Dungeon Defense (WN) 176 ดอกไม้อันตราย (2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 176 ดอกไม้อันตราย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

“ตามที่ท่านสั่ง”

 

เจเรมิหยิบถ้วยที่เป็นทรงเขาสัตว์ขึ้นมา มันบรรจุไวน์ที่ผสมแมนเดรก

 

แมนเดรก บ่อยครั้งก็เรียกว่า แมนดร้า มันเป็นพืชที่ใช้เป็นตัวยาที่ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน มักสกัดให้เป็นผงแล้วใส่ดื่มในไวน์

 

มันเป็นไอเท็มที่นักเล่นแร่แปรธาตุทำเงินได้มากที่สุดในโลก มันถูกใช้ทั้งในแง่ของยาปลุกกำหนัดและยาชา เจเรมิใส่ผงลงในไวน์จำนวนมาก

 

“อุบ……อึกก”

 

เดซี่นั้นต้องทนดื่มไวน์นั่นลงไป ผมก็ไม่รู้ว่าต้องบอกยังไงให้เธอยอมดื่มมันลงไป ไวน์กว่าครึ่งไม่ได้เข้าปากเธอมันไหลลงข้างกรามแทน เจเรมิพอเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มขึ้นมา

 

“นี่คือยาชา ถ้าไม่ยอมดื่มมีแต่จะเจ็บตัวเปล่าๆ รู้ไหม๊?”

 

“…….”

 

“ผิวเปลือยเปล่าของเธอจะถูกเฉือน เลือดจะไหลออกไม่หยุดหย่อน ฉันไม่รับผิดชอบนะ”

 

เดซี่จ้องมองเจเรมิอย่างเฉยชา ของเหลวไหลออกนอกปากน้อยลง

 

แต่ถึงอย่างนั้นดูเหมือนท้องของเดซี่จะถึงขีดกำจัดแล้ว จึงไม่อาจรับไวน์ลงไปได้อีก หากให้มาคิดๆดูถึงจำนวนโพชั่นที่อยู่ในท้องตอนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยสักนิด

 

เจเรมินั้นจุดธูปหอมกำยาน ควันสีเทาอ่อนพวยพุ่งฟุ้งเต็มห้อง

 

“ว่ากันจริงๆนะ เธอน่ะควรรู้นะว่าตัวเองโชคดี ตอนฉันยังเด็กมันไม่มีอะไรแบบนี้หรอก”

 

ธูปเครื่องหอมทั้ง 6 วางอยู่รอบเตียง มันมีไว้เพื่อหลอนประสาทและทำให้ตัวชา พวกนี้เป็นสมุนไพรที่พบได้ในเฉพาะมหาโรรุวนา หนึ่งในนรกของโลกปีศาจ เจเรมิบ่นพลางจุดธูปหอม

 

“ถ้าช็อคตายระหว่างขั้นตอนนี้ก็ถือว่าจบกัน สหายของฉัน 6 คน กว่าครึ่งก็ตายก่อนจะได้รับชื่อในกลุ่มมือสังหาร 

ชิ ……มันต้องสิ้นเปลืองอะไรกันขนาดนี้นะ?”

 

เส้นเสียงของเธอขยับอย่างไม่พอใจนัก แต่ผมก็ยังไม่ค่อยรับรู้อารมณ์ของเธอเลย เหมือนเช่นเคยเธอสามารถควบคุมอารมณ์ได้เย็นชาสมเป็นมือสังหาร

 

มันเป็นไปได้เหมือนกันว่า การที่เจเรมิจะยิ้มจนเกินจริง แสดงสีหน้าออกมามากจนเกินไปนั้นก็เพื่อพยายามที่จะรื้อฟื้นคืนอารมณ์ที่เธอเคยเสียไป

 

“……”

 

ผมดื่มไวน์

 

เมื่อครั้งที่พวกเรากลับมาหลังจากปราบก็อบลินไปสองหมู่บ้าน บารอนก็ให้การต้อนรับพวกเราอย่างดีมาก และนั่นคือ ไวน์ที่ต้องใจจะถวายบรรณาการให้แก่เหล่าราชา ไวน์อันแสนล้ำค่าที่มีรสหวานอร่อย กลับขมปร่าสำหรับผม

 

เด็กสาวอายุ 10 ปี กำลังโดนชำแหละอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ หัวใจของเธอเผยออกมาให้เห็น ทั้งหมดนั้นก็เพียงเพื่อที่จะกลายเป็นทาสของผม 

ต้นเหตุก็ง่ายๆ เพราะมีความเป็นไปได้ที่สักวันหนึ่ง เธอจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อผมในอนาคต นี่มันบ้าไปแล้วจริงๆ

 

มันสิ มันไม่ใช่อะไรที่เรียบง่ายอย่างความเป็นไปได้นั้น

โลกใบนี้น่ะ มันแทบจะลอกเลียนโลก <Dungeon Attack> มาเลยด้วยซ้ำ……. 

 

 

เกมนั้นน่ะมันเกี่ยวพันกับฮีโร่มากกว่าใครทั้งนั้น เด็กสาวผู้นี้มีดวงชะตาที่กำหนดมาให้เธอต้องเป็นฮีโร่ เควสไม่ถูกทำลายตอนที่ผมฆ่าอันโดรมาลิอุส 

 

นั่นแสดงว่า ชะตากรรมของเธอมันไม่ใช่สิ่งที่จะเปลี่ยนกันได้โดยง่ายอย่างนั้นรึ?!

 

เพื่อความปลอดภัย นี่เป็นสิ่งที่ผมต้องทำ…….

 

“อืมฮึ ฝ่าบาท?”

 

“……หืม?”

 

ผมตอบรับช้าไปเพราะมัวแค่ครุ่นคิด กลิ่นประหลาดของธูปหอมนั่นละเลงกลิ่นอยู่ในจมูกผม ดูท่าควันพวกนั้นจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว

 

พอผมคืนสติได้ ผมก็เห็นเจเรมิกำลังถือมีดแล้วมองจ้องผมอยู่ การผ่าตัดเริ่มก่อนที่ผมจะรู้ตัวด้วยซ้ำ

 

“อู……ฮ่า, อั่ก…….”

