Dungeon Defense (WN) 170 โลกที่จอมมารเท่านั้นที่รู้ (7)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 170 โลกที่จอมมารเท่านั้นที่รู้ (7) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

พวกเราเข้ามาในหมู่บ้านโพเมตร้า(Pometra)ในดินแดนของบารอนที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคลอเรน(Lorraine)

 

“แบ่งปันอาหารให้ทหารพวกนี้ด้วย”

 

บารอนเบอร์ซี่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น เขาไม่ใช่คนที่พูดโกหก เขาได้เขียนใบอนุญาตพักค้างชั่วคราวให้กับพวกเรา มันเทียบได้กับใบผ่านทางฟรีนั่นแหละ

หากมีทหารที่มาพร้อมกับใบดังกล่าวมาเยี่ยมบ้าน เจ้าของบ้านก็ต้องรับทหารเข้ามาพักค้างด้วยกัน มันเป็นหน้าที่ที่สามัญชนจะต้องทำตามคำขอของลอร์ด

ไม่ว่าจะเป็นทหารในประเทศตัวเองหรือประเทศชาติไหนๆ ข้อตกลงมันก็เป็นอย่างนั้นเสมอนั่นแหละ

แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผิดกับงานอื่นๆการให้ที่พักเนี่ยไม่ใช่งานที่น่ายินดีนักหรอก

 

การมีคนแปลกหน้ามานอนค้างอยู่ในบ้านหลังเดียวกันกับภรรยาและลูกสาว มันเป็นช่วงเวลาที่ตึงเครียด

มันไม่มีอะไรน่ากวนใจมากไปกว่าการให้อาหารฟรีๆและที่พักให้กับทหารที่ดูป่าเถื่อนแล้ว แถมยังเป็นเอลฟ์กับคนแคระกลุ่มใหญ่เสียด้วย……

 

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราไม่ได้ถูกมองว่าเป็นนักท่องเที่ยวสำหรับหมู่บ้านนี้ พวกเขาก็แค่ยอมทำตามคำสั่งของลอร์ดทั้งๆที่ก็ขัดใจนั่นแหละ

ถึงอย่างนั้น อย่าห่วงไปเลย ทหารรับจ้างและมือสังหารทั้งหลายของผมเอ๋ย

ผมล้วงถุงเงินออกจากกระเป๋าแล้วพูดกับบารอนเบอร์ซี่

 

“โทษทีนะ บารอน ท่านน่ะมีเหรียญเงินเหรียญทองแดงบ้างไหม?”

 

“หืม? ข้าต้องขออภัยด้วยแต่ข้าไม่เข้าใจคำถามของท่าน”

 

“นี่คือ เงิน 100 ไลบร้า หากท่านจะแลกมันเป็นเหรียญทองแดง ข้าก็คิดจะแบ่งจ่ายเหรียญพวกนี้ให้กับทหารรักษาความปลอดภัยในคณะแสวงบุญของข้า”

 

บารอนเบอร์ซี่หยุดเงียบไปสักพักเนื่องจากอยู่ระหว่างเขียนใบอนุญาต

 

“……100 ไลบร้า? เดี๋ยวก่อนนะ พวกเราไม่มีเหรียญทองแดงสำหรับเงินจำนวนมากขนาดนั้นหรอก”

 

“หากท่านแลกเป็นเหรียญที่มีค่าเท่ากันไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนเป็นสินค้าที่มีราคาเท่ากันก็ได้

ไม่ว่าจะข้าวสาลี เนื้อ หรือผัก มันก็ดีต่อทั้งกับพวกเราและหมู่บ้านของท่าน พวกเราจะได้มีวัตถุดิบเพื่อทำสตูว์แทนที่จะกลับไปมือเปล่า”

 

ผมส่งถุงเงินให้กับผู้ช่วยของบารอน ผู้ช่วยของเขาสำรวจถุงเงิน

 

“โหว”

แขนของผู้ช่วยที่อายุยี่สิบกลางๆสั่นระริก เขาผงกหัวให้กับเจ้านายตน

 

“ผะ-ผมไม่แน่ใจว่า นี่ใช่ 100 ไลบร้าหรือเปล่า ……ตะ-แต่นี่มันก็เป็นเหรียญทองจำนวนมากแน่ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้เลยครับ นายท่าน”

 

“อืม”

 

สีหน้าของบารอนเบอร์ซี่เปลี่ยนไป เขาไม่อาจจะตรวจดูถุงเงินเพราะอยากจะรักษาหน้าไว้ ดูเหมือนเขาเชื่อแน่ว่าถ้าทำแบบนั้นจะเสียมาด

 

ถูกแล้วล่ะ ถ้าพวกเราเอาเงินมาแลกเปลี่ยนกับสินค้าแทนที่จะรับอะไรฟรีๆ ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป

 

บารอนเบอร์ซี่นั้นมองพวกเราเป็นแขกจนถึงตอนนี้นี่เอง ที่ดวงตาของเขาจู่ๆก็กลายเป็นดวงตาของนักพนันที่กำลังมองหาโอกาสทอง

 

การได้รับเงิน 100 โกลด์เพียงแค่ให้คนกลุ่มหนึ่งมาพักคืนเดียวนี่ มันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ นอกจากโอกาสทอง

 

 

“ผู้ช่วย ไปหาคนหนุ่มมาสักสิบคนพร้อมเเจ้าแล้วมุ่งหน้าไปยังเมืองหลัก ข้าอนุญาตให้ใช้รถม้าสองคันรถ ซื้อหาข้าวสาลี,เนื้อและผักเท่าที่ซื้อได้ ข้าจะให้เวลาหนึ่งในสี่ของวันไปจัดการมา”

 

“หนะ-หนึ่งในสี่ของวัน?”

เมืองหลักที่ว่าคงหมายถึง เมืองหลวงในดินแดนที่บารอนคนนี้ปกครองอยู่ มันคงเป็นหมู่บ้านหรือเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแถบนี้

 

“นายท่าน นี่มันออกจะ…….”

