Dungeon Defense (WN) 199 สงครามลิลี่ (2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 199 สงครามลิลี่ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

* * *

 

 

“มีผู้บงการเรื่องนี้อยู่”

ราชินีเฮนริเอตต้าประกาศเช่นนั้น หนึ่งในเหล่านายพลกลับถามเธอขึ้นมา

 

 

“ผู้บงการอย่างนั้นหรือครับ……? ฝ่าบาท?”

 

“ข้าหมายความตามที่พูด สถานการณ์ตอนนี้มันฉิบหายใหญ่หลวง ข้าทำได้เพียงหัวเราะเท่านั้น”

ราชินีที่ยังเยาว์และมีเรือนผมสีแดงสบถออกมา น้ำเสียงของเธอนั้นเย็นชากว่าปกติ

 

 

“การที่ข้าถูกหลอกน่ะไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด ใช่ว่าในชีวิตที่ผ่านมาข้าจะไม่เคยถูกหลอกเสียเมื่อไหร่กัน 

หากจะโดนหลอกเพิ่มอีกสักครั้งแล้วจะมีอะไรให้เสียใจกันอีกล่ะ? หากแต่คราวนี้กลับมีกำลังเสริมเพิ่มเข้ามาอย่างไม่คาดคิด ชีวิตคือ การดิ้นรนต่อสู้กันเสมออยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…….”

 

ราชินีเฮนริเอตต้าทุบกำปั้นลงไปบนโต๊ะ เสียงตุ่บดังสนั่นหวั่นไหวทั้งห้องประชุม

 

 

“ข้าไม่อาจอภัยให้กับผู้ที่ชักนำให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น สถานการณ์แบบนี้ไม่สมควรยิ่งที่จะอดทนอีกต่อไป!”

 

เหล่านายพลต่างเงียบ การพูดอะไรระหว่างที่ผู้ปกครองกำลังขึ้งโกรธนั้นเหมือนเดินเข้าไปหาหมูป่าที่กำลังอาละวาดโดยไม่ยั้งคิด

 

เฮนริเอตต้าหายใจหนักหน่วงแล้วเธอก็หัวเราะออกมา เหล่านายพลต่างมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก ก่อนหน้านี้เธอโกรธจัดแต่ตอนนี้กลับหัวเราะออกมา พวกเขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น

 

 

“ทุกคนลองคิดให้ดีสิ พวกนิยมสาธารณรัฐนั้นเคลื่อนทัพเข้ามาเร็วอย่างผิดปกติแบบนั้นได้อย่างไรกัน?”

ราชินีชี้ไปยังแผนที่บนโต๊ะ

 

“จากตำแหน่งของบัทตาเวีย กองกำลังจอมมารประจำอยู่ทางตะวันออก ขณะที่ของฟรานเคียอยู่ทางตะวันตก 

บัทตาเวียนั้นควรที่จะควรที่จะไปรวมกลุ่มกับทหารทางตะวันออกในช่วงที่รบกับกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา แต่ถึงอย่างนั้น แล้วดูสิ ว่าจริงๆมันเกิดอะไรขึ้นกัน? เจ้าพวกนิยมสาธารณรัฐพวกนั้นกลับข้ามชายแดนมาโดยใช้เวลาไม่ถึงเดือนนับตั้งแต่เราเริ่มก่อสงครามกลางเมืองนี้”

เฮนริเอตต้าพูดต่อ แน่นอนว่า มันเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสามารถเคลื่อนทัพจากฝั่งตะวันออกไปยังฝั่งตะวันตกได้ภายในหนึ่งเดือน ด้วยการที่พวกนิยมสาธารณรัฐในฟรานเคียแอบติดต่อกับบัทตาเวียอย่างลับๆ 

แต่ถึงอย่างนั้น ข้อสมมุติฐานนั้นมันไม่ถูกต้อง…….

 

“สมมุติฐานหรือครับ, ฝ่าบาท?”

 

“ถ้าหากเป็นกรณีนั้น นั่นก็หมายความว่า พวกบัทตาเวียน่ะ รู้จุดประสงค์ของพวกเราตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว”

แววตาของราชินีเฮนริเอตต้าแน่นิ่ง มันสงบเหมือนเปลวไฟสีน้ำเงิน

 

 

“การที่บริททานี่จะโจมตีฟรานเคีย แล้วมันเป็นปัญหายังไงกันล่ะ? 

พวกเราน่ะเคยรุกรานฟรานเคียมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว 

แต่คราวนี้ไม่ถึงเดือนดี …… แล้วพวกลูกอีตัวจากบัทตาเวียพวกนั้นรู้ชัดได้อย่างไรกันว่า ‘พวกเราตั้งใจจะกวาดล้างพวกนิยมสาธารณรัฐนั่น’ กัน?!”

 

“……! คนทรยศ!?”

เหล่านายพลเข้าใจประเด็นในทันที

 

ถูกต้องแล้ว ถึงแม้บัทตาเวียจะรู้ว่า บริททานี่นั้นกำลังเดินทัพ แต่พวกเขาไม่มีทางรู้แน่ชัดถึงสาเหตุการกระทำเช่นนั้น พวกเขาน่ะรู้ตัวเร็วขนาดนั้นได้อย่างไรว่า จักรพรรดิแห่งฟรานเคียตั้งใจจะกำจัดพวกนิยมสาธารณรัฐให้สิ้นซาก?

ใครบางคนปล่อยข้อมูลนั้นออกไป

ว่าง่ายๆก็คือ มีผู้ทรยศนั่นแหละ

 

บรรยากาศกลับหนาวเหน็บ เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่า มีเพียงในกลุ่มเหล่าผู้บัญชาการเท่านั้นที่จะรู้จุดมุ่งหมายการเดินทัพครั้งนี้ มีใครบางคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้เป็นผู้ทรยศพวกเขา…….

