Dungeon Defense (WN) 188 เส้นทางแห่งการแสวงบุญ (3)
WARNING: NSFW CONTENT.
Please be advised that the following chapter has 18+ sexual material and should be exclusively reserved for a mature audience.
You have been warned.
เดซี่มองผมด้วยดวงตาสีดำคู่นั้น ก่อนจะพูดขึ้น
“ท่านชื่ออะไร?”
“หืมม?”
“ท่านบอกว่า ชื่ออันโดรมาลิอุส ตอนที่เราพบกันครั้งแรกหลังจากนั้นท่านก็บอกว่า ชื่อดันทาเลี่ยน คราวนี้ก็บอกว่าชื่อ จอร์น โบล”
ดวงตาของเธอแสดงการต่อต้านออกมา มันไม่ใช่การต่อต้านเพียงเพราะไม่อยากยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ในดวงตาของเธอมันเปี่ยมไปด้วยความแน่วแน่
“หนูจะเรียกท่านว่าอะไร?”
“เรียกข้าง่ายๆว่า ดันทาเลี่ยน”
“ดันทาเลี่ยน”
เดซี่เปิดปากถาม
“นั่นใช่ชื่อจริงของท่านเหรอ?”
“ถูกต้อง”
“……ดันทาเลี่ยน”
เธอบ่นพึมพัมราวกับต้องการจะสลักการสะกดเสียงนั้นลงไปที่ลิ้น ผมพอใจที่เห็นอย่างนั้น ไม่มีอะไรสร้างความภาคภูมิใจให้คุณได้มากกว่าการที่คุณเห็นว่าใครสักคนให้ความสำคัญกับตัวคุณ แม้คนๆนั้นตั้งใจจะฆ่าคุณก็ตาม
“ถูกต้องแล้ว ดันทาเลี่ยน อีหนูจากหมู่บ้านเรเลี่ยน”
ผมหัวเราะคิกก่อนจะดึงไปป์ออกมา
มันเป็นของที่ผมขอมาจากเจเรมิ ผมหยิบสมุนไพรแล้วจุดมันด้วยหินจุดไฟ กลิ่นของมันลอยอยู่รอบจมูก
ฟูววว ผมพ่นควันออกมา กลิ่นมันดีมาก เจเรมิเล่าให้ฟังว่า นี่เป็นสมุนไพรคุณภาพสูงที่นักเล่นแร่สกัดเองกับมือ ดูเธอจะภูมิใจกับของขวัญชิ้นนี้ที่มอบให้ผม แต่แน่นอนแหละมันเป็นเรื่องที่น่าอวดจริงๆ
“ต่อหน้าคนอื่นเรียกข้าว่า นายท่าน แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าก็เป็นลูกบุญธรรม ดังนั้นถ้าจำเป็นเจ้าก็เรียกข้าว่า พ่อ
ดังนั้นจงเรียกข้าว่า พ่อเวลาเข้าไปในเมืองหรือในสถานที่ที่มีคุ้นไม่รู้จักอยู่รอบข้าง”
“พ่อ หรือคะ?”
เดซี่ยิ้มอย่างเงียบเชียบ มันเป็นรอยยิ้มที่แสดงออกมาตอนที่อยู่ในหมู่บ้านร้างนั่น
ว่าง่ายๆมันเป็นรอยยิ้มที่แสดงว่า ผมรับรู้การมีตัวตนอยู่ของเธอ เพียงไม่กี่วันหลังผ่าตัดสลักตราทาส เธอก็กลับสู่สภาวะปกติแล้ว
“อะไรกัน? ไม่อยากให้ข้าเป็นพ่อเจ้ารึ?”
“หนูไม่เชื่อว่าจะมีพ่อคนไหนที่จะทำร้ายลูกสาวหนักขนาดนั้น”
“ลูกสาวที่พยายามฆ่าพ่อตอนหลับก็ไม่มีด้วยเช่นกัน แหม พวกเราออกจะเป็นครอบครัวที่ยอดเยี่ยมเสียจริงๆ”
หลังจากพูดคุยหยอกล้อพอสมควรก็ได้เวลาเริ่มแล้ว
ผมหยิบขวดแก้วขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าในชุดนักบวช
“อ้าปาก แลบลิ้นออกมา”
“ขอถามได้ไหมว่า นั่นคืออะไร?”
“ยาปลุกเซ็กส์ สามหยดก็เพียงพอจะให้เจ้าตื่นตัวไปทั้งวัน”
เดซี่สบถในลำคออย่างขยะแขยง
“มาตอนนี้ท่านก็ให้ลูกสาวตัวเองดื่มยาปลุกเซ็กส์? ดูเหมือนท่าจะเป็นพ่อที่น่าประทับใจจริงๆ ช่างเป็นเกียรติกับหนูมากเลยค่ะ โอ ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่”
“โลกใบนี้รู้อยู่แล้วว่า ข้าน่าประทับใจเพียงไรโดยที่เจ้าไม่จำเป็นต้องสรรเสริญเยินยอข้า เปิดปากได้แล้ว”
“…….”
