Dungeon Defense (WN) 203 สงครามลิลี่ (6)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 203 สงครามลิลี่ (6) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

 

รุ่งเช้า เสียงแตรเขาดังลั่นจากอีกฝั่งของผืนทุ่งราบ 

 

เริ่มด้วยเสียงแตรเขาเพียงเสียงเดียว แต่ตอนนั้นเองที่ฝูงนกกระจอกต่างโผบินขึ้นสู่ฟากฟ้า เสียงแตรจำนวนมากก็ตามมาเฉกเช่นเดียวกับฝูงนกพวกนั้น

 

แตรดังมากว่า 400 ปี ยามเมื่อหน่วยออเกอร์ของกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราถูกกำจัดสิ้นภายในการปะทะครั้งเดียว

 

ไม่ว่าจะ 500 หรือ 800 ปีผ่านไป แตรเขาก็ยังคงทำงานของมันตราบเท่าที่เหล่าทหารม้ายังคงได้รับชัยชนะจากการพุ่งเข้าใส่ข้าศึก

พวกเขายังคงประกาศศักดิด้วยท่าทางอันหยิ่งทระนงว่า พวกเขาได้สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาอย่างไร

 

– ซู่วววววววววว

 

– กรรรรร, ซ่าาาา…….

 

 

เหล่าภูติวิญญาณแห่งป่ากำลังสั่นไหว

พวกนั้นคงหยั่งรู้ได้ว่า ทั้งพืชผลต้นหญ้านั้นจะโชกชุ่มไปด้วยเลือด? 

 

ภูติวิญญาณทั้งหลายปล่อยแสงสีเขียวออกมาจากหลังต้นไม้ ก่อนที่จะเตลิดหนีกลับเข้าไปในป่าทันทีที่เสียงแตรเขาดังขึ้นอีกครั้ง

 

กิ่งไม้ไหวใบไม้ขยับแม้จะไม่มีกระแสลม

 

“พลหอกรุดหน้า! พลหอกรุดหน้า!”

เหล่าคนแคระได้กระตุ้นเหล่าทหารชาวนา ถึงคนแคระจะมีร่างที่เล็กแต่มีเสียงดังทรงพลัง

 

เผ่าคนแคระเป็นหนึ่งในทหารชั้นแนวหน้าบนโลกใบนี้ พวกเขาเป็นนักรบบริสุทธิ์ตั้งแต่กำเนิด ตลอด 150ปี ที่พักอาศัยอยู่ใกล้กับดินแดนติดภูเขานั้นมีแต่สนามรบ

 

“แกเข้าใจไหม? อย่าออกห่างรั้ว! ถ้าคนข้างหน้าแกล้ม ก็แค่ขึ้นหน้าไปแทนตำแหน่งที่รั้วถัดไป”

 

“ไม่ว่าไอ้พวกอัศวินพวกนั้นมันจะบินหรือคลานมา พวกมันก็ไม่สามารถทะลวงสิ่งกีดขวางของพวกเราได้

จำไว้ให้ดี จงปกป้องรั้ว! หากรั้วอยู่ เราก็ยัง หากรั้วพัง เราก็ตาย”

คนแคระเดินแทรกไปมาระหว่างทหารแล้วตบหลังพวกเขา นั่นเป็นการกระทำเพื่อให้พวกเขาหายประหม่า

 

คนแคระทั้ง 50 คน จากกองกำลังทหารรับจ้างขวานคู่ได้กลายเป็นหัวหน้าและนำทหารเข้าสู่สมรภูมิอย่างชำนิชำนาญ

 

ชาวนาจะรู้ดีว่า ควรใช้หอกต่อต้านก็อบลินกับออร์คอย่างไร หัวหอกเหล็กพวกนั้นนอกจากแทงทะลุมอนสเตอร์แล้วก็ยังสามารถแทงทะลุคนได้ด้วยเช่นกัน

สิ่งที่พวกเขาต้องเรียนรู้ตอนนี้คือ เรื่องการประจำตำแหน่ง ไม่ใช่เรื่องการใช้อาวุธ พวกทหารรับจ้างเข้ามาช่วยทหารชาวนาเรื่องนั้น

 

 

“……ดูเหมือนราชินีแห่งบริททานี่จะงดการพูดปราศัยก่อนรบ”

 

ผมบ่นกับตัวเอง ผมที่ยืนอยู่ด้านหลังกองทัพจึงมองเห็นทหารที่มีทั้งหมด 12,000 คน 

 

เจเรมินั้นวางตัวเหมือนองค์รักษ์ ก็ได้พูดแทรกขึ้นมา

 

 

“ยิ่งกว่านั้นคือ องค์จักรพรรดิไม่ปรากฏตัว”

 

“อืมม เธอคงไม่มั่นใจในการรบแบบนั้นสิ”

 

เธอละเลยแม้กระทั่งขั้นตอนที่เหล่านักบวชจะออกมาข้างหน้าแล้วร้องเพลงสวดสรรเสริญก่อนรบ

ถึงแม้พวกเขาจะมีนักบุญหญิงก็ตาม แสดงให้เห็นว่า เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่ นั้นพุ่งเป้าไปที่การสู้รบล้วนๆ

 

– ฟู่ววววว!

หมอกชั้นบางๆในยามเช้าห้อมล้อมตัวพวกเรา มีแท่งลูกไฟราว 5 ถึง 6 แท่งพุ่งทะลุผ่านหมอกสีขาว นักเวทย์ของฝ่ายศัตรูเริ่มการโจมตีพวกเรา

 

เวทย์ไฟนั้นทรงพลังและสามารถทำให้รั้วไม้นั้นติดไฟ อย่างที่คิดไว้จริงๆ พวกเขารู้ว่าดีว่า รั้วพวกนี้น่ะเป็นอุปสรรคขัดขวาง

 

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ใช่ว่าพวกเขาจะมีนักเวทย์ฝ่ายเดียวเสียที่ไหน

 

– โปรเท้ค(Protege)!

