Dungeon Defense (WN) 187 เส้นทางแห่งการแสวงบุญ (2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 187 เส้นทางแห่งการแสวงบุญ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

* * *

 

 

จะเป็นไปได้อย่างไรกันกับการที่อยู่ชาติใดชาติหนึ่งไม่เคยได้รับความเกลียดชังจากชาติอื่น?

 

จะเป็นไปได้อย่างไรกันกับการที่ชาติใดชาติหนึ่งไม่เคยดูหมิ่นดูแคลนจักรพรรดิ ชนชั้นขุนนาง หรือแม้แต่ชาวบ้านสามัญชนของชาติอื่น?

 

แนวคิดเรื่อง ความชอบและความชัง มิใช่สิ่งใหม่ในทวีปที่มีหลากหลายชาติประเทศที่ต่างฝ่ายต่างมีความแตกแยกอยู่ก่อนแล้ว

 

จักรวรรดิฟรานเคีย และราชอาณาจักรบริททานี่นั้นมิใช่ว่าจะอยู่ๆก็มาเคียดแค้นชิงชังกันขึ้นมาเสียเฉยๆ พวกเขาได้ก่อร้างสร้างประวัติศาสตร์แห่งความจงเกลียดจงชังยั่วยุกันและกันจนกลายเป็นศัตรูตัวร้ายต่อกัน

เมื่อฟรานเคียจะทะเลาะวิวาทกับประเทศใด บริททานี่ก็จะยื่นมือเข้ามาอยู่เบื้องหลังฝ่ายนั้นด้วย นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ฟรานเคียยิ่งเกลียดชังดูแคลนบริททานี่มากขึ้นไปอีก

ดังนั้นแล้ว

 

“ดูนี่สิ นักบุญหญิงแจ็กเกอลีน(Saintess Jacqueline) จักรพรรดิส่งจดหมายมาให้ข้าด้วยแหละ”

 

ราชินีแห่งบริททานี่,เฮนริเอตต้า (The Queen of Brittany, Henrietta) ระเบิดหัวเราะออกมาขณะนั่งอยู่บนหลังม้า ผมสีแดงเหมือนดั่งเลือดสดพริ้วไสว

 

ในฐานะราชินี เธอเป็นผู้ที่ซื่อสัตว์และเปิดเผยอารมณ์ตนอย่างมาก ข้าราชบริพานรู้ดีว่านั่นเป็นหนึ่งในเสน่ห์ของพระนาง

 

“โอ้? น่าสนใจดีนี่”

แจ็กเกอลีน ลองวี่(Jacqueline Longwy) นักบุญหญิงแห่งเทพีเอเธน่า รับจดหมายมา

 

“ให้ผู้น้อยนี้ได้อ่านจากหายจากองค์พระจักรพรรดิด้วยเถิด…….”

 

นักบุญหญิงอ่านจดหมายออกเสียงขณะที่ลูบถูปอยผมเปียข้างที่แสนงดงาม

พูดอีกอย่างก็คือ นักบุญหญิงแจ็กเกอลีนนั้นถือจดหมายด้วยมือซ้ายข้างเดียวและอ่านออกมาดังๆด้วยท่าทางที่แสดงถึงความไม่เคารพ 

มีชนชั้นสูงอยู่รอบเธอถึง 12 นาย แต่ไม่มีใครใส่ใจท่าทางอันหยาบคายของนักบุญหญิง

 

 

 

“โอ องค์ราชินีเอ๋ย! เมื่อเร็วมานี้ เหล่าอันธพาลผู้อุกอาจได้เริ่มต้นก่อความวุ่นวายในจักรวรรดิแห่งข้า และราชอาณาจักรแห่งเจ้า……. 

แหม๊ แหม๋ ที่รัก อันธพาลผู้อุกอาจหรือคะ? ฮุฮุ คนที่โดนเรียกแบบนั้นเข้าคงจะเสียใจแย่เลย”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

ผู้คนรอบข้างต่างหัวร่อ บุคคลที่จักรพรรดิกล่าวถึงว่าเป็น อันธพาลผู้อุกอาจนั้นไม่ใช่ใครอื่นใดนอกจากแม่ของเขาเอง

แม้ดูเผินๆจะเป็นจดหมายต่อรองทางการทูต แต่ก็เห็นได้ชัดว่า มันสื่อนัยยะถึงการใส่ไคล้ป้ายสี

นักบุญหญิงแจ็กเกอลีนกระแอมเคลียร์ลำคอตัวเองก่อนจะอ่านต่อ

 

 

“……ตั้งแต่อาณาจักรเจ้าถึงจักรวรรดิของข้า เจ้าได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ข้า ตอนนั้นเองที่เจ้าเลือกที่จะอยู่ฝ่ายข้า 

เจ้าพวกอันธพาลพวกนั้นไม่เพียงแต่ตะลอนไปทั่วแคว้นแดนดิน ไม่เพียงแต่คอยกัดกร่อนอำนาจของข้าและเหล่าข้าราชบริพารของข้า พวกมันยังขโมยความมั่งคั่งของข้าและนำมันมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน”

น้ำเสียงของจักรพรรดินั้นแสดงความเห็นถึงพวกสาธารณรัฐนิยมอย่างเห็นได้ชัด

ว่าโดยย่อ พวกสาธารณรัฐนิยมนั้นไร้ประโยชน์ต่อการส่งเสริมอำนาจของเขา และไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าหัวขโมยที่ขโมยเงินของจักรพรรดิ

 

“และตอนนี้เจ้าอันธพาลพวกนั้นก็เผยธาตุแท้ออกมาแล้วว่าต้องการจะยึดครองจักรวรรดิ 

พวกมันเป็นเหมือนดั่งเม่นที่ลักขโมยจากถ้ำงู หรือเป็นอย่างโจรที่ทำปล้นแล้วสวมรอยทำตัวเป็นเจ้าบ้านแทน

ข้ามองไปทางใดก็เห็นแต่การต่อต้านและความไม่จงรักภักดี สิ่งนี้ทำให้ใจข้ามืดหม่น”

 

“หืมม ดูเหมือนองค์จักรพรรดิจะไม่ใช่คนเจ้าบทเจ้ากลอนเลย”

