Dungeon Defense (WN) 127 เช้าตรู่ในโรม(3)
ผมมองไปยังพาร์ซิขณะที่รอคำอธิบายอยู่ พาร์ซินั้นเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยทั้งที่ยังหมอบอยู่เช่นเดียวกับชาวบ้านคนอื่นๆ ดูเหมือนเขาทำแบบนั้นเพื่อจะได้ตอบผมได้โดยสะดวก
หมอนี่ช่าง……มีความสามารถเรื่องทางการเมืองเสียจริงนะ แม้รูปร่างหน้าตาจะเหมือนหมาบูลด็อกก็ตาม
‘ผมน่าจะใช้ประโยชน์จากเขาได้มากเลย ถ้าเขาอ่านหนังสือออก’
มันออกจะเป็นเรื่องน่าเสียดาย หากผมจะต้องส่งเขาไปร่ำเรียน พาร์ซินั้นอายุเท่ากับลอร่า ว่าง่ายๆ เขาอายุ 17 ปียังหนุ่มอยู่แต่ก็กระดากอายถ้าจะมาเริ่มเรียนอะไรสักอย่าง
แต่ก็นะ พวกเขาจะเรียนสิ่งใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพหากเขากระหายใคร่รู้ ค่อยคิดเรื่องนี้ทีหลังดีกว่า
พาร์ซิลุกขึ้น
“ขอให้ข้าได้นำท่านเข้าไปข้างในก่อน”
“เอาเลย นำทางไป”
ผมถูกพาไปยังบ้านไม้ที่อยู่ใกล้ๆ มันเป็นบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ออกจะโทรมไปหน่อยสำหรับคนที่มีอำนาจสูงสุดในหมู่บ้านที่จะอยู่อาศัย
แต่นั่นก็หมายความว่า คนผู้นั้นไม่แคร์เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกที่ฟุ่มเฟือย ผมเริ่มชอบเขามากขึ้นแล้วล่ะ
“ตอนนี้ อธิบายให้ข้าฟังได้แล้วล่ะ”
พอผมพูดจบก็นั่งลงกับพื้น พาร์ซิสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะนั่งลงอย่างสบายๆ
จากทั้งหมดที่เห็นมา ทั้งการวางตัวก็เห็นได้ชัดแล้วว่า เขาไม่รู้จักมารยาทใดๆทั้งนั้น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่แต่อย่างใด
เขาสามารถทำตัวให้เหมือนกับเป็นข้ารับใช้ก็ได้ ถ้าผมสั่ง แต่ถึงอย่างนั้น เราทั้งคู่ต่างรู้ดีว่า มันไร้ซึ่งความจริงใจ ผมต้องการความจริงจัง และเมื่อต้องการความจริงใจสิ่งที่คู่ควรต่อการได้รับก็คือ การให้ความจริงใจนั่นเอง
―และทุกการวางตัวของพาร์ซินั้นให้ความประทับใจแบบนั้น
“ทุกอย่างมันพังฉิบหายหมด”
“ดูไม่เหมือน ปัญหาเรื่องปาร์ตี้นักผจญภัยจะก่อปัญหาที่ว่าเลยนี่”
“มีหมู่บ้านอื่นสมรู้ร่วมคิดกัน สูบหาผลประโยชน์จากดินแดนของท่าน”
พาร์ซิมองผมด้วยแววตาซีเรียส
ขอโทษทีนะ แต่ผมไม่เห็นว่า มันเป็นปัญหาตรงไหนเลย
“ดินแดนของข้า? เจ้าคงไม่ได้กำลังหมายถึง ปราสาทจอมมารของข้าใช่ไหม?”
“ข้ากำลังพูดถึงหมู่บ้านที่ถูกทำลายไป เพราะไปร่วมมือกับนักผจญภัย พวกนั้นมีทุ่งข้าวที่กำลังจะเก็บเกี่ยวอยู่ ผู้คนจากหมู่บ้านอื่นเข้าไปจับจองทุ่งข้าวพวกนั้น”
“หืมมม”
ผมเอามือเท้าคาง และครุ่นคิดถึงความรุนแรงของเหตุการณ์ในครั้งนี้
ผมได้ทำการปล้นหมู่บ้านที่ร่วมมือกับนักผจญภัยอย่างระวังดีแล้ว จากนั้นแจกจ่ายเสบียงที่ได้ให้กับหมู่บ้านที่อยู่ฝั่งเดียวกับผม
นั่นเป็นทั้งในฐานะรางวัลและการลงโทษ เห็นได้ชัดแล้วว่า ทุกอย่างนั้นมันเป็นของของผม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีชาวบ้านบางคนที่ยังปล้นสิ่งที่เป็นของผมไป…….
“ลงโทษแค่ผู้กระทำความผิดก็พอ ยิ่งไปดว่านั้นดูเหมือนจะไม่ได้มีชาวบ้านอื่นในหมู่บ้านที่เป็นส่วนหนึ่งในการกระทำความผิดนี้
อืมมม ข้ารู้สึกเหมือนว่า แค่ขอโทษมันก็เพียงพอต่อความผิดนี้แล้วนะ…….”
“แม่งเอ๊ย มันจะเยี่ยมมากถ้าแค่ขโมยไปจากท่านอย่างเดียวน่ะสิ
แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ไอ้พวกหัวหน้าหมู่บ้าน มันยังเป็นตัวชักนำแถมยังยุให้ชาวบ้านมาเก็บเกี่ยวในพื้นที่ของท่านด้วย
แถมไอ้ระยำพวกนั้น ยังทำเกินกว่านั้นอีก พวกมันเก็บภาษีในท้องที่ราวกับเป็นของของพวกมันเอง”
ว้าว
ผมทำหน้าบูดทันที
“นี่พวกมันบ้ารึไงกันนี่?”
“พวกมันบ้า”
พาร์ซิพยักหน้า ตอนนี้ผมเข้าใจถึงความรุนแรงของสถานการณ์แล้ว
ผมเปลี่ยนท่านั่งขยับแข้งขา เพื่อให้อยู่ในท่าที่สบาย การผ่อนคลายร่างกายให้สบายนั้นจะทำให้สมองทำงานได้ดีคิดอะไรออกง่าย
“แล้วอัตราภาษีล่ะเท่าไหร่?”
