Dungeon Defense (WN) 165 โลกที่จอมมารเท่านั้นที่รู้ (2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 165 โลกที่จอมมารเท่านั้นที่รู้ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

* * *

 

 

ในคราวนี้ผมออกเดินทางพร้อมกับ <พันธมิตรแห่งการปลดแอก> ของไพมอน

 

พันธมิตรปลดแอกนั้นได้เตรียมการลุกฮือของเหล่าชาวนาในสเกลใหญ่ ผมเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าที่พวกเขาเตรียมการไว้นั้นเป็นขนาดไหนกันแน่

 

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็พูดออกมาอย่างเชื่อมั่นว่า มันเป็นขนาดที่ใหญ่ มันก็คงจะใหญ่มากพอที่จะสั่นสะเทือนไปจนถึงรากฐานของประเทศชาติได้เลย สมาชิกของพันธมิตรปลดแอกนั้นวางแผนที่จะเป็นผู้นำในการลุกฮือขึ้นต่อต้านของเหล่าชาวนา

 

ผมได้รับหน้าที่ให้มาช่วยสนับสนุนโดยเดินทางไปพร้อมกับเหล่าหัวหน้า

……ใช่แล้วล่ะ ไม่จำเป็นต้องหลบๆซ่อนๆอีกต่อไป พันธมิตรปลดแอกนั้นขอให้ผมช่วยพวกเขา ‘ปลุกปั่น’

 

แม้โลกจะตกอยู่ในความวุ่นวายเนื่องจากกาฬโรคและความอดอยากที่ตามมา แต่ก็ใช่ว่าจะมีชาวนาที่ใจกล้าจะหยิบหอก หยิบเคียวขึ้นมาต่อสู้กับชนชั้นสูง

 

เหล่าชนชั้นสูงมีอัศวิน อัศวินทั้งหลายนั้นสามารถใช้ออร่าซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ชาวนากลัวกัน

 

การจะบ้าคลั่งได้นั้นต้องก้าวข้ามความกลัวนั้นไป การขึ้นพูดปราศรัยเป็นหนทางหนึ่งในการปลูกฝังความบ้าคลั่งนั้นลงไปให้กับผู้คน

…….แม้แต่ผมยังต้องยอมรับเลยว่า ไม่อาจมีใครสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นอย่างชัดๆในช่วงพิธีการพูดสุนทรพจน์ได้เท่าผมอีกแล้ว

 

ซึ่งมันก็โอเคแหละหากจะบอกว่า ไพมอนกับผมนั้น พวกเรามีเป้าหมายเดียวกัน เธอต้องการให้ราชอาณาจักรในโลกมนุษย์ล่มสลายขณะที่ผมก็อยากให้โลกมนุษย์นั้นวุ่นวาย

 

การไปรับคนมาเป็นอัศวินจากอาณาจักรฟรานเคีย(Frankia) หลังจากที่ขึ้นพูดในที่สาธารณะบ้างเป็นครั้งเป็นคราว นั่นแหละคือ ตารางงานของผม

 

 

ผมมาถึงฟรานเคียด้วยคัมภีร์เทเลพอร์ท

แสงสีขาวห้อมล้อมตัวผมแล้วก็จางหายไป

 

พอผมลืมตาขึ้นมา ก็มีผู้คนมายืนอยู่ตรงหน้าผม มีกลุ่มคนแคระตัวเล็กปะปนกันอยู่

 

คนแคระผู้นั้นพอเห็นผมปุ้บ ก็เดินเข้ามาใกล้ผม เขาโค้งให้ผมอย่างสุภาพ

 

“แจ็ค บอนโฮม(Jack Bonhomme)แห่งหนวดเขียว ผู้น้อยนี้ขอทักทายฝ่าบาทดันทาเลี่ยน”

 

ผมเคยพบกับ แจ็ค บอนโฮมมาก่อนแล้ว ตอนนั้นเขาอยู่ที่ซากปรักหักพังของปราสาทตอนกลางคืน และได้ไพมอนแนะนำสมาชิกพันธมิตรปลดแอก

 

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราก็ไม่มีเวลามากพอที่จะทำความรู้จักกัน นี่จึงเป็นการพบเจอกันครั้งจริงๆ

บ่อยครั้งที่ผู้คนมักจะบอกว่า ความประทับใจแรกนั้นสามารถสะท้อนให้เห็นถึงสันดานของคนๆนั้นได้ แล้วกรณีนี้ล่ะ?

 

หากจะให้ผมตอบ ก็ใช่เลยล่ะ 

คุณสามารถคาดเดานิสัยของคนได้ในระดับหนึ่งเลย

 

แจ็ค บอนโฮม นั้นมิได้เข้ามาทักทายผมทันทีที่เห็น เขาผงกหัวก่อนจะเดินเข้ามาหาอย่างเชื่องช้า เขาตรวจสอบผมให้แน่ชัดว่า ผู้ที่เทเลพอร์ทมานั้นใช่ผมหรือไม่ เขาเป็นคนที่รอบคอบพอควรเลย

 

ยิ่งไปกว่านั้น เขาอยู่ในชุดเสื้อผ้าขาดเก่า บุคคลที่ยืนอยู่ด้านหลังแจ็ค บอนโฮมนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นทหารรับจ้าง ดาบของพวกเขาเหน็บไว้ที่สะเอว และยังแต่งชุดเสื้อผ้าหรูหราโดยมีสีฟ้า เหลือง และม่วง

พวกนั้นน่ะเป็นเหมือนคนที่ชอบอวดโอ่หนวดตัวเองโดยไม่จำเป็น แต่ถึงอย่างนั้นหัวหน้าของพวกเขา แจ็ค บอนโฮมกลับสวมเสื้อผ้าธรรมดา ที่ขาดๆ นั่นหมายถึงเขามีความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก

 

