Dungeon Defense (WN) 146 คนทรยศ(2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 146 คนทรยศ(2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

* * *

 

 

ไพมอนอยู่ตรงหน้าผม

 

 

ผมมองลงไปและเห็นตัวเองกำลังสวมรองเท้าอยู่ เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผมที่จะรู้ว่าตัวเองอยู่ในความฝัน มันเกิดอะไรขึ้น? ผมพยายามเค้นสมองหาคำตอบ

 

– ราชินีซัคคิวบัส

 

 

นั่นคือ เผ่าของไพมอน เธอเป็นหนึ่งในคนที่กลายเป็นจอมมารจากเดิมที่เกิดมาจากปีศาจธรรมดา ซัคคิวบินั้นมีความสามารถที่จะควบคุมความฝันมนุษย์ได้ ไพมอนนั้นยังคงมีความสามารถนั้นหลังจากกลายเป็นจอมมาร แม้แต่ในเกม ตัวเอกก็เคยคุยกับไพมอนหลายต่อหลายครั้งในฝันของเขา

 

แต่มันยังมีอะไรที่สำคัญยิ่งกว่านั้นอีก

 

‘เธอซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มมือสังหาร’

พลังความสามารถของซัคคิวบัสนั้นไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น พวกเธอไม่อาจแทรกแซงความฝันของคนได้ไกลจากระยะนับร้อยกิโลเมตร พวกเธอต้องอยู่ใกล้ๆ

 

นั่นหมายความว่ายังไง……?  นั่นก็หมายความว่า ไพมอนได้แอบแฝงตัวเข้ามาอยู่ในกลุ่มมือสังหาร เธอคงเป็นหนึ่งในชุดผ้าคลุมสีเทานั่น

เธอปลอมเป็นมือสังหารธรรมดาในขณะที่เฝ้ามองผมอยู่ใกล้ๆ ดังนั้นเธอแทบจะได้ยินบทสนทนาที่ผมคุยกับผู้หญิงผมฟ้าอ่อนทั้งหมด

 

บ้าเอ๊ย นี่มันความผิดพลาดของผมเอง

 

 

(TTL : ไพมอนอย่างเหลียม)

 

‘เธอซ่อนอยู่ในกลุ่มมือสังหารที่แทบจะไร้อารมณ์’

 

จอมมารนั้นไม่อาจอ่านอารมณ์ของจอมมารด้วยกัน หากพวกมือสังหารพวกนั้นเป็นมอนสเตอร์ทั่วไปอย่าง ออร์ค ผมก็คงจะรู้ถึงการมีอยู่ของไพมอนได้ทันที เธอจะโผล่เด่นเป็นตัวตนที่ไร้อารมณ์ ออกมาท่ามกลางมอนสเตอร์

 

พวกมือสังหารพวกนั้นมีอารมณ์ความรู้สึกน้อยมาก จนเหมือนกับซ่อนใบไม้ในป่า เธอนี่เก่งกว่าที่ผมคิดไว้มากนะ,ไพมอน…….ผมยิ้มและโค้งให้เธอด้วยความนับถือ

 

 

“ไม่เจอกันนานเหลือเกิน ฝ่าบาท”

 

“อย่างที่ข้าคิดจริงๆ ท่านไม่ประหลาดใจ”

 

ไพมอนสะบัดผมสีแดงของตนขณะที่หัวเราะเบาๆอย่างสุภาพ

 

“ให้อภัยกับความหยาบคายของข้าด้วย ข้าอยากเห็นท่านประหลาดใจสักครั้งหนึ่ง”

 

“ข้ายิ่งกว่าประหลาดใจอีกในตอนนี้ แต่เนื่องจากวันนี้ข้าประหลาดใจหลายต่อหลายครั้งไปแล้วจึงไม่มีพลังงานเหลือให้ประหลาดใจได้อีก”

 

เธอจับปลายชุดเดรสของตัวเองเป็นการทักทายอย่างให้เกียรติ

 

“ไม่ได้เจอกันสักพักแล้ว ดันทาเลี่ยน”

 

“แน่นอนฝ่าบาท ข้าไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่า พวกเราจะมาเจอกันในลักษณะนี้”

 

ไพมอนผงกหัว เมื่อเธอทำอย่างนั้นโต๊ะก็มาปรากฏอยู่ระหว่างพวกเรา มันเป็นโต๊ะที่มีผ้าปูสีขาวและมีชุดกาน้ำชาเซรามิกอยู่บนนั้น ผมเข้าไปที่โต๊ะแล้วลากเก้าอี้ให้เธอ

ไพมอนขอบคุณผมก่อนจะนั่งลง

 

“ความฝันช่างน่าประทับใจ”

 

เมื่อผมนั่งลงแล้วก็พูดต่อ

 

“เป็นไปได้ทุกอย่างเลยหรือ? อย่างเช่น ตัวอย่างนะ การอัญเชิญมังกรออกมา”

 

“เลดี้ผู้นี้สามารถสร้างได้แต่สิ่งที่เคยเห็นและมีประสบการณ์มาก่อนเท่านั้น”

 

ไพมอนหยิบกาน้ำชาเซรามิกแล้วเทชาออกมา มันเป็นชาเขียว ฉากรอบๆเรานั้นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วขณะที่น้ำชากำลังรินไหลลงในถ้วยชา มังกรที่มีเกล็ดสีทองก็ปรากฏอยู่ข้างๆพวกเรา โดยนอนซุกหัวเหมือนกับหมาขี้เซา

 

 

“ยอดเยี่ยม!”

