Dungeon Defense (WN) 137 ฤดูใบไม้ร่วงที่อุดมสมบูรณ์(5)
* * *
สุดท้ายแล้วพวกเราก็เก็บเกี่ยวข้าวเสร็จในหนึ่งวัน ผมเลยมีเวลาสบายๆเดินเที่ยวหมู่บ้านในวันต่อมา
บรรยากาศเปี่ยมสุขไหลเวียนไปทุกที่ต้องขอบคุณผลผลิตที่ล้นหลามจริงๆ ลอร่าก็มองและมอบรอยยิ้มที่ดูจะพอใจให้กับผม
“ผู้คนมีความสุข นั่นก็ทำให้หญิงสาวผู้นี้มีความสุขเช่นกัน”
“เช่นเดียวกันกับข้า ทั้งหมดนั่นเป็นความมั่งคั่งของข้า”
“……เป็นมุมมองที่ไม่น่าฟังอะไรอย่างนี้”
ลอร่ามองด้วยสายตาเหมือนปลาตาย
“นายท่านรู้ไหมคะ? ว่าการที่ท่านใช้คำพูดน่ารังเกียจแสดงความเห็นอย่างนั้นออกมาเนี่ย
อย่างคนเจ้าเล่ห์จะได้รับคำดูถูก แต่คนที่พูดจาแย่ๆก็จะโดนไม่ต่างกัน การพูดอย่างนั้นเนี่ยจะทำให้คนอื่นเข้าใจความจริงใจผิดไปแล้วกลายเป็นคำแก้ตัวน้ำขุ่นๆแทน”
“อะแฮ่ม”
ปากผมบิดอย่างกระอักกระอ่วน ช่วงเร็วๆนี้ ลอร่าเริ่มวิพากย์วิจารณ์ผมบ่อยขึ้นอย่างมากซึ่งมันก็เป็นช่วงเดียวกับการที่พวกเราทำเรื่องลามกกัน
ไหนใครบอกว่า ผู้หญิงจะบ่นน้อยลง ถ้าผู้ชายทำงานหนักขึ้นไง แต่ไหงมันตรงข้ามกันอย่างนี้ล่ะ……?
( TTL : ทำเรื่องลามกไม่นับเป็นการทำงานนะเฮ่ย!)
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นายท่าน ทำไมท่านไม่ให้พวกชาวนายืมโกเลมไปล่ะ?”
ลอร่าเปลี่ยนหัวข้อ แหมช่างเป็นเด็กสาวที่ชั่วร้ายชะมัด!
ลอร่านั้นต่างจากลาพิส ลอร่าจะไม่บ่นนานนัก เธอจะรีบตัดบทแล้วเปลี่ยนหัวข้อในทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ผมแย้งกลับได้
“เห็นได้ชัดเลยว่า การใช้โกเลมนั้นสร้างประสิทธิภาพอย่างมากในการทำฟาร์ม หากท่านให้พวกเขายืมโกเลมไป ก็จะได้ผลผลิตที่ดีขึ้นอย่างมาก”
“มันจริงเรื่องที่ว่า มีประสิทธิภาพดี”
ผมยักไหล่
“แต่มันจะเกิดความไม่ยุติธรรมขึ้น”
“ยุติธรรม?”
“ใช่ลองคิดดูให้ดีสิ ชาวนาที่รวยจะตัดสินใจใช้เงินเพื่อจ้างโกเลม การทำฟาร์มก็จะง่ายขึ้นทันที”
ถ้าแค่นั้นก็ดีอยู่หรอก แต่ชาวนาคนอื่นจะคิดยังไง?
ลอร์ดของเราให้ความสำคัญกับคนมีเงิน เมื่อมีหรือไม่มีเงินก็จะมีผลต่อลอร์ดให้ประเมินพวกเรา……. นี่คือสิ่งที่พวกเขาคิด
“ซึ่งนั่นจะกลายเป็นปัญหา ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจะลดลงเมื่อพยายามไล่ล่าประสิทธิภาพ มันจะแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่ม และก็จะลดความแข็งแกร่งโดยรวมของดินแดนลง การได้เงินเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยนั้นไม่ใช่สิ่งที่ราชาควรทำ”
“อืมม”
ลอร่าเอียงหัว
“มันคือ ความแข็งแกร่งของตัวลอร์ดเอง ไม่ใช่ความแข็งแกร่งของดินแดนไม่ใช่หรือคะ?
ก็ในเมื่อชาวนาที่รวยก็จะช่วยนายท่านได้มากขึ้น ไม่ใช่พวกที่จนเสียหน่อย
มันจะไม่มีประโยชน์มากขึ้นสำหรับนายท่านและดินแดนเหรอคะ ถ้าท่านทำให้พวกชาวนารวยขึ้นอีกหน่อย?”
