมารนั้นต่อสู้อย่างดุเดือดรุนแรงมาตั้งแต่กลางดึก แต่เดิมกำลังพลจาก 4,000 นายก็ลดลงจนเหลือ 1,500 นาย 

 

หน่วยบาร์บาทอสเองก็ลดลงเหลือ 2,500 นาย ส่วนทางฝ่ายทหารจักรวรรดินั้นยังคงเต็มเปี่ยมแข็งแรงดีทั้ง 20,000 นาย

 

ในขณะที่ทหารจักรวรรดิยังคงลังเลกับการตัดสินใจ ตอนนั้นเองที่บาร์บาทอสใช้ประโยชน์จาก <ราชาแห่งเหล่ากระดูก> เป็นครั้งแรกในการต่อสู้ครั้งนี้

 

มานาเข้มข้นจำนวนมากเป็นสิ่งที่ต้องการเพื่อขับเคลื่อนมังกรกระดูก ดังนั้นหน่วยนักเวทย์จึงต้องใช้พลังของพวกเขาเพื่อเป็นแหล่งมานาให้ เพื่อให้มังกรนั้นเกิดประสิทธิภาพให้มากที่สุด

 

พอมังกรกระดูกที่ตัวสูงกว่า 20 เมตร ปรากฏขึ้นในสนามรบ ความหวาดกลัวก็ครอบงำทหารจักรวรรดิทุกคน รูปขบวนก็ล่มสลายในทันที นายพลเซปาร์และผู้บัญชาการบาร์บาทอสนั้นไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดมือจึงส่งกองทหารตนตามไล่

 

แต่ถึงแม้นักเวทย์ 50 คนจะช่วยกันเติมานาให้มันแล้ว แต่ <ราชาแห่งเหล่ากระดูก> ก็อาละวาดหนักๆได้เพียง 10 นาที แต่ถึงอย่างนั้นแค่ 10 นาทีก็เพียงพอกับการพลิกกระแสการต่อสู้

 

ทหารจักรวรรดินั้นสู้กับการประสานงานของกองทัพจอมมารไม่ได้เลย จึงแตกทัพ ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างฝ่าย เหล่าผู้บัญชาการทั้งหลายของจักรวรรดิก็ยังกล้าที่จะรบอยู่ พวกเขาพยายามฝืนสู้กับฝูงมอนสเตอร์จวบจนลมหายใจสุดท้าย

 

โคลอฟเร่, คูตูซอฟ,เคียนเมเย่อ,แลงกีรอน……เหล่านายพลผู้มีชื่อเสียงใน<Dungeon Attack> ล้มตายไปทีละคน เป้าหมายของผมสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว จักรวรรดิฮับบวร์ก ณ ตอนนี้ขาดบุคคลผู้มีความสามารถเป็นอย่างมาก

 

ถึงแม้ตอนนี้ อลิซาเบธ เจ้าหญิงลำดับสามแห่งจักรวรรดิ จะได้รับอำนาจมาก็ตาม แต่การที่เธอไม่มีบุคคลมีความสามารถที่จะสนับสนุนเธอได้ทั้งแรงกายแรงใจ ก็ไม่เห็นมีอะไรที่ต้องกลัว

 

เจ้าหญิงลำดับสามนั้นอาจเป็นนังตัวแสบผู้ยิ่งใหญ่ในเกม แต่ก็ไม่มีทางที่เธอจะบริหารประเทศได้ด้วยตัวคนเดียว พวกมนุษย์นั้นอ่อนแอลงอย่างแน่นอน

 

ด้วยเหตุนี้ ส่วนกลางและปีกขวาของกองทัพจอมมารจึงได้รับชัยชนะ ปีกซ้ายเองก็มารายงานถึงชัยชนะตามหลังไม่นาน ในตอนแรกปีกซ้ายที่นำโดยเบเลธนั้นมีทหารราว 8,000 นาย เขาจึงบอกว่า มันเป็นชัยชนะที่ง่ายดายเหลือเกิน

มันเป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์สาดส่องลงมาบนเนินเขาและที่ราบแห่งออสเตอร์ลิทซ์

 

สงครามจบลงโดยสมบูรณ์

 

กองทัพจอมมารนั้นไปไล่เก็บพวกทหารจักรวรรดิที่หนีทัพเป็นของแถม โดยปกติแล้วการล้มตายจำนวนมากไม่ได้เกิดในสนามรบหรอก หากแต่เกิดขึ้นระหว่างการไล่ล่า

 

เอาล่ะ ถึงทหารแนวหน้าแห่งจักรวรรดิปกติจะกล้าหาญ ดังนั้นจึงไม่ต้องเจ็บปวดมากจากสมรภูมิเท่าไหร่……. แต่ถึงอย่างนั้นทำไมถึงดิ้นรนต่อสู้ขนาดนั้นกันล่ะ? ผมไม่เข้าใจจริงๆ

 

กองทัพจอมมารมารวมตัวกันอยู่ในที่เดียวแล้วต่างชื่นชมความสำเร็จของกันและกัน จอมมารทั้ง 19 ตน ที่เข้าร่วมสงครามรอดชีวิตทั้งหมด 

ในการพุ่งเข้าทำครั้งสุดท้าย นายพลเซปาร์ได้ก้าวออกไปข้างหน้ามากเกินไป และถูกธนูปักเข้าที่หัวไหล่ ซึ่งนั่นเป็นบาดแผลที่หนักที่สุดในบรรดาพวกเขาที่ได้รับ

 

 

“เอาจริงดิ นี่แกคุมสัญชาติญาณการพุ่งใส่ของตัวเองไม่ได้สินะ”

 

บาร์บาทอสเดาะลิ้น นายพลเซปาร์ห่อไหล่ลงด้วยความอาย พี่เบเลธจึงอารมณ์อย่างเห็นได้ชัดจึงหัวเราะออกมา

ในฐานะผู้จัดการทั่วไปของกองกำลังพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ภาค 6 ผมได้สรุปผลการสู้รบครั้งนี้

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

การรบที่ออสเตอร์ลิทซ์(Battle of Austerlitz)

 

วัน : ปฏิทินจักรวรรดิ ,ปี 1506,เดือน 3 , วันที่ 30

 