เดซี่เผยอริมฝีปากเล็กๆ ลิ้นสีแดงของเธอแลบออกมา ผมก้มตัวลงให้สูงระดับเดียวกันกับเธอก่อนจะหยดยาลงไปสองหยดลงที่ลิ้นอย่างแม่นยำ
หยดสีม่วงกระจายไปทั่วลิ้นของเธอในทันที รสชาติมันต้องประหลาดแน่จึงทำให้เดซี่นั้นคิ้วขมวด
“ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็อย่าส่งเสียงออกมา นี่เป็นคำสั่ง”
“เข้าใจแล้วค่ะ ท่านพ่อ”
ในสามตัวเลือก ดันทาเลี่ยน,นายท่านและท่านพ่อ ดูเหมือนเธอชอบตัวเลือกอย่างหลังมากที่สุด
ความจริงเธอไม่ได้ตั้งใจที่จะปฏิบัติกับผมเหมือนเป็นพ่อ เธอน่ะอยากจะยั่วโมโหผม แล้วเป็นยังไงล่ะ ความรู้สึกที่ถูกเรียกว่าพ่อ?
เจ้าเด็กน่ารังเกียจเอ๊ย
ผมโอบสะโพกแล้วลากตัวเธอเข้าไปในป่าข้างถนน มีทหารรับจ้างหลายคนเห็นพวกเราแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
ไม่มีใครพูดทั้งนั้น
* * *
ต้นไม้ขึ้นหนาทึบ ฤดูใบไม้ผลิเบ่งบานรอบตัวพวกเรา
กิ่งของต้นไม้ปกคลุมท้องฟ้าราวกับใยแมงมุม ส่วนแสงอาทิตย์ก็พยายามจะหลบเลี่ยงเส้นใยพวกนั้นเพื่อลงมาให้ถึงผืนดิน
มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดอะไรต่อมิอะไรขึ้นในป่า ทั้งการข่มขืนและการฆ่าต่างแต้มเปื้อนต้นไม้พวกนั้นหลายต่อหลายครั้ง
ต้นไม้ที่อยู่ในป่าต่างเห็นอะไรต่อมิอะไรมากมายนัก พวกมันยังคงอยู่ต่อไปได้เพราะพวกมันรู้วิธีที่จะไม่พูดอะไร
ผู้คนต่างเชื่อว่า ต้นไม้นั้นพูดไม่ได้ พวกเขาเชื่อว่าอย่างนั้นเพราะต้นไม้ไม่เคยพูดกับพวกเขามาก่อน เหตุผลง่ายๆที่ผู้คนต่างเชื่อว่าต้นไม้พูดไม่ได้ก็เพราะต้นไม้ไม่อาจรู้สึกนึกคิด
พวกเขาเชื่อสุดใจ โดยไม่มีม่านหมอกแห่งความลังเลสงสัย เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตที่คิดเป็นรู้สึกได้ก็ต้องพยายามสื่อสารกับพวกเขา
แต่ถึงอย่างนั้นผู้คนก็ไม่กล้า จูบ สบถสาบาน โกหก วางแผนชั่ว ฆาตกรรมและข่มขืน ต่อหน้าคนอื่นแต่กลับทำเป็นปรกติเมื่ออยู่ในหมู่ต้นไม้
……. จะบอกได้ยังไงว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างใต้ร่มเงาต้นไม้ล่ะ ในเมื่อมันเยอะไปหมด
ก็พอจะเป็นเหตุให้เข้าใจได้ว่า ทำไมป่าถึงยังคงเงียบงันอยู่เช่นนั้น หากใครสักคนอยากจะกลายเป็นต้นไม้ พวกเขาก็ต้องรู้จักหุบปากหลังจากได้กลิ่นน้ำกามและคาวเลือดมากมาย
“……ฮ่าาห์”
ไม่นานเท่าไหร่นัก เดซี่ก็เริ่มหายใจหอบหนัก คอที่เคยขาวตอนนี้ก็กลับเป็นสีแดง พวกเราก็แค่เดิน แต่ยิ่งนานไปนานไปเดซี่ก็ค่อยๆตัวแข็งเกร็งจนถึงจุดที่เห็นได้ชัด เราจะไม่ถึงขนาดที่ทำให้เดซี่เดินต่อไปไม่ไหว
นี่เป็นเพราะมีอะไรสั่นไหวในร่าง แล่นขึ้นไขสันหลังทุกอย่างก้าวที่เธอเดินหรือเปล่านะ?
ไหล่ของเดซี่นั้นกะเพื่อมสั่นทุกครั้งราวกับกระแสไฟฟ้าไหลผ่านตัวเธอ เสียงครางของเธอนั้นพยายามเล็ดไหล ออกมาระหว่างช่องว่างของปากกับฟัน
“เอาล่ะ เรามาถึงแล้ว”
ผมหยุดเดินแล้วคุดคู้หมอบลง ผมกดหลังเดซี่ให้เธอนั่งข้างๆด้วยเช่นกัน
เดซี่เผลอร้องครางออกมาครั้งหนึ่งตอนที่ผมออกแรงกดหลังเธอ
“ เดซี่ ดูตรงนี้”
ผมชี้ไปที่กองใบไม้แห้ง เดซี่มองตามที่ผมชี้ด้วยแววตาเลื่อนลอย เหมือนกับเธอไม่อาจรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเธอได้เลยแม้แต่น้อย
“……!”
ดวงตาของเดซ๊่เบิกกว้างช้าไปสักหน่อย ดูเหมือนเธอจะไม่รู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าที่จู่โจมไปทั่วทั้งร่าง ในที่สุดเธอก็ได้ยินเสียงมาจากทิศทางนั้นในตอนนี้
เจเรมิและลุคอยู่ใต้กองใบไม้แห้งกัน
“พี่ครับ ได้โปรดเถอะ ผมไม่ไหว……!”
