Dungeon Defense (WN) 173 โลกที่จอมมารเท่านั้นที่รู้ (10)
เด็กน้อยลุกขึ้นท่ามกลางหมู่มนุษย์ที่ยังคงนั่งอยู่
ผมหันมองหน้าเพราะคนๆนั้นพูดออกมาราวกับเป็นผู้มากประสบการณ์ ทั้งที่เป็นเด็กสาวคนหนึ่ง
“…….”
ตาคู่นั้นเป็นสีม่วงออบซิเดี้ยนประกายด้วยพลังชีวิต เพียงแค่การจ้องมองอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะแบ่งพลังชีวิตให้กับคนรอบๆคล้ายกับเป็นกิ่งก้านที่มองไม่เห็น
บรรยากาศที่แผ่ออกมาจากตัวเด็กสาวคนนั้นต่างจากเสียงติ๊กต่อกของนาฬิกา มันคล้ายกับเสียงเมโลดี้ที่ส่งผลต่อห้วงเวลา
ผมถูกดวงตาคู่นั้นจับยึดขยับไม่ได้สักพักหนึ่ง เด็กสาวเงยหน้าขึ้นแล้วเอามือทาบอกก่อนจะโค้งให้ในทันทีที่เราสบตา
เธอกำลังรอการตอบสนองจากผมอยู่ พูดง่ายๆ ไม่นานนักจากที่เราได้สบตากัน
“เดซี่!”
ผู้หญิงคนนั้นแม่ของฮีโร่ผู้ไม่สะดุ้งหรือคร่ำครวญมาโดยตลอดกลับตะโกนขึ้น เธอเงยหัวขึ้นแล้วมองเด็กสาวด้วยความสิ้นหวัง
ใบหน้าของเธอนั้นท่วมไปด้วยน้ำตา ราวกับแม่น้ำที่เอ่อล้น
ความจริงมันเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ผมจะตำหนิเรื่องความไร้มารยาทของเด็กสาว แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนค้อนปอนด์ทุบหัว
เดซี่ นั่นเป็นชื่อน้องสาวของฮีโร่
ตัวเองพูดชื่อ ‘แม่ , พ่อ , เดซี่’ ซ้ำแล้วซ้ำอีกในเกมช่วงที่เขาสูญเสียครอบครัวไป
ผมคุ้นเคยกับชื่อ เดซี่ ดี พอมานึกถึงปฏิกริยาของผู้หญิงคนนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เด็กสาวคนนี้เป็นน้องสาวของลุค ฮีโร่คนนั้น
หากเดซี่เป็นแค่น้องสาวธรรมดาๆคนหนึ่ง ผมคงไม่ตื่นตระหนกอะไรมากมายนัก แต่ความจริงอีกอย่างหนึ่งนั้นสำคัญกว่า
‘เดซี่……เธอจะกลายเป็นฮีโร่ หากผู้เล่นเลือกที่จะเล่นตัวละครหญิง!”
เช่นเดียวกันกับเกมอื่น <Dungeon Attack> อนุญาตให้คุณสามารถเลือกเพศของตัวเอกได้เช่นเดียวกัน หากคุณเลือกตัวละครเพศชาย ดังนั้นน้องสาวก็จะตายในหมู่บ้านที่ถูกมอนสเตอร์จู่โจม หากคุณเลือกตัวละครเพศหญิงสิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นกับพี่ชายของเธอแทน
ผมเลือก ลุค ผมไม่ได้มีนิสัยเลือกตัวละครหญิงตอนเล่นเกม ดังนั้นผมจึงคิดไปด้วยความเคยชินว่า โลกใบนี้น่าจะเลือกลุคเป็นฮีโร่เช่นกัน
พอมาคิดๆดูแล้ว นั่นมันเป็นหลักเกณฑ์ หลักการที่ผมคิดเองเออเองทั้งนั้น
แต่ทำไมกันล่ะ?
‘หากเป็นในฉากนั้น หนึ่งในพวกเขาจะต้องตาย แล้วทำไมทั้งลุคและเดซี่ ยังมีชีวิตล่ะ……อ่าาา’
ผมเพิ่งมานึกขึ้นได้ อีเว้นท์การบุกโจมตีของอันโดรมาลิอุสหายไปเพราะผม
อันโดรมาลิอุสไม่ได้นำหมู่ก็อบลินมาเพื่อทำลายหมู่บ้าน ดังนั้นพี่น้องอีกคนจึงรอดชีวิต
ไม่สิ การเลือกเพศไม่ใช่กระบวนการที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆในเกม มันเป็นเซตติ้งที่ถูกเลือกมาแล้วตั้งแต่ก่อนเล่นเกมเหมือนกับการใส่ชื่อตัวละคร ใครจะไปคิดว่า เซตติ้งที่ว่า มันจะมาส่งผลกับโลกใบนี้ด้วย…….
