Dungeon Defense (WN) 181 ความเกลียดชังมนุษย์ (3)
“―อั่ก!?”
ผมยกเข่าขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ
เข่าผมจึงกระแทกเข้ากับท้องของเดซี่ในทันทีที่ยกขึ้นมา เด็กสาวร้องออกมาขณะที่กลิ้งบนเตียง
เกร้ง
เสียงโลหะดังจากมีดที่หล่นอยู่ที่ไหนสักแห่งในห้อง
เธอไม่ได้คร่อมอยู่บนตัวผมอีกต่อไป แต่ผมยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสเย็นของใบมีดที่ทิ้งไว้ที่ลำคอ ใบมีดที่จ่อมาที่คอผมนั้นตั้งใจที่จะแทง มีเจตนาฆ่าฟันอย่างเห็นได้ชัด ต้นคอผมยะเยือก ผมนวดถูคอราวกับมีอะไรเปื้อน
อีเด็กเวรนั่น
ผมขบกรามแน่น พอความกลัวผ่านไปความโกรธก็เข้าแทนที่ ผมมองต่ำ มองไปยังเดซี่ที่อยู่ที่พื้น ดูเหมือนโชคดีที่เข่าผมกระแทกเข้าลิ้นปี่ของเธอ
ผมยืนขึ้นเหนือเธอ ร่างเล็กๆของเด็กสาวนั้นถูกกดเอาไว้โดยง่าย
เดซี่มองผมด้วยแววตาเรียบเฉย มันยากที่จะล่วงรู้ว่า นั่นเป็นสีหน้าของเด็กคนหนึ่งที่พยายามจะฆ่าผมเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา ความเฉยชาของเธอเป็นดั่งน้ำมันที่สาดเข้าไปในกองไฟแห่งความโกรธของผม
– เผียะ!
ผมตบเดซี่ด้วยฝ่ามือ หัวของเธอหันไปตามทิศทางการตบราวกับฝักข้าวโพด
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็หันหัวกลับมามองผมอีกครั้ง นังเด็กเน่าหนอนนี่
“ดูเหมือนเธอจะอยากตายมากเลยนี่”
“ไม่ หนูต้องฆ่าท่านให้ได้ก่อน”
ดวงตาของเธอไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย มันยังคงมีการต่อต้านและความน่ารำคาญแฝงอยู่ ความพยายามนั่น ความพยายามอันแสนไร้ค่า
ผมจึงหัวเราะใส่เธอ
“อย่างนั้นรึ? แล้วเจ้าฆ่าข้าได้ไหม? ฮ่า โชคไม่ดีเลยนี่นะ ข้าไม่ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่เจ้าต้องการหรอก ต่อจากนี้เป็นต้นไปแม้จะหายใจ เจ้าก็ต้องได้รับคำยินยอมจากข้า”
“หากเป็นอย่างนั้นจริง ก็ถือว่าโชคร้าย”
เดซี่พูดด้วยสีหน้าที่ไม่แม้แต่จะแสดงถึงความรู้สึกว่า โชคร้ายออกมา
ผมไม่ชอบท่าทางแบบนั้นจึงตบหน้าเธออีกครั้ง คราวนี้แรงยิ่งกว่าเดิม เสียงเนื้อสัมผัสเนื้อดังลั่นห้องรถม้า
“สารภาพ! ตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่?”
“ตอนพระอาทิตย์ขึ้นวันนี้”
นั่นก็หมายความว่า เธอรอโอกาสแบบนี้ตั้งแต่ช่วงกลางวันแล้ว
คอของเธอแห้งผากมากและความหิวคงอยู่ในระดับที่ไม่อาจทนได้ขณะที่นอนติดต่อกันสี่วัน แต่เธอก็ยังคงอดทนมาตลอด ทั้งหมดนั่นก็เพื่อทดสอบว่า เธอสามารถฆ่าผมได้หรือไม่
อีงูพิษเอ๊ย
ในอกของผมมันร้อนแทบจะระเบิด ผมรู้สึกได้เลยว่าความโกรธมันพวยพุ่งขึ้นมารวมกันที่ดวงตา เหมือนเดซี่จะไม่รับรู้เรื่องนั้น ไม่สิ เธอคงรับรู้แต่เธอจงใจเมินเฉยต่อมันจึงเปิดปากพูด
“แจ็ค คือ ใคร?”
“อะไร?”