“เจ็ด สิบ ของที่เก็บเกี่ยวได้”
“โอ้ พระเจ้า……นี่พวกมันเป็นไอ้บ้าระยำเลยนี่”
พวกมันเก็บภาษีเก็บเกี่ยวถึง 70% ยิ่งกว่าโจรเสียอีก แน่นอนว่า การเก็บภาษีเก็บเกี่ยวผลผลิตนั้นเป็นสิ่งที่ปรกติมากๆในยุคสมัยนี้
อาจเข้าใจได้ว่า เป็นเรื่องปกติ๊ปกติ แต่หากมีท่านลอร์ดเจ้าของดินแดนคนใดที่เก็บภาษีเพียง 50% ก็แทบจะได้รับการยกย่องมาเป็นท่านลอร์ดที่ลงมาจากสวรรค์กันเลยทีเดียว
ปัญหาคือ การกระทำสุดจะกดขี่กันนั้นอนุญาตให้เฉพาะผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินตัวจริงเท่านั้น พวกหัวหน้าหมู่บ้านกลับทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของที่ในดินแดนผมเสียเอง พูดง่ายๆก็คือ พวกเขานั้นมีความผิดต่อเจ้าของที่ดินในฐานะกบฏ
ผมเดาะลิ้น
“ชิส์ หมู่บ้านนึงก็ใช่ว่าจะมีคนสองคนเสียเมื่อไหร่ ข้ามั่นใจว่า คนนับร้อยนั่นคงไม่ได้ร่วมกันวางแผนเพื่อหลอกข้าหมดหรอก เป็นไปได้ว่า หัวหน้าหมู่บ้านหลอกพวกเขาด้วยใช่ไหม?”
ดวงตาของพาร์ซิเบิกกว้าง
“ท่านรู้ได้ยังไงครับ? แหม ท่านน่าจะไปเป็นหมอดูคงจะดังแน่เลย”
“เรื่องหยอกล้อไว้ทีหลัง มาอธิบายต่อ”
“หัวหน้าหมู่บ้านน่ะบอกลูกบ้านว่า พวกเขากำลังจะมอบภาษีพวกนั้นให้ท่าน”
ทำแม้กระทั่งเอกสารปลอมด้วย? นี่มันยิ่งของยิ่งดีขึ้นไปอีกเลยนะเนี่ย
หมูบ้านในภูเขาที่ยอมมาอยู่ใต้การปกครองของผม พวกเขามีข้อผูกมัดว่าต้องส่งรายงานเมื่อใดก็ตามที่เก็บเกี่ยวในดินแดน พวกเขาเรียกมันว่า บันทึกการเวนคืนที่ดิน
ในช่วงยุคกลาง เป็นที่เชื่อกันว่า ดินแดนนั้นเป็นของราชา คุณไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้เพียงเพราะมีที่เยอะ
คุณต้องให้รายละเอียดให้ชัดว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ และอย่างไรกับดินแดนที่จะเก็บเกี่ยว
ในยุคนี้เนี่ย จำนวนที่ดินการเกษตรเป็นตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งของชาติ …….หากคุณเริ่มทำการเก็บเกี่ยวในที่ดินโดยไม่ให้รายงาน ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า จะถูกผู้คนกล่าวหาว่ากำลังจะก่อการกบฏ
หัวหน้าหมู่บ้านเองก็ไม่ต่าง หัวหน้าหมู่บ้านเองก็จะเป็นคนที่คอยทำเอกสารสัญญา จดรายรับรายจ่าย และบันทึกทั้งหลายให้กับเจ้าของที่ดินนั้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ก็ยังมีหัวหน้าหมู่บ้านที่ตัดสินใจไม่ส่งรายงานให้เสียโต้งๆ แถมยังทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงอีกด้วยการเก็บภาษีที่ควรจะให้ผมเก็บไว้กับตัวเอง มันไม่ใช่อะไรที่คนมีสมองเขาทำกัน
ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่า สิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับคือ การประหาร
“ดูเหมือนข้าจะยอมพวกเขามากเกินไปแล้วสินะ”
ในมุมหนึ่งของความคิดกลับรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
หากพบว่า หัวหน้าหมู่บ้านพวกนั้นเป็นตัวต้นคิดก็ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ ปัญหาคือ มันมีแนวโน้มที่ปัญหานั้นจะใหญ่โตขึ้นเกินควบคุม
ผมคิดถึงข้อกล่าวหาออกได้ถึงสองข้อ
ระหว่างที่พวกหัวหน้าหมู่บ้านอื่นก่อการกบฏแบบนั้น คนอื่นๆกำลังทำอะไรกันอยู่?
หรือต่อให้หัวหน้าหมู่บ้านโกหก แต่หากมีลูกบ้านคนอื่นร่วมมือกันด้วย ผมควรที่จะลงโทษลูกบ้านพวกนั้นด้วยไหม?
หรือผมควรจะลงโทษทั้งหมู่บ้านดี?
……ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วล่ะ หากผมต้องการลงโทษหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านโดยไม่แบ่งแยก ตามฐานความผิดร่วมกัน
นั่นก็แปลว่า ผมจะต้องเสียคนงานไป
ตอนนี้ผมมี 5 หมู่บ้านอยู่ใต้การปกครอง หากผมจัดการลงโทษหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านมนุษย์ ผมจะสูญเสียผลประโยชน์ที่พึงได้ไปถึง 1 ใน 5
ผมออกไปข้างนอกเพื่อไปร่วมสงคราม แล้วตอนนี้กลับมาก็พบกับเหตุการณ์ที่เร่งด่วนฉุกเฉินหลังจากที่ลอร่าก็ย้ำเตือนผมแล้วว่าให้จัดการดินแดนด้วย ควรจะรับมือกับมันยังไงกับมันดี?
