Dungeon Defense (WN) 150 คนทรยศ(6)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 150 คนทรยศ(6) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

ผ่านไปสักพักก่อนที่ไพมอนจะถอนหัวออก สัมผัสชุ่มชื่นยังคงอยู่บนปากผม

 

 

“เลดี้ผู้นี้ชอบตีเหล็กเมื่อยังร้อน”

 

เธอยิ้มอย่างเขินอาย

 

 

“ข้าไม่เคยเป็นผู้ร้องขอเรื่องแบบนี้มาก่อน ด้วยศักดิ์ศรีฐานะของราชินีซัคคิวบัส ดังนั้นหากท่านร้องขอก่อน เลดี้ผู้นี้ก็จะถวายร่างกายด้วยความยินดี……. ท่านคิดเห็นอย่างไร?”

 

“ข้าขอปฏิเสธด้วยความเคารพครับ”

 

 

ผมประสานมือตัวเอง ผมไม่เคยเห็นว่าจะมีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้นหลังจากปล่อยให้ผู้หญิงเล่นล้อหว่างขาผู้ชายโดยไม่ยั้งคิด

 

ยิ่งไปกว่านั้น อยากให้ผมเป็นชายที่มีความสัมพันธ์แบบนั้นกับทั้งบาร์บาทอสและไพมอนอย่างนั้นรึ?

มันบ้าเกินไปแล้ว ผมต้องจบลงด้วยปัญหาทางการเมืองในทันทีแน่ๆ ผมยังไม่พร้อมใจจะตีตั๋วไปว่ายเล่นในแม่น้ำแห่งความตายไวขนาดนั้น

 

“อืมม ดูเหมือนท่านจะการ์ดแข็งกว่าที่ข้าคิดไว้”

 

ไพมอนขมวดคิ้วคล้ายกับผิดหวังในการตัดสินใจของผม

 

“หรือท่านน่ะชอบร่างกายที่เด็กกว่านี้แบบบาร์บาทอสล่ะ? ยังไงนี่ก็เป็นความฝัน เลดี้ผู้นี้สามารถเปลี่ยนรูปร่างตามใจท่านได้นะ”

 

“ข้ามิได้มีรสนิยมแบบนั้น”

 

จริงอยู่ที่ผมจบลงที่กลายเป็นคนรักของทั้งบาร์บาทอสและลอร่า ที่มีรูปร่างเล็กกะทัดรัด แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นอย่างนั้น นับตั้งแต่ผมมาอยู่ในโลกใบนี้มันเหมือนกับมีพลังงานจักรวาลหรืออะไรบางอย่างมาป่วนโชคชะตา รสนิยมทางเพศของผมนั้นปกติ เอาจริงๆนะ บ้าเอ๊ย

 

ไพมอนทำหน้ามุ่ยออกมา

“อย่างนั้นก็ดี ถ้าอย่างนั้นในชั่วขณะที่ท่านสามารถพิชิตป้อมปราการได้เป็นตอนที่ท่านจะได้รับความพึงพอใจสูงสุด

ทั้งการที่ได้เป็นชายคนแรกของบาร์บาทอส และสามารถทำให้เลดี้ผู้นี้คุกเข่าขอร้องได้

……ฟุฟุ ช่างเป็นภาพที่น่าดูเสียจริง ข้าจะรอดูก็แล้วกันนะ”

 

ไม่ต้องมารอดง รอดูอะไรแบบนั้นเลย

 

ผมแน่ใจแล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายภูเขาหรือที่ราบ สมองของพวกจอมมารระดับสูงนั้นโดนย้อมไปด้วยกามตัณหาทั้งสิ้น

 

บาร์บาทอสก็เป็นที่สุดของยัยลามก รักการเล่น BDSM นังโลลิบ้า 

ยัยผมทองไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดแบบ จอมมารลำดับ 4 กามิกิน ก็เป็นนังมาโซคิสม์

และผู้หญิงตรงหน้าผมก็ไม่ยอมแพ้ให้กับอดีตคู่รักเก่าโดยมาพร้อมกับความดื้อรั้นที่จะทำเรื่องแบบนั้น

 

ผมไม่เข้าใจเลยว่า จะไปแยกฝักฝ่ายกันทำไม พวกนางควรจะรวมก๊วนร่วมแก๊งกันแล้วสร้าง ปาร์ตี้พวกโรคจิตด้วยกันเสียเลย 

 

ผมแน่ใจเลยว่า จะสามารถรวมกองทัพจอมมารเป็นหนึ่งเดียวกันได้โดยไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อแน่ๆ มันไม่เยี่ยมกว่ารึไง?

 

จอมมารพวกนี้มันไม่ต่างกันเลย…….ผมเข้าใจเรื่องนี้ดูอยู่แล้ว แต่คุณจะไม่มีทางหาจอมมารตนใดที่น่าเชื่อถือและจริงใจเหมือนอย่างผมอีกแล้วล่ะ

 

“ข้าอยู่ในการดูแลของท่านแล้ว ท่านไพมอน”

 

“แน่นอน ดันทาเลี่ยน เรามาร่วมมือกันเพื่อเป้าหมายของแต่ละฝ่ายเถอะ”

 

พวกเราจับมือกัน

 

“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าหวังว่า พวกเราจะแอบมีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆโดยไม่ให้ใครรู้นะ”

 

“……นั่นมัน เอ่อ ช่างเป็นเกียรตินัก”

 

ยัง ยังไม่เลิกอีก! 