“ท่านน่ะ ฝันร้ายอยู่บ่อยครั้งใช่ไหมล่ะ? ท่านพึมพัมชื่อคนมาไม่เลิก ชื่อที่ท่านพูดซ้ำไปซ้ำมาก็มี แจ็ค,ฮอร์ค,อแลนด์,ริฟ……และแม่”
สุดท้ายริมฝีปากเธอยกขึ้น แต่ดวงตากลับไม่ยิ้มอยู่ดี
“เป็นเรื่องประหลาดใจที่ตัวตนอย่างท่านก็มีแม่กับเขาด้วย”
“…….”
เสียงแตกหักดังขึ้น
เหมือนข้างในผมมันมีอะไรบางอย่างแตกหักพังไป
ผมไม่อาจทนยับยั้งความโกรธได้จึงตบหวดเดซี่ครั้งแล้วครั้งเล่า ผมยังคงทำซ้ำๆอยู่อย่างนั้น หัวของเดซี่สะบัดในทุกครั้ง แต่ก็กลับสู่ตำแหน่งเดิมโดยมองผมอย่างไร้ความรู้สึก ผมรู้สึกอยากทำร้ายเธอ ผมอยากจะทำให้มันยิ่งไปกว่านี้อีก
ตามปกติแล้ว แทบไม่ต้องบอกว่า ความอึดทนของเด็กสาวที่ผ่านไปโดยไม่กินอะไรมาหลายวันเป็นอย่างไร นั่นคงถึงขีดกำจัดที่เธอจะทนไไหว
ปากของเธอฉีกและเลือดก็ไหลออกมา เดซี่ดูจะไม่มีแรงเหลือพอที่จะขยับหัวกลับสู่ตำแหน่งเดิม เป็นเหมือนหุ่นเชิดที่เชือกขาด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงหายใจอยู่
ผมจับคางของเธอด้วยมือขวาและดึงหัวมาใกล้ๆผม ผมลากเธอมาใกล้ชิดเสียจนนับขนตาได้
ก่อนจะตะคอกเธอ
“ข้าจะเผาแม่พ่อของเจ้าทั้งเป็น เข้าใจไหม? ถ้าเจ้าตัดนิ้วข้า ข้าก็จะตัดแขนแม่เจ้า หากเจ้าตัดนิ้วเท้าข้า ข้าจะเฉือนแม่เจ้าจากข้างในแล้วเชือดทิ้ง
ข้าจะควักลูกตาพ่อของเจ้าแล้วยัดมันลงลำคอ ควรฟังคำเตือนของข้าไว้บ้างนะ ข้าเป็นประเภทที่ต้องโต้ตอบกลับไปแรงขึ้นเป็นสิบเท่า”
“…….”
ดวงตาที่ครึ่งปิดครึ่งเปิดมองอย่างพร่ามัวมาทางผม
เด็กสาวพูดราวกับพยายามเค้นลมอันน้อยนิดออกจากปอด
“ท่าน ทำแบบนั้นไม่ได้”
“อะไรนะ?”
“ท่าน ไม่สามารถ ทำแบบนั้น”
เดซี่ปิดตาลง ลมหายใจของเธอแผ่วอ่อน เธอได้พูดในสิ่งที่อยากพูดแล้วก็สลบไปตามที่ต้องการ
มือของผมที่จับหน้าเธอไว้เริ่มสั่นเทาอย่างแรง
เธออาจหมดสติไปแล้วก็จบ แต่ไม่ใช่สำหรับผม ความโกรธของผมปะทุขึ้นดั่งภูเขาไฟระเบิด ลาวานั้นได้ไหลทะลักออกมาผ่านลงคอและลำไส้
“เอาล่ะ”
ผมพูดกับตัวเอง
“ข้าจะแสดงให้ดูว่า ตาต่อตา มันเป็นยังไง นังเด็กเวร”
ผมผลักเดซี่ไปไว้ข้างๆแล้วลึกขึ้น ผมรู้สึกเหมือนท้องส่วนบนของผมจะระเบิดเพราะไม่อาจปล่อยความร้อนออกมาได้ ผมออกจากห้องรถม้าและถอนใจออกมาเฮือกใหญ่
มันเป็นตอนกลางดึก ข้างนอกจึงยังเงียบมาก กองไฟสีแดงยังคงแผดเผาตรงนั้นตรงนี้ กองไฟที่เจเรมินั่งผิงอยู่นั้นอยู่ใกล้กับตัวรถม้า ผมเข้าไปใกล้ไฟกองนั้น
เจเรมิคงสังเกตเห็นการมาของผมจึงลุกขึ้น เธอคงรับรู้การมีอยู่ของผู้คนตลอดเวลาด้วยเซ้นส์ของมือสังหาร ดังนั้นผมจึงหลับได้โดยไร้ความกังวล
“เกิดอะไรขึ้นหรือ ฝ่าบาท?”