หากใช้ การรับผิดชอบร่วมกัน ผมก็จะเสียคนทำงานไป
แต่หากผมลงโทษเฉพาะหัวหน้าหมู่บ้าน มันก็จะเป็นการทำลายเกียรติของผม ท่านลอร์ดนั้นเป็นดั่งกฏหมายของดินแดน หากชื่อเสียงของลอร์ดตกต่ำ กฏหมายก็ตกต่ำตาม
การไร้อำนาจในดินแดนนั้นเกิดขึ้นจากการที่กฏหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์…….ผมควรจะทำอย่างไรดี?
พาร์ซิพูดอย่างระวังตอนที่ผมกำลังใคร่ครวญทางเลือกของตนเอง
“ตอนนี้พวกเราได้ตัดหัวพวกหัวหน้าหมู่บ้านพวกนั้นมาแล้วครับ”
“อะไรนะ ? ดีมาก!”
ผมปรบมือให้
นั่นเป็นการข้ออ้างที่จำเป็น หากผมต้องการปกป้องพวกเขาจากการพัวพันกับเรื่องนี้
ผมต้องการข้ออ้างที่ชัดเจนพอดีเลยว่า พวกเขานั้นไม่เกี่ยวด้วย
พาร์ซิได้จัดการกับหัวหน้าหมู่บ้านพวกนั้นว่าได้กระทำผิด เขาฆ่าเจ้าคนทรยศพวกนั้นทิ้งแล้ว เอาล่ะ ตอนนี้มีตัวเลือกทางการเมืองอะไรที่ใช้การได้บ้างล่ะ?
มันเป็นอะไรที่ดีมากเลยที่จัดการกับคนทรยศ ถึงแม้มันจะไม่ใช่สิทธิ์ของเขาในการลงโทษคนทรยศด้วยตัวเอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่ก่อน
แต่มันก็มีระบบให้คุณ ให้โทษอยู่ ดังนั้นตอนนี้ผมต้องคิดก่อนว่าจะลงโทษพาร์ซิในฐานะผู้ตัดสินและเจ้าของที่อย่างไร
ผมไม่อาจยกย่องพาร์ซิได้ แต่ผมสามารถมอบอำนาจการตัดสินคดีให้เขาได้ นั่นอาจเป็นการลงโทษพาร์ซิในเหตุการณ์แบบนี้ได้ด้วย
แม้ภายนอกจะเหมือนลงโทษ แต่จริงๆก็เป็นการให้อภัยเขานั่นแหละ
ผมฉีกยิ้มแล้วพูด
“ข้าขอสั่งให้เจ้าหมอบลง”
“ข้าขอกราบคำนับท่านเป็นร้อยครั้งเพื่อขอความเมตตาจากท่าน”
พาร์ซิก็ฉีกยิ้มออกมาเช่นกัน
“ข้าควรเน้นย้ำให้เห็นถึงอำนาจของข้าในฐานะเจ้าดินแดน เพื่อมิให้สิ่งนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง
เจ้าคนขี้ขลาด! จงสารภาพมา! ข้าแน่ใจแล้วว่า มีอะไรบางอย่างที่เจ้าต้องยกให้ข้า”
“ข้าขอบมอบสิทธิ์ในการใช้น้ำของข้า”
พาร์ซิตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
สิทธิ์ในการใช้น้ำ คือ สิทธิ์ที่จะใช้แหล่งกักเก็บน้ำ อย่างเช่นทางน้ำเพื่อการเกษตรและอื่นๆ
สำหรับชาวนาชาวไร่แล้วสิ่งนี้สำคัญดั่งชีวิตพวกเขา
ตัวอย่างเช่น หากปีนั้นพืชผลการเกษตรเก็บเกี่ยวได้ไม่ดี ชาวนาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการยอมอยู่ใต้อาณัติของเจ้าของที่ หรือพระผู้มีสิทธิ์ในแหล่งน้ำ
เจ้าของที่และพระจะอนุญาตให้พวกเขาใช้น้ำโดยต้องแลกกับการขึ้นภาษี 20% ในปีนั้นๆ ชาวนาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมตกลงแลกเปลี่ยนด้วยน้ำตาที่นองหน้าเพื่อให้อยู่รอดได้ไปในปีนั้นๆ
การมีสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของลำธาร ลำห้วยนั้นสามารถสร้างความมั่งคั่งให้คุณได้ในทันที
ความจริงที่ว่า เขาได้มอบสิทธิ์ที่สำคัญมากอย่างสิทธิ์ในน้ำทั้งเป็นการแสดงความจงรักภักดีในระดับผิวๆแต่…….
“มีที่เก็บน้ำอยู่ที่นี่ด้วยอย่างนั้นหรือ? ช่างเป็นการเสนอสิทธิ์ที่น่าดูถูกซะจริง”
เห็นกันชัดๆอยู่แล้วว่า ที่นี่มันภูเขาสุดจะแล้งกันดารรอบปราสาทจอมมารของผม
สิ่งก่อสร้างอย่างพวกที่กักเก็บน้ำนั้น มันไม่มีอยู่หรอก หากจะมีก็แค่ลำห้วยเล็กๆตรงนี้ ตรงนั้น
และถึงผมจะเป็นเจ้าของลำธารสายน้อยพวกนั้น พวกคนในหมู่บ้านก็ต้องแอบไปใช้งานกันเองอยู่แล้ว หากผมเพิ่มภาษีแหล่งน้ำ พวกชาวบ้านก็ต้องประท้วง ปฏิวัติกันในทันที การถือสิทธิ์ครอบครองนั่นหมายถึง การย่างเท้าเข้าสู่การต่อรองกับชาวนาชาวไร้ และเริ่มการโต้เถียงว่า ใครจะมีสิทธิ์ในการใช้แหล่งน้ำ
เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แถมเอากระดูกมาแขวนคอ ชัดๆ
“นั่นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่จะเสนอให้แล้วไม่ใช่เหรอครับ? ฮี่ฮี่”
พาร์ซิยิ้มชั่วร้าย ผมเองก็คงทำหน้าแบบนั้นเหมือนกัน
ถึงแม้พวกเขาจะไม่ยอมรับความผิดข้อหาคิดกบฏ แต่สุดท้ายหมู่บ้านอื่นก็คงทำเป็นไม่รับรู้
อันที่จริงแล้ว มันเป็นสิทธิ์ที่จะกำจัดพวกเขาทิ้งไปให้หมดก็ยังได้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็จัดการกับคนทรยศได้รวดเร็วทันใจ ผมก็สมควรที่จะมอบการลงโทษที่พอเหมาะพอดีในฐานะเจ้าของที่ดิน
หากผมสั่งให้เขามอบอะไรบางอย่างกับผม พวกเขาก็จะซาบซึ้งกับการลงโทษที่แสนใจกว้าง พวกเขาก็จะสาบานตนมอบความจงรักภักดี และเสนอสิทธิ์ในการใช้น้ำตอบแทนให้ความมีใจเอื้อเฟื้อ
ผมก็จะรับมันไว้และสัญญาว่า จะไม่ลงโทษใดๆเนื่องจากเหตุการณ์ในครั้งนี้อีก
พาร์ซิและชาวบ้านต่างก็สามารถใช้ชีวิตได้ต่อไป และผมก็ยังรักษาอำนาจในฐานะเจ้าของดินแดน นี่มัน สถานการณ์ วิน-วิน กันทั้งสองฝ่ายเลย
“ข้ามีไอเดียดีๆแล้ว เพิ่มนี่เข้าไปด้วย”
“อ๋า? หมายถึงอะไรหว่า?”