ผู้นำน่ะ ยิ่งสวมเสื้อผ้าหรูหรามากเท่าไหร่ยิ่งสะท้อนถึงการขาดความมั่นใจในตัวเองเท่านั้น ความจริงที่เขาสวมเสื้อผ้าเก่าๆนั้นทำให้เขากลายเป็นผู้นำที่ดูน่าเกรงขามอย่างไม่อาจปฏิเสธ

แจ็ค บอนโฮมนั้นเป็นบุคคลที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวมากในกลุ่มทหารรับจ้าง

 

บุคคลที่ยืนและทักทายผมด้วยความเคารพต่อหน้าลูกน้องตัวเองนั้น ได้แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ไม่ได้จะแสดงความรังเกียจคนนอกอย่างผม

พอเป็นอย่างนั้นเขาก็ได้แสดงตัวอย่างให้ลูกน้องเห็นแล้วว่า สมควรที่จะปฏิบัติกับผมด้วยความเคารพเช่นกัน

 

พอเอาข้อมูลที่ได้มารวมๆกันแล้ว

 

แจ็ค บอนโฮมนั้นเป็นคนที่รอบคอบ เขาสามารถควบคุมกลุ่มของตัวเองได้โดยสมบูรณ์ โดยไม่ต้องทำตัวหรูหราสูงส่ง และปฏิบัติตัวกับผมด้วยความนับถือเมื่อรู้ว่า พวกเราต้องเป็นเพื่อนร่วมเดินทางด้วยกัน

ช่างเป็นสุภาพบุรุษอะไรเช่นนี้!

ผมตั้งใจยิ้มแย้มออกมากว้างๆ

 

“สักพักแล้วนะ สหายแจ็ค บอนโฮม เจ้าเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”

 

ผมแตะบ่าของเขา

 

“เจ้าเนี่ยยังมีรูปร่างที่น่าประทับใจจริงๆ คงไม่มีอันตรายใดย่างกรายร่างกายของเจ้าได้ ข้ารู้สึกปลอดภัยที่รู้ว่า เจ้าจะมาเป็นผู้นำทางให้กับพวกเรา ฝากเจ้าดูแลด้วยนะ หัวหน้าแจ็ค บอนโฮม!”

 

แจ็ค บอนโฮมนั้นมองผมด้วยสายตานับถือจากใจจริง แล้วจะให้ผมตอบแทนกลับไปยังไงล่ะ?

 

หวังจะอยู่ร่วมฝูงก็ต้องเคารพจ่าฝูงสิ

 

ผมจะขอพูดย้ำอีกครั้ง แต่ผมไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าคนนอก ผมอาจจะเป็นจอมมาร แต่จากมุมมองของ <พันธมิตรแห่งการปลดแอก> นั้น ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเจ้าหน้าใหม่ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า องค์กรประสานงานกันยังไง และระหว่างเดินทางต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ประสบความสำเร็จได้ตามเป้า ผมน่ะมันไม่ต่างจากเด็กด้วยซ้ำ

แต่ถึงกระนั้นอีกฝ่ายก็ยังพยายามปฏิบัติกับผมด้วยความนับถือเพราะผมเป็นจอมมาร

 

ผมคงจบสิ้นหากมาทำตัวเหนือกว่าเขาที่นี่ แจ็ค บอนโฮมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเคารพผมราวกับผมเป็นราชา 

ในขณะที่ลูกน้องของเขาไม่พอใจกับความสัมพันธ์ดังกล่าวแล้วจบลงที่คิดร้ายกับผม กลุ่มก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆภายในเกินกว่าใครจะคาดคิด

 

หรือการกระทำของผมนั้นสร้างความประหลาดใจให้นะ? คนแคระคนนั้นถึงได้เลิกคิ้วเล็กน้อย

 

เขาได้ส่งยิ้มให้ผม เขาไม่ได้มีความหยาบคายออกมาเลยแม้จะเป็นคนแคระ ผมรู้สึกได้แต่ความยินดีมีสุขมาจากเขา 

ผมพยักหน้า ดูเหมือนพวกเราจะเข้ากันได้ดี

 

 

“ข้าได้รับเกียรติในการคุ้มครองฝ่าบาทในช่วงสองเดือนนี้ อากาศยังคงหนาวแม้ฤดูหนาวจะได้ผ่านไปแล้วแต่ข้าจะตั้งอยางเต็มที่เพื่อให้ฝ่าบาทเดินทางได้สะดวก 

เฮ้ย! พวกแกมัวทำอะไรกันอยู่น่ะ?”

 

แจ็ค บอนโฮม ตะโกนใส่ทหารที่มารวมกันข้างหลังเขา

กลุ่มทหารรับจ้างตอบรับด้วยเสียงอันดังแล้วมาเข้าแถวเรียงกันตรงหน้าผม

 

พวกเขาทุกคนสวมเสื้อเกราะ แน่ชัดแล้วว่า พวกเขาต้องเป็นทหารระดับสูง อาจจะเป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงในฟรานเคีย

 

“กองพลทหารรับจ้างขวานคู่!” 

(Double Ax Mercenary Brigade)

 

แจ็ค บอนโฮมใช้มือไพล่หลังแล้วตะโกนออกมา ผมเกือบตั้งตัวไม่ทัน ตลอดเวลาเขาพูดด้วยเสียงที่เบา แต่จู่ๆกลับตะโกนดังลั่นจนสะท้อนไปทั่วทั้งภู

ทหารหาญที่ยืนแถวเรียงหน้ากระดานต่างยกง้าวขึ้นไว้ข้างหน้า ง้าวของพวกเขานั้นส่องประกายยะเยือกยามที่ต้องแสงสุดท้ายของฤดูหนาว 

 

 

“แสดงความเคารพต่อฝ่าบาทดันทาเลี่ยน!”