“เด็กนั่นตื่นแล้ว”
“อ่า”
เจเรมิพยักหน้า
“ร่างกายของแม่หนูนั่นยังไม่แข็งแรงนัก ฉันจะไปเอาน้ำผึ้งกับน้ำให้เธอทันที”
“ร่างกายแม่นั่นอาจไม่แข็งแรงแต่ก็พยายามจะลอบฆ่าข้า”
“อะไรนะคะ?”
ผมพ่นลมออกจมูก
“นังนั่นแกล้งทำเป็นหลับทั้งที่ตื่นแล้วตั้งแต่เช้า รอจนกระทั่งข้าผล็อยหลับในรถม้า แล้วเอามีดขึ้นมาพยายามจะแทงข้า นังเด็กเวรนั่น”
ผมชี้ไปที่คอตอนพูด ยิ่งพูดก็ยิ่งกระพือโหมความโกรธให้มากขึ้น
“เฮ่อ ฉันก็บอกแม่หนูนั่นแล้วว่า หนีจากการควบคุมของตราทาสไม่ได้”
เจเรมิหัวเราะแบบฝืนๆ
“เธอนั้นมีพิษสงกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก แล้วท่านตั้งใจจะทำอะไรล่ะฝ่าบาท?”
“ข้าจะตั้งใจทรมานนังนั่น แต่ข้าจะไม่ทรมานร่างกายหรอก เพราะถึงทำไปความโกรธของข้าก็ไม่ทุเลาลง เว้นแต่จะได้ทรมานทางจิตใจ”
“แล้ว?”
เจเรมิถามด้วยน้ำเสียงที่สุดจะสนใจ
ผมยิ้มขึ้นมาขณะที่พูดประโยคหนึ่งในหัว
‘แถบซื้อมอนสเตอร์’
หน้าต่างโฮโลแกรมปรากฏขึ้นเงียบๆต่อหน้าผม มีตัวเลือกให้เลือกมอนสเตอร์ แร๊งF แร๊งE และแร๊งD ผมเลือกตัวเลือก แร๊งD รายชื่อของมอนสเตอร์ที่ซื้อได้มาปรากฏตรงหน้าผม
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
*ค่าความชอบของจอมมารบาร์บาทอส(ความมืด)ถึง 50 ดังนั้นท่านสามารถซื้อแบบพิเศษ(ซอมบี้)ได้!
Ο
หน้าต่างที่แจ้งเตือนบอกว่า ผมมีเงิน 9 ล้านโกลด์ นั่นเป็นเพราะผมจ่ายเงิน 5 ล้านโกลด์ไปกับการสร้างปราสาทจอมมารของผม
ลาพิสและลอร่าป่านนี้คงสั่งงานสั่งการเหล่าช่างก่อสร้างทั้งหลายตอนนี้
ผมรู้ดีว่าจะมีเงินอีก 5 ล้านที่อาร์คดยุคกำลังจะส่งให้ผม ดังนั้นผมจะซื้อจำนวนกี่ตัวก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้ผมไม่ได้ต้องการกองทัพ มอนสเตอร์ ผมจึงพุ่งความสนใจไปเพียงมอนสเตอร์ตัวหนึ่งตัวเดียวเท่านั้นในรายชื่อ
‘สไลม์ทรมาน,หนึ่งตัว’
หน้าต่างถามให้ผมยืนยันการซื้อ
ผมเลือก ‘ใช่’ โดยไม่ลังเล พอยืนยันแบบนั้น วงเวทย์สีม่วงก็วาดขึ้นบนพื้นตรงหน้าของผมแล้วโปร่งใส มอนสเตอร์ก็ปรากฏขึ้นมาบนนั้น สไลม์ที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในโลกใบนี้ แต่มันจะไม่คุ้นตาสำหรับผม
เจเรมิถึงกับกลืนน้ำลายเอื้อกอยู่ข้างผม
“การเล่นแร่แปรธาตุ? ไม่สิ เวทย์มนตร์อัญเชิญ……? โดยไม่มีการร่าย……?”
“นี่เป็นหนึ่งในพรสวรรค์อย่างหนึ่งอย่างเดียวของข้า อย่าไปบอกใครเขาล่ะ”
“แน่นอนค่ะ แต่ท่านกลับซ่อนไพ่ตายเช่นนี้ไว้ตลอดเวลาที่ผ่านมานี่…….”