นั่นก็อาจเป็นไปได้ ยกเว้นสาธารณรัฐก็แล้วกัน ผู้คนในยุคนี้เชื่อว่า อำนาจสิทธิ์ขาดเป็นของลอร์ด
ลอร่านั้นเทียบหลายๆอย่างกับตัวเธอเอง แต่เธอกลับไม่ได้สนใจนักในเรื่องสังคมและแนวคิดของสาธารณรัฐ
แม้เธอจะเป็นบุคคลที่ควรจะเป็นรัฐมนตรีคนหนึ่งในสังคมก็เถอะนะ เดี๋ยวผมจะบอกเหตุผลให้ฟังว่าทำไม ราชอาณาจักรบริททานี่ถึงได้ล่มสลายใน <Dungeon Attack>
ผมตอบเธอไปว่า
“เอาล่ะ ทุกอย่างนั้นเป็นเรื่องของประสิทธิภาพ ในสังคมนั้นมีทั้งผู้ปกครองและผู้ใต้การปกครอง
แต่ไม่ควรมีผู้ปกครองจำนวนมากในสถานการณ์แบบนี้ หากคนนึงตามผู้ปกครองคนหนึ่ง ขณะที่คนอื่นๆตามผู้ปกครองคนอื่นๆ……
ก็จะเป็นหนึ่งเดียวกันแต่ภายนอกเท่านั้น ส่วนภายในนั้นเต็มไปด้วยการแบ่งแยกกันมากมาย”
แล้วก็จะนำมาซึ่งความเห็นที่แตกเป็นฝักเป็นฝ่าย
ดังนั้นจึงควรมีผู้ปกครองเพียงแค่หนึ่ง จอมมารเพียงหนึ่งเดียว ดันทาเลี่ยน ในดินแดนของผม
“หากพวกเราบอกไปว่า ชาวนาที่รวยจะถูกปฏิบัติดีกว่า ก็จะได้ข้อสรุปดังต่อไปนี้
อย่างแรก ผู้คนจะคิดว่า เงินเป็นหนทางเดียวในการประสบความสำเร็จในชีวิต”
ตอนที่สร้างอ่างเก็บน้ำและกำแพง พวกเขาต่างสร้างมันขึ้นมาด้วยกัน
เมื่อมีภัยคุกคามจากภายนอก พวกเขาจะเคียงข้างกันแล้วเสี่ยงตายไปด้วยกัน แล้วแบบนั้นคนรวยจะได้ประโยชน์เพิ่มได้อย่างไรกัน?
เมื่อความจงรักภักดีไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับลอร์ดของพวกเขา การอุทิศตนก็เช่นเดียวกัน แล้วถ้าเงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุดขึ้นมาล่ะ……?
“สุดท้ายแล้ว ผู้คนก็จะจงรักภักดีกับข้าน้อยลง แล้วหันไปตะเกียกตะกายสร้างความมั่งคั่งแทน ลอร่า เจ้าเข้าใจหรือไม่? การทำแบบนั้นมันสร้างผู้ปกครองสองคนขึ้นมาในแดนนี้ ผู้ปกครองทั้งสองนั้นมีนามว่า จอมมารดันทาเลี่ยน และ ‘เงิน’ ”
ซึ่งไม่ควรอนุญาตให้เกิดขึ้น
ไม่ว่าคุณจะมีเงินมากอยู่แล้วหรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวก็ตาม คุณจะไม่สะสมเงินเยอะๆนั้นหรือ?
ขอแสดงความยินดีด้วย เพลิดเพลินกับมันเถอะ แต่อย่าออกนอกการตัดสินใจที่ผมได้ให้ไว้ในฐานะผู้ปกครอง
เพราะคุณเป็นเพียงประชาชนและผมเป็นราชาเพียงผู้เดียว
“ข้าต้องการเป็นผู้ปกครองแต่ผู้เดียวโดยสมบูรณ์ ซึ่งไม่ได้หมายความถึงข้าต้องไปเกี่ยวข้องกับทุกๆอย่าง ข้าต้องเป็นดั่งภูผาที่ผู้คนไม่มองข้าม ซึ่งนั่นจะทำให้ทุกสิ่งมันสะดวกสบายขึ้นสำหรับข้าเช่นกัน!”
“แน่นอนค่ะ”
ลอร่านั้นอึ้ง
“ความมั่งคั่งจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ นั่นแหละที่ว่าทำไมความจงรักภักดีเท่านั้นก็เพียงพอ”
“ข้านั้นเป็นดั่งตัวแทนของดินแดนแห่งนี้ ดังนั้นจึงควรที่จะแสดงสิ่งนี้ให้พวกเขาเห็นว่า พวกเขาจะต้องอุทิศตัวให้ดินแดนนี้ทั้งหมดที่มี”
“อืมมม”
ดูเหมือนลอร่าจะนำข้อสรุปที่ว่าไปคิดใคร่ครวญต่อ
ผู้หญิงที่กำลังทำงานอยู่ในทุ่งข้าวพอเห็นพวกเราเข้าก็โบกมือให้ ผมก็โบกมือขวากลับไป พวกเขาก็ตื่นเต้น หญิงชราก็หัวเราะคิกคัก ผมจึงยิ้มกลับไปขณะที่เฝ้าดูพวกเขา
พอพวกเราเดินตามทางไปใกล้ๆกลุ่มของหญิงสาว พวกเธอก็หยุดเกี่ยวข้าวแล้วหันมาพูดคุยกับเรา
“โอ้ วันนี้ท่านดูน่ารักมากเลย ท่านราชินี!”
“ท่านทั้งคู่เหมาะสมกับเหมือนฟ้าสรรสวรรค์สร้าง !”
ลอร่าประหลาดใจจนพูดตะกุกตะกัก
“ระ-ราชินีเหรอ……? ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก”
“แหม ท่านเป็นภรรยาของฝ่าบาทจอมมารไม่ใช่หรือคะ? ถ้าอย่างนั้นก็ถูกแล้วที่ท่านเป็นราชินี”
ผู้หญิงคนอื่นๆเห็นด้วย
“ภะ-ภรรยา……?”
ใบหน้าของลอร่าแดงก่ำขึ้น เธอโบกมืออย่างลนลานพลงปฏิเสธวุ่นวาย
“หญิงสาวผู้นี้ก็แค่ จะว่ายังไงดีล่ะ? ไม่ได้เป็นภรรยาของ แต่เป็นข้ารับใช้คนหนึ่ง……
ไม่ๆ หรือข้าควรพูดว่าข้า เป็นคู่ของฝ่าบาท……?
ถะ-ถ้าอย่างนั้น ข้าก็ไม่ใช่ภรรยาของเขา! ข้าไม่ได้ใกล้กับการเป็นราชินีเลย!”
“เอ๋? พวกเราก็เข้าใจมาตลอดว่า ท่านหญิงน่ะเป็นภรรยาของนายน้อยจอมมาร”
พวกนางต่างมองมาที่ผม
ดูเหมือนพวกเธอต้องการคำอธิบายอะไรสักอย่าง
“…….”
ลอร่าดูเงอะงะกระวนกระวายทั้งที่ยังแอบมองผม หัวเธองุดต่ำลงหลังจากแอบมอง ก่อนจะหันหน้าออกตอนที่สบตากัน
โอ้?