 

ทหารรับจ้างสามสิบนายคุกเข่าพร้อมเพรียงกันเพื่อทักทายผม มันช่างเป็นภาพที่น่าดูเหลือเกิน

ในยุคนี้มันยากที่จะหากองกำลังที่เป็นหนึ่งเดียวกันนอกจากหน่วยอัศวิน ผมขอชื่นชมพวกเขาจริงๆ

 

“ยอดเยี่ยมเสียนี่กระไร! ข้าคือ จอมมารลำดับ 71 ดันทาเลี่ยน 

หากมีอะไรที่ข้าสามารถช่วยได้ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ ข้ายินดีทำทุกอย่างตามกำลังที่ข้ามี เรามาพยายามไปด้วยกัน”

 

“พวกเราได้เกียรติเหลือเกิน โปรดเรียกผู้นี้ว่า แจ็กเกอรี่ด้วยครับ”

 

ในที่สุด แจ็ค บอนโฮม ไม่สิ แจ็กเกอรี่ ได้โค้งคำนับ 90 องศา

 

ฮ่าฮ่า ผมบอกได้เลยว่า นี่ต้องการเดินทางที่ผ่อนคลายแน่ๆ

 

 

“หืม?”

 

แต่อย่างไรก็ดี ยังคงมีบุคคลที่หลงเหลืออยู่ยืนด้านหลังโดยมิได้ออกมาแนะนำตัว พวกเขาใส่ผ้าคลุมสีเทา ต่างไปจากเหล่าทหารรับจ้าง ผมแทบจะไม่อาจรับความรู้สึกจากพวกเขาที่ยืนเฝ้าดูอยู่ๆเงียบๆจากด้านหลัง

 

“พวกเขาเป็นใครกันน่ะ? ไม่ใช่คนของเจ้ารึ?”

 

“เอ่อ”

 

แจ็กเกอรี่ทำสีหน้าลำบากใจ หา? นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมคาดหวังไว้นะ ผมชักสงสัยแล้วว่า เกิดปัญหาอะไร

 

หนึ่งในกลุ่มบุคคลผ้าคลุมสีเทาเดินออกมาหา ตอนที่พยายามตรวจสอบพวกเขา บุคคลนั้นมาคุกเข่าต่อหน้าผม

 

 

“เป็นเกียรติแก่พวกเราที่ได้พบกับฝ่าบาทอีกครั้ง”

 

“อีกครั้งรึ?”

 

ผมเลิกคิ้ว พอมาคิดๆดูอีกที พวกเขามีน้ำเสียงที่แปลก พวกเขาถอดฮู้ดออกเช่นเดียวกับที่ผมพยายามขุดค้นความทรงจำตัวเอง ผมสีฟ้าสยายออกมาจากชุดคลุมทันทีที่เลิกฮู้ดลง

 

 

“อ้า เจ้าคือ…….”

 

“ผู้จ้างวานของพวกเราสั่งให้พวกเรามาคอยคุ้มกันฝ่าบาทเวลานี้ค่ะ”

 

ผู้หญิงคนนั้นยิ้ม ครึ่งใบหน้าของเธอนั้นถูกไฟเผาอย่างรุนแรง

 

มือสังหารผู้ที่เคยช่วยชีวิตผมกับลาพิส ด้วยคำสั่งของไพมอนตอนที่ผมถูกลอบโจมตีในโลกปีศาจ 

ผู้หญิงคนนั้นกำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าผม

เธอเป็นคนที่เคยมาขอรับใช้ผม แต่พอโดนผมดุเธอก็ถอยกลับไป

 

 

“ข้าเข้าใจแล้ว ไม่เจอกันพักหนึ่ง แต่…….”

 

ผมหันไปมองแจ็กเกอรี่

 

กองพลทหารรับจ้างและกลุ่มมือสังหาร ผมบอกได้เลยว่า พวกนี้ไม่ได้ทำงานร่วมกัน แล้วนี่ลำดับชั้นในการทำงานมันเป็นยังไงกันเนี่ย? ทหารรับจ้างอยู่เหนือกว่า หรือกลุ่มมือสังหารอยู่เหนือกว่า? 

ใครรับคำสั่ง ใครเป็นผู้สั่งการ?

ท่าทางของผมเปลี่ยนไปเพราะเรื่องนี้แหละ

แจ็กเกอรี่ทำหน้ากระอักกระอ่วน

 

“ข้าเป็นผู้จัดการสาขาพันธมิตรปลดแอกประจำสาขาจักรวรรดิฟรานเคียครับ ส่วนบุคคลนี้เป็นคนในกลุ่มที่ฝ่าบาทไพมอนจ้างมาเป็นการส่วนตัว”

 

“…….”

 

ผมแทบจะสำลักออกมาให้ได้ยิน นี่มันหมายความว่า ไม่มีระบบการสั่งงานกันเลยไม่ใช่รึไง? มันไม่ใช่เรื่องดีแล้วล่ะ แล้วแบบนี้ใครจะเป็นคนกุมอำนาจออกคำสั่งกับคนพวกนี้กันล่ะ?

 

ผมตำหนิแจ็กเกอรี่ด้วยสายตา สิ่งนี้มันควรจะได้รับการแก้ไขก่อนที่ผมจะมาถึงนี่แล้ว มันยากที่จะคิดเลยว่า หัวหน้าทหารรับจ้างนั้นมองข้ามปัญหาสำคัญเช่นนี้ แล้วตัวปัญหาจริงๆคืออะไรกัน?

 

แจ็ค บอนโฮมคงเข้าใจความหมายในแววตาของผมจึงได้ทำท่ารู้สึกผิดอยากจะขอโทษ

 

“การเดินทางหลักๆก็อยู่ใต้การนำของพันธมิตรปลดแอกแต่ถึงอย่างนั้น ผู้นี้พยายามที่จะใช้อำนาจในการสั่งการแต่ทว่า…….”