 

เฮนริเอตต้ายิ้มอย่างสบายๆ

 

“พวกเจ้าจะกังวลกันไปไย? ข้าไม่เห็นจะรู้เลยว่า เหล่าทหารกล้าแห่งบริททานี่จะขี้ขลาดเหมือนเด็กน้อยเช่นนั้น”

 

“แต่ ฝ่าบาทครับ การที่มีผู้ทรยศอยู่ในหมู่พวกเรานี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรดูเบา”

 

“ไม่มีเหตุผลที่ในหมู่พวกเราจะมีคนทรยศ”

เหล่านายพลหน้าซีดเพราะงุนงงกับคำพูดของเฮนริเอตต้า นางถอนใจออกมาอีกครั้ง

 

 

“มันมีโอกาสที่ใครบางคนทางฝั่งจักรวรรดิแฟรงเองนั่นแหละที่จะทำข้อมูลรั่ว”

สีหน้าของเหล่านายพลบิดเบี้ยว

 

“ไอ้เจ้าจักรพรรดิงี่เง่าสารเลวนั่น!”

 

“ไม่เพียงแต่ลากพวกเรามาอยู่ที่นี่ แต่เจ้านั่นมันยังเรียก พวกหมูสาธารณรัฐนั่นด้วย ไอ้ห่านั่นช่างน่ารังเกียจ!”

 

“ฝ่าบาทครับ ได้โปรดถ่ายทอดคำสั่งให้พวกเรา! พวกเราจะทำให้ปารีสกลายเป็นทะเลเพลิง”

เหล่านายพลต่างลุกขึ้นร้องตะโกน แค่คิดว่าตัวเองโดนหลอกก็ทำให้พวกเขาต้องตะโกนร้องออกมาเพื่อหวังจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนต่อองค์ราชินี

 

เฮนริเอตต้ายิ้มกว้าง

 

“ทหารหาญทุกท่าน ข้าเข้าใจดีว่าพวกท่านรู้สึกอย่างไร แต่ไม่จำเป็นต้องโกรธขนาดนั้น ข้าเคยสงสัยในความจงรักภักดีของพวกท่านหรือ? ถ้าพวกท่านโดนอ่านใจง่ายขนาดนั้นมันจะเป็นปัญหาเอานะ

 

ถือว่า พวกท่านทั้งหลายนี่สอบตกในฐานะสุภาพบุรุษที่ทำให้มาดมัวแซลรู้สึกแย่”

 

“…….”

 

พอเห็นการแสดงออกของราชินีบรรยากาศก็ชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา

เหล่านายพลกระแอมกระไอก่อนนั่งลง ฝ่าบาทรู้วิธีการทำให้พวกเรารู้สึกอาย เหล่านายพลมองกันไปมาราวกับจะกล่าวเช่นนั้น

 

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่แย่นัก นายของพวกเขาไม่สงสัยในความจงรักภักดี ไม่มีอะไรจะอุ่นใจไปมากกว่านี้แล้ว

 

ราชินีเฮนริเอตต้านั้นมีเหตุผลให้สงสัยพวกเขา เธอสามารถข่มขู่พวกเขาก็ได้ ซึ่งการทำแบบนั้นจะเพิ่มอำนาจของตัวราชินีให้มากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับบอกกับคนของเธอว่า เธอเชื่อใจพวกเขา…….

 

การกระทำแบบนั้นของเธอทำให้ชนชั้นสูงทั้งหลายใต้การดูแลของเธอยินดีรับใช้เธอด้วยความเต็มใจ ทักษะทางสังคมและทางการทหารของราชินีเฮนริเอตต้านั้นเป็นสิ่งที่คอยเกื้อหนุนตัวเธอมาโดยตลอด

 

“ทหารทุกท่าน ก่อนที่พวกท่านจะโกรธ ขอให้ลองคิดอย่างใจเย็นๆดู นี่มิใช่โอกาสอันดีอย่างนั้นหรือ?”

 

“โอกาสอันดีหรือ,ฝ่าบาท?”

 

“ไม่มีทางของที่จักรพรรดิผู้นั้นจะปล่อยข้อมูลด้วยตัวเอง ก็อย่างที่เจ้าบอกไปก่อนหน้านี้ องค์จักพรรดิของพวกเราน่ะทั้งไร้น้ำยาและโง่เขลา”

 

เหล่านายพลหัวเราะเยาะ แม้แต่ทหารเลวของบริททานี่เองก็ยังทำกับจักรพรรดิของฟรานเคียเหมือนคนโง่

 

“ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วใครกันที่ปล่อยข้อมูลให้รั่วไหล?”

 

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดินีและผู้ใกล้ชิดจักรพรรดิเสียเอง?”

 

“ไม่ผิดแน่ และยังมีพวกนิยมสาธารณรัฐนั่นด้วย”

เฮนริเอตต้าพูดต่อ

“ทุกคน ไม่สำคัญแล้วว่า ผู้ที่ทำให้ข้อมูลรั่วไหลนั้นเป็นใคร ความจริงที่สำคัญคือ นี่เป็นหลักฐานที่เห็นกันอย่างชัดเจนแล้วว่า ‘พวกนิยมสาธารณรัฐนั้นตั้งใจทรยศองค์จักรพรรดิ’ 

แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับจักรพรรดิฟรานเคียของพวกเรา”

 

ในคำพูดของราชินีนั้นแฝงความคลุมเครือบางอย่างอยู่

 

ขณะที่เหล่านายพลกำลังวุ่นวายกับการครุ่นคิด

นักบุญหญิง,แจ็กเกอลีน ลองวี่(Jacqueline Longwy) ผู้อุทิศตนให้กับกองทัพก็ขมวดคิ้วคู่งามของเธอ 

 

“อย่าบอกนะคะ…….ว่าฝ่าบาทตั้งใจจะฆ่าล้างให้สิ้น?”