 

ราชินีเฮนริเอตต้าหัวเราะคิด นักบุญหญิงแจ็กเกอลีนนั้นผงกหัว

 

ผู้หญิงทั้งสองคนนั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยนเด็กโดยไม่สนใจฐานะและชอบยั่งล้อผู้ชายเล่น พวกเธอทั้งคู่ได้จดหมายรักรวมจนถึงตอนนี้ก็เกือบ 400 ฉบับ

 

 

“……ถึงอย่างนั้น ทั้งเจ้าและจ้าก็เป็นดั่งเพื่อนใต้ผืนฟ้าเดียวกัน

ถึงแม้จะมีคำกล่าวว่า เทพีนั้นนั้นสร้างให้จักรวรรดิของข้าและราชอาณาจักรของเจ้าเป็นศัตรูกันมาตลอดช่วงอายุประวัติศาสตร์ก็ตาม

เป็นไปได้หรือไม่ว่า สวรรค์ต้องการจะหักล้างสิ่งนั้นแล้วให้พวกเราร่วมมือกันในท้ายที่สุด? ข้าจึงอยากขอความร่วมมือจากเพื่อนของข้าผู้นี้…….”

 

นักบุญหญิงแจ็กเกอลีนโยนจดหมายทิ้ง

 

 

ราชินีเฮนริเอตต้าคว้ามันไว้ ก่อนจะโยนมันทิ้งไป เธอคุมม้าให้เดินวนไปรอบๆ มีขุนนางชนชั้นสูง 12 นายสวมเกราะเบาอยู่รอบกายราชินี 

หากเปรียบเป็นกำแพงป้อมปราการ นี่คงเป็นดั่งเมืองชั้นในสุด

 

รอบกายของชนชั้นสูงทั้งหลายนั้นก็เป็นอัศวินผู้อยู่ใต้บัญชาการ อัศวินผู้มีหอกยาวพร้อมกับธงตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลปลิวไสวอย่างองอาจในสายลม โดยมีปลายหอกเป็นพื้นหลัง นั่นคือ กำแพงป้อมปราการชั้นที่สองขององค์ราชินี

 

รอบกายอัศวินเหล่านั้น กว้างออกไปในที่ราบ มีทหารราว  10,000 นาย ที่พร้อมปฏิบัติคำสั่งของนายพล ยืนอยู่รูปขบวนอย่างเป็นระเบียบ นั่นคือ กำแพงป้อมปราการชั้นที่สามขององค์ราชินี สิ่งนี้เป็นเหมือนดั่งเมืองชั้นนอกที่จะทำลายภัยคุกคามใดๆที่มาจากภายนอกให้สิ้นซาก

 

“บุตรและบุตรีแห่งบริททานี่ทั้งหลายเอ๋ย!”

 

ราชินีเฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่ มองลงไปยังแนวกำแพงของตนทั้งสามชั้น นักเวทย์ที่ได้เตรียมการณ์รอท่าอยู่ก่อนแล้วนั้นได้ขยายสุรเสียงของราชินี น้ำเสียงที่ทรงพลังของเฮนริเอตต้าสะท้อนก้องไปทั่วทั้งทุ่งราบ

 

 

“ในวันนี้ พวกเราจะเข้าไปในจักรวรรดิกัน แต่มิใช่ในฐานะผู้รุกราก มิใช่ในฐานะโจรปล้นฆ่า หรือมิใช่ในฐานะคนทรยศ

นี่คือ จดหมายของผู้นำสูงสุดของฟรานเคีย ที่รับรองการเดินทัพของพวกเรา!”

ราชินีผมสีแดงสการ์เล็ทยกมือขึ้นมาอย่างเข้มแข็ง

 

“ไม่มีสิ่งใดใต้ผืนฟ้านี้จะมาขวางทางเจ้า 

ความลังเลสงสัยจะเป็นพันธนาการแก่มือทั้งสองข้างของเจ้า 

สิ่งล่อใจต่างๆจะทำให้กั้นขวางเสียงกู่ร้องคำรามอันทรงพลังของเจ้า

แต่ถึงอย่างนั้น บุตรและบุตรีแห่งบริททานี่เอ๋ย!

ตัวข้า เฮนริเอตต้า ขอยืนยันว่า พวกเจ้านั้นมีความชอบธรรม

 

จงทำลายล้างศัตรูโดยไม่ลังเล อย่าได้หลงไหลไปกับสิ่งยั่วยวนใจ และจงฟังทุกคำสั่งอย่างเคร่งครัด สิ่งเดียวที่พวกเราต้องการคือ ความเป็นหนึ่งเดียวกัน!

บริททานี่―หนึ่งเดียวกัน!”

 

ทหารทั้งหลายต่างรอบรับ ราชินีผู้งดงามและทรงพลังด้วยเสียงเชียร์ 

เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่ ร่วมมือกับขุนนางชนชั้นสูงจำนวนมากเพื่อก้าวขึ้นสู้บัลลังค์ แต่ถึงอย่างนั้นเธอเองก็ลงดาบชนชั้นสูงที่ปฏิเสธจะร่วมมือกับเธอด้วยเช่นกัน

ทหารทั้ง  10,000 นาย ต่างเป็นประจักษ์พยานรู้ดีว่า องค์ราชินีนั้นไร้ความปรานียามเมื่อต้องย่ำยีบีฑาศัตรูของพระนาง

ทหารบางคนก็เชื่อว่า เฮนริเอตต้านั้นเป็นร่างทรงของเทพีแห่งสงคราม พวกเขาให้ความเคารพนับถือราชินีผู้มีเรือนผมสีแดงเพลิง

 

“หนึ่งเดียวกัน! หนึ่งเดียวกัน!”

 

“ความรุ่งโรจน์แด่บริททานี่!”

 

“ความรุ่งโรจน์จงมีแด่องค์ราชินี―!”

