Dungeon Defense (WN) 138 ฤดูใบไม้ร่วงที่อุดมสมบูรณ์(6)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 138 ฤดูใบไม้ร่วงที่อุดมสมบูรณ์(6) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ผมสามารถทำเงินได้  100,000 โกลด์อีกครั้ง แม้ไม่อาจจะเทียบได้กับ เงิน  1,000,000  โกลด์ที่ สิตรินั้นสัญญาจะให้ผมยืม

แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำงานก่อสร้างในดันเจี้ยนของผมแล้ว ผมวางแผนที่จะเดินหน้าตารางงาน

 

สิ่งนี้ก็เป็นเหมือนเงินทุนตั้งต้นในการทำธุรกิจ……. มันไม่มีทางที่ผมจะยอมคืนให้ เมื่อมาถึงมือผมแล้ว มันก็ต้องเป็นของผมสิ!

 

 

‘แต่ผมไม่อยากทำงานเลยอ่าาาา……!’

 

ผมอยากมีเซ็กส์ ผมอยากมีเซ็กกกกกกส์

ผมอยากไปเที่ยวเล่น ผมอยากไปเที่ยวเล่นนนนนน

ผมทำฟาร์มเมื่ออยากจะทำ และถ้าหมดอารมณ์ก็แค่เลิกไปอยู่กับมอนสเตอร์ ชีวิตที่เป็นเหมือนกับอยู่ในสวรรค์ 100,000  โกลด์ก็ยอดเยี่ยมอยู่หรอก แต่ถ้าจะให้ผมต้องออกจากสวรรค์แห่งนี้ นี่สองเท้าของผมมันต้องประท้วงแน่

 

ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

 

“แล้วถ้าเราเอาเงินไปโดยแกล้งทำเป็นไม่รู้ล่ะ?”

 

ดวงตาของลาพิสกลับเย็นชา มันเหมือนเธอกำลังมองขยะที่เผาไม่ได้อยู่ อึก

 

 

มันเป็นไปไม่ได้อย่างนั้นสินะ หาา? 

จะไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใด พวกผู้ทรงอิทธิพลในสังคมปีศาจนั้นไม่ใช่พวกโง่เง่า พวกเขาคงทำอะไรสักอย่างเพื่อคุกคามผมแทน บ้าเอ๊ย

 

 

“ทำไมเธอถึงทำโดยพลการโดยไม่รอการยืนยันกับผมแต่แรก?”

 

“หากดิฉันไม่ทำอย่างนั้น ท่านก็คงจะนอนขี้เกียจต่อไปจนทุกอย่างจบค่ะ ท่านดันทาเลี่ยนคะ ท่านอาจได้เป็นผู้นำทางฝ่ายที่ราบ แต่การสร้างสายสัมพันธ์กับโลกปีศาจก็ไม่อาจเลี่ยงได้”

 

ลาพิสโค้งให้

 

“ท่านดันทาเลี่ยนคะ ท่านอาจตำหนิดิฉันอย่างไรก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นขอให้ท่านฟังเหตุผลของดิฉันด้วย ท่านพูดเช่นนี้เองในช่วง <ปฏิบัติการณ์มิเนอร์ว่า>

……มันย่อมเป็นผลดีต่อท่านหากศัตรูเลือกที่จะอยู่นิ่งเฉย ท่านจะได้จู่โจมในขณะที่อีกฝ่ายตัดสินใจตั้งรับ”

 

ปฏิบัติการณ์มิเนอร์ว่า มันเป็นแผนที่พวกเราใช้เพื่อล่อให้บาร์บาทอสและเริ่มก่อสงครามพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ผมเรียกชื่อแบบนั้นขณะที่วางแผนการกับลาพิส

มันมีความหมายว่า บินข้ามไปในขณะที่ทุกคนยังหลับไหลอยู่

 

 

“ทุกสิ่งนั้นเป็นไปตามที่ท่านดันทาเลี่ยนปรารถนาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ช่วงนี้ท่านทำอะไรอยู่คะ? นอกจากข้ออ้างว่าพัก ท่านกำลังใช้เวลาในแต่ละวันไปกับเรื่องหื่นกาม ท่านกำลังฆ่าเวลาเพียงเพราะท่านมีเงินมากเพียงพอ”

 

ลาพิสชี้มาที่ผมตรงๆ

 

 

“บุคคลที่เอาแต่นิ่งเฉยตอนนี้ คือ ท่านนั่นแหละค่ะ 

ท่านดันทาเลี่ยน ทุกชาติในทวีปตอนนี้กำลังต่อสู้อย่างสุดกำลัง กองทัพจอมมารและกองทัพมนุษย์กำลังสู้กันในศึกถึงเป็นถึงตาย”

 

ผมกลับรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในอก

 

ลาพิสยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆต่อ

 

“ผู้วางแผนหลักทั้งหมดกลับนั่งอยู่เฉยในดินแดนของตนเองแล้วใช้เวลาอันแสนสงบสุข สำหรับดิฉันแล้ว นั่นไม่ใช่ความสงบสุขค่ะ แต่เป็นการเฝ้ารอก่อนพายุใหญ่จะมา

ท่านดันทาเลี่ยนคะ ท่านต้องตระหนักถึงสิ่งนี้นะคะ แต่มนุษย์นั้นจะคุกคามท่านในทันทีที่สงครามจบลง แล้วท่านตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่?”

 

“…….”

 

ผมไม่มีอะไรจะพูด

 

ผมเตรียมพิมพ์เขียวสำหรับอนาคตไว้แล้ว ผมใช้เวลาไปเรื่อยๆเปื่อยๆในแต่ละวัน ผ่านไปหลายเดือนเพราะมีเงินไม่พอ

 

ผมได้เตรียมตัวไว้สำหรับอนาคตจริงหรือเปล่า? ผมเก็บเกี่ยวความชอบและความเชื่อใจ เพื่อรักษาฐานตำแหน่งของตนในฐานะลอร์ด นั่นใช่สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมทำได้แล้วอย่างนั้นหรือ?

