Dungeon Defense (WN) 172 โลกที่จอมมารเท่านั้นที่รู้ (9)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 172 โลกที่จอมมารเท่านั้นที่รู้ (9) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

โกเลมตะโกนกู่ร้องพลางบุกเข้าไป ต้นไม้หักโค่นเสียงดังลั่นขณะที่พวกมันรุดหน้าอย่างโหดเหี้ยม แฟรี่ทั้งหลายต่างบินอยู่ด้านหลังพวกมัน

 

โกเลมและแฟรี่นั้นเข้าร่วมรบกันหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้พวกมันก็เลเวลตันที่ 10 แล้วในฐานะมอนสเตอร์ระดับต่ำสุด ค่าสแตทของพวกมันสูงขึ้นมากต้องขอบคุณลอร่าที่ช่วยเป็นการส่วนตัว

 

ผมปล่อยให้พวกมันรบกันเองแล้วเฝ้าดูจากด้านหลัง

 

เพิ่มเติมก็คือ ผมสั่งให้พวกมันอย่าฆ่ามนุษย์หากไม่จำเป็น แต่หากทำให้ขยับต่อต้านไม่ได้ก็โอเค 

ส่วนเด็กผู้ชายที่ในอนาคตจะกลายเป็นฮีโร่หายตัวไป พวกเราค่อยมาถามพวกชาวบ้านพวกนั้นว่า เขาหายไปไหน

 

ซึ่งก็ไม่มีทางที่พวกชาวบ้านพวกนั้นจะสามารถรับมือการโจมตีที่ไม่ทันตั้งตัวได้หรอก พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะสู้กลับจนกระทั่งแขนขาหักไปนั่นแหละ 

หากพวกเขาก็เลือกที่จะไม่ยอมแพ้ พวกเราก็จะฟันคอทิ้ง ทั้งหมดก็มีเท่านั้นแหละ

 

“โฮ่”

 

ผมกลับรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาหน่อยๆ เลยนั่งพักบนหินก้อนใหญ่ใกล้ๆ

 

เสียงกรีดร้องดังมาจากในหมู่บ้าน ผมได้ยิน ผมได้ยินเสียงร้องของเด็กและผู้หญิงด้วยเช่นกัน 

ลึกๆผมยังมีความรู้สึกเห็นใจอยู่ในตัว มันเป็นชิ้นส่วนของความรู้สึกที่ไม่จำเป็นที่ติดกับก้อนไขมันในหัวผม ผมจึงต้องปล่อยให้ความรู้สึกที่แสนเกินจำเป็นนั่นวนอยู่ในอกสักพัก

 

จริงๆมันก็แทบจะในทันทีนั่นแหละ ผมก้มมองพื้นเอาเท้าเขี่ยหินเล่น ทุกอย่างแทบจะจบลงในทันที

 

“ฝ่าบาท พวกเรามาเพื่อรายงาน ‘การต่อสู้’ ”

 

ชั่วครู่ เจเรมิก็กระโดดมาจากด้านบน เธอลงสู่พื้นได้อย่างงดงาม นี่เธอพึ่งกระโดดลงจากต้นไม้หรือยังไงกันนะ? 

มีเสียงเล็กน้อยตอนเธอลงสู่พื้น

 

“ว่าไป”

 

“มีจำนวนทั้งหมด 34 คนในหมู่บ้านแห่งนี้ 3 คนตายขณะต่อต้าน และอีก 5 คน โดนจับตัวเนื่องจากพยายามหลบหนี 26 คน บาดเจ็ดและถูกจับไว้”

 

ไม่มีมนุษย์คนไหนดีได้ ส่วนเด็กชายผู้ที่อนาคตจะเป็นฮีโร่นั้นก็อาจอยู่ในหมู่บ้าน หรือไม่อย่างนั้นก็อยู่นอกหมู่บ้านตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว ผมแอบหวังว่า จะเป็นอย่างแรกนะ

 

 

“ทำได้ดี แต่อย่าคลายความระวัง เจเรมิ เจ้าจงตามข้ามา”

 

“รับทราบค่ะ”

 

ผมหยิบหน้ากากในกระเป๋าขึ้นมาใส่ มันมีโอกาสอยู่ที่ฮีโร่คนนั้นอาจหนีไปได้ ผมไม่ยอมให้ฮีโร่เห็นใบหน้าจริงของผมหรอก ผมบอกให้เจเรมิว่าอย่าคลายความระวัง ผมเองก็ด้วยเช่นเดียวกัน

 

ผมเดินเข้าไปในหมู่บ้าน โกเลมได้ทำลายเต๊นท์ที่พักซึ่งนั่นทำให้หมู่บ้านกลายเป็นลานโล่ง มนุษย์จำนวนมากสั่นกลัวอยู่บนพื้น มีแม้กระทั่งผู้หญิงที่มีเลือดออกที่ใบหน้า

 

มีเสียงร้องด้วย……. นี่พวกเขามีเด็กเกิดใหม่ด้วยหรือนี่? ผ่านช่วงหน้าหนาวอันโหดร้ายได้ดีเหมือนกันนี่ แสดงว่า หมู่บ้านนี้เต็มไปด้วยคนอ่อนโยนจริงๆ ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขนาดที่ไม่ยอมทิ้งเด็กหรือคนชราไว้

 

เอาล่ะ ความต่างของสามัญชนที่อยู่ในดินแดนนี้ กับหมู่บ้านที่ถางป่าเองก็คือการที่สามารถหาฟืนไฟเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ ดังนั้นจึงใช้ประโยชน์จุดนั้นเต็มที่เลยสินะ อื้มม……?