 

ผมร้องออกมาด้วยความทึ่ง มันไม่ใช่ว่าผมตกใจอะไร ผมแค่ยังคงคิดถึงว่า ทำไมไพมอนถึงรุกหาผมในฝัน ผมชวนเธอคุยเล่นเพื่อจะได้มีเวลาให้ตัวเองได้คิด

 

– ผู้หญิงผมสีฟ้าอ่อนนั้นถามผมว่า ผมคิดอะไร

 

 

– มีความเป็นไปได้สูงมากว่า ไพมอนจะเป็นคนสั่งให้เธอถามเอง

 

– ผมตกลงกับดักนั่น

 

ถ้าหากผมเป็นพวกนิยมสาธารณรัฐจริง ผมก็เห็นด้วยกับคำพูดผู้หญิงคนนั้น แต่ผมก็ไม่ได้ทำแบบนั้น

 

จากมุมมองของไพมอน มันเป็นอะไรที่น่าสงสัยมากว่า ผมนั้นเป็นพวกนิยมสาธารณรัฐตัวจริงหรือเป็นใครบางทีคนอยากหาประโยชน์ส่วนตัวจากอุดมการมณ์นั่น

 

“นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมซัคคิวบิถึงเป็นตัวแทนของตอนกลางคืน ลูกน้องของข้าก็เป็นซัคคิวบัสเช่นกัน แต่เธอไม่เคยแสดงอะไรแบบนี้ให้เห็นมาก่อนเลย”

 

“นั่นเป็นเพราะเลือดซัคคิวบัสของเด็กคนนั้นมันจางมาก แต่ก็ไม่ได้เป็นกฏตายตัวเสมอไปเพียงแต่พวกซัคคิวบิสายเลือดแท้เท่านั้นที่สามารถเที่ยวไปมาระหว่างโลกความฝันได้”

 

ถึงจะอย่างนั้น เธอเองก็ยังมาติดต่อกับผมอยู่ดี เธอน่าจะจากไปทันทีที่พบว่า เราไม่ได้คิดตรงกัน แต่เธอก็ยังใช้วิธีการเธอของเข้ามาอยู่ในความฝันเพื่อพูดคุยกับผมอยู่ดี

ผมไม่อยากเชื่อว่า เธอนั้นมาอยู่ที่นี่เพียงเพื่อยืนยันว่า ผมเป็นพวกของเธอหรือไม่……. อะไรคือเป้าหมายของเธอกันนะ? ผมต้องคิดให้ออกให้ได้

 

 

“ความจริงแล้ว การไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์ต่างหากที่เป็นดั่งคำอวยพร”

 

“โอ้? ทำไมอย่างนั้นล่ะ?”

 

“เพราะจะสามารถมีครอบครัวได้”

 

นี่เธอหมายความว่ายังไงกันนะ? ไพมอนป้องปากหัวเราะเบาๆเมื่อเธอเห็นผมเอียงคอสงสัย

 

“อย่างที่ท่านเห็นนั่นแหละ ซัคคิวบินั้นสามารถสร้างทุกอย่างในความฝันได้ ผู้ชายจึงหลงในสิ่งนั้น

ชายที่เป็นคู่รักกับซัคคิวบิจึงมักจบลงด้วยการหลงงมงายในความสามารถของพวกนางที่สร้างโลกที่งดงามที่สุด ฉากที่สวยที่สุด และอาหารที่อร่อยที่สุด”

 

ฉากพื้นหลังเปลี่ยนไป มังกรหายวับไป แล้วแทนที่ด้วยผู้หญิงสวยจำนวนมากมาย ฉากตอนนี้เป็นเหมือนฮาเร็ม ผู้หญิงทั้งหลายนั้นสวมผ้าบางๆผืนเดียวและยังมีร่างกายสุดทรงเสน่ห์ที่เผยออกมาเต็มที่

 

“สุดท้ายเมื่อชายคนั้นกลับสู่ความจริง ระหว่างการอยู่ในความฝันสุดเลิศล้ำกับความจริงอันแสนทุกข์ทรมาน ก็เห็นกันชัดๆอยู่แล้วว่า พวกเขาจะเลือกอะไร……. พวกเขานั้นทอดทิ้งภรรยาและลูกๆ พวกเขามีภรรยาที่สวยกว่า และลูกๆที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าในชีวิตจริง นั่นเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมซัคคิวบิส่วนมากไม่ตกหลุมรัก”

 

เพราะสุดท้ายพวกนางก็จะโดนหักหลังนั่นเอง

 

ไพมอนวางถ้วยชาไว้ที่ฝั่งผม ผมบรรจงหยิบถ้วยชาอย่างระวัง กลิ่นชาเขียวนั้นยอดเยี่ยมมาก มันไม่ได้เยี่ยมที่มันอุ่นและขมกำลังดี หากแต่ยังช่วยล้างตุ่มรับรสในปากได้ด้วย

 

 

“เลดี้ผู้นี้ได้ครุ่นคิดมานานแสนนาน ทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุดและอาหารที่อร่อยที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น―จะเป็นไปได้หรือไม่กับการฝันถึงสังคมที่สมบูรณ์แบบที่สุด?”

 

“สังคมที่สมบูรณ์แบบที่สุดอย่างนั้นรึ? ของแบบนั้นมันจะไปมีจริงได้ยังไงกัน?”

 

“แน่นอนว่า ไม่อยู่แล้ว”

 

ไพมอนหัวเราะ

 

“แม้จะไม่มีวันเป็นไปได้ แต่อย่างน้อยมันก็เป็นไปไม่ได้แค่ก่อนหน้านั้น จนถึงตอนนี้

เลดี้ผู้นี้เป็นซัคคิวบัสตนหนึ่ง เผ่าพันธุ์ที่สามารถแพร่กระจายความฝันให้กับผู้คนได้ เลดี้ผู้นี้เชื่อว่า การช่วยให้คนๆหนึ่งฝันนั้นไม่เพียงพอที่ทำให้ใครสักคนมีชีวิตเหนือไปกว่าความหมายนั้นได้

 

เลดี้ผู้นี้ต้องการความฝันที่ตัวเองจะสามารถยังดำรงอยู่ต่อไปในตัวผู้อื่น”

 

“……ข้าเข้าใจ”

 

 

ผมไม่เข้าใจ

 

“ครั้งแรกมันเกิดขึ้น เมื่อ 2,000 ปีที่ผ่าน ข้าคิดว่า โลกที่ถูกปกครองด้วยจอมมารนั้นใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบที่สุด”

 

ฉากหลังเปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้พวกเราอยู่ท่ามกลางทหาร ออร์ค,ออเกอร์และโทรล ต่างวิ่งวุ่นวายอยู่รอบโต๊ะของพวกเรา พวกเรานั้นอยู่ท่ามกลางกองกำลังทหารเกือบหมื่นนาย พวกมันนั้นเรียงแถวกับตามลำดับและชูธงฝ่ายสูง

 

มีตัวตนทั้งสามเป็นผู้นำพวกมัน เด็กสาว หญิงสาว และชายวัยกลางคน

 

 

– ทหารทั้งหลาย! เหล่าปีศาจทั้งหลาย! พวกเราต้องสำเร็จเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่!