 

เดซี่ยังคงครวญครางขณะที่ถูกมัดติดกับเตียง ผิวหนังเปลือยเปล่าถูกเปิดออก ดวงตาที่ครั้งหนึ่งเคยแจ่มชัดของเธอกลับหม่นมัว

น้ำลายจำนวนมากไหลออกมาจากด้านข้างของปาก เธอสูญเสียความสามารถในการควบคุมร่างกายโดยสมบูรณ์

แม้ควันพวกนั้นสุดจะฉุนแสบจมูก แต่มันก็ไม่มีผลอะไรต่อเจเรมิเลย

 

 

“ตัวยาหลอนประสาทนั้นรุนแรงค่ะ มันยากที่จะทนอยู่ได้โดยไม่มีภูมิคุ้มกัน ฝ่ายบาทที่ไม่คุ้นเคยกันก็คงได้รับผลของมันไปสักพักหนึ่ง 

แต่ท่านไม่จำเป็นต้องอยู่และดูนี่ต่อไปก็ได้ค่ะ ถึงท่านจะเดินออกไปตอนนี้ก็ไม่เป็นไร”

 

เสียงของเจเรมินั้นดังก้องมาจากที่ไกลแสนไกล 

ผมส่ายหัวเหมือนปลาที่กระเสือกกระสนดิ้นรนหาน้ำ แม้ถ้อยคำมันจะออกมาจากปากของผมเองแต่มันกลับดูเหมือนมาจากที่ไกลๆ

 

“ไม่ ข้าจะเฝ้าดูจนมันจบ”

 

ผมเชื่อว่านั่นเป็นภาระผูกพันของผม ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ผมรู้สึกอย่างแรงกล้าว่า ผมไม่ควรออกจากที่นี่ตอนนี้

 

เจเรมิผงกหัวแล้วหันกลับไป มีดผ่าตัดยังคงขยับต่อ

 

 

“ฮ่า อ่าาา…….”

 

“โว้ว ฝ่าบาท เด็กคนนี้มันไม่ใช่เล่นๆเลย มานาของเธอนั้นเยอะมาก อาจจะเพราะโพชั่น แต่มันก็เข้มข้นเหลือเกิน

ไม่สิ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นเด็กที่มีมานาเข้มข้นขนาดนี้

…….เธอนี่อย่างกับสัตว์ประหลาดเลยล่ะ โอ้ พระเจ้า”

 

“คั่ก……อุ่ก, อึกก…….”

 

“แม้จะเป็นเด็กอยู่ แต่มานาของเธอนั้นต่างกระจุกตัวรวมกัน มันพยายามจะปกป้องเจ้านายของตัว 

โว้ว นี่มันบ้าไปแล้วจริงๆ นี่นับเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์แท้ๆ

ถ้าในบรรดาตาแก่แห่งหอคอยเวทย์มาเห็นเข้า คงต้องปากกว้างกรามค้างแน่ ว่าแต่นี่เธฮกินอะไรถึงโตมาเป็นแบบนี้ได้นะ? ฉันจะไปหามากินบ้างเหมือนกัน”

 

เจเรมิยังคงพูดคุยต่อ เธอนั้นยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆราวกับว่า จะช่วยป้องกันไม่ให้เดซี่นั้นสติแตกไปก่อน

มือของเธอยังคงเคลื่อนไหวรวดเร็ว แม่นยำในการตัดเฉือนเนื้อขณะที่ปากก็ยังพูดจาป่าเถื่อนอยู่

 

 

“มานานี่คงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเธอน่ะถึงไม่เป็นอะไรแม้จะเจอโรคระบาดเข้า ผิวหนังของเธอยังชุ่มชื่นอยู่เลยนะเนี่ย แต่โชคร้ายหน่อยนะ”

 

คำพูด กับมือของเธอที่เคลื่อนไหวอยู่นั้นราวกับเป็นท่วงทำนองคนละจังหวะกัน ฉากที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผมมันดูแปลกเสียจนเหมือนกับเป็นหนังเงียบ

 

“เธอควรจะเสียใจที่ได้รับพรสวรรค์มานานั่นก็ตอนนี้แล้วล่ะ เพราะมานาของเธอนั่นแหละทำให้การผ่าตัดทำได้ยากขึ้นไปอีก

ฟุฟุ ประคองสติให้ดีล่ะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมาแม้แต่นิดเดียวเธอก็ตายอย่างแน่นอน”

 

ผิวขาวบริสุทธิ์ของเธอนั้นปกคลุมไปด้วยของเหลวสีแดงจำนวนมาก เดซี่นั่นดูเหมือนจะหายใจติดขัด เสียงครางดังออกมาจากปอดไม่หยุด

 

“ฮึกก อั่กกก อ่า……อ่าาาาา!  อ้ากก! อู กกก…….”

 

เสียงกรีดร้องของเธอดังก้องอยู่ในหูผม ผิวสีขาว ก้อนเลือดสีแดง ควันหนา กลิ่นแสบจมูกผสานรวมกับกลิ่นคาวๆของเลือด…….

 

สิ่งที่ผมรู้สึกต่อภาพที่เห็น เด็กสาวคนหนึ่งกำลังดิ้นรน กลับไม่ใช่ความเห็นอกเห็นใจ แต่มันคือ ความรู้สึกแปลกประหลาด 

 

มันดูเพี้ยนมากที่ผมคิดแบบนั้น

ผู้นำฮอร์ค,แจ็ค อแลนด์,ริฟ และ เคิร์ท สไชเออมาเคอร์ พวกเขาต่างร้องอย่างเจ็บปวดตอนที่พวกเขาตาย ทำไมผู้คนต้องเจ็บปวดกันด้วยล่ะ? 

ทำไมพวกเขาไม่……เอาล่ะ ทำไมพวกเขาไม่ตระหนักถึงประสบการณ์ความเจ็บปวดในฐานะผู้ชำระล้าง? ทำไมต้องเป็นความเจ็บปวดกันนะ?

