Dungeon Defense (WN) 117 15 นาที ที่ยาวนานที่สุด(2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 117 15 นาที ที่ยาวนานที่สุด(2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

* * *

 

 

ที่ราบกลับเงียบสงัด

 

มิใช่แต่เพียงกองกำลังฝ่ายมนุษย์ แม้แต่ปีศาจจากกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราก็แทบจะหยุดหายใจ

 

จอมมารทั้ง 5 ที่ได้รับฟังคำพูดโดยตรงจากด้านหลังดันทาเลี่ยน ―ลำดับ 2 อกาเรส,ลำดับ 4 กามิกิน ,ลำดับ 5 มาร์บาส,ลำดับ 8 บาร์บาทอส และ ลำดับ 9 ไพมอน ต่างอยู่อย่างเงียบๆ

 

“ว้าว เขานี่ช่างเป็นนักพูดที่เก่งจริงๆ”

 

กามิกินพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายทำลายบรรยากาศตึงเครียด

 

 

“ไม่ใช่ว่าเตรียมตัววมาสองวันหรอกรึ? น่าประทับใจดี”

 

“เอาล่ะ ถือว่าเขาเอาตัวรอดได้ด้วยลิ้นโดยแท้”

 

บาร์บาทอสบ่นออกมาก

 

“……แต่ข้าไม่คิดว่า เขาจะพูดได้ดีขนาดนั้น มันต้องยากแน่ๆที่ต้องจำบทสุนทรพจน์ทั้งหมดนั่น”

 

“บทพูดนั่นดูเหมือนจะเป็นการด้นสดอย่างน่าประหลาด มันมีความเป็นไปได้ที่บุคคลนั้นจะเป็นที่รักของเทพีโพลี่ฮิมเนีย(Polyhymnia)”

 

“ตาแก่มาร์บาส ข้าเดิมพันทุกอย่างกับท่านเลย ข้าว่ามันไม่ใช่การด้นสด หากเป็นการด้นสดจริงล่ะก็พวกนักพูดทั้งหลายได้กัดลิ้นฆ่าตัวตายแน่”

 

เหล่าจอมมารกระซิบกระซาบกันเอง ส่วนใหญ่ต่างสรุปว่าการพูดของดันทาเลี่ยนนั้นวิเศษ และทำให้กองทัพของเหล่ามนุษย์นั้นต้องตกอยู่ในความวุ่นวาย

 

ในกองกำลังจอมมารนั้น นายพลและทหารโดยมากต่างสู้ด้วยร่างกายและจิตใจเดียวกัน กองทัพมนุษย์นั้นมักมาจากกองกำลังป้องกันภูเขาดำและกองกำลังที่ส่งมาโดยมาร์คกราฟ เขาเหล่านั้นอยู่ห่างไกลจากความขัดแย้งภายใน

ยิ่งไปกว่านั้นแนวคิดที่มีความขัดแย้งภายในเกิดขึ้นในกองทัพเดียวกันเองนั้น เป็นแนวคิดที่ยิ่งไกลห่างไปจากกองทัพจอมมาร

 

นั่นคือ เหตุผลที่ว่าทำไมจอมมารส่วนมากจึงไม่คุ้นเคยกับกลอุบายและแผนการ พวกเขานั้นนำกำลังที่เป็นหนึ่งเข้าร่วมสู้กับศัตรูที่เป็นหนึ่ง

 

พวกเขานั้นคุ้นเคยกับการเล่นกลยุทธกับศัตรูในสนามรบมากกว่า แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำให้ศัตรูแตกแยกกันเอา เพื่อเอาชนะคะคานกันทางการเมือง พวกเขาไม่ประสีประสานัก

 

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบุคคลหนึ่ง

 

“ทุกท่าน…….”

 

มันยังมีจอมมารตนหนึ่งที่เฝ้าสนใจในมนุษย์และเชื่อว่า ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากการร่วมมือกับพวกมนุษย์เพื่อให้เผ่าปีศาจดำรงอยู่ต่อไปได้

 

ไพมอนพยายามเต็มที่เพื่อที่ระงับความปรารถนาเพื่อไม่ให้มันเล็ดลอดออกมาทางคำพูด

 

“ทุกท่าน ได้ตระหนักถึงความหมายเบื้องหลังสุนทรพจน์นี้หรือเปล่า?”

 

“หืมม?”

 

กามิกินส่ายหัว

 

 

“ความหมายรึ? ก็เป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมดีนี่”

 

“มันเป็นยิ่งกว่านั้นอีก! มันคือ การปฏิวัติ!”

 

ใบหน้าของไพมอนกลับแดงขึ้น

 

“สังคมมนุษย์นั้นเหมือนกันกับสังคมปีศาจ แต่มันก็ยังมีความต่าง ลำดับศักดิ์ชนชั้นมีอยู่ในสังคมปีศาจด้วยเช่นกัน แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยความสามารถ! 

แม้จะเกิดมาเป็นก็อบลิน แต่ก็มีโอกาสที่จะผลักดันตัวเองไปยังจุดสูงสุดได้ด้วยการพัฒนาตัวเองในฐานะนักเวทย์!”

ทอร์เค่ล หนึ่งในบุคคลที่เป็นทั้งก็อบลินและผู้บริบริหารคนหนึ่งในบริษัทเคียนคุสก้า เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นนี้ เขาสามารถขึ้นไปสู่ตำแหน่งสูงๆด้วยทักษะและความสามารถถึงแม้ว่าจะเป็นก็อบลินก็ตามที

 

“แต่ไม่ใช่ในกรณีของมนุษย์…….ทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขานั้นถูกตัดสินโดยชัดเจนมาตั้งแต่กำเนิด! 

แม้บุคคลที่มีพรสวรรค์พอจะเป็นอัศวิน ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เป็นได้แค่อัศวินระดับล่าง 

พวกเขาไม่สามารถก้าวข้ามสายเลือดของพวกเขาได้ ดันทาเลี่ยนได้ชี้ให้เห็นถึงเนื้อแท้อันย้อนแย้งในสังคมมนุษย์! ……อาาา!”