ไม่ต้องใช้หน้าต่างสเตตัสเลยก็ยืนยันได้ ลอร่านั้นเป็นเด็กสาวอายุ 17 ปี ที่เต็มไปด้วยความเฝ้า เธอนั้นจะเป็นผู้เย้ยหยันโลกใบนี้ด้วยมุมมองแห่งความตาย แต่การเป็นภรรยาของใครสักคนก็มีความหมายมากสำหรับเธอเช่นกัน
วางเรื่องที่พวกเราเป็นคู่รักไว้ก่อน ถึงแม้จะเป็นเหมือนอย่างนั้นสำหรับพวกเขาก็เถอะ…… แค่นั้นก็พอจะทำให้ลอร่าเขินอายได้แล้ว พอเธอทำตัวสมวัยแล้วช่างน่ารักจริงๆ
“ลอร่า มองนั่นสิ”
“อะไรเหรอคะ?”
เธอหันหน้าไปตามที่บอก
ผมใช้มือขวาดึงสะโพกของเธอเข้ามาหา แล้วใช้มือซ้ายประคองท้ายทอยของเธอ สีหน้าของเธอนั้นดูงุนงนอยู่―ผมจูบเธอ
“……อื๋อ!?”
ดวงตาของลอร่าเปิดกว้างความด้วยตกใจจากที่อยู่ๆก็จูบ เธอทำเสียงเหมือนอยากจะตะโกนออกมา แต่มันเปล่าประโยชน์น่า ผมไม่ให้โอกาสเธอต่อต้านด้วยการสอดลิ้มเข้าริมฝีปาก มันคือ ดีพคิส
“โอ้ แหม โอ้แหม!”
“อ๊ายยย! อะไรขนาดนั้น!”
ผมได้ยินผู้หญิงพวกนั้นตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เสียงพวกนั้นทำให้ผมรู้สึกดี ไม่มีใครตำหนิให้รู้สึกต้องอาย ต่างก็เชียร์ด้วยความเพลิดเพลินกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
ลอร่าพยายามเหวี่ยงแขนไปมาอย่างขัดขืนต่อต้าน ดวงตาสีเขียวของเธอเจือไปด้วยการตำหนิ เห็นได้ชัดว่า เธออายที่ต้องทำมันต่อหน้าคนอื่น
โทษทีนะ แม่สาวน้อย แต่ผมกำลังทำเพราะพวกเราอยู่ต่อหน้าคนอื่นยังไงล่ะ ผมขยับลิ้นอย่างทรงพลัง
สอดเข้า
“อุบ อืมมม ผะ!?”
อย่างระมัดระวัง
“อุบ, อึกก,……อืมมม, อู,”
ดูด
“ฮ่าาา, นายท่าน, อุบบ! อืมมม……อ่า, ฮ่าห์, อ่า,อ้าาา,ฟ่าาา!”
แล้วก็สอดประสาน
“อุบ, ฮุบบบ……อืมม, อืนนน……นายท่าน, อ่าา……อืน-อุบ,ไม่นะ, อูว……!”
ลอร่าเข่าอ่อนแล้วล้มพับลงที่อกผม ใบหน้าของเธอแดงก่ำหายใจอย่างยากลำบากเพราะขาดอากาศ ผมหันกลับไปมองทั้งที่ยังประคองลอร่าด้วยแขนข้างเดียว
“…….”
“…….”
พวกผู้หญิงไม่ได้ร้องเสียงแหลมอีกต่อไปแล้ว แม้แต่หญิงชราก็ยังแก้มแดนเขินอาย พวกเธอทั้งหมดต่างหลบตาและทำท่าทางวุ่นวายใจ หนึ่งในเด็กสาวที่น่าจะยังโสดอยู่ปิดหน้าตัวเองด้วยมือทั้งสอง
ผมยิ้มและพูดขึ้น
“เป็นปกติแล้วที่ราชาจะต้องมีสนมสักสามหรือสี่คน เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นของข้า ยังมีอะไรอย่างอื่นให้พูดอีกหรือ?”
ผู้หญิงพวกนั้นส่ายหัวด้วยท่าทีที่อ่อนน้อม พวกเธอคงต้องอายเกินกว่าจะทนอยู่ต่อได้จึงหยิบอุปกรณ์ทำฟาร์มแล้วรีบจากไป
พวกนางออกไปทำงานและวิ่งไปทั้งที่ดวงตะวันยังไม่ขึ้นด้วยซ้ำ
ขณะที่ผมกำลังหัวเราะเอิ้กอ้ากจากความใสซื่อของชาวนา ลอร่าก็บ่นออกมาเบาๆ
“นะ-นายท่าน…….”
เธอจับเสื้อตรงบริเวณอก แล้วมองดูผมด้วยตาที่ชุ่มฉ่ำ ลมหายใจของเธอนั้นร้อน
แหม ที่รัก หรือผมจะแกล้งเธอมากเกินไปนะ……? ดูเหมือนผมไปกดสวิทช์นั่นเข้าให้แล้ว
“เธออยากจะทำมันแล้วรึ?”
“…….”
ลอร่าผงกหัวราวๆ 0.1 เซนติเมตร
ผมยิ้มอย่างอ่อนโยน เธอกำลังอยู่ในช่วงวัยที่กำลังเบ่งบาน ผมไม่ควรที่จะแกล้งเธอด้วยจูบจริงจังแบบนั้นเลย เป็นความผิดของผมเอง
“ถอดเสื้อผ้า”
“เอ๋?”
ดวงตาของลอร่าเบิกกว้าง
“ท่านพูดอะไรน่ะ……พวกเราควรจะกลับไปที่บ้านและ…….”
“ข้าบอกให้เจ้าถอดเสื้อผ้าที่นี่แหละ”
สีหน้าของเธอกลับซีดลง
“ตะ-แต่พวกเราอยู่ข้างนอก…….”
“ตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย”
ผมดึงตัวลอร่ามาใกล้ๆพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
“ข้าอยากเข้าไปในตัวลอร่า ที่นี่ ตอนนี้”
“……มะ-มะ- ไม่นะ!”
ลอร่าผลักอกผมออก แต่ดูเหมือนแขนเธอไม่มีแรงเหลือพอที่จะทำอะไรทั้งสิ้น
“เจ้าสัตว์ร้าย! ออร์ค! เจ้าหมาติดสัด! นะ-นี่คิดจะทำอะไรข้างนอกน่ะ……ฉันไม่เชื่อท่านหรอก!”
“ฮ่าช์ เธอเป็นคนร้องขอเองไม่ใช่รึไง เมื่อกี้นี้น่ะ แต่ก็กลับโกรธขึ้นมาเสียเฉยๆพอข้าตอบรับ? เธอนี่ช่างย้อนแย้งในตัวเองเหลือเกิน”
ผมกอดเธอไว้แน่นขึ้น
“ถ้าเธอยังทำตัวแบบนี้ต่อ ความเอื้อเฟื้อและแสนใจกว้างของข้าจะกลายเป็นโกรธขึ้นมาแล้วนะ!”
“อะ-อูว”
เธอมีน้ำใสๆในดวงตา
“นายท่านไม่ควรทำนะคะ……. ถ้าท่านร่วมรักที่นี่แล้วจะไปต่างจากสัตว์ตรงไหนกัน? ได้โปรดรักษาความภาคภูมิใจในฐานะของจอมมารด้วยเถอะค่ะ!”
“จะมนุษย์หรือปีศาจ แต่เดิมพวกเราก็เป็นสัตว์ทั้งนั้นแหละ แล้วจะแปลกตรงไหนที่จะร่วมรักเยี่ยงสัตว์!”
“นั่นมันไม่ถูกต้องแล้ว―!”
ผมยังคงหนักแน่นไม่ว่าลอร่าจะรู้สึกสิ้นหวังกับสิ่งนั้นหรือไม่ ผมเปลื้องผ้าลอร่า จากนั้นก็ทำกับเธอจากด้านหลังในทุ่งข้างสาลี ลำต้นข้าวสาลีนั้นปกคลุมผืนดินอยู่ดังนั้นเข่าผมจึงไม่เจ็บ
ผมอาจจะตื่นเต้นมากที่ได้ทำกันข้างนอกเป็นครั้งแรกจึงจบลงด้วยทำจนกระทั่งตะวันตกดิน ผมบอกได้เลยว่า แสงอาทิตย์ที่สะท้อนฉษยไปบนผิวเปลือยของลอร่านั้นช่างงดงาม
ลอร่าเป็นคนที่อยากขึ้นมาในครั้งนี้ ดูเหมือนจะต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์กว่าจะทุเลาลงได้ คงมีบางคนมาเห็นพวกเราแหละ แต่ใครสนล่ะ? ยิ่งมีคนเห็นยิ่งไม่รู้สึกดียิ่งกว่าหรือ นั่นคือสิ่งที่ผมคิด แต่ไม่ได้พูดออกมา
* * *
ลาพิสมาหาผมตอนที่ทั้งหมู่บ้านเก็บเกี่ยวกันเสร็จแล้ว
ผมหวังให้เธอมาช่วยเวลาประมาณนี้ จึงคอยต้อนรับเธออย่างดี แต่ที่ประหลาดใจคือ เธอไม่ได้มามือเปล่า
“……นี่มันอะไรน่ะ?”
“นั่นเป็นของท่านค่ะ”
มันเป็นเหมือนดั่งภูเขาสมบัติต่อหน้าผม
ทั้งกล่องอัญมณี หีบที่เต็มไปด้วยเหรียญทอง ทั้งอุปกรณ์เครื่องประดับและอาวุธที่ดูราคาแพง
โอ้ พระเจ้า นี่มันอะไรกันน่ะ?
“รวมทั้งหมด 103,504 โกลด์ค่ะ”
“…….”
ลาพิสส่งกระดาษให้ผมทั้งที่ผมยังอ้าปากค้างอยู่ รายชื่อของคนที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนได้เขียนไว้
“นะ-นะ-นี่มันอะไรกันน่ะ?”
“นี่คือ รายชื่อตัวตนที่มีอิทธิพลในโลกปีศาจที่ท่านต้องไปพบปะค่ะ”
น้ำเสียงของลาพิสไม่ต่างจากคำทักทายว่า วันนี้อากาศดี
“ดิฉันทราบดีว่า ท่านใช้เวลาช่วงนี้แบบผ่อนคลายสบายเบา ดิฉันจึงรับรู้ได้ว่าท่านอาจจะเบื่อเบื่อหน่าย ดังนั้นดิฉันจึงได้มีงานให้ท่านทำ”
แม่นี่
“ข้าอยากจะพักอีกสักหน่อย!”
“โชคไม่ดีเลยนะคะ”
น้ำเสียงของเธอ มันไม่ได้บ่งบอกว่า โชคไม่ดี อย่างที่พูดเลย
“ดิฉันได้รับเงิน 100,000 โกลด์นี้ ด้วยอ้างว่าจะอนุญาตให้พบกับท่าน ท่านดันทาเลี่ยนคะ ถ้าท่านไม่ปรารถนาที่จะพบพวกเขา ถ้าอย่างนั้นก็ต้องคืนของพวกนี้ไป…….เราควรจะคืนพวกเขาให้หมดเลยนะคะ?”
ลาพิสถามออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
นี่มันเด็กสาวมากพิษตัวจริงเสียงจริง ผมไม่เคยเจอคู่แข่งที่ไร้เทียมทานเท่าเธอมาก่อนเลย
ส่งท้ายจากคนเขียน
ลาพิส : น้องสาว นี่คือวิธีที่ใช้ควบคุมผู้ชายที่ไม่ยอมทำงาน
ลอร่า: (ดวงตาเปล่งประกาย) พี่สาว…….
ดันทาเลี่ยน: …….