 

 ในท่ามกลางตัวตนทั้งสามนั้น เด็กสาวผมสีขาวตะโกนขึ้นมา ร่างของเธอประดับด้วยหมวกเหล็กสีเงินเช่นเดียวกับชุดเกราะ แสงแดดฉายลงมาทำให้เธอนั้นเปล่งประกายจ้า ไพมอนพูดทั้งที่ชี้ยังเธอ

 

“นั่นคือ บาร์บาทอส เธอดูไม่ต่างไปจากตอนนี้เท่าไหร่”

 

“ตอนนั้นเธอสวมเกราะด้วยสินะ ?”

 

“ตอนนั้นน่ะ บาร์บาทอสเป็นนักรบไม่ใช่เนโครแมนเซอร์”

 

ถ้าอย่างนั้นตัวตนทั้งสองที่ยืนข้างเด็กสาวก็คือ ไพมอนกับมาร์บาสสินะ?

นี่เธอกำลังจะบอกผมว่า ทั้งสามที่ตอนนี้แยกออกมาเป็นฝ่ายที่ราบ ฝ่ายภูเขาและฝ่ายเป็นกลางนั้น เมื่อ 2,000 ปีก่อน เคยบัญชาการกองทัพด้วยกันอย่างนั้นสินะ?

 

บาร์บาทอสตะโกนโดยมีผ้าคลุมไหล่สีแดงสะบัดเหมือนสายลม

 

– ถึงอย่างนั้น ยังมีงานหนึ่งที่ยังไม่เสร็จสิ้น! พวกเราที่เป็นดั่งร่างเงาแห่งการพิชิต ถึงอย่างนั้น พวกเราต้องไม่เป็นไอ้โง่ที่ไม่สามารถฉวยคว้ากระแสแห่งชัยชนะได้

ทหารทั้งหลายเอ๋ย โอ้ บุตรหลานแห่งซาตานผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย จงยกอาวุธของเจ้าขึ้นอีกครั้ง เพื่อชะลอการผ่อนพักออกไป

 

 

– พวกเราจะไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วันเดียวหากเป็นไปเพื่อความรุ่งโรจน์ ทั้งมนุษย์ที่อ่อนแอและปีศาจที่ขี้ขลาดจะพูดว่า พวกมันต่อสู้มาพอแล้วและตอนนี้เป็นเวลาที่จะผ่อนพักได้แล้ว

 

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเรา―ในฐานะตัวตนที่มาอยู่รวมกันโดยไม่แบ่งแยก อยู่กับด้วยความสมานฉันท์มิตร―ขอให้ออกมาและตะโกนพร้อมเพรียงกัน

 

– ต้องสู้รบให้ยิ่งกว่านี้! ต้องมีเลือดให้มากกว่านี้!

 

– หากพวกเราไม่อาจไล่ตามความรุ่งเรืองตลอดกาลได้ ก็จงมอบความตายตลอดกาลให้แก่พวกเรา!

 

มอนสเตอร์ส่งเสียงตะโกนเชียร์

 

พวกเขาเริ่มเป่าแตรเขา ตีกลอง กระทืบเท้า เสียงดินกะเพื่อมทำให้พวกมนุษย์ในที่ราบนั้นหวาดกลัวเมื่อได้รับรู้ถึงการสะเทือนนั่น

 

กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราในสงครามครั้งแรก ไม่เคยแพ้มาก่อน บาร์บาทอสผู้เป็นอมตะ,ไพมอนแห่งชัยชนะ และมาร์บาสแห่งความสูงศักดิ์ ― กองทหารแนวหน้าที่นำทัพโดยสามตัวตนนี้ทำให้อัศวินของพวกมนุษย์ต้องตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวโดยสมบูรณ์

 

– ข้าสัญญากับพวกเจ้า ไม่สิ ข้าขอสัญญากับเจ้าว่า จอมมารจะต่อสู้ร่วมกันกับเจ้าโดยไม่แอบไปอยู่ข้างหลัง เราไม่เหมือนไอ้ขี้ลลาดพวกนั้น เราเป็นชาตินักรบ ดันนั้นพวกเราจะรอดด้วยกัน และจะตายด้วยกันกับนักรบผู้ติดตามเรา

 

– พวกเราจะไปอยู่แนวหน้า!

 

– เมื่อเจ้าต้องเผชิญกับออร่าของอัศวินแล้วตกอยู่ในความสิ้นหวัง เจ้าจะเห็นเรายืนอยู่ที่ตรงนั้น

เมื่อเจ้าทรุดตัวลงกับเมื่อและถูกความคิดที่ว่าตนนั้นไร้พลัง พวกเราจะหยัดยืนอยู่เบื้องหน้าเจ้า

 

– นักรบทั้งหลาย! พวกเราอยู่ในแนวหน้าแล้ว!

 

บาร์บาทอสยกมือขวาของเธอขึ้น มานาสีดำหลั่งไหลออกมาจากมือก่อนที่เคียวรบจะปรากฏออกมา มานาที่มีอยู่ของเธอนั้นหมุนเกลียวขึ้นเหมือนพายุทอร์นาโด

 

ในขณะเดียวกัน ทั้งผู้หญิงและผู้ชายคนนั้น ไพมอนและมาร์บาสต่างยกมือของตนขึ้น คทาสีขาวปรากฏในมือไพมอน และดาบยาวปรากฏในมือของมาร์บาส

 

– แสดงให้พวกมนุษย์เห็นว่า ใครคือ ยมทูติแห่งสนามรับตัวจริง!

 

กองทัพมอนสเตอร์นับหมื่นยกขวาขึ้น หัวหอกแทงชี้ขึ้นฟ้า แสงแดดสะท้อนใบมีดทำให้เห็นประกายแสงเป็นหมื่นๆเส้น

 

ก็อบลิน,ออร์ค และโทรลต่างตะโกนออกมาเป็นภาษาของตน มันไม่สำคัญว่า พวกมันพูดต่างภาษากัน ไม่จำเป็นต้องเข้าใจคำพูดที่เหล่าสหายศึกพูดออกมา

นายของพวกเรา จอมมารผู้ยิ่งใหญ่เข้าใจมันดี

 

 

– บุตรหลานของซาตานทั้งหลาย―ทุกหน่วย, บุก!