“แหมที่รัก ของเจ้าออกจะใหญ่เกินเด็กไปหน่อยนะ หืม? นี่เจ้าเลือกจะโตขึ้นมาแบบนี้น่ะเหรอ?”
ลุคนั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่ง
กางเกงของเขาถลกลง และเผยให้เห็นน้องชายที่ใหญ่เกินเด็กชายวัย 11 ปี
เจเรมินั้นเปลือยท่อนบนและเล่นอยู่กับมัน เธอนวดน้องชายของลุคด้วยหน้าอก
“เอาจริงหรือเนี่ย น้องชายเจ้าไม่ได้บอกอย่างนั้นนะ เจ้ายังคงคึกคักแข็งแรงแม้จะแตกไปสองครั้งแล้ว เจ้านี่คู่ควรต่อการแหย่เล่นจริงๆ”
“ก่อนหน้านี้ผมแตกไปแล้ว……! อึก, ทำไมล่ะครับ……!”
“จะแตกอีกแล้วสินะ? เจ้าจะแตกอีกแล้วใช่ไหม? ฟุฟุ ที่ปลายหัวน่ะรู้สึกเลยล่ะสิ?”
“อะ-อีกแล้ว……ฮิก, อีกแล้ว……!”
ลุคนั้นไม่อาจกลั้นทนคลื่นแห่งความพึงพอใจได้ ในเมื่อนั้นเป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตของเขา
เขาถึงจุดสุดยอดโดยมีน้ำลายไหลที่ขอบปากโดยไม่รู้ตัว เดซี่เฝ้ามองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ
นั่นเป็นเพราะเธอได้เห็นว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเล่นล้อกับพี่ชายของเธออย่างนั้นหรือ? เดซี่หันกลับมองจ้องมองและบ่นเบาๆ
“นี่คือ เป้าหมายของท่านหรือ?”
ดวงตาคู่นั้นแสดงอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจน คลื่นความโกรธที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบในนัยน์ตาของเธอ
“ท่านสั่งให้ผู้หญิงคนนั้นเล่นกับพี่ชายหนู? ท่านตั้งใจจะกระทำกับหนูด้วย? ฉวยโอกาสบดขยี้ทั้งพี่ทั้งน้องในสถานที่เดียวกัน เป็นความคิดตื้นเกินไปสำหรับตัวตนที่ยิ่งใหญ่อย่างท่านจริงๆค่ะ”
“คุคุ”
เด็กน้อยที่ใช้คำศัพท์แบบนั้นโดยไม่ลังเล เป็นเรื่องปรกติสำหรับเด็กอย่างเดซี่
“อย่าเข้าใจผิดไป นั่นเป็นสิ่งที่ลุคต้องการเอง”
“ไม่มีทางค่ะ พี่ชายของหนูน่ะ…….”
“พี่ชายของเจ้าน่ะแตกเนื้อหนุ่มแล้ว คิดว่าพี่ชายเจ้าจะปฏิเสธหรือหากมีผู้หญิงเต็มตัวอย่างเจเรมิมายั่วยวนเขา?”
คิ้วเดซี่กระตุกก่อนจะถอนใจเบาๆ
“เอาเถอะค่ะ ถึงจะเป็นสิ่งที่ลุคต้องการ หนูก็ไม่เกี่ยว แต่ท่านจะมาให้หนูเห็นทำไม? หนูไม่เคยมีงานอดิเรกอย่างแอบดูชีวิตส่วนตัวของพี่ชายสักหน่อย”
“โอ้ อย่าคิดมากไปเลย นี่มันงานอดิเรกแย่ๆของข้าเองแหละ”
ผมลูบแก้มเดซี่
“……!?”
ร่างกายเด็กสาวสั่นอย่างรุนแรง เธอประหลาดใจกับร่างกายที่ไวต่อสัมผัสของตัวเอง
เดซี่กัดฟันจ้องมองมาที่ผม ตอนนี้เธอดูเหมือนสัตว์ร้าย
“ตั้งใจดูไปเงียบๆนั่นแหละ”
ผมไม่สนใจเธอแล้วยังคงจับแก้มและหันหัวให้เธอดูต่อ
เดซี่มองลุคด้วยดวงตาที่เปียกชื้นในขณะที่ร่างกายยังสั่นเทา
เจเรมิกับลุคยังคงอยู่ระหว่างกิจกรรม ไม่สิ พูดอย่างนั้นมันมากไป ลุคนั้นเหนื่อยอ่อนสุดๆ ความพึงพอใจมันคงแรงเกินไปสำหรับคนอายุเช่นเขา
“แหม ลุคที่น่ารักจ๊ะ รู้ไหมว่านี่คืออะไร?”
ตอนนั้นเองที่เจเรมิหยิบอะไรบางอย่างออกมา งานหลักกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
“นะ-นี่มันอะไรครับ?”
“ฟุฟุ นี่เป็นของดีเลยล่ะ ลุค”
ทาด้าาา!
เจเรมิส่งเสียงประกาศออกมา
“สุดยอดความหรรษาของผู้หญิงอยู่ตรงนี้แล้ว!”
“เอ๋?”