 

 

ไม่ใช่

 

ผมรู้เรื่องนั้นดียิ่งกว่าใครทั้งหมด

 

 

“เลิกเล่นเป็นเด็กได้แล้วค่ะ อิทธิพลของตัวท่านนั้นน้อยเสียจนเกือบไม่มี 

ท่านดันทาเลี่ยนคะ มันน้อยและอ่อนแอมากเสียจนท่านจะไม่เหลืออะไรเลย หากไม่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากฝ่าบาทบาร์บาทอส 

ท่านดันทาเลี่ยนคะ ท่านเป็นผู้พูดเองมิใช่หรือว่า ท่านต้องเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตตัวเอง”

 

คำพูดนั้นเป็นสิ่งที่ผมพูดกับลาพิสเมื่อปีที่ผ่านมา ผมจำได้ชัดตอนที่พูดนั้นผมพยายามจะโน้มน้าวให้ลาพิสมาอยู่ฝ่ายผม แต่เธอปฏิเสธเพราะเชื่อว่า ซัคคิวบัสที่ต่ำต้อยเช่นนั้นไม่มีประโยชน์

 

 

– ข้าเป็นผู้กำหนดเองว่า ข้าจะใช้ชีวิตอย่างไร ไม่ใช่เจ้า ลาพิส ลาซูลิ!

 

แล้วตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่ ถึงได้กล้าตะโกนคำพูดนั้นออกไปอย่างเชื่อมั่น? ตอนนี้ผมดูเป็นอย่างไรในสายตาลาพิส?

 

 

 

“ไม่มีอะไรสายเกินไปค่ะ ท่านดันทาเลี่ยน โปรดลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองค่ะ”

 

“…….”

 

ผมเงียบทันที

 

เธอพูดถูกนับเป็นร้อยๆครั้ง นี่ก็เกือบปีแล้วนับตั้งแต่ที่ผมโดนปาร์ตี้ของริฟจับไว้และเกือบจะตาย ตอนนั้นเอง ผมตัวสั่นด้วยความกลัวจึงหาวิธีที่จะรอด

แต่ถึงอย่างนั้น ความคิดนั้นก็จางลงหลังจากนั้นเพียงแค่ปีเดียว ที่ผมมั่นใจมากเกินไปเพราะแผนของผมมันได้ผลอย่างนั้นหรือ? ที่ผมคลายความระวังเพราะผมคิดไว้แล้วว่า มันน่าจะโอเคถ้าได้พักสักหน่อยหรือ ?

 

เฮงซวยอะไรเช่นนี้

 

“เธอพูดถูกต้อง ลาพิส”

 

ตอนนี้ยังไม่สายไป

 

 

“ยังคงมีผู้ที่ยังเหยียดหยามพวกเราด้วยอำนาจที่พวกเขามี……ใครจะไปคิดกันว่า ข้าจะลืมเรื่องพวกนั้นได้ หรือเจ้าคิดว่าในสมองข้านั้นมีแต่เนื้องอกหรืออย่างไร?”

 

ลาพิสยกมือขวาทาบอกและโค้งให้

 

“ดิฉันล้ำเส้นและได้ทำการประณามท่านค่ะ ได้โปรดลงโทษดิฉันด้วย”

 

 

“ข้าคงไม่มายืนจุดนี้ และอนาคตเช่นนี้คงไม่มีด้วยเช่นกัน หากไม่ได้เจ้า”

 

ผมให้อภัยลาพิสพร้อมกับขอบคุณเธอไปพร้อมๆกัน ด้วยคำพูดประโยคนั้น 

ลาพิสโค้งต่ำลง พวกเราไม่จำเป็นต้องพูดจาใดๆต่อกันอีก 

 

ไม่ใช่แค่ความเงียบแต่อากาศรอบข้างกลับรุ่มร้อนขึ้น บางอย่างเริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

ไม่สิ บางอย่างกำลังจะเริ่มขึ้นต่างหาก เช่นเดียวกับตอนที่ผมได้ตัดสินใจใช้กาฬโรคเพื่อผลักดันให้ทั้งทวีปกลายเป็นนรก มันคือ การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศเช่นเดียวที่ยังคงตกค้างอยู่กับพวกเรา

 

ถูกแล้วล่ะ ผมเป็นคนที่เริ่มต้นสถานการณ์พวกนั้นเอง ก่อนที่จะรู้ตัวผมก็ไถลออกนอกเส้นทางและลาพิสเป็นคนดึงให้ผมกลับมา…….ดูเหมือนจำนวนครั้งที่ผมต้องขอบอกขอบใจเธอจะยิ่งเพิ่มขึ้น

 

ถ้อยคำแสดงความซาบซึ้งใจมิใช่สิ่งที่ลาพิสต้องการ ผมรู้เรื่องนั้นดี นั่นคือ สาเหตุที่ว่าทำไมผมถึงได้แสดงความขอบคุณผ่านการกระทำนับแต่นั้น

 

 

“เหล่าผู้นำแห่งโลกปีศาจอย่างนั้นหรือ? พวกเขามอบเงิน 100,000  โกลด์ให้ข้า เพราะอยากที่จะพบข้า พวกเขาย่อมต้องผิดหวังหากข้าไม่อาจทำได้ตามความคาดหวังของพวกเขา”

 

ผมถูคางตัวเอง

 

“ลาพิส บอกข้ามาว่า ใครให้เงินมากที่สุด ให้พบข้าไปตามลำดับจากมากสุดหาน้อยสุด”

 

“ดิฉันทราบว่า ท่านจะต้องพูดเช่นนี้”

 

ลาพิสยิ้มออกมาเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นจางหายไปแทบจะในทันทีหากไม่สังเกตให้ดี ลาพิสสอดมือเข้ากระเป๋าจากนั้นดึงม้วนกระดาษออกมา

 

 

“นี่คือ รายชื่อของผู้ที่หาโอกาสมาพบท่านค่ะ อาร์คดยุคทั้ง 26 ท่านที่อาศัยอยู่ในโลกปีศาจ ท่านต้องไปพบ 20 ท่านในรายชื่อนี้ก่อนค่ะ”

 

“ยอดเยี่ยม”

 

ผมกล่าวชมความสามารถของเธอ

 

มี 26 ขุมนรกในโลกปีศาจ คำว่า ‘นรก’ นั้นเป็นอีกคำหนึ่งที่หมายถึงดินแดน ดังนั้นในโลกปีศาจจึงมี 26 ดินแดน

 

รายชื่อมากมายของขุมนรกไล่เรียงอยู่ในกระดาษที่ลาพิสส่งให้ผม เธอได้เขียนรายชื่อของดินแดนรวมถึงผู้ปกครองที่มอบเงินให้ผม