 

ไพมอนขมวดคิ้วขึ้นเมื่อตระหนักได้ถึงบางสิ่ง เธอคอตกและเริ่มพึมพัมกับตัวเอ

 

“นี่น่ะหรือ……? เหตุผลนี้น่ะหรือ!? ที่เป็นสาเหตุว่าทำไมเขาถึงแพร่กาฬโรคออกไป

……. นี่จะสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงเป็นผู้เดียวที่กระจายสมุนไพรดำให้กับชนชั้นสูงของสังคมมนุษย์ 

ทำไมเขาถึงยึดแบรนเดนเบิร์กมาเป็นดินแดนของตนแล้วกำจัดพวกมอนสเตอร์

…….ทั้งหมดเพื่อชั่วขณะนี้นี่เอง!?”

 

ร่างกายทั้งร่างของเธอนั่นเย็นวาบ เมื่อเธอตระหนักได้ว่า ดันทาเลี่ยนนั้นเป็นตัวตนที่อันตราย เธอเคยใช้เส้นสายส่วนตัวและความร่ำรวยในการหาข้อมูลของดันทาเลี่ยน

 

เธอจึงรู้ข้อมูลของดันทาเลี่ยนว่าได้ทำอะไรมากกว่าจอมมารตนอื่นที่อยู่ตรงนี้ แม้แต่บาร์บาทอสก็ตามที 

 

เธอคิดว่า เขานั้นเป็นชายที่ฉลาด เธอยังเกรงขามในความหลักแหลมของเขา และยังเสียดายที่ตัวเธอนั้นได้เคยพยายามทำร้ายเขาในตอนที่พิจารณาคดี 

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า ดันทาเลี่ยนนั้นจะไม่ได้เป็นคนที่แพร่กระจายกาฬโรค

 

การพิจารณาคดีครั้งนั้นมันประหลาดเกินไป ทันทีที่ดันทาเลี่ยนกระซิบอะไรบางอย่างกับอิวาร์ ล็อดบรอค ประธานบริษัทเคียนคุสก้า ความคิดของอิวาร์ก็เปลี่ยนไป 180 องศา โดยเขาทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

ยิ่งไปกว่านั้น มือขวาของเธออย่าง ทอร์เค่ลกลับฆ่าตัวตาย ……ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็มีมีอะไรที่แปลกๆ

 

ไพมอนจึงแน่ใจแล้วว่า จอมมารลำดับ 71 ดันทาเลี่ยนนั้นเป็นผู้สร้างกาฬโรคขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย!

แต่ถึงอย่างนั้นกาฬโรคก็เป็นอะไรที่เทียบไม่ได้กับอุบัติภัยแท้จริง อุบัติภัยอันน่ากลัวอีกทั้งร้ายแรงที่ไหลออกมาจากปากของดันทาเลี่ยน ณ ตอนนี้

 

โรคระบาดนั้นอาจกลืนกินทั่วทั้งทวีปในชั่วขณะ และกดดันผู้คนนับแสนคน ผู้คนทั้งหลายต่างเต็มใจจะช่วยกัน!

 

ไพมอนไม่อาจหักห้ามร่างกายมิให้สั่นได้

แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็กลับมีความสุข

 

ตัวตนที่เธอเคยคิดว่า เป็นลูกน้องผู้เชื่อถือได้ของศัตรู มาในตอนนี้กลับกลายเป็นผู้มีความคิดอย่างเดียวกันกับเธอ

 

ความจริงที่ว่า ผู้คนนั้นต่างเท่าเทียมกัน ความจริงที่ว่า ไม่ว่าจะอย่างไรทุกชีวิตนั้นต่างเท่าเทียมและเป็นนายเจ้าชีวิตของตนเองด้วยกันทั้งนั้น

 

ดันทาเลี่ยนนั้นฉลาดพอที่จะเลี่ยงการใช้คำตรงๆอย่าง ความเท่าเทียม และ เสรีภาพ เขาเพียงแต่พูดง่ายๆให้เห็นถึง ความคับแค้นใจของผู้คนที่ต้องมีต่อชนชั้นสูง

 

ขณะที่แม้แต่เหล่าจอมมารก็ยังฟังว่า สุนทรพจน์ของดันทาเลี่ยนนั้นเป็นดั่ง ‘แผนที่จะสร้างความแตกแยกให้กับชนชั้นสูงและสามัญชน’

 

แต่คิดว่า ไพมอนไม่อาจจะมองเห็นสิ่งนี้อย่างนั้นหรือ? เธอจะมองไม่เห็นความเชื่อเรื่องความเสมอภาคเท่าเทียมที่ซ่อนอยู่ใต้คำพูดเหล่านั้นเหมือนดั่งแมกม่าได้อย่างไรกัน?

 

เขานั้นเหมือนกันกับเธอ สหายผู้แบ่งปันแนวคิดเดียวกัน ที่แม้แต่จอมมารทั้งหลายในฝ่ายภูเขายังไม่พยายาม และไม่เข้าใจด้วยซ้ำ

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ มันยิ่งทำให้ทุกอย่างกลายเป็นสิ่งเร่งด่วนขึ้นมาทันที

 

‘พวกเราต้องหยุด หยุดการพูดของเขาทั้งหมดเดี๋ยวนี้‘’

 

ไพมอนได้แอบวางแผนร้ายไปในการปราศรัยครั้งนี้ แผนที่ถึงแก่ชีวิต เธอจะพยายามไม่ให้ดันทาเลี่ยนตกลงสู่กับดักนั้น เธอจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อโน้มน้าวจอมมารตนอื่นเพื่อให้เอาดันทาเลี่ยนกลับมา―

 

(TTL : โดนขายฝัน จากสุนทรพจน์ไปแล้ว 1 )

 

 

“เฮ้ย, นังกะหรี่แพศยา”

 

บาร์บาทอสนั้นฮึดฮัดแล้วพูดขึ้น

“ข้าไม่แคร์หรอกถ้าแกจะไปทำตัวปัญญาอ่อนที่ไหน แต่ไอ้การที่ดันทาเลี่ยนมันไม่ใช่คนที่แพร่กาฬโรคน่ะมันรู้กันอยู่แล้วหรือเปล่า?

แกเคยทำตัวโง่ๆแบบนั้นตอนโดนทำให้ขายขี้หน้ากลางงานพิจารณาคดีไม่ใช่รึไง? ควรเลิกสงสัยเรื่องนั้นได้แล้ว ในตอนที่แกยังทำได้”

 

 

“ไม่ใช่ ปัญหาไม่ใช่เรื่องนั้น! มีมนุษย์ไม่น้อยกว่า 150,000 คน ที่เป็นคนธรรมดาพร้อมอาวุธครบมือได้ฟังสุนทรพจน์นั่น! ประวัติศาสตร์ของทวีปนี้กำลัง…….”