 

“ถูกต้องแล้ว”

เฮนริเอตต้าแย้มยิ้ม

 

 

 

“ทุกท่านลองคิดดูสิ หากเราประกาศให้จักรพรรดิทราบว่า เจ้าพวกนิยมสาธารณรัฐพวกนั้นเป็นผู้ปล่อยข้อมูล แล้วคิดว่า จักรพรรดิที่แค่ได้ยินชื่อเจ้าพวกนั้นก็โกรธแล้ว จะมีตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างไร? 

นี่เป็นโอกาสดีที่จะกวาดล้างพวกนิยมสาธารณรัฐทั้งหมดที่อยู่ในปารีส”

 

ในวันนั้นเอง สุรเสียงของจักรพรรดิดังขึ้นด้วยความโกรธกริ้วลั่นไปทั่วทั้งปราสาท

 

พวกนิยมกษัตริย์และพวกนิยมสาธารณรัฐต่างเกลียดชังกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ขุนนางหัวรุนแรงต่างให้การสนับสนุนพวกนิยมกษัตริย์

 

จักรพรรดิได้เรียกพวกเขามาพูดคุยอย่างลับๆและบอกพวกเขาเรื่อง ‘คนทรยศ’

 

กลุ่มนิยมกษัตริย์รู้ในทันทีว่า นี่เป็นโอกาสดีที่จะกวาดล้างแมลงสาบให้สิ้นซากไปจากเมืองหลวง

สี่วันต่อมา การฆ่าล้างก็เริ่มต้นขึ้นกลางดึก

 

พวกนิยมกษัตริย์แบ่งพื้นที่ปารีสเป็นหลายๆส่วน แล้วมอบหมายให้สมาชิกแต่ละคนไปจัดการ

 

พวกเขาตะโกนว่า 

“ฆ่าคนทรยศ! ฆ่าพวกที่ทำให้ฟรานเคียแปดเปื้อน!” ขณะที่กำลังออกปฏิบัติการณ์ การสังหารนั้นถูกวางแผนมาไว้อย่างดี ผู้คนส่วนใหญ่ในปารีสต่างเป็นผู้นิยมกษัตริย์ดังนั้นจึงง่ายที่จะปลุกระดมพวกเขา

 

การฆ่าล้างนั้นอาจยากในตอนแรกเริ่ม แต่พอได้ลงมือไปแล้วก็จะไหลอาละวาดต่อไปไม่หยุดหย่อน

 

พอได้ฆ่าสักหนึ่งถึงสามคนแล้ว ต่อจากนั้นยอดที่ฆ่าฟันก็จะพุ่งสูงขึ้นกลายเป็นสิบหรือยี่สิบคนโดยไม่ยาก ความบ้าคลั่งย้อมฝูงชนเหล่านั้นให้อาละวาดไปตามตรอกซอกซอยรวมถึงถนนใหญ่

 

 

“ประหารคนทรยศขายชาติ!”

 

“เพื่อความรุ่งเรืองแห่งฟรานเคีย! อย่าได้ลังเล! องค์เทพีกำลังอวยพรพวกเรา!”

 

“ฆ่าพวกมันให้หมด ฆ่ามันไม่ต้องสนใจ เทพแห่งความตายจะเป็นผู้แยกเองว่าพวกมันดีหรือชั่ว!”

 

แม้แต่ชาวบ้านธรรมดาก็กลายเป็นพวกกระหายเลือก ทั้งกลุ่มหัวรุนแรง,ความแค้นและเกลียดชังส่วนบุคคล, บางคนก็แค่มึนเมากับการอยากฆ่าคน และสุดท้ายบางพวกก็แค่อยากปล้นชิงจากชนชั้นสูงฝ่ายสาธารณรัฐ 

เหตุผลในการเข้าร่วมม็อบนั้นแตกต่างกันออกไป

 

ทางฝ่ายผู้นิยมสาธารณรัฐเองก็รู้สึกว่าจะมีอะไรชั่วร้ายอุบัติขึ้นหนึ่งวันก่อนถูกกวาดล้าง

 

“แปลกมาก สถานการณ์ตอนนี้มันผิดปกติ…….”

 

“รีบเก็บข้าวเก็บของได้แล้ว ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น! รีบเก็บเงินเก็บทองแล้วหอบขึ้นรถม้าให้หมด!”

 

พวกเขาเก็บเงินทองแล้วหนีไปเมืองหลวง พวกเขาส่วนมากนั้นอุทิศชีวิตให้อุดมการณ์สาธารณรัฐ และยอมที่จะเผชิญหน้ากับจักรพรรดิ แต่ถึงอย่างนั้นมีเพียงส่วนน้อยที่หนีพ้น

 

พวกชนชั้นสูงและสามัญชนที่มั่งคั่งโดยมากมักจะไปอยู่กันที่เมืองหลวง

 

“เอ่อ แต่ฝ่าบาทน่ะอยู่ฝั่งนิยมกษัตริย์…….”

 

“ที่ผ่านมาพวกเราก็จ่ายภาษีถูกต้องไม่ใช่หรือยังไงกัน? ถึงจะมีอะไรเกิดขึ้น มันก็คงวุ่นวายไม่นานนั่นแหละ”

 

“ที่นี่คือ บ้านเกิดของข้า จะให้ข้าไปอยู่ไหนกันล่ะ?”

ไม่มีทางที่จักรพรรดิจะทำร้ายพวกเขาอยู่แล้ว ถูกไหม? การมองโลกในแง่ดีแบบนั้นทำให้ชีวิตพวกเขายังคงอยู่ที่นี่ต่อไปได้

 

แต่ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการมองโลกเช่นนั้นมันแพงเหลือเกิน

 

 

ความมั่งคั่งของพ่อค้าที่ร่ำรวยกลับยิ่งปลุกเร้าให้ผู้ก่อจราจลตื่นเต้น ผ่านไปหนึ่งคืน แทนที่อะไรจะสงบลง แต่กลับกลายเป็นว่า การฆ่าล้างยิ่งรุนแรงหนักเหมือนไฟลามทุ่ง 

แม้แต่พ่อค้าที่มิใช่พวกนิยมสาธารณรัฐก็ถูกทำร้าย ผู้ชาย,ผู้หญิง,คนแก่,เด็กๆ ต่างถูกหอกของผู้ก่อจราจลทิ่มเข้ากลางอก

 

ข่าลือได้บิดเบือนไปโดยสมบูรณ์ระหว่างทางว่า

ผู้นิยมสาธารณรัฐทั้งหลายพยายามจะลอบสังหารองค์จักรพรรดิ ทำให้จักรพรรดิโกรธมากจนต้องยื่นมือขอความช่วยเหลือจากบริททานี่ ให้พวกเราได้ปกป้องฝ่าบาทองค์จักรพรรดิและฟรานเคียของพวกเราด้วย…….