 

ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความไปกว่านี้อีกแล้ว

เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่ ควบม้าวนไปรอบๆ

 

กรั่บ เสียงฝีเท้าม้าศึกของเฮนริเอตต้าที่ย่ำไปเบื้องหน้า ราชินีนั้นได้ก้าวข้ามเส้นเขตแดนระหว่าง ราชอาณาจักรบริททานี่กับจักรวรรดิฟรานเคีย

ไม่มีเส้นขีดเขียนบนพื้นนั้น แต่ราชินีก็ได้เหยียบย่างเข้าไปในดินแดนจักรวรรดิอย่างแน่นอน ทุกคนตระหนักรับรู้ถึงเรื่องนั้นเป็นอย่างดี

 

ไม่นานนัก ขุนนางระดับสูงทั้งสิบสอง,อัศวิน,และทหารนับพันนาย ได้เดินข้ามแนวชายแดนไป นักบุญหญิงแจ็กเกอลีน ลองวี่ ขับร้องออกมา

 

“อ่าาาา―”

 

เสียงดนตรีอันไพเราะได้หลั่งไหลออกจากริมฝีปากของนักบุญหญิง มันทั้งศักดิ์สิทธิ์ สง่างามและยังสูงส่ง มันให้บรรยากาศเฉกเช่นนักรบหญิง

 

เสียงเพลงขับกล่อมแด่เทพีเอเธน่าเป็นดั่งเป็นเพลงสดุดีของพวกเขา พลังของเวทย์มนตร์ที่ยืมมาใช้เพื่อขับร้องนั้นดังก้องอยู่ในหัวของทหารทุกนาย องค์เทพีกำลังประทานพรแก่พวกเขา…….

 

 

 

กองทัพหลวงของราชอาณาจักรบริททานี่ 9,000 นาย ภายใต้การบัญชาการของเฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่ กำลังรุกคืบเข้าไป

 

* * *

 

 

ผมแทบจะหลับในทันทีที่กลับมา หลังจากลับสมองประลองปัญญากับเลราเจ

ดูเหมือนผมจะเหนื่อยว่าที่ตัวเองคิดไว้เสียอีก ผมจึงงีบหลักสักหน่อย ผมที่อยู่โดดเดี่ยวในรถม้าก็ลืมตาขึ้น โดยไม่มีใครปลุกผม ว่าแต่นั่นเป็นน้ำใจที่ไม่มีใครปลุกผมสินะ……?

 

ตอนที่ผมเดินออกจากรถม้าก็ได้รับข้อมูลใหม่

 

“กองทัพหลวงของบริททานี่ข้ามแนวชายแดนมาแล้วครับ”

 

แจ็กเกอรี่รายงานด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า ทหารเบรอตาญเกือบ 10,000 นายได้เดินทัพ

 

“นักบุญหญิงก็ได้เข้าร่วมกองทัพด้วยครับ แจ็กเกอลีน ลองวี่ ผู้บูชาเทพีเอเธน่า”

 

“แม่นั่นไม่น่าจะเป็นนักบุญหญิงที่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องสกปรกทางการเมืองแบบนี้นี่…….”

 

นักบุญหญิง ลองวี่ นั้นปรากฏตัวในฐานะศัตรูใน <Dungeon Attack> พระเอกของเกมอยู่ฝ่ายจักรวรรดิฮับบวร์กจึงต้องสู้รบกับบริททานี่ อะไรๆมันก็ชัดเจนแบบนั้นแหละ

 

แม้จะเป็นการยากที่จะรับมือกับกองกำลังของลอร่า แต่นักบุญหญิงลองวี่นั้นก็ได้ร่ายบัฟสนับสนุนต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่โคตรน่ารำคาญเลยล่ะ

 

เธอก็มักจะใช้เวทย์มนตร์รักษาเพื่อฟื้นฟูของกำลังฝ่ายศัตรูที่ผมพยายามฆ่าให้มันตายอย่างสุดกำลัง

…….พวกยูนิตฮีลเลอร์น่ะเป็นเป้าหมายในการฆ่าก่อนเป็นอันดับแรกใน RPGsอยู่แล้วล่ะ ในโลกนี้ก็ไม่ต่างกัน ไม่สิ ไม่ ผมแน่ใจเลยว่า แม่นั่นน่ะจะต้องก่อปัญหามากมายที่นี่แน่

 

“ฟู่ววว”

ผมใช้ฝ่ามือถูหน้าถูตาตัวเอง จึงสามารถสะบัดความงุนง่วงของตัวเองออกไปจนได้

 

“พวกเขาตะโกนบอกโลกว่า พวกเขามีความชอบธรรมในการทำแบบนี้ด้วยการพานักบุญหญิงมาด้วย”

 

“จากข้อมูลที่ข้าได้มา จักรพรรดิของฟราเคียแอบส่งจดหมายส่วนตัวถึงพวกเขา”

 

“โง่บรมเลย  จักรพรรดิบ้าอะไรที่เต็มใจจะเรียกให้ศัตรูเข้ามาประเทศตัวเองกัน?”

หมอนั่นรู้จักแต่สาธารณรัฐล่ะสิ เอาล่ะ เจ้าความยโสเย่อหยิ่งของจักรพรรดิกำลังนำพาหายนะใหญ่มาสู่ประเทศชาติ

ผมยิ้มเยาะขณะที่ดื่มน้ำส้มสายชูที่เก็บไว้ในกระติกหนัง

 

“ต่อให้เขาสามารถกำราบพวกนิยมสาธารณรัฐได้ด้วยการยืมอำนาจทหารจากบริททานี่ย แล้วเขาจะได้อะไรกันล่ะ? อำนาจของเขานั้นมาได้จากการที่ต้องพึ่งพาอำนาจของต่างชาติ

ไม่มีใครเคารพเขาจากใจจริงกันหรอก จักรพรรดิคนนี้กำลังบีบคอตัวเองอยู่”

 

และที่หนักหนาสาหัสไปกว่านั้น บุคคลที่คุ้มครองผู้นิยมสาธารณรัฐกลับเป็นจักรพรรดินีโดวาเจอร์ แม่ของเขา

ไม่เพียงแต่ทำลายประเทศตัวเอง หากแต่ยังก่อบาปที่อภัยให้ไม่ได้อีกด้วย

อย่างที่คิดไว้จริงๆ ความฉิบหายระดับจักรพรรดิที่เป็นโปรโมชั่นซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง นี่มันผิดกันกับคนทั่วไปจริงๆ

 