 

ความนึกคิดของผมเริ่มซึมด้าน แต่ในหัวผมยังมีความขยุกขยิกอยู่ กลิ่นหอมพวกนั้นมันไหลซึมเข้ามาในกระโหลกศีรษะของผม

 

ทำไมต้องพยายามฆ่าผมด้วย? ผมไม่ได้ทำอะไรผิดต่อพวกเขาสักหน่อย มันเป็นเรื่องตลกเหลือเกินที่ต้องพยายามฆ่าผมเพียงเพราะผมเป็นจอมมาร

 

ผมไม่ได้กลายเป็นแบบนี้เพราะอยากเป็นเสียที่ไหน พวกแกน่ะเป็นคนบังคับให้ผมต้องทำแบบนั้นเดอง ทำไมผมถึงต้องรับผิดชอบมันทั้งหมดด้วยล่ะ? 

ในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำให้มันเกิดขึ้นมาด้วยซ้ำ…….

 

 

“อั่ก, อ๊ากกก!”

 

ดังนั้นหุบปากซะ แจ็ก แกกรีดร้องซะดังเลยโว้ย เพียงเพราะผิวแกโดนไหม้นิดๆหน่อยๆ 

ผมกัดกรามแน่นและวิงวอนร้องเหล่านักผจญภัยตอนที่โดนธนูปักเข้านี่น่อง 

 

ใช้สมองหน่อยสิ

 

ใช้พลังงานทั้งหมดเพื่อคิดแผน หากอยู่ในถ้ำเสือแล้ว ก็ยังสามารถหวดคอเสือได้ถ้าแกนิ่งพอ

 

“แก ไอ้ปีศาจ……!”

 

ไม่เลย นั่นก็แค่ธุรกิจ สิ่งที่ไม่แฟร์ยิ่งกว่าธุรกิจใดๆ ตอนนี้แกควรจะเข้าใจได้แล้ว

ความจริงเรื่องที่แกใช้เมโมเรียอาติแฟค นั้นมันยอดเยี่ยมมาก ผมน่ะโดนล่อเข้าปังใหญ่จากเรื่องนั้นเลยล่ะ ไม่ใช่ไพมอน แต่เกือบตายจากไอ้อ่อนหัด 

พ่อค้าไร้ชื่อที่ไม่เคยปรากฏในดันเจี้ยนแอทแท่ก ทั้งที่เราอาจเป็นเพื่อนที่ดีต่อได้แท้ๆ…….

 

 

“อั่ก……คึ่ก, อ่วกกก, เอิ่กก……!”

 

“อย่าบ้วนออกมา! กลืนมันลงไป! กลืนโพชั่นห่านั่นลงไป! เธอจะตายแน่ถ้ายังบ้วนมันทิ้ง เข้าใจไหม หากไม่อยากตายก็กลืนไปมันลงไป”

 

“อึกอุ่บ……โอ่ก……คุ่ก…….”

 

ประมาณคนตายคร่าวๆกี่คนกันนะ?  10,000? เกือบ 2,000 คนต้องตายที่ภูเขาดำ…….ก็คงราวๆนั้นแหละ

 

ถึงอย่างไร ไอ้พวกออร์คระยำนั่นก็แดกกันมากเกินไปแล้ว แม้จะทำเนื้อย่างจากศพนับพันศพ แต่มันก็กินหมดแทบจะในทันที มันก็ออกจะน่ารักดีหรอก แต่โดยมากก็เป็นไอ้ระยำด้วยกันทั้งนั้น

แผนจู่โจมแบบฉับพลัน มอนสเตอร์ตายอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งที่ดีในสงคราม แต่พอเป็นมนุษย์แล้วกลับต่างออกไป…….

 

“แม่งเอ๊ย!”

 

บาร์บาทอสพูดถูก 

นี่มัน เรื่องระยำชัดๆ สำหรับมนุษย์นั้น ทหารก็ไม่ได้เป็นแค่ทหารหากแต่เป็นแรงงานด้วย พวกเขาจึงกังวลเรื่องที่แรงงานจะตาย

แต่ขณะเดียวกันผมก็ดีใจที่ไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ถึงต่อให้ผมได้รับบทบาทสำคัญอย่างผู้ช่วยคนสนิทของเจ้าหญิงอลิซาเบธ ผมก็คงจะสิ้นหวังยิ่งกว่าตอนนี้เสียอีก

ผมอาจจะเป็นจอมมารที่อ่อนแอที่สุดแต่ก็ยังมีข้อดีในการเป็นจอมมารอยู่ดีนั่นแหละ…….

 

10,000 คนได้ตายลงไป

10,000 คนได้สร้างโลกใบนี้ขึ้นมาใหม่

 

“อุอ๊ากกกกกกกก―!”

 

นั่นแหละว่าทำไมตอนนี้ สมองของผมถึงเริ่มบรรจุไปด้วยสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าชีวิตคนนับหมื่นคน

 

 

“ดึงสติไว้สิ เฮ่อ สลบไปแล้ว

เฮ้ยนี่! เฮ้ย! กลับมาก่อน! อยากตายรึยังไงกัน? 

อยากให้ฉันเอามีดแทงเธอก่อนจะตายเอาไหม นังหนู? ยัยเด็กอวดดีเอ๊ย 

ลืมตาขึ้นมา! เปิดตาขึ้นมา! ถ้าเธอตาย พี่ชายเธอก็ตายตาม พ่อแม่เธอก็ตายด้วยเหมือนกัน 

แม่งเอ๊ย เฮ้ย!”