 

ไพมอนก็พบว่า ตัวเองได้เงยหน้าขึ้นพูดด้วยความเร่าร้อนอีกครั้ง จอมมารทั้ง 4 ตน จ้องมองเธอด้วยสีหน้าที่ไม่น่าเชื่อ

 

‘อ่าาา’

 

ตอนนั้นเองที่เธอพึ่งรู้ตัว

 

‘พวกเขา……พวกเขาต้องคิดว่า ข้ากำลังพยายามใส่ร้าย ดันทาเลี่ยนอยู่’

 

มันเป็นเหตุที่สมควรแล้ว

ก่อนหน้านี้เธอได้แสดงตัวว่าเป็นจอมมารที่คุกคามอย่างโจ่งแจ้งใส่ดันทาเลี่ยน นับตั้งแต่ที่เขาได้ปรากฏตัวครั้งแรกในงานราตรีวัลเพอกีสตลอดจนถึงการพูดสุนทรพจน์ครั้งนี้

 

ไพมอนได้พยายามหาเรื่องขัดแข้งขัดขาดันทาเลี่ยนไม่หยุดหย่อน

ดันทาเลี่ยนได้รับคำตัดสินว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในระหว่างการพิจารณาคดีเรื่อง กาฬโรค ไพมอนก็ได้ขอโทษในเรื่องนั้นไปแล้ว

 

แต่ในความเป็นจริงนั้นการที่มันจบลงด้วยการขอโทษนั้น นับเป็นการลงโทษที่แสนเมตตายิ่ง มันไม่แปลกหรอกหากเธอจะรู้สึกว่า เหมือนเป็นหนี้บุญคุณดันทาเลี่ยน ด้วยเหตุนั้นเอง ไพมอนจึงพยายามไล่ต้อนดันทาเลี่ยน

มันจึงไม่แปลกที่จอมมารตนอื่นจะบอกให้เธอรู้จักเพลาๆลงเสียบ้าง

 

 

บาร์บาทอสพูดออกมาอย่างเย็นชา

 

‘แล้วทำไมแกถึงให้ดันทาเลี่ยนเป็นตัวแทนฝ่ายเรา?”

 

“อะไรนะ?”

 

“แล้วแกจะบ่นนั่นบ่นนี่หาเรื่องตำหนิดันทาเลี่ยนของบทสุนทรพจน์เขาทำไมวะ? ฮ่าาา อีกะหรี่นี่แม่งไม่รู้เหมาะสมห่าอะไรเลย

เฮ้ย ที่คิดว่า ข้าน่ะอ่อนแอขนาดที่จะยอมปล่อยให้แกเห่าหอนใส่ฝ่ายที่ราบของข้าอีกรอบรึไง? 

นี่แกอยากจะซัดกับข้าเต็มที่แล้วใช่ไหม?”

 

ความรู้สึกของไพมอนร้องว่า นี่เป็นเหตุการณ์เร่งด่วนมาก

 

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ เลดี้ผู้นี้ตั้งใจจะทำ แต่ทว่า―”

 

“มันไม่สำคัญว่าแกจะตั้งใจทำอะไร แกนั่งลงแล้วหุบปากไป ไม่อย่างนั้นข้าก็มีสิทธิ์ที่จะบั่นคอแกในทันที”

 

“บาร์บาทอส”

 

ไพมอนเอ่ยชื่อศัตรูของเธออย่างสิ้นหวัง

 

“ได้โปรดเชื่อข้าเถอะ พวกเราต้องหยุดการพูดของดันทาเลี่ยน เขาจะเป็นอันตรายหากพวกเราให้เขาพูดต่อไป”

 

สีหน้าของบาร์บาทอสไม่เปลี่ยนไป ดวงตาสีเธอของเธอยังคงจับจ้องไปที่ไพมอน

 

 

“ข้าบอกให้แกหุบปาก”

 

“…….”

 

ไพมอนคอตก ไม่อะไรที่เธอทำได้แล้ว หากเธอไม่สามารถแม้แต่จะโน้มน้าวหัวหน้าฝ่ายที่ราบ ดันทาเลี่ยนจะต้องจบลงที่การเผชิญหน้ากับตัวแทนนักพูดจากฝ่ายมนุษย์…….

มันเป็นสิ่งที่สอดคล้องต้องกัน 

 

การที่มนุษย์และปีศาจรวม  200,000 นาย มีเพียงสองคนนั่นคือ อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์ก,เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ และไพมอน,ผู้นำแห่งฝ่ายภูเขา ที่รู้เจตนาที่แท้จริงของดันทาเลี่ยน ศัตรูขั้วตครงข้ามกับดันทาเลี่ยนนั้นเข้าใจเขาได้ดีที่สุด

 

หลังจากที่สงสัยและไม่ไว้ใจดันทาเลี่ยนมาตลอด ในที่สุดเธอก็ได้พบว่า เขานั้นไม่ใช่ศัตรูของเธอ

 

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สายไปแล้ว แม้เธอจะต้องการช่วยเหลือดันทาเลี่ยนจากอันตรายเธอก็ไม่อาจทำได้เช่นนั้น

 

และเมื่อทุกสิ่ง เมื่อสุนทรพจน์นี้จบลงโดยสมบูรณ์ พวกเขาก็จะกลับไปเป็นศัตรูตัวฉกาจต่อกันแทน กับดักที่เขาตกลงไปนั้นผู้ขุดขึ้นมิใช่ผู้อื่นผู้ใดหากแต่เป็นไพมอน เพียงคนเดียว

 

ไพมอนหลับตาสนิท

 

นี่หากข้า พบเรื่องนี้ก่อนหน้านี้

 

―เร็วกว่านี้อีกสักหน่อย

 

 

“ดูเหมือนตัวแทนฝ่ายกองกำลังมนุษย์จะออกมาแล้ว”

 

“ว้าว สวยนะเนี่ย! แม่นั่นใครกันน่ะ?”