ผมน่ะ เป็นชายผู้รู้ว่าควรจะจัดการกับราคะของตัวเองยังไงนะเออ ใช้สมองอันเปี่ยมไปด้วยเหตุผลที่อยู่บนบ่า ผมไม่หื่นขึ้นมาง่ายๆเพียงเพราะไพมอนกระดิกหางยั่วหรอก

 

(TTL : ‘คนอ่าน : เหรออออ’ )

 

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็แอบสงสัย ค่าความชอบของไพมอนที่มีต่อผมออกจะต่ำ แต่ดูจากบุคลิกของเธอ เธอไม่น่าจะเป็นคนที่จูบใครก็ได้นี่

 

 

‘สเตตัส’

 

ผมจึงตัดสินใจที่จะเลือกดูสเตตัสของไพมอนแทน 

หากค่าความชอบของเธอนั้นต่ำเกินไป ผมก็จะเห็นแต่ค่าสเตตัสพื้นฐาน หากเป็นอย่างนั้นก็เป็นอะไรที่น่ากลัวมากเพราะนั่นหมายถึง ไพมอนหลอกผมมาจนถึงตอนนี้

 

เธอแกล้งทำเป็นแสดงกับผมเหมือนอย่างที่ทำกับฮีโร่

 

 

แต่ความกังวลของผมก็กลับหายไปในพริบตา

 

– ติ้ง!

Ο

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

ชื่อ: ไพมอน

เผ่า: จอมมาร   ฝ่าย: กองกำลังจอมมารไพมอน, ฝ่ายภูเขา, พันธมิตรแห่งการปลดแอก (Liberation Alliance)

สถานะ: ชั่วร้าย Evil (-34)

เลเวล: 349    ชื่อเสีย: 5354100

อาชีพ: จอมมาร(S), ผู้จัดการดันเจี้ยน(A+), อาร์คเมจ(ถูกทำลาย)

ความเป็นผู้นำ: 300  อำนาจ: 224   ความฉลาด: 107

ไหวพริบ: 448  เสน่ห์: 572  เทคนิค: 349

 

ค่าความชอบ: 44

 

ความคิดตอนนี้: ‘หรือข้าควรจะทำกับเขาเลยดีนะ? หืมม’

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

ผมไม่แน่ใจว่าทำไม แต่ค่าความชอบของไพมอนนั้นอยู่ที่ 44 ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ

 

‘ผมไม่เคยเห็นหน้าต่างแจ้งเตือนบอกผม เรื่องค่าความชอบของไพมอนสูงขึ้น เพราะอะไรกัน?’

 

ยิ่งไปกว่านั้น ค่าสแตทของเธอมันกระจายแบบไม่เสมอกัน ค่าไหวพริบทางการเมืองและค่าเสน่ห์ของเธอนั้นสูงจนผิดปกติ นั่นพออธิบายได้ว่า ทำไมเธอถึงเชี่ยวชาญการวางแผนทางการเมืองมากแต่ไม่ถนัดการวางแผนปกติเลย 

ซึ่งนั่นก็เหมาะดีสำหรับหัวหน้าฝ่ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในกองทัพจอมมารที่จะมีสแตทแบบนี้

 

 

……ความคิดตอนนี้ของเธอ ทำเอาผมรู้สึกกังวล แต่ผมตัดสินใจแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปก่อน เอ่อ แต่ผมเหมือนเห็นอะไรที่เดจาวูนะ ผมพยายามทำใจให้สงบก่อนจะถามออกไป

 

“ขอถามหน่อยนะ ท่านไพมอน จริงๆแล้วท่านชอบอะไรในตัวข้า?”

 

“ช่างเป็นคำถามที่หุนหันเหลือเกินนะ”

 

ไพมอนหยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะพูดออกมา

 

“เอาล่ะก็ย้อนตั้งแต่ตอนที่ท่านน่ะพูดสุนทรพจน์ในกองทัพพันธมิตร ข้าเชื่ออย่างสุดใจว่า ท่านจะได้มาเป็นพันธมิตรกับเลดี้ผู้นี้”

 

“อ้อ จากตรงนั้นเองสินะ”

 

มันเกิดขึ้นในระหว่างที่ผมพูดอยู่นั่นเอง ห้ะ? นั่นก็แสดงว่าหลังจากผมเอาชนะเจ้าหญิงจักรวรรดิได้แล้ว หน้าต่างนับพันเด้งเข้ามาตอนนั้นที่แสดงถึงค่าความชอบที่ผู้คนมีต่อผม

 

ผมไม่สามารถไปไล่เช็คได้ทุกละอันจนครบทุกอันได้ ผมจึงปิดมันพร้อมกันในคราวเดียว หนึ่งในนั้นของมีค่าความชอบของไพมอนด้วย……. มันประหลาดใจมากที่ผมไม่ได้สังเกตเรื่องนี้มาก่อนเลย

 

 

“ไม่มีคำถามอื่นแล้วใช่ไหม? เอาล่ะ ตอนนี้ก็ได้เวลาที่ข้าจะต้องแนะนำให้ท่านรู้จัก”

 

“หา? แนะนำข้าให้รู้จัก?”

 

“พวกเรานั้นมีมากมายและพวกเรานั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน”

 

รอยยิ้มที่อ่านไม่ออกปรากฏบนริมฝีปากของไพมอน

 

 

“ได้เวลาตื่นขึ้นมาแล้ว ดันทาเลี่ยน”

 

ฟลิ้ป 

เธอดีดนิ้ว

 

ผมลืมตาขึ้นมาทันที ช่องว่างสีขาวที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งหมดที่ผมเห็นคือ เพดานของรถม้านที่อยู่ตรงหน้าผม มันเป็นตอนกลางคืน

 

 

ผมยกท่อนบนขึ้นทันที ลาพิสนั้นหลับอย่างสันติอยู่อีกด้านหนึ่งของในตัวรถม้า มีเพียงเสียงหายใจของเธอที่ยังดังแผ่วๆอยู่ในความเงียบ

……นี่ผมพึ่งตื่นจากฝันอย่างนั้นหรือ? 