 

มันเป็นอย่างนั้นเองน่ะหรือ

ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมผมถึงอยากที่จะรักษาชีวิตเดซี่ขนาดนั้น

ผมปรารถนาที่จะให้เธอเป็นอย่างผม ผมอยากจะให้เธออยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับที่ผมอยู่ตอนนี้ หากเราสองเป็นขยะแทนที่จะเป็นเพียงลำพัง

เราจะได้ปลอบโยนกันและกันได้

 

ผมอยากที่จะปลอบโยนใครสักคน ผมอยากที่จะแข็งแกร่งขึ้นพอที่จะปลอบใจและนำพาคนอื่นในฐานะผู้ให้คำปรึกษาหรือตัวแทนของพ่อแม่

 

สมองของผมเริ่มแย่ลงแล้วสินะ นี่ผมมันจะเป็นขยะไปถึงไหนกันเนี่ย?

 

พอมาคิดๆถึงเรื่องการปลอบโยนใครสักคน เพียงเพราะผมเห็นอีกฝ่ายเป็นเหมือนผม―นี่ผมกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย? 

ผมมีเรื่องราวของหัวหน้าฮอร์ค แจ็ค อแลน ริฟ และเคิร์ท ชไลเออมาเคอร์และมนุษย์อีก10,000 คนอยู่ในตัวผม 

พวกเขาก็ได้รับการปลอบโยนจากผมเหมือนกันเหรอ ? ด้วยการฆ่าพวกเขาทิ้งเนี่ยนะ?

 

อย่าพูดให้ผมขำไปเลยน่า

มันฟังดูเหมือนข้ออ้างแก้ตัวที่น่าสังเวช มันจะไปต่างอะไรกับการที่ชนชั้นสูงแสดงความเห็นใจให้กับชาวนา? มันไม่ต่างจากการตายทั้งเป็นเลย จะฆ่าตัวตายก็ยังไม่ได้

 

“ฝ่าบาท?”

 

ก่อนที่ผมจะทันรู้ตัว ผมก็ได้ยืนแล้วเดินไปอยู่ข้างๆเจเรมิ

 

ร่างเปลือยเปล่าของเด็กสาวนอนอยู่ตรงหน้าผม เนื้อเปิดเหวอะอย่างโหดร้าย เนื้อสีแดงกระตุกเต้น และเลือด เลือดมากมาย ผมต้ังใจมองใกล้ชิด ก่อนจะหันไปมองตาเด็กสาว

 

“…….”

เดซี่คืนสติกลับมาจดจ่ออีกครั้ง ดวงตาของเธอนั้นดุร้ายขึ้นมาในทันที

 

เด็กสาวที่เคยไร้อารมณ์มาจนถึงตอนนี้กลับมีความรู้สึกโกรธขึ้งเจืออยู่ในแววตา 

 

เธอคงตระหนักแล้วว่า ผมน่ะเป็นสาเหตุที่เธอต้องได้รับประสบการณ์เจ็บปวดเหลือแสนเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย ผมนี่แหละเป็นศัตรูตัวสำคัญของเธอ

 

ผมยิ้มอย่างเยือกเย็น

 

“เธอคงมาไกลได้แค่นี้สินะ”

 

“…….”

 

“ปากก็พูดอย่างมั่นอกมั่นใจ จนข้าเชื่อว่าเจ้าน่ะแข็งแกร่ง แต่สุดท้ายก็ทนการผ่าตัดแบบนี้ไม่ไหว

สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเด็กสาวอายุ 10 ปีคนหนึ่ง 

เธอไม่สามารถแบกรับชีวิตของพี่ชาย พ่อแม่ และคนในหมู่บ้านไว้บนบ่าได้ แบกรับชีวิตนับ 30 ชีวิตยังไม่ไหว”

 

เดซี่เปิดปากขึ้น

 

เสียงที่เหมือนจะดับพร้อมลมหายใจได้หลุดออกมา เธอพึมพัมเหมือนเด็กแรกเกิดพยายามอยู่หลายต่อหลายครั้งจนกระทั่งพูดเป็นประโยคขึ้นมาได้

 

 

“หนูจะ……ฆ่าคุณ”

 

“…….”

 

“หนูสาบาน”

 

ผมระเบิดหัวเราะออกมาดังๆ

 

สมองผมนั้นชุ่มโชกไปด้วยกลิ่นควันธูปตอนนี้กลับกระจ่างชัดขึ้นมาแล้ว

ถูกต้อง! ทุกอย่างชัดเจนแล้ว สิ่งที่ผมต้องการน่ะ คือความอาฆาตมาดร้ายแบบนี้แหละ!

บุคคลที่ฆ่าผู้คนไป  10,000 คน  ก็สมควรได้รับความคั่งแค้นระดับผู้คน 10,000 คน

แต่ถึงอย่างนั้น เกือบทั้งหมดตายโดยแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ใครเป็นคนฆ่าพวกเขา พวกเขาจึงไม่มีโอกาสที่จะแก้แค้น

มันไม่แฟร์เลยไม่ใช่หรือไงกัน?

 

“ทำเลย”

 

หากผมฆ่าคนไป  10,000 คน ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องมีเจตจำนงที่เข้มแข็งกว่าคน 10,000 คนนั่น

 

ผมจะยังทำให้คนนับหมื่นคนตายต่อไป เธอจะต้องมาเป็นประจักษ์พยานด้วยสายตาขณะที่อยู่เคียงข้างผม

ขณะที่ใครสักคนหนึ่งตายเพราะผมด้วยความไม่รู้และอ่อนแอ พวกนั้นน่ะไม่มีทางกลายเป็นศัตรูของผม เธอน่ะจะต้องแทนที่พวกเขาเหล่านั้น แทนที่ทุกคนที่ถูกฆ่าตายลงไป

 

 

“ข้าหวังให้เจ้าอยู่ข้างกายข้า”

 

ผมจะจดจำทุกอย่างที่ผมได้ทำลงไป ทุกครั้งที่เห็นเธอ และนั่นแหละ

ผมไม่อาจหนีจากสิ่งที่ผมทำลงไปได้ ไปจากชีวิตของผม ดังนั้นผมไม่ได้กำลังหาที่หลบภัยที่ปลอบโยนจิตใจหรือให้ใครมาเห็นใจ

 

 

“เธอจะกลายเป็นประจักษ์พยานการมีชีวิตอยู่ของผมตลอดกาล”