 

 บาร์บาทอสหันกลับไป ผ้าคลุมของเธอโบกสะพัดเหมือนธงชัย เธอกระโดดไปข้างหน้าโดยไม่พูดอะไร เธอวิ่งไปพร้อมกับอาวุธในมือไม่ต่างจากทหารธรรมดาร กองทัพนับหมื่นตามหลังเธอไปเหมือนดังคลื่น

 

พวกมนุษย์ค้ำยันกายตนด้วยหอก โดยใช้หอกเป็นแนวรับ

แต่ถึงอย่างนั้น มันมีความรู้สึกน่าอึดอัด เป็นความรู้สึกกลัวที่แจ่มชัดไหลท่วมพวกเขา เห็นเค้าลางความพ่ายแพ้มาแต่เนิ่นๆ…….

 

“นั่นมันการรบที่ยิ่งใหญ่ พวกเราได้รับชัยชนะอย่างงดงาม”

 

ไพมอนยกถ้วยชาขึ้นสู่ริมฝีปาก น้ำชาไหลเข้าปากไปโดยไร้เสียง เธอวางถ้วยเปล่าลงบนโต๊ะอย่างเงียบเชียบ

 

“ด้วยจำนวนทหารทื่มี120,000 นาย พวกเรากำจัดกองทัพมนุษย์ที่มีถึง 250,000 นาย จักรวรรดิของมนุษย์สองแห่งนั้นถูกทำลายล้างสิ้นภายในการรบครั้งเดียว

 

บาร์บาทอส,มาร์บาสและข้า ตอนนั้นเชื่อว่า พวกเรานั้นไร้เทียมทาน พวกเราไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน และพวกกำลังสามารถที่จะสร้างชาติที่งดงามขึ้นมาบนผิวโลก”

 

แต่ถึงอย่างนั้น กองทัพพันธมิตรครั้งที่ 2 กลับล้มเหลว

 

มันเป็นบันทึกในประวัติศาสตร์ที่น่าสยดสยองที่สุดของระดมกองทัพพันธมิตรครั้งที่ 2 

 

“ก่อนที่เผ่าพันธุ์เดียวกันกับเราจะทรยศพวกเรา”

 

“…….”

 

“พวกเราได้เดินทัพเข้าไปลึกสุดในทวีปหลังพิชิตสองจักรวรรดิได้แล้ว มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆหลังจากที่กวาดล้างกองกำลังมนุษย์

พวกเราตั้งใจจะเขย่าทั้งทวีปให้ถึงแก่นก่อนที่พวกมนุษย์จะสามารถร่วมก่อตั้งพันธมิตรขึ้นมาได้ นั่นคือ โครงร่างคร่าวๆของแผน พวกเราคาดไว้แล้วว่า มันอีกไม่ไกลนัก…….”

 

แต่ถึงอย่างนั้นจอมมารที่ทำหน้าที่ส่งเสบียงจากด้านหลังกลับทรยศพวกเขา

 

พวกนั้นประกอบด้วยจอมมารระดับล่าง จอมมารระดับล่างที่มีทหารไม่มากนัก

เพราะอย่างนั้นจึงดีกว่า หากพวกนั้นจะคอยดูแลเสบียงแทนที่จะไปสู้ในแนวหน้า

การให้จอมมารระดับสูงคอยรับมือกับทัพหน้าในขณะที่ให้จอมมารระดับต่ำคอยดูแลแนวหลังเป็นอะไรที่สมเหตุสมผลมาก

 

แต่ถึงอย่างนั้น พวกจอมมารระดับตำกลับทรยศพวกเขา…….

 

ฉากพื้นหลังเปลี่ยนไป

 

กองทัพที่ทรงเกียรติไม่มีให้เห็นอีกแล้ว จะมีก็แต่กองทัพที่เคลื่อนไปไหนไม่ได้เมื่อเสบียงถูกตัด

 

กองทัพทหารจำนวนนับแสนนายกลับกลายเป็นภาระไปแทน เสบียงถูกกินหมดอย่างรวดเร็ว

 

มนุษย์ยังคงยืนหยัดอยู่แต่ในป้อมปราการและดินแดนฝ่ายตน ต่อให้ปีศาจสามารถทำลายป้อมปราการได้ พวกมนุษย์ก็จะใช้วิธีเผาทำลายตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นเสบียง กองทัพจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอยกลับมาเนื่องจากลึกเข้าไปในทวีปมากเกินไป

 

กองอัศวินหน่วยย่อยไล่ตามติดทั้งสองฟากฝั่งราวกับฝูงหมาป่า หากพวกเราสวนกลับไป พวกเราก็จะเสียโอกาสที่จะถอย

 

บาร์บาทอสนั้นนองไปด้วยเลือดและน้ำตา ริมฝีปากของเธอบวมเนื่องจากผลข้างเคียงของมานาที่ต่ำ เลือดไหลซิบที่ขอบปากเนื่องจากเธอกัดริมฝีปากตน

 

– ถอย……ไม่ต้องสนพวกมัน แล้วถอย

 

บาร์บาทอสเฝ้ามองดูฝ่ายตนถูกกำจัดโดยอัศวินก่อนจะหันหลังกลับ ไพมอนและมาร์บาสทำอย่างเดียวกัน ทั้งหมดต่างส่งกองกำลังพลของตนเองกลับสู่บ้านอย่างปลอดภัย

 

 

“ดันทาเลี่ยน ท่านรู้ไหมว่า ผู้ที่รอดชีวิตจากจำนวนทหาร 120,000 นาย มีอยู่เท่าไหร่?”

 

“…….”

 

“ข้ายังคำจำได้ดีแม้บัดนี้ แม้จะผ่านไปถึง 2,000 ปีแต่ข้าก็ยังจำได้……26,084 นาย จากจำนวนทหารมหาศาลถึง120,000 นาย , นักรบเพียง 26,084 นายเท่านั้นที่รอดกลับบ้าน”

 

ภาพพื้นหลังนั้นเป้นภาพบาร์บาทอสนั้นกำลังร้องไห้

 

เธอคุกเข่าและร้องไห้ออกมาเสียงดัง ผ้าคลุมขาดๆห่อหุ้มตัวเธอไว้

 

ไพมอนในอดีตนั้นวางมือไว้บนหลังบาร์บาทอสโดยไม่เงยหน้าขึ้น

 

“ตอนนั้นทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้น? พวกเราทำอะไรผิดพลาดไป……?”