ผมรู้สึกเย็นวาบ
‘ฮีโร่สองคนจะถือกำเนิดขึ้นหากผมไม่มาเยี่ยมที่นี่’
ฮีโร่เป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถฆ่าจอมมารได้ด้วยตัวเอง แล้วตอนนี้มีถึงสองคน
ผมฆ่าอันโดรมาลิอุสเพื่อต้องการป้องกันไม่ให้มีฮีโร่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าทุกอย่างยิ่งอันตรายกว่าเดิม
โดยที่ไม่มีใครรู้เลย กองทัพจอมมารกำลังอยู่ในสถานการณ์มุ่งสู่ภัยพิบัติใหญ่
นิ่ง
สงบนิ่งไว้ก่อน
ทำอะไรไม่ได้หากไม่ใช้สมอง ดันทาเลี่ยน
เขย่าเอาขี้เลื่อยออกจากหัวแกซะ คิดถึงไอควันที่พวยพุ่งออกจากหูทั้งสอง คิดดูว่า ควรทำอย่างไรในสถานการณ์อย่างนี้
“การวางตัวของเจ้าช่างน่าประทับใจสำหรับเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้”
ผมเริ่มขยับปากพูด
“แม้อย่างนั้นข้าก็สมควรจะลงโทษเจ้าที่เปิดปากพูดทั้งที่ข้ายังไม่ได้ถามคำถาม…….”
ผู้หญิงคนนั้นหมอบกราบต่อหน้าผม แม่ของฮีโร่ทั้งสองเงยหน้ามองผม เธอกำลังขอร้องด้วยน้ำตาที่มากล้น
ความจริงที่เธอขอความเมตตาโดยไร้เสียงนั้นทำให้เธอเป็นมนุษย์ที่น่าประทับใจยิ่ง
“นี่เป็นสมมุติฐาน แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าน่ะเป็นสายเลือดเดียวกันกับเด็กชายคนนั้นที่ชื่อ ลุค ดังนั้นเจ้ามีสิทธิ์ที่จะพูดเรื่องความตายของคนในครอบครัวเจ้า เด็กน้อย”
ผู้เป็นแม่ขยับหัวตัวเองลงกับพื้น ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ห้าถึงหกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นยังคงโขกหัวกับพื้นต่อไป
นั่นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะแสดงความขอบคุณโดยไม่พูดออกมา อย่างที่คิดไว้จริงๆ คนเป็นพ่อก็ทำแบบเดียวกัน
“จำไว้ด้วยล่ะ ข้ามิใช่ผู้ใจกว้างขนาดที่จะให้โอกาสเจ้าหลายต่อหลายครั้ง
ข้าให้โอกาสเจ้าเพียงครั้งเดียวในการโต้แย้ง
โอ เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย เด็กน้อยผู้เกิดและถูกเลี้ยงดูมาในแถบภูเขา เจ้าพร้อมจะรับโอกาสเพียงครั้งเดียวนั่นหรือยังล่ะ?”
“ค่ะ ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่”
เดซี่ตอบกลับมาในทันทีที่เงยหน้าขึ้น น้ำเสียงเธอไม่ได้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่น้ำเสียงยอมจำนนเช่นกัน
มันคล้ายกับข้ารับใช้ที่สาบานว่าจะจงรักภักดีกับลอร์ดของตน เด็กสาวพูดด้วยท่าทางที่ได้รับการอบรมเช่นนั้น
ผมนึกภาพเด็กที่อายุ 10 ปีแบบเธอไม่ออกเลย เธอนั้นอย่างกับอัจฉริยะมาเกิดจริงๆ
อย่างที่คิดไว้สำหรับบุคคลที่มีชะตาที่ต้องแบกรับโลกทั้งใบไว้บนบ่า เธอผู้ที่สักวันหนึ่งจะโตขึ้นมาเป็นฮีโร่ นี่กำลังบอกผมว่า อย่าตัดสินเธอแต่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกอย่างนั้นหรือ……?
ผมปลุกประสาทรับรู้ทั้งร่างกายตัวเองให้ตื่นขึ้น ผมกระตุ้นโมเลกุลที่เล็กที่สุดในร่างให้ตื่นเพื่อจ้องมองอีกฝ่ายราวกับชีวิตตกอยู่ในอันตราย
ผมน่ะคุ้นเคยกับฮีโร่ชายอย่างลุค แต่ถึงอย่างนั้นผมแทบจะไม่รู้อะไรเลยเรื่อง ฮีโร่หญิงอย่างเดซี่
เธอมีบุคลิกอย่างไร? อะไรเป็นนิสัยของเธอ? ผมต้องพยายามคิดคำนวนถึงสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยความระวัง
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น ข้าอนุญาตให้เจ้าพูดได้ เจ้าได้สิทธิในการอยากจะพูดอะไรก็ได้แม้ข้าจะมิได้ถาม แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าต้องตอบคำถามของข้าก่อน”
“ได้ค่ะ”
“ก้าวออกมาข้างหน้า”
พอเดซี่ขยับเท้าออกมา มนุษย์ทั้งหลายก็แหวกทางให้เธอ เธอเดินไปตามทางที่แหวกเปิดไว้และหยุดหลังจากห่างจากผมหกก้าวก่อนจะคุกเข่าข้างหนึ่งลง
ผมงุนงงไปเล็กน้อย นี่เธอเป็นลูกสาวหมู่บ้านบ้านนอกแน่รึ? ทำไมถึงคุ้นเคยกับมารยาททางสังคมขนาดนั้น?