“เกี่ยวกับพื้นที่ที่ทิ้งไว้หลังจากหมู่บ้านถูกทำลายไปแล้วน่ะ เรื่องที่ข้าจะส่งให้พวกเขาคอยดูแลโดยเงื่อนไขคือ ขอส่วนแบ่งให้ข้า 70%ทุกปียังไงล่ะ
ทีนี้เจ้าและหัวหน้าหมู่บ้านอื่นๆก็จะสามารถเข้าไปทำอะไรในที่ดินที่ได้รับแล้ว”
พาร์ซิขยับตัว
“ว้าว แต่แบบนั้นก็เหมือนกับแสดงความเห็นใจให้พวกเรากับสถานการณ์แบบนี้ใช่ไหม แต่มันจะไม่แย่หากพวกเขาฝ่าฝืนเหรอครับ?”
“แน่นอน ข้าให้อำนาจนั้นกับเจ้า เจ้าสามารถจัดการได้ตามที่เห็นว่าสมควร ทีนี้มีแค่พวกเจ้าแล้วล่ะที่จะรักษาเกียรติของตนเองไว้ได้”
“ยิ่งไปกว่านั้น ชื่อเสียงของท่านจะพุ่งทะยานขึ้นที่เปิดโอกาสให้กับพวกเหล่าชาวนา พวกเราต่างดีใจที่ได้รับโอกาสในการครอบครองที่ดิน แล้วท่านก็ดีใจที่จะได้ภาษีเพิ่มด้วย พูดง่ายๆ มันคือ ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า ทำไมท่านถึงเป็นจอมมาร”
ผมยักไหล่
“เอาล่ะ แค่นี้ก็ถือว่าปกติแล้ว”
“แต่ยังมีอีกปัญหาหนึ่งเหลือครับ หากท่านทำแบบนี้กับหมู่บ้านที่ไม่ได้มีส่วนกระทำความผิด แล้วหมู่บ้านที่ร่วมกันทำความผิดล่ะครับ? หัวหน้าหมู่บ้านอาจตายไปแล้ว แต่ดูเหมือนการลงโทษนั่นจะยังไม่เพียงพอ”
“หืมมมม”
คิดเรื่องนั้นสักครู่ เอ ผมจะทำยังไงได้บ้างนะ?
“ฮื่ม ข้ามีไอเดียของตัวเองอยู่ครับ”
“ข้ารอฟังอยู่ มันคืออะไร?”
“อันที่จริงแล้ว ท่านได้สัญญากับพวกเราอย่างหนึ่งนี่ครับ ว่าจะไม่ให้ก็อบลินนั้นบุกรุกเข้ามา ก็ในเมื่อพวกเขาละเมิดสัญญาที่ทำกับท่าน ท่านก็แค่แกล้งไม่สนใจรักษาสัญญาที่ทำกับพวกเขาบ้าง?”
อ้อ ผมเข้าใจขึ้นมาทันที
“ข้าสามารถสั่งให้ก็อบลินโจมตีพวกเขาได้นี่!”
“ถูกแล้วครับ ไม่ต้องรุนแรงมากก็ได้ ฮี่ฮี่ แค่เพียงหยอกๆเล่นๆกับพวกเขา ให้พวกเขารู้สึกถึงสถานการณ์อันตรายที่ตัวเองต้องพบ
‘โอ้ ท่านจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดให้อภัยกับความผิดบาปของพวกเราด้วย’
พวกเขาก็จะมาหาท่านแล้วร้องครวญครางแบบนี้ครับ”
“อาฮ่า ข้าก็ให้อภัยพวกเขาด้วยจิตอันเมตตา ณ ตอนนี้ แต่ข้าก็จะเพิ่มภาษีขึ้นอีก 10% และใช้แรงงานพวกเขาให้หนักด้วย”
เป็นการบอกโดยนับกับพวกชาวบ้านพวกนั้น โดยจะเชื่อว่า ตัวเองได้รับการให้อภัย สุดท้ายแล้วปัญหาทุกอย่างก็จบลงด้วยการที่หัวหน้าหมู่บ้านโดยฆ่าทิ้ง และไม่มีใครถูกจับได้
“เป็นแผนการยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมเหลือเกิน! เจ้ามีหัวที่ดีนี่นา!”