– สคูตั้ม(Scutum)!

 

กองทัพของเรามีนักเวทย์ 25 คน นักเวทย์หอคอยนักโดยมากประกาศตัวเป็นกลาง แต่ชนชั้นสูงก็ทำได้ทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวนักเวทย์มาที่นี่ให้ได้

 

นักเวทย์นั้นกลับรังเกียจเวทย์มนตร์ของพวกเขา ทั้งที่พวกเขาใช้เวลาศึกษาวิจัยขัดเกลากันมานานหลายปี แต่กลับถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการสังหารหมู่ ดังนั้นการที่โดนเรียกตัวมาใช้งานโดยชนชั้นสูงนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย

 

 

 

ปรากฏโล่กว้างบนอากาศเหนือพวกเรา ลูกไฟถูกบล็อคไว้กลางอากาศ นักเวทย์บางส่วนก็แสดงความสามารถในการยิงสลายลูกไฟด้วยเวทย์น้ำอย่างแม่นยำ

 

 

“โว้ววววววววววววว!”

 

“ความยิ่งใหญ่แด่ฟรานเคีย!”

พอเห็นศัตรูทำพลาด ทหารของพวกเราก็ตะโกนเชียร์กันขึ้นมา คนแคระนั่นเองที่เป็นผู้นำในการร้องตะโกน

การปลุกขวัญกำลังใจทหารเป็นสิ่งที่ควรทำก่อนเข้าสู่การรบที่โหดร้าย

ในขณะเดียวกันศัตรูที่อยู่อีกฝั่งของหมอกกลับเงียบสนิท

 

 

“ดูเหมือนพวกนั้นจะเลิกโจมตีพวกเราด้วยเวทย์”

 

“แน่อยู่แล้ว! พวกนั้นคงสรุปแล้วว่า มันยากที่จะเผารั้วกั้นของพวกเรา”

 

ผมกำมือขวาแน่น เรื่องหน่วยเวทย์มนตร์พวกเรานั้นเหนือกว่า หรืออย่างแย่ก็นับว่าเสมอกัน

ในสมรภูมิที่ราบนักบุญเดนิสแห่งนี้ พวกเรามีความได้เปรียบหลายต่อหลายอย่าง

 

 

มีแม่น้ำทางฝั่งขวาและป่าอยู่ทางซ้าย ทำให้ภูมิประเทศนั้นแคบตื้น

เรื่องทางแคบนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก กองกำลังหลักของพวกเราอย่างพลหอกนั้นเมื่ออยู่ใกล้กันก็ยิ่งแข็งแกร่ง

 

“จากนี้ไปไพ่เดียวที่เหลือของราชินีก็มีแต่ใช้ทหารม้าพุ่งเข้ามาแล้ว……!”

 

ในขณะที่ทหารม้านั้นที่ยิ่งกว้างเท่าไหร่ก็ยิ่งแข็งแกร่ง

พวกทหารม้าปกติจะติดหอกยาว 3 หรือ 4 เมตร ทหารม้าของบริททานี่นั้นเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องการใช้หอกยาวถึง 8 เมตร

และแม้จะเป็นทหารม้าธรรมดาที่ไม่สามารถใช้ออร่าได้ก็ยังใช้หอกยาว 4 หรือเมตร…….

 

ทหารม้ายืนเรียงแถวโดยมีหอกในมือ แค่เห็นก็ชวนขนลุกแล้ว

แต่หากพวกเขาจะต้องสู้ในพื้นที่แคบอย่างที่ราบ นักบุญเดนิส? มันจะลดทอนความสามารถในการพุ่งกระแทกได้มากเลยล่ะ

และยิ่งหนักหนาไปกว่านั้นด้วยการที่พวกเราตั้งรั้วไม้ไว้ต่อหน้ากองทัพศัตรู มีเพียงช่องทางแคบๆเล็กๆระหว่างรั้วเท่านั้น

 

พวกทหารม้าบริททานี่จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเล็งไปที่ช่องแคบๆพวกนั้น ซึ่งนั่นทำให้ความแข็งแกร่งของทางม้าหดหายลงไปอย่างมาก

 

พลหอกในกองทัพของพวกเราเป็นเหมือนตอกฝาโลง โดยมีทั้งหอกยาว 5 เมตร ทั้งรั้วไม้ แถมพวกนั้นยังต้องสู้กับทั้งทหารม้าและอัศวินอีก ผมมั่นใจเลยล่ะว่า นี่จะเป็นสุสานของพวกเขา

 

 

– ฉึบ ฉับ, สึบ สับ, ฉึบ ฉับ…….

 

บางส่วนของทหารม้าปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลังหมอก พวกนั้นห่างจากแนวกั้นแค่ 200 เมตรเองรึ?

หนึ่งร้อยนาย ทหารม้าหนึ่งร้อยนายที่สวมหมวกและชุดเกราะหรูหราพาม้ามาวิ่งเหยาะ

เกราะเหล็กนับไม่ถ้วนที่เข้ามาใกล้มันให้ความรู้สึกเหมือนกับคลื่นสึนามิสีเงิน

 

“อะไรที่น่าตื่นตายังคงน่าตื่นตาอยู่เช่นเคยสินะ”

 

ผมกำไม้คทาออกคำสั่งแน่น

ทหารม้าพวกนั้นเข้าประชิดพวกเราขนาดนี้ มันเป็นสัญญาณบอกแล้วว่า การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

 

“เจเรมิ สั่งให้พวกเขายิง!”

 

“รับทราล!”

ทันทีที่เจเรมิส่งสัญญาณมือออกไป มือสังหารทั้งหลายที่สวมชุดทหารต่างยกธงขึ้น

คนแคระที่อยู่ข้างหน้าที่ได้รับสัญญาณก็ตะโกนดังลั่น

เตรียมธนู! เตรียมธนู!