“……เจ้าอ้างว่า เจ้าปรารถนาที่จะตอบสนองความใจกว้างของข้า แล้วไหนล่ะข้อพิสูจน์ที่ทำให้เจ้านั้นเชื่อว่า ตัวข้าใจกว้าง? หากมันเป็นเพียงวาทกรรมเล่นลิ้น ข้าก็จะลงโทษเจ้าโดยไม่รอช้า”
“นั่นเป็นเพราะนายท่านแสดงความเป็นกันเองกับพวกเราถึงสองครั้ง”
เด็กสาวตอบกลับมา
“ข้าเนี่ยนะแสดงความเป็นกันเอง? นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินสิ่งนี้”
ผมจงใจหัวเราะออกมา นั่นเป็นไปด้วยความต้องการสร้างแรงกดดันทางจิตใจ
ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องน่าอายแม้ผมจะเผชิญหน้ากับเด็ก ถึงจะเป็นเด็ก แต่เด็กสาวตรงหน้าคือผู้ที่จะเป็นฮีโร่
“ใช่แล้ว ข้าล่ะสงสัยจริงว่า ข้าไปแสดงความใจกว้างได้อย่างไรในเมื่อข้าน่ะฆ่ามนุษย์ในหมู่บ้านนี้ไปมากมาย แม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านก็ด้วย เอาเลย บอกข้ามาซิ”
“เข้าใจแล้วค่ะ อย่างแรกเลยนายท่านไม่ส่งกองกำลังไปที่ลำธารแม้ท่านจะทราบแล้วว่า ลุคอยู่ที่นั่น นายท่านสามารถส่งคนไปจับตัวลุคได้ในทันที นั่นเป็นความใจกว้างอย่างแรกของท่าน”
ผมกลิ้งลูกบอลไม้ในมือ
“……บอกข้อที่สองมาซิ”
“ค่ะ ตอนที่ยังไม่สั่งอะไร นายท่านได้สั่งให้พ่อแม่ของลุคเดินออกมาข้างหน้า แต่พอพวกเขาออกมาแล้ว นายท่านก็อธิบายกับพวกเขาว่า ทำไมลูกชายของพวกเขาต้องตาย
นายท่านให้คำอธิบายกับตัวตนที่ต่ำต้อยอย่างพวกเรา”
เดซี่ยังคงพูดต่อ
“นายท่านสามารถฆ่าพวกเราได้ง่ายๆ ท่านมีอำนาจพอที่จะทำอย่างนั้น แต่ท่านกลับไม่สนใจอำนาจนั้นแล้วอธิบายกับพวกเรา หนูบอกได้เลยว่า นั่นเป็นความใจกว้างค่ะ”
“ช่างโง่แท้ๆ ความจริงที่ว่า ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทุกคนก็ไม่เปลี่ยนไปนี่ การเรียกว่าเป็นความใจกว้างเพียงเพราะการตอบคำถามสองคำถาม มันน่าขันเกินไป”
เดซี่โค้งคำนับต่ำลงอีก
“ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่เจ้าคะ พวกเราเป็นแค่ชาวบ้านในหมู่บ้านร้าง พวกเรานั้นต่ำกว่าทาสและถูกสาปโดยสวรรค์ พวกเราไม่มีสิทธิ์ที่จะถามหรือแม้แต่จะพูดตอบอะไรด้วยซ้ำ นายท่านน่ะเมตตาต่อพวกเราอย่างไม่ต้องสงสัยเลย”
“…….”
“นายท่านน่ะแสดงความเป็นกันเองโดยอนุญาตให้หนูพูดได้”
มีอะไรอีกไหม?
ผมรู้สึกไม่ค่อยดีนักเหมือนโดนเธออ่านใจได้ ผมจึงปรับอารมณ์ให้สงบก่อนจะพูดกับเธอ
“แล้วมีอะไรอีก?”
“นายท่านเรียกหนูว่า ‘เจ้า’ ค่ะ ”
เสียงของเด็กหญิงดังไปทั่วบริเวณ
“ก่อนที่จะอนุญาตให้หนูได้พูด นายท่านเรียกหนูว่า แม่หนูน้อย แต่หลังจากนั้นนายท่านก็ใช้คำเรียกที่สวยงามว่า ‘เจ้า’ ”
เธอมองจ้องไปที่พื้น
“ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่คะ แม้แต่ลอร์ดก็ยังไม่เรียกว่าเราว่า ‘เจ้า’ เลย ไม่มีชนชั้นสูงคนใดในโลกที่จะเรียก ชาวบ้านแบบพวกเราที่น่ารังเกียจว่าอย่างนั้น การอนุญาตให้พวกเราพูดนั้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่ท่านเปิดโอกาสให้ค่ะ”
ตอนนั้นเองที่ดวงตาใสซื่อจ้องมองมาที่ผม
“นายท่านน่ะรับรู้หนูในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง”
“…….”