“แหะ แหะ ท่านชมข้าเกินไปแล้ว ข้าเทียบฝ่าบาทไม่ได้หรอก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
ผู้ชายสองคนนั่งอยู่ในมุมบ้านแล้วหัวเราะกันเองอย่างชั่วร้าย หากมีใครมาเห็นเข้าก็คงคิดว่า เราสองคนเป็นไอ้โรคจิต
แต่มันไม่สำคัญหรอก การที่พวกเราเต็มไปด้วยความรู้สึกสุดหฤหรรษ์อย่างนั้น เอาจริงๆนะ การเล่นการเมืองมันสนุกแบบนี้แหละ
Comments
Dungeon Defense (WN) 127 เช้าตรู่ในโรม(3)
ผมมองไปยังพาร์ซิขณะที่รอคำอธิบายอยู่ พาร์ซินั้นเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยทั้งที่ยังหมอบอยู่เช่นเดียวกับชาวบ้านคนอื่นๆ ดูเหมือนเขาทำแบบนั้นเพื่อจะได้ตอบผมได้โดยสะดวก
หมอนี่ช่าง……มีความสามารถเรื่องทางการเมืองเสียจริงนะ แม้รูปร่างหน้าตาจะเหมือนหมาบูลด็อกก็ตาม
‘ผมน่าจะใช้ประโยชน์จากเขาได้มากเลย ถ้าเขาอ่านหนังสือออก’
มันออกจะเป็นเรื่องน่าเสียดาย หากผมจะต้องส่งเขาไปร่ำเรียน พาร์ซินั้นอายุเท่ากับลอร่า ว่าง่ายๆ เขาอายุ 17 ปียังหนุ่มอยู่แต่ก็กระดากอายถ้าจะมาเริ่มเรียนอะไรสักอย่าง
แต่ก็นะ พวกเขาจะเรียนสิ่งใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพหากเขากระหายใคร่รู้ ค่อยคิดเรื่องนี้ทีหลังดีกว่า
พาร์ซิลุกขึ้น
“ขอให้ข้าได้นำท่านเข้าไปข้างในก่อน”
“เอาเลย นำทางไป”
ผมถูกพาไปยังบ้านไม้ที่อยู่ใกล้ๆ มันเป็นบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ออกจะโทรมไปหน่อยสำหรับคนที่มีอำนาจสูงสุดในหมู่บ้านที่จะอยู่อาศัย
แต่นั่นก็หมายความว่า คนผู้นั้นไม่แคร์เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกที่ฟุ่มเฟือย ผมเริ่มชอบเขามากขึ้นแล้วล่ะ
“ตอนนี้ อธิบายให้ข้าฟังได้แล้วล่ะ”
พอผมพูดจบก็นั่งลงกับพื้น พาร์ซิสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะนั่งลงอย่างสบายๆ
จากทั้งหมดที่เห็นมา ทั้งการวางตัวก็เห็นได้ชัดแล้วว่า เขาไม่รู้จักมารยาทใดๆทั้งนั้น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่แต่อย่างใด
เขาสามารถทำตัวให้เหมือนกับเป็นข้ารับใช้ก็ได้ ถ้าผมสั่ง แต่ถึงอย่างนั้น เราทั้งคู่ต่างรู้ดีว่า มันไร้ซึ่งความจริงใจ ผมต้องการความจริงจัง และเมื่อต้องการความจริงใจสิ่งที่คู่ควรต่อการได้รับก็คือ การให้ความจริงใจนั่นเอง
―และทุกการวางตัวของพาร์ซินั้นให้ความประทับใจแบบนั้น
“ทุกอย่างมันพังฉิบหายหมด”
“ดูไม่เหมือน ปัญหาเรื่องปาร์ตี้นักผจญภัยจะก่อปัญหาที่ว่าเลยนี่”
“มีหมู่บ้านอื่นสมรู้ร่วมคิดกัน สูบหาผลประโยชน์จากดินแดนของท่าน”
พาร์ซิมองผมด้วยแววตาซีเรียส
ขอโทษทีนะ แต่ผมไม่เห็นว่า มันเป็นปัญหาตรงไหนเลย
“ดินแดนของข้า? เจ้าคงไม่ได้กำลังหมายถึง ปราสาทจอมมารของข้าใช่ไหม?”
“ข้ากำลังพูดถึงหมู่บ้านที่ถูกทำลายไป เพราะไปร่วมมือกับนักผจญภัย พวกนั้นมีทุ่งข้าวที่กำลังจะเก็บเกี่ยวอยู่ ผู้คนจากหมู่บ้านอื่นเข้าไปจับจองทุ่งข้าวพวกนั้น”
“หืมมม”
ผมเอามือเท้าคาง และครุ่นคิดถึงความรุนแรงของเหตุการณ์ในครั้งนี้
ผมได้ทำการปล้นหมู่บ้านที่ร่วมมือกับนักผจญภัยอย่างระวังดีแล้ว จากนั้นแจกจ่ายเสบียงที่ได้ให้กับหมู่บ้านที่อยู่ฝั่งเดียวกับผม
นั่นเป็นทั้งในฐานะรางวัลและการลงโทษ เห็นได้ชัดแล้วว่า ทุกอย่างนั้นมันเป็นของของผม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีชาวบ้านบางคนที่ยังปล้นสิ่งที่เป็นของผมไป…….
“ลงโทษแค่ผู้กระทำความผิดก็พอ ยิ่งไปดว่านั้นดูเหมือนจะไม่ได้มีชาวบ้านอื่นในหมู่บ้านที่เป็นส่วนหนึ่งในการกระทำความผิดนี้
อืมมม ข้ารู้สึกเหมือนว่า แค่ขอโทษมันก็เพียงพอต่อความผิดนี้แล้วนะ…….”
“แม่งเอ๊ย มันจะเยี่ยมมากถ้าแค่ขโมยไปจากท่านอย่างเดียวน่ะสิ
แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ไอ้พวกหัวหน้าหมู่บ้าน มันยังเป็นตัวชักนำแถมยังยุให้ชาวบ้านมาเก็บเกี่ยวในพื้นที่ของท่านด้วย
แถมไอ้ระยำพวกนั้น ยังทำเกินกว่านั้นอีก พวกมันเก็บภาษีในท้องที่ราวกับเป็นของของพวกมันเอง”
ว้าว
ผมทำหน้าบูดทันที
“นี่พวกมันบ้ารึไงกันนี่?”
“พวกมันบ้า”
พาร์ซิพยักหน้า ตอนนี้ผมเข้าใจถึงความรุนแรงของสถานการณ์แล้ว
ผมเปลี่ยนท่านั่งขยับแข้งขา เพื่อให้อยู่ในท่าที่สบาย การผ่อนคลายร่างกายให้สบายนั้นจะทำให้สมองทำงานได้ดีคิดอะไรออกง่าย
“แล้วอัตราภาษีล่ะเท่าไหร่?”