Comments
Dungeon Defense (WN) 137 ฤดูใบไม้ร่วงที่อุดมสมบูรณ์(5)
* * *
สุดท้ายแล้วพวกเราก็เก็บเกี่ยวข้าวเสร็จในหนึ่งวัน ผมเลยมีเวลาสบายๆเดินเที่ยวหมู่บ้านในวันต่อมา
บรรยากาศเปี่ยมสุขไหลเวียนไปทุกที่ต้องขอบคุณผลผลิตที่ล้นหลามจริงๆ ลอร่าก็มองและมอบรอยยิ้มที่ดูจะพอใจให้กับผม
“ผู้คนมีความสุข นั่นก็ทำให้หญิงสาวผู้นี้มีความสุขเช่นกัน”
“เช่นเดียวกันกับข้า ทั้งหมดนั่นเป็นความมั่งคั่งของข้า”
“……เป็นมุมมองที่ไม่น่าฟังอะไรอย่างนี้”
ลอร่ามองด้วยสายตาเหมือนปลาตาย
“นายท่านรู้ไหมคะ? ว่าการที่ท่านใช้คำพูดน่ารังเกียจแสดงความเห็นอย่างนั้นออกมาเนี่ย
อย่างคนเจ้าเล่ห์จะได้รับคำดูถูก แต่คนที่พูดจาแย่ๆก็จะโดนไม่ต่างกัน การพูดอย่างนั้นเนี่ยจะทำให้คนอื่นเข้าใจความจริงใจผิดไปแล้วกลายเป็นคำแก้ตัวน้ำขุ่นๆแทน”
“อะแฮ่ม”
ปากผมบิดอย่างกระอักกระอ่วน ช่วงเร็วๆนี้ ลอร่าเริ่มวิพากย์วิจารณ์ผมบ่อยขึ้นอย่างมากซึ่งมันก็เป็นช่วงเดียวกับการที่พวกเราทำเรื่องลามกกัน
ไหนใครบอกว่า ผู้หญิงจะบ่นน้อยลง ถ้าผู้ชายทำงานหนักขึ้นไง แต่ไหงมันตรงข้ามกันอย่างนี้ล่ะ……?
( TTL : ทำเรื่องลามกไม่นับเป็นการทำงานนะเฮ่ย!)
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นายท่าน ทำไมท่านไม่ให้พวกชาวนายืมโกเลมไปล่ะ?”
ลอร่าเปลี่ยนหัวข้อ แหมช่างเป็นเด็กสาวที่ชั่วร้ายชะมัด!
ลอร่านั้นต่างจากลาพิส ลอร่าจะไม่บ่นนานนัก เธอจะรีบตัดบทแล้วเปลี่ยนหัวข้อในทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ผมแย้งกลับได้
“เห็นได้ชัดเลยว่า การใช้โกเลมนั้นสร้างประสิทธิภาพอย่างมากในการทำฟาร์ม หากท่านให้พวกเขายืมโกเลมไป ก็จะได้ผลผลิตที่ดีขึ้นอย่างมาก”
“มันจริงเรื่องที่ว่า มีประสิทธิภาพดี”
ผมยักไหล่
“แต่มันจะเกิดความไม่ยุติธรรมขึ้น”
“ยุติธรรม?”
“ใช่ลองคิดดูให้ดีสิ ชาวนาที่รวยจะตัดสินใจใช้เงินเพื่อจ้างโกเลม การทำฟาร์มก็จะง่ายขึ้นทันที”
ถ้าแค่นั้นก็ดีอยู่หรอก แต่ชาวนาคนอื่นจะคิดยังไง?
ลอร์ดของเราให้ความสำคัญกับคนมีเงิน เมื่อมีหรือไม่มีเงินก็จะมีผลต่อลอร์ดให้ประเมินพวกเรา……. นี่คือสิ่งที่พวกเขาคิด
“ซึ่งนั่นจะกลายเป็นปัญหา ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจะลดลงเมื่อพยายามไล่ล่าประสิทธิภาพ มันจะแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่ม และก็จะลดความแข็งแกร่งโดยรวมของดินแดนลง การได้เงินเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยนั้นไม่ใช่สิ่งที่ราชาควรทำ”
“อืมม”
ลอร่าเอียงหัว
“มันคือ ความแข็งแกร่งของตัวลอร์ดเอง ไม่ใช่ความแข็งแกร่งของดินแดนไม่ใช่หรือคะ?
ก็ในเมื่อชาวนาที่รวยก็จะช่วยนายท่านได้มากขึ้น ไม่ใช่พวกที่จนเสียหน่อย
มันจะไม่มีประโยชน์มากขึ้นสำหรับนายท่านและดินแดนเหรอคะ ถ้าท่านทำให้พวกชาวนารวยขึ้นอีกหน่อย?”