*กาละสุตรา (Kalasutra)

**โรรุวนา (Raurava)

***มหาโรรุวนา (Maharaurava)

****ฐาปนา (Tapana)

*****อวิชิ (Avici)

 

 

รายชื่อทั้ง 20 นั้นต่างเป็นผู้ปกครองที่อยู่ในตำแหน่ง อาร์คดยุค และชื่อของพวกเขาก็ตั้งตามดินแดนที่ตนปกครอง

ตัวอย่างก็เช่น อาร์คดยุคที่ปกครองนรกฐาปนา ก็จะถูกเรียกว่า อาร์คดยุคฐาปนา

 

จอมมาร 72 ตน อยู่ในโลกมนุษย์และ 26 อาร์คดยุคก็ปกครองอยู่ในโลกปีศาจ พวกเขานั้นคือตัวตนที่สูงสุด ที่ยิ่งใหญ่และเป็นดั่งรากฐานการปกครองของแห่งเผ่าปีศาจ

 

มีหลายวิธีมากที่จะทำให้กลายเป็นจอมมาร คุณอาจจะเกิดมาพร้อมฐานะจอมมารหรือใช้ชีวิตเป็นปีศาจไปจนอยู่มาวันหนึ่งกลายเป็นจอมมารก็ได้

พูดง่ายๆคือ มันไม่ได้มีกฏแน่นอนนักหรอก แต่อีกด้านหนึ่ง มีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะได้เป็นอาร์คดยุค

 

เอาชีวิตรอดให้นานที่สุด

 

ซึ่งนั่นต้องใช้พละกำลังอย่างไม่น่าเชื่อเพื่อที่จะเป็นอาร์คดยุค ชาติกำเนิดไม่สำคัญ ฐานะไม่สำคัญ คุณจะเป็นอาร์คดยุคได้ก็หลังจากที่ปีนขึ้นมาจากเหวลึกที่รู้จักกันในชื่อว่า การแข่งขันไร้ที่สิ้นสุด

 

การทรยศ,แผนร้าย และพันธมิตรที่เป็นสิ่งทั่วไปที่จะพบในเหวลึก

 

พวกนั้นย่อมต้องเป็นตัวตนที่เน่าเฟะเหมือนจอมมารลำดับ 72 อันโดรมาลิอุสในหมู่จอมมารด้วยกัน……แต่พวกอาร์คดยุคนั้นต่างออกไป พวกเขาแต่ละคนมีความสามารถเฉพาะตัว พวกเขาจึงเป็นผู้อยู่กว่าทุกคนและรู้กันโดยธรรมชาติแล้วว่า พวกเขาสามารถแทงข้างหลังได้ทั้งที่ยังยืนโค้งคำนับ

 

และพวกเขาก็คงจะตัดสินใจทำทันทีที่โค้งให้ผม

 

ทำไมล่ะ? มันไม่ใช่เพราะผมทรงพลังหรอก พวกเขานั้นเชื่อว่า ผมจะผงาดขึ้นเป็นสมาชิกหลักท่ามกลางจอมมารอย่างบาร์บาทอส มาร์บาส สิตริและคนอื่นๆ

 

ตัวตนอย่างจอมมารพวกนั้นไม่ต้องมีสายสัมพันธ์อาร์คดยุคเลยด้วยซ้ำ แต่พวกเขากลับเร่งเข้าหาเพื่อสร้างสัมพันธ์กับดันทาเลี่ยน

 

เพราะถ้าพวกเขาเอาชนะใจผมได้ พวกเขาก็มีอิทธิพลต่อทั้งฝ่ายที่ราบ ฝ่ายภูเขาและฝ่ายเป็นกลาง……. พอพวกเขาคิดได้อย่างนี้แล้ว ก็ย่อมต้องเร่งมือเป็นธรรมดา

 

ลาพิสสังเกตเห็นจุดนี้

 

เธอจึงลากให้พวกเหล่าอาร์คดยุคกระวนกระวายให้มากที่สุด พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากโดนจูงไปจูงมาทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว

 

พวกเขาไม่อาจล้าหลังต่ออาร์คดยุคคนอื่น และยิ่งผู้ปกครองที่เป็นคู่แข่งยิ่งมาก ก็ยิ่งมีคนจับตาเฝ้าสังเกตต่อความผิดพลาดของคุณ พวกเขาก็พร้อมใช้จุดอ่อนนั่นจัดการคุณ เหยียบให้คุณจมดิน

 

สมแล้วที่เป็นลาพิส เธอนั้นมีทักษะชั้นหนึ่งในการหาเงินมาให้ผมอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้ไม่นับเรื่องทักษะนั้นเสีย ความจริงที่เธอกล้าบงการตัวตนที่ยิ่งใหญ่แห่งโลกปีศาจนั้นทั้งที่ชาติกำเนิดของเธอต่ำต้อยก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เธอกล้าแค่ไหน

 

‘แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังคงคิดถึงผมด้วย’

 

ลาพิสไม่ใช่พวกบ้างานงกๆโง่ๆ เธอเชื่อว่า เมื่อถึงเวลาก็ควรจะพัก เมื่อตอนที่ผมมีอาการป่วยจอมมารอย่างหนัก เธอก็เป็นคนที่แนะนำให้ผมไปพักร้อนผ่อนคลายที่เนฟเฮม

 

เธอไม่ได้บ่นแม้สักครั้งในช่วงที่เธอตามผมไปพักด้วย

 

ระหว่างนั้นเอง ลาพิสก็เป็นตัวแทนของผม เธอให้ผมพักสักหน่อยเพื่อให้ตัวเองได้เตรียมงานเพื่ออนาคตไว้ เธอต้องมาถึงวันนี้เพราะเธอคิดมาแล้วว่า ผมพักผ่อนพอแล้ว

 

นี่ยังไม่นับว่า เธอเป็นผู้หญิงที่สุดยอดอีกหรืออย่างไร?

 

ผมค่อยๆอ่านในกระดาษ และหันไปมองลาพิส ดวงตาฟ้าครามของเธอมองมาที่ผม

 

“มีคำถามอะไรอื่นหรือคะ?”