ไม่ว่ายังไง ต่อจากนี้ในหนังสือประวัติศาสตร์ก็ต้องจารึกนามขององค์จักรพรรดิไว้ว่าเป็น ราชาผู้โง่เขลาคิดอะไรตื้นๆ

 

 

“อย่างที่พวกเราหารือกันก่อนหน้า พวกเรากำลังจะเดินทางไปแสวงบุญทางเหนือของฟรานเคีย”

 

“รับทราบครับ”

 

ราชินีเฮนริเอตต้าย่อมไม่อยากทำสงครามยืดเยื้ออยู่แล้ว

 

เธอต้องการจะเก็บกวาดผลประโยชน์ในคราวเดียวทั้งหมด ก่อนจะแกล้งปล่อยบางส่วนให้หลุดมือไปโดยเจตนา

หากพวกนิยมกษัตริย์ชนะ พวกสาธารณรัฐนิยมแพ้ เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนพวกเขา นางก็อาจจะยกดินแดนบางส่วนของฟรานเคียให้ นั่นคงเป็นเป้าหมายของราชินีเฮนริเอตต้า

 

 

แต่อย่างไรก็ตาม แม้เธอจะเดินเข้ามาร่วมด้วยได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนออกมันไม่สบายแบบตอนเข้ามาหรอกนะ…….

ผมตั้งใจจะเปลี่ยนฟรานเคียให้กลายปลักโคลน เรามาจมดิ่งกลิ้งเปือกตมไปด้วยกันเถอะ, ราชินี เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่

 

 

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฝ่าบาท เขาไม่ธรรมดาแล้ว”

 

“ใคร ใครไม่ธรรมดาน่ะ?”

 

“เด็กชายที่ฝ่าบาทฝากให้ข้าดูแล”

เอ้อ ผมลืมเรื่องลุคไปเลย

 

ผมมัวแต่เพ่งความสนใจไปที่กับเรื่องของเลราเจ แม้ตอนนี้ก็ยังง่วงอยู่หน่อยๆ ผมส่ายหัวสะบัดความง่วงหงาวหาวนอนที่ยังเหลืออยู่ มันไม่ช่วยเลยแฮะ ดูเหมือนผมต้องจัดการทั้งกับ บริททานี่อย่างระวัง ทั้งสงครามกลางเมืองและเจ้าฮีโร่ในเวลาเดียวกัน

 

“แล้วตอนนี้ลุคทำอะไรอยู่ล่ะ?”

 

“ลูกน้องข้ากำลังสอนดาบเขาอยู่ครับตอนนี้”

 

“หืมม”

ผมนวดแก้มตัวเอง

 

 

“แจ็คเกอรี่ เด็กผู้ชายน่ะ มักจะเปี่ยมไปด้วยความใคร่หื่นกามตั้งแต่อายุ สิบเอ็ดถูกไหม?”

 

“อะไรนะครับ?”

แจ็คเกอรี่กระพริบตาปริบๆด้วยความประหลาดใจ

“……แน่นอนครับ แม้แต่ต้นโอ๊คก็ยังดูเหมือนร่างกายของผู้หญิงเลย สำหรับเขาน่ะ”

 

“ดี ดีมาก ถ้าอย่างนั้นไปเรียก เจเรมิมาที่นี่”

 

เจเรมิมาถึงรถม้าของผมหลังจากที่แจ็คเกอรี่ออกไป เดซี่ยืนอยู่ข้างๆเธอ มันเป็นความสัมพันธ์เหมือนอาจารย์-ลูกศิษย์ ดูเหมือนเดซี่จะกลายเป็นผู้ช่วยของเจเรมิแล้ว เดซี่ยังคงมองผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย ผมล่ะสงสัยจริงๆว่า แม่เด็กนี่จะปั้นหน้าแบบนี้ไปอีกนานไหม

 

แล้วเจเรมิก็พูดขึ้น

 

“ฝ่าบาท ได้ยินว่า ท่านเรียกหาฉัน”

 

“แน่ล่ะ ข้าเรียกเจ้ามาเอง ดำเนินแผนการตามที่ข้าบอกเจ้าไว้เมื่อวานนี้”

 

“โอ้ ที่รัก ฝ่าบาทช่างรีบร้อนเหลือเกิน”

 

เธอยิ้มกว้างออกมา การที่ได้เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายยิ้มแฉ่งออกมานี่ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องมโนไปเองของผมแน่ๆ

 

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ฉันก็ควรจะไปได้แล้ว วันนี้มีเท่านี้ใช่ไหมคะ?”

 

“แค่นั้นแหละ บอกแจ็คเกอรี่ด้วยว่านี่เป็นคำสั่งของข้า แล้วอยากทำอะไรเจ้าก็ทำ”

 

“ฟุฟุ ดูเหมือนการที่ฉันกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาได้แบบนี้นี่ต้องขอบคุณฝ่าบาทจริงๆ”

เจเรมิหันไปพลางหัวเราะ เดซี่ก็หันตามอาจารย์ตัวเอง เจเรมิโบกมือให้เธอ

 

 

“อ้า เธอไม่ต้องตามฉันมาหรอก อยู่กับฝ่าบาทเถอะวันนี้ ท่านน่ะต้องการเธอ”

 

“……รับทราบค่ะ”

เดซี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอผงกหัวรับคำสั่งอย่างว่าง่าย

ตอนนี้เหลือเพียงผมกับเดซี่ หลังจากเจเรมิเดินจากไป

 

 

ผมลูบหัวเดซี่เบาๆ อย่างช้าๆ ราวกับผมกำลังดื่มด่ำกับการสัมผัสเส้นผมของเธอ  เดซี่กลับพยายามแสดงสีหน้าไร้อารมณ์มากขึ้นอีก ราวกับคิดไว้ว่า ผมจะพอใจถ้าหากเห็นเธอแสดงอารมณ์ออกมาเล็กน้อย ช่างเป็นเด็กที่น่าผิดหวังอะไรอย่างนี้

 

“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วนี่ ว่าจะไม่มีทางให้อภัยเจ้า ถูกไหม?”

 

“…….”