“เจ็ด สิบ ของที่เก็บเกี่ยวได้”
“โอ้ พระเจ้า……นี่พวกมันเป็นไอ้บ้าระยำเลยนี่”
พวกมันเก็บภาษีเก็บเกี่ยวถึง 70% ยิ่งกว่าโจรเสียอีก แน่นอนว่า การเก็บภาษีเก็บเกี่ยวผลผลิตนั้นเป็นสิ่งที่ปรกติมากๆในยุคสมัยนี้
อาจเข้าใจได้ว่า เป็นเรื่องปกติ๊ปกติ แต่หากมีท่านลอร์ดเจ้าของดินแดนคนใดที่เก็บภาษีเพียง 50% ก็แทบจะได้รับการยกย่องมาเป็นท่านลอร์ดที่ลงมาจากสวรรค์กันเลยทีเดียว
ปัญหาคือ การกระทำสุดจะกดขี่กันนั้นอนุญาตให้เฉพาะผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินตัวจริงเท่านั้น พวกหัวหน้าหมู่บ้านกลับทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของที่ในดินแดนผมเสียเอง พูดง่ายๆก็คือ พวกเขานั้นมีความผิดต่อเจ้าของที่ดินในฐานะกบฏ
ผมเดาะลิ้น
“ชิส์ หมู่บ้านนึงก็ใช่ว่าจะมีคนสองคนเสียเมื่อไหร่ ข้ามั่นใจว่า คนนับร้อยนั่นคงไม่ได้ร่วมกันวางแผนเพื่อหลอกข้าหมดหรอก เป็นไปได้ว่า หัวหน้าหมู่บ้านหลอกพวกเขาด้วยใช่ไหม?”
ดวงตาของพาร์ซิเบิกกว้าง
“ท่านรู้ได้ยังไงครับ? แหม ท่านน่าจะไปเป็นหมอดูคงจะดังแน่เลย”
“เรื่องหยอกล้อไว้ทีหลัง มาอธิบายต่อ”
“หัวหน้าหมู่บ้านน่ะบอกลูกบ้านว่า พวกเขากำลังจะมอบภาษีพวกนั้นให้ท่าน”
ทำแม้กระทั่งเอกสารปลอมด้วย? นี่มันยิ่งของยิ่งดีขึ้นไปอีกเลยนะเนี่ย
หมูบ้านในภูเขาที่ยอมมาอยู่ใต้การปกครองของผม พวกเขามีข้อผูกมัดว่าต้องส่งรายงานเมื่อใดก็ตามที่เก็บเกี่ยวในดินแดน พวกเขาเรียกมันว่า บันทึกการเวนคืนที่ดิน
ในช่วงยุคกลาง เป็นที่เชื่อกันว่า ดินแดนนั้นเป็นของราชา คุณไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้เพียงเพราะมีที่เยอะ
คุณต้องให้รายละเอียดให้ชัดว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ และอย่างไรกับดินแดนที่จะเก็บเกี่ยว
ในยุคนี้เนี่ย จำนวนที่ดินการเกษตรเป็นตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งของชาติ …….หากคุณเริ่มทำการเก็บเกี่ยวในที่ดินโดยไม่ให้รายงาน ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า จะถูกผู้คนกล่าวหาว่ากำลังจะก่อการกบฏ
หัวหน้าหมู่บ้านเองก็ไม่ต่าง หัวหน้าหมู่บ้านเองก็จะเป็นคนที่คอยทำเอกสารสัญญา จดรายรับรายจ่าย และบันทึกทั้งหลายให้กับเจ้าของที่ดินนั้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ก็ยังมีหัวหน้าหมู่บ้านที่ตัดสินใจไม่ส่งรายงานให้เสียโต้งๆ แถมยังทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงอีกด้วยการเก็บภาษีที่ควรจะให้ผมเก็บไว้กับตัวเอง มันไม่ใช่อะไรที่คนมีสมองเขาทำกัน
ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่า สิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับคือ การประหาร
“ดูเหมือนข้าจะยอมพวกเขามากเกินไปแล้วสินะ”
ในมุมหนึ่งของความคิดกลับรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
หากพบว่า หัวหน้าหมู่บ้านพวกนั้นเป็นตัวต้นคิดก็ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ ปัญหาคือ มันมีแนวโน้มที่ปัญหานั้นจะใหญ่โตขึ้นเกินควบคุม
ผมคิดถึงข้อกล่าวหาออกได้ถึงสองข้อ
ระหว่างที่พวกหัวหน้าหมู่บ้านอื่นก่อการกบฏแบบนั้น คนอื่นๆกำลังทำอะไรกันอยู่?
หรือต่อให้หัวหน้าหมู่บ้านโกหก แต่หากมีลูกบ้านคนอื่นร่วมมือกันด้วย ผมควรที่จะลงโทษลูกบ้านพวกนั้นด้วยไหม?
หรือผมควรจะลงโทษทั้งหมู่บ้านดี?
……ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วล่ะ หากผมต้องการลงโทษหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านโดยไม่แบ่งแยก ตามฐานความผิดร่วมกัน
นั่นก็แปลว่า ผมจะต้องเสียคนงานไป
ตอนนี้ผมมี 5 หมู่บ้านอยู่ใต้การปกครอง หากผมจัดการลงโทษหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านมนุษย์ ผมจะสูญเสียผลประโยชน์ที่พึงได้ไปถึง 1 ใน 5
ผมออกไปข้างนอกเพื่อไปร่วมสงคราม แล้วตอนนี้กลับมาก็พบกับเหตุการณ์ที่เร่งด่วนฉุกเฉินหลังจากที่ลอร่าก็ย้ำเตือนผมแล้วว่าให้จัดการดินแดนด้วย ควรจะรับมือกับมันยังไงกับมันดี?