“ไม่เพียงแค่หนูนะคะที่นายท่านให้ความใส่ใจ แต่นายท่านยังรับรู้ตัวตนอีกสองคนที่กราบอยู่ในฐานะแม่และพ่อของเด็กชาย ไม่ใช่ในฐานะชาวบ้านหมู่บ้านร้าง
นายท่านเองก็รับรู้ว่า พวกเขาทุกคนด้านหลังหนูว่า เป็นมนุษย์ที่สมควรได้รับสิทธิ์ในการอธิบายก่อนจะตาย”
ผมพลาดละ
ผมเผลอเปลี่ยนวิธีการพูดโดยไม่ทันรู้ตัว ซึ่งนั่นก็เพียงพอทำให้เด็กสาวตรงหน้าผมมั่นใจได้
บ้าเอ๊ย นี่มันจุดน่ารำคาญของผม ผมพยายามที่จะไม่คลายความระวังแต่ก็ยังเผลอทำลงไปอยู่ดี
แต่ถึงอย่างนั้น ทำไมการที่ใครคนนึงเป็นชาวบ้านร้างทำไมถึงไม่นับเป็นมนุษย์กันล่ะ?
ผมปฏิเสธไม่ได้หรอก ผมไม่ได้ฆ่าสัตว์ในคอก ผมกำลังฆ่ามนุษย์ ฆ่าผู้คน ทุกคนที่ผมฆ่าไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมต่างก็เป็นมนุษย์
มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดในทุกการต่อสู้ ผมไม่ได้ตั้งใจจะปฏิเสธมันนะ นั่นคือ สาเหตุที่ว่าทำไมผมยอมรับว่า ผมมันเป็นขยะชิ้นหนึ่งในโลก
แม้จะเป็นขยะก็ยังมีความภาคภูมิใจในแบบตัวเอง
“นายท่านตอนนี้ก็ยังให้โต้เถียงได้ว่า มันดีหรือไม่ที่จะฆ่าหรือไม่ฆ่าพวกเรา”
เด็กสาวอายุ 10 ปีก็ยังมองผมออกอย่างนั้นรึ ?
“ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่คะ หนูขอตอบรับความเมตตาของท่านค่ะ หากคำทำนายนั้นมีบอกไว้ว่าแค่เพียงลุค ถ้าอย่างนั้นท่านก็ไม่ต้องฆ่าพวกเราทั้งหมดก็ได้ค่ะ เอาชีวิตลุคไปคนเดียวก็พอ”
เดซี่กลับทำให้ผมปั่นป่วน ผมคิดว่า เธอจะขอชีวิตให้น้องชายของเธอ แต่เธอกลับขอให้ผมเอาชีวิตน้องชายเธอไปคนเดียว
เดซี่ยังพูดต่อแม้ผมจะมองเธอด้วยความประทับใจ
“แต่ถึงอย่างนั้น โปรดอนุญาตให้หนูเป็นคนที่ฆ่าลุคเองเถอะค่ะ”
พ่อแม่ของเธอต่างช็อค
นั่นมันเป็นข้อสรุปที่บ้าบอมาก มันจะโหดเหี้ยมไร้ศีลธรรมเกินไปแล้วที่ขอให้เธอฆ่าพี่ชายตัวเอง แต่เธอก็ยังขอร้องให้ทำแบบนั้น
ชาวบ้านคนอื่นต่างสับสนขณะที่มองไปที่เดซี่ เธอทำตัวไม่เหมือนเด็กสาวที่พวกเขาเคยรู้จักมาโดยตลอด
เธอนั้นดูเหมือนเด็กที่เอาแต่ตามพี่ชายต้อยๆมาโดยตลอด นั่นคือสิ่งที่นิยามเธอใน <Dungeon Attack> เช่นกัน คำพูดของเธอนั้นมันขัดกับบุคลิกภาพปกติและสามัญสำนึกในโลกนี้
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้ทำไมเธอพูดเช่นนั้น
ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน พ่อแม่ของเธอ หรือใครก็ตามไม่มีทางเข้าใจ ผมเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด เดซี่นั้นบอกกับผมอย่างตรงไปตรงมาผมจึงถามคำถามหนึ่งเพื่อความแน่ใจ
“ข้าอยากถามเจ้าคำถามหนึ่ง”
“ถามหนูได้หมดเลยค่ะ ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่”
“การฆ่าพี่น้องเป็นบาปอันใหญ่หลวง ทำไมเจ้าถึงเต็มใจที่จะรับบาปนั้นไว้?”
เดซี่หัวเราะออกมาเบาๆ
มันเป็นการหัวเราะเยาะอย่างไม่เห็นด้วยที่ไม่สมกับเด็กอายุ 10 ปีเลยด้วยซ้ำ
“นั่นก็เพราะ ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่คะ มันเป็นสิ่งที่จำเป็นน่ะค่ะที่จะจดจำไปตลอดกาลว่า หนูเป็นขยะที่ทำให้พี่ชายตัวเองต้องตาย”
―อ้าาา
แม่หนูนี่กับผมเป็นคนประเภทเดียวกัน
(TTL : คราวนี้ก็ว่าที่ผู้กล้าหญิงอายุ 10 ขวบ แพ้ทางโลลิจริงๆนะพรี่ดัน )
Comments
Dungeon Defense (WN) 173 โลกที่จอมมารเท่านั้นที่รู้ (10)
เด็กน้อยลุกขึ้นท่ามกลางหมู่มนุษย์ที่ยังคงนั่งอยู่
ผมหันมองหน้าเพราะคนๆนั้นพูดออกมาราวกับเป็นผู้มากประสบการณ์ ทั้งที่เป็นเด็กสาวคนหนึ่ง
“…….”