 

ราชีนีซัคคิวบัสนั่งอยู่บนโต๊ะและมองอดีตที่ผ่านกว่า  2,000 ปี…… โดยมองเด็กสาวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิทของเธอ 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 146 คนทรยศ(2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 146 คนทรยศ(2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

* * *

 

 

ไพมอนอยู่ตรงหน้าผม

 

 

ผมมองลงไปและเห็นตัวเองกำลังสวมรองเท้าอยู่ เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผมที่จะรู้ว่าตัวเองอยู่ในความฝัน มันเกิดอะไรขึ้น? ผมพยายามเค้นสมองหาคำตอบ

 

– ราชินีซัคคิวบัส

 

 

นั่นคือ เผ่าของไพมอน เธอเป็นหนึ่งในคนที่กลายเป็นจอมมารจากเดิมที่เกิดมาจากปีศาจธรรมดา ซัคคิวบินั้นมีความสามารถที่จะควบคุมความฝันมนุษย์ได้ ไพมอนนั้นยังคงมีความสามารถนั้นหลังจากกลายเป็นจอมมาร แม้แต่ในเกม ตัวเอกก็เคยคุยกับไพมอนหลายต่อหลายครั้งในฝันของเขา

 

แต่มันยังมีอะไรที่สำคัญยิ่งกว่านั้นอีก

 

‘เธอซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มมือสังหาร’

พลังความสามารถของซัคคิวบัสนั้นไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น พวกเธอไม่อาจแทรกแซงความฝันของคนได้ไกลจากระยะนับร้อยกิโลเมตร พวกเธอต้องอยู่ใกล้ๆ

 

นั่นหมายความว่ายังไง……?  นั่นก็หมายความว่า ไพมอนได้แอบแฝงตัวเข้ามาอยู่ในกลุ่มมือสังหาร เธอคงเป็นหนึ่งในชุดผ้าคลุมสีเทานั่น

เธอปลอมเป็นมือสังหารธรรมดาในขณะที่เฝ้ามองผมอยู่ใกล้ๆ ดังนั้นเธอแทบจะได้ยินบทสนทนาที่ผมคุยกับผู้หญิงผมฟ้าอ่อนทั้งหมด

 

บ้าเอ๊ย นี่มันความผิดพลาดของผมเอง

 

 

(TTL : ไพมอนอย่างเหลียม)

 

‘เธอซ่อนอยู่ในกลุ่มมือสังหารที่แทบจะไร้อารมณ์’

 

จอมมารนั้นไม่อาจอ่านอารมณ์ของจอมมารด้วยกัน หากพวกมือสังหารพวกนั้นเป็นมอนสเตอร์ทั่วไปอย่าง ออร์ค ผมก็คงจะรู้ถึงการมีอยู่ของไพมอนได้ทันที เธอจะโผล่เด่นเป็นตัวตนที่ไร้อารมณ์ ออกมาท่ามกลางมอนสเตอร์

 

พวกมือสังหารพวกนั้นมีอารมณ์ความรู้สึกน้อยมาก จนเหมือนกับซ่อนใบไม้ในป่า เธอนี่เก่งกว่าที่ผมคิดไว้มากนะ,ไพมอน…….ผมยิ้มและโค้งให้เธอด้วยความนับถือ

 

 

“ไม่เจอกันนานเหลือเกิน ฝ่าบาท”

 

“อย่างที่ข้าคิดจริงๆ ท่านไม่ประหลาดใจ”

 

ไพมอนสะบัดผมสีแดงของตนขณะที่หัวเราะเบาๆอย่างสุภาพ

 

“ให้อภัยกับความหยาบคายของข้าด้วย ข้าอยากเห็นท่านประหลาดใจสักครั้งหนึ่ง”

 

“ข้ายิ่งกว่าประหลาดใจอีกในตอนนี้ แต่เนื่องจากวันนี้ข้าประหลาดใจหลายต่อหลายครั้งไปแล้วจึงไม่มีพลังงานเหลือให้ประหลาดใจได้อีก”

 

เธอจับปลายชุดเดรสของตัวเองเป็นการทักทายอย่างให้เกียรติ

 

“ไม่ได้เจอกันสักพักแล้ว ดันทาเลี่ยน”

 

“แน่นอนฝ่าบาท ข้าไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่า พวกเราจะมาเจอกันในลักษณะนี้”

 

ไพมอนผงกหัว เมื่อเธอทำอย่างนั้นโต๊ะก็มาปรากฏอยู่ระหว่างพวกเรา มันเป็นโต๊ะที่มีผ้าปูสีขาวและมีชุดกาน้ำชาเซรามิกอยู่บนนั้น ผมเข้าไปที่โต๊ะแล้วลากเก้าอี้ให้เธอ

ไพมอนขอบคุณผมก่อนจะนั่งลง

 

“ความฝันช่างน่าประทับใจ”

 

เมื่อผมนั่งลงแล้วก็พูดต่อ

 

“เป็นไปได้ทุกอย่างเลยหรือ? อย่างเช่น ตัวอย่างนะ การอัญเชิญมังกรออกมา”

 

“เลดี้ผู้นี้สามารถสร้างได้แต่สิ่งที่เคยเห็นและมีประสบการณ์มาก่อนเท่านั้น”

 

ไพมอนหยิบกาน้ำชาเซรามิกแล้วเทชาออกมา มันเป็นชาเขียว ฉากรอบๆเรานั้นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วขณะที่น้ำชากำลังรินไหลลงในถ้วยชา มังกรที่มีเกล็ดสีทองก็ปรากฏอยู่ข้างๆพวกเรา โดยนอนซุกหัวเหมือนกับหมาขี้เซา

 

 

“ยอดเยี่ยม!”