 

สถานที่ : ดินแดนเหนือของจักรวรรดิฮับบวร์ก,บรูโนแห่งโมราเวีย(Bruno of Moravia), ออสเตอร์ลิทซ์ 

 

«ฝ่ายพันธมิตรเสี้ยวจันทรา กองทัพภาค 6 »

 

ผู้นำหลัก:

ลำดับ 8 บาร์บาทอส 

ลำดับ 13 เบเลธ 

ลำดับ 16 เซปาร์  

จอมมารตนอื่น 16 ตน 

 

 

กำลังทหาร:

 

มอนสเตอร์ 16,325  ตัว

 

บาดเจ็บล้มตาย:

8,031 ตัว

 

«กองกำลังสำรวจแห่งฮับบวร์ก»

ผู้นำหลัก:

มกุฏราชกุมาร รูดอล์ฟ ฟอน ฮับบวร์ก(ถูกจับกุม)

มาร์คกราฟ ฟริทซ์ ฟอน โรเซนเบิร์ก (ตาย)

บารอนเฟอร์ดินาน วอลเลนสไตน์ (ตาย)

บารอนมิกคาอิล โคลอฟเร่ (ตาย)

เอิร์ล จอร์น ฟอน คูตูซอฟ (ตาย)

 

กองกำลังทหาร:

ทหารของมาร์คกราฟ ประมาณ 10,000 นาย  (ทหารม้าราวๆ 1,500 นาย)

กองกำลังหลัก ประมาณ 20,000 นาย (ทหารม้าราวๆ 1,000 นาย)

ทหารรับจ้างแลนคีเน็ค ประมาณ 20,000 นาย 

 

บาดเจ็บล้มตาย:

ประมาณ 45,000 นาย

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

กองทัพทหารจักรวรรดินั้นจบลงตรงที่ถูกฆ่าล้างโดยสมบูรณ์

 

กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราภาค 6 นั้นเสียกองกำลังไปมากเกินกว่าครึ่ง ก็ถือได้ว่า เกือบหมดไปเหมือนกัน แต่หน่วยของบาร์บาทอสนั้นสามารถฟื้นคืนชีพได้ด้วยเวทย์มนตร์ของเธอ ต้องขอบคุณสิ่งนั้นทำให้กองกำลังภาค 6 ของพวกเรานั้นมีทหารกลับคืนมาเป็น 10,000 นาย

 

ผมได้ตระหนักอีกครั้งว่า บาร์บาทอสนั้นยอดขนาดไหน ไม่ว่าทหารของเธอนั้นจะบาดเจ็บล้มตายกันไปหนักเพียงใด แค่เธอใช้เวทย์มนตร์ดำของเธอเพียงสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ เธอก็สามารถที่จะเอากองกำลังของเธอกลับคืนมาได้แล้ว!

 

นี่แหละ เหตุผลที่ว่าทำไมจอมมารเลขหลักเดียวถึงโคตรทรงพลังเสียเหลือเกิน 

 

ชิส์

 

พอครึ่งหนึ่งของกำลังพลทัพภาค 6 เป็นของบาร์บาทอสคนเดียว จอมมารอื่นเริ่มรู้สึกกดดัน

 

ดังนั้นพวกเขาจึงต้องวิ่งโร่ไปทั่วภูเขาและป่า เพื่อหามอนสเตอร์เผ่าต่างๆมาเป็นกองกำลัง พวกเขาเกณฑ์มอนสเตอร์ในท้องที่ ผ่านการชักจูงหรือไม่ก็บังคับด้วยเหตุนี้เหล่าพลทัพของจอมมารจึงฟื้นฟูขึ้นมา

 

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราก็เคยกำจัดมอนสเตอร์ในดินแดนของมาร์คกราฟไป ซึ่งนั่นก็เป็นไปเพื่อเติมเสบียงและให้ได้รับการสนับสนุนจากผู้คน แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับเปลี่ยนไปแล้ว พวกเราต้องการรับสมัครกองกำลังเพิ่ม

 

 

โอ้ แล้วเราก็ไม่ต้องกังวลเรื่อง เสบียงไปอีกสักพักเลยล่ะ มีศพทหารเกือบ  40,000 ศพจากทหารจักรวรรดิอยู่ที่ออสเตอลิทซ์ ศพพวกนั้นถูกย่างให้แห้งแล้วเก็บไว้

 

ผมนั้นต้องต่อสู้กับความเป็นมนุษย์ภายในตัวเองเมื่อใดก็ตามที่ผมเดินผ่านโกดังเก็บอาหารแล้วมีกลิ่นหอมๆโชยน่าอร่อยออกมาจากเนื้อย่าง กลิ่นมันชวนกินมากเกินไปแล้ว…….

 

พอพวกมอนสเตอร์เผ่าต่างๆได้กลิ่นชิมเนื้อมนุษย์ย่างเข้า พวกมันก็สาบานตนจะจงรักภักดีต่อพวกเราเหล่าจอมมารทันที

 

มอนสเตอร์ในแถบนี้ไม่กล้าพอที่จะจู่โจมหมู่บ้านใกล้เคียงมาก่อนเพราะเต็มไปด้วยทหารระดับสูงในพื้นที่นี้ ดังนั้นนานมากแล้วนับจากครั้งสุดท้ายที่มันได้ลิ้มรสเนื้อมนุษย์ซึ่งนั่นเป็นเหมือนการเปิดโลกใหม่ให้กับพวกมัน ดังนั้นพวกมันจึงเข้าสมัครเป็นทหารกับเรา

 

……พอปากต่อปากกันถึงเรื่องนั้น มอนสเตอร์ชนเผ่าต่างๆจากเดิมพยายามหนีการเกณฑ์ก็กลายเป็นว่ากลับมาร่วมสมัครอย่างเต็มใจ

 

 

2 สัปดาห์หลังการการศึกที่ออสเตอร์ลิทซ์

 

กองทัพภาค 6 แห่งทัพพันธมิตรนั้นก็ได้เสริมกำลัง เพิ่มจำนวนกลับมาเป็น 18,000นาย ซึ่งจากจำนวนมีมากกว่าการรบก่อนหน้าเสียอีก!