หากใช้ การรับผิดชอบร่วมกัน ผมก็จะเสียคนทำงานไป
แต่หากผมลงโทษเฉพาะหัวหน้าหมู่บ้าน มันก็จะเป็นการทำลายเกียรติของผม ท่านลอร์ดนั้นเป็นดั่งกฏหมายของดินแดน หากชื่อเสียงของลอร์ดตกต่ำ กฏหมายก็ตกต่ำตาม
การไร้อำนาจในดินแดนนั้นเกิดขึ้นจากการที่กฏหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์…….ผมควรจะทำอย่างไรดี?
พาร์ซิพูดอย่างระวังตอนที่ผมกำลังใคร่ครวญทางเลือกของตนเอง
“ตอนนี้พวกเราได้ตัดหัวพวกหัวหน้าหมู่บ้านพวกนั้นมาแล้วครับ”
“อะไรนะ ? ดีมาก!”
ผมปรบมือให้
นั่นเป็นการข้ออ้างที่จำเป็น หากผมต้องการปกป้องพวกเขาจากการพัวพันกับเรื่องนี้
ผมต้องการข้ออ้างที่ชัดเจนพอดีเลยว่า พวกเขานั้นไม่เกี่ยวด้วย
พาร์ซิได้จัดการกับหัวหน้าหมู่บ้านพวกนั้นว่าได้กระทำผิด เขาฆ่าเจ้าคนทรยศพวกนั้นทิ้งแล้ว เอาล่ะ ตอนนี้มีตัวเลือกทางการเมืองอะไรที่ใช้การได้บ้างล่ะ?
มันเป็นอะไรที่ดีมากเลยที่จัดการกับคนทรยศ ถึงแม้มันจะไม่ใช่สิทธิ์ของเขาในการลงโทษคนทรยศด้วยตัวเอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่ก่อน
แต่มันก็มีระบบให้คุณ ให้โทษอยู่ ดังนั้นตอนนี้ผมต้องคิดก่อนว่าจะลงโทษพาร์ซิในฐานะผู้ตัดสินและเจ้าของที่อย่างไร
ผมไม่อาจยกย่องพาร์ซิได้ แต่ผมสามารถมอบอำนาจการตัดสินคดีให้เขาได้ นั่นอาจเป็นการลงโทษพาร์ซิในเหตุการณ์แบบนี้ได้ด้วย
แม้ภายนอกจะเหมือนลงโทษ แต่จริงๆก็เป็นการให้อภัยเขานั่นแหละ
ผมฉีกยิ้มแล้วพูด
“ข้าขอสั่งให้เจ้าหมอบลง”
“ข้าขอกราบคำนับท่านเป็นร้อยครั้งเพื่อขอความเมตตาจากท่าน”
พาร์ซิก็ฉีกยิ้มออกมาเช่นกัน
“ข้าควรเน้นย้ำให้เห็นถึงอำนาจของข้าในฐานะเจ้าดินแดน เพื่อมิให้สิ่งนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง
เจ้าคนขี้ขลาด! จงสารภาพมา! ข้าแน่ใจแล้วว่า มีอะไรบางอย่างที่เจ้าต้องยกให้ข้า”
“ข้าขอบมอบสิทธิ์ในการใช้น้ำของข้า”
พาร์ซิตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
สิทธิ์ในการใช้น้ำ คือ สิทธิ์ที่จะใช้แหล่งกักเก็บน้ำ อย่างเช่นทางน้ำเพื่อการเกษตรและอื่นๆ
สำหรับชาวนาชาวไร่แล้วสิ่งนี้สำคัญดั่งชีวิตพวกเขา
ตัวอย่างเช่น หากปีนั้นพืชผลการเกษตรเก็บเกี่ยวได้ไม่ดี ชาวนาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการยอมอยู่ใต้อาณัติของเจ้าของที่ หรือพระผู้มีสิทธิ์ในแหล่งน้ำ
เจ้าของที่และพระจะอนุญาตให้พวกเขาใช้น้ำโดยต้องแลกกับการขึ้นภาษี 20% ในปีนั้นๆ ชาวนาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมตกลงแลกเปลี่ยนด้วยน้ำตาที่นองหน้าเพื่อให้อยู่รอดได้ไปในปีนั้นๆ
การมีสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของลำธาร ลำห้วยนั้นสามารถสร้างความมั่งคั่งให้คุณได้ในทันที
ความจริงที่ว่า เขาได้มอบสิทธิ์ที่สำคัญมากอย่างสิทธิ์ในน้ำทั้งเป็นการแสดงความจงรักภักดีในระดับผิวๆแต่…….
“มีที่เก็บน้ำอยู่ที่นี่ด้วยอย่างนั้นหรือ? ช่างเป็นการเสนอสิทธิ์ที่น่าดูถูกซะจริง”
เห็นกันชัดๆอยู่แล้วว่า ที่นี่มันภูเขาสุดจะแล้งกันดารรอบปราสาทจอมมารของผม
สิ่งก่อสร้างอย่างพวกที่กักเก็บน้ำนั้น มันไม่มีอยู่หรอก หากจะมีก็แค่ลำห้วยเล็กๆตรงนี้ ตรงนั้น
และถึงผมจะเป็นเจ้าของลำธารสายน้อยพวกนั้น พวกคนในหมู่บ้านก็ต้องแอบไปใช้งานกันเองอยู่แล้ว หากผมเพิ่มภาษีแหล่งน้ำ พวกชาวบ้านก็ต้องประท้วง ปฏิวัติกันในทันที การถือสิทธิ์ครอบครองนั่นหมายถึง การย่างเท้าเข้าสู่การต่อรองกับชาวนาชาวไร้ และเริ่มการโต้เถียงว่า ใครจะมีสิทธิ์ในการใช้แหล่งน้ำ
เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แถมเอากระดูกมาแขวนคอ ชัดๆ
“นั่นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่จะเสนอให้แล้วไม่ใช่เหรอครับ? ฮี่ฮี่”
พาร์ซิยิ้มชั่วร้าย ผมเองก็คงทำหน้าแบบนั้นเหมือนกัน
ถึงแม้พวกเขาจะไม่ยอมรับความผิดข้อหาคิดกบฏ แต่สุดท้ายหมู่บ้านอื่นก็คงทำเป็นไม่รับรู้
อันที่จริงแล้ว มันเป็นสิทธิ์ที่จะกำจัดพวกเขาทิ้งไปให้หมดก็ยังได้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็จัดการกับคนทรยศได้รวดเร็วทันใจ ผมก็สมควรที่จะมอบการลงโทษที่พอเหมาะพอดีในฐานะเจ้าของที่ดิน
หากผมสั่งให้เขามอบอะไรบางอย่างกับผม พวกเขาก็จะซาบซึ้งกับการลงโทษที่แสนใจกว้าง พวกเขาก็จะสาบานตนมอบความจงรักภักดี และเสนอสิทธิ์ในการใช้น้ำตอบแทนให้ความมีใจเอื้อเฟื้อ
ผมก็จะรับมันไว้และสัญญาว่า จะไม่ลงโทษใดๆเนื่องจากเหตุการณ์ในครั้งนี้อีก
พาร์ซิและชาวบ้านต่างก็สามารถใช้ชีวิตได้ต่อไป และผมก็ยังรักษาอำนาจในฐานะเจ้าของดินแดน นี่มัน สถานการณ์ วิน-วิน กันทั้งสองฝ่ายเลย
“ข้ามีไอเดียดีๆแล้ว เพิ่มนี่เข้าไปด้วย”
“อ๋า? หมายถึงอะไรหว่า?”