 

“ข้าให้เจ้ายืมม้าสงครามส่วนตัวของข้าด้วย รู้ไว้ว่านี่เป็นเรื่องร้ายแรงหากพวกมันบาดเจ็บกลับมา”

 

“เอ๋! รับทราบครับ!”

 

ผู้ช่วยเร่งรีบออกไป โชคดีนะที่พวกเขาไม่ต้องไปเที่ยวเคาะประตูตามบ้านเพื่อเรียกทหารมารวมตัวกัน

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีทหารกว่าสี่สิบนายมาร่วมกันตรงแยกศูนย์กลางเมืองอยู่ดี

พอเขาตะโกนอะไรบางอย่างกลางเมืองนั่น พวกทหารต่างก็จะร้องตะโกนออกมา

 

 

“ดูเหมือนข้าจะด่วนตัดสินกลุ่มของท่าน การที่ท่านไม่ได้รับการต้อนรับในฐานะแขกทั้งที่เป็นบุคคลที่นำโชคดีครั้งใหญ่มา ต้องขออภัยในความหยาบคายของข้าด้วย”

 

น้ำเสียงของบารอนเบอร์ซี่เปลี่ยนไปสิ้นเชิง เขาพูดเป็นทางการกับผมแม้ผมจะดูเด็กกว่าเขาหลายปีก็ตาม

 

เขาอาจจะเชื่อจริงๆก็ได้ว่า ผมไม่ใช่นักบวชธรรมดา แต่การที่จู่ๆเปลี่ยนการพูดจาในทันทีในชั่วพริบตานี่……เขาคงจะประหม่าน่าดูเลยล่ะ

 

ผมยิ้มกว้างออกมา

 

“ครั้งหนึ่งข้าเคยมีเลือดสีน้ำเงิน แต่ตอนนี้ข้าหยั่งรู้แล้ว

ผู้ที่อยู่ใต้การดูแลของเทพี ข้านั้นเป็นดั่งผู้น้อยต่อหน้าผู้คน ดังนั้นสบายใจแล้วพูดอย่างเป็นกันเองกับข้าได้เลย”

 

“หากนั่นเป็นสิ่งที่ต่างต้องการ”

 

โอ้? นี่ในสายเขาผมดูเป็นยังไงบ้างล่ะ? เขากลับไปใช้น้ำเสียงปกติโดยไม่ลังเลเลย เลือดสีน้ำเงินน่ะหมายถึง ผมเองก็เคยเป็นสายเลือดชนชั้นสูงเหมือนกัน 

เขาจึงเลิกพูดแบบเป็นทางการทิ้งทันทีที่ผมบอกว่า ผมเองก็มีปูมหลังเป็นชนชั้นสูง

ผมชักเริ่มจะชอบชายตรงหน้าขึ้นมาแล้วล่ะ

 

บารอนเบอร์ซี่ถือว่าหล่อมากในช่วงวัยประมาณนี้ ต้องขอบคุณที่เขามีความพยายามบากบั่นฝ่าฟันชีวิตที่ยากลำบาก เขาจึงมีวุฒิภาวะมั่นคงเหมือนดั่งไม้ใหญ่ 

 

(TTL : พรี่ดัน…กับท่านบารอน พรี่ก็ไม่เว้นเลยเหรออออ 5555)

 

 

เงินหนึ่งร้อยโกลด์ตรงหน้าทำให้เขากลับมาสงบได้อีกครั้ง

 

เห็นได้ชัดว่า บารอนน่ะยากจน แต่ถึงกระนั้นมันก็คงมีสิ่งที่คุณเรียกได้ว่า ศักดิ์ศรีแห่งลอร์ดล่ะมั้ง? ความรู้สึกถึงความเสถียรและภาคภูมิใจที่เข้ามาห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้

 

ผมเองก็ไม่มีข้อพิสูจน์เรื่องนั้นหรอก แต่เป็นไปได้ว่า ตระกูลเขาจะมีประวัติที่ยาวนาน เขาคงจะไม่ได้อยู่ๆขึ้นมาเป็นชนชั้นสูงทันทีหรอก

 

บรรยากาศของความเป็นกันเองไหลหลั่งไปมาระหว่างสองฝ่าย อย่างที่คิดจริงๆ เงินเนี่ยเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ที่ช่วยให้อะไรๆราบรื่นขึ้น

 

“ถ้าอย่างนั้นนายก็มาจากกองพลทหารรับจ้างขวานคู่เหรอ? นายดูเป็นสุภาพบุรุษอย่างไม่น่าเชื่อ”

 

“เรามิใช่กองทหารรับจ้างหรอก เราเป็นนักจาริกแสวงบุญที่ออกเดินทางมาที่นี่ในนามแห่งเทพธิดา”

 

“ต้องขอโทษด้วย ข้าพูดผิดไป”

 

พวกเรานั่งอยู่ในมุมหนึ่งแล้วพูดคุยกันอย่างสบายใจกับชาวบ้าน

 

มันเป็นช่วงเที่ยงวันแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังหนาวอยู่ถ้าเราอยู่แต่ข้างใน ดังนั้นคงดีกว่าหากจะออกไปรับแสงแดดอันอบอุ่นข้างนอก

ผมไม่แน่ใจนักว่า ว่าพวกเขาไปเอามันมาจากไหน เจ้าโต๊ะไม้ที่ใหญ่ที่วางอยู่ใจกลางเมืองเนี่ย

 

ผู้คนของลอร์ดและของผู้นำกลุ่มพวกเราต่างจับจองนั่งที่โต๊ะ

 

“ร่างกายท่านคงตึงเครียดกันระหว่างเดินทางไกล อาจจะไม่ได้มากมายอะไรนักแต่ข้าหวังว่าพวกท่านจะมีความสุขกัน”

 

ชามซุปตักแบ่งจากหม้อใหญ่ แจกจ่ายให้ทุกคน มันต้องพึ่งทำใหม่ๆแน่เพราะตัวซุปยังข้นอยู่