 

มันเป็นความรู้สึกประหลาด ราวกับว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานแต่ขณะเดียวกันก็เหมือนผ่านไปแปปเดียว หัวผมโล่งเหมือนได้นอนฟื้นเต็มที่ ผมลุกขึ้นโดยอัตโนมัติแล้ว เปิดประตูรถม้าอย่างระวัง

 

 

“ยินดีต้อนรับ ดันทาเลี่ยน”

 

อยู่ตรงนั้นเอง ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม คือ ไพมอนในชุดดำ

 

ไม่ใช่แค่เธอคนเดียว แต่ยังมีผู้คนอีกมากมายยืนเรียงแถวด้านหลังเธอ ทั้งหมดต่างสวมชุดดำ พวกเธอต่างยืนอย่างเคร่งขรึมในความเงียบ จนดูเหมือนผมกำลังอยู่ในงานศพ

 

พวกเราอยู่ในซากปราสาท กองไฟนั้นดับสนิทแล้ว มีเพียงแสงซีดๆจากพระจันทร์เท่านั้นฉายลงมาที่ตัวเธอ

 

 

―ไพมอนได้จับชายชุดเดรสและแสดงความเคารพราวกับว่าเธอเป็นเลดี้แห่งปราสาทหลังนี้ผู้ข้ามเวลามา

 

 

“พวกเราคือ พันธมิตรแห่งการปลดแอก เป็นเพียงสมาพันธ์เดียวเท่านั้นแห่งโลกมนุษย์และโลกปีศาจ”

 

ทั่บ

 

กลุ่มคนทั้งหลายที่ยืนอยู่หลังไพมอนใช้มือขวานาบอกตนอย่างพร้อมเพรียง

 

“พวกเราเชื่อว่า สิ่งมีชีวิตนั้นต่างเท่าเทียมกัน ดังนั้นพวกเราตัดสินใจเปลี่ยนโลกให้กลับสู่สถานะเดิม

พวกเราเป็นคู่หูที่ตัดสินใจว่า จะอุทิศเลือดและหยาดเหงื่อสู่การปฏิวัติเพื่อรอวันในคำทำนายที่จะมาถึง”

 

“…….”

 

ผมถึงกับงงเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า  โดยเริ่มจากบุคคลทางขวามือผม พวกเขาเริ่มพูดตามคำสั่ง เสียงของพวกเขานั้นหลอมกลืนไปกับท้องฟ้ายามค่ำคืน

 

คนที่มีหนวดเป็นฝอยๆโค้งทักทายผม

 

 

“เป็นเกียรติยิ่งที่ได้พบท่าน ฝ่าบาท ผู้น้อยนี้มีนามว่า สเตฟาน ทิโมเฟเยวิช (Stephan Timofeyevich) เป็นเลือดผสมระหว่างเอลฟ์ที่ราบกับมนุษย์

ผมอยู่ในสาขาของพันธมิตรแห่งการปลดแอกในจักรวรรดิมอสโคว ผมทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดแห่งทหารม้าดอนคอสแส่ค(Don Cossacks Cavalry) ยินดีที่ได้พบท่าน”

 

ต่อไปก็เป็นคนแคระตัวล่ำหันมาพูด

 

“ผู้ต่ำต้อยผู้นี้ชื่อ แจ็ค บอนฮอมเม่(Jack Bonhomme) ข้ามาจากเผ่าคนแคระเคราะเขียว ข้าเป็นผู้จัดการสาขาในจักรวรรดิแฟร้งของพันธมิตรแห่งการปลดแปลก ข้าเป็นผู้นำหน่วยทหารรับจ้างขวานคู่ ข้าได้ยินเรื่องราวของฝ่าบาทมามาก”

 

“ยินดีขอรับ ผู้นี้ชื่อ วัท เทเล่อ!(Wat Tyler) ผู้นี้อยู่ในพันธมิตรแห่งการปลดแอกสาขาราชอาณาจักรเบอร์นิเซีย!”

 

พวกเขาแนะนำตัวต่อไปทีละคน ทีละคน

 

มอสโคว,แฟร้ง,เบอร์นิเซีย,บริทแทนนี่,แคสไทล์,ซาร์ดิเนีย,ฮับบวร์ก,ทิวทัน,คัลเมอร์,รัฐปกครองตนเอง โพลิช-ลิทัวร์เนีย, อนาโตเลีย และสุดท้าย เด็กสาวผู้มีผมบลอนด์หมองพูดขึ้น

 

“ผู้น้อยนี้มีนามว่า แอนนา เดอ บิส ฉันเป็นผู้จัดการทั่วไปของพันธมิตรแห่งการปลดแอก และยังเป็นผู้จัดการสาขาแห่งสาธารณรัฐบัตตาเวีย ฉันมีตำแหน่งต่ำสุดในที่นั่ง 13 สมาชิกประจำชาติ ฉันอยู่ในการดูแลของท่านแล้ว”

 

ทั้งหมด 12 คน พวกเขาทั้งหมดมีพื้นเพอยู่ในแต่ละชาติในทวีป หนึ่งในนั้นเป็นผู้นำของเผ่านอร์แมนดิกใหญ่ อีกคนก็เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในราชอาณาจักร และอีกคนก็เป็นตำแหน่งสำคัญในโครงสร้างของสาธารณรัฐ

 

“…….”

 

สาธารณรัฐที่ไพมอนพูดถึงนั้นใหญ่และฝังรากลึกไปในตำแหน่งสำคัญทุกสังคมยิ่งกว่าที่ผมคาดไว้ หากผู้คนพวกนี้ยอมทำตาม ก็ไม่ยากนักที่ทั้งทวีปจะตกอยู่ในความวุ่นวาย ผมแทบไม่มีอะไรจะพูดเมื่อจินตนาการถึงความสามารถของพวกเขา

 

ไพมอนเป็นบุคคลสุดท้ายที่พูดออกมา

 

 

“เลดี้ผู้นี้เป็นหัวหน้าของกองทัพแห่งการปลดแอก จอมมารลำดับ 9 ไพมอน”

 

ผมตอบกลับออกมาอย่างเรียบๆ

 

“ข้าคือ จอมมารลำดับ 71 ดันทาเลี่บน”

 

 

“ดันทาเลี่ยน ท่านจะสาบานได้หรือไม่ว่าจะไม่เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับพันธมิตรแห่งการปลดแอกแม้จะมีมีดมาจ่อคอ?”