 

“รออยู่นี่ก่อน แล้วจะมีอะไรบางอย่างน่าที่สนใจเกิดขึ้น”

ผมยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 187 เส้นทางแห่งการแสวงบุญ (2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 187 เส้นทางแห่งการแสวงบุญ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

* * *

 

 

จะเป็นไปได้อย่างไรกันกับการที่อยู่ชาติใดชาติหนึ่งไม่เคยได้รับความเกลียดชังจากชาติอื่น?

 

จะเป็นไปได้อย่างไรกันกับการที่ชาติใดชาติหนึ่งไม่เคยดูหมิ่นดูแคลนจักรพรรดิ ชนชั้นขุนนาง หรือแม้แต่ชาวบ้านสามัญชนของชาติอื่น?

 

แนวคิดเรื่อง ความชอบและความชัง มิใช่สิ่งใหม่ในทวีปที่มีหลากหลายชาติประเทศที่ต่างฝ่ายต่างมีความแตกแยกอยู่ก่อนแล้ว

 

จักรวรรดิฟรานเคีย และราชอาณาจักรบริททานี่นั้นมิใช่ว่าจะอยู่ๆก็มาเคียดแค้นชิงชังกันขึ้นมาเสียเฉยๆ พวกเขาได้ก่อร้างสร้างประวัติศาสตร์แห่งความจงเกลียดจงชังยั่วยุกันและกันจนกลายเป็นศัตรูตัวร้ายต่อกัน

เมื่อฟรานเคียจะทะเลาะวิวาทกับประเทศใด บริททานี่ก็จะยื่นมือเข้ามาอยู่เบื้องหลังฝ่ายนั้นด้วย นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ฟรานเคียยิ่งเกลียดชังดูแคลนบริททานี่มากขึ้นไปอีก

ดังนั้นแล้ว

 

“ดูนี่สิ นักบุญหญิงแจ็กเกอลีน(Saintess Jacqueline) จักรพรรดิส่งจดหมายมาให้ข้าด้วยแหละ”

 

ราชินีแห่งบริททานี่,เฮนริเอตต้า (The Queen of Brittany, Henrietta) ระเบิดหัวเราะออกมาขณะนั่งอยู่บนหลังม้า ผมสีแดงเหมือนดั่งเลือดสดพริ้วไสว

 

ในฐานะราชินี เธอเป็นผู้ที่ซื่อสัตว์และเปิดเผยอารมณ์ตนอย่างมาก ข้าราชบริพานรู้ดีว่านั่นเป็นหนึ่งในเสน่ห์ของพระนาง

 

“โอ้? น่าสนใจดีนี่”

แจ็กเกอลีน ลองวี่(Jacqueline Longwy) นักบุญหญิงแห่งเทพีเอเธน่า รับจดหมายมา

 

“ให้ผู้น้อยนี้ได้อ่านจากหายจากองค์พระจักรพรรดิด้วยเถิด…….”

 

นักบุญหญิงอ่านจดหมายออกเสียงขณะที่ลูบถูปอยผมเปียข้างที่แสนงดงาม

พูดอีกอย่างก็คือ นักบุญหญิงแจ็กเกอลีนนั้นถือจดหมายด้วยมือซ้ายข้างเดียวและอ่านออกมาดังๆด้วยท่าทางที่แสดงถึงความไม่เคารพ 

มีชนชั้นสูงอยู่รอบเธอถึง 12 นาย แต่ไม่มีใครใส่ใจท่าทางอันหยาบคายของนักบุญหญิง

 

 

 

“โอ องค์ราชินีเอ๋ย! เมื่อเร็วมานี้ เหล่าอันธพาลผู้อุกอาจได้เริ่มต้นก่อความวุ่นวายในจักรวรรดิแห่งข้า และราชอาณาจักรแห่งเจ้า……. 

แหม๊ แหม๋ ที่รัก อันธพาลผู้อุกอาจหรือคะ? ฮุฮุ คนที่โดนเรียกแบบนั้นเข้าคงจะเสียใจแย่เลย”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

ผู้คนรอบข้างต่างหัวร่อ บุคคลที่จักรพรรดิกล่าวถึงว่าเป็น อันธพาลผู้อุกอาจนั้นไม่ใช่ใครอื่นใดนอกจากแม่ของเขาเอง

แม้ดูเผินๆจะเป็นจดหมายต่อรองทางการทูต แต่ก็เห็นได้ชัดว่า มันสื่อนัยยะถึงการใส่ไคล้ป้ายสี

นักบุญหญิงแจ็กเกอลีนกระแอมเคลียร์ลำคอตัวเองก่อนจะอ่านต่อ

 

 

“……ตั้งแต่อาณาจักรเจ้าถึงจักรวรรดิของข้า เจ้าได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ข้า ตอนนั้นเองที่เจ้าเลือกที่จะอยู่ฝ่ายข้า 

เจ้าพวกอันธพาลพวกนั้นไม่เพียงแต่ตะลอนไปทั่วแคว้นแดนดิน ไม่เพียงแต่คอยกัดกร่อนอำนาจของข้าและเหล่าข้าราชบริพารของข้า พวกมันยังขโมยความมั่งคั่งของข้าและนำมันมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน”

น้ำเสียงของจักรพรรดินั้นแสดงความเห็นถึงพวกสาธารณรัฐนิยมอย่างเห็นได้ชัด

ว่าโดยย่อ พวกสาธารณรัฐนิยมนั้นไร้ประโยชน์ต่อการส่งเสริมอำนาจของเขา และไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าหัวขโมยที่ขโมยเงินของจักรพรรดิ

 

“และตอนนี้เจ้าอันธพาลพวกนั้นก็เผยธาตุแท้ออกมาแล้วว่าต้องการจะยึดครองจักรวรรดิ 

พวกมันเป็นเหมือนดั่งเม่นที่ลักขโมยจากถ้ำงู หรือเป็นอย่างโจรที่ทำปล้นแล้วสวมรอยทำตัวเป็นเจ้าบ้านแทน

ข้ามองไปทางใดก็เห็นแต่การต่อต้านและความไม่จงรักภักดี สิ่งนี้ทำให้ใจข้ามืดหม่น”

 

“หืมม ดูเหมือนองค์จักรพรรดิจะไม่ใช่คนเจ้าบทเจ้ากลอนเลย”

 