แม้พวกเขาจะไม่มีขนมปังขาว แต่ขนมปังที่มีอยู่นี่นุ่มพอที่จะซ้อนกันเป็นเนินเขาเล็กๆ

 

กลุ่มของเรากินขนมปังกับสตูว์อย่างเบิกบานใจ แถมยังมีไวน์น้ำผึ้งส่งมาให้อีก เพียงพอจะเรียกว่า เป็นงานเลี้ยงได้เลย

งานเทศกาลที่ไม่ควรมีอยู่ก็ถูกจัดขึ้นมาเสียอย่างนั้น

 

บารอนเบอร์ซี่นั้นแจกจ่ายขนมปังและซุปให้กับทุกคนในหมู่บ้าน

ทั้งคนแก่และเด็กที่อยู่ในบ้านก็มาออกันที่ศูนย์กลางเมือง

คนหนุ่มก็สวมเกราะและเริ่มพูดคุยกันขณะที่ยื่นแบ่งแก้วเบียร์ให้กัน

 

“ดื่ม!ดื่ม!ดื่ม!”

 

“อุฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าจะโชว์ให้พวกแกดูถึงความยอดเยี่ยมของคนแคระหนวดเขียว!”

 

ไม่มีสถานที่ได้ที่จะดีต่อการรวมผู้คนเท่ากับงานเทศกาล ทหารรับจ้างเข้าพวกกับชาวบ้านอย่างรวดเร็ว

ผู้คนส่งเสียงเชียร์และแข่งกันว่า ใครจะเป็นสุดยอดนักดื่ม 

 

คนแคระอาจจะหนีจากการรบ แต่ไม่เคยหนีจากการดวลดื่ม

ทั้งหมู่บ้านเร่าร้อนขึ้นใต้แสงแดดอันอบอุ่นของพระอาทิตย์ในฤดูหนาว

 

“ขอบคุณ ที่พวกเราจบฤดูหนาวได้อย่างดี ต้องขอบคุณนายมาก”

 

บารอนเบอร์ซี่ดื่มไวน์ตัวเอง น้ำเสียงของเขาผ่อนคลายลงมาก คงเพราะเหล้านั่นแหละ ถึงได้คลายบรรยากาศหดหู่ลง

 

“ในดินแดนของพวกเรานั้นอาจจะเล็ก แต่ก็รุ่มรวย ตระกูลที่ปกครองไม่เปลี่ยนมือเลยนับตั้งแต่ 200 ปีที่ผ่านมา

พวกเราเตรียมเสบียงไว้เพียงพอ ก่อนที่จะเกิดความอดอยาก

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราก็ไม่อาจช่วยให้ผู้คนตายจากความหิวโหยได้…….”

 

“มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก”

 

ผมตั้งใจจะเงียบ พอทำแบบนั้น ผมในฐานะนักบวชที่จงใจเงียบ คนอื่นๆที่นั่งบนโต๊ะก็ทำเช่นเดียวกัน มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหัวหน้า

 

ห้ะ? เอาจริงนะนี่มันโคตรสนุกเลยล่ะ หรือผมควรจะทำแบบนี้บ่อยๆดีนะ แต่การเป็นนักบวชนี่มันออกจะเป็นอาชีพที่น่าเบื่อเลยไม่ใช่เหรอ?

 

“ข้าพยายามที่จะไม่ให้มีใครตาย แต่สุดท้ายก็มีเจ็ดคนที่ตายตามลำพัง

ถ้าหากนับรวมผู้คนที่ตายไปตอนกาฬโรคระบาดในปีนี้ก็ประมาณ 23 คน 

นายเชื่อไหม?

23 คน ตายในปีเดียว พวกเราไม่เคยเสียคนมากขนาดนี้มาก่อนในการรบก่อนหน้า ใช่แล้วล่ะ มันมากเหลือเกิน…….”

 

บารอนเบอร์ซี่ส่ายหัว มันรู้สึกเหมือนเขาพยายามจะสะบัดความอ่อนล้าให้ไหลไปตามผมบลอนด์

เขากังวลเรื่องผู้คนของเขา เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะลดความสูญเสีย จึงต้องปวดร้าวใจเมื่อเผชิญกับความสูญเสียที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ 

แถมเขายังตั้งใจจะเป็นคนรับแรงกดดันทางการเมืองด้วยการป้องกันไม่ให้กลุ่มเราเข้ามาในหมู่บ้าน

 

เอาล่ะ สินทรัพย์ทั้งหลายของหมู่บ้านก็นับเป็นสินทรัพย์ของเบอร์ซี่ในฐานะลอร์ดของดินแดนนี้

มันจึงเป็นหน้าที่ของลอร์ดที่ต้องปกป้องของๆตนอย่างสุดกำลัง แต่ในแง่ของการปกป้องทรัพย์สินตัวเองนั้น บารอนเบอร์ซี่ทำได้ดีเป็นพิเศษ

ในโลกใบนี้มีผู้คนมากมายที่ไม่สามารถจะปกป้องทรัพย์สินของตัวเองด้วยซ้ำไป

 

“ว่ากันตามตรงนะ บรรยากาศในหมู่บ้านนี่มันแย่มาก…….”

 

“ต้องขออภัยด้วยนะ แต่ท่านหมายถึง สงครามก่อนหน้า ที่มีการรบขึ้นใกล้ๆนี้หรือ?”

 

ฟังจากที่บารอนพูด การต่อสู้ผ่านมาไม่นานเท่าไหร่นัก หากเป็นการสู้รบเร็วๆนี้ก็คงเป็นความขัดแย้งระหว่างพวกนิยมกษัตริย์และพวกนิยมสาธารณรัฐ

ผมไม่อยากพลาดข้อมูลดังกล่าวไป แต่อย่างไรก็ดีสิ่งที่บารอนบอกกับพวกเรามันยิ่งกว่าสมจริงเสียอีก

 

“แน่ล่ะ โจรติดอาวุธมารวมตัวกันอยู่ใกล้ๆ เมื่อสี่เดือนก่อน”

 

“พวกโจร…….”