 

พอลุกขึ้นผมก็เหยียดหลังตรง พวกมนุษย์มองผมด้วยแววตาที่หวาดกลัว ผมอาจจะดูเป็นตัวตนที่พิเศษสำหรับของพวกเขา จึงไม่อาจตัดสินได้ง่ายๆว่าผมนั้นมาร้ายหรือมาดี

 

แต่เอาเข้าจริงพวกเขาก็คงคิดได้แหละว่า ผมไม่ใช่คนทั่วไปนับตั้งแต่ที่ผมมาพร้อมกับมอนสเตอร์พวกนี้แล้ว

 

 

“ข้าเป็นเจ้าแห่งเหล่าปีศาจทั้งหลาย จอมมารลำดับ 72 อันโดรมาลิอุส”

 

หนึ่งในมนุษย์พวกนั้นเปล่งเสียงแหลมออกมา ดังขึ้นขัดจังหวะ คนข้างๆจึงต้องรีบอุดปากคนนั้นทันที

 

ถือว่าฉลาดดี นับเป็นการดีที่สุดหากไม่เพิ่มความเสี่ยงในสถานการณ์แบบนี้

 

“เลิกสงสัยเรื่องที่ว่า ทำไมข้าถึงได้ตัดสินใจโจมตีพวกเจ้า จากนี้ไปเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ถามคำถามใดๆ หน้าที่เดียวคือ การตอบคำถามของข้ามา”

 

“อะ-โอ้ตัวตนอันยิ่งใหญ่ได้โปรดเมตตา”

 

ชายที่อยู่ข้างหน้าพูดขึ้น

 

ผมมองไปที่เจเรมิ 

เจเรมิชักมีดสั้นออกมาจากที่ไหนสักแห่ง ด้วยความเร็วจนมองด้วยตาไม่ทัน

เธอปามีดสั้นใส่ ใบมีดนั้นปักเข้าที่ลำคอ 

ชายคนนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะครางเป็นครั้งสุดท้าย เขากุมคอไว้แล้วล้มลงไป

 

“กรี๊ดดดด!”

 

“หัวหน้าหมู่บ้าน!”

ชายคนนั้นคงเป็นหัวหน้าหมู่บ้านนั่นแหละ คงเป็นผู้นำในการแผ้วถางป่าเพื่อตั้งหมู่บ้านนี้ขึ้น เขาคงเป็นคนมีความสามารถอยู่พอสมควร

 

ผมกอดอกแล้วรอให้พวกเขาเย็นลง พวกเขาสงบลงได้ไวอย่างไม่น่าเชื่อ ความหวาดกลัวนั้นก่อตัวขึ้นห้อมล้อมพวกเขา

 

“นั่นเป็นคำเตือนสุดท้ายของข้า ข้าไม่อนุญาตให้ถามคำถามใด 

หน้าที่ของพวกเจ้าคือ ตอบคำถามข้ามา หากเจ้าไม่ตอบคำถามข้าดีๆข้าก็คงต้องเชือดคนอื่นเป็นตัวอย่างให้ดูอีก”

 

ผมหยิบลูกบอลไม้ในกระเป๋าออกมาถือในมือ มันเป็นนิสัยของผมที่จะทำเมื่ออยากสงบใจลง ผมระลึกนึกถึงเป้าหมายของตัวเองแล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆ

 

 

“มีเด็กชายที่ชื่อ ลุค(Luke)อยู่ที่นี่ไหม?”

 

ลุค ชื่อนี้เป็นชื่อที่ตั้งอัตโนมัติให้กับตัวเอกในเกม ตราบใดที่เพลเย่อไม่เปลี่ยนชื่อไป โดยปกติแล้วก็จะตั้งค่าให้ชื่อว่า เป็นลุค 

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีชาวบ้านคนไหนตอบอะไร มีแต่ความเงียบ

 

“หืมม…….”

 

จะให้ผมตีความว่ายังไงดีล่ะ?

ลุคไม่มีตัวตนอยู่ในหมู่บ้านนี้? หรือผมเลือกผิดหมู่บ้านกัน? หรือชื่อของตัวเอกกลายเป็นชื่ออื่นที่ไม่ใช่ลุค? หรือพวกชาวบ้านเลือกที่จะเมินเฉยแม้รู้ว่า ผมหมายถึงใคร?

 

ผมจึงพูดขึ้น

 

“มาเรียเมียของปิแอร์ ปิแอร์ผัวของมาเรีย”

ผู้คนทั้งหลายต่างสะดุ้งอึ้ง มุมปากของผมกระตุกขึ้น 

 

จับ ได้ แล้ว

 

ปิแอร์กับมาเรียเป็นพ่อแม่ของตัวเอก อย่างนี้เองหรือ? ดูเหมือนชาวบ้านจะมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกว่าที่คิด

 

หืม? ดังนั้นพวกเขาจึงช่วยกันปิดบังแม้จะความตายจะมาอยู่ตรงหน้า ผมควรจะสรรเสริญด้วยความประทับใจ หรือล้อเล่นกับความโง่เขลาของพวกเขาดีล่ะ?