 

“ข้าไม่รู้สิ เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิฮับบวร์กและราชินีแห่งบริทททานี่เป็นผู้หญิงเพียงสองคนที่มีอำนาจในฝ่ายโลกมนุษย์ที่จะมาเป็นตัวแทนของกองกำลังมนุฝษย์ แต่อาจจะเป็นเจ้าหญิงจักรวรรรดิล่ะมั้ง? แหมมม

เธอนั้นงดงามเสียจริง น่ากินมาก ข้าไม่รังเกียจถ้าจะได้ลองขึ้นขี่นางดูสักครั้ง”

 

 

“……บาร์บาทอส ข้าไม่ได้อยากจะมาคุยเรื่องรสนิยมกับท่าน ดังนั้นจะพูดก็รักษาเกียรติสักหน่อยได้ไหม?”

 

 

เหล่าจอมมารต่างแสดงความเห็นกับความงดงามของตัวแทนฝ่ายมนุษย์ ผมสีเงินที่ส่องประกายวับของเจ้าหญิงอลิซาเบธ นั้นแม้แต่จอมมารผู้อยู่มานานถึงพันปีก็ยังได้แต่อึ้งกับความงามของเธอ

 

ไพมอนนั้นไม่ได้ร่วมบทสนทนานี้เพราะเธอเป็นคนเดียวที่ก้มหน้าลง มันไม่มีอะไรที่เธอทำได้อีกต่อไป เธอได้แต่สวดขอพรให้ดันทาเลี่ยนสามารถออกจากวิกฤติครั้งนี้ได้ด้วยความชาญฉลาดของเขา

 

มันไม่ใช่เรื่องปรกติที่บุคคลผู้วางกับดักนั้นจะเป็นผู้สวดขอพรเช่นนั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีสิ่งใดที่ไพมอนจะสามารถทำได้เลย…….

 

Ο

* * *

 

ภาพของเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ อลิซาเบธนั้นปรากฏขึ้นเป็นภาพใหญ่และมองออกไป

 

อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์กนั้น……. เกิดมาในฐานะเจ้าหญิงลำดับที่สาม เธอจะได้เป็นจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิผู้ปกครองสูงสุดผู้ครองไปครึ่งทวีป 

อัจฉริยะผู้ครอบครองกำลังทั้งทางการทหาร การเมือง การต่อสู้ กลยุทธ ความนิยมของประชาชน รวมถึงทางการทูต เหล่าแฟนๆของ <Dungeon Attack> ต่างก็รู้ว่า เธอเป็นนางเอกที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเกม

 

 

ถ้าหากไม่มีเธอแล้ว ตัวเอกของเรื่องก็ไม่มีทางยืนหยัดได้มั่นคงได้แน่ ผู้คนต่างสูญเสียครอบครัวและเสียหมู่บ้านไปในยุคที่มีการกระทำเลวร้ายต่อกัน แย่ยิ่งกว่านั้น ตัวเอกนั้นมาจากหมู่บ้านที่โดนเข่นฆ่าและวางเพลิงจนสูญสิ้น เขาจึงไม่ต่างจากทาส

 

 

เจ้าหญิงจักรวรรดิอลิซาเบธจึงตัดสินใจที่จะแต่งตั้งให้ตัวเอกหลังจากเห็นความสามารถของเขาแล้ว ทุกคนรอบข้างเธอต่างไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก แต่เธอก็ยังสนับสนุนตัวเอกจนถึงที่สุด

 

ผลลัพธ์ก็คือ เธอนั้นสามารถที่จะขับไล่จอมมารออกจากทวีปได้…….ดังนั้นคุณไม่อาจเทียบเธอกับพวกผู้ปกครองธรรมดาๆได้

 

ผมก็ชอบเธอเหมือนกันนะ มันทำให้ผมรู้สึกมีอารมณ์เวลาเห็นเธอมาอยู่หน้าผม เธอนั้นดูอ่อนเยาว์กว่าภาพจากเกมเสียอีก ทั้งหน้าผากขาว ผมสีเงิน ปากกระชับ ดวงตาคมแต่ใสกระจ่าง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นั่นเป็นบุคคลอันทรงเสน่ห์ของเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ์ อลิซาเบธ

 

เธอนั้นเป็นดั่งนกร็อค ที่ยามเมื่อกางปีกตนแล้วมังกรตัวใดก็ไม่อาจเทียบเทียมได้

 

แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าศัตรูที่ผมต้องกำจัด

 

 

“อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์ก เจ้าหญิงลำดับสามแห่งจักรวรรดิ รู้จักกันในนาม เอิร์ล เอวาเทรีย ท่านได้มีเสน่ห์สมเช่นดั่งข่าวลือที่แพร่ไปทั่วทั้งทวีป ช่างเป็นเกียรติต่อดวงตาของข้าที่ได้ชมความงามของท่าน”

 

อลิซาเบธเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นี่เธอประหลาดใจที่ผมรู้จักเธอหรือเปล่านะ?

 

สีหน้าสีตาของเธอไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ยังคงความสง่า ช่างน่าเสียดายเสียนี่กระไร มันคงดีกว่านี้หากเธอตระหนกสักเล็กน้อย

…….เสือนั้นแม้จะเล็กแต่ก็ยังเป็นเสือสินะ เฮ่อ? เธอนี่ช่างไม่ใช่เป้าหมายที่จีบได้ง่ายเลยจริงๆ 

 

แต่ถึงอย่างนั้น อารมณ์ตอนนี้ก็ออกจะตึงเคร่ง มันคงจะเป็นอะไรที่แปลกหากเธอไม่รู้สึกอะไรเลยหากได้รับฟังสุนทรพจน์มาจนถึงตอนนี้ 

หากเธอไม่ผ่อนคลายลงอีกสักหน่อย ผมจะเริ่มแล้วนะ เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิฮับบวร์กเอ๋ย เธอเตรียมพร้อมหรือยัง?

 

“การโกหกคำโตของเจ้าออกจะเป็นสิ่งที่น่าตื่นตา”

 

 

“โอ้? ที่ท่านกำลังจะพูดว่า ข้าโกหกอย่างนั้นสิ?”