 

“ผู้จ้างวานของเราสั่งให้เรา รับคำสั่งจากฝ่าบาทเท่านั้น”

 

ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้น

 

 

“นับตั้งแต่ที่เราได้รับคำขอมา ฝ่าบาทก็มีอำนาจในการสั่งการพวกเรา พวกเราไม่ต้องการที่จะรับคำสั่งจากคนแคระ”

 

“……พวกข้าก็ไม่ต้องการจะฟังคำสั่งจากผู้หญิงตัวเล็กอ่อนแอ”

 

แจ็กเกอรี่ทำหน้าบูดขณะที่มองไปยังผู้หญิงคนนั้น เหมือนเขาอยากจะพูดคำพูดหยาบๆใส่แต่ต้องยั้งไว้เพราะผมยังอยู่ที่นี่ ผิดกับภาพลักษณ์ภายนอกจริงๆ แจ็กเกอรี่นั้นช่างเป็นคนที่ดุดันก้าวร้าว

 

ผู้หญิงคนนั้นยิ้มสดใส

 

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จะเป็นขวานคู่หรือขวานเน่า พวกแกน่ะเอาแต่เที่ยวเล่นอยู่ในโลกมนุษย์ พวกเราเป็นกลุ่มมือสังหารที่ไต่อยู่ขอบเหวนรก 

พวกแกจะรู้ตัวไหมว่าจะเกิดอะไรหากลำคอของแกถูกมีดของผู้หญิงตัวเล็กอ่อนแอเฉือนเข้าน่ะ?”

 

“ข้าสงสัยว่าสมองของเจ้าคงจะทำงานได้ดีนะ หากโดนขวานจามกระโหลกหนาๆสักที”

 

สุดท้ายแล้ว ผู้นำทั้งสองต่างเล่นสงครามประสาทใส่กัน

พอมาคิดๆดูแล้ว แจ็กเกอรี่เป็นคนแคระ ส่วนผู้หญิงคนนั้นเป็นเอลฟ์

คนแคระกับเอลฟ์เป็นศัตรูกันทางธรรมชาติที่รู้กันทั่วไปอยู่แล้ว

 

ไม่ได้เถียงกันแต่เรื่องสายบัญชาการเท่านั้นหากแต่เรื่องความรักและความแค้นระหว่างเผ่าก็เข้ามาพัวพันด้วย มันเป็นอะไรที่เลวร้ายสุดๆเลยล่ะ……. ผมถอนใจออกมา

 

 

“เฮ่อออ”

 

ก็ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโกรธขึ้นมาแน่หากผมเลือกฝ่ายไหน แล้วความไม่พอใจที่ว่าก็จะสร้างความแตกแยก ผมเลิกคิดแล้วว่า การเดินทางนี้มันจะราบรื่น

 

 

“ช่วยไม่ได้นะ แจ็กเกอรี่”

 

“ครับ ฝ่าบาท?”

 

แจ็กเกอรี่หยุดทะเลาะแล้วหันมาตอบรับผมด้วยท่าทีสุภาพ ยังมีทางแก้อยู่ทางหนึ่ง

 

 

“ทีแรกข้าตั้งใจจะมอบหมายทุกอย่างให้เป็นหน้าที่และธุระของเจ้า แต่โชคไม่ดีนะ ดูเหมือนข้าจะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้”

 

“ข้าต้องขอประทานอภัย”

 

“นับจากนี้เป็นต้นไป ข้าจะเป็นผู้มีอำนาจในการสั่งการกองพลทหารรับจ้างขวานคู่”

 

แจ็กเกอรีคุกเข่าลง

 

 

“ตามคำบัญชาของท่าน ฝ่าบาท”

 

ถูกต้องแล้วล่ะ หนทางเดียวในการรวมกลุ่มที่แตกแยกกันนั่นคือ การให้กับอำนาจกับคนที่ทั้งสองกลุ่มต่างรู้จักเป็นอย่างดี

 

แจ็กเกอรี่คงคาดหวังเรื่องนี้ไว้แล้ว

 

นั่นคือ สาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงได้แสดงท่าทีสุภาพต่อผมเป็นอย่างมากตั้งแต่แรก คุ ผมล่ะตื่นเต้นจนตัวสั่นเลยพอได้มาเจอกับสุภาพบุรุษตัวเป็นๆอย่างนี้

 

ผมหันหน้ากลับไปหามือสังหารหญิง

 

 

“ชื่อ?”

 

“โปรดเรียกฉันว่า เจเรมิ(Jerem) ฝ่าบาท 

ฉันผู้นี้เป็นหัวหน้าของมือสังหารแผลแดง(Scarlet Scar Assassins)”

 

ผู้หญิงคนนั้นยิ้ม อารมณ์ของเธอนั้นมันเรียบเฉยเมื่อเทียบกับการแสดงออกบนใบหน้า

 

“ดีมาก ถ้าอย่างนั้น เจเรมิ ข้าจะเป็นผู้ออกคำสั่งกับมือสังหารแผลแดงนับจากนี้เป็นต้นไป”

 

“เป็นไปตามที่ท่านประสงค์ค่ะ”

 

เจเรมิ หญิงผู้มีผมสีฟ้าและใบหน้าที่มีแผลไฟไหม้ โค้งคำนับ มือสังหารด้านหลังเธอต่างคุกเข่าในเวลาเดียวกัน ด้วยเหตุนี้

ทหารรับจ้างสามสิบนาย และมือสังหารยี่สิบคน ก็อยู่ใต้การสั่งการของผม

 

ผมในตอนนี้ต้องพยายามทำตัวให้คุ้นเคยกับการดูแลกลุ่มทหารรับจ้างและกลุ่มมือสังหาร……นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย? 

 

ผมออกจะแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าคนนอกแท้ๆ

 

แต่นอกเหนือจากการเป็นคนนอก ผมกลับต้องมากลายเป็นหัวโจกของกลุ่มนี้ 

บ้าชิบ

 

 

“ฮ่าาาาช์”

 

ทำไมมันไม่มีอะไรราบรื่นสำหรับผมเลยนะ? ผมเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมานิดๆแล้ว

 

ไอ้เจ้าโลกบ้านี่…….