ตาคู่นั้นเป็นสีม่วงออบซิเดี้ยนประกายด้วยพลังชีวิต เพียงแค่การจ้องมองอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะแบ่งพลังชีวิตให้กับคนรอบๆคล้ายกับเป็นกิ่งก้านที่มองไม่เห็น
บรรยากาศที่แผ่ออกมาจากตัวเด็กสาวคนนั้นต่างจากเสียงติ๊กต่อกของนาฬิกา มันคล้ายกับเสียงเมโลดี้ที่ส่งผลต่อห้วงเวลา
ผมถูกดวงตาคู่นั้นจับยึดขยับไม่ได้สักพักหนึ่ง เด็กสาวเงยหน้าขึ้นแล้วเอามือทาบอกก่อนจะโค้งให้ในทันทีที่เราสบตา
เธอกำลังรอการตอบสนองจากผมอยู่ พูดง่ายๆ ไม่นานนักจากที่เราได้สบตากัน
“เดซี่!”
ผู้หญิงคนนั้นแม่ของฮีโร่ผู้ไม่สะดุ้งหรือคร่ำครวญมาโดยตลอดกลับตะโกนขึ้น เธอเงยหัวขึ้นแล้วมองเด็กสาวด้วยความสิ้นหวัง
ใบหน้าของเธอนั้นท่วมไปด้วยน้ำตา ราวกับแม่น้ำที่เอ่อล้น
ความจริงมันเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ผมจะตำหนิเรื่องความไร้มารยาทของเด็กสาว แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนค้อนปอนด์ทุบหัว
เดซี่ นั่นเป็นชื่อน้องสาวของฮีโร่
ตัวเองพูดชื่อ ‘แม่ , พ่อ , เดซี่’ ซ้ำแล้วซ้ำอีกในเกมช่วงที่เขาสูญเสียครอบครัวไป
ผมคุ้นเคยกับชื่อ เดซี่ ดี พอมานึกถึงปฏิกริยาของผู้หญิงคนนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เด็กสาวคนนี้เป็นน้องสาวของลุค ฮีโร่คนนั้น
หากเดซี่เป็นแค่น้องสาวธรรมดาๆคนหนึ่ง ผมคงไม่ตื่นตระหนกอะไรมากมายนัก แต่ความจริงอีกอย่างหนึ่งนั้นสำคัญกว่า
‘เดซี่……เธอจะกลายเป็นฮีโร่ หากผู้เล่นเลือกที่จะเล่นตัวละครหญิง!”
เช่นเดียวกันกับเกมอื่น <Dungeon Attack> อนุญาตให้คุณสามารถเลือกเพศของตัวเอกได้เช่นเดียวกัน หากคุณเลือกตัวละครเพศชาย ดังนั้นน้องสาวก็จะตายในหมู่บ้านที่ถูกมอนสเตอร์จู่โจม หากคุณเลือกตัวละครเพศหญิงสิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นกับพี่ชายของเธอแทน
ผมเลือก ลุค ผมไม่ได้มีนิสัยเลือกตัวละครหญิงตอนเล่นเกม ดังนั้นผมจึงคิดไปด้วยความเคยชินว่า โลกใบนี้น่าจะเลือกลุคเป็นฮีโร่เช่นกัน
พอมาคิดๆดูแล้ว นั่นมันเป็นหลักเกณฑ์ หลักการที่ผมคิดเองเออเองทั้งนั้น
แต่ทำไมกันล่ะ?
‘หากเป็นในฉากนั้น หนึ่งในพวกเขาจะต้องตาย แล้วทำไมทั้งลุคและเดซี่ ยังมีชีวิตล่ะ……อ่าาา’
ผมเพิ่งมานึกขึ้นได้ อีเว้นท์การบุกโจมตีของอันโดรมาลิอุสหายไปเพราะผม
อันโดรมาลิอุสไม่ได้นำหมู่ก็อบลินมาเพื่อทำลายหมู่บ้าน ดังนั้นพี่น้องอีกคนจึงรอดชีวิต
ไม่สิ การเลือกเพศไม่ใช่กระบวนการที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆในเกม มันเป็นเซตติ้งที่ถูกเลือกมาแล้วตั้งแต่ก่อนเล่นเกมเหมือนกับการใส่ชื่อตัวละคร ใครจะไปคิดว่า เซตติ้งที่ว่า มันจะมาส่งผลกับโลกใบนี้ด้วย…….