 

“จากที่รายงานมา มันเป็นกลุ่มโจรราว 20 คน ข้าจึงร่วมมือกับลอร์ดใกล้ๆเพื่อกำจัดพวกเขา แต่พอเข้าปะทะกันจริง กลับกลายเป็นว่าพวกมันมีจำนวน 50 ไม่ใช่ 20 คน 

พอนึกภาพออกไหม? กลุ่มโจร 50 คนที่มาบุกดินแดนเล็กๆ”

 

บารอนเบอร์ซี่ใช้นิ้วนวดขมับตัวเอง

 

“ข้าพบทีหลังว่าในกลุ่มนั้นมีชาวนาอยู่ด้วย พวกห่าสุภาพบุรุษนั่นมันไม่บริหารให้ดีๆ คนพวกนั้นทนหิวไม่ไหวจึงกลายเป็นโจรไป”

 

น้ำเสียงของบารอนกลับดุดันด้วยความโกรธให้เห็นเป็นครั้งแรก บารอนคนนี้น่ะทำหน้าที่ได้ดีในดินแดนนี้แล้ว แต่บางทีออกจะกดดันตัวเองมากเกินจำเป็นไปหน่อยในสายตาผม

 

บารอนคนนี้นั้นจัดการเรื่องเส้นทางจักรวรรดิ และเข้ามาเกี่ยวข้องกับเส้นทางการส่งเสบียงรบให้ฟรานเคีย

แค่เงินจ่ายค่าผ่านทางของกลุ่มพ่อค้าก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ดินแดนนี้น่ะคนละระดับกับดินแดนอื่น

จะมีสักกี่ดินแดนกันที่จะได้โชคดีขนาดนี้……. ดินแดนที่สามารถทนต่อโรคระบาดและความอดยากได้ที่แทบจะไม่มีอยู่ด้วยซ้ำ

 

คำบ่นของบารอนนั้นออกจะฟังดูไร้เหตุผลไปหน่อย แต่เอาเถอะ ผมเข้าใจถึงความคับข้องใจที่เขาต้องสูญเสียบุคคลสำคัญไปให้กับกลุ่มโจรที่อยู่ๆก็รวมกลุ่มกันขึ้นมา

 

“สถานการณ์นี้เกิดขึ้นอยู่ทุกที่ มีลอร์ดนับไม่ถ้วนที่ต้องเข้าร่วมกับกองทัพเพราะกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรานั่น

โรคระบาด,ความอดอยาก และมหาสงคราม นี่มันเป็นข่าวร้ายในข่าวร้ายที่มีมาต่อเนื่อง”

 

อ่าาา ผมนี่แหละเป็นต้นเหตุของเรื่องพวกนั้น 

อ้ะ โทษทีนะ

เอ้อแต่จะว่าไป ไวน์นี่รสชาติดีน่าดูเลย ฮื่มมม อาจเพราะเติมน้ำผึ้งลงไปด้วย จึงให้รสละมุนลุ่มลึก

ยอดเยี่ยมจริงๆ…….พวกเขาคงมีสวนองุ่นดีๆอยู่ใกล้ๆนี้สินะ? ผมควรจะไปซื้อมาเพิ่มทีหลัง ไวน์ส่วนมากในฮับบวร์กน่ะรสเหมือนน้ำส้มสายชูหมดอายุ ไม่ควรค่าแก่การดื่มเลย

ผมก็ไม่ได้คาดหวังระดับ ไวน์เบเลอร์ 505ที่ให้บาร์บาทอสไปหรอกนะ แต่อย่างน้อยๆน่ะ ผมก็อยากได้ไวน์ที่ไม่เจือน้ำเยอะ

 

…….ผมน่ะเป็นจอมมาร จึงไม่ต้องการอาหารหรือการนอนมากมายนัก ดังนั้นไวน์จึงเป็นสิ่งที่จะสร้างความพอใจให้กับลิ้นผมได้

อื้มม สุดยอดเลย จิบแรกของไวน์…….

 

 

เจเรมิที่นั่งข้างผมยิ้มสดใสด้วยเหตุผลบางประการ เธอรู้ดีเรื่องความจริงของกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา

 

เธอก็คงอยากจะสะกิดบอกบารอนว่า

‘นี่ๆ คนที่อยู่ตรงหน้านายนี่แหละ ที่เป็นคนร้ายผู้อยู่เบื้องหลังกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา’

 

เงียบไว้เหอะน่า เจเรมิ มันจะเป็นปัญหาเอาหากไปบอกเขาเรื่องนั้น มารยาทน่ะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโลกใบนี้นะ

การเงียบแล้วปล่อยให้มันผ่านไป เป็นการแสดงความเคารพสูงสุดที่มีต่อผู้อื่น

หัดเรียนรู้มารยาทเสียบ้างสิ ดูอย่างผมไว้เป็นตัวอย่าง

 

 

บารอนไม่ได้สนใจสายตาที่ผมกับเธอจ้องไปจ้องมา จึงพูดเสียงดังขึ้น

 

“แล้วมาตอนนี้ ผู้คนก็พยายามจะก่อสงครามกลางเมืองขึ้นอีก ไร้สาระชะมัด

นายเข้าใจใช่ไหม ที่ข้าบอกว่า ข้าไม่แคร์ทั้งเรื่องฝ่ายนิยมกษัตริย์และฝ่ายนิยมสาธารณรัฐน่ะ?”