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 165 โลกที่จอมมารเท่านั้นที่รู้ (2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 165 โลกที่จอมมารเท่านั้นที่รู้ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

* * *

 

 

ในคราวนี้ผมออกเดินทางพร้อมกับ <พันธมิตรแห่งการปลดแอก> ของไพมอน

 

พันธมิตรปลดแอกนั้นได้เตรียมการลุกฮือของเหล่าชาวนาในสเกลใหญ่ ผมเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าที่พวกเขาเตรียมการไว้นั้นเป็นขนาดไหนกันแน่

 

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็พูดออกมาอย่างเชื่อมั่นว่า มันเป็นขนาดที่ใหญ่ มันก็คงจะใหญ่มากพอที่จะสั่นสะเทือนไปจนถึงรากฐานของประเทศชาติได้เลย สมาชิกของพันธมิตรปลดแอกนั้นวางแผนที่จะเป็นผู้นำในการลุกฮือขึ้นต่อต้านของเหล่าชาวนา

 

ผมได้รับหน้าที่ให้มาช่วยสนับสนุนโดยเดินทางไปพร้อมกับเหล่าหัวหน้า

……ใช่แล้วล่ะ ไม่จำเป็นต้องหลบๆซ่อนๆอีกต่อไป พันธมิตรปลดแอกนั้นขอให้ผมช่วยพวกเขา ‘ปลุกปั่น’

 

แม้โลกจะตกอยู่ในความวุ่นวายเนื่องจากกาฬโรคและความอดอยากที่ตามมา แต่ก็ใช่ว่าจะมีชาวนาที่ใจกล้าจะหยิบหอก หยิบเคียวขึ้นมาต่อสู้กับชนชั้นสูง

 

เหล่าชนชั้นสูงมีอัศวิน อัศวินทั้งหลายนั้นสามารถใช้ออร่าซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ชาวนากลัวกัน

 

การจะบ้าคลั่งได้นั้นต้องก้าวข้ามความกลัวนั้นไป การขึ้นพูดปราศรัยเป็นหนทางหนึ่งในการปลูกฝังความบ้าคลั่งนั้นลงไปให้กับผู้คน

…….แม้แต่ผมยังต้องยอมรับเลยว่า ไม่อาจมีใครสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นอย่างชัดๆในช่วงพิธีการพูดสุนทรพจน์ได้เท่าผมอีกแล้ว

 

ซึ่งมันก็โอเคแหละหากจะบอกว่า ไพมอนกับผมนั้น พวกเรามีเป้าหมายเดียวกัน เธอต้องการให้ราชอาณาจักรในโลกมนุษย์ล่มสลายขณะที่ผมก็อยากให้โลกมนุษย์นั้นวุ่นวาย

 

การไปรับคนมาเป็นอัศวินจากอาณาจักรฟรานเคีย(Frankia) หลังจากที่ขึ้นพูดในที่สาธารณะบ้างเป็นครั้งเป็นคราว นั่นแหละคือ ตารางงานของผม

 

 

ผมมาถึงฟรานเคียด้วยคัมภีร์เทเลพอร์ท

แสงสีขาวห้อมล้อมตัวผมแล้วก็จางหายไป

 

พอผมลืมตาขึ้นมา ก็มีผู้คนมายืนอยู่ตรงหน้าผม มีกลุ่มคนแคระตัวเล็กปะปนกันอยู่

 

คนแคระผู้นั้นพอเห็นผมปุ้บ ก็เดินเข้ามาใกล้ผม เขาโค้งให้ผมอย่างสุภาพ

 

“แจ็ค บอนโฮม(Jack Bonhomme)แห่งหนวดเขียว ผู้น้อยนี้ขอทักทายฝ่าบาทดันทาเลี่ยน”

 

ผมเคยพบกับ แจ็ค บอนโฮมมาก่อนแล้ว ตอนนั้นเขาอยู่ที่ซากปรักหักพังของปราสาทตอนกลางคืน และได้ไพมอนแนะนำสมาชิกพันธมิตรปลดแอก

 

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราก็ไม่มีเวลามากพอที่จะทำความรู้จักกัน นี่จึงเป็นการพบเจอกันครั้งจริงๆ

บ่อยครั้งที่ผู้คนมักจะบอกว่า ความประทับใจแรกนั้นสามารถสะท้อนให้เห็นถึงสันดานของคนๆนั้นได้ แล้วกรณีนี้ล่ะ?

 

หากจะให้ผมตอบ ก็ใช่เลยล่ะ 

คุณสามารถคาดเดานิสัยของคนได้ในระดับหนึ่งเลย

 

แจ็ค บอนโฮม นั้นมิได้เข้ามาทักทายผมทันทีที่เห็น เขาผงกหัวก่อนจะเดินเข้ามาหาอย่างเชื่องช้า เขาตรวจสอบผมให้แน่ชัดว่า ผู้ที่เทเลพอร์ทมานั้นใช่ผมหรือไม่ เขาเป็นคนที่รอบคอบพอควรเลย

 

ยิ่งไปกว่านั้น เขาอยู่ในชุดเสื้อผ้าขาดเก่า บุคคลที่ยืนอยู่ด้านหลังแจ็ค บอนโฮมนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นทหารรับจ้าง ดาบของพวกเขาเหน็บไว้ที่สะเอว และยังแต่งชุดเสื้อผ้าหรูหราโดยมีสีฟ้า เหลือง และม่วง

พวกนั้นน่ะเป็นเหมือนคนที่ชอบอวดโอ่หนวดตัวเองโดยไม่จำเป็น แต่ถึงอย่างนั้นหัวหน้าของพวกเขา แจ็ค บอนโฮมกลับสวมเสื้อผ้าธรรมดา ที่ขาดๆ นั่นหมายถึงเขามีความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก

 