 

ฉากแห่งโศกนาฏกรรมเบิกม่านขึ้น จักรพรรดินีโดวาเจอร์ แคทเธอรีน เดอ เมดิชี(The Empress Dowager, Catherine de’ Medici) ตื่นขึ้นกลางดึงและลุกออกจากเตียงด้วยความตกใจ

 

จักรพรรดินีผู้เข้มงวดแห่งจักรวรรดิไม่มีเวลาพอแม้จะเปลี่ยนชุด เธอวิ่งในตัวปราสาทขณะที่ยังสวมชุดนอนและตะโกนถาม

โอ้ พระเจ้า! นี่มันเกิดอะไรขึ้น!? ทำไมเสียงกรีดร้องดังมาจากในเมือง!? ทหาร ! ทหารองค์รักษ์ไปอยู่ไหนกัน!?”

 

จักรพรรดินีโดวาเจอร์นั้นเข้ามาที่ห้องโถงบัลลังค์พร้อมกับสาวใช้ที่ตามติดมาอย่างเร่งรีบ เธอร้องขอกับลูกชายของเธอให้ยุติการฆ่าล้างเสีย

 

 

“ฝ่าบาท! ท่านเป็นจักรพรรดิแห่งฟรานเคีย! พวกเขาเป็นลูกชายลูกสาวของท่านบำรุงเลี้ยงดูให้ดี!”

 

จักรพรรดิ เฮนรี่ ที่สาม เยาะเย้ย

 

“ข้าไม่เคยเลี้ยงดูไอ้เด็กที่หันหัวหอกไปหาพ่อ และแม่ของมัน”

 

“ฝ่าบาท สิ่งนี้จะทำให้จักรวรรดิมัวหมอง! ประเทศชาติจะไร้อนาคตหากพ่อฆ่าลูกๆของตัวเอง ลูกๆจะดูหมิ่นพ่อของพวกเขา! ฝ่าบาท ข้าขอร้องล่ะ……นี่ยังไม่สายเกินไป ได้โปรดเมตตาพวกเขาด้วย…….”

 

จักรพรรดินีโดวาเจอร์คุกเข่าลง และร้องขอต่อจักรพรรดิ แม่ผู้อายุเกือบห้าสิบร้องไห้ในชุดนอน โดยเผยให้เห็นถึงผิวที่แก่ตามวัย

ทหารองค์รักษ์ได้แต่เห็นอกเห็นใจองค์จักรพรรดินี แต่ถึงอย่างนั้น จักรพรรดิหนุ่มก็ยังคงยืนกรานหนักแน่น

 

“ในประเทศชาติไม่อาจมีถึงสองรัฐบาล!”

เฮนรี่ที่ สาม คำรามขณะที่ลุกยืนขึ้น

 

“ท่านช่างน่ารักเกียจยิ่ง แม่ผู้ให้กำเนิดข้า! บุคคลที่ยึดอำนาจข้าไป และทำให้ประเทศชาติแตกเป็นเสี่ยงมิใช่ใครอื่นใดเลย คือ ตัวท่านนั่นเอง ท่านแม่

แล้วข้าจะยอมให้พวกสภาพวกนั้นที่กล้าค้ำหัวองค์จักรพรรดิเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิได้อย่างไรกัน?”

 

“เฮนรี่ ……เฮนรี่ของข้า ได้โปรดเถอะ, เมตตาพวกเขา…….”

 

“ท่านเป็นคนที่ทำให้ข้าต้องไร้ความเมตตาเอง,ท่านแม่”

 

จักรพรรดินียื่นมือขวาขณะที่ยังคุกเข่า แต่จักรพรรดิปัดมือของเธอออกไป

 

“นับจากนี้เป็นต้นไป ฟรานเคียจะมีผู้ครองอธิปไตยเพียงผู้เดียวเท่านั้น”

 

“โอ้ เหล่าทวยเทพ!”

ใบหน้าของจักรพรรดินีนั้นแดงก่ำขณะลุกขึ้น ร่างทั้งร่างของเธอสั่นเทาด้วยโทสะ

 

“หากข้าจะให้กำเนิดผู้ที่น่าอายเช่นนี้ ข้ายอมให้กำเนิดงูพิษยังดีเสียกว่า! 

ข้ารังเกียจตัวเองเหลือเกินที่เคยรู้สึกดีตอนที่ตั้งครรภ์เจ้า ! 

เหล่าทวยเทพเอย! โอ้เหล่าทวยเทพ!”

 

“ลากนางออกไป”

 

จักรพรรดิสั่งกับทหารองค์รักษ์ ทหารดูจะลังเลที่จะเข้าไปใกล้กับจักรพรรดินี จักรพรรดินีโดวาเจอร์นั้นสบถแช่งต่างๆนาๆก่อนจะถูกลากออกจากท้องพระโรง

จักรพรรดิเฝ้าดูแม่ของตนโดนลากออกไป

 

 

“แยกพวกเหล่าสาวใช้พวกนั้นออกไปขัง เจ้าพวกลูกสาวคนทรยศพวกนั้นน่ะ

ความกรุณาที่ไม่รอบคอบจะนำมาซึ่งปัญหา เหล่าทวยเทพนั้นต้องยอมรับแล้วว่านี่เป็นราตรีที่ยอดเยี่ยมที่สุด”

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 199 สงครามลิลี่ (2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 199 สงครามลิลี่ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

* * *

 

 

“มีผู้บงการเรื่องนี้อยู่”

ราชินีเฮนริเอตต้าประกาศเช่นนั้น หนึ่งในเหล่านายพลกลับถามเธอขึ้นมา

 

 

“ผู้บงการอย่างนั้นหรือครับ……? ฝ่าบาท?”