 

“แน่นอน”

 

ถูกต้อง ผมเข้าใจดีเลยล่ะ ว่าบุคคลในทุกที่ยกเว้นที่นี่น่ะ ต่างมีแนวโน้มที่จะปะทุระเบิดแล้ว ผมจะคงพยายามทำงานอย่างหนักในฐานะ จอมมารลำดับ 71 ต่อ

 

ผมทำให้คอตัวเองชุ่มชื้นด้วยไวน์ก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 170 โลกที่จอมมารเท่านั้นที่รู้ (7)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 170 โลกที่จอมมารเท่านั้นที่รู้ (7) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

พวกเราเข้ามาในหมู่บ้านโพเมตร้า(Pometra)ในดินแดนของบารอนที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคลอเรน(Lorraine)

 

“แบ่งปันอาหารให้ทหารพวกนี้ด้วย”

 

บารอนเบอร์ซี่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น เขาไม่ใช่คนที่พูดโกหก เขาได้เขียนใบอนุญาตพักค้างชั่วคราวให้กับพวกเรา มันเทียบได้กับใบผ่านทางฟรีนั่นแหละ

หากมีทหารที่มาพร้อมกับใบดังกล่าวมาเยี่ยมบ้าน เจ้าของบ้านก็ต้องรับทหารเข้ามาพักค้างด้วยกัน มันเป็นหน้าที่ที่สามัญชนจะต้องทำตามคำขอของลอร์ด

ไม่ว่าจะเป็นทหารในประเทศตัวเองหรือประเทศชาติไหนๆ ข้อตกลงมันก็เป็นอย่างนั้นเสมอนั่นแหละ

แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผิดกับงานอื่นๆการให้ที่พักเนี่ยไม่ใช่งานที่น่ายินดีนักหรอก

 

การมีคนแปลกหน้ามานอนค้างอยู่ในบ้านหลังเดียวกันกับภรรยาและลูกสาว มันเป็นช่วงเวลาที่ตึงเครียด

มันไม่มีอะไรน่ากวนใจมากไปกว่าการให้อาหารฟรีๆและที่พักให้กับทหารที่ดูป่าเถื่อนแล้ว แถมยังเป็นเอลฟ์กับคนแคระกลุ่มใหญ่เสียด้วย……

 

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราไม่ได้ถูกมองว่าเป็นนักท่องเที่ยวสำหรับหมู่บ้านนี้ พวกเขาก็แค่ยอมทำตามคำสั่งของลอร์ดทั้งๆที่ก็ขัดใจนั่นแหละ

ถึงอย่างนั้น อย่าห่วงไปเลย ทหารรับจ้างและมือสังหารทั้งหลายของผมเอ๋ย

ผมล้วงถุงเงินออกจากกระเป๋าแล้วพูดกับบารอนเบอร์ซี่

 

“โทษทีนะ บารอน ท่านน่ะมีเหรียญเงินเหรียญทองแดงบ้างไหม?”

 

“หืม? ข้าต้องขออภัยด้วยแต่ข้าไม่เข้าใจคำถามของท่าน”

 

“นี่คือ เงิน 100 ไลบร้า หากท่านจะแลกมันเป็นเหรียญทองแดง ข้าก็คิดจะแบ่งจ่ายเหรียญพวกนี้ให้กับทหารรักษาความปลอดภัยในคณะแสวงบุญของข้า”

 

บารอนเบอร์ซี่หยุดเงียบไปสักพักเนื่องจากอยู่ระหว่างเขียนใบอนุญาต

 

“……100 ไลบร้า? เดี๋ยวก่อนนะ พวกเราไม่มีเหรียญทองแดงสำหรับเงินจำนวนมากขนาดนั้นหรอก”

 

“หากท่านแลกเป็นเหรียญที่มีค่าเท่ากันไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนเป็นสินค้าที่มีราคาเท่ากันก็ได้

ไม่ว่าจะข้าวสาลี เนื้อ หรือผัก มันก็ดีต่อทั้งกับพวกเราและหมู่บ้านของท่าน พวกเราจะได้มีวัตถุดิบเพื่อทำสตูว์แทนที่จะกลับไปมือเปล่า”

 

ผมส่งถุงเงินให้กับผู้ช่วยของบารอน ผู้ช่วยของเขาสำรวจถุงเงิน

 

“โหว”

แขนของผู้ช่วยที่อายุยี่สิบกลางๆสั่นระริก เขาผงกหัวให้กับเจ้านายตน

 

“ผะ-ผมไม่แน่ใจว่า นี่ใช่ 100 ไลบร้าหรือเปล่า ……ตะ-แต่นี่มันก็เป็นเหรียญทองจำนวนมากแน่ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้เลยครับ นายท่าน”

 

“อืม”

 

สีหน้าของบารอนเบอร์ซี่เปลี่ยนไป เขาไม่อาจจะตรวจดูถุงเงินเพราะอยากจะรักษาหน้าไว้ ดูเหมือนเขาเชื่อแน่ว่าถ้าทำแบบนั้นจะเสียมาด

 

ถูกแล้วล่ะ ถ้าพวกเราเอาเงินมาแลกเปลี่ยนกับสินค้าแทนที่จะรับอะไรฟรีๆ ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป

 

บารอนเบอร์ซี่นั้นมองพวกเราเป็นแขกจนถึงตอนนี้นี่เอง ที่ดวงตาของเขาจู่ๆก็กลายเป็นดวงตาของนักพนันที่กำลังมองหาโอกาสทอง

 

การได้รับเงิน 100 โกลด์เพียงแค่ให้คนกลุ่มหนึ่งมาพักคืนเดียวนี่ มันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ นอกจากโอกาสทอง

 

 

“ผู้ช่วย ไปหาคนหนุ่มมาสักสิบคนพร้อมเเจ้าแล้วมุ่งหน้าไปยังเมืองหลัก ข้าอนุญาตให้ใช้รถม้าสองคันรถ ซื้อหาข้าวสาลี,เนื้อและผักเท่าที่ซื้อได้ ข้าจะให้เวลาหนึ่งในสี่ของวันไปจัดการมา”

 

“หนะ-หนึ่งในสี่ของวัน?”

เมืองหลักที่ว่าคงหมายถึง เมืองหลวงในดินแดนที่บารอนคนนี้ปกครองอยู่ มันคงเป็นหมู่บ้านหรือเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแถบนี้

 

“นายท่าน นี่มันออกจะ…….”