“อื้ม ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ ลุค ถ้าเจ้าใช้สิ่งนี้ เจ้าจะรู้สึกเหมือนกำลังสอดใส่เข้าไปในของๆผู้หญิงจริงๆ
เจ้าจะยังเด็กอยู่แหละจะให้ทำกับฉันมากกว่านี้ก็ไม่ได้!
แย่จริงนะ นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมฉันอยากให้เจ้าน่ะสนุกกับของจำลองนี่แทน ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่เด็กหนุ่มใครๆเขาก็ทำกัน!”
เจเรมิบิดเบือนรสนิยมทางเพศของเด็กชายทุกคนบนโลกนี้
เดซี่ยังคงดูเหมือนไม่เข้าใจบทสนทนาที่เกิดขึ้นตรงนั้น เธอยังคงก้มคุกเข่าข้างๆผมโดยคิ้วยังขมวดนิ่ว
เจเรมิยังคงพูดต่อโดยไม่สนใจความสับสนสงสัยของเด็กสาว
“ตอนนี้ ฉันให้ของขวัญชิ้นนี้กับเจ้า เจ้าคงไม่รู้แหละเพราะเจ้าโตมาในหมู่บ้านย่านภูเขา แต่มันเป็นของขวัญที่ผู้หญิงมอบให้กับเด็กหนุ่ม มันเป็นประเพณีเก่าแก่ ที่พวกเธอจะมอบของให้กับเด็กหนุ่มคนที่เธอชอบ”
มันเป็นประเพณีเก่าแก่ของชาติที่ล่มสลายไปเมื่อนานมากแล้ว
เด็กหนุ่มผู้ใสซื่อกระพริบตาปริบๆ
“ยะ-อย่างนั้นเองหรือครับ?”
“ใช่แล้วล่ะ แล้วฉันก็ชอบเธอมากๆเลย ลุค”
เจเรมิยิ้ม
“หะ-เห?”
“และฉันก็จะยินดีมากหากเจ้ารับของขวัญชิ้นนี้ไว้”
ลุคนั้นเป็นเด็กนิสัยดีจึงไม่ปฏิเสธเวลามีใครบางคนบอกว่าชอบเขา
ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งมาจากบุคคลที่มอบประสบการณ์ดีๆให้เมื่อไม่กี่วินาทีก่อน จึงไม่มีทางที่เด็กผู้ถูกโลกทอดทิ้งจะสามารถปฏิเสธได้อยู่แล้ว
ลุคพูดขึ้นมาอย่างเก้กังลังเล
“หากมันเป็นของขวัญของพี่……ถ้างั้น ผมก็โอเค ผมก็มีความสุขเหมือนกัน”
“จริงเหรอ จริงเหรอ!?”
เจเรมิฉวยลุคมากอด ผิวหนังของลุคคงอ่อนไหวมาจนเขาเผลอร้องครางออกมา
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธผลักไส เห็นชัดเลยว่าใครเป็นผู้ล่าใครเป็นเหยื่อกันแน่
“ตอนนี้ ฉันขอให้เจ้าน่ะ มีประสบการณ์ครั้งแรกผ่านของชิ้นนี้”
“อะไรนะฮะ?”
“มันรู้สึกดีสุดๆไปเลยนะ ฉันแน่ใจว่า เจ้าก็ต้องมีความสุขแน่ๆ!”
นี่แม่นี่รู้ตัวรึยังล่ะ?
ผมได้ยินเสี่ยงหายใจหอบข้างๆ
ผมหันไปมองสีหน้าซีดเซียวของเดซี่ เธอมองจ้องไปที่ลุกด้วยแววตาไม่สบายใจนัก สีหน้าที่เคยนิ่งสงบหายไปแล้วเหลือเพียงแต่ความวิตกหวาดกลัว
“อย่าบอกนะ…….”
ผมยิ้ม
“สิ่งที่เธอสงสัยอยู่ถูกต้องแล้ว แม่สาวน้อย ”
เดซี่มองผมด้วยความหวาดหวั่น ผมหัวเราะกลับไป ผมรู้สึกพอใจอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นแม่หนูนี่แสดงความหวาดกลัว ผมค่อยๆใช้มือป้องปิดปากเดซี่อย่างช้าๆ ก่อนจะกระซิบกับเธอ
“สไลม์ที่แบ่งตัวครึ่งร่างเนี่ยเป็นของชนิดพิเศษ เมื่อฟากหนึ่งได้รับความเจ็บปวด อีกฟากหนึ่งก็จะได้รับความเจ็บปวดอย่างเดียวกัน
แน่ล่ะ สัมผัสรับรู้อื่นนอกจากความเจ็บปวดก็ถ่ายโอนให้กันได้ด้วย
…….อื้อฮึ เชิญเพลิดเพลินสนุกสนานจนสุดขั้วหัวใจได้เลย”
เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าผมกลับตกตะลึง
ผมได้ยินเสียงเจเรมิตื่นเต้นจากที่ไกลๆ
“ตอนนี้แหละ เอาเลยลุค! เอนจอยกับของขวัญของฉันเลย!”
(TTL : #ทำเสียงเชฟพอล #Hunger
“เอนจอยครับ” )
สไลม์จิ๋มกระป๋อง เจเรมิจับเจ้าสิ่งที่มีคุณสมบัติเดียวกันกับสไลม์ในร่างของเดซี่สวมเข้ากับท่อนล่างของลุค
“……!”