เจเรมิกลับมองผมด้วยแววตานับถือแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ยากจะคาดเดาได้จริงๆว่า ฝ่าบาทเก็บงำความสามารถไว้มากมายแค่ไหน ฉายา จอมมารหลากหน้า เหมาะสมกับฝ่าบาทจริงๆค่ะ”
ไม่ใช่แค่ไม่สามารถร่ายเวทย์อัญเชิญได้หรอกนะ แม้แต่ไฟร์บอลผมก็ยังใช้ไม่ได้ด้วย แต่ถึงจะอย่างนั้นอีกฝ่ายก็คงไม่รู้หรอก มันดีกว่าที่จะให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดอะไรไปเอง ผมจะไม่อธิบายความสามารถตัวเองหรอกนะ
“เจ้านี่เป็นสิ่งที่ข้าสร้างขึ้นระหว่างนอนเล่นขี้เกียจในดันเจี้ยน”
ผมหยิบสไลม์ขึ้นมาด้วยมือ สไลม์โปร่งใสนั้นสามารถขยับร่างแปลงรูปได้อิสระ พอผมออกคำสั่งในหัว สไลม์ก็หดตัวลงพอดีกับฝ่ามือผม
“สไลม์ชนิดพิเศษที่พัฒนามาเพื่อการทรมาน ข้าจะใช้เจ้าหนูนี่แหละ”
“อาฮ่า ฉันเข้าใจแล้ว”
เจเรมิดูเหมือนจะเข้าใจว่า ผมกำลังจะทำสิ่งใด
“ฉันกล้าประกาศตัวว่า ฉันเป็นมืออาชีพเรื่องนี้ค่ะ สไลม์นั้นเป็นอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานที่สุดสำหรับการทรมานทางจิตใจ ฝ่าบาทตั้งใจที่จะเล่นกับระบบประสาทของเด็กสาวที่ชื่อเดซี่ ถูกไหมคะ?”
ผมพยักหน้า เจเรมิยกยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย
“ส่วนตัวแล้วฉันชอบวิธีการฉีกเนื้อบดกระดูกมากกว่า แต่ฝ่าบาทคะแน่ใจหรือคะว่ามันจะได้ผล ดูจากความอดทนของเด็กหญิงคนนั้นตอนผ่าตัดก็เห็นชัดเลยว่า เป็นคนที่อยู่เหนือค่าเฉลี่ย”
“แน่นอนล่ะ แม่นั่นไม่ใช่คนทั่วไป”
ผมยิ้มออกมาอย่างคนโฉดชั่ว
“นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมถึงต้องลองใช้วิธีอื่น”
“วิธีอื่นหรือคะ?”
“เอาหูมานี่สิ”
ผมให้รายละเอียดว่า ผมตั้งใจจะทรมานเดซี่อย่างไร
สีหน้าของเจเรมิเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายขณะฟังคำอธิบาย ทั้งสับสน งุนงงและจบลงด้วยความประหลาดใจ
“โอ้ ฉันเข้าใจแล้ว โดนใจจริงๆค่ะ นี่ช่างเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่มีขอบเขตสมกับเป็นแนวคิดของจอมมาร ฉันได้เป็นพยานโฉมหน้าอันหลากหลายของฝ่าบาทแล้วในค่ำคืนนี้”
“สิ่งที่อาจไม่จะแม่นั่นอยู่หมัด แต่ก็จะฉีกทึ้งจิตใจของนางเป็นเสี่ยงๆ”
ผมแสดงความเห็นอื่นขณะที่ถอนหน้าออกจากข้างหูเจเรมิ
“พรุ่งนี้เราต้องไปพบเลราเจ เราต้องเลือกให้ใครสักคนทำงานนี้ ข้าได้แต่หวังว่างานนี้จะเสร็จทันเมื่อพวกเรากลับมา”
“ท่านบอกว่า ตอนนี้เด็กสาวสลบอยู่ไม่ใช่หรือคะ?”
เจเรมิหัวเราะออกมา มันเป็นการหัวเราะแบบนางร้าย
“จะไม่ดีกว่าหรือคะหากทำให้เสร็จไปเลย ณ ตอนนี้?”
“ไม่ ไม่ ข้าปรารถนาให้เธอเป็นประจักษ์พยานตั้งแต่เริ่มจนจบ”
“ฝ่าบาทช่างมีรสนิยมที่น่ารังเกียจเสียจริง……. ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปปลุกเด็กนั่น”
เจเรมิประกบมือ
“นี่ก็นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเช่นนี้
โอ้ จอมมารผู้สูงส่งและยอดเยี่ยม ได้โปรดมอบงานนี้ให้ฉันได้ทำให้ลุล่วงด้วยเถอะ หวังว่า ท่านจะมอบที่นั่งยอดเยี่ยมหน้าเวทีให้ฉันด้วย”
Comments
Dungeon Defense (WN) 181 ความเกลียดชังมนุษย์ (3)
“―อั่ก!?”