“เกี่ยวกับพื้นที่ที่ทิ้งไว้หลังจากหมู่บ้านถูกทำลายไปแล้วน่ะ เรื่องที่ข้าจะส่งให้พวกเขาคอยดูแลโดยเงื่อนไขคือ ขอส่วนแบ่งให้ข้า 70%ทุกปียังไงล่ะ
ทีนี้เจ้าและหัวหน้าหมู่บ้านอื่นๆก็จะสามารถเข้าไปทำอะไรในที่ดินที่ได้รับแล้ว”
พาร์ซิขยับตัว
“ว้าว แต่แบบนั้นก็เหมือนกับแสดงความเห็นใจให้พวกเรากับสถานการณ์แบบนี้ใช่ไหม แต่มันจะไม่แย่หากพวกเขาฝ่าฝืนเหรอครับ?”
“แน่นอน ข้าให้อำนาจนั้นกับเจ้า เจ้าสามารถจัดการได้ตามที่เห็นว่าสมควร ทีนี้มีแค่พวกเจ้าแล้วล่ะที่จะรักษาเกียรติของตนเองไว้ได้”
“ยิ่งไปกว่านั้น ชื่อเสียงของท่านจะพุ่งทะยานขึ้นที่เปิดโอกาสให้กับพวกเหล่าชาวนา พวกเราต่างดีใจที่ได้รับโอกาสในการครอบครองที่ดิน แล้วท่านก็ดีใจที่จะได้ภาษีเพิ่มด้วย พูดง่ายๆ มันคือ ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า ทำไมท่านถึงเป็นจอมมาร”
ผมยักไหล่
“เอาล่ะ แค่นี้ก็ถือว่าปกติแล้ว”
“แต่ยังมีอีกปัญหาหนึ่งเหลือครับ หากท่านทำแบบนี้กับหมู่บ้านที่ไม่ได้มีส่วนกระทำความผิด แล้วหมู่บ้านที่ร่วมกันทำความผิดล่ะครับ? หัวหน้าหมู่บ้านอาจตายไปแล้ว แต่ดูเหมือนการลงโทษนั่นจะยังไม่เพียงพอ”
“หืมมมม”
คิดเรื่องนั้นสักครู่ เอ ผมจะทำยังไงได้บ้างนะ?
“ฮื่ม ข้ามีไอเดียของตัวเองอยู่ครับ”
“ข้ารอฟังอยู่ มันคืออะไร?”
“อันที่จริงแล้ว ท่านได้สัญญากับพวกเราอย่างหนึ่งนี่ครับ ว่าจะไม่ให้ก็อบลินนั้นบุกรุกเข้ามา ก็ในเมื่อพวกเขาละเมิดสัญญาที่ทำกับท่าน ท่านก็แค่แกล้งไม่สนใจรักษาสัญญาที่ทำกับพวกเขาบ้าง?”
อ้อ ผมเข้าใจขึ้นมาทันที
“ข้าสามารถสั่งให้ก็อบลินโจมตีพวกเขาได้นี่!”
“ถูกแล้วครับ ไม่ต้องรุนแรงมากก็ได้ ฮี่ฮี่ แค่เพียงหยอกๆเล่นๆกับพวกเขา ให้พวกเขารู้สึกถึงสถานการณ์อันตรายที่ตัวเองต้องพบ
‘โอ้ ท่านจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดให้อภัยกับความผิดบาปของพวกเราด้วย’
พวกเขาก็จะมาหาท่านแล้วร้องครวญครางแบบนี้ครับ”
“อาฮ่า ข้าก็ให้อภัยพวกเขาด้วยจิตอันเมตตา ณ ตอนนี้ แต่ข้าก็จะเพิ่มภาษีขึ้นอีก 10% และใช้แรงงานพวกเขาให้หนักด้วย”
เป็นการบอกโดยนับกับพวกชาวบ้านพวกนั้น โดยจะเชื่อว่า ตัวเองได้รับการให้อภัย สุดท้ายแล้วปัญหาทุกอย่างก็จบลงด้วยการที่หัวหน้าหมู่บ้านโดยฆ่าทิ้ง และไม่มีใครถูกจับได้
“เป็นแผนการยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมเหลือเกิน! เจ้ามีหัวที่ดีนี่นา!”
“แหะ แหะ ท่านชมข้าเกินไปแล้ว ข้าเทียบฝ่าบาทไม่ได้หรอก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
ผู้ชายสองคนนั่งอยู่ในมุมบ้านแล้วหัวเราะกันเองอย่างชั่วร้าย หากมีใครมาเห็นเข้าก็คงคิดว่า เราสองคนเป็นไอ้โรคจิต
แต่มันไม่สำคัญหรอก การที่พวกเราเต็มไปด้วยความรู้สึกสุดหฤหรรษ์อย่างนั้น เอาจริงๆนะ การเล่นการเมืองมันสนุกแบบนี้แหละ
Comments