 

พลธนูกว่า 3,00 นายยกสายธนูขึ้นหลังคำสั่งเล็กน้อย

 

กองทหารของพวกเราไม่ไร้เดียงสาพอที่จะมีแต่พลหอกหรอก พวกเราส่งพลธนูทั้งหลายไปประจำตำแหน่งด้านหลังด้วยเช่นกัน

 

ขณะที่พลหอกของพวกเราขวางพวกอัศวินที่พุ่งเข้ามาชนรั้วไม้ พลธนูของฝ่ายเราก็ระดมสาดห่าฝนธนูใส่พวกเขาด้วย มันเป็นการผสมผสานกันได้อย่างลงตัว

 

พวกคนแคระตะโกนสั่งการอย่างแข็งขัน

 

“ยิงเลย! ยิง!”

 

ฝูงธนูที่ลอยขึ้นไปบนฟากฟ้าก่อนตกลงมาสู่ทหารม้าของบริททานี่

ทหารม้าเกือบ 20 นายตกจากหลังม้า ธนูอาจไม่ได้ผลกับทหารม้าเกราะหนัก และพวกที่สวมเกราะเหล็กแต่สำหรับตัวม้า นับเป็นโชคไม่ดีเลยที่มันต้องรับธนูไปแทน

 

ผมกู่ร้องออกมา

 

 

“ดีมาก! ระดมยิงต่อไปอย่าหยุด! ข้าจะจ่ายค่าธนูของพวกเราเต็มที่ไปเลย!”

 

“พลหอก! พลหอกเดินหน้า!”

 

ทหารม้านั้นพยายามที่จะหลบเลี่ยงธนูอย่างรวดเร็วหลังจากมาถึงตรงหน้าแนวรั้วของพวกเรา

 

20 คนที่หล่นจากหลังม้าอาจฟังดูเป็นจำนวนไม่มากนัก แต่นั่นก็แปลว่า มีคนถึง 20 คนที่ไร้ประโยชน์แล้วหลังจากยิงระลอกแรกออกไป

 

ถ้าเรายิงระลอกต่อไปอีก ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้นับร้อยคนนั้นทำอะไรไม่ได้อีก ความสูญเสียจะยิ่งมากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆตราบใดที่พวกเขาไม่อาจทะลุทะลวงแนวเครื่องกีดขวางของพวกเราได้

 

 

“อ้าาา……!”

อยู่ๆเจเรมิกลับร้องลั่นออกมา ผมหันไปก็เห็นดวงตาของเธอเบิกกว้าง

“ฉันว่ามีอะไรแปลกๆแล้ว! ผู้บัญชาการ! พวกเขาไม่มีมัน!”

 

“ไม่มีมันอย่างนั้นหรือ? มันที่ว่านั่นคืออะไร?”

 

“หอกของพวกเขาน่ะค่ะ!”

เจเรมิตะโกนขึ้นมา

 

“พวกเขาไม่มีหอกมาด้วย!”

 

“อะไรนะ?”

 

ผมถึงกับผงะด้วยความประหลาดใจ เกราะสีเงินพวกนั้นไม่เปิดช่องว่างแม้แต่น้อย ม้าสงครามที่เลี้ยงม้าด้วยการผสมกับพวกมอนสเตอร์ พวกเขามีทุกสิ่งอย่างที่พึงจะมีสำหรับทหารม้าเกราะหนัก ━ เว้นไว้อย่างเดียวนั่นคือ พวกเขาไม่มีหอกยาว!

 

มันควรที่จะมี หอกยาว 8 เมตร ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบริททานี่ ซึ่งปกติจะสร้างความหวาดกลัวให้กับทหารเดินทัพ หรือแม้แต่หอกทั่วๆไปที่ยาว 5 เมตรก็ไม่มีเช่นกัน

 

ิสิ่งที่ทหารม้าเกราะหนักถือกลับไม่ใช่หากแต่เป็นอย่างอื่นที่ต่างออกไป

 

“ธนู ธนูอย่างนั้นรึ……!?”

 

ณ เวลานั้นเองที่ธนูนับร้อยปลิวลอยมาในอากาศ กองทหารม้าของบริททานี่นั้นกลายเป็นพลธนูบนหลังม้าแทน! 

พวกเขาอยู่ในระยะ 10 เมตร ตรงหน้าเครื่องกั้นก่อนจะระดมยิงธนู กองทหารของพวกเราถึงกับตกตะลึงในการโจมตีที่ไม่คาดคิดมาก่อน

 

“ธ-ธนู!”

 

เสียงกรีดร้องดังตรงนั้นตรงนี้ ทหารที่ยังเกาะกับแนวรั้วถูกยิงฟุบลงด้วยลูกธนู 

นับโหลด ไม่สิ แค่มองผาดๆก็บอกได้เลยว่า พลหอกนับร้อยล้มตายลงไปแล้ว

ผิดกับพวกทหารเกราะหนักที่สวมชุดเกราะเต็มคราบ ฝ่ายเราโดยมากนั้นเป็นชาวนา จึงไม่อาจป้องกันการโจมตีจากลูกธนูได้เลย

 

พลธนูบนหลังม้าของบริททานี่เองก็ยังคงระดมยิง และหมุนเวียนเปลี่ยนผลัดกันในระยะไม่ไกลจากแนวกั้นของฝ่ายเรา แถวหน้าระดมยิงธนูจากนั้นก็ถอยไปเปลี่ยนให้แถวหลังออกมายิงต่อ

 

เมื่อเป็นแบบนั้นเข้า มันจึงดูเหมือนอีกฝ่ายระดมยิงกันมาไม่หยุดไม่หย่อน

ฝูงผึ้ง! พวกนั้นใช่กลยุทธฝูงผึ้ง!

 

ทหารม้าของบริททานี่ที่ได้ชื่อว่า มีวินัยมากที่สุดในทวีปกลับใช้กลยุทธพลธนูบนหลังม้าที่พวกชนเผ่านักรบเร่ร่อนชอบใช้กัน

 

 

“อ๊ากกก! หลบ!”

 

“เจ้าโง่เอ๊ย ! ยกโล่ของมึงขึ้นสิวะ! ยกโล่ขึ้น!”