 

มันไม่ใช่คำสาบานลอยๆอย่างง่ายๆ มันมีพันธะสัญญาเวทย์มนตร์ปรากฏด้วย นั่นคือสิ่งที่ไพมอนกำลังจ้องไปด้วยขณะที่พูด

 

หากผมเดินหน้าไปอีกก้าว ผมจะเข้าสู่โลกที่ผมไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนในเกม

ชิ้นส่วนของข้อมูลที่ผมมี มาจนถึงตอนนี้ไม่เพียงพอจะทำแบบนั้น ดังนั้น การเอาชีวิตรอดของผมนั้นจะขึ้นอยู่กับความสามารถของผมเท่านั้น

 

ขณะที่ยืนอยู่บนทางแยกนั่นเอง

 

 

“ใช่ ข้าขอสาบาน”

 

ผมตอบกลับไปอย่างแน่วแน่

ไพมอนยิ้ม

 

 

“นับจากนี้ท่านจะเป็นสหายตลอดกาลแห่ง พันธมิตรแห่งการปลดแอก ดันทาเลี่ยน ข้ายินดีต้อนรับท่าน”

 

เธอต้องเตรียมขวดไวน์และแก้วไวน์ไว้ก่อนแล้ว สีของไวน์ที่เป็นดั่งสีของเลือดได้เทลงในแก้ว ผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้ดื่มอวยพรกับพวกเขา

 

ผมไม่อาจทำนายเหตุการณ์ในอนาคตได้อีกแล้ว

 

ผลกระทบของกาฬโรคนั้นน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรากลับเกิดขึ้นก่อนเวลานับสิบปี ความแตกต่างที่เกิดขึ้นในเกม กองทัพจอมมารนั้นกลับได้รับชัยชนะ

 

อลิซาเบธ ผู้ที่มีโชคชะตาที่ต้องได้เป็นยอดผู้ปกครองแห่งทวีป กลับโดนผลกระทบทางการเมืองฟาดเอาอย่างแรง ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นสูงกับชาวนากลับเลวร้ายลงทุกที

 

และยังมีผู้คนที่นี่ที่ยังปรารถนาการปฏิวัติ

 

“พวกเรามีมากมาย และพวกเรานั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน”

 

ไพมอนยกแก้วของเธอขึ้นราวกับจะเป็นผู้นำการเอวยพร ซึ่งถ้อยคำนั้นเป็นดั่งสโลแกนของพันธมิตรแห่งการปลดแอก

 

“แด่การปฏิวัติ”

 

ทุกคนต่างตะโกนพร้อมๆกัน

 

“แด่การปฏิวัติ!”

 

“แด่การปฏิวัติ―!”

 

รวมผมเข้าไปด้วย ไวน์ทั้งแก้วทั้ง 14 คนหมดเกลี้ยงในทันที พวกเราโยนแก้วทิ้งลงกับพื้นและมันก็แตกกระจาย รูปแบบที่มาจากกองทัพจอมมารก็ยังคงอยู่ในองค์กรนี้

 

เศษแก้วที่แตกกระจายส่องระยับสะท้อนกับแสงจันทร์

 

 

‘ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่ราบหรือฝ่ายภูเขา ผมก็จะใช้งานพวกเขาทั้งหมด’

 

 

นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังจะทำ

 

และผมจะยังคงทำแบบนั้นต่อไป

 

 

* * *

 

 

รุ่งอรุณมาถึง

 

 

เหล่าสมาชิกของพันธมิตรแห่งการปลดแอกจากไปแล้ว

พวกเขาใช้เวทย์มนตร์เทเลพอร์ทกลับไปอยู่ในสถานที่ที่ควรอยู่ ไพมอนยังคงมอบถ้อยคำที่หนักหนาสำหรับผมในตอนสุดท้าย

 

“สาขาพันธมิตรแห่งการปลดแอกมิได้มีแต่ในโลกมนุษย์เท่านั้น”

 

“พวกเขาอยู่ในโลกปีศาจด้วยรึ หืม?”

 

“เลดี้ผู้นี้รู้ว่า ท่านน่ะเที่ยวไปหาอาร์คดยุคแห่งนรกแล้วพูดอะไรกับพวกเขานะ”

 

ไพมอนยิ้มอย่างยินดี พูดอีกอย่างหนึ่งคือ ก็มีสาธารณรัฐนิยมอยู่ในหมู่อาร์คดยุคด้วยเช่นกัน

 

มันยากที่จะล่วงรู้ว่า อำนาจของไพมอนกับบาอัลนั้นจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน ผมยิ้มอย่างขมขื่นอยู่ภายในขณะที่มองไพมอนจากไป

 

ผมนั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ขณะที่มองท้องฟ้า พระอาทิตย์ค่อยๆลอยขึ้น ขณะที่ผมผึ่งแดดยามเช้าที่แสนจะเซื่องหงอย ผมได้ยินเสียงมาจากด้านหลังผม

 

 

“……ท่านดันทาเลี่ยน”

 

ลาพิสนั่นเอง ผมหันกลับไปแล้วฉีกยิ้มให้ พอหันกลับมามองฟ้าอีกที ลาพิสก็มาอยู่ข้างผมอย่างเงียบๆ เธอก็มองไปที่เส้นขอบฟ้าด้วยเช่นกัน

 

ผมขอโทษด้วยที่เป็นเหตุให้เธอต้องเจอปัญหา ไม่สิ ผมควรจะเป็นคนที่ขอโทษด้วยซ้ำ การที่ผมไม่บาดเจ็บเพราะเธอคุ้มกันผมเนี่ยแหละ

 

……ลาพิสและผมต่างรู้ว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องพูดคำพูดอื่นใดนอกจากคำนั้น

 

คำพูดเพียงประโยคเดียว

 

“ขอบคุณนะ”

 

“ค่ะ ขอบคุณท่านมากค่ะ”

 

แค่เพียงคำขอบคุณให้กันก็เพียงพอแล้ว

 

เราสองคนต่างเฝ้าดูแสงแรกอรุณกันอย่างเงียบๆ

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 150 คนทรยศ(6)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 150 คนทรยศ(6) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

ผ่านไปสักพักก่อนที่ไพมอนจะถอนหัวออก สัมผัสชุ่มชื่นยังคงอยู่บนปากผม

 

 

“เลดี้ผู้นี้ชอบตีเหล็กเมื่อยังร้อน”

 

เธอยิ้มอย่างเขินอาย

 

 

“ข้าไม่เคยเป็นผู้ร้องขอเรื่องแบบนี้มาก่อน ด้วยศักดิ์ศรีฐานะของราชินีซัคคิวบัส ดังนั้นหากท่านร้องขอก่อน เลดี้ผู้นี้ก็จะถวายร่างกายด้วยความยินดี……. ท่านคิดเห็นอย่างไร?”