 

“พอมาคิดดูว่า พวกเจ้าเพิกเฉยต่อคำสั่งของข้า พวกแกนี่ก็เอาเรื่องเหมือนกันนี่”

 

พวกชาวบ้านต่างสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง

 

“ข้าล่ะอึ้งในความรักพวกพ้องของพวกเจ้า เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น หากไม่บอกมาว่า ใครในที่นี้คือ ลุค เพื่อแสดงความนับถือพวกเจ้า ข้าจะเข่นฆ่าเด็กทุกคนในหมู่บ้านนี้เลยก็แล้วกัน”

 

“ลุคออกไปเล่นที่ลำธาร!”

 

ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้น

 

“ไอ้เวิร์ท!”

 

“นี่แกขายคนในหมู่บ้านเดียวกันได้ยังไง!? แกบ้าไปแล้วเรอะ!?”

 

“กล้าดียังไงมาทรยศพวกเราวะ!?”

 

หลังจากชาวบ้านรุมประณามสาปแช่งชายคนนั้นพักใหญ่ ชาวบ้านที่เคยตัวสั่นเพราะกลัวกลายเป็นตัวสั่นเพราะโกรธแทน ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงสั่น

 

“ข้าขอโทษ……แต่เราจะเสียสละลูกหลานทุกคนของพวกเราไม่ได้!”

 

“ไอ้ชั่วเอ๊ย นี่แกลืมตอนที่ปิแอร์แบ่งข้าวไร้ซ์ให้แกเมื่อปีที่แล้วรึไงกัน!? นี่แกตอบแทนความดีของเขาแบบนี้เหรอวะ!? โอ พระเจ้า! ได้โปรดลงโทษชายคนนี้ด้วย!”

 

 

“ขอโทษ ข้าขอโทษจริงๆ……ข้าจะชดใช้บาปนี้ด้วยชีวิตของข้า…….”

 

พวกมนุษย์ยังคงวุ่นวายเสียงดังกันสักพัก จนกระทั่งทุกคนค่อยๆหุบปากเงียบลงในเวลาไม่นาน

 

พวกเขารู้ว่า ผมเฝ้าจับตาดูเข้าอย่างเงียบๆ

ผมจึงพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่สนอกสนใจ

 

 

“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า ทำไมจอมมารตนอื่นถึงไม่สามารถเชื่อใจมนุษย์ได้ พอมาคิดๆดูมันน่าอึดอัดเชียวล่ะทีไม่อาจอ่านอารมณ์พวกมันได้”

 

เจเรมิตอบรับความเห็นผมด้วยรอยยิ้ม

 

“ฆ่ามันให้หมดเลยไหมคะ ฝ่าบาท”

 

“อย่า มอบความกรุณาให้พวกเขาสักหน่อยดีกว่า”

 

ใบหน้าที่เคยโกรธเกรี้ยวก็ถูกแทนที่ด้วยความกลัวอีกครั้งหนึ่ง ชีวิตของพวกเขากำลังจะสิ้นสุดลง ณ ตอนนี้แล้ว 

ผมหวังว่า พวกเขาจะนึกได้นะว่า การฆ่าพวกเขาทุกคนเนี่ยมันเป็นเรื่องง่ายดายมาก

 

 

“มีอะไรให้สูบไหม?”

 

“มีค่ะ……แต่สิ่งทีฉันสูบมันเป็นพิษ แถมยังเสพติดหนักด้วย”

 

ชิ เล่นยาอย่างนั้นรึ?

 

ในอดีตผมเคยลองเล่นกัญชา แต่มันไม่ค่อยเหมาะกับผมเท่าไหร่ ผมไม่รู้เหมือนกันว่า โลกนี้พวกยาเสพติดเป็นยังไง แต่สงสัยเหมือนกันว่า มือสังหารผู้เก่งกาจอย่างเจเรมิจะแพ้ทางพวกกัญชา

 

“คราวหน้าขนไปป์สำหรับข้ามาด้วยล่ะ”

 

“ฉันต้องขออภัยด้วยค่ะที่ไม่อาจทำได้ตามที่ท่านต้องการ 

ฮี่ฮี่ ร่างกายของฉันน่ะถูกสร้างขึ้นมาต้านทานดังนันจึงต้องการตัวยาที่แรงพอที่สามารถส่งผลต่อร่างกายได้…….”

 

ชาวบ้านยังคงเงียบขณะที่ผมกับเจเรมิพูดคุยกัน พวกเขาก็รู้จักเงียบเหมือนกันนี่นะ

 

 

“เวิร์ท”

ชายคนนั้นตื่นตกใจ เขาจ้องมองผมก่อนจะก้มหัวลงอีกครั้ง

 

“คะ-คะ……ครับท่าน!?”

 

“ลุคเขาไปเองคนเดียวรึ?”

 

“ชะ-ใช่ครับ ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่ เขาไปลำธารคนเดียว”

 

หากต้องการคำตอบ ถามคนๆเดียวมันดีกว่าจริงนั่นแหละ นั่นแหละสาเหตุที่ว่าทำไมผมจึงพยายามโดดเดี่ยวเจ้าคนขี้ฟ้อง

 

“แล้วเด็กนั่นเมื่อไรจะกลับมา?”