 

“ข้าหมายความตามที่พูด สถานการณ์ตอนนี้มันฉิบหายใหญ่หลวง ข้าทำได้เพียงหัวเราะเท่านั้น”

ราชินีที่ยังเยาว์และมีเรือนผมสีแดงสบถออกมา น้ำเสียงของเธอนั้นเย็นชากว่าปกติ

 

 

“การที่ข้าถูกหลอกน่ะไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด ใช่ว่าในชีวิตที่ผ่านมาข้าจะไม่เคยถูกหลอกเสียเมื่อไหร่กัน 

หากจะโดนหลอกเพิ่มอีกสักครั้งแล้วจะมีอะไรให้เสียใจกันอีกล่ะ? หากแต่คราวนี้กลับมีกำลังเสริมเพิ่มเข้ามาอย่างไม่คาดคิด ชีวิตคือ การดิ้นรนต่อสู้กันเสมออยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…….”

 

ราชินีเฮนริเอตต้าทุบกำปั้นลงไปบนโต๊ะ เสียงตุ่บดังสนั่นหวั่นไหวทั้งห้องประชุม

 

 

“ข้าไม่อาจอภัยให้กับผู้ที่ชักนำให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น สถานการณ์แบบนี้ไม่สมควรยิ่งที่จะอดทนอีกต่อไป!”

 

เหล่านายพลต่างเงียบ การพูดอะไรระหว่างที่ผู้ปกครองกำลังขึ้งโกรธนั้นเหมือนเดินเข้าไปหาหมูป่าที่กำลังอาละวาดโดยไม่ยั้งคิด

 

เฮนริเอตต้าหายใจหนักหน่วงแล้วเธอก็หัวเราะออกมา เหล่านายพลต่างมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก ก่อนหน้านี้เธอโกรธจัดแต่ตอนนี้กลับหัวเราะออกมา พวกเขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น

 

 

“ทุกคนลองคิดให้ดีสิ พวกนิยมสาธารณรัฐนั้นเคลื่อนทัพเข้ามาเร็วอย่างผิดปกติแบบนั้นได้อย่างไรกัน?”

ราชินีชี้ไปยังแผนที่บนโต๊ะ

 

“จากตำแหน่งของบัทตาเวีย กองกำลังจอมมารประจำอยู่ทางตะวันออก ขณะที่ของฟรานเคียอยู่ทางตะวันตก 

บัทตาเวียนั้นควรที่จะควรที่จะไปรวมกลุ่มกับทหารทางตะวันออกในช่วงที่รบกับกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา แต่ถึงอย่างนั้น แล้วดูสิ ว่าจริงๆมันเกิดอะไรขึ้นกัน? เจ้าพวกนิยมสาธารณรัฐพวกนั้นกลับข้ามชายแดนมาโดยใช้เวลาไม่ถึงเดือนนับตั้งแต่เราเริ่มก่อสงครามกลางเมืองนี้”

เฮนริเอตต้าพูดต่อ แน่นอนว่า มันเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสามารถเคลื่อนทัพจากฝั่งตะวันออกไปยังฝั่งตะวันตกได้ภายในหนึ่งเดือน ด้วยการที่พวกนิยมสาธารณรัฐในฟรานเคียแอบติดต่อกับบัทตาเวียอย่างลับๆ 

แต่ถึงอย่างนั้น ข้อสมมุติฐานนั้นมันไม่ถูกต้อง…….

 

“สมมุติฐานหรือครับ, ฝ่าบาท?”

 

“ถ้าหากเป็นกรณีนั้น นั่นก็หมายความว่า พวกบัทตาเวียน่ะ รู้จุดประสงค์ของพวกเราตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว”

แววตาของราชินีเฮนริเอตต้าแน่นิ่ง มันสงบเหมือนเปลวไฟสีน้ำเงิน

 

 

“การที่บริททานี่จะโจมตีฟรานเคีย แล้วมันเป็นปัญหายังไงกันล่ะ? 

พวกเราน่ะเคยรุกรานฟรานเคียมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว 

แต่คราวนี้ไม่ถึงเดือนดี …… แล้วพวกลูกอีตัวจากบัทตาเวียพวกนั้นรู้ชัดได้อย่างไรกันว่า ‘พวกเราตั้งใจจะกวาดล้างพวกนิยมสาธารณรัฐนั่น’ กัน?!”

 

“……! คนทรยศ!?”

เหล่านายพลเข้าใจประเด็นในทันที

 

ถูกต้องแล้ว ถึงแม้บัทตาเวียจะรู้ว่า บริททานี่นั้นกำลังเดินทัพ แต่พวกเขาไม่มีทางรู้แน่ชัดถึงสาเหตุการกระทำเช่นนั้น พวกเขาน่ะรู้ตัวเร็วขนาดนั้นได้อย่างไรว่า จักรพรรดิแห่งฟรานเคียตั้งใจจะกำจัดพวกนิยมสาธารณรัฐให้สิ้นซาก?

ใครบางคนปล่อยข้อมูลนั้นออกไป

ว่าง่ายๆก็คือ มีผู้ทรยศนั่นแหละ

 

บรรยากาศกลับหนาวเหน็บ เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่า มีเพียงในกลุ่มเหล่าผู้บัญชาการเท่านั้นที่จะรู้จุดมุ่งหมายการเดินทัพครั้งนี้ มีใครบางคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้เป็นผู้ทรยศพวกเขา…….