ผมยกเข่าขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ
เข่าผมจึงกระแทกเข้ากับท้องของเดซี่ในทันทีที่ยกขึ้นมา เด็กสาวร้องออกมาขณะที่กลิ้งบนเตียง
เกร้ง
เสียงโลหะดังจากมีดที่หล่นอยู่ที่ไหนสักแห่งในห้อง
เธอไม่ได้คร่อมอยู่บนตัวผมอีกต่อไป แต่ผมยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสเย็นของใบมีดที่ทิ้งไว้ที่ลำคอ ใบมีดที่จ่อมาที่คอผมนั้นตั้งใจที่จะแทง มีเจตนาฆ่าฟันอย่างเห็นได้ชัด ต้นคอผมยะเยือก ผมนวดถูคอราวกับมีอะไรเปื้อน
อีเด็กเวรนั่น
ผมขบกรามแน่น พอความกลัวผ่านไปความโกรธก็เข้าแทนที่ ผมมองต่ำ มองไปยังเดซี่ที่อยู่ที่พื้น ดูเหมือนโชคดีที่เข่าผมกระแทกเข้าลิ้นปี่ของเธอ
ผมยืนขึ้นเหนือเธอ ร่างเล็กๆของเด็กสาวนั้นถูกกดเอาไว้โดยง่าย
เดซี่มองผมด้วยแววตาเรียบเฉย มันยากที่จะล่วงรู้ว่า นั่นเป็นสีหน้าของเด็กคนหนึ่งที่พยายามจะฆ่าผมเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา ความเฉยชาของเธอเป็นดั่งน้ำมันที่สาดเข้าไปในกองไฟแห่งความโกรธของผม
– เผียะ!
ผมตบเดซี่ด้วยฝ่ามือ หัวของเธอหันไปตามทิศทางการตบราวกับฝักข้าวโพด
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็หันหัวกลับมามองผมอีกครั้ง นังเด็กเน่าหนอนนี่
“ดูเหมือนเธอจะอยากตายมากเลยนี่”
“ไม่ หนูต้องฆ่าท่านให้ได้ก่อน”
ดวงตาของเธอไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย มันยังคงมีการต่อต้านและความน่ารำคาญแฝงอยู่ ความพยายามนั่น ความพยายามอันแสนไร้ค่า
ผมจึงหัวเราะใส่เธอ
“อย่างนั้นรึ? แล้วเจ้าฆ่าข้าได้ไหม? ฮ่า โชคไม่ดีเลยนี่นะ ข้าไม่ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่เจ้าต้องการหรอก ต่อจากนี้เป็นต้นไปแม้จะหายใจ เจ้าก็ต้องได้รับคำยินยอมจากข้า”
“หากเป็นอย่างนั้นจริง ก็ถือว่าโชคร้าย”
เดซี่พูดด้วยสีหน้าที่ไม่แม้แต่จะแสดงถึงความรู้สึกว่า โชคร้ายออกมา
ผมไม่ชอบท่าทางแบบนั้นจึงตบหน้าเธออีกครั้ง คราวนี้แรงยิ่งกว่าเดิม เสียงเนื้อสัมผัสเนื้อดังลั่นห้องรถม้า
“สารภาพ! ตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่?”
“ตอนพระอาทิตย์ขึ้นวันนี้”
นั่นก็หมายความว่า เธอรอโอกาสแบบนี้ตั้งแต่ช่วงกลางวันแล้ว
คอของเธอแห้งผากมากและความหิวคงอยู่ในระดับที่ไม่อาจทนได้ขณะที่นอนติดต่อกันสี่วัน แต่เธอก็ยังคงอดทนมาตลอด ทั้งหมดนั่นก็เพื่อทดสอบว่า เธอสามารถฆ่าผมได้หรือไม่
อีงูพิษเอ๊ย
ในอกของผมมันร้อนแทบจะระเบิด ผมรู้สึกได้เลยว่าความโกรธมันพวยพุ่งขึ้นมารวมกันที่ดวงตา เหมือนเดซี่จะไม่รับรู้เรื่องนั้น ไม่สิ เธอคงรับรู้แต่เธอจงใจเมินเฉยต่อมันจึงเปิดปากพูด
“แจ็ค คือ ใคร?”
“อะไร?”