ผู้นำน่ะ ยิ่งสวมเสื้อผ้าหรูหรามากเท่าไหร่ยิ่งสะท้อนถึงการขาดความมั่นใจในตัวเองเท่านั้น ความจริงที่เขาสวมเสื้อผ้าเก่าๆนั้นทำให้เขากลายเป็นผู้นำที่ดูน่าเกรงขามอย่างไม่อาจปฏิเสธ

แจ็ค บอนโฮมนั้นเป็นบุคคลที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวมากในกลุ่มทหารรับจ้าง

 

บุคคลที่ยืนและทักทายผมด้วยความเคารพต่อหน้าลูกน้องตัวเองนั้น ได้แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ไม่ได้จะแสดงความรังเกียจคนนอกอย่างผม

พอเป็นอย่างนั้นเขาก็ได้แสดงตัวอย่างให้ลูกน้องเห็นแล้วว่า สมควรที่จะปฏิบัติกับผมด้วยความเคารพเช่นกัน

 

พอเอาข้อมูลที่ได้มารวมๆกันแล้ว

 

แจ็ค บอนโฮมนั้นเป็นคนที่รอบคอบ เขาสามารถควบคุมกลุ่มของตัวเองได้โดยสมบูรณ์ โดยไม่ต้องทำตัวหรูหราสูงส่ง และปฏิบัติตัวกับผมด้วยความนับถือเมื่อรู้ว่า พวกเราต้องเป็นเพื่อนร่วมเดินทางด้วยกัน

ช่างเป็นสุภาพบุรุษอะไรเช่นนี้!

ผมตั้งใจยิ้มแย้มออกมากว้างๆ

 

“สักพักแล้วนะ สหายแจ็ค บอนโฮม เจ้าเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”

 

ผมแตะบ่าของเขา

 

“เจ้าเนี่ยยังมีรูปร่างที่น่าประทับใจจริงๆ คงไม่มีอันตรายใดย่างกรายร่างกายของเจ้าได้ ข้ารู้สึกปลอดภัยที่รู้ว่า เจ้าจะมาเป็นผู้นำทางให้กับพวกเรา ฝากเจ้าดูแลด้วยนะ หัวหน้าแจ็ค บอนโฮม!”

 

แจ็ค บอนโฮมนั้นมองผมด้วยสายตานับถือจากใจจริง แล้วจะให้ผมตอบแทนกลับไปยังไงล่ะ?

 

หวังจะอยู่ร่วมฝูงก็ต้องเคารพจ่าฝูงสิ

 

ผมจะขอพูดย้ำอีกครั้ง แต่ผมไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าคนนอก ผมอาจจะเป็นจอมมาร แต่จากมุมมองของ <พันธมิตรแห่งการปลดแอก> นั้น ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเจ้าหน้าใหม่ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า องค์กรประสานงานกันยังไง และระหว่างเดินทางต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ประสบความสำเร็จได้ตามเป้า ผมน่ะมันไม่ต่างจากเด็กด้วยซ้ำ

แต่ถึงกระนั้นอีกฝ่ายก็ยังพยายามปฏิบัติกับผมด้วยความนับถือเพราะผมเป็นจอมมาร

 

ผมคงจบสิ้นหากมาทำตัวเหนือกว่าเขาที่นี่ แจ็ค บอนโฮมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเคารพผมราวกับผมเป็นราชา 

ในขณะที่ลูกน้องของเขาไม่พอใจกับความสัมพันธ์ดังกล่าวแล้วจบลงที่คิดร้ายกับผม กลุ่มก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆภายในเกินกว่าใครจะคาดคิด

 

หรือการกระทำของผมนั้นสร้างความประหลาดใจให้นะ? คนแคระคนนั้นถึงได้เลิกคิ้วเล็กน้อย

 

เขาได้ส่งยิ้มให้ผม เขาไม่ได้มีความหยาบคายออกมาเลยแม้จะเป็นคนแคระ ผมรู้สึกได้แต่ความยินดีมีสุขมาจากเขา 

ผมพยักหน้า ดูเหมือนพวกเราจะเข้ากันได้ดี

 

 

“ข้าได้รับเกียรติในการคุ้มครองฝ่าบาทในช่วงสองเดือนนี้ อากาศยังคงหนาวแม้ฤดูหนาวจะได้ผ่านไปแล้วแต่ข้าจะตั้งอยางเต็มที่เพื่อให้ฝ่าบาทเดินทางได้สะดวก 

เฮ้ย! พวกแกมัวทำอะไรกันอยู่น่ะ?”

 

แจ็ค บอนโฮม ตะโกนใส่ทหารที่มารวมกันข้างหลังเขา

กลุ่มทหารรับจ้างตอบรับด้วยเสียงอันดังแล้วมาเข้าแถวเรียงกันตรงหน้าผม

 

พวกเขาทุกคนสวมเสื้อเกราะ แน่ชัดแล้วว่า พวกเขาต้องเป็นทหารระดับสูง อาจจะเป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงในฟรานเคีย

 

“กองพลทหารรับจ้างขวานคู่!” 

(Double Ax Mercenary Brigade)

 

แจ็ค บอนโฮมใช้มือไพล่หลังแล้วตะโกนออกมา ผมเกือบตั้งตัวไม่ทัน ตลอดเวลาเขาพูดด้วยเสียงที่เบา แต่จู่ๆกลับตะโกนดังลั่นจนสะท้อนไปทั่วทั้งภู

ทหารหาญที่ยืนแถวเรียงหน้ากระดานต่างยกง้าวขึ้นไว้ข้างหน้า ง้าวของพวกเขานั้นส่องประกายยะเยือกยามที่ต้องแสงสุดท้ายของฤดูหนาว 

 

 

“แสดงความเคารพต่อฝ่าบาทดันทาเลี่ยน!”