 

ผมได้แต่งุนงง ลอร่าเองก็รู้สึกเหมือนกัน เธอส่ายหัวไปมาแล้วบ่นพึมพัม

 

 

“……นี่มันเกินสามัญสำนึกไปแล้วค่ะ ฉันพึ่งรู้ว่า หากเทียบกับมนุษย์แล้ว จอมมารนั้นจัดการกองทัพได้อย่างง่ายดายมากๆ”

 

แล้วอย่างนั้นผมควรทำยังไงดีล่ะ?

 

ผมใช้เงิน 500 โกลด์เพื่อซื้อก็อบลินในขณะที่จอมมารคนอื่นเติมกำลังพลกำลังทหารของตัวเองได้โดยง่าย!

 

แน่นอนว่า พวกมันอาจจะทำสัญญาชั่วคราวกัน แต่ถึงอย่างนั้นสักวันนึงก็ต้องปล่อยมันไป ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…….

 

“ฮ่าาาาช์”

ช่างมันเถอะ อะไรที่จบแล้วก็ถือว่าจบไป ผมยังคงเก็บข้อมูลไว้ในหัวไว้เผื่อคราวหน้า

 

 

Ο

* * *

 

 

 

มีข่าวด่วนมาถึง กองทัพภาค 6 ในขณะที่กำลังฝึกทหารใหม่

 

“เอ๋? เร็วๆนี้มีการรัฐประหารเกิดขึ้นในจักรวรรดิฮับบวร์กอย่างนั้นรึ”

 

บาร์บาทอสฮัมออกมา ขณะที่อ่านเนื้อหารายงานที่เขียนอยู่ในคัมภีร์ เพิ่มเติมให้อีกหน่อย ตอนนี้เธอกำลังนอนเปลือยอยู่บนโซฟา เธออยากถูกนวด จึงเรียกใช้ผมในฐานะหมอนวดชายส่วนตัวของเธอทั้งวัน

 

ช่างเป็นโลลิที่ชั่วร้ายอะไรอย่างนี้

 

 

“ในนี้บอกว่า อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์กเริ่มรัฐประหารแล้ว เธอยึดอำนาจในเมืองหลวง และควบคุมส่วนกลางการบริหารในวันเดียว เธอค่อนข้างจะเก่งเลยนี่”

 

“เธออายุเพียง 17 ปีเท่านั้นครับ”

 

“หืมมม นี่แม่นี่อัจฉริยะหรือถูกหลอกใช้กันหว่า? อู อั่ก เฮ้ย มือแกมันไม่นิ่มนวลเลยว่ะ”

 

ผมจงใจทำแบบนั้น พวกเราน่ะยุ่งวุ่นวายกับการจัดการกองทัพกันวันนี้ อยู่ๆแม่นี่ก็มาลากผมให้มานวดเธอเฉยเลย…….

 

ผมระบายความหงุดหงิดไม่ได้หากไม่ทำอย่างนี้

 

ผมถูน้ำมันมะกอกไปจนทั่วร่างของบาร์บาทอส ผิวที่เป็นเหมือนหินอ่อนสีขาวเปล่งประกายแวววาวเพราะน้ำมันลื่นๆ

 

 

“อ้า ……ข้าจะไม่พูดแบบนั้นนะ ยัยโฉด”

ผมพ่นลม

“พูดเองสิ ว่าเรียกข้ามาเพื่อมีเซ็กส์ด้วย”

 

 

“อะโอ๋? นี่แกรู้ตัวแล้วสินะ?”

 

“ข้ามีเซ็กส์กับท่านนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เหตุการณ์แบบนี้เห็นกันชัดๆอยู่แล้วนี่?”

 

บาร์บาทอสหัวเราะเสียงดัง

 

“เจ้าเด็กนี่ที่เคยกระอักกระอ่วนบนเตียงเหมือนไอ้ซิงโตขึ้นมาเป็นนักกีฬาซะแล้วนี่ ห้ะ มันรู้สึกเจ็บปวดเหมือนน้องชายสุดขี้อายของข้าโตขึ้นเพลย์บอยเลยว่ะ”

 

“น้องชาย ? ข้าเนี่ยนะ ? เธอหมายถึงพี่ชายสินะ”

 

 

“ถึงข้าจะดูเป็นอย่างนั้น แต่ข้าก็อายุ 2,000 ปีนะ ดันทาเลี่ยนน้อย”

 

อืมม เธอก็พูดถูกนะ หากพูดถึงอายุจริงของเธอ แต่ผมก็จะไม่เรียกเธอว่า คุณย่าหรือพี่สาวหรอกนะ?

 

แน่นอนว่า ถึงไม่ต้องถามออกมา ก็รู้ดีอยู่แล้วว่า เด็กผู้หญิงแบบไหนกันที่อยากให้คู่เซ็กส์เรียกเธอว่า เป็นคุณย่ากันล่ะ? ผมก็เป็นชายที่รู้จักหัวจิตหัวใจผู้อื่นเหมือนกันนะ

 

 

จากการนวดก็เปลี่ยนกลายเป็นเซ็กส์แทน พวกเรามีเซ็กส์กันเกือบสามสิบครั้ง 

 

สิ่งที่ดีเกี่ยวกับจอมมารก็คือ สามารถถึงจุดสุดยอดหลังถึงจุดสุดยอดไปแล้วได้แม้จะเป็นผู้ชายก็เถอะ

 

ที่บอกได้ก็เป็นเพราะร่างครึ่งหนึ่งของผมนั้นทำจากมานา ผมอาจจะเป็นไอ้โง่ทันทีหากเป็นเรื่องตรรกะทางเวทย์มนตร์ ผมจึงไม่เข้าใจได้เป็นอย่างดี แต่เอาเถอะ ได้ของขวัญอะไรมาแล้วก็อย่าบ่นให้มากความดีกว่า

 

 

หลังจากสองชั่วโมง พวกเราก็หอบกันอยู่บนโซฟา ผมอยู่ล่างในขณะที่บาร์บาทอสอยู่บนตัวผม 

 

เจ้าน้องชายผมนั้นยังคงอยู่ข้างในตัวเธอ แต่ทั้งผมและเธอต่างขี้เกียจเกินกว่าจะเอาออกจึงนอนอยู่อย่างนั้นต่อ

 

บาร์บาทอสพูดทั้งที่ยังซุกหน้าอยู่บนอกผม

 

“ฮาาา……ฮู่ว……. แล้วนี่ไม่ใช่โอกาสที่เราจะโจมตี ฮับบวร์กรึไง?”