 

“อั่กก, แขน, แขนข้า!”

 

กองทหารของพวกเราปั่นป่วนในทันที พลหอกพยายามเต็มที่ที่จะปัดป้องธนูด้วยโล่ไม้เล็กๆ

 

พวกชาวนารีบยกโล่ขึ้นคุ้มหัว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอกับห่าฝนธนูเช่นนี้ ย่อมเป็นปรกติที่พวกเขาจะเผลอลดหอกลง

 

ผมถึงกับอึ้งโง่จนพูดอะไรไม่ออกเลย ถ้อยคำที่ออกมาจากปากตอนนี้กลับเป็นเสียงที่บ่งบอกความอัศจรรย์ในแทนที่จะเป็นประโยคครบถ้วนสมบูรณ์

 

 

“แก เล็งสิ่งนี้อยู่สินะ เฮนริเอตต้า……!?”

 

“ผู้บัญชาการคะ! โปรดออกคำสั่ง!”

 

เจเรมิดึงสติผมกลับมา

 

แม่งเอ๊ย ผมแทบไม่มีเวลาให้โกรธด้วยซ้ำ รูปขบวนของพวกเรายังคงอยู่ได้ต้องขอบคุณเหล่าคนแคระจริงๆ แต่หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกเราจะสูญเสียไปเรื่อยๆ ผมขบเคี่ยวเคี้ยวฟันแล้วตะโกน

 

“สู้ธนูด้วยธนู! ส่งพลธนูออกไป และให้พวกที่เหลือใช้โล่ปกป้องพลธนู!”

 

“ถ่ายทอดคำสั่งในทันที!!”

นับเป็นโชคดีอย่างมากที่พวกเขาเป็นมือสังหารแนวหน้าที่แย่งกันเป็นอันดับต้นๆขอโลกปีศาจ ถึงจะมีพลหอกนับพันแออัดกันทั่ว พวกมือสังหารก็สามารถพุ่งตัวอย่างช่ำชองแล้วไปมอบคำสั่งให้กับคนแคระ

ไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำนับตั้งแต่ผมสั่งการออกไป คนแคระก็เริ่มตะโกนออกคำสั่ง

 

“พลธนูไปข้างหน้า! พลธนูไปข้างหน้าาาาาาา!”

 

“คุ้มกันพลธนูด้วยโล่! ทุกคน อย่าไปกลัว! พลธนูเอาชนะพลธนูขี่ม้าได้เสมอ!!”

 

“เชื่อมั่นใจพรรคพวก! ปกป้องพรรคพวก!”

 

ทหารต่างขยับตัวกันอย่างเร่งรีบ พลธนูได้เข้าไปรวมกับแนวหน้าแล้ว พลธนูที่เคยลนลานด้วยความตื่นกลัวกลับถูกพรรคพวกดันไปข้างหน้า และได้รับการช่วยเหลือจากสหาย

อาจจะช้าไปสักเล็กน้อย แต่พวกเราก็เริ่มยิงโต้ คนแคระเก่งมากเรื่องการปลุกกำลังใจ

 

“เล็งไปที่ม้า! ยิงไปที่ม้า!!”

พลธนู 3,000 นายเหล่านั้นโดยมากเป็นนักล่า ดังนั้นพวกเขาจะไม่ยิงเป็นห่าฝนเหมือนดั่งพลธนูที่ฝึกทหาร แต่พวกเขาจะเล็งยิงอย่างแม่นยำ

 

พลธนูที่ไว้ใจว่าตนเองจะได้รับการปกป้องจากเพื่อนพ้องทำให้พวกเขาสามารถยิงธนูได้

 

“แม่งเอ๊ย!”

 

ผมไม่อาจสะกดกลั้นความโกรธ จึงกระทืบพื้น ผมนี่มันโง่โดยแท้!

 

ราชินีเฮนริตต้ารู้ดีอยู่แล้วว่า พวกเราจะต้องทำการตั้งรับ ฝ่ายพวกเรานั้นเปี่ยมไปด้วยกำลังใจเพราะได้สู้ในที่ราบนักบุญเดนิส แต่ถึงอย่างนั้นนั่นก็เป็นสิ่งที่ราชินีเฮนริเอตต้าคาดไว้เช่นกัน

 

ผมขบฟัน ทั้งๆที่ผมมีประสบการณ์เรื่องนี้มาก่อนอยู่แล้ว

มาร์คกราฟ โรเซนเบิร์ก เขาได้ฝึกทหารม้าให้กลายเป็นพลธนูบนหลังม้า

 

“หรือนี่กำลังจะซ้ำรอยกับออสเตอร์ลิทช์กัน……!?”

 

พลหอกนับหมื่นที่ออกันอยู่ในที่ราบแคบๆ

นั่นเป็นโอกาสล้ำค่าที่จะทำให้ฝ่ายเราสูญเสียให้มากที่สุดด้วยการใช้ธนูระดมยิงใส่

พวกเรามัวแต่กังวลกับทหารม้าของบริททานี่พุ่งเข้ามาจนไม่ได้เตรียมการรับมือกับพลธนูบนหลังม้า

 

“ผู้บัญชาการคะ พวกเรายังคงได้เปรียบอยู่”

เจเรมิพูดกับผมอย่างนิ่งสงบ เธอไม่ได้แสดงสีหน้าปลอมๆ อารมณ์ปลอมๆเหมือนอย่างทุกที 

 ความสงบนิ่งเยือกเย็นของเธอแสดงออกมาทางสีหน้า

 

“หากพวกเรายังคงปกป้องพลธนูของฝ่ายเราด้วยโล่ต่อไป พลธนูหลังม้าของอีกฝ่ายก็มีแต่ต้องล่าถอน ดูนั่นสิคะ รั้วไม้ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี”

เจเรมิพูดถูก ผมแน่ใจเลยล่ะว่า รั้วของพวกเรานั้นแข็งแรงทนทานเป็นอย่างมาก แถมพวกมันยังทำหน้าที่เป็นโล่กันธนูได้เป็นอย่างดี

 

นักธนูจำนวนหนึ่งเอาร่างแนบกับรั้วไม้เพื่อเลี่ยงการโจมตีของอีกฝ่าย แล้วแอบมองลอดช่องเล็กๆระหว่างรั้วเพื่อหาจังหวะยิงสวน พลหอกนั้นค่อยๆถอยตัวออกห่างมายังจุดที่ลูกธนูพุ่งมาไม่ถึง

 

“ข้ารู้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็รู้สึกแย่ที่ปล่อยให้ตัวเองโดยราชินีเฮนริเอตต้าปั่นหัวเอา!”