 

เจ้าหญิงจักรวรรดิพยักหน้า

 

“เช่นนั้นแหละ ตั้งแต่เริ่มจนจบ คำพูดของท่านเต็มไปด้วยคำโป้ปดหลอกลวง”

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 117 15 นาที ที่ยาวนานที่สุด(2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 117 15 นาที ที่ยาวนานที่สุด(2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

* * *

 

 

ที่ราบกลับเงียบสงัด

 

มิใช่แต่เพียงกองกำลังฝ่ายมนุษย์ แม้แต่ปีศาจจากกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราก็แทบจะหยุดหายใจ

 

จอมมารทั้ง 5 ที่ได้รับฟังคำพูดโดยตรงจากด้านหลังดันทาเลี่ยน ―ลำดับ 2 อกาเรส,ลำดับ 4 กามิกิน ,ลำดับ 5 มาร์บาส,ลำดับ 8 บาร์บาทอส และ ลำดับ 9 ไพมอน ต่างอยู่อย่างเงียบๆ

 

“ว้าว เขานี่ช่างเป็นนักพูดที่เก่งจริงๆ”

 

กามิกินพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายทำลายบรรยากาศตึงเครียด

 

 

“ไม่ใช่ว่าเตรียมตัววมาสองวันหรอกรึ? น่าประทับใจดี”

 

“เอาล่ะ ถือว่าเขาเอาตัวรอดได้ด้วยลิ้นโดยแท้”

 

บาร์บาทอสบ่นออกมาก

 

“……แต่ข้าไม่คิดว่า เขาจะพูดได้ดีขนาดนั้น มันต้องยากแน่ๆที่ต้องจำบทสุนทรพจน์ทั้งหมดนั่น”

 

“บทพูดนั่นดูเหมือนจะเป็นการด้นสดอย่างน่าประหลาด มันมีความเป็นไปได้ที่บุคคลนั้นจะเป็นที่รักของเทพีโพลี่ฮิมเนีย(Polyhymnia)”

 

“ตาแก่มาร์บาส ข้าเดิมพันทุกอย่างกับท่านเลย ข้าว่ามันไม่ใช่การด้นสด หากเป็นการด้นสดจริงล่ะก็พวกนักพูดทั้งหลายได้กัดลิ้นฆ่าตัวตายแน่”

 

เหล่าจอมมารกระซิบกระซาบกันเอง ส่วนใหญ่ต่างสรุปว่าการพูดของดันทาเลี่ยนนั้นวิเศษ และทำให้กองทัพของเหล่ามนุษย์นั้นต้องตกอยู่ในความวุ่นวาย

 

ในกองกำลังจอมมารนั้น นายพลและทหารโดยมากต่างสู้ด้วยร่างกายและจิตใจเดียวกัน กองทัพมนุษย์นั้นมักมาจากกองกำลังป้องกันภูเขาดำและกองกำลังที่ส่งมาโดยมาร์คกราฟ เขาเหล่านั้นอยู่ห่างไกลจากความขัดแย้งภายใน

ยิ่งไปกว่านั้นแนวคิดที่มีความขัดแย้งภายในเกิดขึ้นในกองทัพเดียวกันเองนั้น เป็นแนวคิดที่ยิ่งไกลห่างไปจากกองทัพจอมมาร

 

นั่นคือ เหตุผลที่ว่าทำไมจอมมารส่วนมากจึงไม่คุ้นเคยกับกลอุบายและแผนการ พวกเขานั้นนำกำลังที่เป็นหนึ่งเข้าร่วมสู้กับศัตรูที่เป็นหนึ่ง

 

พวกเขานั้นคุ้นเคยกับการเล่นกลยุทธกับศัตรูในสนามรบมากกว่า แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำให้ศัตรูแตกแยกกันเอา เพื่อเอาชนะคะคานกันทางการเมือง พวกเขาไม่ประสีประสานัก

 

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบุคคลหนึ่ง

 

“ทุกท่าน…….”

 

มันยังมีจอมมารตนหนึ่งที่เฝ้าสนใจในมนุษย์และเชื่อว่า ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากการร่วมมือกับพวกมนุษย์เพื่อให้เผ่าปีศาจดำรงอยู่ต่อไปได้

 

ไพมอนพยายามเต็มที่เพื่อที่ระงับความปรารถนาเพื่อไม่ให้มันเล็ดลอดออกมาทางคำพูด

 

“ทุกท่าน ได้ตระหนักถึงความหมายเบื้องหลังสุนทรพจน์นี้หรือเปล่า?”

 

“หืมม?”

 

กามิกินส่ายหัว

 

 

“ความหมายรึ? ก็เป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมดีนี่”

 

“มันเป็นยิ่งกว่านั้นอีก! มันคือ การปฏิวัติ!”

 

ใบหน้าของไพมอนกลับแดงขึ้น

 

“สังคมมนุษย์นั้นเหมือนกันกับสังคมปีศาจ แต่มันก็ยังมีความต่าง ลำดับศักดิ์ชนชั้นมีอยู่ในสังคมปีศาจด้วยเช่นกัน แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยความสามารถ! 

แม้จะเกิดมาเป็นก็อบลิน แต่ก็มีโอกาสที่จะผลักดันตัวเองไปยังจุดสูงสุดได้ด้วยการพัฒนาตัวเองในฐานะนักเวทย์!”

ทอร์เค่ล หนึ่งในบุคคลที่เป็นทั้งก็อบลินและผู้บริบริหารคนหนึ่งในบริษัทเคียนคุสก้า เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นนี้ เขาสามารถขึ้นไปสู่ตำแหน่งสูงๆด้วยทักษะและความสามารถถึงแม้ว่าจะเป็นก็อบลินก็ตามที

 

“แต่ไม่ใช่ในกรณีของมนุษย์…….ทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขานั้นถูกตัดสินโดยชัดเจนมาตั้งแต่กำเนิด! 

แม้บุคคลที่มีพรสวรรค์พอจะเป็นอัศวิน ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เป็นได้แค่อัศวินระดับล่าง 

พวกเขาไม่สามารถก้าวข้ามสายเลือดของพวกเขาได้ ดันทาเลี่ยนได้ชี้ให้เห็นถึงเนื้อแท้อันย้อนแย้งในสังคมมนุษย์! ……อาาา!”