ผมรู้สึกเย็นวาบ
‘ฮีโร่สองคนจะถือกำเนิดขึ้นหากผมไม่มาเยี่ยมที่นี่’
ฮีโร่เป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถฆ่าจอมมารได้ด้วยตัวเอง แล้วตอนนี้มีถึงสองคน
ผมฆ่าอันโดรมาลิอุสเพื่อต้องการป้องกันไม่ให้มีฮีโร่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าทุกอย่างยิ่งอันตรายกว่าเดิม
โดยที่ไม่มีใครรู้เลย กองทัพจอมมารกำลังอยู่ในสถานการณ์มุ่งสู่ภัยพิบัติใหญ่
นิ่ง
สงบนิ่งไว้ก่อน
ทำอะไรไม่ได้หากไม่ใช้สมอง ดันทาเลี่ยน
เขย่าเอาขี้เลื่อยออกจากหัวแกซะ คิดถึงไอควันที่พวยพุ่งออกจากหูทั้งสอง คิดดูว่า ควรทำอย่างไรในสถานการณ์อย่างนี้
“การวางตัวของเจ้าช่างน่าประทับใจสำหรับเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้”
ผมเริ่มขยับปากพูด
“แม้อย่างนั้นข้าก็สมควรจะลงโทษเจ้าที่เปิดปากพูดทั้งที่ข้ายังไม่ได้ถามคำถาม…….”
ผู้หญิงคนนั้นหมอบกราบต่อหน้าผม แม่ของฮีโร่ทั้งสองเงยหน้ามองผม เธอกำลังขอร้องด้วยน้ำตาที่มากล้น
ความจริงที่เธอขอความเมตตาโดยไร้เสียงนั้นทำให้เธอเป็นมนุษย์ที่น่าประทับใจยิ่ง
“นี่เป็นสมมุติฐาน แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าน่ะเป็นสายเลือดเดียวกันกับเด็กชายคนนั้นที่ชื่อ ลุค ดังนั้นเจ้ามีสิทธิ์ที่จะพูดเรื่องความตายของคนในครอบครัวเจ้า เด็กน้อย”
ผู้เป็นแม่ขยับหัวตัวเองลงกับพื้น ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ห้าถึงหกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นยังคงโขกหัวกับพื้นต่อไป
นั่นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะแสดงความขอบคุณโดยไม่พูดออกมา อย่างที่คิดไว้จริงๆ คนเป็นพ่อก็ทำแบบเดียวกัน
“จำไว้ด้วยล่ะ ข้ามิใช่ผู้ใจกว้างขนาดที่จะให้โอกาสเจ้าหลายต่อหลายครั้ง
ข้าให้โอกาสเจ้าเพียงครั้งเดียวในการโต้แย้ง
โอ เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย เด็กน้อยผู้เกิดและถูกเลี้ยงดูมาในแถบภูเขา เจ้าพร้อมจะรับโอกาสเพียงครั้งเดียวนั่นหรือยังล่ะ?”
“ค่ะ ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่”
เดซี่ตอบกลับมาในทันทีที่เงยหน้าขึ้น น้ำเสียงเธอไม่ได้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่น้ำเสียงยอมจำนนเช่นกัน
มันคล้ายกับข้ารับใช้ที่สาบานว่าจะจงรักภักดีกับลอร์ดของตน เด็กสาวพูดด้วยท่าทางที่ได้รับการอบรมเช่นนั้น
ผมนึกภาพเด็กที่อายุ 10 ปีแบบเธอไม่ออกเลย เธอนั้นอย่างกับอัจฉริยะมาเกิดจริงๆ
อย่างที่คิดไว้สำหรับบุคคลที่มีชะตาที่ต้องแบกรับโลกทั้งใบไว้บนบ่า เธอผู้ที่สักวันหนึ่งจะโตขึ้นมาเป็นฮีโร่ นี่กำลังบอกผมว่า อย่าตัดสินเธอแต่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกอย่างนั้นหรือ……?
ผมปลุกประสาทรับรู้ทั้งร่างกายตัวเองให้ตื่นขึ้น ผมกระตุ้นโมเลกุลที่เล็กที่สุดในร่างให้ตื่นเพื่อจ้องมองอีกฝ่ายราวกับชีวิตตกอยู่ในอันตราย
ผมน่ะคุ้นเคยกับฮีโร่ชายอย่างลุค แต่ถึงอย่างนั้นผมแทบจะไม่รู้อะไรเลยเรื่อง ฮีโร่หญิงอย่างเดซี่
เธอมีบุคลิกอย่างไร? อะไรเป็นนิสัยของเธอ? ผมต้องพยายามคิดคำนวนถึงสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยความระวัง
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น ข้าอนุญาตให้เจ้าพูดได้ เจ้าได้สิทธิในการอยากจะพูดอะไรก็ได้แม้ข้าจะมิได้ถาม แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าต้องตอบคำถามของข้าก่อน”
“ได้ค่ะ”
“ก้าวออกมาข้างหน้า”
พอเดซี่ขยับเท้าออกมา มนุษย์ทั้งหลายก็แหวกทางให้เธอ เธอเดินไปตามทางที่แหวกเปิดไว้และหยุดหลังจากห่างจากผมหกก้าวก่อนจะคุกเข่าข้างหนึ่งลง
ผมงุนงงไปเล็กน้อย นี่เธอเป็นลูกสาวหมู่บ้านบ้านนอกแน่รึ? ทำไมถึงคุ้นเคยกับมารยาททางสังคมขนาดนั้น?