 

“การจู่โจมฉับพลันของพวกนั้นได้ผลดีทีเดียว แต่ก็ไม่สร้างความเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ราชินีเฮนริเอตต้ายังเสียเปรียบอยู่ หากพวกเรายังคงรักษาความเยือกเย็นไว้ได้…….”

 

เจเรมิมองไปเบื้องหน้าของพวกเรา ผมกลับสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์บา่งอย่างของเธอและมองตามเธอไป

พวกพลธนูบนหลังม้าถอยกลับไปแล้ว มีเพียงม้าศึกไม่กี่ตัวนอนแผ่อยู่ตรงนั้นตรงนี้กระจายบนพื้น

จากที่ดูแล้ว ดูเหมือนพวกนั้นต้องถอนตัวเพื่อเลี่ยงธนูของพวกเรา

 

“แนวรบที่สองของพวกนั้น……!”

ทหารม้าที่อยู่แนวรบที่สองได้ขึ้นมาข้างหน้า สลับกับแนวรบแรก

ทหารม้าที่สวมเกราะอย่างดีกว่าพลธนูบนหลังม้าได้ก้าวออกมาเต็มตัว

นั่นแหละ อัศวินของพวกนั้น อัศวินที่สวมชุดคลุมและมีการปักลวดลายเป็นดอกลิลี่สีดำซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของบริททานี่ 

 

แม้แต่ม้าก็ยังสวมเกราะครบครัน

นี่ต่างจากแนวรบแรก ทหารม้าในชุดสองนี้สวมเกราะเต็มยศ ใช่แล้ว สมเกราะเต็มยศ! พวกเขามาพรอมกับหอกยาว 8 เมตร!

 

ทหารของฝ่ายเรากู่ร้องออกมาในทันที

 

“อัศวิน! ทหารม้าจะพุ่งเข้ามาแล้ว━!”

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 203 สงครามลิลี่ (6)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 203 สงครามลิลี่ (6) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

 

รุ่งเช้า เสียงแตรเขาดังลั่นจากอีกฝั่งของผืนทุ่งราบ 

 

เริ่มด้วยเสียงแตรเขาเพียงเสียงเดียว แต่ตอนนั้นเองที่ฝูงนกกระจอกต่างโผบินขึ้นสู่ฟากฟ้า เสียงแตรจำนวนมากก็ตามมาเฉกเช่นเดียวกับฝูงนกพวกนั้น

 

แตรดังมากว่า 400 ปี ยามเมื่อหน่วยออเกอร์ของกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราถูกกำจัดสิ้นภายในการปะทะครั้งเดียว

 

ไม่ว่าจะ 500 หรือ 800 ปีผ่านไป แตรเขาก็ยังคงทำงานของมันตราบเท่าที่เหล่าทหารม้ายังคงได้รับชัยชนะจากการพุ่งเข้าใส่ข้าศึก

พวกเขายังคงประกาศศักดิด้วยท่าทางอันหยิ่งทระนงว่า พวกเขาได้สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาอย่างไร

 

– ซู่วววววววววว

 

– กรรรรร, ซ่าาาา…….

 

 

เหล่าภูติวิญญาณแห่งป่ากำลังสั่นไหว

พวกนั้นคงหยั่งรู้ได้ว่า ทั้งพืชผลต้นหญ้านั้นจะโชกชุ่มไปด้วยเลือด? 

 

ภูติวิญญาณทั้งหลายปล่อยแสงสีเขียวออกมาจากหลังต้นไม้ ก่อนที่จะเตลิดหนีกลับเข้าไปในป่าทันทีที่เสียงแตรเขาดังขึ้นอีกครั้ง

 

กิ่งไม้ไหวใบไม้ขยับแม้จะไม่มีกระแสลม

 

“พลหอกรุดหน้า! พลหอกรุดหน้า!”

เหล่าคนแคระได้กระตุ้นเหล่าทหารชาวนา ถึงคนแคระจะมีร่างที่เล็กแต่มีเสียงดังทรงพลัง

 

เผ่าคนแคระเป็นหนึ่งในทหารชั้นแนวหน้าบนโลกใบนี้ พวกเขาเป็นนักรบบริสุทธิ์ตั้งแต่กำเนิด ตลอด 150ปี ที่พักอาศัยอยู่ใกล้กับดินแดนติดภูเขานั้นมีแต่สนามรบ

 

“แกเข้าใจไหม? อย่าออกห่างรั้ว! ถ้าคนข้างหน้าแกล้ม ก็แค่ขึ้นหน้าไปแทนตำแหน่งที่รั้วถัดไป”

 

“ไม่ว่าไอ้พวกอัศวินพวกนั้นมันจะบินหรือคลานมา พวกมันก็ไม่สามารถทะลวงสิ่งกีดขวางของพวกเราได้

จำไว้ให้ดี จงปกป้องรั้ว! หากรั้วอยู่ เราก็ยัง หากรั้วพัง เราก็ตาย”

คนแคระเดินแทรกไปมาระหว่างทหารแล้วตบหลังพวกเขา นั่นเป็นการกระทำเพื่อให้พวกเขาหายประหม่า

 

คนแคระทั้ง 50 คน จากกองกำลังทหารรับจ้างขวานคู่ได้กลายเป็นหัวหน้าและนำทหารเข้าสู่สมรภูมิอย่างชำนิชำนาญ