 

“ไม่ พวกเราต้องอยู่ที่นี่ ไม่ต้องไปไหน”

บาร์บาทอสถอนหัวขึ้นแล้วมองมาที่ผม

 

 

“ทำไมล่ะ?”

 

ดวงตาของเธอเปล่งประกาย การแสดงสีหน้าของเธอนั้นออกจะน่ารัก ทำให้ผมเผลอลูบหัวเธอโดยไม่รู้ตัว

 

(TTL : ลู บ หั ว โ ด ย ไ ม่ ร ู้ ต ั ว ) 

 

บาร์บาทอสพ่นลมออกมาอย่างไมพ่อใจ แต่เธอคงไม่รู้สึกแย่เพราะเธอยิ้มออกมา ชั่วเวลาที่แสนสบายใจอยู่ไปชั่วขณะ

 

“มันเป็นเพราะจักรวรรดิตกอยู่ในความอลหม่านเพราะการรัฐประหารไง”

 

“ไม่ใช่ว่า พวกเราควรโจมตีตอนพวกมันกำลังวุ่นวายอยู่รึไง?”

 

“ไม่ใช่เลย จากข้อมูลที่ข้าได้มา เจ้าหญิงลำดับสามแห่งจักรวรรดิได้พยายามรวมผู้คนจำนวนมากเพื่อมาเป็นผู้สนับสนุนจากชนชั้นกลางและชนชั้นแรงงาน

นั่นหมายถึงว่า เธอสูญเสียการสนับสนุนจากพวกชนชั้นสูง ดังนั้นพวกชนชั้นกลางและชนชั้นแรงงานจะสนับสนุนเธออย่างมีเงื่อนไขด้วยเช่นกัน”

 

ระบบการเมืองของจักรวรรดิฮับบวร์กนั้นซับซ้อนเป็นอย่างมาก ชนชั้นสูงและนายพลจักรวรรดิของฝ่ายมกุฏราชกุมารนั้นถูกกำจัดไปจากการรบที่ออสเตอร์ลิทซ์

ซึ่งก็เป็นปกติแล้วล่ะสำหรับฝ่ายมกุฏราชกุมารที่ถูกจับเป็นนักโทษน่ะ

 

 

เจ้าหญิงลำดับสามได้ให้องค์รักษ์ของเธอนั้นยึดครองก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวกันเสียอีก

จักรพรรดิที่ตอนนี้เป็นผู้ปกครองแต่ในนามถูกส่งไปยังที่พักของราชวงศ์ที่อยู่ห่างออกไป ส่วนเจ้าชายลำดับสองนั้นก็ถูกดูแลอย่างเข้มงวดอยู่ในเขตของตนเท่านั้น

 

‘เพื่อเป็นการปกป้องเหล่าเชื้อพระวงศ์จากการถูกใช้ประโยชน์ในช่วงความวุ่นวายที่เกิดขึ้น’ 

อลิซาเบธ เจ้าหญิงลำดับสามแห่งจักรวรรดิได้กล่าวอ้างเช่นนี้ แต่ใครจะไปเชื่อเหตุผลแบบนั้นกันล่ะ 

 

 

ฝ่ายเจ้าหญิงเองก็ครอบครองตำแหน่งอย่างรวดเร็ว แถมยังยึดตำแหน่งหลายๆตำแหน่งเป็นตำแหน่งส่วนตัว อาทิ หัวหน้ากิจการทหาร ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกัน 

 

อลิซาเบธ นั้นได้ยึดครองอำนาจทหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ณ ตอนนี้เธอยืนอยู่บนจุดสูงสุดในฐานะผู้จัดการสูงสุด ผู้ควบคุม และกองกำลังปราบปราม ทางการทหาร รวมถึงทางกฏหมายด้วย

 

ฝ่ายเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิได้รับชัยชนะ ซึ่งนั่นแน่นอนอยู่แล้ว และยิ่งไปกว่านั้น ยังเร็วไปที่จะบอกว่า พวกเขานั้นชนะโดยสมบูรณ์ แม้เหล่าชนชั้นสูงของฝ่ายมกุฏราชกุมารจะถูกคุมขังแต่พวกเขาก็ยังมีทหารส่วนตัวในเขตของตนเองอยู่

 

ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าชายลำดับสองก็ยังคงอยู่ดีสุขเช่นกัน 

ศัตรูของเรานั้นแตกเป็นเสี่ยงๆเพราะความขัดแย้งภายใน จากมุมมองของคนภายนอก สิ่งนี้อาจดูเหมือนเป็นโอกาสอันงามที่ควรคว้าไว้

 

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ตอบบาร์บาทอสกลับไปอย่างชัดเจนว่า

 

“หากเราบุกไปตอนนี้ เราจะแพ้”

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 105 ผู้สาปแช่งที่ขุดหลุมฝังศพสอง

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 105 ผู้สาปแช่งที่ขุดหลุมฝังศพสอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

 

ปี 1506 ตามปฏิทินจักรวรรดิ วันที่ 30 ของเดือน 3 เวลา 9 นาฬิกา ในตอนเช้า

 

เหล่าทหารชั้นสูงที่นำโดยบาร์บาทอสเอาชนะกองกำลังจักรวรรดิที่บัญชาการโดยมาร์คกราฟ ฟริทซ์ ฟอน โรเซนเบิร์ก กองทัพจอมมารประสบความสำเร็จในการยึดที่ราบสูงปราทเซน

 

บาร์บาทอสได้สั่งกองกำลังของเธอให้จัดกลุ่มใหม่ในทันที เธอได้เรียกกองกำลังทัั้งหมดไปที่ปีกขวา ซึ่งเป็นสถานที่ที่เซปาร์กับผมกำลังป้องกันกันอยู่ อย่างยากลำบาก

 

ทหารจักรวรรดิจำนวน  20,000 นาย ที่มีจำนวนมหาศาลกว่ากองกำลังจอมมารปีกขวา ตอนนี้กลับถูกล้อมทั้งสองด้าน

 

 

– มกุฏราชกุมารถูกจับเป็นเชลยแล้ว! มาร์คกราฟตายแล้ว!