นั่นก็อาจเป็นไปได้ ยกเว้นสาธารณรัฐก็แล้วกัน ผู้คนในยุคนี้เชื่อว่า อำนาจสิทธิ์ขาดเป็นของลอร์ด
ลอร่านั้นเทียบหลายๆอย่างกับตัวเธอเอง แต่เธอกลับไม่ได้สนใจนักในเรื่องสังคมและแนวคิดของสาธารณรัฐ
แม้เธอจะเป็นบุคคลที่ควรจะเป็นรัฐมนตรีคนหนึ่งในสังคมก็เถอะนะ เดี๋ยวผมจะบอกเหตุผลให้ฟังว่าทำไม ราชอาณาจักรบริททานี่ถึงได้ล่มสลายใน <Dungeon Attack>
ผมตอบเธอไปว่า
“เอาล่ะ ทุกอย่างนั้นเป็นเรื่องของประสิทธิภาพ ในสังคมนั้นมีทั้งผู้ปกครองและผู้ใต้การปกครอง
แต่ไม่ควรมีผู้ปกครองจำนวนมากในสถานการณ์แบบนี้ หากคนนึงตามผู้ปกครองคนหนึ่ง ขณะที่คนอื่นๆตามผู้ปกครองคนอื่นๆ……
ก็จะเป็นหนึ่งเดียวกันแต่ภายนอกเท่านั้น ส่วนภายในนั้นเต็มไปด้วยการแบ่งแยกกันมากมาย”
แล้วก็จะนำมาซึ่งความเห็นที่แตกเป็นฝักเป็นฝ่าย
ดังนั้นจึงควรมีผู้ปกครองเพียงแค่หนึ่ง จอมมารเพียงหนึ่งเดียว ดันทาเลี่ยน ในดินแดนของผม
“หากพวกเราบอกไปว่า ชาวนาที่รวยจะถูกปฏิบัติดีกว่า ก็จะได้ข้อสรุปดังต่อไปนี้
อย่างแรก ผู้คนจะคิดว่า เงินเป็นหนทางเดียวในการประสบความสำเร็จในชีวิต”
ตอนที่สร้างอ่างเก็บน้ำและกำแพง พวกเขาต่างสร้างมันขึ้นมาด้วยกัน
เมื่อมีภัยคุกคามจากภายนอก พวกเขาจะเคียงข้างกันแล้วเสี่ยงตายไปด้วยกัน แล้วแบบนั้นคนรวยจะได้ประโยชน์เพิ่มได้อย่างไรกัน?
เมื่อความจงรักภักดีไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับลอร์ดของพวกเขา การอุทิศตนก็เช่นเดียวกัน แล้วถ้าเงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุดขึ้นมาล่ะ……?
“สุดท้ายแล้ว ผู้คนก็จะจงรักภักดีกับข้าน้อยลง แล้วหันไปตะเกียกตะกายสร้างความมั่งคั่งแทน ลอร่า เจ้าเข้าใจหรือไม่? การทำแบบนั้นมันสร้างผู้ปกครองสองคนขึ้นมาในแดนนี้ ผู้ปกครองทั้งสองนั้นมีนามว่า จอมมารดันทาเลี่ยน และ ‘เงิน’ ”
ซึ่งไม่ควรอนุญาตให้เกิดขึ้น
ไม่ว่าคุณจะมีเงินมากอยู่แล้วหรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวก็ตาม คุณจะไม่สะสมเงินเยอะๆนั้นหรือ?
ขอแสดงความยินดีด้วย เพลิดเพลินกับมันเถอะ แต่อย่าออกนอกการตัดสินใจที่ผมได้ให้ไว้ในฐานะผู้ปกครอง
เพราะคุณเป็นเพียงประชาชนและผมเป็นราชาเพียงผู้เดียว
“ข้าต้องการเป็นผู้ปกครองแต่ผู้เดียวโดยสมบูรณ์ ซึ่งไม่ได้หมายความถึงข้าต้องไปเกี่ยวข้องกับทุกๆอย่าง ข้าต้องเป็นดั่งภูผาที่ผู้คนไม่มองข้าม ซึ่งนั่นจะทำให้ทุกสิ่งมันสะดวกสบายขึ้นสำหรับข้าเช่นกัน!”
“แน่นอนค่ะ”
ลอร่านั้นอึ้ง
“ความมั่งคั่งจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ นั่นแหละที่ว่าทำไมความจงรักภักดีเท่านั้นก็เพียงพอ”
“ข้านั้นเป็นดั่งตัวแทนของดินแดนแห่งนี้ ดังนั้นจึงควรที่จะแสดงสิ่งนี้ให้พวกเขาเห็นว่า พวกเขาจะต้องอุทิศตัวให้ดินแดนนี้ทั้งหมดที่มี”
“อืมมม”
ดูเหมือนลอร่าจะนำข้อสรุปที่ว่าไปคิดใคร่ครวญต่อ
ผู้หญิงที่กำลังทำงานอยู่ในทุ่งข้าวพอเห็นพวกเราเข้าก็โบกมือให้ ผมก็โบกมือขวากลับไป พวกเขาก็ตื่นเต้น หญิงชราก็หัวเราะคิกคัก ผมจึงยิ้มกลับไปขณะที่เฝ้าดูพวกเขา
พอพวกเราเดินตามทางไปใกล้ๆกลุ่มของหญิงสาว พวกเธอก็หยุดเกี่ยวข้าวแล้วหันมาพูดคุยกับเรา
“โอ้ วันนี้ท่านดูน่ารักมากเลย ท่านราชินี!”
“ท่านทั้งคู่เหมาะสมกับเหมือนฟ้าสรรสวรรค์สร้าง !”
ลอร่าประหลาดใจจนพูดตะกุกตะกัก
“ระ-ราชินีเหรอ……? ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก”
“แหม ท่านเป็นภรรยาของฝ่าบาทจอมมารไม่ใช่หรือคะ? ถ้าอย่างนั้นก็ถูกแล้วที่ท่านเป็นราชินี”
ผู้หญิงคนอื่นๆเห็นด้วย
“ภะ-ภรรยา……?”
ใบหน้าของลอร่าแดงก่ำขึ้น เธอโบกมืออย่างลนลานพลงปฏิเสธวุ่นวาย
“หญิงสาวผู้นี้ก็แค่ จะว่ายังไงดีล่ะ? ไม่ได้เป็นภรรยาของ แต่เป็นข้ารับใช้คนหนึ่ง……
ไม่ๆ หรือข้าควรพูดว่าข้า เป็นคู่ของฝ่าบาท……?
ถะ-ถ้าอย่างนั้น ข้าก็ไม่ใช่ภรรยาของเขา! ข้าไม่ได้ใกล้กับการเป็นราชินีเลย!”
“เอ๋? พวกเราก็เข้าใจมาตลอดว่า ท่านหญิงน่ะเป็นภรรยาของนายน้อยจอมมาร”
พวกนางต่างมองมาที่ผม
ดูเหมือนพวกเธอต้องการคำอธิบายอะไรสักอย่าง
“…….”
ลอร่าดูเงอะงะกระวนกระวายทั้งที่ยังแอบมองผม หัวเธองุดต่ำลงหลังจากแอบมอง ก่อนจะหันหน้าออกตอนที่สบตากัน
โอ้?
