Dungeon Defense (WN) 178 ดอกไม้อันตราย (4)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 178 ดอกไม้อันตราย (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

 

ดูเหมือนเดซี่จะไม่รับรู้เรื่องสแตทพวกนี้ของตัวเองเลย แต่ถึงอย่างนั้นทั้งลุคและเดซี่ ก็ต้องมีหนึ่งในนั้นที่ได้กลายเป็นฮีโร่

ดังนั้นก็เลยต้องรับสืบทอดค่าสแตทมาแบบเดียวกัน…….แค่คิดก็ชวนขนหัวลุกแล้ว

 

เจเรมิมองผมด้วยสายตาว่างเปล่าขณะที่ผมกำลังหัวเราะ เธอไม่ได้มองผมด้วยแววตาแปลกๆ เหมือนเธอจะสงสัยมากกว่าทำไมผมถึงหัวเราะออกมา 

นับตั้งแต่เธอเชื่อว่า ผมไม่อาจตอบคำตอบเธอได้หมด เธอจึงยั้งตัวเองไม่ถามออกมา มันเป็นสีหน้าท่าทางแบบนั้นแหละ

 

“เจเรมิ ข้าจะให้เจ้าดูแลเด็กคนนี้ตอนเธอตื่นขึ้นมา”

 

“รับทราบค่ะ เธอคงจะต้องล้มป่วยไปสักสามวัน”

 

“อ่า ดูเหมือนข้ายังเป็นหนี้เจ้าไปสักพัก”

 

“ไม่เลยค่ะ พอมานึกถึงว่าฝ่าบาทจะสร้างความปั่นป่วนกับทวีปนี้ได้เท่าไหร่”

เจเรมิป้องปากตนแล้วหัวเราะ

“แค่คิดถึงเรื่องนั้น ก็ทำให้งานนี้คุ้มค่าขึ้นมาแล้วค่ะ”

 

“เจ้านี่มัน นังโรคจิตจริงๆเลยนะ”

 

“แหมๆ ตัวฉันนี่ การที่ถูกฝ่าบาทเรียกว่า นังโรคจิต ไม่มีสิ่งใดจะเป็นเกียรติไปยิ่งกว่านี้อีกแล้ว”

 

ผมมองเจเรมิด้วยความรู้สึกอึ้งนิดๆ

พอทำแบบนั้นเจเรมิกลับยักไหล่จนดูโอเวอร์

 

 

“ท่านบอกว่า ท่านนั้นเป็นจอมมารผู้ซื่อตรงและน่าเชื่อถือที่สุดในเหล่าจอมมารถูกไหมคะ?

ถูกแล้ว ท่านเป็นเช่นนั้นเลยค่ะ ฝ่าบาทนั้นพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกจนติดหูฉันผู้นี้

ฝ่าบาทนั้นรักใคร่เชิงกามารมณ์กับฝ่าบาทบาร์บาทอสผู้มีรูปลักษณ์เป็นเด็ก แต่ท่านก็ไม่ได้เป็นพวกใคร่เด็ก*เลยแม้แต่น้อย”

 

“เจ้า…….”

 

“แม้แต่วันนี้ ฝ่าบาทกับเด็กสาวอายุ 10 ปี จะจดจ้องมองกันอย่างจริงจังหลายชั่วโมง แต่ท่านก็ยังไม่ใช่คนโรคจิต 

แน่นอนล่ะ เฮอะ แววตาที่แสนรุ่มร้อนของฝ่าบาททำให้ฉันที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั้นแทบไหม้เลยล่ะ”

ผมพบว่า ตัวเองน่ะมีสิทธิ์ที่จะแก้ต่างหักล้างเธอได้ ตอนนี้เจเรมิน่ะพูดมากเกินปกติไปจริงๆ 

 

เธออาจเห็นว่าอารมณ์ของผมนั้นตึงเครียดเกินไปก็เป็นไปได้ เลยพยายามที่จะพูดตลกให้ผมคลายอารมณ์ลงบ้าง ผมก็เลิกจดจ่อไปกับแม่หนูฮีโร่นั่นได้แล้วล่ะ ต้องขอบคุณเธอจริงๆ

 

สุดท้ายผมก็ทำให้คนใต้บังคับบัญชาผมต้องมาห่วงใย ผมนี่มันแย่จริงๆ…….

 

 

ผมถอนใจออกมาก่อนจะยิ้มบางๆคืนกลับไป ผมลูบหัวของเจเรมิ ผมสีฟ้าสยายขยับไปตามฝ่ามือของผมอย่างแผ่วเบา

 

“อ๋า?”

 

ดวงตาของเจเรมิเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของเธอนั้นยังครึ่งปิดครึ่งเปิดอยู่ด้วยผลของยาและอาการประสาทหลอนหน่อยๆ

 

เจเรมิผู้ที่ยากจะแสดงอารมณ์ออกมา เริ่มมีอารมณ์กะเพื่อมไหว ผมลูบหัวเพื่อแสดงความรู้สึกขอบคุณดังนั้นจึงพยายามลูบให้เบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

“ตราทาสนั้นดึงชีวิตของเจ้าให้จมดิ่งสู่ก้นนรก ข้ายังสั่งให้เจ้าทำในสิ่งที่เลวร้ายเช่นนั้นอีก เห็นได้ชัดเลยว่า ข้าน่ะมันเป็นขยะไร้ค่าแค่ไหน

นับจากนี้ ข้าจะเรียกข้าว่าเป็นขยะก็ได้”

 

“……ไม่หรอกค่ะ ข้าก็เป็นขยะ”

 

“เจ้าเคยถามข้าตอนที่เราอยู่ในซากปราสาทนั่น”

เจเรมิกลับไม่ตอบรับด้วยท่าทีตามปรกติหากแต่ผงกหัวด้วยความลังเล

 

ในวันแรกที่ผมพบกับเจเรมิ พวกเราตั้งค่ายพักแรมกันที่ซากปราสาท

เจเรมิ ผู้สงสัยว่า ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วหรืออย่างไรในการใช้ชีวิตอันโหดร้ายเพียงเพราะเธอเกิดมาเป็นปีศาจที่ต้อยต่ำ ได้ขอให้ผมเปลี่ยนโลกที่อยุติธรรมใบนี้ และเป็นราชาของเธอ

 

 

“คำตอบของข้ายังเหมือนเดิม ข้าไม่อาจแบกรับความโชคร้ายแทนเจ้าได้ เจเรมิ หากชีวิตของเจ้ามันเป็นขยะ ตัวข้าก็ไม่ต่างกัน”

 

ผมหัวเราะ

 

“แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็จะเดินไปด้วยกันกับเจ้า ให้พวกเรามีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ด้วยกัน ในฐานะกลุ่มก้อนขยะกองหนึ่ง”

 

“…….”