 

ชาวนาจะรู้ดีว่า ควรใช้หอกต่อต้านก็อบลินกับออร์คอย่างไร หัวหอกเหล็กพวกนั้นนอกจากแทงทะลุมอนสเตอร์แล้วก็ยังสามารถแทงทะลุคนได้ด้วยเช่นกัน

สิ่งที่พวกเขาต้องเรียนรู้ตอนนี้คือ เรื่องการประจำตำแหน่ง ไม่ใช่เรื่องการใช้อาวุธ พวกทหารรับจ้างเข้ามาช่วยทหารชาวนาเรื่องนั้น

 

 

“……ดูเหมือนราชินีแห่งบริททานี่จะงดการพูดปราศัยก่อนรบ”

 

ผมบ่นกับตัวเอง ผมที่ยืนอยู่ด้านหลังกองทัพจึงมองเห็นทหารที่มีทั้งหมด 12,000 คน 

 

เจเรมินั้นวางตัวเหมือนองค์รักษ์ ก็ได้พูดแทรกขึ้นมา

 

 

“ยิ่งกว่านั้นคือ องค์จักรพรรดิไม่ปรากฏตัว”

 

“อืมม เธอคงไม่มั่นใจในการรบแบบนั้นสิ”

 

เธอละเลยแม้กระทั่งขั้นตอนที่เหล่านักบวชจะออกมาข้างหน้าแล้วร้องเพลงสวดสรรเสริญก่อนรบ

ถึงแม้พวกเขาจะมีนักบุญหญิงก็ตาม แสดงให้เห็นว่า เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่ นั้นพุ่งเป้าไปที่การสู้รบล้วนๆ

 

– ฟู่ววววว!

หมอกชั้นบางๆในยามเช้าห้อมล้อมตัวพวกเรา มีแท่งลูกไฟราว 5 ถึง 6 แท่งพุ่งทะลุผ่านหมอกสีขาว นักเวทย์ของฝ่ายศัตรูเริ่มการโจมตีพวกเรา

 

เวทย์ไฟนั้นทรงพลังและสามารถทำให้รั้วไม้นั้นติดไฟ อย่างที่คิดไว้จริงๆ พวกเขารู้ว่าดีว่า รั้วพวกนี้น่ะเป็นอุปสรรคขัดขวาง

 

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ใช่ว่าพวกเขาจะมีนักเวทย์ฝ่ายเดียวเสียที่ไหน

 

– โปรเท้ค(Protege)!

– สคูตั้ม(Scutum)!

 

กองทัพของเรามีนักเวทย์ 25 คน นักเวทย์หอคอยนักโดยมากประกาศตัวเป็นกลาง แต่ชนชั้นสูงก็ทำได้ทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวนักเวทย์มาที่นี่ให้ได้

 

นักเวทย์นั้นกลับรังเกียจเวทย์มนตร์ของพวกเขา ทั้งที่พวกเขาใช้เวลาศึกษาวิจัยขัดเกลากันมานานหลายปี แต่กลับถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการสังหารหมู่ ดังนั้นการที่โดนเรียกตัวมาใช้งานโดยชนชั้นสูงนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย

 

 

 

ปรากฏโล่กว้างบนอากาศเหนือพวกเรา ลูกไฟถูกบล็อคไว้กลางอากาศ นักเวทย์บางส่วนก็แสดงความสามารถในการยิงสลายลูกไฟด้วยเวทย์น้ำอย่างแม่นยำ

 

 

“โว้ววววววววววววว!”

 

“ความยิ่งใหญ่แด่ฟรานเคีย!”

พอเห็นศัตรูทำพลาด ทหารของพวกเราก็ตะโกนเชียร์กันขึ้นมา คนแคระนั่นเองที่เป็นผู้นำในการร้องตะโกน

การปลุกขวัญกำลังใจทหารเป็นสิ่งที่ควรทำก่อนเข้าสู่การรบที่โหดร้าย

ในขณะเดียวกันศัตรูที่อยู่อีกฝั่งของหมอกกลับเงียบสนิท

 

 

“ดูเหมือนพวกนั้นจะเลิกโจมตีพวกเราด้วยเวทย์”

 

“แน่อยู่แล้ว! พวกนั้นคงสรุปแล้วว่า มันยากที่จะเผารั้วกั้นของพวกเรา”

 

ผมกำมือขวาแน่น เรื่องหน่วยเวทย์มนตร์พวกเรานั้นเหนือกว่า หรืออย่างแย่ก็นับว่าเสมอกัน

ในสมรภูมิที่ราบนักบุญเดนิสแห่งนี้ พวกเรามีความได้เปรียบหลายต่อหลายอย่าง

 

 

มีแม่น้ำทางฝั่งขวาและป่าอยู่ทางซ้าย ทำให้ภูมิประเทศนั้นแคบตื้น

เรื่องทางแคบนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก กองกำลังหลักของพวกเราอย่างพลหอกนั้นเมื่ออยู่ใกล้กันก็ยิ่งแข็งแกร่ง

 

“จากนี้ไปไพ่เดียวที่เหลือของราชินีก็มีแต่ใช้ทหารม้าพุ่งเข้ามาแล้ว……!”

 

ในขณะที่ทหารม้านั้นที่ยิ่งกว้างเท่าไหร่ก็ยิ่งแข็งแกร่ง

พวกทหารม้าปกติจะติดหอกยาว 3 หรือ 4 เมตร ทหารม้าของบริททานี่นั้นเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องการใช้หอกยาวถึง 8 เมตร

และแม้จะเป็นทหารม้าธรรมดาที่ไม่สามารถใช้ออร่าได้ก็ยังใช้หอกยาว 4 หรือเมตร…….