 

“ขะ-ขอ……ขอโทษด้วยครับ”

 

เขาก็ไม่รู้เหมือนกันสินะ

 

“หากปิแอร์ กับมาเรีย อยู่ที่นี่ ก็แสดงตัวด้วย”

 

ท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลาย ชายและหญิงคู่หนึ่งยืนโซเซ แขนและขาของผู้ชายคนนั้นบาดเจ็บรุนแรง เป็นข้อพิสูจน์ชัดเลยว่า ได้ต่อสู้กับโกเลมอย่างหนัก

พวกเขาก้าวออกมาข้าวหน้าโดยให้ผู้หญิงคอยค้ำยันให้ พวกเขาก้มโค้งให้ผมอย่างเคารพเท่าที่จะทำได้

 

หืมมม

 

“ข้าขอชื่นชมพวกเจ้าที่ไม่สะดุ้งกลัวแม้ชื่อของลูกชายที่แสนรักจะถูกเอ่ยชื่อขึ้นมา”

 

“…….”

 

ผัวเมียคู่นั้นยังคงเงียบขณะที่โค้งให้ผม พวกเขาคงจำได้ว่า สิ่งที่พวกเขาทำได้มีแค่ตอบคำถามผมอย่างเดียวเท่านั้น

 

ในเกมทั้งสองต่างรักใคร่ลูกชายที่ชื่อ ลุค เป็นอย่างมาก พวกเขานั้นยังคงรักษาความสงบใจไว้ได้แม้ลูกชายสุดที่รักตกอยู่ในอันตราย

ไม่สิ ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านต่างนิ่งสงบ แม้เพื่อนบ้านจะตายด้วยโกเลมของผมก็ตาม…….

 

เหลือบมองดูไม่ห่าง ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งพยายามทำให้ทารกสงบลง เหมือนเธอรู้เลยว่า ความโชคร้ายจะมาเยือนหากเด็กนั่นยังร้องต่อไป

การที่พวกเขาเมินเฉยต่อคำถามของผมนั่นก็เพื่อที่จะไม่ทรยศต่อความไว้ใจที่มีต่อเพื่อนบ้าน

 

มันเป็นโลกที่มีการทรยศกันได้ทุกลมหายใจ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วสำหรับชาวบ้านที่จะสรรเสริญความซื่อสัตย์ของเขา พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น…….

 

“เฮ่อออ”

 

ผมถอนใจออกมา ดูเหมือนว่า เจ้าพวกตรงหน้านี่ ‘มีค่า’ แฮะ

 

เช่นเดียวกับ แจ็ค โอแลน อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่ควรจะรู้ว่า ทำไมตัวเองถึงต้องตาย อ้า นิสัยเสียของผม

ว่าง่ายๆ นิสัยที่จะมอบความเมตตาต่อบุคคลที่ผมชื่นชอบนั้นกลับมาอีกแล้ว

 

 

“ปิแอร์ มาเรีย และมนุษย์คนอื่นๆที่อยู่ในหมู่บ้านร้างแห่งนี้ ตอนนี้ข้าจะบอกพวกเจ้าว่า ทำไมพวกเจ้าต้องตาย และทำไมเด็กชายที่ชื่อ ลุคต้องตาย”

 

“…….”

 

ไหล่ของผู้หญิงคนนั้นสั่นตอนที่ผมเอ่ยชื่อ ลุค อีกครั้ง เธอไม่พูดหรือร้องไห้ เธอนั้นเป็นคนเข้มแข็ง พอมาคิดๆดู ก็ผู้หญิงแบบนี้แหละที่ให้กำเนิดฮีโร่…….

 

“คำพยากรณ์จากชาแมนผู้มีชื่อเสียงในโลกปีศาจเป็นผู้ได้รับคำพยากรณ์นี้

เทพีได้เตือนว่า สิบปีต่อจากนี้ ดาบมีดเย็นเฉียบจะกระซวกแทงเข้าหัวใจจอมมารทีละตน ทีละตน จนตายกันไปหมด”

 

“…….”

 

“ชื่อของมนุษย์ผู้ที่จะจบชีวิตเหล่าจอมมารทั้งหลาย ชื่อว่า ลุค”

 

ชาวบ้านชักเริ่มลนลานกัน

 

“คนที่ชื่อ ลุคนั้นมีมากมายทั่วทั้งทวีป แต่ถึงอย่างนั้นคำทำนายนั้นแม่นยำมาก ในภูมิภาคลอเรน ใกล้กับภูเขาเลเลีย ใกล้กับเมืองโพเมตร้าและแคมเปญ ลุคที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไร้ชื่อ”

 

คู่ผัวเมียนั้นได้หมอบแทบเท้าผมตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาไม่อาจแก้ตัวอะไรได้อีก

 

 

“ดังนั้นข้าจึงมาหมู่บ้านแห่งนี้เพื่อตามคำสั่งเพื่อฆ่าเด็กชายที่มีนามว่า ลุค ช่างเป็นโชคร้ายที่พวกเจ้าไม่ยอมรับ ดังนั้นข้าจึงต้องทำอะไรที่ไม่จำเป็นลงไป

แต่ทั้งหมดนั่นก็เพื่อตัวข้าและเหล่าจอมมารทั้งหลาย ดังนี้แล้วเพื่อชะตากรรมเบื้องหน้าแห่งเผ่าปีศาจ ข้าต้องขอให้พวกเจ้าทุกคนตายลงวันนี้”

 

 

“เดี๋ยวก่อนค่ะ”

 

เสียงใครบางคนตะโกนขึ้นมาในหมู่มนุษย์ มันเป็นเสียงที่ยังเด็กแต่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น

“ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่ มีสิ่งที่ฉันอยากจะบอกท่านค่ะ”