 

“ข้าให้เจ้ายืมม้าสงครามส่วนตัวของข้าด้วย รู้ไว้ว่านี่เป็นเรื่องร้ายแรงหากพวกมันบาดเจ็บกลับมา”

 

“เอ๋! รับทราบครับ!”

 

ผู้ช่วยเร่งรีบออกไป โชคดีนะที่พวกเขาไม่ต้องไปเที่ยวเคาะประตูตามบ้านเพื่อเรียกทหารมารวมตัวกัน

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีทหารกว่าสี่สิบนายมาร่วมกันตรงแยกศูนย์กลางเมืองอยู่ดี

พอเขาตะโกนอะไรบางอย่างกลางเมืองนั่น พวกทหารต่างก็จะร้องตะโกนออกมา

 

 

“ดูเหมือนข้าจะด่วนตัดสินกลุ่มของท่าน การที่ท่านไม่ได้รับการต้อนรับในฐานะแขกทั้งที่เป็นบุคคลที่นำโชคดีครั้งใหญ่มา ต้องขออภัยในความหยาบคายของข้าด้วย”

 

น้ำเสียงของบารอนเบอร์ซี่เปลี่ยนไปสิ้นเชิง เขาพูดเป็นทางการกับผมแม้ผมจะดูเด็กกว่าเขาหลายปีก็ตาม

 

เขาอาจจะเชื่อจริงๆก็ได้ว่า ผมไม่ใช่นักบวชธรรมดา แต่การที่จู่ๆเปลี่ยนการพูดจาในทันทีในชั่วพริบตานี่……เขาคงจะประหม่าน่าดูเลยล่ะ

 

ผมยิ้มกว้างออกมา

 

“ครั้งหนึ่งข้าเคยมีเลือดสีน้ำเงิน แต่ตอนนี้ข้าหยั่งรู้แล้ว

ผู้ที่อยู่ใต้การดูแลของเทพี ข้านั้นเป็นดั่งผู้น้อยต่อหน้าผู้คน ดังนั้นสบายใจแล้วพูดอย่างเป็นกันเองกับข้าได้เลย”

 

“หากนั่นเป็นสิ่งที่ต่างต้องการ”

 

โอ้? นี่ในสายเขาผมดูเป็นยังไงบ้างล่ะ? เขากลับไปใช้น้ำเสียงปกติโดยไม่ลังเลเลย เลือดสีน้ำเงินน่ะหมายถึง ผมเองก็เคยเป็นสายเลือดชนชั้นสูงเหมือนกัน 

เขาจึงเลิกพูดแบบเป็นทางการทิ้งทันทีที่ผมบอกว่า ผมเองก็มีปูมหลังเป็นชนชั้นสูง

ผมชักเริ่มจะชอบชายตรงหน้าขึ้นมาแล้วล่ะ

 

บารอนเบอร์ซี่ถือว่าหล่อมากในช่วงวัยประมาณนี้ ต้องขอบคุณที่เขามีความพยายามบากบั่นฝ่าฟันชีวิตที่ยากลำบาก เขาจึงมีวุฒิภาวะมั่นคงเหมือนดั่งไม้ใหญ่ 

 

(TTL : พรี่ดัน…กับท่านบารอน พรี่ก็ไม่เว้นเลยเหรออออ 5555)

 

 

เงินหนึ่งร้อยโกลด์ตรงหน้าทำให้เขากลับมาสงบได้อีกครั้ง

 

เห็นได้ชัดว่า บารอนน่ะยากจน แต่ถึงกระนั้นมันก็คงมีสิ่งที่คุณเรียกได้ว่า ศักดิ์ศรีแห่งลอร์ดล่ะมั้ง? ความรู้สึกถึงความเสถียรและภาคภูมิใจที่เข้ามาห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้

 

ผมเองก็ไม่มีข้อพิสูจน์เรื่องนั้นหรอก แต่เป็นไปได้ว่า ตระกูลเขาจะมีประวัติที่ยาวนาน เขาคงจะไม่ได้อยู่ๆขึ้นมาเป็นชนชั้นสูงทันทีหรอก

 

บรรยากาศของความเป็นกันเองไหลหลั่งไปมาระหว่างสองฝ่าย อย่างที่คิดจริงๆ เงินเนี่ยเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ที่ช่วยให้อะไรๆราบรื่นขึ้น

 

“ถ้าอย่างนั้นนายก็มาจากกองพลทหารรับจ้างขวานคู่เหรอ? นายดูเป็นสุภาพบุรุษอย่างไม่น่าเชื่อ”

 

“เรามิใช่กองทหารรับจ้างหรอก เราเป็นนักจาริกแสวงบุญที่ออกเดินทางมาที่นี่ในนามแห่งเทพธิดา”

 

“ต้องขอโทษด้วย ข้าพูดผิดไป”

 

พวกเรานั่งอยู่ในมุมหนึ่งแล้วพูดคุยกันอย่างสบายใจกับชาวบ้าน

 

มันเป็นช่วงเที่ยงวันแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังหนาวอยู่ถ้าเราอยู่แต่ข้างใน ดังนั้นคงดีกว่าหากจะออกไปรับแสงแดดอันอบอุ่นข้างนอก

ผมไม่แน่ใจนักว่า ว่าพวกเขาไปเอามันมาจากไหน เจ้าโต๊ะไม้ที่ใหญ่ที่วางอยู่ใจกลางเมืองเนี่ย

 

ผู้คนของลอร์ดและของผู้นำกลุ่มพวกเราต่างจับจองนั่งที่โต๊ะ

 

“ร่างกายท่านคงตึงเครียดกันระหว่างเดินทางไกล อาจจะไม่ได้มากมายอะไรนักแต่ข้าหวังว่าพวกท่านจะมีความสุขกัน”

 

ชามซุปตักแบ่งจากหม้อใหญ่ แจกจ่ายให้ทุกคน มันต้องพึ่งทำใหม่ๆแน่เพราะตัวซุปยังข้นอยู่