 

“ข้าขอปฏิเสธด้วยความเคารพครับ”

 

 

ผมประสานมือตัวเอง ผมไม่เคยเห็นว่าจะมีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้นหลังจากปล่อยให้ผู้หญิงเล่นล้อหว่างขาผู้ชายโดยไม่ยั้งคิด

 

ยิ่งไปกว่านั้น อยากให้ผมเป็นชายที่มีความสัมพันธ์แบบนั้นกับทั้งบาร์บาทอสและไพมอนอย่างนั้นรึ?

มันบ้าเกินไปแล้ว ผมต้องจบลงด้วยปัญหาทางการเมืองในทันทีแน่ๆ ผมยังไม่พร้อมใจจะตีตั๋วไปว่ายเล่นในแม่น้ำแห่งความตายไวขนาดนั้น

 

“อืมม ดูเหมือนท่านจะการ์ดแข็งกว่าที่ข้าคิดไว้”

 

ไพมอนขมวดคิ้วคล้ายกับผิดหวังในการตัดสินใจของผม

 

“หรือท่านน่ะชอบร่างกายที่เด็กกว่านี้แบบบาร์บาทอสล่ะ? ยังไงนี่ก็เป็นความฝัน เลดี้ผู้นี้สามารถเปลี่ยนรูปร่างตามใจท่านได้นะ”

 

“ข้ามิได้มีรสนิยมแบบนั้น”

 

จริงอยู่ที่ผมจบลงที่กลายเป็นคนรักของทั้งบาร์บาทอสและลอร่า ที่มีรูปร่างเล็กกะทัดรัด แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นอย่างนั้น นับตั้งแต่ผมมาอยู่ในโลกใบนี้มันเหมือนกับมีพลังงานจักรวาลหรืออะไรบางอย่างมาป่วนโชคชะตา รสนิยมทางเพศของผมนั้นปกติ เอาจริงๆนะ บ้าเอ๊ย

 

ไพมอนทำหน้ามุ่ยออกมา

“อย่างนั้นก็ดี ถ้าอย่างนั้นในชั่วขณะที่ท่านสามารถพิชิตป้อมปราการได้เป็นตอนที่ท่านจะได้รับความพึงพอใจสูงสุด

ทั้งการที่ได้เป็นชายคนแรกของบาร์บาทอส และสามารถทำให้เลดี้ผู้นี้คุกเข่าขอร้องได้

……ฟุฟุ ช่างเป็นภาพที่น่าดูเสียจริง ข้าจะรอดูก็แล้วกันนะ”

 

ไม่ต้องมารอดง รอดูอะไรแบบนั้นเลย

 

ผมแน่ใจแล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายภูเขาหรือที่ราบ สมองของพวกจอมมารระดับสูงนั้นโดนย้อมไปด้วยกามตัณหาทั้งสิ้น

 

บาร์บาทอสก็เป็นที่สุดของยัยลามก รักการเล่น BDSM นังโลลิบ้า 

ยัยผมทองไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดแบบ จอมมารลำดับ 4 กามิกิน ก็เป็นนังมาโซคิสม์

และผู้หญิงตรงหน้าผมก็ไม่ยอมแพ้ให้กับอดีตคู่รักเก่าโดยมาพร้อมกับความดื้อรั้นที่จะทำเรื่องแบบนั้น

 

ผมไม่เข้าใจเลยว่า จะไปแยกฝักฝ่ายกันทำไม พวกนางควรจะรวมก๊วนร่วมแก๊งกันแล้วสร้าง ปาร์ตี้พวกโรคจิตด้วยกันเสียเลย 

 

ผมแน่ใจเลยว่า จะสามารถรวมกองทัพจอมมารเป็นหนึ่งเดียวกันได้โดยไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อแน่ๆ มันไม่เยี่ยมกว่ารึไง?

 

จอมมารพวกนี้มันไม่ต่างกันเลย…….ผมเข้าใจเรื่องนี้ดูอยู่แล้ว แต่คุณจะไม่มีทางหาจอมมารตนใดที่น่าเชื่อถือและจริงใจเหมือนอย่างผมอีกแล้วล่ะ

 

“ข้าอยู่ในการดูแลของท่านแล้ว ท่านไพมอน”

 

“แน่นอน ดันทาเลี่ยน เรามาร่วมมือกันเพื่อเป้าหมายของแต่ละฝ่ายเถอะ”

 

พวกเราจับมือกัน

 

“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าหวังว่า พวกเราจะแอบมีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆโดยไม่ให้ใครรู้นะ”

 

“……นั่นมัน เอ่อ ช่างเป็นเกียรตินัก”

 

ยัง ยังไม่เลิกอีก! 