เดซี่ถึงกับขดงอหลัง
Comments
Dungeon Defense (WN) 188 เส้นทางแห่งการแสวงบุญ (3)
WARNING: NSFW CONTENT.
Please be advised that the following chapter has 18+ sexual material and should be exclusively reserved for a mature audience.
You have been warned.
เดซี่มองผมด้วยดวงตาสีดำคู่นั้น ก่อนจะพูดขึ้น
“ท่านชื่ออะไร?”
“หืมม?”
“ท่านบอกว่า ชื่ออันโดรมาลิอุส ตอนที่เราพบกันครั้งแรกหลังจากนั้นท่านก็บอกว่า ชื่อดันทาเลี่ยน คราวนี้ก็บอกว่าชื่อ จอร์น โบล”
ดวงตาของเธอแสดงการต่อต้านออกมา มันไม่ใช่การต่อต้านเพียงเพราะไม่อยากยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ในดวงตาของเธอมันเปี่ยมไปด้วยความแน่วแน่
“หนูจะเรียกท่านว่าอะไร?”
“เรียกข้าง่ายๆว่า ดันทาเลี่ยน”
“ดันทาเลี่ยน”
เดซี่เปิดปากถาม
“นั่นใช่ชื่อจริงของท่านเหรอ?”
“ถูกต้อง”
“……ดันทาเลี่ยน”
เธอบ่นพึมพัมราวกับต้องการจะสลักการสะกดเสียงนั้นลงไปที่ลิ้น ผมพอใจที่เห็นอย่างนั้น ไม่มีอะไรสร้างความภาคภูมิใจให้คุณได้มากกว่าการที่คุณเห็นว่าใครสักคนให้ความสำคัญกับตัวคุณ แม้คนๆนั้นตั้งใจจะฆ่าคุณก็ตาม
“ถูกต้องแล้ว ดันทาเลี่ยน อีหนูจากหมู่บ้านเรเลี่ยน”
ผมหัวเราะคิกก่อนจะดึงไปป์ออกมา
มันเป็นของที่ผมขอมาจากเจเรมิ ผมหยิบสมุนไพรแล้วจุดมันด้วยหินจุดไฟ กลิ่นของมันลอยอยู่รอบจมูก
ฟูววว ผมพ่นควันออกมา กลิ่นมันดีมาก เจเรมิเล่าให้ฟังว่า นี่เป็นสมุนไพรคุณภาพสูงที่นักเล่นแร่สกัดเองกับมือ ดูเธอจะภูมิใจกับของขวัญชิ้นนี้ที่มอบให้ผม แต่แน่นอนแหละมันเป็นเรื่องที่น่าอวดจริงๆ
“ต่อหน้าคนอื่นเรียกข้าว่า นายท่าน แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าก็เป็นลูกบุญธรรม ดังนั้นถ้าจำเป็นเจ้าก็เรียกข้าว่า พ่อ
ดังนั้นจงเรียกข้าว่า พ่อเวลาเข้าไปในเมืองหรือในสถานที่ที่มีคุ้นไม่รู้จักอยู่รอบข้าง”
“พ่อ หรือคะ?”
เดซี่ยิ้มอย่างเงียบเชียบ มันเป็นรอยยิ้มที่แสดงออกมาตอนที่อยู่ในหมู่บ้านร้างนั่น
ว่าง่ายๆมันเป็นรอยยิ้มที่แสดงว่า ผมรับรู้การมีตัวตนอยู่ของเธอ เพียงไม่กี่วันหลังผ่าตัดสลักตราทาส เธอก็กลับสู่สภาวะปกติแล้ว
“อะไรกัน? ไม่อยากให้ข้าเป็นพ่อเจ้ารึ?”
“หนูไม่เชื่อว่าจะมีพ่อคนไหนที่จะทำร้ายลูกสาวหนักขนาดนั้น”
“ลูกสาวที่พยายามฆ่าพ่อตอนหลับก็ไม่มีด้วยเช่นกัน แหม พวกเราออกจะเป็นครอบครัวที่ยอดเยี่ยมเสียจริงๆ”
หลังจากพูดคุยหยอกล้อพอสมควรก็ได้เวลาเริ่มแล้ว
ผมหยิบขวดแก้วขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าในชุดนักบวช
“อ้าปาก แลบลิ้นออกมา”
“ขอถามได้ไหมว่า นั่นคืออะไร?”
“ยาปลุกเซ็กส์ สามหยดก็เพียงพอจะให้เจ้าตื่นตัวไปทั้งวัน”
เดซี่สบถในลำคออย่างขยะแขยง
“มาตอนนี้ท่านก็ให้ลูกสาวตัวเองดื่มยาปลุกเซ็กส์? ดูเหมือนท่าจะเป็นพ่อที่น่าประทับใจจริงๆ ช่างเป็นเกียรติกับหนูมากเลยค่ะ โอ ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่”
“โลกใบนี้รู้อยู่แล้วว่า ข้าน่าประทับใจเพียงไรโดยที่เจ้าไม่จำเป็นต้องสรรเสริญเยินยอข้า เปิดปากได้แล้ว”
“…….”