 

เธอนั้นช่วยชีวิตผมและลาพิส แถมเธอยังทำให้ฮีโร่กลายเป็นทาสของผมด้วย วันหนึ่งผมต้องตอบแทนคืนเธอ

 

เจเรมิปิดปากเงียบ ไม่นานหลักจากนั้นเธอก็พูดคำว่า ‘ค่ะ’ ออกมา 

ผมไม่แน่ใจว่าทำไมกัน แต่ผมกลับหัวเราะ ผมลูบเส้นผมของเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะออกจากห้องไป

 

 

 

* * *

 

 

ในคืนนั้นเอง งานเลี้ยงเทศกาลยังคงจัดขึ้นในดินแดนของบารอน

 

บารอนเบอร์ซี่นั้นยังคงจัดงานเลี้ยงต่อไม่ใช่หนึ่งวัน หากแต่เป็นสี่วันติดๆ

นั่นก็เป็นเพราะผู้ช่วยของท่านลอร์ดนั้นได้นำอาหารและเครื่องดื่มจากเมืองหลวงมาแจกจ่ายมากมายเหลือเกิน กลุ่มของพวกเรากลายเป็นดาวเด่นนับตั้งแต่กำจัดหมู่บ้านก็อบลินไปถึงสองหมู่บ้าน

 

แม้แต่ตอนนี้ เหล่าคนแคระก็ยังพูดคุยโหวกเหวกกันอยู่ท่ามกลางใจกลางเมือง ดูเหมือน การดวลดื่มนั้นจะไม่มีทางจบลงง่ายๆ ทั้งคนแคระและผู้ชายในหมู่บ้านนั้นตั้งใจแข่งกันอย่างจริงจัง ที่มันบ้าแท้ๆเลย

 

การแข่งขันที่บารอนเบอร์ซี่รับรองให้นั้นชื่อว่า <ใครเสร็จก่อน>

ผู้ชายทั้งหลายจะมาตั้งแถวเรียงกันในย่านใจกลางเมือง แล้วถอดกางเกงออก เผยให้เห็นร่างใหญ่และไม่ใหญ่ของไอ้จ้อน นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อการแข่งนี้……พวกเขาจะ ‘เสร็จ’ ต่อหน้าทุกคนนั่นแหละ

 

 

มันคงไม่มีใครบ้าไปกว่าบารอนเบอร์ซี่ที่มารับรองการแข่งนี้อีกแล้ว

 

“อ้าว ก็มันน่าสนุกดีไม่ใช่หรือไง?”

 

บารอนประกาศด้วยซ้ำว่า ผู้ชนะจะได้หมูตัวใหญ่ไปตัวนึง หมูที่ขุนมาเป็นอย่างดี เท่านั้นแหละ ผู้ชายก็แข็งขัน มาเรียงแถวกันโดยไม่สนเผ่าไม่สนวัย

พวกเขาอ้างตัวว่า จะแสดง ‘สกิล’ ที่ฝึกฝนและขัดเกลามานานนับปี

 

การแข่งนั้นประกอบด้วย การแข่งคัดออกสี่รอบ การแข่งหลักสองรอบและการแข่งรอบชิง ตอนนี้การแข่งคัดออกนั้นจัดขึ้นในใจกลางเมือง ผู้คนสิบคนที่เชื่อว่า เก่งแบบไม่มีใครเทียบมารวมตัวกัน พวกเขามองหน้ากันและกันอย่างจริงจัง ราวกับเป็นแมวน้ำที่จ้องหน้าพยายามแผ่รังสีอำมหิตใส่กัน

 

เหล่าเมียๆที่ตามืดบอดเพราะอยากได้หมูตะโกนเชียร์ผัวตัวเอง แถมบางคนก็ยังฝืนใจผัวให้เข้าร่วมแข่งด้วย

 

“เอาเลย! ที่รัก! เร็วกว่านี้อีก! ทำให้เร็วกว่านี้อีก!”

 

“เจ้าพวกผู้ชายนี่น้า ทีตอนอยู่บ้านล่ะแตกไว แต่พอออกมาข้างนอกล่ะดันช้า! บ้าจริง!”

 

“เฮ้ยนี่! ดูนมฉันแล้วรีบๆเสร็จได้แล้ว เจ้าแห้ง!”

หนึ่งในบรรดาผู้หญิงต่างทนไม่ไหว ฉีกเสื้อตัวเองให้ขาย คนที่เฝ้าดูอยู่ต่างส่งเสียงเชียร์

 

แต่ตรงข้ามกับเจตนาของเธอ ไอ้จ้อนของสามีเธอกลับหดลงแทน ดูเหมือนทั้งคู่ต่างตกใจที่เห็นว่าสิ่งที่ทำมันกลับไม่ได้ผล

“วะฮ่าๆๆๆ! ดูเด้ๆ ของเขาแม่งหดตัวตอนเห็นนมเมียว่ะ!”

 

“ข้าชักห่วงชีวิตบนเตียงของอีคู่นี่แล้วว่ะ! ฮ่าฮ่า!”

 

ทั้งการล้อเลียนและเสียงตะโกนดังใส่พวกเขา ผู้หญิงที่รวมความกล้าโชว์หน้าอกจึงหนีไปไม่อยู่ต่อจนรอบหลัก

 

คนที่ดูอยู่ต่างหัวเราะทันทีที่เห็นนางวิ่งหนีไป เสียงหัวเราะนั้นดังก้องไปทั่วทั้งผืนฟ้ายามค่ำคืนราวกับพลุไฟ

 

 

“ฮะฮ่าฮ่า”

 

บารอนเบอร์ซี่นั่นทั้งหัวเราะและปรบมือชอบใจ เขานั้นเมาจนหน้าแดงก่ำไปหมด บารอนผู้จริงจังเข้มงวดมาเสมอ แต่เขาเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่เข้าใจชีวิตผู้คนไปถึงแก่น นับเป็นโชคดีของผู้คนที่นี่ที่ได้คนๆนี้เป็นลอร์ด

 

“แล้วพรุ่งนี้ท่านจะไปแล้วหรือ?”