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 172 โลกที่จอมมารเท่านั้นที่รู้ (9)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 172 โลกที่จอมมารเท่านั้นที่รู้ (9) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

โกเลมตะโกนกู่ร้องพลางบุกเข้าไป ต้นไม้หักโค่นเสียงดังลั่นขณะที่พวกมันรุดหน้าอย่างโหดเหี้ยม แฟรี่ทั้งหลายต่างบินอยู่ด้านหลังพวกมัน

 

โกเลมและแฟรี่นั้นเข้าร่วมรบกันหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้พวกมันก็เลเวลตันที่ 10 แล้วในฐานะมอนสเตอร์ระดับต่ำสุด ค่าสแตทของพวกมันสูงขึ้นมากต้องขอบคุณลอร่าที่ช่วยเป็นการส่วนตัว

 

ผมปล่อยให้พวกมันรบกันเองแล้วเฝ้าดูจากด้านหลัง

 

เพิ่มเติมก็คือ ผมสั่งให้พวกมันอย่าฆ่ามนุษย์หากไม่จำเป็น แต่หากทำให้ขยับต่อต้านไม่ได้ก็โอเค 

ส่วนเด็กผู้ชายที่ในอนาคตจะกลายเป็นฮีโร่หายตัวไป พวกเราค่อยมาถามพวกชาวบ้านพวกนั้นว่า เขาหายไปไหน

 

ซึ่งก็ไม่มีทางที่พวกชาวบ้านพวกนั้นจะสามารถรับมือการโจมตีที่ไม่ทันตั้งตัวได้หรอก พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะสู้กลับจนกระทั่งแขนขาหักไปนั่นแหละ 

หากพวกเขาก็เลือกที่จะไม่ยอมแพ้ พวกเราก็จะฟันคอทิ้ง ทั้งหมดก็มีเท่านั้นแหละ

 

“โฮ่”

 

ผมกลับรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาหน่อยๆ เลยนั่งพักบนหินก้อนใหญ่ใกล้ๆ

 

เสียงกรีดร้องดังมาจากในหมู่บ้าน ผมได้ยิน ผมได้ยินเสียงร้องของเด็กและผู้หญิงด้วยเช่นกัน 

ลึกๆผมยังมีความรู้สึกเห็นใจอยู่ในตัว มันเป็นชิ้นส่วนของความรู้สึกที่ไม่จำเป็นที่ติดกับก้อนไขมันในหัวผม ผมจึงต้องปล่อยให้ความรู้สึกที่แสนเกินจำเป็นนั่นวนอยู่ในอกสักพัก

 

จริงๆมันก็แทบจะในทันทีนั่นแหละ ผมก้มมองพื้นเอาเท้าเขี่ยหินเล่น ทุกอย่างแทบจะจบลงในทันที

 

“ฝ่าบาท พวกเรามาเพื่อรายงาน ‘การต่อสู้’ ”

 

ชั่วครู่ เจเรมิก็กระโดดมาจากด้านบน เธอลงสู่พื้นได้อย่างงดงาม นี่เธอพึ่งกระโดดลงจากต้นไม้หรือยังไงกันนะ? 

มีเสียงเล็กน้อยตอนเธอลงสู่พื้น

 

“ว่าไป”

 

“มีจำนวนทั้งหมด 34 คนในหมู่บ้านแห่งนี้ 3 คนตายขณะต่อต้าน และอีก 5 คน โดนจับตัวเนื่องจากพยายามหลบหนี 26 คน บาดเจ็ดและถูกจับไว้”

 

ไม่มีมนุษย์คนไหนดีได้ ส่วนเด็กชายผู้ที่อนาคตจะเป็นฮีโร่นั้นก็อาจอยู่ในหมู่บ้าน หรือไม่อย่างนั้นก็อยู่นอกหมู่บ้านตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว ผมแอบหวังว่า จะเป็นอย่างแรกนะ

 

 

“ทำได้ดี แต่อย่าคลายความระวัง เจเรมิ เจ้าจงตามข้ามา”

 

“รับทราบค่ะ”

 

ผมหยิบหน้ากากในกระเป๋าขึ้นมาใส่ มันมีโอกาสอยู่ที่ฮีโร่คนนั้นอาจหนีไปได้ ผมไม่ยอมให้ฮีโร่เห็นใบหน้าจริงของผมหรอก ผมบอกให้เจเรมิว่าอย่าคลายความระวัง ผมเองก็ด้วยเช่นเดียวกัน

 

ผมเดินเข้าไปในหมู่บ้าน โกเลมได้ทำลายเต๊นท์ที่พักซึ่งนั่นทำให้หมู่บ้านกลายเป็นลานโล่ง มนุษย์จำนวนมากสั่นกลัวอยู่บนพื้น มีแม้กระทั่งผู้หญิงที่มีเลือดออกที่ใบหน้า

 

มีเสียงร้องด้วย……. นี่พวกเขามีเด็กเกิดใหม่ด้วยหรือนี่? ผ่านช่วงหน้าหนาวอันโหดร้ายได้ดีเหมือนกันนี่ แสดงว่า หมู่บ้านนี้เต็มไปด้วยคนอ่อนโยนจริงๆ ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขนาดที่ไม่ยอมทิ้งเด็กหรือคนชราไว้

 

เอาล่ะ ความต่างของสามัญชนที่อยู่ในดินแดนนี้ กับหมู่บ้านที่ถางป่าเองก็คือการที่สามารถหาฟืนไฟเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ ดังนั้นจึงใช้ประโยชน์จุดนั้นเต็มที่เลยสินะ อื้มม……?