 

เฮนริเอตต้ายิ้มอย่างสบายๆ

 

“พวกเจ้าจะกังวลกันไปไย? ข้าไม่เห็นจะรู้เลยว่า เหล่าทหารกล้าแห่งบริททานี่จะขี้ขลาดเหมือนเด็กน้อยเช่นนั้น”

 

“แต่ ฝ่าบาทครับ การที่มีผู้ทรยศอยู่ในหมู่พวกเรานี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรดูเบา”

 

“ไม่มีเหตุผลที่ในหมู่พวกเราจะมีคนทรยศ”

เหล่านายพลหน้าซีดเพราะงุนงงกับคำพูดของเฮนริเอตต้า นางถอนใจออกมาอีกครั้ง

 

 

“มันมีโอกาสที่ใครบางคนทางฝั่งจักรวรรดิแฟรงเองนั่นแหละที่จะทำข้อมูลรั่ว”

สีหน้าของเหล่านายพลบิดเบี้ยว

 

“ไอ้เจ้าจักรพรรดิงี่เง่าสารเลวนั่น!”

 

“ไม่เพียงแต่ลากพวกเรามาอยู่ที่นี่ แต่เจ้านั่นมันยังเรียก พวกหมูสาธารณรัฐนั่นด้วย ไอ้ห่านั่นช่างน่ารังเกียจ!”

 

“ฝ่าบาทครับ ได้โปรดถ่ายทอดคำสั่งให้พวกเรา! พวกเราจะทำให้ปารีสกลายเป็นทะเลเพลิง”

เหล่านายพลต่างลุกขึ้นร้องตะโกน แค่คิดว่าตัวเองโดนหลอกก็ทำให้พวกเขาต้องตะโกนร้องออกมาเพื่อหวังจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนต่อองค์ราชินี

 

เฮนริเอตต้ายิ้มกว้าง

 

“ทหารหาญทุกท่าน ข้าเข้าใจดีว่าพวกท่านรู้สึกอย่างไร แต่ไม่จำเป็นต้องโกรธขนาดนั้น ข้าเคยสงสัยในความจงรักภักดีของพวกท่านหรือ? ถ้าพวกท่านโดนอ่านใจง่ายขนาดนั้นมันจะเป็นปัญหาเอานะ

 

ถือว่า พวกท่านทั้งหลายนี่สอบตกในฐานะสุภาพบุรุษที่ทำให้มาดมัวแซลรู้สึกแย่”

 

“…….”

 

พอเห็นการแสดงออกของราชินีบรรยากาศก็ชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา

เหล่านายพลกระแอมกระไอก่อนนั่งลง ฝ่าบาทรู้วิธีการทำให้พวกเรารู้สึกอาย เหล่านายพลมองกันไปมาราวกับจะกล่าวเช่นนั้น

 

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่แย่นัก นายของพวกเขาไม่สงสัยในความจงรักภักดี ไม่มีอะไรจะอุ่นใจไปมากกว่านี้แล้ว

 

ราชินีเฮนริเอตต้านั้นมีเหตุผลให้สงสัยพวกเขา เธอสามารถข่มขู่พวกเขาก็ได้ ซึ่งการทำแบบนั้นจะเพิ่มอำนาจของตัวราชินีให้มากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับบอกกับคนของเธอว่า เธอเชื่อใจพวกเขา…….

 

การกระทำแบบนั้นของเธอทำให้ชนชั้นสูงทั้งหลายใต้การดูแลของเธอยินดีรับใช้เธอด้วยความเต็มใจ ทักษะทางสังคมและทางการทหารของราชินีเฮนริเอตต้านั้นเป็นสิ่งที่คอยเกื้อหนุนตัวเธอมาโดยตลอด

 

“ทหารทุกท่าน ก่อนที่พวกท่านจะโกรธ ขอให้ลองคิดอย่างใจเย็นๆดู นี่มิใช่โอกาสอันดีอย่างนั้นหรือ?”

 

“โอกาสอันดีหรือ,ฝ่าบาท?”

 

“ไม่มีทางของที่จักรพรรดิผู้นั้นจะปล่อยข้อมูลด้วยตัวเอง ก็อย่างที่เจ้าบอกไปก่อนหน้านี้ องค์จักพรรดิของพวกเราน่ะทั้งไร้น้ำยาและโง่เขลา”

 

เหล่านายพลหัวเราะเยาะ แม้แต่ทหารเลวของบริททานี่เองก็ยังทำกับจักรพรรดิของฟรานเคียเหมือนคนโง่

 

“ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วใครกันที่ปล่อยข้อมูลให้รั่วไหล?”

 

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดินีและผู้ใกล้ชิดจักรพรรดิเสียเอง?”

 

“ไม่ผิดแน่ และยังมีพวกนิยมสาธารณรัฐนั่นด้วย”

เฮนริเอตต้าพูดต่อ

“ทุกคน ไม่สำคัญแล้วว่า ผู้ที่ทำให้ข้อมูลรั่วไหลนั้นเป็นใคร ความจริงที่สำคัญคือ นี่เป็นหลักฐานที่เห็นกันอย่างชัดเจนแล้วว่า ‘พวกนิยมสาธารณรัฐนั้นตั้งใจทรยศองค์จักรพรรดิ’ 

แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับจักรพรรดิฟรานเคียของพวกเรา”

 

ในคำพูดของราชินีนั้นแฝงความคลุมเครือบางอย่างอยู่

 

ขณะที่เหล่านายพลกำลังวุ่นวายกับการครุ่นคิด

นักบุญหญิง,แจ็กเกอลีน ลองวี่(Jacqueline Longwy) ผู้อุทิศตนให้กับกองทัพก็ขมวดคิ้วคู่งามของเธอ 

 

“อย่าบอกนะคะ…….ว่าฝ่าบาทตั้งใจจะฆ่าล้างให้สิ้น?”