 

ทหารรับจ้างสามสิบนายคุกเข่าพร้อมเพรียงกันเพื่อทักทายผม มันช่างเป็นภาพที่น่าดูเหลือเกิน

ในยุคนี้มันยากที่จะหากองกำลังที่เป็นหนึ่งเดียวกันนอกจากหน่วยอัศวิน ผมขอชื่นชมพวกเขาจริงๆ

 

“ยอดเยี่ยมเสียนี่กระไร! ข้าคือ จอมมารลำดับ 71 ดันทาเลี่ยน 

หากมีอะไรที่ข้าสามารถช่วยได้ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ ข้ายินดีทำทุกอย่างตามกำลังที่ข้ามี เรามาพยายามไปด้วยกัน”

 

“พวกเราได้เกียรติเหลือเกิน โปรดเรียกผู้นี้ว่า แจ็กเกอรี่ด้วยครับ”

 

ในที่สุด แจ็ค บอนโฮม ไม่สิ แจ็กเกอรี่ ได้โค้งคำนับ 90 องศา

 

ฮ่าฮ่า ผมบอกได้เลยว่า นี่ต้องการเดินทางที่ผ่อนคลายแน่ๆ

 

 

“หืม?”

 

แต่อย่างไรก็ดี ยังคงมีบุคคลที่หลงเหลืออยู่ยืนด้านหลังโดยมิได้ออกมาแนะนำตัว พวกเขาใส่ผ้าคลุมสีเทา ต่างไปจากเหล่าทหารรับจ้าง ผมแทบจะไม่อาจรับความรู้สึกจากพวกเขาที่ยืนเฝ้าดูอยู่ๆเงียบๆจากด้านหลัง

 

“พวกเขาเป็นใครกันน่ะ? ไม่ใช่คนของเจ้ารึ?”

 

“เอ่อ”

 

แจ็กเกอรี่ทำสีหน้าลำบากใจ หา? นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมคาดหวังไว้นะ ผมชักสงสัยแล้วว่า เกิดปัญหาอะไร

 

หนึ่งในกลุ่มบุคคลผ้าคลุมสีเทาเดินออกมาหา ตอนที่พยายามตรวจสอบพวกเขา บุคคลนั้นมาคุกเข่าต่อหน้าผม

 

 

“เป็นเกียรติแก่พวกเราที่ได้พบกับฝ่าบาทอีกครั้ง”

 

“อีกครั้งรึ?”

 

ผมเลิกคิ้ว พอมาคิดๆดูอีกที พวกเขามีน้ำเสียงที่แปลก พวกเขาถอดฮู้ดออกเช่นเดียวกับที่ผมพยายามขุดค้นความทรงจำตัวเอง ผมสีฟ้าสยายออกมาจากชุดคลุมทันทีที่เลิกฮู้ดลง

 

 

“อ้า เจ้าคือ…….”

 

“ผู้จ้างวานของพวกเราสั่งให้พวกเรามาคอยคุ้มกันฝ่าบาทเวลานี้ค่ะ”

 

ผู้หญิงคนนั้นยิ้ม ครึ่งใบหน้าของเธอนั้นถูกไฟเผาอย่างรุนแรง

 

มือสังหารผู้ที่เคยช่วยชีวิตผมกับลาพิส ด้วยคำสั่งของไพมอนตอนที่ผมถูกลอบโจมตีในโลกปีศาจ 

ผู้หญิงคนนั้นกำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าผม

เธอเป็นคนที่เคยมาขอรับใช้ผม แต่พอโดนผมดุเธอก็ถอยกลับไป

 

 

“ข้าเข้าใจแล้ว ไม่เจอกันพักหนึ่ง แต่…….”

 

ผมหันไปมองแจ็กเกอรี่

 

กองพลทหารรับจ้างและกลุ่มมือสังหาร ผมบอกได้เลยว่า พวกนี้ไม่ได้ทำงานร่วมกัน แล้วนี่ลำดับชั้นในการทำงานมันเป็นยังไงกันเนี่ย? ทหารรับจ้างอยู่เหนือกว่า หรือกลุ่มมือสังหารอยู่เหนือกว่า? 

ใครรับคำสั่ง ใครเป็นผู้สั่งการ?

ท่าทางของผมเปลี่ยนไปเพราะเรื่องนี้แหละ

แจ็กเกอรี่ทำหน้ากระอักกระอ่วน

 

“ข้าเป็นผู้จัดการสาขาพันธมิตรปลดแอกประจำสาขาจักรวรรดิฟรานเคียครับ ส่วนบุคคลนี้เป็นคนในกลุ่มที่ฝ่าบาทไพมอนจ้างมาเป็นการส่วนตัว”

 

“…….”

 

ผมแทบจะสำลักออกมาให้ได้ยิน นี่มันหมายความว่า ไม่มีระบบการสั่งงานกันเลยไม่ใช่รึไง? มันไม่ใช่เรื่องดีแล้วล่ะ แล้วแบบนี้ใครจะเป็นคนกุมอำนาจออกคำสั่งกับคนพวกนี้กันล่ะ?

 

ผมตำหนิแจ็กเกอรี่ด้วยสายตา สิ่งนี้มันควรจะได้รับการแก้ไขก่อนที่ผมจะมาถึงนี่แล้ว มันยากที่จะคิดเลยว่า หัวหน้าทหารรับจ้างนั้นมองข้ามปัญหาสำคัญเช่นนี้ แล้วตัวปัญหาจริงๆคืออะไรกัน?

 

แจ็ค บอนโฮมคงเข้าใจความหมายในแววตาของผมจึงได้ทำท่ารู้สึกผิดอยากจะขอโทษ

 

“การเดินทางหลักๆก็อยู่ใต้การนำของพันธมิตรปลดแอกแต่ถึงอย่างนั้น ผู้นี้พยายามที่จะใช้อำนาจในการสั่งการแต่ทว่า…….”