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 176 ดอกไม้อันตราย (2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 176 ดอกไม้อันตราย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

“ตามที่ท่านสั่ง”

 

เจเรมิหยิบถ้วยที่เป็นทรงเขาสัตว์ขึ้นมา มันบรรจุไวน์ที่ผสมแมนเดรก

 

แมนเดรก บ่อยครั้งก็เรียกว่า แมนดร้า มันเป็นพืชที่ใช้เป็นตัวยาที่ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน มักสกัดให้เป็นผงแล้วใส่ดื่มในไวน์

 

มันเป็นไอเท็มที่นักเล่นแร่แปรธาตุทำเงินได้มากที่สุดในโลก มันถูกใช้ทั้งในแง่ของยาปลุกกำหนัดและยาชา เจเรมิใส่ผงลงในไวน์จำนวนมาก

 

“อุบ……อึกก”

 

เดซี่นั้นต้องทนดื่มไวน์นั่นลงไป ผมก็ไม่รู้ว่าต้องบอกยังไงให้เธอยอมดื่มมันลงไป ไวน์กว่าครึ่งไม่ได้เข้าปากเธอมันไหลลงข้างกรามแทน เจเรมิพอเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มขึ้นมา

 

“นี่คือยาชา ถ้าไม่ยอมดื่มมีแต่จะเจ็บตัวเปล่าๆ รู้ไหม๊?”

 

“…….”

 

“ผิวเปลือยเปล่าของเธอจะถูกเฉือน เลือดจะไหลออกไม่หยุดหย่อน ฉันไม่รับผิดชอบนะ”

 

เดซี่จ้องมองเจเรมิอย่างเฉยชา ของเหลวไหลออกนอกปากน้อยลง

 

แต่ถึงอย่างนั้นดูเหมือนท้องของเดซี่จะถึงขีดกำจัดแล้ว จึงไม่อาจรับไวน์ลงไปได้อีก หากให้มาคิดๆดูถึงจำนวนโพชั่นที่อยู่ในท้องตอนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยสักนิด

 

เจเรมินั้นจุดธูปหอมกำยาน ควันสีเทาอ่อนพวยพุ่งฟุ้งเต็มห้อง

 

“ว่ากันจริงๆนะ เธอน่ะควรรู้นะว่าตัวเองโชคดี ตอนฉันยังเด็กมันไม่มีอะไรแบบนี้หรอก”

 

ธูปเครื่องหอมทั้ง 6 วางอยู่รอบเตียง มันมีไว้เพื่อหลอนประสาทและทำให้ตัวชา พวกนี้เป็นสมุนไพรที่พบได้ในเฉพาะมหาโรรุวนา หนึ่งในนรกของโลกปีศาจ เจเรมิบ่นพลางจุดธูปหอม

 

“ถ้าช็อคตายระหว่างขั้นตอนนี้ก็ถือว่าจบกัน สหายของฉัน 6 คน กว่าครึ่งก็ตายก่อนจะได้รับชื่อในกลุ่มมือสังหาร 

ชิ ……มันต้องสิ้นเปลืองอะไรกันขนาดนี้นะ?”

 

เส้นเสียงของเธอขยับอย่างไม่พอใจนัก แต่ผมก็ยังไม่ค่อยรับรู้อารมณ์ของเธอเลย เหมือนเช่นเคยเธอสามารถควบคุมอารมณ์ได้เย็นชาสมเป็นมือสังหาร

 

มันเป็นไปได้เหมือนกันว่า การที่เจเรมิจะยิ้มจนเกินจริง แสดงสีหน้าออกมามากจนเกินไปนั้นก็เพื่อพยายามที่จะรื้อฟื้นคืนอารมณ์ที่เธอเคยเสียไป

 

“……”

 

ผมดื่มไวน์

 

เมื่อครั้งที่พวกเรากลับมาหลังจากปราบก็อบลินไปสองหมู่บ้าน บารอนก็ให้การต้อนรับพวกเราอย่างดีมาก และนั่นคือ ไวน์ที่ต้องใจจะถวายบรรณาการให้แก่เหล่าราชา ไวน์อันแสนล้ำค่าที่มีรสหวานอร่อย กลับขมปร่าสำหรับผม

 

เด็กสาวอายุ 10 ปี กำลังโดนชำแหละอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ หัวใจของเธอเผยออกมาให้เห็น ทั้งหมดนั้นก็เพียงเพื่อที่จะกลายเป็นทาสของผม 

ต้นเหตุก็ง่ายๆ เพราะมีความเป็นไปได้ที่สักวันหนึ่ง เธอจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อผมในอนาคต นี่มันบ้าไปแล้วจริงๆ

 

มันสิ มันไม่ใช่อะไรที่เรียบง่ายอย่างความเป็นไปได้นั้น

โลกใบนี้น่ะ มันแทบจะลอกเลียนโลก <Dungeon Attack> มาเลยด้วยซ้ำ……. 

 

 

เกมนั้นน่ะมันเกี่ยวพันกับฮีโร่มากกว่าใครทั้งนั้น เด็กสาวผู้นี้มีดวงชะตาที่กำหนดมาให้เธอต้องเป็นฮีโร่ เควสไม่ถูกทำลายตอนที่ผมฆ่าอันโดรมาลิอุส 

 

นั่นแสดงว่า ชะตากรรมของเธอมันไม่ใช่สิ่งที่จะเปลี่ยนกันได้โดยง่ายอย่างนั้นรึ?!

 

เพื่อความปลอดภัย นี่เป็นสิ่งที่ผมต้องทำ…….

 

“อืมฮึ ฝ่าบาท?”

 

“……หืม?”

 

ผมตอบรับช้าไปเพราะมัวแค่ครุ่นคิด กลิ่นประหลาดของธูปหอมนั่นละเลงกลิ่นอยู่ในจมูกผม ดูท่าควันพวกนั้นจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว

 

พอผมคืนสติได้ ผมก็เห็นเจเรมิกำลังถือมีดแล้วมองจ้องผมอยู่ การผ่าตัดเริ่มก่อนที่ผมจะรู้ตัวด้วยซ้ำ

 

“อู……ฮ่า, อั่ก…….”