 

ไพมอนขมวดคิ้วขึ้นเมื่อตระหนักได้ถึงบางสิ่ง เธอคอตกและเริ่มพึมพัมกับตัวเอ

 

“นี่น่ะหรือ……? เหตุผลนี้น่ะหรือ!? ที่เป็นสาเหตุว่าทำไมเขาถึงแพร่กาฬโรคออกไป

……. นี่จะสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงเป็นผู้เดียวที่กระจายสมุนไพรดำให้กับชนชั้นสูงของสังคมมนุษย์ 

ทำไมเขาถึงยึดแบรนเดนเบิร์กมาเป็นดินแดนของตนแล้วกำจัดพวกมอนสเตอร์

…….ทั้งหมดเพื่อชั่วขณะนี้นี่เอง!?”

 

ร่างกายทั้งร่างของเธอนั่นเย็นวาบ เมื่อเธอตระหนักได้ว่า ดันทาเลี่ยนนั้นเป็นตัวตนที่อันตราย เธอเคยใช้เส้นสายส่วนตัวและความร่ำรวยในการหาข้อมูลของดันทาเลี่ยน

 

เธอจึงรู้ข้อมูลของดันทาเลี่ยนว่าได้ทำอะไรมากกว่าจอมมารตนอื่นที่อยู่ตรงนี้ แม้แต่บาร์บาทอสก็ตามที 

 

เธอคิดว่า เขานั้นเป็นชายที่ฉลาด เธอยังเกรงขามในความหลักแหลมของเขา และยังเสียดายที่ตัวเธอนั้นได้เคยพยายามทำร้ายเขาในตอนที่พิจารณาคดี 

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า ดันทาเลี่ยนนั้นจะไม่ได้เป็นคนที่แพร่กระจายกาฬโรค

 

การพิจารณาคดีครั้งนั้นมันประหลาดเกินไป ทันทีที่ดันทาเลี่ยนกระซิบอะไรบางอย่างกับอิวาร์ ล็อดบรอค ประธานบริษัทเคียนคุสก้า ความคิดของอิวาร์ก็เปลี่ยนไป 180 องศา โดยเขาทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

ยิ่งไปกว่านั้น มือขวาของเธออย่าง ทอร์เค่ลกลับฆ่าตัวตาย ……ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็มีมีอะไรที่แปลกๆ

 

ไพมอนจึงแน่ใจแล้วว่า จอมมารลำดับ 71 ดันทาเลี่ยนนั้นเป็นผู้สร้างกาฬโรคขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย!

แต่ถึงอย่างนั้นกาฬโรคก็เป็นอะไรที่เทียบไม่ได้กับอุบัติภัยแท้จริง อุบัติภัยอันน่ากลัวอีกทั้งร้ายแรงที่ไหลออกมาจากปากของดันทาเลี่ยน ณ ตอนนี้

 

โรคระบาดนั้นอาจกลืนกินทั่วทั้งทวีปในชั่วขณะ และกดดันผู้คนนับแสนคน ผู้คนทั้งหลายต่างเต็มใจจะช่วยกัน!

 

ไพมอนไม่อาจหักห้ามร่างกายมิให้สั่นได้

แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็กลับมีความสุข

 

ตัวตนที่เธอเคยคิดว่า เป็นลูกน้องผู้เชื่อถือได้ของศัตรู มาในตอนนี้กลับกลายเป็นผู้มีความคิดอย่างเดียวกันกับเธอ

 

ความจริงที่ว่า ผู้คนนั้นต่างเท่าเทียมกัน ความจริงที่ว่า ไม่ว่าจะอย่างไรทุกชีวิตนั้นต่างเท่าเทียมและเป็นนายเจ้าชีวิตของตนเองด้วยกันทั้งนั้น

 

ดันทาเลี่ยนนั้นฉลาดพอที่จะเลี่ยงการใช้คำตรงๆอย่าง ความเท่าเทียม และ เสรีภาพ เขาเพียงแต่พูดง่ายๆให้เห็นถึง ความคับแค้นใจของผู้คนที่ต้องมีต่อชนชั้นสูง

 

ขณะที่แม้แต่เหล่าจอมมารก็ยังฟังว่า สุนทรพจน์ของดันทาเลี่ยนนั้นเป็นดั่ง ‘แผนที่จะสร้างความแตกแยกให้กับชนชั้นสูงและสามัญชน’

 

แต่คิดว่า ไพมอนไม่อาจจะมองเห็นสิ่งนี้อย่างนั้นหรือ? เธอจะมองไม่เห็นความเชื่อเรื่องความเสมอภาคเท่าเทียมที่ซ่อนอยู่ใต้คำพูดเหล่านั้นเหมือนดั่งแมกม่าได้อย่างไรกัน?

 

เขานั้นเหมือนกันกับเธอ สหายผู้แบ่งปันแนวคิดเดียวกัน ที่แม้แต่จอมมารทั้งหลายในฝ่ายภูเขายังไม่พยายาม และไม่เข้าใจด้วยซ้ำ

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ มันยิ่งทำให้ทุกอย่างกลายเป็นสิ่งเร่งด่วนขึ้นมาทันที

 

‘พวกเราต้องหยุด หยุดการพูดของเขาทั้งหมดเดี๋ยวนี้‘’

 

ไพมอนได้แอบวางแผนร้ายไปในการปราศรัยครั้งนี้ แผนที่ถึงแก่ชีวิต เธอจะพยายามไม่ให้ดันทาเลี่ยนตกลงสู่กับดักนั้น เธอจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อโน้มน้าวจอมมารตนอื่นเพื่อให้เอาดันทาเลี่ยนกลับมา―

 

(TTL : โดนขายฝัน จากสุนทรพจน์ไปแล้ว 1 )

 

 

“เฮ้ย, นังกะหรี่แพศยา”

 

บาร์บาทอสนั้นฮึดฮัดแล้วพูดขึ้น

“ข้าไม่แคร์หรอกถ้าแกจะไปทำตัวปัญญาอ่อนที่ไหน แต่ไอ้การที่ดันทาเลี่ยนมันไม่ใช่คนที่แพร่กาฬโรคน่ะมันรู้กันอยู่แล้วหรือเปล่า?

แกเคยทำตัวโง่ๆแบบนั้นตอนโดนทำให้ขายขี้หน้ากลางงานพิจารณาคดีไม่ใช่รึไง? ควรเลิกสงสัยเรื่องนั้นได้แล้ว ในตอนที่แกยังทำได้”

 

 

“ไม่ใช่ ปัญหาไม่ใช่เรื่องนั้น! มีมนุษย์ไม่น้อยกว่า 150,000 คน ที่เป็นคนธรรมดาพร้อมอาวุธครบมือได้ฟังสุนทรพจน์นั่น! ประวัติศาสตร์ของทวีปนี้กำลัง…….”