“ท่านน่ะ ฝันร้ายอยู่บ่อยครั้งใช่ไหมล่ะ? ท่านพึมพัมชื่อคนมาไม่เลิก ชื่อที่ท่านพูดซ้ำไปซ้ำมาก็มี แจ็ค,ฮอร์ค,อแลนด์,ริฟ……และแม่”
สุดท้ายริมฝีปากเธอยกขึ้น แต่ดวงตากลับไม่ยิ้มอยู่ดี
“เป็นเรื่องประหลาดใจที่ตัวตนอย่างท่านก็มีแม่กับเขาด้วย”
“…….”
เสียงแตกหักดังขึ้น
เหมือนข้างในผมมันมีอะไรบางอย่างแตกหักพังไป
ผมไม่อาจทนยับยั้งความโกรธได้จึงตบหวดเดซี่ครั้งแล้วครั้งเล่า ผมยังคงทำซ้ำๆอยู่อย่างนั้น หัวของเดซี่สะบัดในทุกครั้ง แต่ก็กลับสู่ตำแหน่งเดิมโดยมองผมอย่างไร้ความรู้สึก ผมรู้สึกอยากทำร้ายเธอ ผมอยากจะทำให้มันยิ่งไปกว่านี้อีก
ตามปกติแล้ว แทบไม่ต้องบอกว่า ความอึดทนของเด็กสาวที่ผ่านไปโดยไม่กินอะไรมาหลายวันเป็นอย่างไร นั่นคงถึงขีดกำจัดที่เธอจะทนไไหว
ปากของเธอฉีกและเลือดก็ไหลออกมา เดซี่ดูจะไม่มีแรงเหลือพอที่จะขยับหัวกลับสู่ตำแหน่งเดิม เป็นเหมือนหุ่นเชิดที่เชือกขาด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงหายใจอยู่
ผมจับคางของเธอด้วยมือขวาและดึงหัวมาใกล้ๆผม ผมลากเธอมาใกล้ชิดเสียจนนับขนตาได้
ก่อนจะตะคอกเธอ
“ข้าจะเผาแม่พ่อของเจ้าทั้งเป็น เข้าใจไหม? ถ้าเจ้าตัดนิ้วข้า ข้าก็จะตัดแขนแม่เจ้า หากเจ้าตัดนิ้วเท้าข้า ข้าจะเฉือนแม่เจ้าจากข้างในแล้วเชือดทิ้ง
ข้าจะควักลูกตาพ่อของเจ้าแล้วยัดมันลงลำคอ ควรฟังคำเตือนของข้าไว้บ้างนะ ข้าเป็นประเภทที่ต้องโต้ตอบกลับไปแรงขึ้นเป็นสิบเท่า”
“…….”
ดวงตาที่ครึ่งปิดครึ่งเปิดมองอย่างพร่ามัวมาทางผม
เด็กสาวพูดราวกับพยายามเค้นลมอันน้อยนิดออกจากปอด
“ท่าน ทำแบบนั้นไม่ได้”
“อะไรนะ?”
“ท่าน ไม่สามารถ ทำแบบนั้น”
เดซี่ปิดตาลง ลมหายใจของเธอแผ่วอ่อน เธอได้พูดในสิ่งที่อยากพูดแล้วก็สลบไปตามที่ต้องการ
มือของผมที่จับหน้าเธอไว้เริ่มสั่นเทาอย่างแรง
เธออาจหมดสติไปแล้วก็จบ แต่ไม่ใช่สำหรับผม ความโกรธของผมปะทุขึ้นดั่งภูเขาไฟระเบิด ลาวานั้นได้ไหลทะลักออกมาผ่านลงคอและลำไส้
“เอาล่ะ”
ผมพูดกับตัวเอง
“ข้าจะแสดงให้ดูว่า ตาต่อตา มันเป็นยังไง นังเด็กเวร”
ผมผลักเดซี่ไปไว้ข้างๆแล้วลึกขึ้น ผมรู้สึกเหมือนท้องส่วนบนของผมจะระเบิดเพราะไม่อาจปล่อยความร้อนออกมาได้ ผมออกจากห้องรถม้าและถอนใจออกมาเฮือกใหญ่
มันเป็นตอนกลางดึก ข้างนอกจึงยังเงียบมาก กองไฟสีแดงยังคงแผดเผาตรงนั้นตรงนี้ กองไฟที่เจเรมินั่งผิงอยู่นั้นอยู่ใกล้กับตัวรถม้า ผมเข้าไปใกล้ไฟกองนั้น
เจเรมิคงสังเกตเห็นการมาของผมจึงลุกขึ้น เธอคงรับรู้การมีอยู่ของผู้คนตลอดเวลาด้วยเซ้นส์ของมือสังหาร ดังนั้นผมจึงหลับได้โดยไร้ความกังวล
“เกิดอะไรขึ้นหรือ ฝ่าบาท?”