 

“ครับ พวกเราทำคำขอของท่านเสร็จแล้ว”

 

“น่าเสียดายจริงนะ”

 

บาเรียดูจะเสียใจจริงๆ

 

“ต้องขอบคุณท่านและพรรคพวกของท่าน พวกเราจึงผ่านพ้นฤดูหนาวมาได้อย่างปลอดภัย ท่านก็ยังกำจัดหมู่บ้านก็อบลินให้พวกเราด้วย”

 

“นั่นเป็นดั่งประสงค์ขององค์เทพี”

 

“ฟุฟุ องค์เทพีอย่างนั้นหรือ……?”

เขายกแก้วไวน์ที่ทำจากเขาสัตว์ขึ้น

 

 

“ข้าไม่เชื่อเทพเทพีองค์ใด ไม่ว่าพวกเราจะสวดขอพรองค์ไหน พวกนั้นก็ไม่เคยช่วยเราตอนที่เราต้องทุกข์ทรมานจากโรคระบาดและความอดอยาก

สุดท้ายแล้ว การหิวโหยและการเจ็บปวดไปถึงกระดูกก็เป็นของมนุษย์ฝ่ายเดียว เทพเจ้าทั้งหลายน่ะไม่เคยรับรู้ความหิวหรือความเจ็บปวดด้วยซ้ำ…….”

 

บารอนเบอร์ซี่กระดกไวน์ตัวเองรวดเดียว มันต้องเครียดมากแน่ที่ต้องใช้ชีวิตในฐานะลอร์ดผู้ปกครองดินแดนในยุคสมัยนี้

อาชีพของเขานั้นต้องทำทั้งธุรกิจรอบด้าน แถมยังต้องรักษาความสูงของชนชั้นสูงไว้ด้วย

 

ทั้งยังต้องให้ความใส่ใจกับ การเมือง,การทหาร,การทูต,การลงโทษ,บันทึกระเบียนข้อมูล,การแต่งงาน,การก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง และอะไรอีกมากมายหลายแหล่ ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว

ถึงจะมีหัวหน้าหมู่บ้านและคนเช่าที่ดินคอยช่วยอยู่ แต่ลอร์ดผู้ปกครองดินแดนก็ต้องจัดการพวกนั้นเองทั้งหมด

 

เพิ่มเข้าไปอีกไม่เพียงแต่ต้องกังวลกับลอร์ดที่มียศฐาบรรดาศักดิ์สูงกว่าพวกเขา แต่ยังต้องร่วมมือหรือต้องฟาดฟันกับลอร์ดคนอื่นที่อยู่รอบๆด้วย

 

“แล้วเหล่าทวยเทพผู้ไม่เคยหิวกระหายหรือเจ็บปวดรวดร้าวจะมาเข้าอกเข้าใจมนุษย์อย่างพวกเราได้อย่างไรกัน?

ความโชคร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่มนุษย์อย่างเรามีคือ การถูกขีดชะตาให้ต้องตายนับตั้งแต่เกิดมาแล้ว”

 

“ถูกต้อง”

 

ผมไม่มีทางแก่ตายเพราะเป็นจอมมาร แต่ถึงอย่างนั้นบารอนก็จ้องมาที่ผม

 

“น่าสนใจเหลือเกิน ข้าพูดจาหยามหมิ่นหยาบคายต่อเทพเจ้าอยู่ แล้วท่านไม่โกรธเลยหรือไง?”

 

“ความศักดิ์สิทธิ์ของเทพที่พูดเอ่ยออกมาจากปากมนุษย์นั้น นับเป็นความศักดิ์สิทธิ์ของมนุษย์มิใช่หรือ?

หากทวยเทพไม่มีทางตอบรับไม่ว่า พวกเราจะเคารพบูชาสรรเสริญพวกท่านมากแค่ไหน ถ้าอย่างนั้นทวยเทพทั้งหลายก็ไม่มีทางโกรธแม้พวกเราจะนินทาว่าร้ายพวกท่านเช่นเดียวกัน”

 

ผมประสานมือเข้าไว้ด้วยกันแล้วบ่นพึมพัมราวกับกำลังสวดภาวนา

 

 

“แด่ทวยเทพทั้งหลาย ได้โปรดเฝ้ามองดูพวกเรา แล้วปล่อยให้พวกเราจัดการกันเองเถิด”

 

บารอนเบอร์ซี่นั้นดูสับสน ก่อนจะหัวเราะออกมาดังๆ

 

“ฮะฮ่า! ท่านพูดถูก ดูเหมือนข้าจะหลุดปากอะไรบ้าๆไป เอาล่ะ เรามาอวยพรแด่เทพีอาร์เทมิสกันเถอะ! แด่องค์เทพี!”

 

“แด่องค์เทพี”

พวกเราชนแก้วกัน

 

เสียงตะโกนเชียร์ดังฟังชัดอยู่ที่ใจกลางเมือง รอบคัดออกจบลงแล้ว ผู้เข้าประกวดที่ชนะไปสู่รอบถัดไปก็มายืนรอกัน

 

สิ่งที่ต่ำช้าที่สุดในการแข่งที่ว่าก็คือ พวกเขานั้นต้องช่วยตัวเองในช่วงรอบคัดออก, การแข่งหลัก, และแข่งรอบชิง, รวมทั้งสิ้นก็สามครั้ง ใครมันคิดการแข่งนี้ขึ้นมาวะ?

 

บารอนแสยะยิ้มก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

“ความเชื่อของข้าเปลี่ยนไปมากนับตั้งแต่ได้พบท่าน ,ท่านนักบวชจีน โบล”

 

จีน โบล(Jean Bolle) เป็นชื่อปลอมของผม

 

 

“นักบวชนั้นที่เพื่อมอบความหวังให้กับโลกโดยไม่หวังพึ่งเทพของพวกเขา”

 

“ท่านชมข้าเกินไปแล้ว”

 

“ไม่เลย นี่เรื่องจริง ท่านได้มอบความหวังให้กับผู้คนนับร้อยแล้ว รวมถึงตัวข้าด้วย”

 

ชายตรงหน้าผมไม่มีวันได้รู้จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิตว่า จีน โบล นั้นความจริงเป็นจอมมาร ผู้อยู่เบื้องหลังความหวาดกลัวและความสิ้นหวังของมนุษย์นับแสนๆคน ซึ่งมันช่างน่าตลกเสียจริง

 

 

“แถมท่านยังให้ผู้รอดชีวิตจากหมู่บ้านที่ถูกก็อบลินทำลายนั่นไปอยู่ในการดูแลอีกด้วย”

 

เขากำลังพูดถึง ลุค และเดซี่

“ข้าตั้งใจจะเลี้ยงดูพวกเขาเหมือนดั่งบุตรชาย บุตรสาว”

 

“โอ้ ท่านรับพวกเขาเป็นบุตรบุญธรรมอย่างนั้นรึ?”