 

ไพมอนก็พบว่า ตัวเองได้เงยหน้าขึ้นพูดด้วยความเร่าร้อนอีกครั้ง จอมมารทั้ง 4 ตน จ้องมองเธอด้วยสีหน้าที่ไม่น่าเชื่อ

 

‘อ่าาา’

 

ตอนนั้นเองที่เธอพึ่งรู้ตัว

 

‘พวกเขา……พวกเขาต้องคิดว่า ข้ากำลังพยายามใส่ร้าย ดันทาเลี่ยนอยู่’

 

มันเป็นเหตุที่สมควรแล้ว

ก่อนหน้านี้เธอได้แสดงตัวว่าเป็นจอมมารที่คุกคามอย่างโจ่งแจ้งใส่ดันทาเลี่ยน นับตั้งแต่ที่เขาได้ปรากฏตัวครั้งแรกในงานราตรีวัลเพอกีสตลอดจนถึงการพูดสุนทรพจน์ครั้งนี้

 

ไพมอนได้พยายามหาเรื่องขัดแข้งขัดขาดันทาเลี่ยนไม่หยุดหย่อน

ดันทาเลี่ยนได้รับคำตัดสินว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในระหว่างการพิจารณาคดีเรื่อง กาฬโรค ไพมอนก็ได้ขอโทษในเรื่องนั้นไปแล้ว

 

แต่ในความเป็นจริงนั้นการที่มันจบลงด้วยการขอโทษนั้น นับเป็นการลงโทษที่แสนเมตตายิ่ง มันไม่แปลกหรอกหากเธอจะรู้สึกว่า เหมือนเป็นหนี้บุญคุณดันทาเลี่ยน ด้วยเหตุนั้นเอง ไพมอนจึงพยายามไล่ต้อนดันทาเลี่ยน

มันจึงไม่แปลกที่จอมมารตนอื่นจะบอกให้เธอรู้จักเพลาๆลงเสียบ้าง

 

 

บาร์บาทอสพูดออกมาอย่างเย็นชา

 

‘แล้วทำไมแกถึงให้ดันทาเลี่ยนเป็นตัวแทนฝ่ายเรา?”

 

“อะไรนะ?”

 

“แล้วแกจะบ่นนั่นบ่นนี่หาเรื่องตำหนิดันทาเลี่ยนของบทสุนทรพจน์เขาทำไมวะ? ฮ่าาา อีกะหรี่นี่แม่งไม่รู้เหมาะสมห่าอะไรเลย

เฮ้ย ที่คิดว่า ข้าน่ะอ่อนแอขนาดที่จะยอมปล่อยให้แกเห่าหอนใส่ฝ่ายที่ราบของข้าอีกรอบรึไง? 

นี่แกอยากจะซัดกับข้าเต็มที่แล้วใช่ไหม?”

 

ความรู้สึกของไพมอนร้องว่า นี่เป็นเหตุการณ์เร่งด่วนมาก

 

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ เลดี้ผู้นี้ตั้งใจจะทำ แต่ทว่า―”

 

“มันไม่สำคัญว่าแกจะตั้งใจทำอะไร แกนั่งลงแล้วหุบปากไป ไม่อย่างนั้นข้าก็มีสิทธิ์ที่จะบั่นคอแกในทันที”

 

“บาร์บาทอส”

 

ไพมอนเอ่ยชื่อศัตรูของเธออย่างสิ้นหวัง

 

“ได้โปรดเชื่อข้าเถอะ พวกเราต้องหยุดการพูดของดันทาเลี่ยน เขาจะเป็นอันตรายหากพวกเราให้เขาพูดต่อไป”

 

สีหน้าของบาร์บาทอสไม่เปลี่ยนไป ดวงตาสีเธอของเธอยังคงจับจ้องไปที่ไพมอน

 

 

“ข้าบอกให้แกหุบปาก”

 

“…….”

 

ไพมอนคอตก ไม่อะไรที่เธอทำได้แล้ว หากเธอไม่สามารถแม้แต่จะโน้มน้าวหัวหน้าฝ่ายที่ราบ ดันทาเลี่ยนจะต้องจบลงที่การเผชิญหน้ากับตัวแทนนักพูดจากฝ่ายมนุษย์…….

มันเป็นสิ่งที่สอดคล้องต้องกัน 

 

การที่มนุษย์และปีศาจรวม  200,000 นาย มีเพียงสองคนนั่นคือ อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์ก,เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ และไพมอน,ผู้นำแห่งฝ่ายภูเขา ที่รู้เจตนาที่แท้จริงของดันทาเลี่ยน ศัตรูขั้วตครงข้ามกับดันทาเลี่ยนนั้นเข้าใจเขาได้ดีที่สุด

 

หลังจากที่สงสัยและไม่ไว้ใจดันทาเลี่ยนมาตลอด ในที่สุดเธอก็ได้พบว่า เขานั้นไม่ใช่ศัตรูของเธอ

 

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สายไปแล้ว แม้เธอจะต้องการช่วยเหลือดันทาเลี่ยนจากอันตรายเธอก็ไม่อาจทำได้เช่นนั้น

 

และเมื่อทุกสิ่ง เมื่อสุนทรพจน์นี้จบลงโดยสมบูรณ์ พวกเขาก็จะกลับไปเป็นศัตรูตัวฉกาจต่อกันแทน กับดักที่เขาตกลงไปนั้นผู้ขุดขึ้นมิใช่ผู้อื่นผู้ใดหากแต่เป็นไพมอน เพียงคนเดียว

 

ไพมอนหลับตาสนิท

 

นี่หากข้า พบเรื่องนี้ก่อนหน้านี้

 

―เร็วกว่านี้อีกสักหน่อย

 

 

“ดูเหมือนตัวแทนฝ่ายกองกำลังมนุษย์จะออกมาแล้ว”

 

“ว้าว สวยนะเนี่ย! แม่นั่นใครกันน่ะ?”