 

เดซี่ยังคงครวญครางขณะที่ถูกมัดติดกับเตียง ผิวหนังเปลือยเปล่าถูกเปิดออก ดวงตาที่ครั้งหนึ่งเคยแจ่มชัดของเธอกลับหม่นมัว

น้ำลายจำนวนมากไหลออกมาจากด้านข้างของปาก เธอสูญเสียความสามารถในการควบคุมร่างกายโดยสมบูรณ์

แม้ควันพวกนั้นสุดจะฉุนแสบจมูก แต่มันก็ไม่มีผลอะไรต่อเจเรมิเลย

 

 

“ตัวยาหลอนประสาทนั้นรุนแรงค่ะ มันยากที่จะทนอยู่ได้โดยไม่มีภูมิคุ้มกัน ฝ่ายบาทที่ไม่คุ้นเคยกันก็คงได้รับผลของมันไปสักพักหนึ่ง 

แต่ท่านไม่จำเป็นต้องอยู่และดูนี่ต่อไปก็ได้ค่ะ ถึงท่านจะเดินออกไปตอนนี้ก็ไม่เป็นไร”

 

เสียงของเจเรมินั้นดังก้องมาจากที่ไกลแสนไกล 

ผมส่ายหัวเหมือนปลาที่กระเสือกกระสนดิ้นรนหาน้ำ แม้ถ้อยคำมันจะออกมาจากปากของผมเองแต่มันกลับดูเหมือนมาจากที่ไกลๆ

 

“ไม่ ข้าจะเฝ้าดูจนมันจบ”

 

ผมเชื่อว่านั่นเป็นภาระผูกพันของผม ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ผมรู้สึกอย่างแรงกล้าว่า ผมไม่ควรออกจากที่นี่ตอนนี้

 

เจเรมิผงกหัวแล้วหันกลับไป มีดผ่าตัดยังคงขยับต่อ

 

 

“ฮ่า อ่าาา…….”

 

“โว้ว ฝ่าบาท เด็กคนนี้มันไม่ใช่เล่นๆเลย มานาของเธอนั้นเยอะมาก อาจจะเพราะโพชั่น แต่มันก็เข้มข้นเหลือเกิน

ไม่สิ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นเด็กที่มีมานาเข้มข้นขนาดนี้

…….เธอนี่อย่างกับสัตว์ประหลาดเลยล่ะ โอ้ พระเจ้า”

 

“คั่ก……อุ่ก, อึกก…….”

 

“แม้จะเป็นเด็กอยู่ แต่มานาของเธอนั้นต่างกระจุกตัวรวมกัน มันพยายามจะปกป้องเจ้านายของตัว 

โว้ว นี่มันบ้าไปแล้วจริงๆ นี่นับเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์แท้ๆ

ถ้าในบรรดาตาแก่แห่งหอคอยเวทย์มาเห็นเข้า คงต้องปากกว้างกรามค้างแน่ ว่าแต่นี่เธฮกินอะไรถึงโตมาเป็นแบบนี้ได้นะ? ฉันจะไปหามากินบ้างเหมือนกัน”

 

เจเรมิยังคงพูดคุยต่อ เธอนั้นยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆราวกับว่า จะช่วยป้องกันไม่ให้เดซี่นั้นสติแตกไปก่อน

มือของเธอยังคงเคลื่อนไหวรวดเร็ว แม่นยำในการตัดเฉือนเนื้อขณะที่ปากก็ยังพูดจาป่าเถื่อนอยู่

 

 

“มานานี่คงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเธอน่ะถึงไม่เป็นอะไรแม้จะเจอโรคระบาดเข้า ผิวหนังของเธอยังชุ่มชื่นอยู่เลยนะเนี่ย แต่โชคร้ายหน่อยนะ”

 

คำพูด กับมือของเธอที่เคลื่อนไหวอยู่นั้นราวกับเป็นท่วงทำนองคนละจังหวะกัน ฉากที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผมมันดูแปลกเสียจนเหมือนกับเป็นหนังเงียบ

 

“เธอควรจะเสียใจที่ได้รับพรสวรรค์มานานั่นก็ตอนนี้แล้วล่ะ เพราะมานาของเธอนั่นแหละทำให้การผ่าตัดทำได้ยากขึ้นไปอีก

ฟุฟุ ประคองสติให้ดีล่ะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมาแม้แต่นิดเดียวเธอก็ตายอย่างแน่นอน”

 

ผิวขาวบริสุทธิ์ของเธอนั้นปกคลุมไปด้วยของเหลวสีแดงจำนวนมาก เดซี่นั่นดูเหมือนจะหายใจติดขัด เสียงครางดังออกมาจากปอดไม่หยุด

 

“ฮึกก อั่กกก อ่า……อ่าาาาา!  อ้ากก! อู กกก…….”

 

เสียงกรีดร้องของเธอดังก้องอยู่ในหูผม ผิวสีขาว ก้อนเลือดสีแดง ควันหนา กลิ่นแสบจมูกผสานรวมกับกลิ่นคาวๆของเลือด…….

 

สิ่งที่ผมรู้สึกต่อภาพที่เห็น เด็กสาวคนหนึ่งกำลังดิ้นรน กลับไม่ใช่ความเห็นอกเห็นใจ แต่มันคือ ความรู้สึกแปลกประหลาด 

 

มันดูเพี้ยนมากที่ผมคิดแบบนั้น

ผู้นำฮอร์ค,แจ็ค อแลนด์,ริฟ และ เคิร์ท สไชเออมาเคอร์ พวกเขาต่างร้องอย่างเจ็บปวดตอนที่พวกเขาตาย ทำไมผู้คนต้องเจ็บปวดกันด้วยล่ะ? 

ทำไมพวกเขาไม่……เอาล่ะ ทำไมพวกเขาไม่ตระหนักถึงประสบการณ์ความเจ็บปวดในฐานะผู้ชำระล้าง? ทำไมต้องเป็นความเจ็บปวดกันนะ?