 

ผมร้องออกมาด้วยความทึ่ง มันไม่ใช่ว่าผมตกใจอะไร ผมแค่ยังคงคิดถึงว่า ทำไมไพมอนถึงรุกหาผมในฝัน ผมชวนเธอคุยเล่นเพื่อจะได้มีเวลาให้ตัวเองได้คิด

 

– ผู้หญิงผมสีฟ้าอ่อนนั้นถามผมว่า ผมคิดอะไร

 

 

– มีความเป็นไปได้สูงมากว่า ไพมอนจะเป็นคนสั่งให้เธอถามเอง

 

– ผมตกลงกับดักนั่น

 

ถ้าหากผมเป็นพวกนิยมสาธารณรัฐจริง ผมก็เห็นด้วยกับคำพูดผู้หญิงคนนั้น แต่ผมก็ไม่ได้ทำแบบนั้น

 

จากมุมมองของไพมอน มันเป็นอะไรที่น่าสงสัยมากว่า ผมนั้นเป็นพวกนิยมสาธารณรัฐตัวจริงหรือเป็นใครบางทีคนอยากหาประโยชน์ส่วนตัวจากอุดมการมณ์นั่น

 

“นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมซัคคิวบิถึงเป็นตัวแทนของตอนกลางคืน ลูกน้องของข้าก็เป็นซัคคิวบัสเช่นกัน แต่เธอไม่เคยแสดงอะไรแบบนี้ให้เห็นมาก่อนเลย”

 

“นั่นเป็นเพราะเลือดซัคคิวบัสของเด็กคนนั้นมันจางมาก แต่ก็ไม่ได้เป็นกฏตายตัวเสมอไปเพียงแต่พวกซัคคิวบิสายเลือดแท้เท่านั้นที่สามารถเที่ยวไปมาระหว่างโลกความฝันได้”

 

ถึงจะอย่างนั้น เธอเองก็ยังมาติดต่อกับผมอยู่ดี เธอน่าจะจากไปทันทีที่พบว่า เราไม่ได้คิดตรงกัน แต่เธอก็ยังใช้วิธีการเธอของเข้ามาอยู่ในความฝันเพื่อพูดคุยกับผมอยู่ดี

ผมไม่อยากเชื่อว่า เธอนั้นมาอยู่ที่นี่เพียงเพื่อยืนยันว่า ผมเป็นพวกของเธอหรือไม่……. อะไรคือเป้าหมายของเธอกันนะ? ผมต้องคิดให้ออกให้ได้

 

 

“ความจริงแล้ว การไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์ต่างหากที่เป็นดั่งคำอวยพร”

 

“โอ้? ทำไมอย่างนั้นล่ะ?”

 

“เพราะจะสามารถมีครอบครัวได้”

 

นี่เธอหมายความว่ายังไงกันนะ? ไพมอนป้องปากหัวเราะเบาๆเมื่อเธอเห็นผมเอียงคอสงสัย

 

“อย่างที่ท่านเห็นนั่นแหละ ซัคคิวบินั้นสามารถสร้างทุกอย่างในความฝันได้ ผู้ชายจึงหลงในสิ่งนั้น

ชายที่เป็นคู่รักกับซัคคิวบิจึงมักจบลงด้วยการหลงงมงายในความสามารถของพวกนางที่สร้างโลกที่งดงามที่สุด ฉากที่สวยที่สุด และอาหารที่อร่อยที่สุด”

 

ฉากพื้นหลังเปลี่ยนไป มังกรหายวับไป แล้วแทนที่ด้วยผู้หญิงสวยจำนวนมากมาย ฉากตอนนี้เป็นเหมือนฮาเร็ม ผู้หญิงทั้งหลายนั้นสวมผ้าบางๆผืนเดียวและยังมีร่างกายสุดทรงเสน่ห์ที่เผยออกมาเต็มที่

 

“สุดท้ายเมื่อชายคนั้นกลับสู่ความจริง ระหว่างการอยู่ในความฝันสุดเลิศล้ำกับความจริงอันแสนทุกข์ทรมาน ก็เห็นกันชัดๆอยู่แล้วว่า พวกเขาจะเลือกอะไร……. พวกเขานั้นทอดทิ้งภรรยาและลูกๆ พวกเขามีภรรยาที่สวยกว่า และลูกๆที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าในชีวิตจริง นั่นเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมซัคคิวบิส่วนมากไม่ตกหลุมรัก”

 

เพราะสุดท้ายพวกนางก็จะโดนหักหลังนั่นเอง

 

ไพมอนวางถ้วยชาไว้ที่ฝั่งผม ผมบรรจงหยิบถ้วยชาอย่างระวัง กลิ่นชาเขียวนั้นยอดเยี่ยมมาก มันไม่ได้เยี่ยมที่มันอุ่นและขมกำลังดี หากแต่ยังช่วยล้างตุ่มรับรสในปากได้ด้วย

 

 

“เลดี้ผู้นี้ได้ครุ่นคิดมานานแสนนาน ทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุดและอาหารที่อร่อยที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น―จะเป็นไปได้หรือไม่กับการฝันถึงสังคมที่สมบูรณ์แบบที่สุด?”

 

“สังคมที่สมบูรณ์แบบที่สุดอย่างนั้นรึ? ของแบบนั้นมันจะไปมีจริงได้ยังไงกัน?”

 

“แน่นอนว่า ไม่อยู่แล้ว”

 

ไพมอนหัวเราะ

 

“แม้จะไม่มีวันเป็นไปได้ แต่อย่างน้อยมันก็เป็นไปไม่ได้แค่ก่อนหน้านั้น จนถึงตอนนี้

เลดี้ผู้นี้เป็นซัคคิวบัสตนหนึ่ง เผ่าพันธุ์ที่สามารถแพร่กระจายความฝันให้กับผู้คนได้ เลดี้ผู้นี้เชื่อว่า การช่วยให้คนๆหนึ่งฝันนั้นไม่เพียงพอที่ทำให้ใครสักคนมีชีวิตเหนือไปกว่าความหมายนั้นได้

 

เลดี้ผู้นี้ต้องการความฝันที่ตัวเองจะสามารถยังดำรงอยู่ต่อไปในตัวผู้อื่น”

 

“……ข้าเข้าใจ”

 

 

ผมไม่เข้าใจ

 

“ครั้งแรกมันเกิดขึ้น เมื่อ 2,000 ปีที่ผ่าน ข้าคิดว่า โลกที่ถูกปกครองด้วยจอมมารนั้นใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบที่สุด”

 

ฉากหลังเปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้พวกเราอยู่ท่ามกลางทหาร ออร์ค,ออเกอร์และโทรล ต่างวิ่งวุ่นวายอยู่รอบโต๊ะของพวกเรา พวกเรานั้นอยู่ท่ามกลางกองกำลังทหารเกือบหมื่นนาย พวกมันนั้นเรียงแถวกับตามลำดับและชูธงฝ่ายสูง

 

มีตัวตนทั้งสามเป็นผู้นำพวกมัน เด็กสาว หญิงสาว และชายวัยกลางคน

 

 

– ทหารทั้งหลาย! เหล่าปีศาจทั้งหลาย! พวกเราต้องสำเร็จเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่!