“เด็กนั่นตื่นแล้ว”
“อ่า”
เจเรมิพยักหน้า
“ร่างกายของแม่หนูนั่นยังไม่แข็งแรงนัก ฉันจะไปเอาน้ำผึ้งกับน้ำให้เธอทันที”
“ร่างกายแม่นั่นอาจไม่แข็งแรงแต่ก็พยายามจะลอบฆ่าข้า”
“อะไรนะคะ?”
ผมพ่นลมออกจมูก
“นังนั่นแกล้งทำเป็นหลับทั้งที่ตื่นแล้วตั้งแต่เช้า รอจนกระทั่งข้าผล็อยหลับในรถม้า แล้วเอามีดขึ้นมาพยายามจะแทงข้า นังเด็กเวรนั่น”
ผมชี้ไปที่คอตอนพูด ยิ่งพูดก็ยิ่งกระพือโหมความโกรธให้มากขึ้น
“เฮ่อ ฉันก็บอกแม่หนูนั่นแล้วว่า หนีจากการควบคุมของตราทาสไม่ได้”
เจเรมิหัวเราะแบบฝืนๆ
“เธอนั้นมีพิษสงกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก แล้วท่านตั้งใจจะทำอะไรล่ะฝ่าบาท?”
“ข้าจะตั้งใจทรมานนังนั่น แต่ข้าจะไม่ทรมานร่างกายหรอก เพราะถึงทำไปความโกรธของข้าก็ไม่ทุเลาลง เว้นแต่จะได้ทรมานทางจิตใจ”
“แล้ว?”
เจเรมิถามด้วยน้ำเสียงที่สุดจะสนใจ
ผมยิ้มขึ้นมาขณะที่พูดประโยคหนึ่งในหัว
‘แถบซื้อมอนสเตอร์’
หน้าต่างโฮโลแกรมปรากฏขึ้นเงียบๆต่อหน้าผม มีตัวเลือกให้เลือกมอนสเตอร์ แร๊งF แร๊งE และแร๊งD ผมเลือกตัวเลือก แร๊งD รายชื่อของมอนสเตอร์ที่ซื้อได้มาปรากฏตรงหน้าผม
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
*ค่าความชอบของจอมมารบาร์บาทอส(ความมืด)ถึง 50 ดังนั้นท่านสามารถซื้อแบบพิเศษ(ซอมบี้)ได้!
Ο
หน้าต่างที่แจ้งเตือนบอกว่า ผมมีเงิน 9 ล้านโกลด์ นั่นเป็นเพราะผมจ่ายเงิน 5 ล้านโกลด์ไปกับการสร้างปราสาทจอมมารของผม
ลาพิสและลอร่าป่านนี้คงสั่งงานสั่งการเหล่าช่างก่อสร้างทั้งหลายตอนนี้
ผมรู้ดีว่าจะมีเงินอีก 5 ล้านที่อาร์คดยุคกำลังจะส่งให้ผม ดังนั้นผมจะซื้อจำนวนกี่ตัวก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้ผมไม่ได้ต้องการกองทัพ มอนสเตอร์ ผมจึงพุ่งความสนใจไปเพียงมอนสเตอร์ตัวหนึ่งตัวเดียวเท่านั้นในรายชื่อ
‘สไลม์ทรมาน,หนึ่งตัว’
หน้าต่างถามให้ผมยืนยันการซื้อ
ผมเลือก ‘ใช่’ โดยไม่ลังเล พอยืนยันแบบนั้น วงเวทย์สีม่วงก็วาดขึ้นบนพื้นตรงหน้าของผมแล้วโปร่งใส มอนสเตอร์ก็ปรากฏขึ้นมาบนนั้น สไลม์ที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในโลกใบนี้ แต่มันจะไม่คุ้นตาสำหรับผม
เจเรมิถึงกับกลืนน้ำลายเอื้อกอยู่ข้างผม
“การเล่นแร่แปรธาตุ? ไม่สิ เวทย์มนตร์อัญเชิญ……? โดยไม่มีการร่าย……?”
“นี่เป็นหนึ่งในพรสวรรค์อย่างหนึ่งอย่างเดียวของข้า อย่าไปบอกใครเขาล่ะ”
“แน่นอนค่ะ แต่ท่านกลับซ่อนไพ่ตายเช่นนี้ไว้ตลอดเวลาที่ผ่านมานี่…….”