 

พอลุกขึ้นผมก็เหยียดหลังตรง พวกมนุษย์มองผมด้วยแววตาที่หวาดกลัว ผมอาจจะดูเป็นตัวตนที่พิเศษสำหรับของพวกเขา จึงไม่อาจตัดสินได้ง่ายๆว่าผมนั้นมาร้ายหรือมาดี

 

แต่เอาเข้าจริงพวกเขาก็คงคิดได้แหละว่า ผมไม่ใช่คนทั่วไปนับตั้งแต่ที่ผมมาพร้อมกับมอนสเตอร์พวกนี้แล้ว

 

 

“ข้าเป็นเจ้าแห่งเหล่าปีศาจทั้งหลาย จอมมารลำดับ 72 อันโดรมาลิอุส”

 

หนึ่งในมนุษย์พวกนั้นเปล่งเสียงแหลมออกมา ดังขึ้นขัดจังหวะ คนข้างๆจึงต้องรีบอุดปากคนนั้นทันที

 

ถือว่าฉลาดดี นับเป็นการดีที่สุดหากไม่เพิ่มความเสี่ยงในสถานการณ์แบบนี้

 

“เลิกสงสัยเรื่องที่ว่า ทำไมข้าถึงได้ตัดสินใจโจมตีพวกเจ้า จากนี้ไปเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ถามคำถามใดๆ หน้าที่เดียวคือ การตอบคำถามของข้ามา”

 

“อะ-โอ้ตัวตนอันยิ่งใหญ่ได้โปรดเมตตา”

 

ชายที่อยู่ข้างหน้าพูดขึ้น

 

ผมมองไปที่เจเรมิ 

เจเรมิชักมีดสั้นออกมาจากที่ไหนสักแห่ง ด้วยความเร็วจนมองด้วยตาไม่ทัน

เธอปามีดสั้นใส่ ใบมีดนั้นปักเข้าที่ลำคอ 

ชายคนนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะครางเป็นครั้งสุดท้าย เขากุมคอไว้แล้วล้มลงไป

 

“กรี๊ดดดด!”

 

“หัวหน้าหมู่บ้าน!”

ชายคนนั้นคงเป็นหัวหน้าหมู่บ้านนั่นแหละ คงเป็นผู้นำในการแผ้วถางป่าเพื่อตั้งหมู่บ้านนี้ขึ้น เขาคงเป็นคนมีความสามารถอยู่พอสมควร

 

ผมกอดอกแล้วรอให้พวกเขาเย็นลง พวกเขาสงบลงได้ไวอย่างไม่น่าเชื่อ ความหวาดกลัวนั้นก่อตัวขึ้นห้อมล้อมพวกเขา

 

“นั่นเป็นคำเตือนสุดท้ายของข้า ข้าไม่อนุญาตให้ถามคำถามใด 

หน้าที่ของพวกเจ้าคือ ตอบคำถามข้ามา หากเจ้าไม่ตอบคำถามข้าดีๆข้าก็คงต้องเชือดคนอื่นเป็นตัวอย่างให้ดูอีก”

 

ผมหยิบลูกบอลไม้ในกระเป๋าออกมาถือในมือ มันเป็นนิสัยของผมที่จะทำเมื่ออยากสงบใจลง ผมระลึกนึกถึงเป้าหมายของตัวเองแล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆ

 

 

“มีเด็กชายที่ชื่อ ลุค(Luke)อยู่ที่นี่ไหม?”

 

ลุค ชื่อนี้เป็นชื่อที่ตั้งอัตโนมัติให้กับตัวเอกในเกม ตราบใดที่เพลเย่อไม่เปลี่ยนชื่อไป โดยปกติแล้วก็จะตั้งค่าให้ชื่อว่า เป็นลุค 

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีชาวบ้านคนไหนตอบอะไร มีแต่ความเงียบ

 

“หืมม…….”

 

จะให้ผมตีความว่ายังไงดีล่ะ?

ลุคไม่มีตัวตนอยู่ในหมู่บ้านนี้? หรือผมเลือกผิดหมู่บ้านกัน? หรือชื่อของตัวเอกกลายเป็นชื่ออื่นที่ไม่ใช่ลุค? หรือพวกชาวบ้านเลือกที่จะเมินเฉยแม้รู้ว่า ผมหมายถึงใคร?

 

ผมจึงพูดขึ้น

 

“มาเรียเมียของปิแอร์ ปิแอร์ผัวของมาเรีย”

ผู้คนทั้งหลายต่างสะดุ้งอึ้ง มุมปากของผมกระตุกขึ้น 

 

จับ ได้ แล้ว

 

ปิแอร์กับมาเรียเป็นพ่อแม่ของตัวเอก อย่างนี้เองหรือ? ดูเหมือนชาวบ้านจะมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกว่าที่คิด

 

หืม? ดังนั้นพวกเขาจึงช่วยกันปิดบังแม้จะความตายจะมาอยู่ตรงหน้า ผมควรจะสรรเสริญด้วยความประทับใจ หรือล้อเล่นกับความโง่เขลาของพวกเขาดีล่ะ?