เดซี่เผยอริมฝีปากเล็กๆ ลิ้นสีแดงของเธอแลบออกมา ผมก้มตัวลงให้สูงระดับเดียวกันกับเธอก่อนจะหยดยาลงไปสองหยดลงที่ลิ้นอย่างแม่นยำ
หยดสีม่วงกระจายไปทั่วลิ้นของเธอในทันที รสชาติมันต้องประหลาดแน่จึงทำให้เดซี่นั้นคิ้วขมวด
“ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็อย่าส่งเสียงออกมา นี่เป็นคำสั่ง”
“เข้าใจแล้วค่ะ ท่านพ่อ”
ในสามตัวเลือก ดันทาเลี่ยน,นายท่านและท่านพ่อ ดูเหมือนเธอชอบตัวเลือกอย่างหลังมากที่สุด
ความจริงเธอไม่ได้ตั้งใจที่จะปฏิบัติกับผมเหมือนเป็นพ่อ เธอน่ะอยากจะยั่วโมโหผม แล้วเป็นยังไงล่ะ ความรู้สึกที่ถูกเรียกว่าพ่อ?
เจ้าเด็กน่ารังเกียจเอ๊ย
ผมโอบสะโพกแล้วลากตัวเธอเข้าไปในป่าข้างถนน มีทหารรับจ้างหลายคนเห็นพวกเราแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
ไม่มีใครพูดทั้งนั้น
* * *
ต้นไม้ขึ้นหนาทึบ ฤดูใบไม้ผลิเบ่งบานรอบตัวพวกเรา
กิ่งของต้นไม้ปกคลุมท้องฟ้าราวกับใยแมงมุม ส่วนแสงอาทิตย์ก็พยายามจะหลบเลี่ยงเส้นใยพวกนั้นเพื่อลงมาให้ถึงผืนดิน
มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดอะไรต่อมิอะไรขึ้นในป่า ทั้งการข่มขืนและการฆ่าต่างแต้มเปื้อนต้นไม้พวกนั้นหลายต่อหลายครั้ง
ต้นไม้ที่อยู่ในป่าต่างเห็นอะไรต่อมิอะไรมากมายนัก พวกมันยังคงอยู่ต่อไปได้เพราะพวกมันรู้วิธีที่จะไม่พูดอะไร
ผู้คนต่างเชื่อว่า ต้นไม้นั้นพูดไม่ได้ พวกเขาเชื่อว่าอย่างนั้นเพราะต้นไม้ไม่เคยพูดกับพวกเขามาก่อน เหตุผลง่ายๆที่ผู้คนต่างเชื่อว่าต้นไม้พูดไม่ได้ก็เพราะต้นไม้ไม่อาจรู้สึกนึกคิด
พวกเขาเชื่อสุดใจ โดยไม่มีม่านหมอกแห่งความลังเลสงสัย เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตที่คิดเป็นรู้สึกได้ก็ต้องพยายามสื่อสารกับพวกเขา
แต่ถึงอย่างนั้นผู้คนก็ไม่กล้า จูบ สบถสาบาน โกหก วางแผนชั่ว ฆาตกรรมและข่มขืน ต่อหน้าคนอื่นแต่กลับทำเป็นปรกติเมื่ออยู่ในหมู่ต้นไม้
……. จะบอกได้ยังไงว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างใต้ร่มเงาต้นไม้ล่ะ ในเมื่อมันเยอะไปหมด
ก็พอจะเป็นเหตุให้เข้าใจได้ว่า ทำไมป่าถึงยังคงเงียบงันอยู่เช่นนั้น หากใครสักคนอยากจะกลายเป็นต้นไม้ พวกเขาก็ต้องรู้จักหุบปากหลังจากได้กลิ่นน้ำกามและคาวเลือดมากมาย
“……ฮ่าาห์”
ไม่นานเท่าไหร่นัก เดซี่ก็เริ่มหายใจหอบหนัก คอที่เคยขาวตอนนี้ก็กลับเป็นสีแดง พวกเราก็แค่เดิน แต่ยิ่งนานไปนานไปเดซี่ก็ค่อยๆตัวแข็งเกร็งจนถึงจุดที่เห็นได้ชัด เราจะไม่ถึงขนาดที่ทำให้เดซี่เดินต่อไปไม่ไหว
นี่เป็นเพราะมีอะไรสั่นไหวในร่าง แล่นขึ้นไขสันหลังทุกอย่างก้าวที่เธอเดินหรือเปล่านะ?
ไหล่ของเดซี่นั้นกะเพื่อมสั่นทุกครั้งราวกับกระแสไฟฟ้าไหลผ่านตัวเธอ เสียงครางของเธอนั้นพยายามเล็ดไหล ออกมาระหว่างช่องว่างของปากกับฟัน
“เอาล่ะ เรามาถึงแล้ว”
ผมหยุดเดินแล้วคุดคู้หมอบลง ผมกดหลังเดซี่ให้เธอนั่งข้างๆด้วยเช่นกัน
เดซี่เผลอร้องครางออกมาครั้งหนึ่งตอนที่ผมออกแรงกดหลังเธอ
“ เดซี่ ดูตรงนี้”
ผมชี้ไปที่กองใบไม้แห้ง เดซี่มองตามที่ผมชี้ด้วยแววตาเลื่อนลอย เหมือนกับเธอไม่อาจรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเธอได้เลยแม้แต่น้อย
“……!”
ดวงตาของเดซ๊่เบิกกว้างช้าไปสักหน่อย ดูเหมือนเธอจะไม่รู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าที่จู่โจมไปทั่วทั้งร่าง ในที่สุดเธอก็ได้ยินเสียงมาจากทิศทางนั้นในตอนนี้
เจเรมิและลุคอยู่ใต้กองใบไม้แห้งกัน
“พี่ครับ ได้โปรดเถอะ ผมไม่ไหว……!”