 

“ถูกต้องแล้ว”

เฮนริเอตต้าแย้มยิ้ม

 

 

 

“ทุกท่านลองคิดดูสิ หากเราประกาศให้จักรพรรดิทราบว่า เจ้าพวกนิยมสาธารณรัฐพวกนั้นเป็นผู้ปล่อยข้อมูล แล้วคิดว่า จักรพรรดิที่แค่ได้ยินชื่อเจ้าพวกนั้นก็โกรธแล้ว จะมีตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างไร? 

นี่เป็นโอกาสดีที่จะกวาดล้างพวกนิยมสาธารณรัฐทั้งหมดที่อยู่ในปารีส”

 

ในวันนั้นเอง สุรเสียงของจักรพรรดิดังขึ้นด้วยความโกรธกริ้วลั่นไปทั่วทั้งปราสาท

 

พวกนิยมกษัตริย์และพวกนิยมสาธารณรัฐต่างเกลียดชังกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ขุนนางหัวรุนแรงต่างให้การสนับสนุนพวกนิยมกษัตริย์

 

จักรพรรดิได้เรียกพวกเขามาพูดคุยอย่างลับๆและบอกพวกเขาเรื่อง ‘คนทรยศ’

 

กลุ่มนิยมกษัตริย์รู้ในทันทีว่า นี่เป็นโอกาสดีที่จะกวาดล้างแมลงสาบให้สิ้นซากไปจากเมืองหลวง

สี่วันต่อมา การฆ่าล้างก็เริ่มต้นขึ้นกลางดึก

 

พวกนิยมกษัตริย์แบ่งพื้นที่ปารีสเป็นหลายๆส่วน แล้วมอบหมายให้สมาชิกแต่ละคนไปจัดการ

 

พวกเขาตะโกนว่า 

“ฆ่าคนทรยศ! ฆ่าพวกที่ทำให้ฟรานเคียแปดเปื้อน!” ขณะที่กำลังออกปฏิบัติการณ์ การสังหารนั้นถูกวางแผนมาไว้อย่างดี ผู้คนส่วนใหญ่ในปารีสต่างเป็นผู้นิยมกษัตริย์ดังนั้นจึงง่ายที่จะปลุกระดมพวกเขา

 

การฆ่าล้างนั้นอาจยากในตอนแรกเริ่ม แต่พอได้ลงมือไปแล้วก็จะไหลอาละวาดต่อไปไม่หยุดหย่อน

 

พอได้ฆ่าสักหนึ่งถึงสามคนแล้ว ต่อจากนั้นยอดที่ฆ่าฟันก็จะพุ่งสูงขึ้นกลายเป็นสิบหรือยี่สิบคนโดยไม่ยาก ความบ้าคลั่งย้อมฝูงชนเหล่านั้นให้อาละวาดไปตามตรอกซอกซอยรวมถึงถนนใหญ่

 

 

“ประหารคนทรยศขายชาติ!”

 

“เพื่อความรุ่งเรืองแห่งฟรานเคีย! อย่าได้ลังเล! องค์เทพีกำลังอวยพรพวกเรา!”

 

“ฆ่าพวกมันให้หมด ฆ่ามันไม่ต้องสนใจ เทพแห่งความตายจะเป็นผู้แยกเองว่าพวกมันดีหรือชั่ว!”

 

แม้แต่ชาวบ้านธรรมดาก็กลายเป็นพวกกระหายเลือก ทั้งกลุ่มหัวรุนแรง,ความแค้นและเกลียดชังส่วนบุคคล, บางคนก็แค่มึนเมากับการอยากฆ่าคน และสุดท้ายบางพวกก็แค่อยากปล้นชิงจากชนชั้นสูงฝ่ายสาธารณรัฐ 

เหตุผลในการเข้าร่วมม็อบนั้นแตกต่างกันออกไป

 

ทางฝ่ายผู้นิยมสาธารณรัฐเองก็รู้สึกว่าจะมีอะไรชั่วร้ายอุบัติขึ้นหนึ่งวันก่อนถูกกวาดล้าง

 

“แปลกมาก สถานการณ์ตอนนี้มันผิดปกติ…….”

 

“รีบเก็บข้าวเก็บของได้แล้ว ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น! รีบเก็บเงินเก็บทองแล้วหอบขึ้นรถม้าให้หมด!”

 

พวกเขาเก็บเงินทองแล้วหนีไปเมืองหลวง พวกเขาส่วนมากนั้นอุทิศชีวิตให้อุดมการณ์สาธารณรัฐ และยอมที่จะเผชิญหน้ากับจักรพรรดิ แต่ถึงอย่างนั้นมีเพียงส่วนน้อยที่หนีพ้น

 

พวกชนชั้นสูงและสามัญชนที่มั่งคั่งโดยมากมักจะไปอยู่กันที่เมืองหลวง

 

“เอ่อ แต่ฝ่าบาทน่ะอยู่ฝั่งนิยมกษัตริย์…….”

 

“ที่ผ่านมาพวกเราก็จ่ายภาษีถูกต้องไม่ใช่หรือยังไงกัน? ถึงจะมีอะไรเกิดขึ้น มันก็คงวุ่นวายไม่นานนั่นแหละ”

 

“ที่นี่คือ บ้านเกิดของข้า จะให้ข้าไปอยู่ไหนกันล่ะ?”

ไม่มีทางที่จักรพรรดิจะทำร้ายพวกเขาอยู่แล้ว ถูกไหม? การมองโลกในแง่ดีแบบนั้นทำให้ชีวิตพวกเขายังคงอยู่ที่นี่ต่อไปได้

 

แต่ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการมองโลกเช่นนั้นมันแพงเหลือเกิน

 

 

ความมั่งคั่งของพ่อค้าที่ร่ำรวยกลับยิ่งปลุกเร้าให้ผู้ก่อจราจลตื่นเต้น ผ่านไปหนึ่งคืน แทนที่อะไรจะสงบลง แต่กลับกลายเป็นว่า การฆ่าล้างยิ่งรุนแรงหนักเหมือนไฟลามทุ่ง 

แม้แต่พ่อค้าที่มิใช่พวกนิยมสาธารณรัฐก็ถูกทำร้าย ผู้ชาย,ผู้หญิง,คนแก่,เด็กๆ ต่างถูกหอกของผู้ก่อจราจลทิ่มเข้ากลางอก

 

ข่าลือได้บิดเบือนไปโดยสมบูรณ์ระหว่างทางว่า

ผู้นิยมสาธารณรัฐทั้งหลายพยายามจะลอบสังหารองค์จักรพรรดิ ทำให้จักรพรรดิโกรธมากจนต้องยื่นมือขอความช่วยเหลือจากบริททานี่ ให้พวกเราได้ปกป้องฝ่าบาทองค์จักรพรรดิและฟรานเคียของพวกเราด้วย…….