 

บารอนดูจะแปลกใจขึ้นอีกรอบ

หมู่บ้านร้างพวกนั้นถูกปฏิบัติแย่ยิ่งกว่าชาวนาชาวไร่ทั่วไป ในขณะที่พระนักบวชนั้นเป็นดั่งยอดสูงสุดของปิรามิด

เขาคงประหลาดใจมากแน่ที่หนึ่งในตัวตนที่สูงที่สุดของผู้คนกลับดึงคนระดับล่างสุดของชนชั้นมาเป็นครอบครัว

 

“ไม่สิ พวกเขาเป็นพวกชาวบ้านเร่ร่อนไม่ใช่หรือ? ถ้าอย่างนั้นให้มาเป็นคนรับใช้ก็เพียงพอแล้วนี่ แล้วมีเหตุผลอะไรที่ต้องรับเลี้ยงดูพวกเขาเป็นบุตรบุญธรรมล่ะ?”

 

“ท่านครับ”

ผมฉีกยิ้ม

 

“หน้าที่ของเทพเป็นของเทพ ส่วนหน้าที่มนุษย์นั้นเป็นของมนุษย์แต่เพียงผู้เดียว

ไม่ว่าจะนักบวช,ชนชั้นสูง หรือทาส เหล่าเทพนั้นไม่ตระหนักถึงขอบเขตที่มนุษย์ขีดร่างขึ้นแต่อย่างใด”

 

“…….”

 

ความเงียบงันอีกครั้ง

ดวงตาของบารอนที่กลับสุขุมนุ่มลึก น้ำเสียงปกติที่เข้มงวดจริงจังแบบชนชั้นสูงกลับเผยออกมา เขาพูดด้วยเสียงต่ำ

 

“หรือนั่นเป็นแนวคิดสาธารณนิยมที่เกื้อหนุนองค์จักรพรรดินีโดวาร์เจอ?”

 

“ไม่เลย ฝ่าบาทนั้นอยากที่จะรักษาระดับชั้นของชนชั้นสูงต่อไป 

พวกเราเหล่ามนุษย์ ตั้งใจจะไม่ใช้ชีวิตตามแนวคิด พวกเราจะคิดตามแต่วิถีที่พวกเราใช้ชีวิตเท่านั้น”

 

“……ข้าจะทำเป็นว่า ไม่เคยมีบทสนทนาวันนี้ก็แล้วกัน ท่านก็ลืมๆคำหยาบคายที่ข้าพูดก่อนหน้าไปเถอะ”

 

อย่างที่ผมคิด บารอนเบอร์ซี่นั้นเป็นบุคคลที่เคร่งครัดจริงจับกับกฏระเบียบ

 

 

“หากท่านไม่เชื่อในเทพ ถ้าอย่างนั้นท่านก็คงไม่เชื่อในยศชั้นลำดับศักดิ์ด้วยเช่นกัน

ผู้คนต่างพูดว่า ลำดับชั้นพวกนั้นถือกำเนิดมาจากทวยเทพด้วยกันทั้งสิ้น”

 

“…….”

 

บารอนไม่ตอบอะไรกลับมา

 

แค่นั้นผมก็พอใจแล้ว บารอนผู้ใช้ชีวิตจริงจังมาโดยตลอด เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยได้หว่านโปรยในหัวของเขาจะค่อยๆเติบโตขึ้นแล้วเบ่งบานกลายเป็นดอกไม้ขึ้นมาในสักวันหนึ่ง…….

 

สงครามกลางเมืองฟรานเคียจะไม่จบในปีสองปี มันจะลากยาวไปนับสิบปี หากบารอนเบอร์ซี่เข้าร่วมกับพวกสาธารณรัฐนิยมในเวลานี้ นั่นก็หมายความว่า ผมทำสำเร็จแล้ว

 

สถานการณ์อันยุ่งยากทั้งหลายที่กองอยู่เต็มหน้าชนชั้นสูงผู้เอาจริงเอาจังอย่างเขาก็เป็นหนึ่งในงานที่ผมต้องมาทำในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

 

โปรดจงสงสัยความเป็นชนชั้นสูงและตัวเองต่อไปเถอะ

 

 

—-

 

[ไม่ต้องรู้ก็ได้แต่อยากบอกท้ายตอน]

*Pedophilia (พวกใคร่เด็ก)

จัดอยู่ในหมวดอาการทางจิตเวชทางรสนิยมทางเพศ มีอารมณ์ทางเพศกับเด็กที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่โดยสมบูรณ์ 

รากละตินมาจากสองคำ Pedo- เด็ก , Philia – รักใคร่,ชื่นชอบ 

คำอื่นๆที่ลงท้ายด้วยฟีเลียก็คล้ายๆกัน เช่น เนโครฟีเลีย(Necrophilia) พวกชื่นชอบศพ เป็นต้น 

แต่ระดับจะยังต่ำกว่าคำว่า แมเนีย(Mania) ที่หมายถึง คลั่งไคล้ไหลหลง โงหัวไม่ขึ้น ตัวอย่างเช่น ไพโรมาเนีย(Pyromania) พวกชอบวางเพลิงเพื่อจะได้เห็นไฟลุกท่วมเยอะๆ   

ปัจจุบันนิยมใช้ศัพท์ตามญี่ปุ่น ที่เรียกว่า เป็นโลลิค่อน ที่แผลงมาจาก Lolita Complex => LoliCom => LoliCon (จากวรรณกรรมชื่อดังเรื่อง Lolita ย่อๆว่าด้วยชายวัยกลางคนไปหลงรักเด็กสาวนางหนึ่ง) 

ดังนั้น ชื่อของผู้กล้าที่ พรี่ดันเคยใช้อย่าง Lolita ก็หมายความแบบนั้นแหละ :v  

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 178 ดอกไม้อันตราย (4)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 178 ดอกไม้อันตราย (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