 

เหล่าทหารผู้บัญชาการของกองทัพจักรวรรดิต่างตื่นตระหนกทันทีที่ทราบว่า นายพลผู้บัญชาการสูงสุดถูกกำจัดแล้ว

 

ความปรารถนาที่จะหนีเพื่อให้สูญเสียน้อยที่สุดและความปรารถนาที่จะสู้จนหยดสุดท้ายปะทะกัน

พวกแรกนั้นมาจากทหารฝ่ายกองกำลังหลัก และพวกหลังมาจากทหารที่รับใช้มาร์คกราฟ

 

ปีกขวาของกองทัพจอมมารนั้นต่อสู้อย่างดุเดือดรุนแรงมาตั้งแต่กลางดึก แต่เดิมกำลังพลจาก 4,000 นายก็ลดลงจนเหลือ 1,500 นาย 

 

หน่วยบาร์บาทอสเองก็ลดลงเหลือ 2,500 นาย ส่วนทางฝ่ายทหารจักรวรรดินั้นยังคงเต็มเปี่ยมแข็งแรงดีทั้ง 20,000 นาย

 

ในขณะที่ทหารจักรวรรดิยังคงลังเลกับการตัดสินใจ ตอนนั้นเองที่บาร์บาทอสใช้ประโยชน์จาก <ราชาแห่งเหล่ากระดูก> เป็นครั้งแรกในการต่อสู้ครั้งนี้

 

มานาเข้มข้นจำนวนมากเป็นสิ่งที่ต้องการเพื่อขับเคลื่อนมังกรกระดูก ดังนั้นหน่วยนักเวทย์จึงต้องใช้พลังของพวกเขาเพื่อเป็นแหล่งมานาให้ เพื่อให้มังกรนั้นเกิดประสิทธิภาพให้มากที่สุด

 

พอมังกรกระดูกที่ตัวสูงกว่า 20 เมตร ปรากฏขึ้นในสนามรบ ความหวาดกลัวก็ครอบงำทหารจักรวรรดิทุกคน รูปขบวนก็ล่มสลายในทันที นายพลเซปาร์และผู้บัญชาการบาร์บาทอสนั้นไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดมือจึงส่งกองทหารตนตามไล่

 

แต่ถึงแม้นักเวทย์ 50 คนจะช่วยกันเติมานาให้มันแล้ว แต่ <ราชาแห่งเหล่ากระดูก> ก็อาละวาดหนักๆได้เพียง 10 นาที แต่ถึงอย่างนั้นแค่ 10 นาทีก็เพียงพอกับการพลิกกระแสการต่อสู้

 

ทหารจักรวรรดินั้นสู้กับการประสานงานของกองทัพจอมมารไม่ได้เลย จึงแตกทัพ ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างฝ่าย เหล่าผู้บัญชาการทั้งหลายของจักรวรรดิก็ยังกล้าที่จะรบอยู่ พวกเขาพยายามฝืนสู้กับฝูงมอนสเตอร์จวบจนลมหายใจสุดท้าย

 

โคลอฟเร่, คูตูซอฟ,เคียนเมเย่อ,แลงกีรอน……เหล่านายพลผู้มีชื่อเสียงใน<Dungeon Attack> ล้มตายไปทีละคน เป้าหมายของผมสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว จักรวรรดิฮับบวร์ก ณ ตอนนี้ขาดบุคคลผู้มีความสามารถเป็นอย่างมาก

 

ถึงแม้ตอนนี้ อลิซาเบธ เจ้าหญิงลำดับสามแห่งจักรวรรดิ จะได้รับอำนาจมาก็ตาม แต่การที่เธอไม่มีบุคคลมีความสามารถที่จะสนับสนุนเธอได้ทั้งแรงกายแรงใจ ก็ไม่เห็นมีอะไรที่ต้องกลัว

 

เจ้าหญิงลำดับสามนั้นอาจเป็นนังตัวแสบผู้ยิ่งใหญ่ในเกม แต่ก็ไม่มีทางที่เธอจะบริหารประเทศได้ด้วยตัวคนเดียว พวกมนุษย์นั้นอ่อนแอลงอย่างแน่นอน

 

ด้วยเหตุนี้ ส่วนกลางและปีกขวาของกองทัพจอมมารจึงได้รับชัยชนะ ปีกซ้ายเองก็มารายงานถึงชัยชนะตามหลังไม่นาน ในตอนแรกปีกซ้ายที่นำโดยเบเลธนั้นมีทหารราว 8,000 นาย เขาจึงบอกว่า มันเป็นชัยชนะที่ง่ายดายเหลือเกิน

มันเป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์สาดส่องลงมาบนเนินเขาและที่ราบแห่งออสเตอร์ลิทซ์

 

สงครามจบลงโดยสมบูรณ์

 

กองทัพจอมมารนั้นไปไล่เก็บพวกทหารจักรวรรดิที่หนีทัพเป็นของแถม โดยปกติแล้วการล้มตายจำนวนมากไม่ได้เกิดในสนามรบหรอก หากแต่เกิดขึ้นระหว่างการไล่ล่า

 

เอาล่ะ ถึงทหารแนวหน้าแห่งจักรวรรดิปกติจะกล้าหาญ ดังนั้นจึงไม่ต้องเจ็บปวดมากจากสมรภูมิเท่าไหร่……. แต่ถึงอย่างนั้นทำไมถึงดิ้นรนต่อสู้ขนาดนั้นกันล่ะ? ผมไม่เข้าใจจริงๆ

 

กองทัพจอมมารมารวมตัวกันอยู่ในที่เดียวแล้วต่างชื่นชมความสำเร็จของกันและกัน จอมมารทั้ง 19 ตน ที่เข้าร่วมสงครามรอดชีวิตทั้งหมด 