 

เธอไม่ได้ตัดสินสิ่งที่ผิดว่าผิด เธอมองในแง่ความเป็นจริงอย่างมาก เธอให้เวลาผมในการฟื้นฟูร่างกายและระหว่างนั้นก็คำนวนไปด้วยว่า ต้องโน้มน้าวผมอย่างไร เพราะสามารถมองเห็นได้ตามความเป็นจริงอย่างนั้นเธอจึงได้ขยับตำแหน่งขึ้นมาจากปีศาจระดับต่ำได้

 

 

“ไม่มีอะไร มันก็แค่”

 

ผมหัวเราะเบาๆ

 

“ข้ารู้สึกว่า มันช่างยอดเยี่ยมนักที่มี เธออยู่ข้างกายข้า”

 

“…….”

 

ลาพิสหยุดนิ่งไปด้วยความประหลาดใจเมื่อฟังคำชม

แต่มันก็แค่ชั่วขณะ เธอได้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

 

 

“ไม่ใช่แค่เอกสารที่ท่านต้องอ่านค่ะ ดิฉันยังคงค้นคว้าแนวโน้มทิศทางของอาร์คดยุคแต่ละคน รวมถึงความสัมพันธ์ที่พวกเขามีด้วย 

 

มีทั้งอาร์คดยุคที่สนิทกับฝ่ายที่ราบและอาร์คดยุคที่ร่วมมือกันกับฝ่ายภูเขา มันจะเป็นปัญหาได้หากท่านไม่ชัดเจนในเจตนาทางการเมืองและจุดยืนของพวกเขาให้ดี”

 

 

“แหม หนักขนาดนี้ข้าจะตายเอาได้นะเนี่ย”

 

ผมแกล้งทำเป็นครวญครางอย่างกลัดกลุ้ม แน่นอนล่ะ ลึกๆผมแอบยินดีกับเธอ เห็นชัดเลยว่านั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องทำด้วยตัวเอง

 

ผมใช้วันทั้งวันในการอ่านเอกสารเหล่านั้น รายงานของลาพิสนั้นมีแต่ประเด็นสำคัญๆทั้งนั้น

 

สิ่งที่เขียนไม่ได้เอาไว้โอ่อวดว่า เธอหาข้อมูลมามากมายแค่ไหน

ทั้งหมดเป็นข้อมูลที่มีแต่เรื่องสำคัญเท่านั้น

 

 

“ออกจะแปลกไปหน่อย ถึงจะบอกว่า ฝ่ายภูเขานั้นมีอำนาจมาก แต่การที่มีอาร์คดยุคมากมายเป็นพันธมิตรกับฝ่ายภูเขานี่ มีคำอธิบายไหม?”

 

“ใช่ค่ะ อาร์คดยุคส่วนมากต่างก็สงสัยแนวคิด เรื่องการพิชิตโลกมนุษย์อยู่เช่นกันค่ะ…….”

 

ยิ่งไปกว่านั้นเธอสามารถตอบได้ในทันทีที่ผมถาม เป็นเรื่องยากที่จะมีใครมีความสามารถระดับนั้น

ซึ่งนั่นทำให้ผมเข้าใจโครงสร้างทื่แข็งแรงในโลกจอมมารได้ภายในคืนเดียว

 

ลอร่าทิ้งตัวลงและนอนฟังบทสนทนาของพวกเราเล็กน้อย แต่ไม่นานเธอก็เบื่อแล้วหลับอยู่บนเตียง ลาพิสกับผมนั้นจุดเทียนแล้วยังคงพูดคุยกันตลอดทั้งคืน

 

“เอาล่ะ”

 

เกือบรุ่งสางแล้ว

 

 

“เพียงพอต่อการดำเนินการแผนของเราโดยไม่มีปัญหาใดๆ”

 

 

“ดิฉันก็คิดเช่นนั้นค่ะ”

 

อ่า ลาพิสแอบยิ้มอีกแล้ว ผมอยากจะทำให้ดีที่สุดเพื่อจะปกป้องรอยยิ้มนั้นไว้ นั่นเป็นความคิดที่แวบเข้ามาในหัว

 

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปพบเหล่าอาร์คดยุคจากนรกกันเถอะ”

 

ด้วยหนทางและความหมายที่คู่ควรกับ ‘ดันทาเลี่ยน’

 

 

 

—-

 

ชื่อ นรกดังกล่าวอ้างอิงมาเป็นภาษาอังกฤษ(แปลจากสันสฤติทำให้ไม่ตรงกับชื่อนรกที่คุ้นเคยกันที่แปลเป็นไทยแต่เดิม

ดังนั้นจึงมีเชิงอรรถตรงนี้เพื่อความเข้าใจตรงกัน ส่วนในเนื้อเรื่องจะใช้ชื่อแรกสุดนะ

 

-สัญชีวะ (Sanjiva) : นรกขุมที่ 1 สัญชีพนรก

*กาละสุตรา (Kalasutra) : นรกขุมที่ 2 กาฬปุตตะ 

-สัมกาตะ (Samghata) : นรกขุมที่ 3 สังฆาฏนรก

**โรรุวนา (Raurava) : นรกขุมที่ 4 โรรุวนรก

***มหาโรรุวนา (Maharaurava) : นรกขุมที่ 5 มหาโรรุวนรก

****ฐาปนา (Tapana) : นรกขุมที่ 6 ตาปะมหานรก

-ประฐาปนา(Pratapana) : นรกขุมที่ 7 มหาตาปะนรก

*****อวิชิ (Avici) : นรกขุมที่ 8 อเวจีมหานรก

 

ส่วนKakola hell ผู้แปลคาดว่า น่าจะเป็น สิมพลีนรก อยู่ในยมโลกีย์นรกขุมที่ 2 เนื่องจากมีลักษณะที่บอกว่า จะมีนกแร้ง นกกามารุมทึ้งจิกเนื้อเป็นหลัก (โดยสิมพลีนรกอยู่ในยมโลกีย์นรกซึ่งเป็นนรกขุมย่อย ส่วน นรก 8 ขุมข้างต้นนั้นเป็นนรกขุมใหญ่ นอกจากนี้ยังมีนรกบริวาร(อุสสุทนรก)อีก 4 ขุม) 

 

:อ้างอิงจากหนังสือไตรภูมิ โดยพระมหาวีระ ถาวโร วัดจันทาราม(ท่าซุง)อุทัยธานี

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 138 ฤดูใบไม้ร่วงที่อุดมสมบูรณ์(6)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 138 ฤดูใบไม้ร่วงที่อุดมสมบูรณ์(6) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ผมสามารถทำเงินได้  100,000 โกลด์อีกครั้ง แม้ไม่อาจจะเทียบได้กับ เงิน  1,000,000  โกลด์ที่ สิตรินั้นสัญญาจะให้ผมยืม

แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำงานก่อสร้างในดันเจี้ยนของผมแล้ว ผมวางแผนที่จะเดินหน้าตารางงาน

 

สิ่งนี้ก็เป็นเหมือนเงินทุนตั้งต้นในการทำธุรกิจ……. มันไม่มีทางที่ผมจะยอมคืนให้ เมื่อมาถึงมือผมแล้ว มันก็ต้องเป็นของผมสิ!