ผมน่ะ เป็นชายผู้รู้ว่าควรจะจัดการกับราคะของตัวเองยังไงนะเออ ใช้สมองอันเปี่ยมไปด้วยเหตุผลที่อยู่บนบ่า ผมไม่หื่นขึ้นมาง่ายๆเพียงเพราะไพมอนกระดิกหางยั่วหรอก

 

(TTL : ‘คนอ่าน : เหรออออ’ )

 

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็แอบสงสัย ค่าความชอบของไพมอนที่มีต่อผมออกจะต่ำ แต่ดูจากบุคลิกของเธอ เธอไม่น่าจะเป็นคนที่จูบใครก็ได้นี่

 

 

‘สเตตัส’

 

ผมจึงตัดสินใจที่จะเลือกดูสเตตัสของไพมอนแทน 

หากค่าความชอบของเธอนั้นต่ำเกินไป ผมก็จะเห็นแต่ค่าสเตตัสพื้นฐาน หากเป็นอย่างนั้นก็เป็นอะไรที่น่ากลัวมากเพราะนั่นหมายถึง ไพมอนหลอกผมมาจนถึงตอนนี้

 

เธอแกล้งทำเป็นแสดงกับผมเหมือนอย่างที่ทำกับฮีโร่

 

 

แต่ความกังวลของผมก็กลับหายไปในพริบตา

 

– ติ้ง!

Ο

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

ชื่อ: ไพมอน

เผ่า: จอมมาร   ฝ่าย: กองกำลังจอมมารไพมอน, ฝ่ายภูเขา, พันธมิตรแห่งการปลดแอก (Liberation Alliance)

สถานะ: ชั่วร้าย Evil (-34)

เลเวล: 349    ชื่อเสีย: 5354100

อาชีพ: จอมมาร(S), ผู้จัดการดันเจี้ยน(A+), อาร์คเมจ(ถูกทำลาย)

ความเป็นผู้นำ: 300  อำนาจ: 224   ความฉลาด: 107

ไหวพริบ: 448  เสน่ห์: 572  เทคนิค: 349

 

ค่าความชอบ: 44

 

ความคิดตอนนี้: ‘หรือข้าควรจะทำกับเขาเลยดีนะ? หืมม’

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

ผมไม่แน่ใจว่าทำไม แต่ค่าความชอบของไพมอนนั้นอยู่ที่ 44 ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ

 

‘ผมไม่เคยเห็นหน้าต่างแจ้งเตือนบอกผม เรื่องค่าความชอบของไพมอนสูงขึ้น เพราะอะไรกัน?’

 

ยิ่งไปกว่านั้น ค่าสแตทของเธอมันกระจายแบบไม่เสมอกัน ค่าไหวพริบทางการเมืองและค่าเสน่ห์ของเธอนั้นสูงจนผิดปกติ นั่นพออธิบายได้ว่า ทำไมเธอถึงเชี่ยวชาญการวางแผนทางการเมืองมากแต่ไม่ถนัดการวางแผนปกติเลย 

ซึ่งนั่นก็เหมาะดีสำหรับหัวหน้าฝ่ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในกองทัพจอมมารที่จะมีสแตทแบบนี้

 

 

……ความคิดตอนนี้ของเธอ ทำเอาผมรู้สึกกังวล แต่ผมตัดสินใจแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปก่อน เอ่อ แต่ผมเหมือนเห็นอะไรที่เดจาวูนะ ผมพยายามทำใจให้สงบก่อนจะถามออกไป

 

“ขอถามหน่อยนะ ท่านไพมอน จริงๆแล้วท่านชอบอะไรในตัวข้า?”

 

“ช่างเป็นคำถามที่หุนหันเหลือเกินนะ”

 

ไพมอนหยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะพูดออกมา

 

“เอาล่ะก็ย้อนตั้งแต่ตอนที่ท่านน่ะพูดสุนทรพจน์ในกองทัพพันธมิตร ข้าเชื่ออย่างสุดใจว่า ท่านจะได้มาเป็นพันธมิตรกับเลดี้ผู้นี้”

 

“อ้อ จากตรงนั้นเองสินะ”

 

มันเกิดขึ้นในระหว่างที่ผมพูดอยู่นั่นเอง ห้ะ? นั่นก็แสดงว่าหลังจากผมเอาชนะเจ้าหญิงจักรวรรดิได้แล้ว หน้าต่างนับพันเด้งเข้ามาตอนนั้นที่แสดงถึงค่าความชอบที่ผู้คนมีต่อผม

 

ผมไม่สามารถไปไล่เช็คได้ทุกละอันจนครบทุกอันได้ ผมจึงปิดมันพร้อมกันในคราวเดียว หนึ่งในนั้นของมีค่าความชอบของไพมอนด้วย……. มันประหลาดใจมากที่ผมไม่ได้สังเกตเรื่องนี้มาก่อนเลย

 

 

“ไม่มีคำถามอื่นแล้วใช่ไหม? เอาล่ะ ตอนนี้ก็ได้เวลาที่ข้าจะต้องแนะนำให้ท่านรู้จัก”

 

“หา? แนะนำข้าให้รู้จัก?”

 

“พวกเรานั้นมีมากมายและพวกเรานั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน”

 

รอยยิ้มที่อ่านไม่ออกปรากฏบนริมฝีปากของไพมอน

 

 

“ได้เวลาตื่นขึ้นมาแล้ว ดันทาเลี่ยน”

 

ฟลิ้ป 

เธอดีดนิ้ว

 

ผมลืมตาขึ้นมาทันที ช่องว่างสีขาวที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งหมดที่ผมเห็นคือ เพดานของรถม้านที่อยู่ตรงหน้าผม มันเป็นตอนกลางคืน

 

 

ผมยกท่อนบนขึ้นทันที ลาพิสนั้นหลับอย่างสันติอยู่อีกด้านหนึ่งของในตัวรถม้า มีเพียงเสียงหายใจของเธอที่ยังดังแผ่วๆอยู่ในความเงียบ

……นี่ผมพึ่งตื่นจากฝันอย่างนั้นหรือ? 