 

ดูเหมือนเดซี่จะไม่รับรู้เรื่องสแตทพวกนี้ของตัวเองเลย แต่ถึงอย่างนั้นทั้งลุคและเดซี่ ก็ต้องมีหนึ่งในนั้นที่ได้กลายเป็นฮีโร่

ดังนั้นก็เลยต้องรับสืบทอดค่าสแตทมาแบบเดียวกัน…….แค่คิดก็ชวนขนหัวลุกแล้ว

 

เจเรมิมองผมด้วยสายตาว่างเปล่าขณะที่ผมกำลังหัวเราะ เธอไม่ได้มองผมด้วยแววตาแปลกๆ เหมือนเธอจะสงสัยมากกว่าทำไมผมถึงหัวเราะออกมา 

นับตั้งแต่เธอเชื่อว่า ผมไม่อาจตอบคำตอบเธอได้หมด เธอจึงยั้งตัวเองไม่ถามออกมา มันเป็นสีหน้าท่าทางแบบนั้นแหละ

 

“เจเรมิ ข้าจะให้เจ้าดูแลเด็กคนนี้ตอนเธอตื่นขึ้นมา”

 

“รับทราบค่ะ เธอคงจะต้องล้มป่วยไปสักสามวัน”

 

“อ่า ดูเหมือนข้ายังเป็นหนี้เจ้าไปสักพัก”

 

“ไม่เลยค่ะ พอมานึกถึงว่าฝ่าบาทจะสร้างความปั่นป่วนกับทวีปนี้ได้เท่าไหร่”

เจเรมิป้องปากตนแล้วหัวเราะ

“แค่คิดถึงเรื่องนั้น ก็ทำให้งานนี้คุ้มค่าขึ้นมาแล้วค่ะ”

 

“เจ้านี่มัน นังโรคจิตจริงๆเลยนะ”

 

“แหมๆ ตัวฉันนี่ การที่ถูกฝ่าบาทเรียกว่า นังโรคจิต ไม่มีสิ่งใดจะเป็นเกียรติไปยิ่งกว่านี้อีกแล้ว”

 

ผมมองเจเรมิด้วยความรู้สึกอึ้งนิดๆ

พอทำแบบนั้นเจเรมิกลับยักไหล่จนดูโอเวอร์

 

 

“ท่านบอกว่า ท่านนั้นเป็นจอมมารผู้ซื่อตรงและน่าเชื่อถือที่สุดในเหล่าจอมมารถูกไหมคะ?

ถูกแล้ว ท่านเป็นเช่นนั้นเลยค่ะ ฝ่าบาทนั้นพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกจนติดหูฉันผู้นี้

ฝ่าบาทนั้นรักใคร่เชิงกามารมณ์กับฝ่าบาทบาร์บาทอสผู้มีรูปลักษณ์เป็นเด็ก แต่ท่านก็ไม่ได้เป็นพวกใคร่เด็ก*เลยแม้แต่น้อย”

 

“เจ้า…….”

 

“แม้แต่วันนี้ ฝ่าบาทกับเด็กสาวอายุ 10 ปี จะจดจ้องมองกันอย่างจริงจังหลายชั่วโมง แต่ท่านก็ยังไม่ใช่คนโรคจิต 

แน่นอนล่ะ เฮอะ แววตาที่แสนรุ่มร้อนของฝ่าบาททำให้ฉันที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั้นแทบไหม้เลยล่ะ”

ผมพบว่า ตัวเองน่ะมีสิทธิ์ที่จะแก้ต่างหักล้างเธอได้ ตอนนี้เจเรมิน่ะพูดมากเกินปกติไปจริงๆ 

 

เธออาจเห็นว่าอารมณ์ของผมนั้นตึงเครียดเกินไปก็เป็นไปได้ เลยพยายามที่จะพูดตลกให้ผมคลายอารมณ์ลงบ้าง ผมก็เลิกจดจ่อไปกับแม่หนูฮีโร่นั่นได้แล้วล่ะ ต้องขอบคุณเธอจริงๆ

 

สุดท้ายผมก็ทำให้คนใต้บังคับบัญชาผมต้องมาห่วงใย ผมนี่มันแย่จริงๆ…….

 

 

ผมถอนใจออกมาก่อนจะยิ้มบางๆคืนกลับไป ผมลูบหัวของเจเรมิ ผมสีฟ้าสยายขยับไปตามฝ่ามือของผมอย่างแผ่วเบา

 

“อ๋า?”

 

ดวงตาของเจเรมิเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของเธอนั้นยังครึ่งปิดครึ่งเปิดอยู่ด้วยผลของยาและอาการประสาทหลอนหน่อยๆ

 

เจเรมิผู้ที่ยากจะแสดงอารมณ์ออกมา เริ่มมีอารมณ์กะเพื่อมไหว ผมลูบหัวเพื่อแสดงความรู้สึกขอบคุณดังนั้นจึงพยายามลูบให้เบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

“ตราทาสนั้นดึงชีวิตของเจ้าให้จมดิ่งสู่ก้นนรก ข้ายังสั่งให้เจ้าทำในสิ่งที่เลวร้ายเช่นนั้นอีก เห็นได้ชัดเลยว่า ข้าน่ะมันเป็นขยะไร้ค่าแค่ไหน

นับจากนี้ ข้าจะเรียกข้าว่าเป็นขยะก็ได้”

 

“……ไม่หรอกค่ะ ข้าก็เป็นขยะ”

 

“เจ้าเคยถามข้าตอนที่เราอยู่ในซากปราสาทนั่น”

เจเรมิกลับไม่ตอบรับด้วยท่าทีตามปรกติหากแต่ผงกหัวด้วยความลังเล

 

ในวันแรกที่ผมพบกับเจเรมิ พวกเราตั้งค่ายพักแรมกันที่ซากปราสาท

เจเรมิ ผู้สงสัยว่า ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วหรืออย่างไรในการใช้ชีวิตอันโหดร้ายเพียงเพราะเธอเกิดมาเป็นปีศาจที่ต้อยต่ำ ได้ขอให้ผมเปลี่ยนโลกที่อยุติธรรมใบนี้ และเป็นราชาของเธอ

 

 

“คำตอบของข้ายังเหมือนเดิม ข้าไม่อาจแบกรับความโชคร้ายแทนเจ้าได้ เจเรมิ หากชีวิตของเจ้ามันเป็นขยะ ตัวข้าก็ไม่ต่างกัน”

 

ผมหัวเราะ

 

“แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็จะเดินไปด้วยกันกับเจ้า ให้พวกเรามีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ด้วยกัน ในฐานะกลุ่มก้อนขยะกองหนึ่ง”

 

“…….”