 

 

‘แต่ผมไม่อยากทำงานเลยอ่าาาา……!’

 

ผมอยากมีเซ็กส์ ผมอยากมีเซ็กกกกกกส์

ผมอยากไปเที่ยวเล่น ผมอยากไปเที่ยวเล่นนนนนน

ผมทำฟาร์มเมื่ออยากจะทำ และถ้าหมดอารมณ์ก็แค่เลิกไปอยู่กับมอนสเตอร์ ชีวิตที่เป็นเหมือนกับอยู่ในสวรรค์ 100,000  โกลด์ก็ยอดเยี่ยมอยู่หรอก แต่ถ้าจะให้ผมต้องออกจากสวรรค์แห่งนี้ นี่สองเท้าของผมมันต้องประท้วงแน่

 

ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

 

“แล้วถ้าเราเอาเงินไปโดยแกล้งทำเป็นไม่รู้ล่ะ?”

 

ดวงตาของลาพิสกลับเย็นชา มันเหมือนเธอกำลังมองขยะที่เผาไม่ได้อยู่ อึก

 

 

มันเป็นไปไม่ได้อย่างนั้นสินะ หาา? 

จะไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใด พวกผู้ทรงอิทธิพลในสังคมปีศาจนั้นไม่ใช่พวกโง่เง่า พวกเขาคงทำอะไรสักอย่างเพื่อคุกคามผมแทน บ้าเอ๊ย

 

 

“ทำไมเธอถึงทำโดยพลการโดยไม่รอการยืนยันกับผมแต่แรก?”

 

“หากดิฉันไม่ทำอย่างนั้น ท่านก็คงจะนอนขี้เกียจต่อไปจนทุกอย่างจบค่ะ ท่านดันทาเลี่ยนคะ ท่านอาจได้เป็นผู้นำทางฝ่ายที่ราบ แต่การสร้างสายสัมพันธ์กับโลกปีศาจก็ไม่อาจเลี่ยงได้”

 

ลาพิสโค้งให้

 

“ท่านดันทาเลี่ยนคะ ท่านอาจตำหนิดิฉันอย่างไรก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นขอให้ท่านฟังเหตุผลของดิฉันด้วย ท่านพูดเช่นนี้เองในช่วง <ปฏิบัติการณ์มิเนอร์ว่า>

……มันย่อมเป็นผลดีต่อท่านหากศัตรูเลือกที่จะอยู่นิ่งเฉย ท่านจะได้จู่โจมในขณะที่อีกฝ่ายตัดสินใจตั้งรับ”

 

ปฏิบัติการณ์มิเนอร์ว่า มันเป็นแผนที่พวกเราใช้เพื่อล่อให้บาร์บาทอสและเริ่มก่อสงครามพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ผมเรียกชื่อแบบนั้นขณะที่วางแผนการกับลาพิส

มันมีความหมายว่า บินข้ามไปในขณะที่ทุกคนยังหลับไหลอยู่

 

 

“ทุกสิ่งนั้นเป็นไปตามที่ท่านดันทาเลี่ยนปรารถนาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ช่วงนี้ท่านทำอะไรอยู่คะ? นอกจากข้ออ้างว่าพัก ท่านกำลังใช้เวลาในแต่ละวันไปกับเรื่องหื่นกาม ท่านกำลังฆ่าเวลาเพียงเพราะท่านมีเงินมากเพียงพอ”

 

ลาพิสชี้มาที่ผมตรงๆ

 

 

“บุคคลที่เอาแต่นิ่งเฉยตอนนี้ คือ ท่านนั่นแหละค่ะ 

ท่านดันทาเลี่ยน ทุกชาติในทวีปตอนนี้กำลังต่อสู้อย่างสุดกำลัง กองทัพจอมมารและกองทัพมนุษย์กำลังสู้กันในศึกถึงเป็นถึงตาย”

 

ผมกลับรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในอก

 

ลาพิสยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆต่อ

 

“ผู้วางแผนหลักทั้งหมดกลับนั่งอยู่เฉยในดินแดนของตนเองแล้วใช้เวลาอันแสนสงบสุข สำหรับดิฉันแล้ว นั่นไม่ใช่ความสงบสุขค่ะ แต่เป็นการเฝ้ารอก่อนพายุใหญ่จะมา

ท่านดันทาเลี่ยนคะ ท่านต้องตระหนักถึงสิ่งนี้นะคะ แต่มนุษย์นั้นจะคุกคามท่านในทันทีที่สงครามจบลง แล้วท่านตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่?”

 

“…….”

 

ผมไม่มีอะไรจะพูด

 

ผมเตรียมพิมพ์เขียวสำหรับอนาคตไว้แล้ว ผมใช้เวลาไปเรื่อยๆเปื่อยๆในแต่ละวัน ผ่านไปหลายเดือนเพราะมีเงินไม่พอ

 

ผมได้เตรียมตัวไว้สำหรับอนาคตจริงหรือเปล่า? ผมเก็บเกี่ยวความชอบและความเชื่อใจ เพื่อรักษาฐานตำแหน่งของตนในฐานะลอร์ด นั่นใช่สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมทำได้แล้วอย่างนั้นหรือ?