ราชินีเฮนริเอตต้าหัวเราะคิด นักบุญหญิงแจ็กเกอลีนนั้นผงกหัว

 

ผู้หญิงทั้งสองคนนั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยนเด็กโดยไม่สนใจฐานะและชอบยั่งล้อผู้ชายเล่น พวกเธอทั้งคู่ได้จดหมายรักรวมจนถึงตอนนี้ก็เกือบ 400 ฉบับ

 

 

“……ถึงอย่างนั้น ทั้งเจ้าและจ้าก็เป็นดั่งเพื่อนใต้ผืนฟ้าเดียวกัน

ถึงแม้จะมีคำกล่าวว่า เทพีนั้นนั้นสร้างให้จักรวรรดิของข้าและราชอาณาจักรของเจ้าเป็นศัตรูกันมาตลอดช่วงอายุประวัติศาสตร์ก็ตาม

เป็นไปได้หรือไม่ว่า สวรรค์ต้องการจะหักล้างสิ่งนั้นแล้วให้พวกเราร่วมมือกันในท้ายที่สุด? ข้าจึงอยากขอความร่วมมือจากเพื่อนของข้าผู้นี้…….”

 

นักบุญหญิงแจ็กเกอลีนโยนจดหมายทิ้ง

 

 

ราชินีเฮนริเอตต้าคว้ามันไว้ ก่อนจะโยนมันทิ้งไป เธอคุมม้าให้เดินวนไปรอบๆ มีขุนนางชนชั้นสูง 12 นายสวมเกราะเบาอยู่รอบกายราชินี 

หากเปรียบเป็นกำแพงป้อมปราการ นี่คงเป็นดั่งเมืองชั้นในสุด

 

รอบกายของชนชั้นสูงทั้งหลายนั้นก็เป็นอัศวินผู้อยู่ใต้บัญชาการ อัศวินผู้มีหอกยาวพร้อมกับธงตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลปลิวไสวอย่างองอาจในสายลม โดยมีปลายหอกเป็นพื้นหลัง นั่นคือ กำแพงป้อมปราการชั้นที่สองขององค์ราชินี

 

รอบกายอัศวินเหล่านั้น กว้างออกไปในที่ราบ มีทหารราว  10,000 นาย ที่พร้อมปฏิบัติคำสั่งของนายพล ยืนอยู่รูปขบวนอย่างเป็นระเบียบ นั่นคือ กำแพงป้อมปราการชั้นที่สามขององค์ราชินี สิ่งนี้เป็นเหมือนดั่งเมืองชั้นนอกที่จะทำลายภัยคุกคามใดๆที่มาจากภายนอกให้สิ้นซาก

 

“บุตรและบุตรีแห่งบริททานี่ทั้งหลายเอ๋ย!”

 

ราชินีเฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่ มองลงไปยังแนวกำแพงของตนทั้งสามชั้น นักเวทย์ที่ได้เตรียมการณ์รอท่าอยู่ก่อนแล้วนั้นได้ขยายสุรเสียงของราชินี น้ำเสียงที่ทรงพลังของเฮนริเอตต้าสะท้อนก้องไปทั่วทั้งทุ่งราบ

 

 

“ในวันนี้ พวกเราจะเข้าไปในจักรวรรดิกัน แต่มิใช่ในฐานะผู้รุกราก มิใช่ในฐานะโจรปล้นฆ่า หรือมิใช่ในฐานะคนทรยศ

นี่คือ จดหมายของผู้นำสูงสุดของฟรานเคีย ที่รับรองการเดินทัพของพวกเรา!”

ราชินีผมสีแดงสการ์เล็ทยกมือขึ้นมาอย่างเข้มแข็ง

 

“ไม่มีสิ่งใดใต้ผืนฟ้านี้จะมาขวางทางเจ้า 

ความลังเลสงสัยจะเป็นพันธนาการแก่มือทั้งสองข้างของเจ้า 

สิ่งล่อใจต่างๆจะทำให้กั้นขวางเสียงกู่ร้องคำรามอันทรงพลังของเจ้า

แต่ถึงอย่างนั้น บุตรและบุตรีแห่งบริททานี่เอ๋ย!

ตัวข้า เฮนริเอตต้า ขอยืนยันว่า พวกเจ้านั้นมีความชอบธรรม

 

จงทำลายล้างศัตรูโดยไม่ลังเล อย่าได้หลงไหลไปกับสิ่งยั่วยวนใจ และจงฟังทุกคำสั่งอย่างเคร่งครัด สิ่งเดียวที่พวกเราต้องการคือ ความเป็นหนึ่งเดียวกัน!

บริททานี่―หนึ่งเดียวกัน!”

 

ทหารทั้งหลายต่างรอบรับ ราชินีผู้งดงามและทรงพลังด้วยเสียงเชียร์ 

เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่ ร่วมมือกับขุนนางชนชั้นสูงจำนวนมากเพื่อก้าวขึ้นสู้บัลลังค์ แต่ถึงอย่างนั้นเธอเองก็ลงดาบชนชั้นสูงที่ปฏิเสธจะร่วมมือกับเธอด้วยเช่นกัน

ทหารทั้ง  10,000 นาย ต่างเป็นประจักษ์พยานรู้ดีว่า องค์ราชินีนั้นไร้ความปรานียามเมื่อต้องย่ำยีบีฑาศัตรูของพระนาง

ทหารบางคนก็เชื่อว่า เฮนริเอตต้านั้นเป็นร่างทรงของเทพีแห่งสงคราม พวกเขาให้ความเคารพนับถือราชินีผู้มีเรือนผมสีแดงเพลิง

 

“หนึ่งเดียวกัน! หนึ่งเดียวกัน!”

 

“ความรุ่งโรจน์แด่บริททานี่!”

 

“ความรุ่งโรจน์จงมีแด่องค์ราชินี―!”