 

เธอนั้นช่วยชีวิตผมและลาพิส แถมเธอยังทำให้ฮีโร่กลายเป็นทาสของผมด้วย วันหนึ่งผมต้องตอบแทนคืนเธอ

 

เจเรมิปิดปากเงียบ ไม่นานหลักจากนั้นเธอก็พูดคำว่า ‘ค่ะ’ ออกมา 

ผมไม่แน่ใจว่าทำไมกัน แต่ผมกลับหัวเราะ ผมลูบเส้นผมของเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะออกจากห้องไป

 

 

 

* * *

 

 

ในคืนนั้นเอง งานเลี้ยงเทศกาลยังคงจัดขึ้นในดินแดนของบารอน

 

บารอนเบอร์ซี่นั้นยังคงจัดงานเลี้ยงต่อไม่ใช่หนึ่งวัน หากแต่เป็นสี่วันติดๆ

นั่นก็เป็นเพราะผู้ช่วยของท่านลอร์ดนั้นได้นำอาหารและเครื่องดื่มจากเมืองหลวงมาแจกจ่ายมากมายเหลือเกิน กลุ่มของพวกเรากลายเป็นดาวเด่นนับตั้งแต่กำจัดหมู่บ้านก็อบลินไปถึงสองหมู่บ้าน

 

แม้แต่ตอนนี้ เหล่าคนแคระก็ยังพูดคุยโหวกเหวกกันอยู่ท่ามกลางใจกลางเมือง ดูเหมือน การดวลดื่มนั้นจะไม่มีทางจบลงง่ายๆ ทั้งคนแคระและผู้ชายในหมู่บ้านนั้นตั้งใจแข่งกันอย่างจริงจัง ที่มันบ้าแท้ๆเลย

 

การแข่งขันที่บารอนเบอร์ซี่รับรองให้นั้นชื่อว่า <ใครเสร็จก่อน>

ผู้ชายทั้งหลายจะมาตั้งแถวเรียงกันในย่านใจกลางเมือง แล้วถอดกางเกงออก เผยให้เห็นร่างใหญ่และไม่ใหญ่ของไอ้จ้อน นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อการแข่งนี้……พวกเขาจะ ‘เสร็จ’ ต่อหน้าทุกคนนั่นแหละ

 

 

มันคงไม่มีใครบ้าไปกว่าบารอนเบอร์ซี่ที่มารับรองการแข่งนี้อีกแล้ว

 

“อ้าว ก็มันน่าสนุกดีไม่ใช่หรือไง?”

 

บารอนประกาศด้วยซ้ำว่า ผู้ชนะจะได้หมูตัวใหญ่ไปตัวนึง หมูที่ขุนมาเป็นอย่างดี เท่านั้นแหละ ผู้ชายก็แข็งขัน มาเรียงแถวกันโดยไม่สนเผ่าไม่สนวัย

พวกเขาอ้างตัวว่า จะแสดง ‘สกิล’ ที่ฝึกฝนและขัดเกลามานานนับปี

 

การแข่งนั้นประกอบด้วย การแข่งคัดออกสี่รอบ การแข่งหลักสองรอบและการแข่งรอบชิง ตอนนี้การแข่งคัดออกนั้นจัดขึ้นในใจกลางเมือง ผู้คนสิบคนที่เชื่อว่า เก่งแบบไม่มีใครเทียบมารวมตัวกัน พวกเขามองหน้ากันและกันอย่างจริงจัง ราวกับเป็นแมวน้ำที่จ้องหน้าพยายามแผ่รังสีอำมหิตใส่กัน

 

เหล่าเมียๆที่ตามืดบอดเพราะอยากได้หมูตะโกนเชียร์ผัวตัวเอง แถมบางคนก็ยังฝืนใจผัวให้เข้าร่วมแข่งด้วย

 

“เอาเลย! ที่รัก! เร็วกว่านี้อีก! ทำให้เร็วกว่านี้อีก!”

 

“เจ้าพวกผู้ชายนี่น้า ทีตอนอยู่บ้านล่ะแตกไว แต่พอออกมาข้างนอกล่ะดันช้า! บ้าจริง!”

 

“เฮ้ยนี่! ดูนมฉันแล้วรีบๆเสร็จได้แล้ว เจ้าแห้ง!”

หนึ่งในบรรดาผู้หญิงต่างทนไม่ไหว ฉีกเสื้อตัวเองให้ขาย คนที่เฝ้าดูอยู่ต่างส่งเสียงเชียร์

 

แต่ตรงข้ามกับเจตนาของเธอ ไอ้จ้อนของสามีเธอกลับหดลงแทน ดูเหมือนทั้งคู่ต่างตกใจที่เห็นว่าสิ่งที่ทำมันกลับไม่ได้ผล

“วะฮ่าๆๆๆ! ดูเด้ๆ ของเขาแม่งหดตัวตอนเห็นนมเมียว่ะ!”

 

“ข้าชักห่วงชีวิตบนเตียงของอีคู่นี่แล้วว่ะ! ฮ่าฮ่า!”

 

ทั้งการล้อเลียนและเสียงตะโกนดังใส่พวกเขา ผู้หญิงที่รวมความกล้าโชว์หน้าอกจึงหนีไปไม่อยู่ต่อจนรอบหลัก

 

คนที่ดูอยู่ต่างหัวเราะทันทีที่เห็นนางวิ่งหนีไป เสียงหัวเราะนั้นดังก้องไปทั่วทั้งผืนฟ้ายามค่ำคืนราวกับพลุไฟ

 

 

“ฮะฮ่าฮ่า”

 

บารอนเบอร์ซี่นั่นทั้งหัวเราะและปรบมือชอบใจ เขานั้นเมาจนหน้าแดงก่ำไปหมด บารอนผู้จริงจังเข้มงวดมาเสมอ แต่เขาเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่เข้าใจชีวิตผู้คนไปถึงแก่น นับเป็นโชคดีของผู้คนที่นี่ที่ได้คนๆนี้เป็นลอร์ด

 

“แล้วพรุ่งนี้ท่านจะไปแล้วหรือ?”