 

 

ไม่ใช่

 

ผมรู้เรื่องนั้นดียิ่งกว่าใครทั้งหมด

 

 

“เลิกเล่นเป็นเด็กได้แล้วค่ะ อิทธิพลของตัวท่านนั้นน้อยเสียจนเกือบไม่มี 

ท่านดันทาเลี่ยนคะ มันน้อยและอ่อนแอมากเสียจนท่านจะไม่เหลืออะไรเลย หากไม่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากฝ่าบาทบาร์บาทอส 

ท่านดันทาเลี่ยนคะ ท่านเป็นผู้พูดเองมิใช่หรือว่า ท่านต้องเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตตัวเอง”

 

คำพูดนั้นเป็นสิ่งที่ผมพูดกับลาพิสเมื่อปีที่ผ่านมา ผมจำได้ชัดตอนที่พูดนั้นผมพยายามจะโน้มน้าวให้ลาพิสมาอยู่ฝ่ายผม แต่เธอปฏิเสธเพราะเชื่อว่า ซัคคิวบัสที่ต่ำต้อยเช่นนั้นไม่มีประโยชน์

 

 

– ข้าเป็นผู้กำหนดเองว่า ข้าจะใช้ชีวิตอย่างไร ไม่ใช่เจ้า ลาพิส ลาซูลิ!

 

แล้วตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่ ถึงได้กล้าตะโกนคำพูดนั้นออกไปอย่างเชื่อมั่น? ตอนนี้ผมดูเป็นอย่างไรในสายตาลาพิส?

 

 

 

“ไม่มีอะไรสายเกินไปค่ะ ท่านดันทาเลี่ยน โปรดลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองค่ะ”

 

“…….”

 

ผมเงียบทันที

 

เธอพูดถูกนับเป็นร้อยๆครั้ง นี่ก็เกือบปีแล้วนับตั้งแต่ที่ผมโดนปาร์ตี้ของริฟจับไว้และเกือบจะตาย ตอนนั้นเอง ผมตัวสั่นด้วยความกลัวจึงหาวิธีที่จะรอด

แต่ถึงอย่างนั้น ความคิดนั้นก็จางลงหลังจากนั้นเพียงแค่ปีเดียว ที่ผมมั่นใจมากเกินไปเพราะแผนของผมมันได้ผลอย่างนั้นหรือ? ที่ผมคลายความระวังเพราะผมคิดไว้แล้วว่า มันน่าจะโอเคถ้าได้พักสักหน่อยหรือ ?

 

เฮงซวยอะไรเช่นนี้

 

“เธอพูดถูกต้อง ลาพิส”

 

ตอนนี้ยังไม่สายไป

 

 

“ยังคงมีผู้ที่ยังเหยียดหยามพวกเราด้วยอำนาจที่พวกเขามี……ใครจะไปคิดกันว่า ข้าจะลืมเรื่องพวกนั้นได้ หรือเจ้าคิดว่าในสมองข้านั้นมีแต่เนื้องอกหรืออย่างไร?”

 

ลาพิสยกมือขวาทาบอกและโค้งให้

 

“ดิฉันล้ำเส้นและได้ทำการประณามท่านค่ะ ได้โปรดลงโทษดิฉันด้วย”

 

 

“ข้าคงไม่มายืนจุดนี้ และอนาคตเช่นนี้คงไม่มีด้วยเช่นกัน หากไม่ได้เจ้า”

 

ผมให้อภัยลาพิสพร้อมกับขอบคุณเธอไปพร้อมๆกัน ด้วยคำพูดประโยคนั้น 

ลาพิสโค้งต่ำลง พวกเราไม่จำเป็นต้องพูดจาใดๆต่อกันอีก 

 

ไม่ใช่แค่ความเงียบแต่อากาศรอบข้างกลับรุ่มร้อนขึ้น บางอย่างเริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

ไม่สิ บางอย่างกำลังจะเริ่มขึ้นต่างหาก เช่นเดียวกับตอนที่ผมได้ตัดสินใจใช้กาฬโรคเพื่อผลักดันให้ทั้งทวีปกลายเป็นนรก มันคือ การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศเช่นเดียวที่ยังคงตกค้างอยู่กับพวกเรา

 

ถูกแล้วล่ะ ผมเป็นคนที่เริ่มต้นสถานการณ์พวกนั้นเอง ก่อนที่จะรู้ตัวผมก็ไถลออกนอกเส้นทางและลาพิสเป็นคนดึงให้ผมกลับมา…….ดูเหมือนจำนวนครั้งที่ผมต้องขอบอกขอบใจเธอจะยิ่งเพิ่มขึ้น

 

ถ้อยคำแสดงความซาบซึ้งใจมิใช่สิ่งที่ลาพิสต้องการ ผมรู้เรื่องนั้นดี นั่นคือ สาเหตุที่ว่าทำไมผมถึงได้แสดงความขอบคุณผ่านการกระทำนับแต่นั้น

 

 

“เหล่าผู้นำแห่งโลกปีศาจอย่างนั้นหรือ? พวกเขามอบเงิน 100,000  โกลด์ให้ข้า เพราะอยากที่จะพบข้า พวกเขาย่อมต้องผิดหวังหากข้าไม่อาจทำได้ตามความคาดหวังของพวกเขา”

 

ผมถูคางตัวเอง

 

“ลาพิส บอกข้ามาว่า ใครให้เงินมากที่สุด ให้พบข้าไปตามลำดับจากมากสุดหาน้อยสุด”

 

“ดิฉันทราบว่า ท่านจะต้องพูดเช่นนี้”

 

ลาพิสยิ้มออกมาเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นจางหายไปแทบจะในทันทีหากไม่สังเกตให้ดี ลาพิสสอดมือเข้ากระเป๋าจากนั้นดึงม้วนกระดาษออกมา

 

 

“นี่คือ รายชื่อของผู้ที่หาโอกาสมาพบท่านค่ะ อาร์คดยุคทั้ง 26 ท่านที่อาศัยอยู่ในโลกปีศาจ ท่านต้องไปพบ 20 ท่านในรายชื่อนี้ก่อนค่ะ”

 

“ยอดเยี่ยม”

 

ผมกล่าวชมความสามารถของเธอ

 

มี 26 ขุมนรกในโลกปีศาจ คำว่า ‘นรก’ นั้นเป็นอีกคำหนึ่งที่หมายถึงดินแดน ดังนั้นในโลกปีศาจจึงมี 26 ดินแดน

 

รายชื่อมากมายของขุมนรกไล่เรียงอยู่ในกระดาษที่ลาพิสส่งให้ผม เธอได้เขียนรายชื่อของดินแดนรวมถึงผู้ปกครองที่มอบเงินให้ผม