 

ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความไปกว่านี้อีกแล้ว

เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่ ควบม้าวนไปรอบๆ

 

กรั่บ เสียงฝีเท้าม้าศึกของเฮนริเอตต้าที่ย่ำไปเบื้องหน้า ราชินีนั้นได้ก้าวข้ามเส้นเขตแดนระหว่าง ราชอาณาจักรบริททานี่กับจักรวรรดิฟรานเคีย

ไม่มีเส้นขีดเขียนบนพื้นนั้น แต่ราชินีก็ได้เหยียบย่างเข้าไปในดินแดนจักรวรรดิอย่างแน่นอน ทุกคนตระหนักรับรู้ถึงเรื่องนั้นเป็นอย่างดี

 

ไม่นานนัก ขุนนางระดับสูงทั้งสิบสอง,อัศวิน,และทหารนับพันนาย ได้เดินข้ามแนวชายแดนไป นักบุญหญิงแจ็กเกอลีน ลองวี่ ขับร้องออกมา

 

“อ่าาาา―”

 

เสียงดนตรีอันไพเราะได้หลั่งไหลออกจากริมฝีปากของนักบุญหญิง มันทั้งศักดิ์สิทธิ์ สง่างามและยังสูงส่ง มันให้บรรยากาศเฉกเช่นนักรบหญิง

 

เสียงเพลงขับกล่อมแด่เทพีเอเธน่าเป็นดั่งเป็นเพลงสดุดีของพวกเขา พลังของเวทย์มนตร์ที่ยืมมาใช้เพื่อขับร้องนั้นดังก้องอยู่ในหัวของทหารทุกนาย องค์เทพีกำลังประทานพรแก่พวกเขา…….

 

 

 

กองทัพหลวงของราชอาณาจักรบริททานี่ 9,000 นาย ภายใต้การบัญชาการของเฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่ กำลังรุกคืบเข้าไป

 

* * *

 

 

ผมแทบจะหลับในทันทีที่กลับมา หลังจากลับสมองประลองปัญญากับเลราเจ

ดูเหมือนผมจะเหนื่อยว่าที่ตัวเองคิดไว้เสียอีก ผมจึงงีบหลักสักหน่อย ผมที่อยู่โดดเดี่ยวในรถม้าก็ลืมตาขึ้น โดยไม่มีใครปลุกผม ว่าแต่นั่นเป็นน้ำใจที่ไม่มีใครปลุกผมสินะ……?

 

ตอนที่ผมเดินออกจากรถม้าก็ได้รับข้อมูลใหม่

 

“กองทัพหลวงของบริททานี่ข้ามแนวชายแดนมาแล้วครับ”

 

แจ็กเกอรี่รายงานด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า ทหารเบรอตาญเกือบ 10,000 นายได้เดินทัพ

 

“นักบุญหญิงก็ได้เข้าร่วมกองทัพด้วยครับ แจ็กเกอลีน ลองวี่ ผู้บูชาเทพีเอเธน่า”

 

“แม่นั่นไม่น่าจะเป็นนักบุญหญิงที่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องสกปรกทางการเมืองแบบนี้นี่…….”

 

นักบุญหญิง ลองวี่ นั้นปรากฏตัวในฐานะศัตรูใน <Dungeon Attack> พระเอกของเกมอยู่ฝ่ายจักรวรรดิฮับบวร์กจึงต้องสู้รบกับบริททานี่ อะไรๆมันก็ชัดเจนแบบนั้นแหละ

 

แม้จะเป็นการยากที่จะรับมือกับกองกำลังของลอร่า แต่นักบุญหญิงลองวี่นั้นก็ได้ร่ายบัฟสนับสนุนต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่โคตรน่ารำคาญเลยล่ะ

 

เธอก็มักจะใช้เวทย์มนตร์รักษาเพื่อฟื้นฟูของกำลังฝ่ายศัตรูที่ผมพยายามฆ่าให้มันตายอย่างสุดกำลัง

…….พวกยูนิตฮีลเลอร์น่ะเป็นเป้าหมายในการฆ่าก่อนเป็นอันดับแรกใน RPGsอยู่แล้วล่ะ ในโลกนี้ก็ไม่ต่างกัน ไม่สิ ไม่ ผมแน่ใจเลยว่า แม่นั่นน่ะจะต้องก่อปัญหามากมายที่นี่แน่

 

“ฟู่ววว”

ผมใช้ฝ่ามือถูหน้าถูตาตัวเอง จึงสามารถสะบัดความงุนง่วงของตัวเองออกไปจนได้

 

“พวกเขาตะโกนบอกโลกว่า พวกเขามีความชอบธรรมในการทำแบบนี้ด้วยการพานักบุญหญิงมาด้วย”

 

“จากข้อมูลที่ข้าได้มา จักรพรรดิของฟราเคียแอบส่งจดหมายส่วนตัวถึงพวกเขา”

 

“โง่บรมเลย  จักรพรรดิบ้าอะไรที่เต็มใจจะเรียกให้ศัตรูเข้ามาประเทศตัวเองกัน?”

หมอนั่นรู้จักแต่สาธารณรัฐล่ะสิ เอาล่ะ เจ้าความยโสเย่อหยิ่งของจักรพรรดิกำลังนำพาหายนะใหญ่มาสู่ประเทศชาติ

ผมยิ้มเยาะขณะที่ดื่มน้ำส้มสายชูที่เก็บไว้ในกระติกหนัง

 

“ต่อให้เขาสามารถกำราบพวกนิยมสาธารณรัฐได้ด้วยการยืมอำนาจทหารจากบริททานี่ย แล้วเขาจะได้อะไรกันล่ะ? อำนาจของเขานั้นมาได้จากการที่ต้องพึ่งพาอำนาจของต่างชาติ

ไม่มีใครเคารพเขาจากใจจริงกันหรอก จักรพรรดิคนนี้กำลังบีบคอตัวเองอยู่”

 

และที่หนักหนาสาหัสไปกว่านั้น บุคคลที่คุ้มครองผู้นิยมสาธารณรัฐกลับเป็นจักรพรรดินีโดวาเจอร์ แม่ของเขา

ไม่เพียงแต่ทำลายประเทศตัวเอง หากแต่ยังก่อบาปที่อภัยให้ไม่ได้อีกด้วย

อย่างที่คิดไว้จริงๆ ความฉิบหายระดับจักรพรรดิที่เป็นโปรโมชั่นซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง นี่มันผิดกันกับคนทั่วไปจริงๆ

 