 

ทหารม้ายืนเรียงแถวโดยมีหอกในมือ แค่เห็นก็ชวนขนลุกแล้ว

แต่หากพวกเขาจะต้องสู้ในพื้นที่แคบอย่างที่ราบ นักบุญเดนิส? มันจะลดทอนความสามารถในการพุ่งกระแทกได้มากเลยล่ะ

และยิ่งหนักหนาไปกว่านั้นด้วยการที่พวกเราตั้งรั้วไม้ไว้ต่อหน้ากองทัพศัตรู มีเพียงช่องทางแคบๆเล็กๆระหว่างรั้วเท่านั้น

 

พวกทหารม้าบริททานี่จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเล็งไปที่ช่องแคบๆพวกนั้น ซึ่งนั่นทำให้ความแข็งแกร่งของทางม้าหดหายลงไปอย่างมาก

 

พลหอกในกองทัพของพวกเราเป็นเหมือนตอกฝาโลง โดยมีทั้งหอกยาว 5 เมตร ทั้งรั้วไม้ แถมพวกนั้นยังต้องสู้กับทั้งทหารม้าและอัศวินอีก ผมมั่นใจเลยล่ะว่า นี่จะเป็นสุสานของพวกเขา

 

 

– ฉึบ ฉับ, สึบ สับ, ฉึบ ฉับ…….

 

บางส่วนของทหารม้าปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลังหมอก พวกนั้นห่างจากแนวกั้นแค่ 200 เมตรเองรึ?

หนึ่งร้อยนาย ทหารม้าหนึ่งร้อยนายที่สวมหมวกและชุดเกราะหรูหราพาม้ามาวิ่งเหยาะ

เกราะเหล็กนับไม่ถ้วนที่เข้ามาใกล้มันให้ความรู้สึกเหมือนกับคลื่นสึนามิสีเงิน

 

“อะไรที่น่าตื่นตายังคงน่าตื่นตาอยู่เช่นเคยสินะ”

 

ผมกำไม้คทาออกคำสั่งแน่น

ทหารม้าพวกนั้นเข้าประชิดพวกเราขนาดนี้ มันเป็นสัญญาณบอกแล้วว่า การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

 

“เจเรมิ สั่งให้พวกเขายิง!”

 

“รับทราล!”

ทันทีที่เจเรมิส่งสัญญาณมือออกไป มือสังหารทั้งหลายที่สวมชุดทหารต่างยกธงขึ้น

คนแคระที่อยู่ข้างหน้าที่ได้รับสัญญาณก็ตะโกนดังลั่น

เตรียมธนู! เตรียมธนู!

 

พลธนูกว่า 3,00 นายยกสายธนูขึ้นหลังคำสั่งเล็กน้อย

 

กองทหารของพวกเราไม่ไร้เดียงสาพอที่จะมีแต่พลหอกหรอก พวกเราส่งพลธนูทั้งหลายไปประจำตำแหน่งด้านหลังด้วยเช่นกัน

 

ขณะที่พลหอกของพวกเราขวางพวกอัศวินที่พุ่งเข้ามาชนรั้วไม้ พลธนูของฝ่ายเราก็ระดมสาดห่าฝนธนูใส่พวกเขาด้วย มันเป็นการผสมผสานกันได้อย่างลงตัว

 

พวกคนแคระตะโกนสั่งการอย่างแข็งขัน

 

“ยิงเลย! ยิง!”

 

ฝูงธนูที่ลอยขึ้นไปบนฟากฟ้าก่อนตกลงมาสู่ทหารม้าของบริททานี่

ทหารม้าเกือบ 20 นายตกจากหลังม้า ธนูอาจไม่ได้ผลกับทหารม้าเกราะหนัก และพวกที่สวมเกราะเหล็กแต่สำหรับตัวม้า นับเป็นโชคไม่ดีเลยที่มันต้องรับธนูไปแทน

 

ผมกู่ร้องออกมา

 

 

“ดีมาก! ระดมยิงต่อไปอย่าหยุด! ข้าจะจ่ายค่าธนูของพวกเราเต็มที่ไปเลย!”

 

“พลหอก! พลหอกเดินหน้า!”

 

ทหารม้านั้นพยายามที่จะหลบเลี่ยงธนูอย่างรวดเร็วหลังจากมาถึงตรงหน้าแนวรั้วของพวกเรา

 

20 คนที่หล่นจากหลังม้าอาจฟังดูเป็นจำนวนไม่มากนัก แต่นั่นก็แปลว่า มีคนถึง 20 คนที่ไร้ประโยชน์แล้วหลังจากยิงระลอกแรกออกไป

 

ถ้าเรายิงระลอกต่อไปอีก ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้นับร้อยคนนั้นทำอะไรไม่ได้อีก ความสูญเสียจะยิ่งมากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆตราบใดที่พวกเขาไม่อาจทะลุทะลวงแนวเครื่องกีดขวางของพวกเราได้

 

 

“อ้าาา……!”

อยู่ๆเจเรมิกลับร้องลั่นออกมา ผมหันไปก็เห็นดวงตาของเธอเบิกกว้าง

“ฉันว่ามีอะไรแปลกๆแล้ว! ผู้บัญชาการ! พวกเขาไม่มีมัน!”

 

“ไม่มีมันอย่างนั้นหรือ? มันที่ว่านั่นคืออะไร?”

 

“หอกของพวกเขาน่ะค่ะ!”

เจเรมิตะโกนขึ้นมา

 

“พวกเขาไม่มีหอกมาด้วย!”

 

“อะไรนะ?”

 

ผมถึงกับผงะด้วยความประหลาดใจ เกราะสีเงินพวกนั้นไม่เปิดช่องว่างแม้แต่น้อย ม้าสงครามที่เลี้ยงม้าด้วยการผสมกับพวกมอนสเตอร์ พวกเขามีทุกสิ่งอย่างที่พึงจะมีสำหรับทหารม้าเกราะหนัก ━ เว้นไว้อย่างเดียวนั่นคือ พวกเขาไม่มีหอกยาว!