 

ความนึกคิดของผมเริ่มซึมด้าน แต่ในหัวผมยังมีความขยุกขยิกอยู่ กลิ่นหอมพวกนั้นมันไหลซึมเข้ามาในกระโหลกศีรษะของผม

 

ทำไมต้องพยายามฆ่าผมด้วย? ผมไม่ได้ทำอะไรผิดต่อพวกเขาสักหน่อย มันเป็นเรื่องตลกเหลือเกินที่ต้องพยายามฆ่าผมเพียงเพราะผมเป็นจอมมาร

 

ผมไม่ได้กลายเป็นแบบนี้เพราะอยากเป็นเสียที่ไหน พวกแกน่ะเป็นคนบังคับให้ผมต้องทำแบบนั้นเดอง ทำไมผมถึงต้องรับผิดชอบมันทั้งหมดด้วยล่ะ? 

ในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำให้มันเกิดขึ้นมาด้วยซ้ำ…….

 

 

“อั่ก, อ๊ากกก!”

 

ดังนั้นหุบปากซะ แจ็ก แกกรีดร้องซะดังเลยโว้ย เพียงเพราะผิวแกโดนไหม้นิดๆหน่อยๆ 

ผมกัดกรามแน่นและวิงวอนร้องเหล่านักผจญภัยตอนที่โดนธนูปักเข้านี่น่อง 

 

ใช้สมองหน่อยสิ

 

ใช้พลังงานทั้งหมดเพื่อคิดแผน หากอยู่ในถ้ำเสือแล้ว ก็ยังสามารถหวดคอเสือได้ถ้าแกนิ่งพอ

 

“แก ไอ้ปีศาจ……!”

 

ไม่เลย นั่นก็แค่ธุรกิจ สิ่งที่ไม่แฟร์ยิ่งกว่าธุรกิจใดๆ ตอนนี้แกควรจะเข้าใจได้แล้ว

ความจริงเรื่องที่แกใช้เมโมเรียอาติแฟค นั้นมันยอดเยี่ยมมาก ผมน่ะโดนล่อเข้าปังใหญ่จากเรื่องนั้นเลยล่ะ ไม่ใช่ไพมอน แต่เกือบตายจากไอ้อ่อนหัด 

พ่อค้าไร้ชื่อที่ไม่เคยปรากฏในดันเจี้ยนแอทแท่ก ทั้งที่เราอาจเป็นเพื่อนที่ดีต่อได้แท้ๆ…….

 

 

“อั่ก……คึ่ก, อ่วกกก, เอิ่กก……!”

 

“อย่าบ้วนออกมา! กลืนมันลงไป! กลืนโพชั่นห่านั่นลงไป! เธอจะตายแน่ถ้ายังบ้วนมันทิ้ง เข้าใจไหม หากไม่อยากตายก็กลืนไปมันลงไป”

 

“อึกอุ่บ……โอ่ก……คุ่ก…….”

 

ประมาณคนตายคร่าวๆกี่คนกันนะ?  10,000? เกือบ 2,000 คนต้องตายที่ภูเขาดำ…….ก็คงราวๆนั้นแหละ

 

ถึงอย่างไร ไอ้พวกออร์คระยำนั่นก็แดกกันมากเกินไปแล้ว แม้จะทำเนื้อย่างจากศพนับพันศพ แต่มันก็กินหมดแทบจะในทันที มันก็ออกจะน่ารักดีหรอก แต่โดยมากก็เป็นไอ้ระยำด้วยกันทั้งนั้น

แผนจู่โจมแบบฉับพลัน มอนสเตอร์ตายอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งที่ดีในสงคราม แต่พอเป็นมนุษย์แล้วกลับต่างออกไป…….

 

“แม่งเอ๊ย!”

 

บาร์บาทอสพูดถูก 

นี่มัน เรื่องระยำชัดๆ สำหรับมนุษย์นั้น ทหารก็ไม่ได้เป็นแค่ทหารหากแต่เป็นแรงงานด้วย พวกเขาจึงกังวลเรื่องที่แรงงานจะตาย

แต่ขณะเดียวกันผมก็ดีใจที่ไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ถึงต่อให้ผมได้รับบทบาทสำคัญอย่างผู้ช่วยคนสนิทของเจ้าหญิงอลิซาเบธ ผมก็คงจะสิ้นหวังยิ่งกว่าตอนนี้เสียอีก

ผมอาจจะเป็นจอมมารที่อ่อนแอที่สุดแต่ก็ยังมีข้อดีในการเป็นจอมมารอยู่ดีนั่นแหละ…….

 

10,000 คนได้ตายลงไป

10,000 คนได้สร้างโลกใบนี้ขึ้นมาใหม่

 

“อุอ๊ากกกกกกกก―!”

 

นั่นแหละว่าทำไมตอนนี้ สมองของผมถึงเริ่มบรรจุไปด้วยสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าชีวิตคนนับหมื่นคน

 

 

“ดึงสติไว้สิ เฮ่อ สลบไปแล้ว

เฮ้ยนี่! เฮ้ย! กลับมาก่อน! อยากตายรึยังไงกัน? 

อยากให้ฉันเอามีดแทงเธอก่อนจะตายเอาไหม นังหนู? ยัยเด็กอวดดีเอ๊ย 

ลืมตาขึ้นมา! เปิดตาขึ้นมา! ถ้าเธอตาย พี่ชายเธอก็ตายตาม พ่อแม่เธอก็ตายด้วยเหมือนกัน 

แม่งเอ๊ย เฮ้ย!”