 

“ข้าไม่รู้สิ เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิฮับบวร์กและราชินีแห่งบริทททานี่เป็นผู้หญิงเพียงสองคนที่มีอำนาจในฝ่ายโลกมนุษย์ที่จะมาเป็นตัวแทนของกองกำลังมนุฝษย์ แต่อาจจะเป็นเจ้าหญิงจักรวรรรดิล่ะมั้ง? แหมมม

เธอนั้นงดงามเสียจริง น่ากินมาก ข้าไม่รังเกียจถ้าจะได้ลองขึ้นขี่นางดูสักครั้ง”

 

 

“……บาร์บาทอส ข้าไม่ได้อยากจะมาคุยเรื่องรสนิยมกับท่าน ดังนั้นจะพูดก็รักษาเกียรติสักหน่อยได้ไหม?”

 

 

เหล่าจอมมารต่างแสดงความเห็นกับความงดงามของตัวแทนฝ่ายมนุษย์ ผมสีเงินที่ส่องประกายวับของเจ้าหญิงอลิซาเบธ นั้นแม้แต่จอมมารผู้อยู่มานานถึงพันปีก็ยังได้แต่อึ้งกับความงามของเธอ

 

ไพมอนนั้นไม่ได้ร่วมบทสนทนานี้เพราะเธอเป็นคนเดียวที่ก้มหน้าลง มันไม่มีอะไรที่เธอทำได้อีกต่อไป เธอได้แต่สวดขอพรให้ดันทาเลี่ยนสามารถออกจากวิกฤติครั้งนี้ได้ด้วยความชาญฉลาดของเขา

 

มันไม่ใช่เรื่องปรกติที่บุคคลผู้วางกับดักนั้นจะเป็นผู้สวดขอพรเช่นนั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีสิ่งใดที่ไพมอนจะสามารถทำได้เลย…….

 

Ο

* * *

 

ภาพของเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ อลิซาเบธนั้นปรากฏขึ้นเป็นภาพใหญ่และมองออกไป

 

อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์กนั้น……. เกิดมาในฐานะเจ้าหญิงลำดับที่สาม เธอจะได้เป็นจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิผู้ปกครองสูงสุดผู้ครองไปครึ่งทวีป 

อัจฉริยะผู้ครอบครองกำลังทั้งทางการทหาร การเมือง การต่อสู้ กลยุทธ ความนิยมของประชาชน รวมถึงทางการทูต เหล่าแฟนๆของ <Dungeon Attack> ต่างก็รู้ว่า เธอเป็นนางเอกที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเกม

 

 

ถ้าหากไม่มีเธอแล้ว ตัวเอกของเรื่องก็ไม่มีทางยืนหยัดได้มั่นคงได้แน่ ผู้คนต่างสูญเสียครอบครัวและเสียหมู่บ้านไปในยุคที่มีการกระทำเลวร้ายต่อกัน แย่ยิ่งกว่านั้น ตัวเอกนั้นมาจากหมู่บ้านที่โดนเข่นฆ่าและวางเพลิงจนสูญสิ้น เขาจึงไม่ต่างจากทาส

 

 

เจ้าหญิงจักรวรรดิอลิซาเบธจึงตัดสินใจที่จะแต่งตั้งให้ตัวเอกหลังจากเห็นความสามารถของเขาแล้ว ทุกคนรอบข้างเธอต่างไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก แต่เธอก็ยังสนับสนุนตัวเอกจนถึงที่สุด

 

ผลลัพธ์ก็คือ เธอนั้นสามารถที่จะขับไล่จอมมารออกจากทวีปได้…….ดังนั้นคุณไม่อาจเทียบเธอกับพวกผู้ปกครองธรรมดาๆได้

 

ผมก็ชอบเธอเหมือนกันนะ มันทำให้ผมรู้สึกมีอารมณ์เวลาเห็นเธอมาอยู่หน้าผม เธอนั้นดูอ่อนเยาว์กว่าภาพจากเกมเสียอีก ทั้งหน้าผากขาว ผมสีเงิน ปากกระชับ ดวงตาคมแต่ใสกระจ่าง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นั่นเป็นบุคคลอันทรงเสน่ห์ของเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ์ อลิซาเบธ

 

เธอนั้นเป็นดั่งนกร็อค ที่ยามเมื่อกางปีกตนแล้วมังกรตัวใดก็ไม่อาจเทียบเทียมได้

 

แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าศัตรูที่ผมต้องกำจัด

 

 

“อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์ก เจ้าหญิงลำดับสามแห่งจักรวรรดิ รู้จักกันในนาม เอิร์ล เอวาเทรีย ท่านได้มีเสน่ห์สมเช่นดั่งข่าวลือที่แพร่ไปทั่วทั้งทวีป ช่างเป็นเกียรติต่อดวงตาของข้าที่ได้ชมความงามของท่าน”

 

อลิซาเบธเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นี่เธอประหลาดใจที่ผมรู้จักเธอหรือเปล่านะ?

 

สีหน้าสีตาของเธอไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ยังคงความสง่า ช่างน่าเสียดายเสียนี่กระไร มันคงดีกว่านี้หากเธอตระหนกสักเล็กน้อย

…….เสือนั้นแม้จะเล็กแต่ก็ยังเป็นเสือสินะ เฮ่อ? เธอนี่ช่างไม่ใช่เป้าหมายที่จีบได้ง่ายเลยจริงๆ 

 

แต่ถึงอย่างนั้น อารมณ์ตอนนี้ก็ออกจะตึงเคร่ง มันคงจะเป็นอะไรที่แปลกหากเธอไม่รู้สึกอะไรเลยหากได้รับฟังสุนทรพจน์มาจนถึงตอนนี้ 

หากเธอไม่ผ่อนคลายลงอีกสักหน่อย ผมจะเริ่มแล้วนะ เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิฮับบวร์กเอ๋ย เธอเตรียมพร้อมหรือยัง?

 

“การโกหกคำโตของเจ้าออกจะเป็นสิ่งที่น่าตื่นตา”

 

 

“โอ้? ที่ท่านกำลังจะพูดว่า ข้าโกหกอย่างนั้นสิ?”

 

เจ้าหญิงจักรวรรดิพยักหน้า

 

“เช่นนั้นแหละ ตั้งแต่เริ่มจนจบ คำพูดของท่านเต็มไปด้วยคำโป้ปดหลอกลวง”

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+