“แหมที่รัก ของเจ้าออกจะใหญ่เกินเด็กไปหน่อยนะ หืม? นี่เจ้าเลือกจะโตขึ้นมาแบบนี้น่ะเหรอ?”
ลุคนั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่ง
กางเกงของเขาถลกลง และเผยให้เห็นน้องชายที่ใหญ่เกินเด็กชายวัย 11 ปี
เจเรมินั้นเปลือยท่อนบนและเล่นอยู่กับมัน เธอนวดน้องชายของลุคด้วยหน้าอก
“เอาจริงหรือเนี่ย น้องชายเจ้าไม่ได้บอกอย่างนั้นนะ เจ้ายังคงคึกคักแข็งแรงแม้จะแตกไปสองครั้งแล้ว เจ้านี่คู่ควรต่อการแหย่เล่นจริงๆ”
“ก่อนหน้านี้ผมแตกไปแล้ว……! อึก, ทำไมล่ะครับ……!”
“จะแตกอีกแล้วสินะ? เจ้าจะแตกอีกแล้วใช่ไหม? ฟุฟุ ที่ปลายหัวน่ะรู้สึกเลยล่ะสิ?”
“อะ-อีกแล้ว……ฮิก, อีกแล้ว……!”
ลุคนั้นไม่อาจกลั้นทนคลื่นแห่งความพึงพอใจได้ ในเมื่อนั้นเป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตของเขา
เขาถึงจุดสุดยอดโดยมีน้ำลายไหลที่ขอบปากโดยไม่รู้ตัว เดซี่เฝ้ามองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ
นั่นเป็นเพราะเธอได้เห็นว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเล่นล้อกับพี่ชายของเธออย่างนั้นหรือ? เดซี่หันกลับมองจ้องมองและบ่นเบาๆ
“นี่คือ เป้าหมายของท่านหรือ?”
ดวงตาคู่นั้นแสดงอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจน คลื่นความโกรธที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบในนัยน์ตาของเธอ
“ท่านสั่งให้ผู้หญิงคนนั้นเล่นกับพี่ชายหนู? ท่านตั้งใจจะกระทำกับหนูด้วย? ฉวยโอกาสบดขยี้ทั้งพี่ทั้งน้องในสถานที่เดียวกัน เป็นความคิดตื้นเกินไปสำหรับตัวตนที่ยิ่งใหญ่อย่างท่านจริงๆค่ะ”
“คุคุ”
เด็กน้อยที่ใช้คำศัพท์แบบนั้นโดยไม่ลังเล เป็นเรื่องปรกติสำหรับเด็กอย่างเดซี่
“อย่าเข้าใจผิดไป นั่นเป็นสิ่งที่ลุคต้องการเอง”
“ไม่มีทางค่ะ พี่ชายของหนูน่ะ…….”
“พี่ชายของเจ้าน่ะแตกเนื้อหนุ่มแล้ว คิดว่าพี่ชายเจ้าจะปฏิเสธหรือหากมีผู้หญิงเต็มตัวอย่างเจเรมิมายั่วยวนเขา?”
คิ้วเดซี่กระตุกก่อนจะถอนใจเบาๆ
“เอาเถอะค่ะ ถึงจะเป็นสิ่งที่ลุคต้องการ หนูก็ไม่เกี่ยว แต่ท่านจะมาให้หนูเห็นทำไม? หนูไม่เคยมีงานอดิเรกอย่างแอบดูชีวิตส่วนตัวของพี่ชายสักหน่อย”
“โอ้ อย่าคิดมากไปเลย นี่มันงานอดิเรกแย่ๆของข้าเองแหละ”
ผมลูบแก้มเดซี่
“……!?”
ร่างกายเด็กสาวสั่นอย่างรุนแรง เธอประหลาดใจกับร่างกายที่ไวต่อสัมผัสของตัวเอง
เดซี่กัดฟันจ้องมองมาที่ผม ตอนนี้เธอดูเหมือนสัตว์ร้าย
“ตั้งใจดูไปเงียบๆนั่นแหละ”
ผมไม่สนใจเธอแล้วยังคงจับแก้มและหันหัวให้เธอดูต่อ
เดซี่มองลุคด้วยดวงตาที่เปียกชื้นในขณะที่ร่างกายยังสั่นเทา
เจเรมิกับลุคยังคงอยู่ระหว่างกิจกรรม ไม่สิ พูดอย่างนั้นมันมากไป ลุคนั้นเหนื่อยอ่อนสุดๆ ความพึงพอใจมันคงแรงเกินไปสำหรับคนอายุเช่นเขา
“แหม ลุคที่น่ารักจ๊ะ รู้ไหมว่านี่คืออะไร?”
ตอนนั้นเองที่เจเรมิหยิบอะไรบางอย่างออกมา งานหลักกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
“นะ-นี่มันอะไรครับ?”
“ฟุฟุ นี่เป็นของดีเลยล่ะ ลุค”
ทาด้าาา!
เจเรมิส่งเสียงประกาศออกมา
“สุดยอดความหรรษาของผู้หญิงอยู่ตรงนี้แล้ว!”
“เอ๋?”