 

มันเป็นอย่างนั้นเองน่ะหรือ

ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมผมถึงอยากที่จะรักษาชีวิตเดซี่ขนาดนั้น

ผมปรารถนาที่จะให้เธอเป็นอย่างผม ผมอยากจะให้เธออยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับที่ผมอยู่ตอนนี้ หากเราสองเป็นขยะแทนที่จะเป็นเพียงลำพัง

เราจะได้ปลอบโยนกันและกันได้

 

ผมอยากที่จะปลอบโยนใครสักคน ผมอยากที่จะแข็งแกร่งขึ้นพอที่จะปลอบใจและนำพาคนอื่นในฐานะผู้ให้คำปรึกษาหรือตัวแทนของพ่อแม่

 

สมองของผมเริ่มแย่ลงแล้วสินะ นี่ผมมันจะเป็นขยะไปถึงไหนกันเนี่ย?

 

พอมาคิดๆถึงเรื่องการปลอบโยนใครสักคน เพียงเพราะผมเห็นอีกฝ่ายเป็นเหมือนผม―นี่ผมกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย? 

ผมมีเรื่องราวของหัวหน้าฮอร์ค แจ็ค อแลน ริฟ และเคิร์ท ชไลเออมาเคอร์และมนุษย์อีก10,000 คนอยู่ในตัวผม 

พวกเขาก็ได้รับการปลอบโยนจากผมเหมือนกันเหรอ ? ด้วยการฆ่าพวกเขาทิ้งเนี่ยนะ?

 

อย่าพูดให้ผมขำไปเลยน่า

มันฟังดูเหมือนข้ออ้างแก้ตัวที่น่าสังเวช มันจะไปต่างอะไรกับการที่ชนชั้นสูงแสดงความเห็นใจให้กับชาวนา? มันไม่ต่างจากการตายทั้งเป็นเลย จะฆ่าตัวตายก็ยังไม่ได้

 

“ฝ่าบาท?”

 

ก่อนที่ผมจะทันรู้ตัว ผมก็ได้ยืนแล้วเดินไปอยู่ข้างๆเจเรมิ

 

ร่างเปลือยเปล่าของเด็กสาวนอนอยู่ตรงหน้าผม เนื้อเปิดเหวอะอย่างโหดร้าย เนื้อสีแดงกระตุกเต้น และเลือด เลือดมากมาย ผมต้ังใจมองใกล้ชิด ก่อนจะหันไปมองตาเด็กสาว

 

“…….”

เดซี่คืนสติกลับมาจดจ่ออีกครั้ง ดวงตาของเธอนั้นดุร้ายขึ้นมาในทันที

 

เด็กสาวที่เคยไร้อารมณ์มาจนถึงตอนนี้กลับมีความรู้สึกโกรธขึ้งเจืออยู่ในแววตา 

 

เธอคงตระหนักแล้วว่า ผมน่ะเป็นสาเหตุที่เธอต้องได้รับประสบการณ์เจ็บปวดเหลือแสนเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย ผมนี่แหละเป็นศัตรูตัวสำคัญของเธอ

 

ผมยิ้มอย่างเยือกเย็น

 

“เธอคงมาไกลได้แค่นี้สินะ”

 

“…….”

 

“ปากก็พูดอย่างมั่นอกมั่นใจ จนข้าเชื่อว่าเจ้าน่ะแข็งแกร่ง แต่สุดท้ายก็ทนการผ่าตัดแบบนี้ไม่ไหว

สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเด็กสาวอายุ 10 ปีคนหนึ่ง 

เธอไม่สามารถแบกรับชีวิตของพี่ชาย พ่อแม่ และคนในหมู่บ้านไว้บนบ่าได้ แบกรับชีวิตนับ 30 ชีวิตยังไม่ไหว”

 

เดซี่เปิดปากขึ้น

 

เสียงที่เหมือนจะดับพร้อมลมหายใจได้หลุดออกมา เธอพึมพัมเหมือนเด็กแรกเกิดพยายามอยู่หลายต่อหลายครั้งจนกระทั่งพูดเป็นประโยคขึ้นมาได้

 

 

“หนูจะ……ฆ่าคุณ”

 

“…….”

 

“หนูสาบาน”

 

ผมระเบิดหัวเราะออกมาดังๆ

 

สมองผมนั้นชุ่มโชกไปด้วยกลิ่นควันธูปตอนนี้กลับกระจ่างชัดขึ้นมาแล้ว

ถูกต้อง! ทุกอย่างชัดเจนแล้ว สิ่งที่ผมต้องการน่ะ คือความอาฆาตมาดร้ายแบบนี้แหละ!

บุคคลที่ฆ่าผู้คนไป  10,000 คน  ก็สมควรได้รับความคั่งแค้นระดับผู้คน 10,000 คน

แต่ถึงอย่างนั้น เกือบทั้งหมดตายโดยแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ใครเป็นคนฆ่าพวกเขา พวกเขาจึงไม่มีโอกาสที่จะแก้แค้น

มันไม่แฟร์เลยไม่ใช่หรือไงกัน?

 

“ทำเลย”

 

หากผมฆ่าคนไป  10,000 คน ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องมีเจตจำนงที่เข้มแข็งกว่าคน 10,000 คนนั่น

 

ผมจะยังทำให้คนนับหมื่นคนตายต่อไป เธอจะต้องมาเป็นประจักษ์พยานด้วยสายตาขณะที่อยู่เคียงข้างผม

ขณะที่ใครสักคนหนึ่งตายเพราะผมด้วยความไม่รู้และอ่อนแอ พวกนั้นน่ะไม่มีทางกลายเป็นศัตรูของผม เธอน่ะจะต้องแทนที่พวกเขาเหล่านั้น แทนที่ทุกคนที่ถูกฆ่าตายลงไป

 

 

“ข้าหวังให้เจ้าอยู่ข้างกายข้า”

 

ผมจะจดจำทุกอย่างที่ผมได้ทำลงไป ทุกครั้งที่เห็นเธอ และนั่นแหละ

ผมไม่อาจหนีจากสิ่งที่ผมทำลงไปได้ ไปจากชีวิตของผม ดังนั้นผมไม่ได้กำลังหาที่หลบภัยที่ปลอบโยนจิตใจหรือให้ใครมาเห็นใจ

 

 

“เธอจะกลายเป็นประจักษ์พยานการมีชีวิตอยู่ของผมตลอดกาล”

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+