“……เจ้าอ้างว่า เจ้าปรารถนาที่จะตอบสนองความใจกว้างของข้า แล้วไหนล่ะข้อพิสูจน์ที่ทำให้เจ้านั้นเชื่อว่า ตัวข้าใจกว้าง? หากมันเป็นเพียงวาทกรรมเล่นลิ้น ข้าก็จะลงโทษเจ้าโดยไม่รอช้า”
“นั่นเป็นเพราะนายท่านแสดงความเป็นกันเองกับพวกเราถึงสองครั้ง”
เด็กสาวตอบกลับมา
“ข้าเนี่ยนะแสดงความเป็นกันเอง? นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินสิ่งนี้”
ผมจงใจหัวเราะออกมา นั่นเป็นไปด้วยความต้องการสร้างแรงกดดันทางจิตใจ
ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องน่าอายแม้ผมจะเผชิญหน้ากับเด็ก ถึงจะเป็นเด็ก แต่เด็กสาวตรงหน้าคือผู้ที่จะเป็นฮีโร่
“ใช่แล้ว ข้าล่ะสงสัยจริงว่า ข้าไปแสดงความใจกว้างได้อย่างไรในเมื่อข้าน่ะฆ่ามนุษย์ในหมู่บ้านนี้ไปมากมาย แม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านก็ด้วย เอาเลย บอกข้ามาซิ”
“เข้าใจแล้วค่ะ อย่างแรกเลยนายท่านไม่ส่งกองกำลังไปที่ลำธารแม้ท่านจะทราบแล้วว่า ลุคอยู่ที่นั่น นายท่านสามารถส่งคนไปจับตัวลุคได้ในทันที นั่นเป็นความใจกว้างอย่างแรกของท่าน”
ผมกลิ้งลูกบอลไม้ในมือ
“……บอกข้อที่สองมาซิ”
“ค่ะ ตอนที่ยังไม่สั่งอะไร นายท่านได้สั่งให้พ่อแม่ของลุคเดินออกมาข้างหน้า แต่พอพวกเขาออกมาแล้ว นายท่านก็อธิบายกับพวกเขาว่า ทำไมลูกชายของพวกเขาต้องตาย
นายท่านให้คำอธิบายกับตัวตนที่ต่ำต้อยอย่างพวกเรา”
เดซี่ยังคงพูดต่อ
“นายท่านสามารถฆ่าพวกเราได้ง่ายๆ ท่านมีอำนาจพอที่จะทำอย่างนั้น แต่ท่านกลับไม่สนใจอำนาจนั้นแล้วอธิบายกับพวกเรา หนูบอกได้เลยว่า นั่นเป็นความใจกว้างค่ะ”
“ช่างโง่แท้ๆ ความจริงที่ว่า ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทุกคนก็ไม่เปลี่ยนไปนี่ การเรียกว่าเป็นความใจกว้างเพียงเพราะการตอบคำถามสองคำถาม มันน่าขันเกินไป”
เดซี่โค้งคำนับต่ำลงอีก
“ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่เจ้าคะ พวกเราเป็นแค่ชาวบ้านในหมู่บ้านร้าง พวกเรานั้นต่ำกว่าทาสและถูกสาปโดยสวรรค์ พวกเราไม่มีสิทธิ์ที่จะถามหรือแม้แต่จะพูดตอบอะไรด้วยซ้ำ นายท่านน่ะเมตตาต่อพวกเราอย่างไม่ต้องสงสัยเลย”
“…….”
“นายท่านน่ะแสดงความเป็นกันเองโดยอนุญาตให้หนูพูดได้”
มีอะไรอีกไหม?
ผมรู้สึกไม่ค่อยดีนักเหมือนโดนเธออ่านใจได้ ผมจึงปรับอารมณ์ให้สงบก่อนจะพูดกับเธอ
“แล้วมีอะไรอีก?”
“นายท่านเรียกหนูว่า ‘เจ้า’ ค่ะ ”
เสียงของเด็กหญิงดังไปทั่วบริเวณ
“ก่อนที่จะอนุญาตให้หนูได้พูด นายท่านเรียกหนูว่า แม่หนูน้อย แต่หลังจากนั้นนายท่านก็ใช้คำเรียกที่สวยงามว่า ‘เจ้า’ ”
เธอมองจ้องไปที่พื้น
“ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่คะ แม้แต่ลอร์ดก็ยังไม่เรียกว่าเราว่า ‘เจ้า’ เลย ไม่มีชนชั้นสูงคนใดในโลกที่จะเรียก ชาวบ้านแบบพวกเราที่น่ารังเกียจว่าอย่างนั้น การอนุญาตให้พวกเราพูดนั้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่ท่านเปิดโอกาสให้ค่ะ”
ตอนนั้นเองที่ดวงตาใสซื่อจ้องมองมาที่ผม
“นายท่านน่ะรับรู้หนูในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง”
“…….”