“อื้ม ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ ลุค ถ้าเจ้าใช้สิ่งนี้ เจ้าจะรู้สึกเหมือนกำลังสอดใส่เข้าไปในของๆผู้หญิงจริงๆ
เจ้าจะยังเด็กอยู่แหละจะให้ทำกับฉันมากกว่านี้ก็ไม่ได้!
แย่จริงนะ นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมฉันอยากให้เจ้าน่ะสนุกกับของจำลองนี่แทน ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่เด็กหนุ่มใครๆเขาก็ทำกัน!”
เจเรมิบิดเบือนรสนิยมทางเพศของเด็กชายทุกคนบนโลกนี้
เดซี่ยังคงดูเหมือนไม่เข้าใจบทสนทนาที่เกิดขึ้นตรงนั้น เธอยังคงก้มคุกเข่าข้างๆผมโดยคิ้วยังขมวดนิ่ว
เจเรมิยังคงพูดต่อโดยไม่สนใจความสับสนสงสัยของเด็กสาว
“ตอนนี้ ฉันให้ของขวัญชิ้นนี้กับเจ้า เจ้าคงไม่รู้แหละเพราะเจ้าโตมาในหมู่บ้านย่านภูเขา แต่มันเป็นของขวัญที่ผู้หญิงมอบให้กับเด็กหนุ่ม มันเป็นประเพณีเก่าแก่ ที่พวกเธอจะมอบของให้กับเด็กหนุ่มคนที่เธอชอบ”
มันเป็นประเพณีเก่าแก่ของชาติที่ล่มสลายไปเมื่อนานมากแล้ว
เด็กหนุ่มผู้ใสซื่อกระพริบตาปริบๆ
“ยะ-อย่างนั้นเองหรือครับ?”
“ใช่แล้วล่ะ แล้วฉันก็ชอบเธอมากๆเลย ลุค”
เจเรมิยิ้ม
“หะ-เห?”
“และฉันก็จะยินดีมากหากเจ้ารับของขวัญชิ้นนี้ไว้”
ลุคนั้นเป็นเด็กนิสัยดีจึงไม่ปฏิเสธเวลามีใครบางคนบอกว่าชอบเขา
ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งมาจากบุคคลที่มอบประสบการณ์ดีๆให้เมื่อไม่กี่วินาทีก่อน จึงไม่มีทางที่เด็กผู้ถูกโลกทอดทิ้งจะสามารถปฏิเสธได้อยู่แล้ว
ลุคพูดขึ้นมาอย่างเก้กังลังเล
“หากมันเป็นของขวัญของพี่……ถ้างั้น ผมก็โอเค ผมก็มีความสุขเหมือนกัน”
“จริงเหรอ จริงเหรอ!?”
เจเรมิฉวยลุคมากอด ผิวหนังของลุคคงอ่อนไหวมาจนเขาเผลอร้องครางออกมา
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธผลักไส เห็นชัดเลยว่าใครเป็นผู้ล่าใครเป็นเหยื่อกันแน่
“ตอนนี้ ฉันขอให้เจ้าน่ะ มีประสบการณ์ครั้งแรกผ่านของชิ้นนี้”
“อะไรนะฮะ?”
“มันรู้สึกดีสุดๆไปเลยนะ ฉันแน่ใจว่า เจ้าก็ต้องมีความสุขแน่ๆ!”
นี่แม่นี่รู้ตัวรึยังล่ะ?
ผมได้ยินเสี่ยงหายใจหอบข้างๆ
ผมหันไปมองสีหน้าซีดเซียวของเดซี่ เธอมองจ้องไปที่ลุกด้วยแววตาไม่สบายใจนัก สีหน้าที่เคยนิ่งสงบหายไปแล้วเหลือเพียงแต่ความวิตกหวาดกลัว
“อย่าบอกนะ…….”
ผมยิ้ม
“สิ่งที่เธอสงสัยอยู่ถูกต้องแล้ว แม่สาวน้อย ”
เดซี่มองผมด้วยความหวาดหวั่น ผมหัวเราะกลับไป ผมรู้สึกพอใจอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นแม่หนูนี่แสดงความหวาดกลัว ผมค่อยๆใช้มือป้องปิดปากเดซี่อย่างช้าๆ ก่อนจะกระซิบกับเธอ
“สไลม์ที่แบ่งตัวครึ่งร่างเนี่ยเป็นของชนิดพิเศษ เมื่อฟากหนึ่งได้รับความเจ็บปวด อีกฟากหนึ่งก็จะได้รับความเจ็บปวดอย่างเดียวกัน
แน่ล่ะ สัมผัสรับรู้อื่นนอกจากความเจ็บปวดก็ถ่ายโอนให้กันได้ด้วย
…….อื้อฮึ เชิญเพลิดเพลินสนุกสนานจนสุดขั้วหัวใจได้เลย”
เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าผมกลับตกตะลึง
ผมได้ยินเสียงเจเรมิตื่นเต้นจากที่ไกลๆ
“ตอนนี้แหละ เอาเลยลุค! เอนจอยกับของขวัญของฉันเลย!”
(TTL : #ทำเสียงเชฟพอล #Hunger
“เอนจอยครับ” )
สไลม์จิ๋มกระป๋อง เจเรมิจับเจ้าสิ่งที่มีคุณสมบัติเดียวกันกับสไลม์ในร่างของเดซี่สวมเข้ากับท่อนล่างของลุค
“……!”
เดซี่ถึงกับขดงอหลัง
Comments