ไม่ว่ายังไง ต่อจากนี้ในหนังสือประวัติศาสตร์ก็ต้องจารึกนามขององค์จักรพรรดิไว้ว่าเป็น ราชาผู้โง่เขลาคิดอะไรตื้นๆ

 

 

“อย่างที่พวกเราหารือกันก่อนหน้า พวกเรากำลังจะเดินทางไปแสวงบุญทางเหนือของฟรานเคีย”

 

“รับทราบครับ”

 

ราชินีเฮนริเอตต้าย่อมไม่อยากทำสงครามยืดเยื้ออยู่แล้ว

 

เธอต้องการจะเก็บกวาดผลประโยชน์ในคราวเดียวทั้งหมด ก่อนจะแกล้งปล่อยบางส่วนให้หลุดมือไปโดยเจตนา

หากพวกนิยมกษัตริย์ชนะ พวกสาธารณรัฐนิยมแพ้ เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนพวกเขา นางก็อาจจะยกดินแดนบางส่วนของฟรานเคียให้ นั่นคงเป็นเป้าหมายของราชินีเฮนริเอตต้า

 

 

แต่อย่างไรก็ตาม แม้เธอจะเดินเข้ามาร่วมด้วยได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนออกมันไม่สบายแบบตอนเข้ามาหรอกนะ…….

ผมตั้งใจจะเปลี่ยนฟรานเคียให้กลายปลักโคลน เรามาจมดิ่งกลิ้งเปือกตมไปด้วยกันเถอะ, ราชินี เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่

 

 

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฝ่าบาท เขาไม่ธรรมดาแล้ว”

 

“ใคร ใครไม่ธรรมดาน่ะ?”

 

“เด็กชายที่ฝ่าบาทฝากให้ข้าดูแล”

เอ้อ ผมลืมเรื่องลุคไปเลย

 

ผมมัวแต่เพ่งความสนใจไปที่กับเรื่องของเลราเจ แม้ตอนนี้ก็ยังง่วงอยู่หน่อยๆ ผมส่ายหัวสะบัดความง่วงหงาวหาวนอนที่ยังเหลืออยู่ มันไม่ช่วยเลยแฮะ ดูเหมือนผมต้องจัดการทั้งกับ บริททานี่อย่างระวัง ทั้งสงครามกลางเมืองและเจ้าฮีโร่ในเวลาเดียวกัน

 

“แล้วตอนนี้ลุคทำอะไรอยู่ล่ะ?”

 

“ลูกน้องข้ากำลังสอนดาบเขาอยู่ครับตอนนี้”

 

“หืมม”

ผมนวดแก้มตัวเอง

 

 

“แจ็คเกอรี่ เด็กผู้ชายน่ะ มักจะเปี่ยมไปด้วยความใคร่หื่นกามตั้งแต่อายุ สิบเอ็ดถูกไหม?”

 

“อะไรนะครับ?”

แจ็คเกอรี่กระพริบตาปริบๆด้วยความประหลาดใจ

“……แน่นอนครับ แม้แต่ต้นโอ๊คก็ยังดูเหมือนร่างกายของผู้หญิงเลย สำหรับเขาน่ะ”

 

“ดี ดีมาก ถ้าอย่างนั้นไปเรียก เจเรมิมาที่นี่”

 

เจเรมิมาถึงรถม้าของผมหลังจากที่แจ็คเกอรี่ออกไป เดซี่ยืนอยู่ข้างๆเธอ มันเป็นความสัมพันธ์เหมือนอาจารย์-ลูกศิษย์ ดูเหมือนเดซี่จะกลายเป็นผู้ช่วยของเจเรมิแล้ว เดซี่ยังคงมองผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย ผมล่ะสงสัยจริงๆว่า แม่เด็กนี่จะปั้นหน้าแบบนี้ไปอีกนานไหม

 

แล้วเจเรมิก็พูดขึ้น

 

“ฝ่าบาท ได้ยินว่า ท่านเรียกหาฉัน”

 

“แน่ล่ะ ข้าเรียกเจ้ามาเอง ดำเนินแผนการตามที่ข้าบอกเจ้าไว้เมื่อวานนี้”

 

“โอ้ ที่รัก ฝ่าบาทช่างรีบร้อนเหลือเกิน”

 

เธอยิ้มกว้างออกมา การที่ได้เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายยิ้มแฉ่งออกมานี่ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องมโนไปเองของผมแน่ๆ

 

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ฉันก็ควรจะไปได้แล้ว วันนี้มีเท่านี้ใช่ไหมคะ?”

 

“แค่นั้นแหละ บอกแจ็คเกอรี่ด้วยว่านี่เป็นคำสั่งของข้า แล้วอยากทำอะไรเจ้าก็ทำ”

 

“ฟุฟุ ดูเหมือนการที่ฉันกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาได้แบบนี้นี่ต้องขอบคุณฝ่าบาทจริงๆ”

เจเรมิหันไปพลางหัวเราะ เดซี่ก็หันตามอาจารย์ตัวเอง เจเรมิโบกมือให้เธอ

 

 

“อ้า เธอไม่ต้องตามฉันมาหรอก อยู่กับฝ่าบาทเถอะวันนี้ ท่านน่ะต้องการเธอ”

 

“……รับทราบค่ะ”

เดซี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอผงกหัวรับคำสั่งอย่างว่าง่าย

ตอนนี้เหลือเพียงผมกับเดซี่ หลังจากเจเรมิเดินจากไป

 

 

ผมลูบหัวเดซี่เบาๆ อย่างช้าๆ ราวกับผมกำลังดื่มด่ำกับการสัมผัสเส้นผมของเธอ  เดซี่กลับพยายามแสดงสีหน้าไร้อารมณ์มากขึ้นอีก ราวกับคิดไว้ว่า ผมจะพอใจถ้าหากเห็นเธอแสดงอารมณ์ออกมาเล็กน้อย ช่างเป็นเด็กที่น่าผิดหวังอะไรอย่างนี้

 

“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วนี่ ว่าจะไม่มีทางให้อภัยเจ้า ถูกไหม?”

 

“…….”

 

“รออยู่นี่ก่อน แล้วจะมีอะไรบางอย่างน่าที่สนใจเกิดขึ้น”

ผมยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+