“ไม่เพียงแค่หนูนะคะที่นายท่านให้ความใส่ใจ แต่นายท่านยังรับรู้ตัวตนอีกสองคนที่กราบอยู่ในฐานะแม่และพ่อของเด็กชาย ไม่ใช่ในฐานะชาวบ้านหมู่บ้านร้าง
นายท่านเองก็รับรู้ว่า พวกเขาทุกคนด้านหลังหนูว่า เป็นมนุษย์ที่สมควรได้รับสิทธิ์ในการอธิบายก่อนจะตาย”
ผมพลาดละ
ผมเผลอเปลี่ยนวิธีการพูดโดยไม่ทันรู้ตัว ซึ่งนั่นก็เพียงพอทำให้เด็กสาวตรงหน้าผมมั่นใจได้
บ้าเอ๊ย นี่มันจุดน่ารำคาญของผม ผมพยายามที่จะไม่คลายความระวังแต่ก็ยังเผลอทำลงไปอยู่ดี
แต่ถึงอย่างนั้น ทำไมการที่ใครคนนึงเป็นชาวบ้านร้างทำไมถึงไม่นับเป็นมนุษย์กันล่ะ?
ผมปฏิเสธไม่ได้หรอก ผมไม่ได้ฆ่าสัตว์ในคอก ผมกำลังฆ่ามนุษย์ ฆ่าผู้คน ทุกคนที่ผมฆ่าไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมต่างก็เป็นมนุษย์
มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดในทุกการต่อสู้ ผมไม่ได้ตั้งใจจะปฏิเสธมันนะ นั่นคือ สาเหตุที่ว่าทำไมผมยอมรับว่า ผมมันเป็นขยะชิ้นหนึ่งในโลก
แม้จะเป็นขยะก็ยังมีความภาคภูมิใจในแบบตัวเอง
“นายท่านตอนนี้ก็ยังให้โต้เถียงได้ว่า มันดีหรือไม่ที่จะฆ่าหรือไม่ฆ่าพวกเรา”
เด็กสาวอายุ 10 ปีก็ยังมองผมออกอย่างนั้นรึ ?
“ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่คะ หนูขอตอบรับความเมตตาของท่านค่ะ หากคำทำนายนั้นมีบอกไว้ว่าแค่เพียงลุค ถ้าอย่างนั้นท่านก็ไม่ต้องฆ่าพวกเราทั้งหมดก็ได้ค่ะ เอาชีวิตลุคไปคนเดียวก็พอ”
เดซี่กลับทำให้ผมปั่นป่วน ผมคิดว่า เธอจะขอชีวิตให้น้องชายของเธอ แต่เธอกลับขอให้ผมเอาชีวิตน้องชายเธอไปคนเดียว
เดซี่ยังพูดต่อแม้ผมจะมองเธอด้วยความประทับใจ
“แต่ถึงอย่างนั้น โปรดอนุญาตให้หนูเป็นคนที่ฆ่าลุคเองเถอะค่ะ”
พ่อแม่ของเธอต่างช็อค
นั่นมันเป็นข้อสรุปที่บ้าบอมาก มันจะโหดเหี้ยมไร้ศีลธรรมเกินไปแล้วที่ขอให้เธอฆ่าพี่ชายตัวเอง แต่เธอก็ยังขอร้องให้ทำแบบนั้น
ชาวบ้านคนอื่นต่างสับสนขณะที่มองไปที่เดซี่ เธอทำตัวไม่เหมือนเด็กสาวที่พวกเขาเคยรู้จักมาโดยตลอด
เธอนั้นดูเหมือนเด็กที่เอาแต่ตามพี่ชายต้อยๆมาโดยตลอด นั่นคือสิ่งที่นิยามเธอใน <Dungeon Attack> เช่นกัน คำพูดของเธอนั้นมันขัดกับบุคลิกภาพปกติและสามัญสำนึกในโลกนี้
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้ทำไมเธอพูดเช่นนั้น
ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน พ่อแม่ของเธอ หรือใครก็ตามไม่มีทางเข้าใจ ผมเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด เดซี่นั้นบอกกับผมอย่างตรงไปตรงมาผมจึงถามคำถามหนึ่งเพื่อความแน่ใจ
“ข้าอยากถามเจ้าคำถามหนึ่ง”
“ถามหนูได้หมดเลยค่ะ ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่”
“การฆ่าพี่น้องเป็นบาปอันใหญ่หลวง ทำไมเจ้าถึงเต็มใจที่จะรับบาปนั้นไว้?”
เดซี่หัวเราะออกมาเบาๆ
มันเป็นการหัวเราะเยาะอย่างไม่เห็นด้วยที่ไม่สมกับเด็กอายุ 10 ปีเลยด้วยซ้ำ
“นั่นก็เพราะ ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่คะ มันเป็นสิ่งที่จำเป็นน่ะค่ะที่จะจดจำไปตลอดกาลว่า หนูเป็นขยะที่ทำให้พี่ชายตัวเองต้องตาย”
―อ้าาา
แม่หนูนี่กับผมเป็นคนประเภทเดียวกัน
(TTL : คราวนี้ก็ว่าที่ผู้กล้าหญิงอายุ 10 ขวบ แพ้ทางโลลิจริงๆนะพรี่ดัน )
Comments