 

“ครับ พวกเราทำคำขอของท่านเสร็จแล้ว”

 

“น่าเสียดายจริงนะ”

 

บาเรียดูจะเสียใจจริงๆ

 

“ต้องขอบคุณท่านและพรรคพวกของท่าน พวกเราจึงผ่านพ้นฤดูหนาวมาได้อย่างปลอดภัย ท่านก็ยังกำจัดหมู่บ้านก็อบลินให้พวกเราด้วย”

 

“นั่นเป็นดั่งประสงค์ขององค์เทพี”

 

“ฟุฟุ องค์เทพีอย่างนั้นหรือ……?”

เขายกแก้วไวน์ที่ทำจากเขาสัตว์ขึ้น

 

 

“ข้าไม่เชื่อเทพเทพีองค์ใด ไม่ว่าพวกเราจะสวดขอพรองค์ไหน พวกนั้นก็ไม่เคยช่วยเราตอนที่เราต้องทุกข์ทรมานจากโรคระบาดและความอดอยาก

สุดท้ายแล้ว การหิวโหยและการเจ็บปวดไปถึงกระดูกก็เป็นของมนุษย์ฝ่ายเดียว เทพเจ้าทั้งหลายน่ะไม่เคยรับรู้ความหิวหรือความเจ็บปวดด้วยซ้ำ…….”

 

บารอนเบอร์ซี่กระดกไวน์ตัวเองรวดเดียว มันต้องเครียดมากแน่ที่ต้องใช้ชีวิตในฐานะลอร์ดผู้ปกครองดินแดนในยุคสมัยนี้

อาชีพของเขานั้นต้องทำทั้งธุรกิจรอบด้าน แถมยังต้องรักษาความสูงของชนชั้นสูงไว้ด้วย

 

ทั้งยังต้องให้ความใส่ใจกับ การเมือง,การทหาร,การทูต,การลงโทษ,บันทึกระเบียนข้อมูล,การแต่งงาน,การก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง และอะไรอีกมากมายหลายแหล่ ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว

ถึงจะมีหัวหน้าหมู่บ้านและคนเช่าที่ดินคอยช่วยอยู่ แต่ลอร์ดผู้ปกครองดินแดนก็ต้องจัดการพวกนั้นเองทั้งหมด

 

เพิ่มเข้าไปอีกไม่เพียงแต่ต้องกังวลกับลอร์ดที่มียศฐาบรรดาศักดิ์สูงกว่าพวกเขา แต่ยังต้องร่วมมือหรือต้องฟาดฟันกับลอร์ดคนอื่นที่อยู่รอบๆด้วย

 

“แล้วเหล่าทวยเทพผู้ไม่เคยหิวกระหายหรือเจ็บปวดรวดร้าวจะมาเข้าอกเข้าใจมนุษย์อย่างพวกเราได้อย่างไรกัน?

ความโชคร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่มนุษย์อย่างเรามีคือ การถูกขีดชะตาให้ต้องตายนับตั้งแต่เกิดมาแล้ว”

 

“ถูกต้อง”

 

ผมไม่มีทางแก่ตายเพราะเป็นจอมมาร แต่ถึงอย่างนั้นบารอนก็จ้องมาที่ผม

 

“น่าสนใจเหลือเกิน ข้าพูดจาหยามหมิ่นหยาบคายต่อเทพเจ้าอยู่ แล้วท่านไม่โกรธเลยหรือไง?”

 

“ความศักดิ์สิทธิ์ของเทพที่พูดเอ่ยออกมาจากปากมนุษย์นั้น นับเป็นความศักดิ์สิทธิ์ของมนุษย์มิใช่หรือ?

หากทวยเทพไม่มีทางตอบรับไม่ว่า พวกเราจะเคารพบูชาสรรเสริญพวกท่านมากแค่ไหน ถ้าอย่างนั้นทวยเทพทั้งหลายก็ไม่มีทางโกรธแม้พวกเราจะนินทาว่าร้ายพวกท่านเช่นเดียวกัน”

 

ผมประสานมือเข้าไว้ด้วยกันแล้วบ่นพึมพัมราวกับกำลังสวดภาวนา

 

 

“แด่ทวยเทพทั้งหลาย ได้โปรดเฝ้ามองดูพวกเรา แล้วปล่อยให้พวกเราจัดการกันเองเถิด”

 

บารอนเบอร์ซี่นั้นดูสับสน ก่อนจะหัวเราะออกมาดังๆ

 

“ฮะฮ่า! ท่านพูดถูก ดูเหมือนข้าจะหลุดปากอะไรบ้าๆไป เอาล่ะ เรามาอวยพรแด่เทพีอาร์เทมิสกันเถอะ! แด่องค์เทพี!”

 

“แด่องค์เทพี”

พวกเราชนแก้วกัน

 

เสียงตะโกนเชียร์ดังฟังชัดอยู่ที่ใจกลางเมือง รอบคัดออกจบลงแล้ว ผู้เข้าประกวดที่ชนะไปสู่รอบถัดไปก็มายืนรอกัน

 

สิ่งที่ต่ำช้าที่สุดในการแข่งที่ว่าก็คือ พวกเขานั้นต้องช่วยตัวเองในช่วงรอบคัดออก, การแข่งหลัก, และแข่งรอบชิง, รวมทั้งสิ้นก็สามครั้ง ใครมันคิดการแข่งนี้ขึ้นมาวะ?

 

บารอนแสยะยิ้มก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

“ความเชื่อของข้าเปลี่ยนไปมากนับตั้งแต่ได้พบท่าน ,ท่านนักบวชจีน โบล”

 

จีน โบล(Jean Bolle) เป็นชื่อปลอมของผม

 

 

“นักบวชนั้นที่เพื่อมอบความหวังให้กับโลกโดยไม่หวังพึ่งเทพของพวกเขา”

 

“ท่านชมข้าเกินไปแล้ว”

 

“ไม่เลย นี่เรื่องจริง ท่านได้มอบความหวังให้กับผู้คนนับร้อยแล้ว รวมถึงตัวข้าด้วย”

 

ชายตรงหน้าผมไม่มีวันได้รู้จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิตว่า จีน โบล นั้นความจริงเป็นจอมมาร ผู้อยู่เบื้องหลังความหวาดกลัวและความสิ้นหวังของมนุษย์นับแสนๆคน ซึ่งมันช่างน่าตลกเสียจริง

 

 

“แถมท่านยังให้ผู้รอดชีวิตจากหมู่บ้านที่ถูกก็อบลินทำลายนั่นไปอยู่ในการดูแลอีกด้วย”

 

เขากำลังพูดถึง ลุค และเดซี่

“ข้าตั้งใจจะเลี้ยงดูพวกเขาเหมือนดั่งบุตรชาย บุตรสาว”

 

“โอ้ ท่านรับพวกเขาเป็นบุตรบุญธรรมอย่างนั้นรึ?”