*กาละสุตรา (Kalasutra)

**โรรุวนา (Raurava)

***มหาโรรุวนา (Maharaurava)

****ฐาปนา (Tapana)

*****อวิชิ (Avici)

 

 

รายชื่อทั้ง 20 นั้นต่างเป็นผู้ปกครองที่อยู่ในตำแหน่ง อาร์คดยุค และชื่อของพวกเขาก็ตั้งตามดินแดนที่ตนปกครอง

ตัวอย่างก็เช่น อาร์คดยุคที่ปกครองนรกฐาปนา ก็จะถูกเรียกว่า อาร์คดยุคฐาปนา

 

จอมมาร 72 ตน อยู่ในโลกมนุษย์และ 26 อาร์คดยุคก็ปกครองอยู่ในโลกปีศาจ พวกเขานั้นคือตัวตนที่สูงสุด ที่ยิ่งใหญ่และเป็นดั่งรากฐานการปกครองของแห่งเผ่าปีศาจ

 

มีหลายวิธีมากที่จะทำให้กลายเป็นจอมมาร คุณอาจจะเกิดมาพร้อมฐานะจอมมารหรือใช้ชีวิตเป็นปีศาจไปจนอยู่มาวันหนึ่งกลายเป็นจอมมารก็ได้

พูดง่ายๆคือ มันไม่ได้มีกฏแน่นอนนักหรอก แต่อีกด้านหนึ่ง มีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะได้เป็นอาร์คดยุค

 

เอาชีวิตรอดให้นานที่สุด

 

ซึ่งนั่นต้องใช้พละกำลังอย่างไม่น่าเชื่อเพื่อที่จะเป็นอาร์คดยุค ชาติกำเนิดไม่สำคัญ ฐานะไม่สำคัญ คุณจะเป็นอาร์คดยุคได้ก็หลังจากที่ปีนขึ้นมาจากเหวลึกที่รู้จักกันในชื่อว่า การแข่งขันไร้ที่สิ้นสุด

 

การทรยศ,แผนร้าย และพันธมิตรที่เป็นสิ่งทั่วไปที่จะพบในเหวลึก

 

พวกนั้นย่อมต้องเป็นตัวตนที่เน่าเฟะเหมือนจอมมารลำดับ 72 อันโดรมาลิอุสในหมู่จอมมารด้วยกัน……แต่พวกอาร์คดยุคนั้นต่างออกไป พวกเขาแต่ละคนมีความสามารถเฉพาะตัว พวกเขาจึงเป็นผู้อยู่กว่าทุกคนและรู้กันโดยธรรมชาติแล้วว่า พวกเขาสามารถแทงข้างหลังได้ทั้งที่ยังยืนโค้งคำนับ

 

และพวกเขาก็คงจะตัดสินใจทำทันทีที่โค้งให้ผม

 

ทำไมล่ะ? มันไม่ใช่เพราะผมทรงพลังหรอก พวกเขานั้นเชื่อว่า ผมจะผงาดขึ้นเป็นสมาชิกหลักท่ามกลางจอมมารอย่างบาร์บาทอส มาร์บาส สิตริและคนอื่นๆ

 

ตัวตนอย่างจอมมารพวกนั้นไม่ต้องมีสายสัมพันธ์อาร์คดยุคเลยด้วยซ้ำ แต่พวกเขากลับเร่งเข้าหาเพื่อสร้างสัมพันธ์กับดันทาเลี่ยน

 

เพราะถ้าพวกเขาเอาชนะใจผมได้ พวกเขาก็มีอิทธิพลต่อทั้งฝ่ายที่ราบ ฝ่ายภูเขาและฝ่ายเป็นกลาง……. พอพวกเขาคิดได้อย่างนี้แล้ว ก็ย่อมต้องเร่งมือเป็นธรรมดา

 

ลาพิสสังเกตเห็นจุดนี้

 

เธอจึงลากให้พวกเหล่าอาร์คดยุคกระวนกระวายให้มากที่สุด พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากโดนจูงไปจูงมาทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว

 

พวกเขาไม่อาจล้าหลังต่ออาร์คดยุคคนอื่น และยิ่งผู้ปกครองที่เป็นคู่แข่งยิ่งมาก ก็ยิ่งมีคนจับตาเฝ้าสังเกตต่อความผิดพลาดของคุณ พวกเขาก็พร้อมใช้จุดอ่อนนั่นจัดการคุณ เหยียบให้คุณจมดิน

 

สมแล้วที่เป็นลาพิส เธอนั้นมีทักษะชั้นหนึ่งในการหาเงินมาให้ผมอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้ไม่นับเรื่องทักษะนั้นเสีย ความจริงที่เธอกล้าบงการตัวตนที่ยิ่งใหญ่แห่งโลกปีศาจนั้นทั้งที่ชาติกำเนิดของเธอต่ำต้อยก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เธอกล้าแค่ไหน

 

‘แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังคงคิดถึงผมด้วย’

 

ลาพิสไม่ใช่พวกบ้างานงกๆโง่ๆ เธอเชื่อว่า เมื่อถึงเวลาก็ควรจะพัก เมื่อตอนที่ผมมีอาการป่วยจอมมารอย่างหนัก เธอก็เป็นคนที่แนะนำให้ผมไปพักร้อนผ่อนคลายที่เนฟเฮม

 

เธอไม่ได้บ่นแม้สักครั้งในช่วงที่เธอตามผมไปพักด้วย

 

ระหว่างนั้นเอง ลาพิสก็เป็นตัวแทนของผม เธอให้ผมพักสักหน่อยเพื่อให้ตัวเองได้เตรียมงานเพื่ออนาคตไว้ เธอต้องมาถึงวันนี้เพราะเธอคิดมาแล้วว่า ผมพักผ่อนพอแล้ว

 

นี่ยังไม่นับว่า เธอเป็นผู้หญิงที่สุดยอดอีกหรืออย่างไร?

 

ผมค่อยๆอ่านในกระดาษ และหันไปมองลาพิส ดวงตาฟ้าครามของเธอมองมาที่ผม

 

“มีคำถามอะไรอื่นหรือคะ?”