 

มันเป็นความรู้สึกประหลาด ราวกับว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานแต่ขณะเดียวกันก็เหมือนผ่านไปแปปเดียว หัวผมโล่งเหมือนได้นอนฟื้นเต็มที่ ผมลุกขึ้นโดยอัตโนมัติแล้ว เปิดประตูรถม้าอย่างระวัง

 

 

“ยินดีต้อนรับ ดันทาเลี่ยน”

 

อยู่ตรงนั้นเอง ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม คือ ไพมอนในชุดดำ

 

ไม่ใช่แค่เธอคนเดียว แต่ยังมีผู้คนอีกมากมายยืนเรียงแถวด้านหลังเธอ ทั้งหมดต่างสวมชุดดำ พวกเธอต่างยืนอย่างเคร่งขรึมในความเงียบ จนดูเหมือนผมกำลังอยู่ในงานศพ

 

พวกเราอยู่ในซากปราสาท กองไฟนั้นดับสนิทแล้ว มีเพียงแสงซีดๆจากพระจันทร์เท่านั้นฉายลงมาที่ตัวเธอ

 

 

―ไพมอนได้จับชายชุดเดรสและแสดงความเคารพราวกับว่าเธอเป็นเลดี้แห่งปราสาทหลังนี้ผู้ข้ามเวลามา

 

 

“พวกเราคือ พันธมิตรแห่งการปลดแอก เป็นเพียงสมาพันธ์เดียวเท่านั้นแห่งโลกมนุษย์และโลกปีศาจ”

 

ทั่บ

 

กลุ่มคนทั้งหลายที่ยืนอยู่หลังไพมอนใช้มือขวานาบอกตนอย่างพร้อมเพรียง

 

“พวกเราเชื่อว่า สิ่งมีชีวิตนั้นต่างเท่าเทียมกัน ดังนั้นพวกเราตัดสินใจเปลี่ยนโลกให้กลับสู่สถานะเดิม

พวกเราเป็นคู่หูที่ตัดสินใจว่า จะอุทิศเลือดและหยาดเหงื่อสู่การปฏิวัติเพื่อรอวันในคำทำนายที่จะมาถึง”

 

“…….”

 

ผมถึงกับงงเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า  โดยเริ่มจากบุคคลทางขวามือผม พวกเขาเริ่มพูดตามคำสั่ง เสียงของพวกเขานั้นหลอมกลืนไปกับท้องฟ้ายามค่ำคืน

 

คนที่มีหนวดเป็นฝอยๆโค้งทักทายผม

 

 

“เป็นเกียรติยิ่งที่ได้พบท่าน ฝ่าบาท ผู้น้อยนี้มีนามว่า สเตฟาน ทิโมเฟเยวิช (Stephan Timofeyevich) เป็นเลือดผสมระหว่างเอลฟ์ที่ราบกับมนุษย์

ผมอยู่ในสาขาของพันธมิตรแห่งการปลดแอกในจักรวรรดิมอสโคว ผมทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดแห่งทหารม้าดอนคอสแส่ค(Don Cossacks Cavalry) ยินดีที่ได้พบท่าน”

 

ต่อไปก็เป็นคนแคระตัวล่ำหันมาพูด

 

“ผู้ต่ำต้อยผู้นี้ชื่อ แจ็ค บอนฮอมเม่(Jack Bonhomme) ข้ามาจากเผ่าคนแคระเคราะเขียว ข้าเป็นผู้จัดการสาขาในจักรวรรดิแฟร้งของพันธมิตรแห่งการปลดแปลก ข้าเป็นผู้นำหน่วยทหารรับจ้างขวานคู่ ข้าได้ยินเรื่องราวของฝ่าบาทมามาก”

 

“ยินดีขอรับ ผู้นี้ชื่อ วัท เทเล่อ!(Wat Tyler) ผู้นี้อยู่ในพันธมิตรแห่งการปลดแอกสาขาราชอาณาจักรเบอร์นิเซีย!”

 

พวกเขาแนะนำตัวต่อไปทีละคน ทีละคน

 

มอสโคว,แฟร้ง,เบอร์นิเซีย,บริทแทนนี่,แคสไทล์,ซาร์ดิเนีย,ฮับบวร์ก,ทิวทัน,คัลเมอร์,รัฐปกครองตนเอง โพลิช-ลิทัวร์เนีย, อนาโตเลีย และสุดท้าย เด็กสาวผู้มีผมบลอนด์หมองพูดขึ้น

 

“ผู้น้อยนี้มีนามว่า แอนนา เดอ บิส ฉันเป็นผู้จัดการทั่วไปของพันธมิตรแห่งการปลดแอก และยังเป็นผู้จัดการสาขาแห่งสาธารณรัฐบัตตาเวีย ฉันมีตำแหน่งต่ำสุดในที่นั่ง 13 สมาชิกประจำชาติ ฉันอยู่ในการดูแลของท่านแล้ว”

 

ทั้งหมด 12 คน พวกเขาทั้งหมดมีพื้นเพอยู่ในแต่ละชาติในทวีป หนึ่งในนั้นเป็นผู้นำของเผ่านอร์แมนดิกใหญ่ อีกคนก็เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในราชอาณาจักร และอีกคนก็เป็นตำแหน่งสำคัญในโครงสร้างของสาธารณรัฐ

 

“…….”

 

สาธารณรัฐที่ไพมอนพูดถึงนั้นใหญ่และฝังรากลึกไปในตำแหน่งสำคัญทุกสังคมยิ่งกว่าที่ผมคาดไว้ หากผู้คนพวกนี้ยอมทำตาม ก็ไม่ยากนักที่ทั้งทวีปจะตกอยู่ในความวุ่นวาย ผมแทบไม่มีอะไรจะพูดเมื่อจินตนาการถึงความสามารถของพวกเขา

 

ไพมอนเป็นบุคคลสุดท้ายที่พูดออกมา

 

 

“เลดี้ผู้นี้เป็นหัวหน้าของกองทัพแห่งการปลดแอก จอมมารลำดับ 9 ไพมอน”

 

ผมตอบกลับออกมาอย่างเรียบๆ

 

“ข้าคือ จอมมารลำดับ 71 ดันทาเลี่บน”

 

 

“ดันทาเลี่ยน ท่านจะสาบานได้หรือไม่ว่าจะไม่เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับพันธมิตรแห่งการปลดแอกแม้จะมีมีดมาจ่อคอ?”