 

“พอมาคิดดูว่า พวกเจ้าเพิกเฉยต่อคำสั่งของข้า พวกแกนี่ก็เอาเรื่องเหมือนกันนี่”

 

พวกชาวบ้านต่างสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง

 

“ข้าล่ะอึ้งในความรักพวกพ้องของพวกเจ้า เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น หากไม่บอกมาว่า ใครในที่นี้คือ ลุค เพื่อแสดงความนับถือพวกเจ้า ข้าจะเข่นฆ่าเด็กทุกคนในหมู่บ้านนี้เลยก็แล้วกัน”

 

“ลุคออกไปเล่นที่ลำธาร!”

 

ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้น

 

“ไอ้เวิร์ท!”

 

“นี่แกขายคนในหมู่บ้านเดียวกันได้ยังไง!? แกบ้าไปแล้วเรอะ!?”

 

“กล้าดียังไงมาทรยศพวกเราวะ!?”

 

หลังจากชาวบ้านรุมประณามสาปแช่งชายคนนั้นพักใหญ่ ชาวบ้านที่เคยตัวสั่นเพราะกลัวกลายเป็นตัวสั่นเพราะโกรธแทน ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงสั่น

 

“ข้าขอโทษ……แต่เราจะเสียสละลูกหลานทุกคนของพวกเราไม่ได้!”

 

“ไอ้ชั่วเอ๊ย นี่แกลืมตอนที่ปิแอร์แบ่งข้าวไร้ซ์ให้แกเมื่อปีที่แล้วรึไงกัน!? นี่แกตอบแทนความดีของเขาแบบนี้เหรอวะ!? โอ พระเจ้า! ได้โปรดลงโทษชายคนนี้ด้วย!”

 

 

“ขอโทษ ข้าขอโทษจริงๆ……ข้าจะชดใช้บาปนี้ด้วยชีวิตของข้า…….”

 

พวกมนุษย์ยังคงวุ่นวายเสียงดังกันสักพัก จนกระทั่งทุกคนค่อยๆหุบปากเงียบลงในเวลาไม่นาน

 

พวกเขารู้ว่า ผมเฝ้าจับตาดูเข้าอย่างเงียบๆ

ผมจึงพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่สนอกสนใจ

 

 

“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า ทำไมจอมมารตนอื่นถึงไม่สามารถเชื่อใจมนุษย์ได้ พอมาคิดๆดูมันน่าอึดอัดเชียวล่ะทีไม่อาจอ่านอารมณ์พวกมันได้”

 

เจเรมิตอบรับความเห็นผมด้วยรอยยิ้ม

 

“ฆ่ามันให้หมดเลยไหมคะ ฝ่าบาท”

 

“อย่า มอบความกรุณาให้พวกเขาสักหน่อยดีกว่า”

 

ใบหน้าที่เคยโกรธเกรี้ยวก็ถูกแทนที่ด้วยความกลัวอีกครั้งหนึ่ง ชีวิตของพวกเขากำลังจะสิ้นสุดลง ณ ตอนนี้แล้ว 

ผมหวังว่า พวกเขาจะนึกได้นะว่า การฆ่าพวกเขาทุกคนเนี่ยมันเป็นเรื่องง่ายดายมาก

 

 

“มีอะไรให้สูบไหม?”

 

“มีค่ะ……แต่สิ่งทีฉันสูบมันเป็นพิษ แถมยังเสพติดหนักด้วย”

 

ชิ เล่นยาอย่างนั้นรึ?

 

ในอดีตผมเคยลองเล่นกัญชา แต่มันไม่ค่อยเหมาะกับผมเท่าไหร่ ผมไม่รู้เหมือนกันว่า โลกนี้พวกยาเสพติดเป็นยังไง แต่สงสัยเหมือนกันว่า มือสังหารผู้เก่งกาจอย่างเจเรมิจะแพ้ทางพวกกัญชา

 

“คราวหน้าขนไปป์สำหรับข้ามาด้วยล่ะ”

 

“ฉันต้องขออภัยด้วยค่ะที่ไม่อาจทำได้ตามที่ท่านต้องการ 

ฮี่ฮี่ ร่างกายของฉันน่ะถูกสร้างขึ้นมาต้านทานดังนันจึงต้องการตัวยาที่แรงพอที่สามารถส่งผลต่อร่างกายได้…….”

 

ชาวบ้านยังคงเงียบขณะที่ผมกับเจเรมิพูดคุยกัน พวกเขาก็รู้จักเงียบเหมือนกันนี่นะ

 

 

“เวิร์ท”

ชายคนนั้นตื่นตกใจ เขาจ้องมองผมก่อนจะก้มหัวลงอีกครั้ง

 

“คะ-คะ……ครับท่าน!?”

 

“ลุคเขาไปเองคนเดียวรึ?”

 

“ชะ-ใช่ครับ ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่ เขาไปลำธารคนเดียว”

 

หากต้องการคำตอบ ถามคนๆเดียวมันดีกว่าจริงนั่นแหละ นั่นแหละสาเหตุที่ว่าทำไมผมจึงพยายามโดดเดี่ยวเจ้าคนขี้ฟ้อง

 

“แล้วเด็กนั่นเมื่อไรจะกลับมา?”