ในการพุ่งเข้าทำครั้งสุดท้าย นายพลเซปาร์ได้ก้าวออกไปข้างหน้ามากเกินไป และถูกธนูปักเข้าที่หัวไหล่ ซึ่งนั่นเป็นบาดแผลที่หนักที่สุดในบรรดาพวกเขาที่ได้รับ

 

 

“เอาจริงดิ นี่แกคุมสัญชาติญาณการพุ่งใส่ของตัวเองไม่ได้สินะ”

 

บาร์บาทอสเดาะลิ้น นายพลเซปาร์ห่อไหล่ลงด้วยความอาย พี่เบเลธจึงอารมณ์อย่างเห็นได้ชัดจึงหัวเราะออกมา

ในฐานะผู้จัดการทั่วไปของกองกำลังพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ภาค 6 ผมได้สรุปผลการสู้รบครั้งนี้

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

การรบที่ออสเตอร์ลิทซ์(Battle of Austerlitz)

 

วัน : ปฏิทินจักรวรรดิ ,ปี 1506,เดือน 3 , วันที่ 30

 

 

สถานที่ : ดินแดนเหนือของจักรวรรดิฮับบวร์ก,บรูโนแห่งโมราเวีย(Bruno of Moravia), ออสเตอร์ลิทซ์ 

 

«ฝ่ายพันธมิตรเสี้ยวจันทรา กองทัพภาค 6 »

 

ผู้นำหลัก:

ลำดับ 8 บาร์บาทอส 

ลำดับ 13 เบเลธ 

ลำดับ 16 เซปาร์  

จอมมารตนอื่น 16 ตน 

 

 

กำลังทหาร:

 

มอนสเตอร์ 16,325  ตัว

 

บาดเจ็บล้มตาย:

8,031 ตัว

 

«กองกำลังสำรวจแห่งฮับบวร์ก»

ผู้นำหลัก:

มกุฏราชกุมาร รูดอล์ฟ ฟอน ฮับบวร์ก(ถูกจับกุม)

มาร์คกราฟ ฟริทซ์ ฟอน โรเซนเบิร์ก (ตาย)

บารอนเฟอร์ดินาน วอลเลนสไตน์ (ตาย)

บารอนมิกคาอิล โคลอฟเร่ (ตาย)

เอิร์ล จอร์น ฟอน คูตูซอฟ (ตาย)

 

กองกำลังทหาร:

ทหารของมาร์คกราฟ ประมาณ 10,000 นาย  (ทหารม้าราวๆ 1,500 นาย)

กองกำลังหลัก ประมาณ 20,000 นาย (ทหารม้าราวๆ 1,000 นาย)

ทหารรับจ้างแลนคีเน็ค ประมาณ 20,000 นาย 

 

บาดเจ็บล้มตาย:

ประมาณ 45,000 นาย

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

กองทัพทหารจักรวรรดินั้นจบลงตรงที่ถูกฆ่าล้างโดยสมบูรณ์

 

กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราภาค 6 นั้นเสียกองกำลังไปมากเกินกว่าครึ่ง ก็ถือได้ว่า เกือบหมดไปเหมือนกัน แต่หน่วยของบาร์บาทอสนั้นสามารถฟื้นคืนชีพได้ด้วยเวทย์มนตร์ของเธอ ต้องขอบคุณสิ่งนั้นทำให้กองกำลังภาค 6 ของพวกเรานั้นมีทหารกลับคืนมาเป็น 10,000 นาย

 

ผมได้ตระหนักอีกครั้งว่า บาร์บาทอสนั้นยอดขนาดไหน ไม่ว่าทหารของเธอนั้นจะบาดเจ็บล้มตายกันไปหนักเพียงใด แค่เธอใช้เวทย์มนตร์ดำของเธอเพียงสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ เธอก็สามารถที่จะเอากองกำลังของเธอกลับคืนมาได้แล้ว!

 

นี่แหละ เหตุผลที่ว่าทำไมจอมมารเลขหลักเดียวถึงโคตรทรงพลังเสียเหลือเกิน 

 

ชิส์

 

พอครึ่งหนึ่งของกำลังพลทัพภาค 6 เป็นของบาร์บาทอสคนเดียว จอมมารอื่นเริ่มรู้สึกกดดัน

 

ดังนั้นพวกเขาจึงต้องวิ่งโร่ไปทั่วภูเขาและป่า เพื่อหามอนสเตอร์เผ่าต่างๆมาเป็นกองกำลัง พวกเขาเกณฑ์มอนสเตอร์ในท้องที่ ผ่านการชักจูงหรือไม่ก็บังคับด้วยเหตุนี้เหล่าพลทัพของจอมมารจึงฟื้นฟูขึ้นมา

 

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราก็เคยกำจัดมอนสเตอร์ในดินแดนของมาร์คกราฟไป ซึ่งนั่นก็เป็นไปเพื่อเติมเสบียงและให้ได้รับการสนับสนุนจากผู้คน แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับเปลี่ยนไปแล้ว พวกเราต้องการรับสมัครกองกำลังเพิ่ม

 

 

โอ้ แล้วเราก็ไม่ต้องกังวลเรื่อง เสบียงไปอีกสักพักเลยล่ะ มีศพทหารเกือบ  40,000 ศพจากทหารจักรวรรดิอยู่ที่ออสเตอลิทซ์ ศพพวกนั้นถูกย่างให้แห้งแล้วเก็บไว้

 

ผมนั้นต้องต่อสู้กับความเป็นมนุษย์ภายในตัวเองเมื่อใดก็ตามที่ผมเดินผ่านโกดังเก็บอาหารแล้วมีกลิ่นหอมๆโชยน่าอร่อยออกมาจากเนื้อย่าง กลิ่นมันชวนกินมากเกินไปแล้ว…….