 

 ในท่ามกลางตัวตนทั้งสามนั้น เด็กสาวผมสีขาวตะโกนขึ้นมา ร่างของเธอประดับด้วยหมวกเหล็กสีเงินเช่นเดียวกับชุดเกราะ แสงแดดฉายลงมาทำให้เธอนั้นเปล่งประกายจ้า ไพมอนพูดทั้งที่ชี้ยังเธอ

 

“นั่นคือ บาร์บาทอส เธอดูไม่ต่างไปจากตอนนี้เท่าไหร่”

 

“ตอนนั้นเธอสวมเกราะด้วยสินะ ?”

 

“ตอนนั้นน่ะ บาร์บาทอสเป็นนักรบไม่ใช่เนโครแมนเซอร์”

 

ถ้าอย่างนั้นตัวตนทั้งสองที่ยืนข้างเด็กสาวก็คือ ไพมอนกับมาร์บาสสินะ?

นี่เธอกำลังจะบอกผมว่า ทั้งสามที่ตอนนี้แยกออกมาเป็นฝ่ายที่ราบ ฝ่ายภูเขาและฝ่ายเป็นกลางนั้น เมื่อ 2,000 ปีก่อน เคยบัญชาการกองทัพด้วยกันอย่างนั้นสินะ?

 

บาร์บาทอสตะโกนโดยมีผ้าคลุมไหล่สีแดงสะบัดเหมือนสายลม

 

– ถึงอย่างนั้น ยังมีงานหนึ่งที่ยังไม่เสร็จสิ้น! พวกเราที่เป็นดั่งร่างเงาแห่งการพิชิต ถึงอย่างนั้น พวกเราต้องไม่เป็นไอ้โง่ที่ไม่สามารถฉวยคว้ากระแสแห่งชัยชนะได้

ทหารทั้งหลายเอ๋ย โอ้ บุตรหลานแห่งซาตานผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย จงยกอาวุธของเจ้าขึ้นอีกครั้ง เพื่อชะลอการผ่อนพักออกไป

 

 

– พวกเราจะไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วันเดียวหากเป็นไปเพื่อความรุ่งโรจน์ ทั้งมนุษย์ที่อ่อนแอและปีศาจที่ขี้ขลาดจะพูดว่า พวกมันต่อสู้มาพอแล้วและตอนนี้เป็นเวลาที่จะผ่อนพักได้แล้ว

 

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเรา―ในฐานะตัวตนที่มาอยู่รวมกันโดยไม่แบ่งแยก อยู่กับด้วยความสมานฉันท์มิตร―ขอให้ออกมาและตะโกนพร้อมเพรียงกัน

 

– ต้องสู้รบให้ยิ่งกว่านี้! ต้องมีเลือดให้มากกว่านี้!

 

– หากพวกเราไม่อาจไล่ตามความรุ่งเรืองตลอดกาลได้ ก็จงมอบความตายตลอดกาลให้แก่พวกเรา!

 

มอนสเตอร์ส่งเสียงตะโกนเชียร์

 

พวกเขาเริ่มเป่าแตรเขา ตีกลอง กระทืบเท้า เสียงดินกะเพื่อมทำให้พวกมนุษย์ในที่ราบนั้นหวาดกลัวเมื่อได้รับรู้ถึงการสะเทือนนั่น

 

กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราในสงครามครั้งแรก ไม่เคยแพ้มาก่อน บาร์บาทอสผู้เป็นอมตะ,ไพมอนแห่งชัยชนะ และมาร์บาสแห่งความสูงศักดิ์ ― กองทหารแนวหน้าที่นำทัพโดยสามตัวตนนี้ทำให้อัศวินของพวกมนุษย์ต้องตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวโดยสมบูรณ์

 

– ข้าสัญญากับพวกเจ้า ไม่สิ ข้าขอสัญญากับเจ้าว่า จอมมารจะต่อสู้ร่วมกันกับเจ้าโดยไม่แอบไปอยู่ข้างหลัง เราไม่เหมือนไอ้ขี้ลลาดพวกนั้น เราเป็นชาตินักรบ ดันนั้นพวกเราจะรอดด้วยกัน และจะตายด้วยกันกับนักรบผู้ติดตามเรา

 

– พวกเราจะไปอยู่แนวหน้า!

 

– เมื่อเจ้าต้องเผชิญกับออร่าของอัศวินแล้วตกอยู่ในความสิ้นหวัง เจ้าจะเห็นเรายืนอยู่ที่ตรงนั้น

เมื่อเจ้าทรุดตัวลงกับเมื่อและถูกความคิดที่ว่าตนนั้นไร้พลัง พวกเราจะหยัดยืนอยู่เบื้องหน้าเจ้า

 

– นักรบทั้งหลาย! พวกเราอยู่ในแนวหน้าแล้ว!

 

บาร์บาทอสยกมือขวาของเธอขึ้น มานาสีดำหลั่งไหลออกมาจากมือก่อนที่เคียวรบจะปรากฏออกมา มานาที่มีอยู่ของเธอนั้นหมุนเกลียวขึ้นเหมือนพายุทอร์นาโด

 

ในขณะเดียวกัน ทั้งผู้หญิงและผู้ชายคนนั้น ไพมอนและมาร์บาสต่างยกมือของตนขึ้น คทาสีขาวปรากฏในมือไพมอน และดาบยาวปรากฏในมือของมาร์บาส

 

– แสดงให้พวกมนุษย์เห็นว่า ใครคือ ยมทูติแห่งสนามรับตัวจริง!

 

กองทัพมอนสเตอร์นับหมื่นยกขวาขึ้น หัวหอกแทงชี้ขึ้นฟ้า แสงแดดสะท้อนใบมีดทำให้เห็นประกายแสงเป็นหมื่นๆเส้น

 

ก็อบลิน,ออร์ค และโทรลต่างตะโกนออกมาเป็นภาษาของตน มันไม่สำคัญว่า พวกมันพูดต่างภาษากัน ไม่จำเป็นต้องเข้าใจคำพูดที่เหล่าสหายศึกพูดออกมา

นายของพวกเรา จอมมารผู้ยิ่งใหญ่เข้าใจมันดี

 

 

– บุตรหลานของซาตานทั้งหลาย―ทุกหน่วย, บุก!