แม้พวกเขาจะไม่มีขนมปังขาว แต่ขนมปังที่มีอยู่นี่นุ่มพอที่จะซ้อนกันเป็นเนินเขาเล็กๆ

 

กลุ่มของเรากินขนมปังกับสตูว์อย่างเบิกบานใจ แถมยังมีไวน์น้ำผึ้งส่งมาให้อีก เพียงพอจะเรียกว่า เป็นงานเลี้ยงได้เลย

งานเทศกาลที่ไม่ควรมีอยู่ก็ถูกจัดขึ้นมาเสียอย่างนั้น

 

บารอนเบอร์ซี่นั้นแจกจ่ายขนมปังและซุปให้กับทุกคนในหมู่บ้าน

ทั้งคนแก่และเด็กที่อยู่ในบ้านก็มาออกันที่ศูนย์กลางเมือง

คนหนุ่มก็สวมเกราะและเริ่มพูดคุยกันขณะที่ยื่นแบ่งแก้วเบียร์ให้กัน

 

“ดื่ม!ดื่ม!ดื่ม!”

 

“อุฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าจะโชว์ให้พวกแกดูถึงความยอดเยี่ยมของคนแคระหนวดเขียว!”

 

ไม่มีสถานที่ได้ที่จะดีต่อการรวมผู้คนเท่ากับงานเทศกาล ทหารรับจ้างเข้าพวกกับชาวบ้านอย่างรวดเร็ว

ผู้คนส่งเสียงเชียร์และแข่งกันว่า ใครจะเป็นสุดยอดนักดื่ม 

 

คนแคระอาจจะหนีจากการรบ แต่ไม่เคยหนีจากการดวลดื่ม

ทั้งหมู่บ้านเร่าร้อนขึ้นใต้แสงแดดอันอบอุ่นของพระอาทิตย์ในฤดูหนาว

 

“ขอบคุณ ที่พวกเราจบฤดูหนาวได้อย่างดี ต้องขอบคุณนายมาก”

 

บารอนเบอร์ซี่ดื่มไวน์ตัวเอง น้ำเสียงของเขาผ่อนคลายลงมาก คงเพราะเหล้านั่นแหละ ถึงได้คลายบรรยากาศหดหู่ลง

 

“ในดินแดนของพวกเรานั้นอาจจะเล็ก แต่ก็รุ่มรวย ตระกูลที่ปกครองไม่เปลี่ยนมือเลยนับตั้งแต่ 200 ปีที่ผ่านมา

พวกเราเตรียมเสบียงไว้เพียงพอ ก่อนที่จะเกิดความอดอยาก

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราก็ไม่อาจช่วยให้ผู้คนตายจากความหิวโหยได้…….”

 

“มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก”

 

ผมตั้งใจจะเงียบ พอทำแบบนั้น ผมในฐานะนักบวชที่จงใจเงียบ คนอื่นๆที่นั่งบนโต๊ะก็ทำเช่นเดียวกัน มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหัวหน้า

 

ห้ะ? เอาจริงนะนี่มันโคตรสนุกเลยล่ะ หรือผมควรจะทำแบบนี้บ่อยๆดีนะ แต่การเป็นนักบวชนี่มันออกจะเป็นอาชีพที่น่าเบื่อเลยไม่ใช่เหรอ?

 

“ข้าพยายามที่จะไม่ให้มีใครตาย แต่สุดท้ายก็มีเจ็ดคนที่ตายตามลำพัง

ถ้าหากนับรวมผู้คนที่ตายไปตอนกาฬโรคระบาดในปีนี้ก็ประมาณ 23 คน 

นายเชื่อไหม?

23 คน ตายในปีเดียว พวกเราไม่เคยเสียคนมากขนาดนี้มาก่อนในการรบก่อนหน้า ใช่แล้วล่ะ มันมากเหลือเกิน…….”

 

บารอนเบอร์ซี่ส่ายหัว มันรู้สึกเหมือนเขาพยายามจะสะบัดความอ่อนล้าให้ไหลไปตามผมบลอนด์

เขากังวลเรื่องผู้คนของเขา เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะลดความสูญเสีย จึงต้องปวดร้าวใจเมื่อเผชิญกับความสูญเสียที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ 

แถมเขายังตั้งใจจะเป็นคนรับแรงกดดันทางการเมืองด้วยการป้องกันไม่ให้กลุ่มเราเข้ามาในหมู่บ้าน

 

เอาล่ะ สินทรัพย์ทั้งหลายของหมู่บ้านก็นับเป็นสินทรัพย์ของเบอร์ซี่ในฐานะลอร์ดของดินแดนนี้

มันจึงเป็นหน้าที่ของลอร์ดที่ต้องปกป้องของๆตนอย่างสุดกำลัง แต่ในแง่ของการปกป้องทรัพย์สินตัวเองนั้น บารอนเบอร์ซี่ทำได้ดีเป็นพิเศษ

ในโลกใบนี้มีผู้คนมากมายที่ไม่สามารถจะปกป้องทรัพย์สินของตัวเองด้วยซ้ำไป

 

“ว่ากันตามตรงนะ บรรยากาศในหมู่บ้านนี่มันแย่มาก…….”

 

“ต้องขออภัยด้วยนะ แต่ท่านหมายถึง สงครามก่อนหน้า ที่มีการรบขึ้นใกล้ๆนี้หรือ?”

 

ฟังจากที่บารอนพูด การต่อสู้ผ่านมาไม่นานเท่าไหร่นัก หากเป็นการสู้รบเร็วๆนี้ก็คงเป็นความขัดแย้งระหว่างพวกนิยมกษัตริย์และพวกนิยมสาธารณรัฐ

ผมไม่อยากพลาดข้อมูลดังกล่าวไป แต่อย่างไรก็ดีสิ่งที่บารอนบอกกับพวกเรามันยิ่งกว่าสมจริงเสียอีก

 

“แน่ล่ะ โจรติดอาวุธมารวมตัวกันอยู่ใกล้ๆ เมื่อสี่เดือนก่อน”

 

“พวกโจร…….”