 

เธอไม่ได้ตัดสินสิ่งที่ผิดว่าผิด เธอมองในแง่ความเป็นจริงอย่างมาก เธอให้เวลาผมในการฟื้นฟูร่างกายและระหว่างนั้นก็คำนวนไปด้วยว่า ต้องโน้มน้าวผมอย่างไร เพราะสามารถมองเห็นได้ตามความเป็นจริงอย่างนั้นเธอจึงได้ขยับตำแหน่งขึ้นมาจากปีศาจระดับต่ำได้

 

 

“ไม่มีอะไร มันก็แค่”

 

ผมหัวเราะเบาๆ

 

“ข้ารู้สึกว่า มันช่างยอดเยี่ยมนักที่มี เธออยู่ข้างกายข้า”

 

“…….”

 

ลาพิสหยุดนิ่งไปด้วยความประหลาดใจเมื่อฟังคำชม

แต่มันก็แค่ชั่วขณะ เธอได้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

 

 

“ไม่ใช่แค่เอกสารที่ท่านต้องอ่านค่ะ ดิฉันยังคงค้นคว้าแนวโน้มทิศทางของอาร์คดยุคแต่ละคน รวมถึงความสัมพันธ์ที่พวกเขามีด้วย 

 

มีทั้งอาร์คดยุคที่สนิทกับฝ่ายที่ราบและอาร์คดยุคที่ร่วมมือกันกับฝ่ายภูเขา มันจะเป็นปัญหาได้หากท่านไม่ชัดเจนในเจตนาทางการเมืองและจุดยืนของพวกเขาให้ดี”

 

 

“แหม หนักขนาดนี้ข้าจะตายเอาได้นะเนี่ย”

 

ผมแกล้งทำเป็นครวญครางอย่างกลัดกลุ้ม แน่นอนล่ะ ลึกๆผมแอบยินดีกับเธอ เห็นชัดเลยว่านั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องทำด้วยตัวเอง

 

ผมใช้วันทั้งวันในการอ่านเอกสารเหล่านั้น รายงานของลาพิสนั้นมีแต่ประเด็นสำคัญๆทั้งนั้น

 

สิ่งที่เขียนไม่ได้เอาไว้โอ่อวดว่า เธอหาข้อมูลมามากมายแค่ไหน

ทั้งหมดเป็นข้อมูลที่มีแต่เรื่องสำคัญเท่านั้น

 

 

“ออกจะแปลกไปหน่อย ถึงจะบอกว่า ฝ่ายภูเขานั้นมีอำนาจมาก แต่การที่มีอาร์คดยุคมากมายเป็นพันธมิตรกับฝ่ายภูเขานี่ มีคำอธิบายไหม?”

 

“ใช่ค่ะ อาร์คดยุคส่วนมากต่างก็สงสัยแนวคิด เรื่องการพิชิตโลกมนุษย์อยู่เช่นกันค่ะ…….”

 

ยิ่งไปกว่านั้นเธอสามารถตอบได้ในทันทีที่ผมถาม เป็นเรื่องยากที่จะมีใครมีความสามารถระดับนั้น

ซึ่งนั่นทำให้ผมเข้าใจโครงสร้างทื่แข็งแรงในโลกจอมมารได้ภายในคืนเดียว

 

ลอร่าทิ้งตัวลงและนอนฟังบทสนทนาของพวกเราเล็กน้อย แต่ไม่นานเธอก็เบื่อแล้วหลับอยู่บนเตียง ลาพิสกับผมนั้นจุดเทียนแล้วยังคงพูดคุยกันตลอดทั้งคืน

 

“เอาล่ะ”

 

เกือบรุ่งสางแล้ว

 

 

“เพียงพอต่อการดำเนินการแผนของเราโดยไม่มีปัญหาใดๆ”

 

 

“ดิฉันก็คิดเช่นนั้นค่ะ”

 

อ่า ลาพิสแอบยิ้มอีกแล้ว ผมอยากจะทำให้ดีที่สุดเพื่อจะปกป้องรอยยิ้มนั้นไว้ นั่นเป็นความคิดที่แวบเข้ามาในหัว

 

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปพบเหล่าอาร์คดยุคจากนรกกันเถอะ”

 

ด้วยหนทางและความหมายที่คู่ควรกับ ‘ดันทาเลี่ยน’

 

 

 

—-

 

ชื่อ นรกดังกล่าวอ้างอิงมาเป็นภาษาอังกฤษ(แปลจากสันสฤติทำให้ไม่ตรงกับชื่อนรกที่คุ้นเคยกันที่แปลเป็นไทยแต่เดิม

ดังนั้นจึงมีเชิงอรรถตรงนี้เพื่อความเข้าใจตรงกัน ส่วนในเนื้อเรื่องจะใช้ชื่อแรกสุดนะ

 

-สัญชีวะ (Sanjiva) : นรกขุมที่ 1 สัญชีพนรก

*กาละสุตรา (Kalasutra) : นรกขุมที่ 2 กาฬปุตตะ 

-สัมกาตะ (Samghata) : นรกขุมที่ 3 สังฆาฏนรก

**โรรุวนา (Raurava) : นรกขุมที่ 4 โรรุวนรก

***มหาโรรุวนา (Maharaurava) : นรกขุมที่ 5 มหาโรรุวนรก

****ฐาปนา (Tapana) : นรกขุมที่ 6 ตาปะมหานรก

-ประฐาปนา(Pratapana) : นรกขุมที่ 7 มหาตาปะนรก

*****อวิชิ (Avici) : นรกขุมที่ 8 อเวจีมหานรก

 

ส่วนKakola hell ผู้แปลคาดว่า น่าจะเป็น สิมพลีนรก อยู่ในยมโลกีย์นรกขุมที่ 2 เนื่องจากมีลักษณะที่บอกว่า จะมีนกแร้ง นกกามารุมทึ้งจิกเนื้อเป็นหลัก (โดยสิมพลีนรกอยู่ในยมโลกีย์นรกซึ่งเป็นนรกขุมย่อย ส่วน นรก 8 ขุมข้างต้นนั้นเป็นนรกขุมใหญ่ นอกจากนี้ยังมีนรกบริวาร(อุสสุทนรก)อีก 4 ขุม) 

 

:อ้างอิงจากหนังสือไตรภูมิ โดยพระมหาวีระ ถาวโร วัดจันทาราม(ท่าซุง)อุทัยธานี

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+