ไม่ต้องใช้หน้าต่างสเตตัสเลยก็ยืนยันได้ ลอร่านั้นเป็นเด็กสาวอายุ 17 ปี ที่เต็มไปด้วยความเฝ้า เธอนั้นจะเป็นผู้เย้ยหยันโลกใบนี้ด้วยมุมมองแห่งความตาย แต่การเป็นภรรยาของใครสักคนก็มีความหมายมากสำหรับเธอเช่นกัน
วางเรื่องที่พวกเราเป็นคู่รักไว้ก่อน ถึงแม้จะเป็นเหมือนอย่างนั้นสำหรับพวกเขาก็เถอะ…… แค่นั้นก็พอจะทำให้ลอร่าเขินอายได้แล้ว พอเธอทำตัวสมวัยแล้วช่างน่ารักจริงๆ
“ลอร่า มองนั่นสิ”
“อะไรเหรอคะ?”
เธอหันหน้าไปตามที่บอก
ผมใช้มือขวาดึงสะโพกของเธอเข้ามาหา แล้วใช้มือซ้ายประคองท้ายทอยของเธอ สีหน้าของเธอนั้นดูงุนงนอยู่―ผมจูบเธอ
“……อื๋อ!?”
ดวงตาของลอร่าเปิดกว้างความด้วยตกใจจากที่อยู่ๆก็จูบ เธอทำเสียงเหมือนอยากจะตะโกนออกมา แต่มันเปล่าประโยชน์น่า ผมไม่ให้โอกาสเธอต่อต้านด้วยการสอดลิ้มเข้าริมฝีปาก มันคือ ดีพคิส
“โอ้ แหม โอ้แหม!”
“อ๊ายยย! อะไรขนาดนั้น!”
ผมได้ยินผู้หญิงพวกนั้นตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เสียงพวกนั้นทำให้ผมรู้สึกดี ไม่มีใครตำหนิให้รู้สึกต้องอาย ต่างก็เชียร์ด้วยความเพลิดเพลินกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
ลอร่าพยายามเหวี่ยงแขนไปมาอย่างขัดขืนต่อต้าน ดวงตาสีเขียวของเธอเจือไปด้วยการตำหนิ เห็นได้ชัดว่า เธออายที่ต้องทำมันต่อหน้าคนอื่น
โทษทีนะ แม่สาวน้อย แต่ผมกำลังทำเพราะพวกเราอยู่ต่อหน้าคนอื่นยังไงล่ะ ผมขยับลิ้นอย่างทรงพลัง
สอดเข้า
“อุบ อืมมม ผะ!?”
อย่างระมัดระวัง
“อุบ, อึกก,……อืมมม, อู,”
ดูด
“ฮ่าาา, นายท่าน, อุบบ! อืมมม……อ่า, ฮ่าห์, อ่า,อ้าาา,ฟ่าาา!”
แล้วก็สอดประสาน
“อุบ, ฮุบบบ……อืมม, อืนนน……นายท่าน, อ่าา……อืน-อุบ,ไม่นะ, อูว……!”
ลอร่าเข่าอ่อนแล้วล้มพับลงที่อกผม ใบหน้าของเธอแดงก่ำหายใจอย่างยากลำบากเพราะขาดอากาศ ผมหันกลับไปมองทั้งที่ยังประคองลอร่าด้วยแขนข้างเดียว
“…….”
“…….”
พวกผู้หญิงไม่ได้ร้องเสียงแหลมอีกต่อไปแล้ว แม้แต่หญิงชราก็ยังแก้มแดนเขินอาย พวกเธอทั้งหมดต่างหลบตาและทำท่าทางวุ่นวายใจ หนึ่งในเด็กสาวที่น่าจะยังโสดอยู่ปิดหน้าตัวเองด้วยมือทั้งสอง
ผมยิ้มและพูดขึ้น
“เป็นปกติแล้วที่ราชาจะต้องมีสนมสักสามหรือสี่คน เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นของข้า ยังมีอะไรอย่างอื่นให้พูดอีกหรือ?”
ผู้หญิงพวกนั้นส่ายหัวด้วยท่าทีที่อ่อนน้อม พวกเธอคงต้องอายเกินกว่าจะทนอยู่ต่อได้จึงหยิบอุปกรณ์ทำฟาร์มแล้วรีบจากไป
พวกนางออกไปทำงานและวิ่งไปทั้งที่ดวงตะวันยังไม่ขึ้นด้วยซ้ำ
ขณะที่ผมกำลังหัวเราะเอิ้กอ้ากจากความใสซื่อของชาวนา ลอร่าก็บ่นออกมาเบาๆ
“นะ-นายท่าน…….”
เธอจับเสื้อตรงบริเวณอก แล้วมองดูผมด้วยตาที่ชุ่มฉ่ำ ลมหายใจของเธอนั้นร้อน
แหม ที่รัก หรือผมจะแกล้งเธอมากเกินไปนะ……? ดูเหมือนผมไปกดสวิทช์นั่นเข้าให้แล้ว
“เธออยากจะทำมันแล้วรึ?”
“…….”
ลอร่าผงกหัวราวๆ 0.1 เซนติเมตร
ผมยิ้มอย่างอ่อนโยน เธอกำลังอยู่ในช่วงวัยที่กำลังเบ่งบาน ผมไม่ควรที่จะแกล้งเธอด้วยจูบจริงจังแบบนั้นเลย เป็นความผิดของผมเอง
“ถอดเสื้อผ้า”
“เอ๋?”
ดวงตาของลอร่าเบิกกว้าง
“ท่านพูดอะไรน่ะ……พวกเราควรจะกลับไปที่บ้านและ…….”
“ข้าบอกให้เจ้าถอดเสื้อผ้าที่นี่แหละ”
สีหน้าของเธอกลับซีดลง
“ตะ-แต่พวกเราอยู่ข้างนอก…….”
“ตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย”
ผมดึงตัวลอร่ามาใกล้ๆพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
“ข้าอยากเข้าไปในตัวลอร่า ที่นี่ ตอนนี้”
“……มะ-มะ- ไม่นะ!”
ลอร่าผลักอกผมออก แต่ดูเหมือนแขนเธอไม่มีแรงเหลือพอที่จะทำอะไรทั้งสิ้น
“เจ้าสัตว์ร้าย! ออร์ค! เจ้าหมาติดสัด! นะ-นี่คิดจะทำอะไรข้างนอกน่ะ……ฉันไม่เชื่อท่านหรอก!”
“ฮ่าช์ เธอเป็นคนร้องขอเองไม่ใช่รึไง เมื่อกี้นี้น่ะ แต่ก็กลับโกรธขึ้นมาเสียเฉยๆพอข้าตอบรับ? เธอนี่ช่างย้อนแย้งในตัวเองเหลือเกิน”
ผมกอดเธอไว้แน่นขึ้น
“ถ้าเธอยังทำตัวแบบนี้ต่อ ความเอื้อเฟื้อและแสนใจกว้างของข้าจะกลายเป็นโกรธขึ้นมาแล้วนะ!”
“อะ-อูว”
เธอมีน้ำใสๆในดวงตา
“นายท่านไม่ควรทำนะคะ……. ถ้าท่านร่วมรักที่นี่แล้วจะไปต่างจากสัตว์ตรงไหนกัน? ได้โปรดรักษาความภาคภูมิใจในฐานะของจอมมารด้วยเถอะค่ะ!”
“จะมนุษย์หรือปีศาจ แต่เดิมพวกเราก็เป็นสัตว์ทั้งนั้นแหละ แล้วจะแปลกตรงไหนที่จะร่วมรักเยี่ยงสัตว์!”
“นั่นมันไม่ถูกต้องแล้ว―!”
ผมยังคงหนักแน่นไม่ว่าลอร่าจะรู้สึกสิ้นหวังกับสิ่งนั้นหรือไม่ ผมเปลื้องผ้าลอร่า จากนั้นก็ทำกับเธอจากด้านหลังในทุ่งข้างสาลี ลำต้นข้าวสาลีนั้นปกคลุมผืนดินอยู่ดังนั้นเข่าผมจึงไม่เจ็บ
ผมอาจจะตื่นเต้นมากที่ได้ทำกันข้างนอกเป็นครั้งแรกจึงจบลงด้วยทำจนกระทั่งตะวันตกดิน ผมบอกได้เลยว่า แสงอาทิตย์ที่สะท้อนฉษยไปบนผิวเปลือยของลอร่านั้นช่างงดงาม
ลอร่าเป็นคนที่อยากขึ้นมาในครั้งนี้ ดูเหมือนจะต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์กว่าจะทุเลาลงได้ คงมีบางคนมาเห็นพวกเราแหละ แต่ใครสนล่ะ? ยิ่งมีคนเห็นยิ่งไม่รู้สึกดียิ่งกว่าหรือ นั่นคือสิ่งที่ผมคิด แต่ไม่ได้พูดออกมา
* * *
ลาพิสมาหาผมตอนที่ทั้งหมู่บ้านเก็บเกี่ยวกันเสร็จแล้ว
ผมหวังให้เธอมาช่วยเวลาประมาณนี้ จึงคอยต้อนรับเธออย่างดี แต่ที่ประหลาดใจคือ เธอไม่ได้มามือเปล่า
“……นี่มันอะไรน่ะ?”
“นั่นเป็นของท่านค่ะ”
มันเป็นเหมือนดั่งภูเขาสมบัติต่อหน้าผม
ทั้งกล่องอัญมณี หีบที่เต็มไปด้วยเหรียญทอง ทั้งอุปกรณ์เครื่องประดับและอาวุธที่ดูราคาแพง
โอ้ พระเจ้า นี่มันอะไรกันน่ะ?
“รวมทั้งหมด 103,504 โกลด์ค่ะ”
“…….”
ลาพิสส่งกระดาษให้ผมทั้งที่ผมยังอ้าปากค้างอยู่ รายชื่อของคนที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนได้เขียนไว้
“นะ-นะ-นี่มันอะไรกันน่ะ?”
“นี่คือ รายชื่อตัวตนที่มีอิทธิพลในโลกปีศาจที่ท่านต้องไปพบปะค่ะ”
น้ำเสียงของลาพิสไม่ต่างจากคำทักทายว่า วันนี้อากาศดี
“ดิฉันทราบดีว่า ท่านใช้เวลาช่วงนี้แบบผ่อนคลายสบายเบา ดิฉันจึงรับรู้ได้ว่าท่านอาจจะเบื่อเบื่อหน่าย ดังนั้นดิฉันจึงได้มีงานให้ท่านทำ”
แม่นี่
“ข้าอยากจะพักอีกสักหน่อย!”
“โชคไม่ดีเลยนะคะ”
น้ำเสียงของเธอ มันไม่ได้บ่งบอกว่า โชคไม่ดี อย่างที่พูดเลย
“ดิฉันได้รับเงิน 100,000 โกลด์นี้ ด้วยอ้างว่าจะอนุญาตให้พบกับท่าน ท่านดันทาเลี่ยนคะ ถ้าท่านไม่ปรารถนาที่จะพบพวกเขา ถ้าอย่างนั้นก็ต้องคืนของพวกนี้ไป…….เราควรจะคืนพวกเขาให้หมดเลยนะคะ?”
ลาพิสถามออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
นี่มันเด็กสาวมากพิษตัวจริงเสียงจริง ผมไม่เคยเจอคู่แข่งที่ไร้เทียมทานเท่าเธอมาก่อนเลย
ส่งท้ายจากคนเขียน
ลาพิส : น้องสาว นี่คือวิธีที่ใช้ควบคุมผู้ชายที่ไม่ยอมทำงาน
ลอร่า: (ดวงตาเปล่งประกาย) พี่สาว…….
ดันทาเลี่ยน: …….
Comments