 

พอพวกมอนสเตอร์เผ่าต่างๆได้กลิ่นชิมเนื้อมนุษย์ย่างเข้า พวกมันก็สาบานตนจะจงรักภักดีต่อพวกเราเหล่าจอมมารทันที

 

มอนสเตอร์ในแถบนี้ไม่กล้าพอที่จะจู่โจมหมู่บ้านใกล้เคียงมาก่อนเพราะเต็มไปด้วยทหารระดับสูงในพื้นที่นี้ ดังนั้นนานมากแล้วนับจากครั้งสุดท้ายที่มันได้ลิ้มรสเนื้อมนุษย์ซึ่งนั่นเป็นเหมือนการเปิดโลกใหม่ให้กับพวกมัน ดังนั้นพวกมันจึงเข้าสมัครเป็นทหารกับเรา

 

……พอปากต่อปากกันถึงเรื่องนั้น มอนสเตอร์ชนเผ่าต่างๆจากเดิมพยายามหนีการเกณฑ์ก็กลายเป็นว่ากลับมาร่วมสมัครอย่างเต็มใจ

 

 

2 สัปดาห์หลังการการศึกที่ออสเตอร์ลิทซ์

 

กองทัพภาค 6 แห่งทัพพันธมิตรนั้นก็ได้เสริมกำลัง เพิ่มจำนวนกลับมาเป็น 18,000นาย ซึ่งจากจำนวนมีมากกว่าการรบก่อนหน้าเสียอีก!

 

ผมได้แต่งุนงง ลอร่าเองก็รู้สึกเหมือนกัน เธอส่ายหัวไปมาแล้วบ่นพึมพัม

 

 

“……นี่มันเกินสามัญสำนึกไปแล้วค่ะ ฉันพึ่งรู้ว่า หากเทียบกับมนุษย์แล้ว จอมมารนั้นจัดการกองทัพได้อย่างง่ายดายมากๆ”

 

แล้วอย่างนั้นผมควรทำยังไงดีล่ะ?

 

ผมใช้เงิน 500 โกลด์เพื่อซื้อก็อบลินในขณะที่จอมมารคนอื่นเติมกำลังพลกำลังทหารของตัวเองได้โดยง่าย!

 

แน่นอนว่า พวกมันอาจจะทำสัญญาชั่วคราวกัน แต่ถึงอย่างนั้นสักวันนึงก็ต้องปล่อยมันไป ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…….

 

“ฮ่าาาาช์”

ช่างมันเถอะ อะไรที่จบแล้วก็ถือว่าจบไป ผมยังคงเก็บข้อมูลไว้ในหัวไว้เผื่อคราวหน้า

 

 

Ο

* * *

 

 

 

มีข่าวด่วนมาถึง กองทัพภาค 6 ในขณะที่กำลังฝึกทหารใหม่

 

“เอ๋? เร็วๆนี้มีการรัฐประหารเกิดขึ้นในจักรวรรดิฮับบวร์กอย่างนั้นรึ”

 

บาร์บาทอสฮัมออกมา ขณะที่อ่านเนื้อหารายงานที่เขียนอยู่ในคัมภีร์ เพิ่มเติมให้อีกหน่อย ตอนนี้เธอกำลังนอนเปลือยอยู่บนโซฟา เธออยากถูกนวด จึงเรียกใช้ผมในฐานะหมอนวดชายส่วนตัวของเธอทั้งวัน

 

ช่างเป็นโลลิที่ชั่วร้ายอะไรอย่างนี้

 

 

“ในนี้บอกว่า อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์กเริ่มรัฐประหารแล้ว เธอยึดอำนาจในเมืองหลวง และควบคุมส่วนกลางการบริหารในวันเดียว เธอค่อนข้างจะเก่งเลยนี่”

 

“เธออายุเพียง 17 ปีเท่านั้นครับ”

 

“หืมมม นี่แม่นี่อัจฉริยะหรือถูกหลอกใช้กันหว่า? อู อั่ก เฮ้ย มือแกมันไม่นิ่มนวลเลยว่ะ”

 

ผมจงใจทำแบบนั้น พวกเราน่ะยุ่งวุ่นวายกับการจัดการกองทัพกันวันนี้ อยู่ๆแม่นี่ก็มาลากผมให้มานวดเธอเฉยเลย…….

 

ผมระบายความหงุดหงิดไม่ได้หากไม่ทำอย่างนี้

 

ผมถูน้ำมันมะกอกไปจนทั่วร่างของบาร์บาทอส ผิวที่เป็นเหมือนหินอ่อนสีขาวเปล่งประกายแวววาวเพราะน้ำมันลื่นๆ

 

 

“อ้า ……ข้าจะไม่พูดแบบนั้นนะ ยัยโฉด”

ผมพ่นลม

“พูดเองสิ ว่าเรียกข้ามาเพื่อมีเซ็กส์ด้วย”

 

 

“อะโอ๋? นี่แกรู้ตัวแล้วสินะ?”

 

“ข้ามีเซ็กส์กับท่านนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เหตุการณ์แบบนี้เห็นกันชัดๆอยู่แล้วนี่?”

 

บาร์บาทอสหัวเราะเสียงดัง

 

“เจ้าเด็กนี่ที่เคยกระอักกระอ่วนบนเตียงเหมือนไอ้ซิงโตขึ้นมาเป็นนักกีฬาซะแล้วนี่ ห้ะ มันรู้สึกเจ็บปวดเหมือนน้องชายสุดขี้อายของข้าโตขึ้นเพลย์บอยเลยว่ะ”

 

“น้องชาย ? ข้าเนี่ยนะ ? เธอหมายถึงพี่ชายสินะ”

 

 

“ถึงข้าจะดูเป็นอย่างนั้น แต่ข้าก็อายุ 2,000 ปีนะ ดันทาเลี่ยนน้อย”

 

อืมม เธอก็พูดถูกนะ หากพูดถึงอายุจริงของเธอ แต่ผมก็จะไม่เรียกเธอว่า คุณย่าหรือพี่สาวหรอกนะ?