 

มันไม่ใช่คำสาบานลอยๆอย่างง่ายๆ มันมีพันธะสัญญาเวทย์มนตร์ปรากฏด้วย นั่นคือสิ่งที่ไพมอนกำลังจ้องไปด้วยขณะที่พูด

 

หากผมเดินหน้าไปอีกก้าว ผมจะเข้าสู่โลกที่ผมไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนในเกม

ชิ้นส่วนของข้อมูลที่ผมมี มาจนถึงตอนนี้ไม่เพียงพอจะทำแบบนั้น ดังนั้น การเอาชีวิตรอดของผมนั้นจะขึ้นอยู่กับความสามารถของผมเท่านั้น

 

ขณะที่ยืนอยู่บนทางแยกนั่นเอง

 

 

“ใช่ ข้าขอสาบาน”

 

ผมตอบกลับไปอย่างแน่วแน่

ไพมอนยิ้ม

 

 

“นับจากนี้ท่านจะเป็นสหายตลอดกาลแห่ง พันธมิตรแห่งการปลดแอก ดันทาเลี่ยน ข้ายินดีต้อนรับท่าน”

 

เธอต้องเตรียมขวดไวน์และแก้วไวน์ไว้ก่อนแล้ว สีของไวน์ที่เป็นดั่งสีของเลือดได้เทลงในแก้ว ผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้ดื่มอวยพรกับพวกเขา

 

ผมไม่อาจทำนายเหตุการณ์ในอนาคตได้อีกแล้ว

 

ผลกระทบของกาฬโรคนั้นน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรากลับเกิดขึ้นก่อนเวลานับสิบปี ความแตกต่างที่เกิดขึ้นในเกม กองทัพจอมมารนั้นกลับได้รับชัยชนะ

 

อลิซาเบธ ผู้ที่มีโชคชะตาที่ต้องได้เป็นยอดผู้ปกครองแห่งทวีป กลับโดนผลกระทบทางการเมืองฟาดเอาอย่างแรง ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นสูงกับชาวนากลับเลวร้ายลงทุกที

 

และยังมีผู้คนที่นี่ที่ยังปรารถนาการปฏิวัติ

 

“พวกเรามีมากมาย และพวกเรานั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน”

 

ไพมอนยกแก้วของเธอขึ้นราวกับจะเป็นผู้นำการเอวยพร ซึ่งถ้อยคำนั้นเป็นดั่งสโลแกนของพันธมิตรแห่งการปลดแอก

 

“แด่การปฏิวัติ”

 

ทุกคนต่างตะโกนพร้อมๆกัน

 

“แด่การปฏิวัติ!”

 

“แด่การปฏิวัติ―!”

 

รวมผมเข้าไปด้วย ไวน์ทั้งแก้วทั้ง 14 คนหมดเกลี้ยงในทันที พวกเราโยนแก้วทิ้งลงกับพื้นและมันก็แตกกระจาย รูปแบบที่มาจากกองทัพจอมมารก็ยังคงอยู่ในองค์กรนี้

 

เศษแก้วที่แตกกระจายส่องระยับสะท้อนกับแสงจันทร์

 

 

‘ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่ราบหรือฝ่ายภูเขา ผมก็จะใช้งานพวกเขาทั้งหมด’

 

 

นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังจะทำ

 

และผมจะยังคงทำแบบนั้นต่อไป

 

 

* * *

 

 

รุ่งอรุณมาถึง

 

 

เหล่าสมาชิกของพันธมิตรแห่งการปลดแอกจากไปแล้ว

พวกเขาใช้เวทย์มนตร์เทเลพอร์ทกลับไปอยู่ในสถานที่ที่ควรอยู่ ไพมอนยังคงมอบถ้อยคำที่หนักหนาสำหรับผมในตอนสุดท้าย

 

“สาขาพันธมิตรแห่งการปลดแอกมิได้มีแต่ในโลกมนุษย์เท่านั้น”

 

“พวกเขาอยู่ในโลกปีศาจด้วยรึ หืม?”

 

“เลดี้ผู้นี้รู้ว่า ท่านน่ะเที่ยวไปหาอาร์คดยุคแห่งนรกแล้วพูดอะไรกับพวกเขานะ”

 

ไพมอนยิ้มอย่างยินดี พูดอีกอย่างหนึ่งคือ ก็มีสาธารณรัฐนิยมอยู่ในหมู่อาร์คดยุคด้วยเช่นกัน

 

มันยากที่จะล่วงรู้ว่า อำนาจของไพมอนกับบาอัลนั้นจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน ผมยิ้มอย่างขมขื่นอยู่ภายในขณะที่มองไพมอนจากไป

 

ผมนั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ขณะที่มองท้องฟ้า พระอาทิตย์ค่อยๆลอยขึ้น ขณะที่ผมผึ่งแดดยามเช้าที่แสนจะเซื่องหงอย ผมได้ยินเสียงมาจากด้านหลังผม

 

 

“……ท่านดันทาเลี่ยน”

 

ลาพิสนั่นเอง ผมหันกลับไปแล้วฉีกยิ้มให้ พอหันกลับมามองฟ้าอีกที ลาพิสก็มาอยู่ข้างผมอย่างเงียบๆ เธอก็มองไปที่เส้นขอบฟ้าด้วยเช่นกัน

 

ผมขอโทษด้วยที่เป็นเหตุให้เธอต้องเจอปัญหา ไม่สิ ผมควรจะเป็นคนที่ขอโทษด้วยซ้ำ การที่ผมไม่บาดเจ็บเพราะเธอคุ้มกันผมเนี่ยแหละ

 

……ลาพิสและผมต่างรู้ว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องพูดคำพูดอื่นใดนอกจากคำนั้น

 

คำพูดเพียงประโยคเดียว

 

“ขอบคุณนะ”

 

“ค่ะ ขอบคุณท่านมากค่ะ”

 

แค่เพียงคำขอบคุณให้กันก็เพียงพอแล้ว

 

เราสองคนต่างเฝ้าดูแสงแรกอรุณกันอย่างเงียบๆ

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+