 

“จากที่รายงานมา มันเป็นกลุ่มโจรราว 20 คน ข้าจึงร่วมมือกับลอร์ดใกล้ๆเพื่อกำจัดพวกเขา แต่พอเข้าปะทะกันจริง กลับกลายเป็นว่าพวกมันมีจำนวน 50 ไม่ใช่ 20 คน 

พอนึกภาพออกไหม? กลุ่มโจร 50 คนที่มาบุกดินแดนเล็กๆ”

 

บารอนเบอร์ซี่ใช้นิ้วนวดขมับตัวเอง

 

“ข้าพบทีหลังว่าในกลุ่มนั้นมีชาวนาอยู่ด้วย พวกห่าสุภาพบุรุษนั่นมันไม่บริหารให้ดีๆ คนพวกนั้นทนหิวไม่ไหวจึงกลายเป็นโจรไป”

 

น้ำเสียงของบารอนกลับดุดันด้วยความโกรธให้เห็นเป็นครั้งแรก บารอนคนนี้น่ะทำหน้าที่ได้ดีในดินแดนนี้แล้ว แต่บางทีออกจะกดดันตัวเองมากเกินจำเป็นไปหน่อยในสายตาผม

 

บารอนคนนี้นั้นจัดการเรื่องเส้นทางจักรวรรดิ และเข้ามาเกี่ยวข้องกับเส้นทางการส่งเสบียงรบให้ฟรานเคีย

แค่เงินจ่ายค่าผ่านทางของกลุ่มพ่อค้าก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ดินแดนนี้น่ะคนละระดับกับดินแดนอื่น

จะมีสักกี่ดินแดนกันที่จะได้โชคดีขนาดนี้……. ดินแดนที่สามารถทนต่อโรคระบาดและความอดยากได้ที่แทบจะไม่มีอยู่ด้วยซ้ำ

 

คำบ่นของบารอนนั้นออกจะฟังดูไร้เหตุผลไปหน่อย แต่เอาเถอะ ผมเข้าใจถึงความคับข้องใจที่เขาต้องสูญเสียบุคคลสำคัญไปให้กับกลุ่มโจรที่อยู่ๆก็รวมกลุ่มกันขึ้นมา

 

“สถานการณ์นี้เกิดขึ้นอยู่ทุกที่ มีลอร์ดนับไม่ถ้วนที่ต้องเข้าร่วมกับกองทัพเพราะกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรานั่น

โรคระบาด,ความอดอยาก และมหาสงคราม นี่มันเป็นข่าวร้ายในข่าวร้ายที่มีมาต่อเนื่อง”

 

อ่าาา ผมนี่แหละเป็นต้นเหตุของเรื่องพวกนั้น 

อ้ะ โทษทีนะ

เอ้อแต่จะว่าไป ไวน์นี่รสชาติดีน่าดูเลย ฮื่มมม อาจเพราะเติมน้ำผึ้งลงไปด้วย จึงให้รสละมุนลุ่มลึก

ยอดเยี่ยมจริงๆ…….พวกเขาคงมีสวนองุ่นดีๆอยู่ใกล้ๆนี้สินะ? ผมควรจะไปซื้อมาเพิ่มทีหลัง ไวน์ส่วนมากในฮับบวร์กน่ะรสเหมือนน้ำส้มสายชูหมดอายุ ไม่ควรค่าแก่การดื่มเลย

ผมก็ไม่ได้คาดหวังระดับ ไวน์เบเลอร์ 505ที่ให้บาร์บาทอสไปหรอกนะ แต่อย่างน้อยๆน่ะ ผมก็อยากได้ไวน์ที่ไม่เจือน้ำเยอะ

 

…….ผมน่ะเป็นจอมมาร จึงไม่ต้องการอาหารหรือการนอนมากมายนัก ดังนั้นไวน์จึงเป็นสิ่งที่จะสร้างความพอใจให้กับลิ้นผมได้

อื้มม สุดยอดเลย จิบแรกของไวน์…….

 

 

เจเรมิที่นั่งข้างผมยิ้มสดใสด้วยเหตุผลบางประการ เธอรู้ดีเรื่องความจริงของกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา

 

เธอก็คงอยากจะสะกิดบอกบารอนว่า

‘นี่ๆ คนที่อยู่ตรงหน้านายนี่แหละ ที่เป็นคนร้ายผู้อยู่เบื้องหลังกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา’

 

เงียบไว้เหอะน่า เจเรมิ มันจะเป็นปัญหาเอาหากไปบอกเขาเรื่องนั้น มารยาทน่ะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโลกใบนี้นะ

การเงียบแล้วปล่อยให้มันผ่านไป เป็นการแสดงความเคารพสูงสุดที่มีต่อผู้อื่น

หัดเรียนรู้มารยาทเสียบ้างสิ ดูอย่างผมไว้เป็นตัวอย่าง

 

 

บารอนไม่ได้สนใจสายตาที่ผมกับเธอจ้องไปจ้องมา จึงพูดเสียงดังขึ้น

 

“แล้วมาตอนนี้ ผู้คนก็พยายามจะก่อสงครามกลางเมืองขึ้นอีก ไร้สาระชะมัด

นายเข้าใจใช่ไหม ที่ข้าบอกว่า ข้าไม่แคร์ทั้งเรื่องฝ่ายนิยมกษัตริย์และฝ่ายนิยมสาธารณรัฐน่ะ?”

 

“แน่นอน”

 

ถูกต้อง ผมเข้าใจดีเลยล่ะ ว่าบุคคลในทุกที่ยกเว้นที่นี่น่ะ ต่างมีแนวโน้มที่จะปะทุระเบิดแล้ว ผมจะคงพยายามทำงานอย่างหนักในฐานะ จอมมารลำดับ 71 ต่อ

 

ผมทำให้คอตัวเองชุ่มชื้นด้วยไวน์ก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+