 

“ขะ-ขอ……ขอโทษด้วยครับ”

 

เขาก็ไม่รู้เหมือนกันสินะ

 

“หากปิแอร์ กับมาเรีย อยู่ที่นี่ ก็แสดงตัวด้วย”

 

ท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลาย ชายและหญิงคู่หนึ่งยืนโซเซ แขนและขาของผู้ชายคนนั้นบาดเจ็บรุนแรง เป็นข้อพิสูจน์ชัดเลยว่า ได้ต่อสู้กับโกเลมอย่างหนัก

พวกเขาก้าวออกมาข้าวหน้าโดยให้ผู้หญิงคอยค้ำยันให้ พวกเขาก้มโค้งให้ผมอย่างเคารพเท่าที่จะทำได้

 

หืมมม

 

“ข้าขอชื่นชมพวกเจ้าที่ไม่สะดุ้งกลัวแม้ชื่อของลูกชายที่แสนรักจะถูกเอ่ยชื่อขึ้นมา”

 

“…….”

 

ผัวเมียคู่นั้นยังคงเงียบขณะที่โค้งให้ผม พวกเขาคงจำได้ว่า สิ่งที่พวกเขาทำได้มีแค่ตอบคำถามผมอย่างเดียวเท่านั้น

 

ในเกมทั้งสองต่างรักใคร่ลูกชายที่ชื่อ ลุค เป็นอย่างมาก พวกเขานั้นยังคงรักษาความสงบใจไว้ได้แม้ลูกชายสุดที่รักตกอยู่ในอันตราย

ไม่สิ ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านต่างนิ่งสงบ แม้เพื่อนบ้านจะตายด้วยโกเลมของผมก็ตาม…….

 

เหลือบมองดูไม่ห่าง ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งพยายามทำให้ทารกสงบลง เหมือนเธอรู้เลยว่า ความโชคร้ายจะมาเยือนหากเด็กนั่นยังร้องต่อไป

การที่พวกเขาเมินเฉยต่อคำถามของผมนั่นก็เพื่อที่จะไม่ทรยศต่อความไว้ใจที่มีต่อเพื่อนบ้าน

 

มันเป็นโลกที่มีการทรยศกันได้ทุกลมหายใจ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วสำหรับชาวบ้านที่จะสรรเสริญความซื่อสัตย์ของเขา พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น…….

 

“เฮ่อออ”

 

ผมถอนใจออกมา ดูเหมือนว่า เจ้าพวกตรงหน้านี่ ‘มีค่า’ แฮะ

 

เช่นเดียวกับ แจ็ค โอแลน อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่ควรจะรู้ว่า ทำไมตัวเองถึงต้องตาย อ้า นิสัยเสียของผม

ว่าง่ายๆ นิสัยที่จะมอบความเมตตาต่อบุคคลที่ผมชื่นชอบนั้นกลับมาอีกแล้ว

 

 

“ปิแอร์ มาเรีย และมนุษย์คนอื่นๆที่อยู่ในหมู่บ้านร้างแห่งนี้ ตอนนี้ข้าจะบอกพวกเจ้าว่า ทำไมพวกเจ้าต้องตาย และทำไมเด็กชายที่ชื่อ ลุคต้องตาย”

 

“…….”

 

ไหล่ของผู้หญิงคนนั้นสั่นตอนที่ผมเอ่ยชื่อ ลุค อีกครั้ง เธอไม่พูดหรือร้องไห้ เธอนั้นเป็นคนเข้มแข็ง พอมาคิดๆดู ก็ผู้หญิงแบบนี้แหละที่ให้กำเนิดฮีโร่…….

 

“คำพยากรณ์จากชาแมนผู้มีชื่อเสียงในโลกปีศาจเป็นผู้ได้รับคำพยากรณ์นี้

เทพีได้เตือนว่า สิบปีต่อจากนี้ ดาบมีดเย็นเฉียบจะกระซวกแทงเข้าหัวใจจอมมารทีละตน ทีละตน จนตายกันไปหมด”

 

“…….”

 

“ชื่อของมนุษย์ผู้ที่จะจบชีวิตเหล่าจอมมารทั้งหลาย ชื่อว่า ลุค”

 

ชาวบ้านชักเริ่มลนลานกัน

 

“คนที่ชื่อ ลุคนั้นมีมากมายทั่วทั้งทวีป แต่ถึงอย่างนั้นคำทำนายนั้นแม่นยำมาก ในภูมิภาคลอเรน ใกล้กับภูเขาเลเลีย ใกล้กับเมืองโพเมตร้าและแคมเปญ ลุคที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไร้ชื่อ”

 

คู่ผัวเมียนั้นได้หมอบแทบเท้าผมตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาไม่อาจแก้ตัวอะไรได้อีก

 

 

“ดังนั้นข้าจึงมาหมู่บ้านแห่งนี้เพื่อตามคำสั่งเพื่อฆ่าเด็กชายที่มีนามว่า ลุค ช่างเป็นโชคร้ายที่พวกเจ้าไม่ยอมรับ ดังนั้นข้าจึงต้องทำอะไรที่ไม่จำเป็นลงไป

แต่ทั้งหมดนั่นก็เพื่อตัวข้าและเหล่าจอมมารทั้งหลาย ดังนี้แล้วเพื่อชะตากรรมเบื้องหน้าแห่งเผ่าปีศาจ ข้าต้องขอให้พวกเจ้าทุกคนตายลงวันนี้”

 

 

“เดี๋ยวก่อนค่ะ”

 

เสียงใครบางคนตะโกนขึ้นมาในหมู่มนุษย์ มันเป็นเสียงที่ยังเด็กแต่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น

“ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่ มีสิ่งที่ฉันอยากจะบอกท่านค่ะ”

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+