 

แน่นอนว่า ถึงไม่ต้องถามออกมา ก็รู้ดีอยู่แล้วว่า เด็กผู้หญิงแบบไหนกันที่อยากให้คู่เซ็กส์เรียกเธอว่า เป็นคุณย่ากันล่ะ? ผมก็เป็นชายที่รู้จักหัวจิตหัวใจผู้อื่นเหมือนกันนะ

 

 

จากการนวดก็เปลี่ยนกลายเป็นเซ็กส์แทน พวกเรามีเซ็กส์กันเกือบสามสิบครั้ง 

 

สิ่งที่ดีเกี่ยวกับจอมมารก็คือ สามารถถึงจุดสุดยอดหลังถึงจุดสุดยอดไปแล้วได้แม้จะเป็นผู้ชายก็เถอะ

 

ที่บอกได้ก็เป็นเพราะร่างครึ่งหนึ่งของผมนั้นทำจากมานา ผมอาจจะเป็นไอ้โง่ทันทีหากเป็นเรื่องตรรกะทางเวทย์มนตร์ ผมจึงไม่เข้าใจได้เป็นอย่างดี แต่เอาเถอะ ได้ของขวัญอะไรมาแล้วก็อย่าบ่นให้มากความดีกว่า

 

 

หลังจากสองชั่วโมง พวกเราก็หอบกันอยู่บนโซฟา ผมอยู่ล่างในขณะที่บาร์บาทอสอยู่บนตัวผม 

 

เจ้าน้องชายผมนั้นยังคงอยู่ข้างในตัวเธอ แต่ทั้งผมและเธอต่างขี้เกียจเกินกว่าจะเอาออกจึงนอนอยู่อย่างนั้นต่อ

 

บาร์บาทอสพูดทั้งที่ยังซุกหน้าอยู่บนอกผม

 

“ฮาาา……ฮู่ว……. แล้วนี่ไม่ใช่โอกาสที่เราจะโจมตี ฮับบวร์กรึไง?”

 

“ไม่ พวกเราต้องอยู่ที่นี่ ไม่ต้องไปไหน”

บาร์บาทอสถอนหัวขึ้นแล้วมองมาที่ผม

 

 

“ทำไมล่ะ?”

 

ดวงตาของเธอเปล่งประกาย การแสดงสีหน้าของเธอนั้นออกจะน่ารัก ทำให้ผมเผลอลูบหัวเธอโดยไม่รู้ตัว

 

(TTL : ลู บ หั ว โ ด ย ไ ม่ ร ู้ ต ั ว ) 

 

บาร์บาทอสพ่นลมออกมาอย่างไมพ่อใจ แต่เธอคงไม่รู้สึกแย่เพราะเธอยิ้มออกมา ชั่วเวลาที่แสนสบายใจอยู่ไปชั่วขณะ

 

“มันเป็นเพราะจักรวรรดิตกอยู่ในความอลหม่านเพราะการรัฐประหารไง”

 

“ไม่ใช่ว่า พวกเราควรโจมตีตอนพวกมันกำลังวุ่นวายอยู่รึไง?”

 

“ไม่ใช่เลย จากข้อมูลที่ข้าได้มา เจ้าหญิงลำดับสามแห่งจักรวรรดิได้พยายามรวมผู้คนจำนวนมากเพื่อมาเป็นผู้สนับสนุนจากชนชั้นกลางและชนชั้นแรงงาน

นั่นหมายถึงว่า เธอสูญเสียการสนับสนุนจากพวกชนชั้นสูง ดังนั้นพวกชนชั้นกลางและชนชั้นแรงงานจะสนับสนุนเธออย่างมีเงื่อนไขด้วยเช่นกัน”

 

ระบบการเมืองของจักรวรรดิฮับบวร์กนั้นซับซ้อนเป็นอย่างมาก ชนชั้นสูงและนายพลจักรวรรดิของฝ่ายมกุฏราชกุมารนั้นถูกกำจัดไปจากการรบที่ออสเตอร์ลิทซ์

ซึ่งก็เป็นปกติแล้วล่ะสำหรับฝ่ายมกุฏราชกุมารที่ถูกจับเป็นนักโทษน่ะ

 

 

เจ้าหญิงลำดับสามได้ให้องค์รักษ์ของเธอนั้นยึดครองก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวกันเสียอีก

จักรพรรดิที่ตอนนี้เป็นผู้ปกครองแต่ในนามถูกส่งไปยังที่พักของราชวงศ์ที่อยู่ห่างออกไป ส่วนเจ้าชายลำดับสองนั้นก็ถูกดูแลอย่างเข้มงวดอยู่ในเขตของตนเท่านั้น

 

‘เพื่อเป็นการปกป้องเหล่าเชื้อพระวงศ์จากการถูกใช้ประโยชน์ในช่วงความวุ่นวายที่เกิดขึ้น’ 

อลิซาเบธ เจ้าหญิงลำดับสามแห่งจักรวรรดิได้กล่าวอ้างเช่นนี้ แต่ใครจะไปเชื่อเหตุผลแบบนั้นกันล่ะ 

 

 

ฝ่ายเจ้าหญิงเองก็ครอบครองตำแหน่งอย่างรวดเร็ว แถมยังยึดตำแหน่งหลายๆตำแหน่งเป็นตำแหน่งส่วนตัว อาทิ หัวหน้ากิจการทหาร ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกัน 

 

อลิซาเบธ นั้นได้ยึดครองอำนาจทหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ณ ตอนนี้เธอยืนอยู่บนจุดสูงสุดในฐานะผู้จัดการสูงสุด ผู้ควบคุม และกองกำลังปราบปราม ทางการทหาร รวมถึงทางกฏหมายด้วย

 

ฝ่ายเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิได้รับชัยชนะ ซึ่งนั่นแน่นอนอยู่แล้ว และยิ่งไปกว่านั้น ยังเร็วไปที่จะบอกว่า พวกเขานั้นชนะโดยสมบูรณ์ แม้เหล่าชนชั้นสูงของฝ่ายมกุฏราชกุมารจะถูกคุมขังแต่พวกเขาก็ยังมีทหารส่วนตัวในเขตของตนเองอยู่

 

ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าชายลำดับสองก็ยังคงอยู่ดีสุขเช่นกัน 

ศัตรูของเรานั้นแตกเป็นเสี่ยงๆเพราะความขัดแย้งภายใน จากมุมมองของคนภายนอก สิ่งนี้อาจดูเหมือนเป็นโอกาสอันงามที่ควรคว้าไว้

 

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ตอบบาร์บาทอสกลับไปอย่างชัดเจนว่า

 

“หากเราบุกไปตอนนี้ เราจะแพ้”

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+