 

 บาร์บาทอสหันกลับไป ผ้าคลุมของเธอโบกสะพัดเหมือนธงชัย เธอกระโดดไปข้างหน้าโดยไม่พูดอะไร เธอวิ่งไปพร้อมกับอาวุธในมือไม่ต่างจากทหารธรรมดาร กองทัพนับหมื่นตามหลังเธอไปเหมือนดังคลื่น

 

พวกมนุษย์ค้ำยันกายตนด้วยหอก โดยใช้หอกเป็นแนวรับ

แต่ถึงอย่างนั้น มันมีความรู้สึกน่าอึดอัด เป็นความรู้สึกกลัวที่แจ่มชัดไหลท่วมพวกเขา เห็นเค้าลางความพ่ายแพ้มาแต่เนิ่นๆ…….

 

“นั่นมันการรบที่ยิ่งใหญ่ พวกเราได้รับชัยชนะอย่างงดงาม”

 

ไพมอนยกถ้วยชาขึ้นสู่ริมฝีปาก น้ำชาไหลเข้าปากไปโดยไร้เสียง เธอวางถ้วยเปล่าลงบนโต๊ะอย่างเงียบเชียบ

 

“ด้วยจำนวนทหารทื่มี120,000 นาย พวกเรากำจัดกองทัพมนุษย์ที่มีถึง 250,000 นาย จักรวรรดิของมนุษย์สองแห่งนั้นถูกทำลายล้างสิ้นภายในการรบครั้งเดียว

 

บาร์บาทอส,มาร์บาสและข้า ตอนนั้นเชื่อว่า พวกเรานั้นไร้เทียมทาน พวกเราไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน และพวกกำลังสามารถที่จะสร้างชาติที่งดงามขึ้นมาบนผิวโลก”

 

แต่ถึงอย่างนั้น กองทัพพันธมิตรครั้งที่ 2 กลับล้มเหลว

 

มันเป็นบันทึกในประวัติศาสตร์ที่น่าสยดสยองที่สุดของระดมกองทัพพันธมิตรครั้งที่ 2 

 

“ก่อนที่เผ่าพันธุ์เดียวกันกับเราจะทรยศพวกเรา”

 

“…….”

 

“พวกเราได้เดินทัพเข้าไปลึกสุดในทวีปหลังพิชิตสองจักรวรรดิได้แล้ว มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆหลังจากที่กวาดล้างกองกำลังมนุษย์

พวกเราตั้งใจจะเขย่าทั้งทวีปให้ถึงแก่นก่อนที่พวกมนุษย์จะสามารถร่วมก่อตั้งพันธมิตรขึ้นมาได้ นั่นคือ โครงร่างคร่าวๆของแผน พวกเราคาดไว้แล้วว่า มันอีกไม่ไกลนัก…….”

 

แต่ถึงอย่างนั้นจอมมารที่ทำหน้าที่ส่งเสบียงจากด้านหลังกลับทรยศพวกเขา

 

พวกนั้นประกอบด้วยจอมมารระดับล่าง จอมมารระดับล่างที่มีทหารไม่มากนัก

เพราะอย่างนั้นจึงดีกว่า หากพวกนั้นจะคอยดูแลเสบียงแทนที่จะไปสู้ในแนวหน้า

การให้จอมมารระดับสูงคอยรับมือกับทัพหน้าในขณะที่ให้จอมมารระดับต่ำคอยดูแลแนวหลังเป็นอะไรที่สมเหตุสมผลมาก

 

แต่ถึงอย่างนั้น พวกจอมมารระดับตำกลับทรยศพวกเขา…….

 

ฉากพื้นหลังเปลี่ยนไป

 

กองทัพที่ทรงเกียรติไม่มีให้เห็นอีกแล้ว จะมีก็แต่กองทัพที่เคลื่อนไปไหนไม่ได้เมื่อเสบียงถูกตัด

 

กองทัพทหารจำนวนนับแสนนายกลับกลายเป็นภาระไปแทน เสบียงถูกกินหมดอย่างรวดเร็ว

 

มนุษย์ยังคงยืนหยัดอยู่แต่ในป้อมปราการและดินแดนฝ่ายตน ต่อให้ปีศาจสามารถทำลายป้อมปราการได้ พวกมนุษย์ก็จะใช้วิธีเผาทำลายตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นเสบียง กองทัพจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอยกลับมาเนื่องจากลึกเข้าไปในทวีปมากเกินไป

 

กองอัศวินหน่วยย่อยไล่ตามติดทั้งสองฟากฝั่งราวกับฝูงหมาป่า หากพวกเราสวนกลับไป พวกเราก็จะเสียโอกาสที่จะถอย

 

บาร์บาทอสนั้นนองไปด้วยเลือดและน้ำตา ริมฝีปากของเธอบวมเนื่องจากผลข้างเคียงของมานาที่ต่ำ เลือดไหลซิบที่ขอบปากเนื่องจากเธอกัดริมฝีปากตน

 

– ถอย……ไม่ต้องสนพวกมัน แล้วถอย

 

บาร์บาทอสเฝ้ามองดูฝ่ายตนถูกกำจัดโดยอัศวินก่อนจะหันหลังกลับ ไพมอนและมาร์บาสทำอย่างเดียวกัน ทั้งหมดต่างส่งกองกำลังพลของตนเองกลับสู่บ้านอย่างปลอดภัย

 

 

“ดันทาเลี่ยน ท่านรู้ไหมว่า ผู้ที่รอดชีวิตจากจำนวนทหาร 120,000 นาย มีอยู่เท่าไหร่?”

 

“…….”

 

“ข้ายังคำจำได้ดีแม้บัดนี้ แม้จะผ่านไปถึง 2,000 ปีแต่ข้าก็ยังจำได้……26,084 นาย จากจำนวนทหารมหาศาลถึง120,000 นาย , นักรบเพียง 26,084 นายเท่านั้นที่รอดกลับบ้าน”

 

ภาพพื้นหลังนั้นเป้นภาพบาร์บาทอสนั้นกำลังร้องไห้

 

เธอคุกเข่าและร้องไห้ออกมาเสียงดัง ผ้าคลุมขาดๆห่อหุ้มตัวเธอไว้

 

ไพมอนในอดีตนั้นวางมือไว้บนหลังบาร์บาทอสโดยไม่เงยหน้าขึ้น

 

“ตอนนั้นทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้น? พวกเราทำอะไรผิดพลาดไป……?”

 

ราชีนีซัคคิวบัสนั่งอยู่บนโต๊ะและมองอดีตที่ผ่านกว่า  2,000 ปี…… โดยมองเด็กสาวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิทของเธอ 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+