 

บารอนดูจะแปลกใจขึ้นอีกรอบ

หมู่บ้านร้างพวกนั้นถูกปฏิบัติแย่ยิ่งกว่าชาวนาชาวไร่ทั่วไป ในขณะที่พระนักบวชนั้นเป็นดั่งยอดสูงสุดของปิรามิด

เขาคงประหลาดใจมากแน่ที่หนึ่งในตัวตนที่สูงที่สุดของผู้คนกลับดึงคนระดับล่างสุดของชนชั้นมาเป็นครอบครัว

 

“ไม่สิ พวกเขาเป็นพวกชาวบ้านเร่ร่อนไม่ใช่หรือ? ถ้าอย่างนั้นให้มาเป็นคนรับใช้ก็เพียงพอแล้วนี่ แล้วมีเหตุผลอะไรที่ต้องรับเลี้ยงดูพวกเขาเป็นบุตรบุญธรรมล่ะ?”

 

“ท่านครับ”

ผมฉีกยิ้ม

 

“หน้าที่ของเทพเป็นของเทพ ส่วนหน้าที่มนุษย์นั้นเป็นของมนุษย์แต่เพียงผู้เดียว

ไม่ว่าจะนักบวช,ชนชั้นสูง หรือทาส เหล่าเทพนั้นไม่ตระหนักถึงขอบเขตที่มนุษย์ขีดร่างขึ้นแต่อย่างใด”

 

“…….”

 

ความเงียบงันอีกครั้ง

ดวงตาของบารอนที่กลับสุขุมนุ่มลึก น้ำเสียงปกติที่เข้มงวดจริงจังแบบชนชั้นสูงกลับเผยออกมา เขาพูดด้วยเสียงต่ำ

 

“หรือนั่นเป็นแนวคิดสาธารณนิยมที่เกื้อหนุนองค์จักรพรรดินีโดวาร์เจอ?”

 

“ไม่เลย ฝ่าบาทนั้นอยากที่จะรักษาระดับชั้นของชนชั้นสูงต่อไป 

พวกเราเหล่ามนุษย์ ตั้งใจจะไม่ใช้ชีวิตตามแนวคิด พวกเราจะคิดตามแต่วิถีที่พวกเราใช้ชีวิตเท่านั้น”

 

“……ข้าจะทำเป็นว่า ไม่เคยมีบทสนทนาวันนี้ก็แล้วกัน ท่านก็ลืมๆคำหยาบคายที่ข้าพูดก่อนหน้าไปเถอะ”

 

อย่างที่ผมคิด บารอนเบอร์ซี่นั้นเป็นบุคคลที่เคร่งครัดจริงจับกับกฏระเบียบ

 

 

“หากท่านไม่เชื่อในเทพ ถ้าอย่างนั้นท่านก็คงไม่เชื่อในยศชั้นลำดับศักดิ์ด้วยเช่นกัน

ผู้คนต่างพูดว่า ลำดับชั้นพวกนั้นถือกำเนิดมาจากทวยเทพด้วยกันทั้งสิ้น”

 

“…….”

 

บารอนไม่ตอบอะไรกลับมา

 

แค่นั้นผมก็พอใจแล้ว บารอนผู้ใช้ชีวิตจริงจังมาโดยตลอด เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยได้หว่านโปรยในหัวของเขาจะค่อยๆเติบโตขึ้นแล้วเบ่งบานกลายเป็นดอกไม้ขึ้นมาในสักวันหนึ่ง…….

 

สงครามกลางเมืองฟรานเคียจะไม่จบในปีสองปี มันจะลากยาวไปนับสิบปี หากบารอนเบอร์ซี่เข้าร่วมกับพวกสาธารณรัฐนิยมในเวลานี้ นั่นก็หมายความว่า ผมทำสำเร็จแล้ว

 

สถานการณ์อันยุ่งยากทั้งหลายที่กองอยู่เต็มหน้าชนชั้นสูงผู้เอาจริงเอาจังอย่างเขาก็เป็นหนึ่งในงานที่ผมต้องมาทำในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

 

โปรดจงสงสัยความเป็นชนชั้นสูงและตัวเองต่อไปเถอะ

 

 

—-

 

[ไม่ต้องรู้ก็ได้แต่อยากบอกท้ายตอน]

*Pedophilia (พวกใคร่เด็ก)

จัดอยู่ในหมวดอาการทางจิตเวชทางรสนิยมทางเพศ มีอารมณ์ทางเพศกับเด็กที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่โดยสมบูรณ์ 

รากละตินมาจากสองคำ Pedo- เด็ก , Philia – รักใคร่,ชื่นชอบ 

คำอื่นๆที่ลงท้ายด้วยฟีเลียก็คล้ายๆกัน เช่น เนโครฟีเลีย(Necrophilia) พวกชื่นชอบศพ เป็นต้น 

แต่ระดับจะยังต่ำกว่าคำว่า แมเนีย(Mania) ที่หมายถึง คลั่งไคล้ไหลหลง โงหัวไม่ขึ้น ตัวอย่างเช่น ไพโรมาเนีย(Pyromania) พวกชอบวางเพลิงเพื่อจะได้เห็นไฟลุกท่วมเยอะๆ   

ปัจจุบันนิยมใช้ศัพท์ตามญี่ปุ่น ที่เรียกว่า เป็นโลลิค่อน ที่แผลงมาจาก Lolita Complex => LoliCom => LoliCon (จากวรรณกรรมชื่อดังเรื่อง Lolita ย่อๆว่าด้วยชายวัยกลางคนไปหลงรักเด็กสาวนางหนึ่ง) 

ดังนั้น ชื่อของผู้กล้าที่ พรี่ดันเคยใช้อย่าง Lolita ก็หมายความแบบนั้นแหละ :v  

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+