 

“ผู้จ้างวานของเราสั่งให้เรา รับคำสั่งจากฝ่าบาทเท่านั้น”

 

ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้น

 

 

“นับตั้งแต่ที่เราได้รับคำขอมา ฝ่าบาทก็มีอำนาจในการสั่งการพวกเรา พวกเราไม่ต้องการที่จะรับคำสั่งจากคนแคระ”

 

“……พวกข้าก็ไม่ต้องการจะฟังคำสั่งจากผู้หญิงตัวเล็กอ่อนแอ”

 

แจ็กเกอรี่ทำหน้าบูดขณะที่มองไปยังผู้หญิงคนนั้น เหมือนเขาอยากจะพูดคำพูดหยาบๆใส่แต่ต้องยั้งไว้เพราะผมยังอยู่ที่นี่ ผิดกับภาพลักษณ์ภายนอกจริงๆ แจ็กเกอรี่นั้นช่างเป็นคนที่ดุดันก้าวร้าว

 

ผู้หญิงคนนั้นยิ้มสดใส

 

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จะเป็นขวานคู่หรือขวานเน่า พวกแกน่ะเอาแต่เที่ยวเล่นอยู่ในโลกมนุษย์ พวกเราเป็นกลุ่มมือสังหารที่ไต่อยู่ขอบเหวนรก 

พวกแกจะรู้ตัวไหมว่าจะเกิดอะไรหากลำคอของแกถูกมีดของผู้หญิงตัวเล็กอ่อนแอเฉือนเข้าน่ะ?”

 

“ข้าสงสัยว่าสมองของเจ้าคงจะทำงานได้ดีนะ หากโดนขวานจามกระโหลกหนาๆสักที”

 

สุดท้ายแล้ว ผู้นำทั้งสองต่างเล่นสงครามประสาทใส่กัน

พอมาคิดๆดูแล้ว แจ็กเกอรี่เป็นคนแคระ ส่วนผู้หญิงคนนั้นเป็นเอลฟ์

คนแคระกับเอลฟ์เป็นศัตรูกันทางธรรมชาติที่รู้กันทั่วไปอยู่แล้ว

 

ไม่ได้เถียงกันแต่เรื่องสายบัญชาการเท่านั้นหากแต่เรื่องความรักและความแค้นระหว่างเผ่าก็เข้ามาพัวพันด้วย มันเป็นอะไรที่เลวร้ายสุดๆเลยล่ะ……. ผมถอนใจออกมา

 

 

“เฮ่อออ”

 

ก็ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโกรธขึ้นมาแน่หากผมเลือกฝ่ายไหน แล้วความไม่พอใจที่ว่าก็จะสร้างความแตกแยก ผมเลิกคิดแล้วว่า การเดินทางนี้มันจะราบรื่น

 

 

“ช่วยไม่ได้นะ แจ็กเกอรี่”

 

“ครับ ฝ่าบาท?”

 

แจ็กเกอรี่หยุดทะเลาะแล้วหันมาตอบรับผมด้วยท่าทีสุภาพ ยังมีทางแก้อยู่ทางหนึ่ง

 

 

“ทีแรกข้าตั้งใจจะมอบหมายทุกอย่างให้เป็นหน้าที่และธุระของเจ้า แต่โชคไม่ดีนะ ดูเหมือนข้าจะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้”

 

“ข้าต้องขอประทานอภัย”

 

“นับจากนี้เป็นต้นไป ข้าจะเป็นผู้มีอำนาจในการสั่งการกองพลทหารรับจ้างขวานคู่”

 

แจ็กเกอรีคุกเข่าลง

 

 

“ตามคำบัญชาของท่าน ฝ่าบาท”

 

ถูกต้องแล้วล่ะ หนทางเดียวในการรวมกลุ่มที่แตกแยกกันนั่นคือ การให้กับอำนาจกับคนที่ทั้งสองกลุ่มต่างรู้จักเป็นอย่างดี

 

แจ็กเกอรี่คงคาดหวังเรื่องนี้ไว้แล้ว

 

นั่นคือ สาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงได้แสดงท่าทีสุภาพต่อผมเป็นอย่างมากตั้งแต่แรก คุ ผมล่ะตื่นเต้นจนตัวสั่นเลยพอได้มาเจอกับสุภาพบุรุษตัวเป็นๆอย่างนี้

 

ผมหันหน้ากลับไปหามือสังหารหญิง

 

 

“ชื่อ?”

 

“โปรดเรียกฉันว่า เจเรมิ(Jerem) ฝ่าบาท 

ฉันผู้นี้เป็นหัวหน้าของมือสังหารแผลแดง(Scarlet Scar Assassins)”

 

ผู้หญิงคนนั้นยิ้ม อารมณ์ของเธอนั้นมันเรียบเฉยเมื่อเทียบกับการแสดงออกบนใบหน้า

 

“ดีมาก ถ้าอย่างนั้น เจเรมิ ข้าจะเป็นผู้ออกคำสั่งกับมือสังหารแผลแดงนับจากนี้เป็นต้นไป”

 

“เป็นไปตามที่ท่านประสงค์ค่ะ”

 

เจเรมิ หญิงผู้มีผมสีฟ้าและใบหน้าที่มีแผลไฟไหม้ โค้งคำนับ มือสังหารด้านหลังเธอต่างคุกเข่าในเวลาเดียวกัน ด้วยเหตุนี้

ทหารรับจ้างสามสิบนาย และมือสังหารยี่สิบคน ก็อยู่ใต้การสั่งการของผม

 

ผมในตอนนี้ต้องพยายามทำตัวให้คุ้นเคยกับการดูแลกลุ่มทหารรับจ้างและกลุ่มมือสังหาร……นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย? 

 

ผมออกจะแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าคนนอกแท้ๆ

 

แต่นอกเหนือจากการเป็นคนนอก ผมกลับต้องมากลายเป็นหัวโจกของกลุ่มนี้ 

บ้าชิบ

 

 

“ฮ่าาาาช์”

 

ทำไมมันไม่มีอะไรราบรื่นสำหรับผมเลยนะ? ผมเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมานิดๆแล้ว

 

ไอ้เจ้าโลกบ้านี่…….

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+