เจเรมิกลับมองผมด้วยแววตานับถือแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ยากจะคาดเดาได้จริงๆว่า ฝ่าบาทเก็บงำความสามารถไว้มากมายแค่ไหน ฉายา จอมมารหลากหน้า เหมาะสมกับฝ่าบาทจริงๆค่ะ”
ไม่ใช่แค่ไม่สามารถร่ายเวทย์อัญเชิญได้หรอกนะ แม้แต่ไฟร์บอลผมก็ยังใช้ไม่ได้ด้วย แต่ถึงจะอย่างนั้นอีกฝ่ายก็คงไม่รู้หรอก มันดีกว่าที่จะให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดอะไรไปเอง ผมจะไม่อธิบายความสามารถตัวเองหรอกนะ
“เจ้านี่เป็นสิ่งที่ข้าสร้างขึ้นระหว่างนอนเล่นขี้เกียจในดันเจี้ยน”
ผมหยิบสไลม์ขึ้นมาด้วยมือ สไลม์โปร่งใสนั้นสามารถขยับร่างแปลงรูปได้อิสระ พอผมออกคำสั่งในหัว สไลม์ก็หดตัวลงพอดีกับฝ่ามือผม
“สไลม์ชนิดพิเศษที่พัฒนามาเพื่อการทรมาน ข้าจะใช้เจ้าหนูนี่แหละ”
“อาฮ่า ฉันเข้าใจแล้ว”
เจเรมิดูเหมือนจะเข้าใจว่า ผมกำลังจะทำสิ่งใด
“ฉันกล้าประกาศตัวว่า ฉันเป็นมืออาชีพเรื่องนี้ค่ะ สไลม์นั้นเป็นอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานที่สุดสำหรับการทรมานทางจิตใจ ฝ่าบาทตั้งใจที่จะเล่นกับระบบประสาทของเด็กสาวที่ชื่อเดซี่ ถูกไหมคะ?”
ผมพยักหน้า เจเรมิยกยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย
“ส่วนตัวแล้วฉันชอบวิธีการฉีกเนื้อบดกระดูกมากกว่า แต่ฝ่าบาทคะแน่ใจหรือคะว่ามันจะได้ผล ดูจากความอดทนของเด็กหญิงคนนั้นตอนผ่าตัดก็เห็นชัดเลยว่า เป็นคนที่อยู่เหนือค่าเฉลี่ย”
“แน่นอนล่ะ แม่นั่นไม่ใช่คนทั่วไป”
ผมยิ้มออกมาอย่างคนโฉดชั่ว
“นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมถึงต้องลองใช้วิธีอื่น”
“วิธีอื่นหรือคะ?”
“เอาหูมานี่สิ”
ผมให้รายละเอียดว่า ผมตั้งใจจะทรมานเดซี่อย่างไร
สีหน้าของเจเรมิเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายขณะฟังคำอธิบาย ทั้งสับสน งุนงงและจบลงด้วยความประหลาดใจ
“โอ้ ฉันเข้าใจแล้ว โดนใจจริงๆค่ะ นี่ช่างเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่มีขอบเขตสมกับเป็นแนวคิดของจอมมาร ฉันได้เป็นพยานโฉมหน้าอันหลากหลายของฝ่าบาทแล้วในค่ำคืนนี้”
“สิ่งที่อาจไม่จะแม่นั่นอยู่หมัด แต่ก็จะฉีกทึ้งจิตใจของนางเป็นเสี่ยงๆ”
ผมแสดงความเห็นอื่นขณะที่ถอนหน้าออกจากข้างหูเจเรมิ
“พรุ่งนี้เราต้องไปพบเลราเจ เราต้องเลือกให้ใครสักคนทำงานนี้ ข้าได้แต่หวังว่างานนี้จะเสร็จทันเมื่อพวกเรากลับมา”
“ท่านบอกว่า ตอนนี้เด็กสาวสลบอยู่ไม่ใช่หรือคะ?”
เจเรมิหัวเราะออกมา มันเป็นการหัวเราะแบบนางร้าย
“จะไม่ดีกว่าหรือคะหากทำให้เสร็จไปเลย ณ ตอนนี้?”
“ไม่ ไม่ ข้าปรารถนาให้เธอเป็นประจักษ์พยานตั้งแต่เริ่มจนจบ”
“ฝ่าบาทช่างมีรสนิยมที่น่ารังเกียจเสียจริง……. ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปปลุกเด็กนั่น”
เจเรมิประกบมือ
“นี่ก็นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเช่นนี้
โอ้ จอมมารผู้สูงส่งและยอดเยี่ยม ได้โปรดมอบงานนี้ให้ฉันได้ทำให้ลุล่วงด้วยเถอะ หวังว่า ท่านจะมอบที่นั่งยอดเยี่ยมหน้าเวทีให้ฉันด้วย”
Comments