 

ฉากแห่งโศกนาฏกรรมเบิกม่านขึ้น จักรพรรดินีโดวาเจอร์ แคทเธอรีน เดอ เมดิชี(The Empress Dowager, Catherine de’ Medici) ตื่นขึ้นกลางดึงและลุกออกจากเตียงด้วยความตกใจ

 

จักรพรรดินีผู้เข้มงวดแห่งจักรวรรดิไม่มีเวลาพอแม้จะเปลี่ยนชุด เธอวิ่งในตัวปราสาทขณะที่ยังสวมชุดนอนและตะโกนถาม

โอ้ พระเจ้า! นี่มันเกิดอะไรขึ้น!? ทำไมเสียงกรีดร้องดังมาจากในเมือง!? ทหาร ! ทหารองค์รักษ์ไปอยู่ไหนกัน!?”

 

จักรพรรดินีโดวาเจอร์นั้นเข้ามาที่ห้องโถงบัลลังค์พร้อมกับสาวใช้ที่ตามติดมาอย่างเร่งรีบ เธอร้องขอกับลูกชายของเธอให้ยุติการฆ่าล้างเสีย

 

 

“ฝ่าบาท! ท่านเป็นจักรพรรดิแห่งฟรานเคีย! พวกเขาเป็นลูกชายลูกสาวของท่านบำรุงเลี้ยงดูให้ดี!”

 

จักรพรรดิ เฮนรี่ ที่สาม เยาะเย้ย

 

“ข้าไม่เคยเลี้ยงดูไอ้เด็กที่หันหัวหอกไปหาพ่อ และแม่ของมัน”

 

“ฝ่าบาท สิ่งนี้จะทำให้จักรวรรดิมัวหมอง! ประเทศชาติจะไร้อนาคตหากพ่อฆ่าลูกๆของตัวเอง ลูกๆจะดูหมิ่นพ่อของพวกเขา! ฝ่าบาท ข้าขอร้องล่ะ……นี่ยังไม่สายเกินไป ได้โปรดเมตตาพวกเขาด้วย…….”

 

จักรพรรดินีโดวาเจอร์คุกเข่าลง และร้องขอต่อจักรพรรดิ แม่ผู้อายุเกือบห้าสิบร้องไห้ในชุดนอน โดยเผยให้เห็นถึงผิวที่แก่ตามวัย

ทหารองค์รักษ์ได้แต่เห็นอกเห็นใจองค์จักรพรรดินี แต่ถึงอย่างนั้น จักรพรรดิหนุ่มก็ยังคงยืนกรานหนักแน่น

 

“ในประเทศชาติไม่อาจมีถึงสองรัฐบาล!”

เฮนรี่ที่ สาม คำรามขณะที่ลุกยืนขึ้น

 

“ท่านช่างน่ารักเกียจยิ่ง แม่ผู้ให้กำเนิดข้า! บุคคลที่ยึดอำนาจข้าไป และทำให้ประเทศชาติแตกเป็นเสี่ยงมิใช่ใครอื่นใดเลย คือ ตัวท่านนั่นเอง ท่านแม่

แล้วข้าจะยอมให้พวกสภาพวกนั้นที่กล้าค้ำหัวองค์จักรพรรดิเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิได้อย่างไรกัน?”

 

“เฮนรี่ ……เฮนรี่ของข้า ได้โปรดเถอะ, เมตตาพวกเขา…….”

 

“ท่านเป็นคนที่ทำให้ข้าต้องไร้ความเมตตาเอง,ท่านแม่”

 

จักรพรรดินียื่นมือขวาขณะที่ยังคุกเข่า แต่จักรพรรดิปัดมือของเธอออกไป

 

“นับจากนี้เป็นต้นไป ฟรานเคียจะมีผู้ครองอธิปไตยเพียงผู้เดียวเท่านั้น”

 

“โอ้ เหล่าทวยเทพ!”

ใบหน้าของจักรพรรดินีนั้นแดงก่ำขณะลุกขึ้น ร่างทั้งร่างของเธอสั่นเทาด้วยโทสะ

 

“หากข้าจะให้กำเนิดผู้ที่น่าอายเช่นนี้ ข้ายอมให้กำเนิดงูพิษยังดีเสียกว่า! 

ข้ารังเกียจตัวเองเหลือเกินที่เคยรู้สึกดีตอนที่ตั้งครรภ์เจ้า ! 

เหล่าทวยเทพเอย! โอ้เหล่าทวยเทพ!”

 

“ลากนางออกไป”

 

จักรพรรดิสั่งกับทหารองค์รักษ์ ทหารดูจะลังเลที่จะเข้าไปใกล้กับจักรพรรดินี จักรพรรดินีโดวาเจอร์นั้นสบถแช่งต่างๆนาๆก่อนจะถูกลากออกจากท้องพระโรง

จักรพรรดิเฝ้าดูแม่ของตนโดนลากออกไป

 

 

“แยกพวกเหล่าสาวใช้พวกนั้นออกไปขัง เจ้าพวกลูกสาวคนทรยศพวกนั้นน่ะ

ความกรุณาที่ไม่รอบคอบจะนำมาซึ่งปัญหา เหล่าทวยเทพนั้นต้องยอมรับแล้วว่านี่เป็นราตรีที่ยอดเยี่ยมที่สุด”

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+