 

มันควรที่จะมี หอกยาว 8 เมตร ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบริททานี่ ซึ่งปกติจะสร้างความหวาดกลัวให้กับทหารเดินทัพ หรือแม้แต่หอกทั่วๆไปที่ยาว 5 เมตรก็ไม่มีเช่นกัน

 

ิสิ่งที่ทหารม้าเกราะหนักถือกลับไม่ใช่หากแต่เป็นอย่างอื่นที่ต่างออกไป

 

“ธนู ธนูอย่างนั้นรึ……!?”

 

ณ เวลานั้นเองที่ธนูนับร้อยปลิวลอยมาในอากาศ กองทหารม้าของบริททานี่นั้นกลายเป็นพลธนูบนหลังม้าแทน! 

พวกเขาอยู่ในระยะ 10 เมตร ตรงหน้าเครื่องกั้นก่อนจะระดมยิงธนู กองทหารของพวกเราถึงกับตกตะลึงในการโจมตีที่ไม่คาดคิดมาก่อน

 

“ธ-ธนู!”

 

เสียงกรีดร้องดังตรงนั้นตรงนี้ ทหารที่ยังเกาะกับแนวรั้วถูกยิงฟุบลงด้วยลูกธนู 

นับโหลด ไม่สิ แค่มองผาดๆก็บอกได้เลยว่า พลหอกนับร้อยล้มตายลงไปแล้ว

ผิดกับพวกทหารเกราะหนักที่สวมชุดเกราะเต็มคราบ ฝ่ายเราโดยมากนั้นเป็นชาวนา จึงไม่อาจป้องกันการโจมตีจากลูกธนูได้เลย

 

พลธนูบนหลังม้าของบริททานี่เองก็ยังคงระดมยิง และหมุนเวียนเปลี่ยนผลัดกันในระยะไม่ไกลจากแนวกั้นของฝ่ายเรา แถวหน้าระดมยิงธนูจากนั้นก็ถอยไปเปลี่ยนให้แถวหลังออกมายิงต่อ

 

เมื่อเป็นแบบนั้นเข้า มันจึงดูเหมือนอีกฝ่ายระดมยิงกันมาไม่หยุดไม่หย่อน

ฝูงผึ้ง! พวกนั้นใช่กลยุทธฝูงผึ้ง!

 

ทหารม้าของบริททานี่ที่ได้ชื่อว่า มีวินัยมากที่สุดในทวีปกลับใช้กลยุทธพลธนูบนหลังม้าที่พวกชนเผ่านักรบเร่ร่อนชอบใช้กัน

 

 

“อ๊ากกก! หลบ!”

 

“เจ้าโง่เอ๊ย ! ยกโล่ของมึงขึ้นสิวะ! ยกโล่ขึ้น!”

 

“อั่กก, แขน, แขนข้า!”

 

กองทหารของพวกเราปั่นป่วนในทันที พลหอกพยายามเต็มที่ที่จะปัดป้องธนูด้วยโล่ไม้เล็กๆ

 

พวกชาวนารีบยกโล่ขึ้นคุ้มหัว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอกับห่าฝนธนูเช่นนี้ ย่อมเป็นปรกติที่พวกเขาจะเผลอลดหอกลง

 

ผมถึงกับอึ้งโง่จนพูดอะไรไม่ออกเลย ถ้อยคำที่ออกมาจากปากตอนนี้กลับเป็นเสียงที่บ่งบอกความอัศจรรย์ในแทนที่จะเป็นประโยคครบถ้วนสมบูรณ์

 

 

“แก เล็งสิ่งนี้อยู่สินะ เฮนริเอตต้า……!?”

 

“ผู้บัญชาการคะ! โปรดออกคำสั่ง!”

 

เจเรมิดึงสติผมกลับมา

 

แม่งเอ๊ย ผมแทบไม่มีเวลาให้โกรธด้วยซ้ำ รูปขบวนของพวกเรายังคงอยู่ได้ต้องขอบคุณเหล่าคนแคระจริงๆ แต่หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกเราจะสูญเสียไปเรื่อยๆ ผมขบเคี่ยวเคี้ยวฟันแล้วตะโกน

 

“สู้ธนูด้วยธนู! ส่งพลธนูออกไป และให้พวกที่เหลือใช้โล่ปกป้องพลธนู!”

 

“ถ่ายทอดคำสั่งในทันที!!”

นับเป็นโชคดีอย่างมากที่พวกเขาเป็นมือสังหารแนวหน้าที่แย่งกันเป็นอันดับต้นๆขอโลกปีศาจ ถึงจะมีพลหอกนับพันแออัดกันทั่ว พวกมือสังหารก็สามารถพุ่งตัวอย่างช่ำชองแล้วไปมอบคำสั่งให้กับคนแคระ

ไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำนับตั้งแต่ผมสั่งการออกไป คนแคระก็เริ่มตะโกนออกคำสั่ง

 

“พลธนูไปข้างหน้า! พลธนูไปข้างหน้าาาาาาา!”

 

“คุ้มกันพลธนูด้วยโล่! ทุกคน อย่าไปกลัว! พลธนูเอาชนะพลธนูขี่ม้าได้เสมอ!!”

 

“เชื่อมั่นใจพรรคพวก! ปกป้องพรรคพวก!”

 

ทหารต่างขยับตัวกันอย่างเร่งรีบ พลธนูได้เข้าไปรวมกับแนวหน้าแล้ว พลธนูที่เคยลนลานด้วยความตื่นกลัวกลับถูกพรรคพวกดันไปข้างหน้า และได้รับการช่วยเหลือจากสหาย

อาจจะช้าไปสักเล็กน้อย แต่พวกเราก็เริ่มยิงโต้ คนแคระเก่งมากเรื่องการปลุกกำลังใจ

 

“เล็งไปที่ม้า! ยิงไปที่ม้า!!”

พลธนู 3,000 นายเหล่านั้นโดยมากเป็นนักล่า ดังนั้นพวกเขาจะไม่ยิงเป็นห่าฝนเหมือนดั่งพลธนูที่ฝึกทหาร แต่พวกเขาจะเล็งยิงอย่างแม่นยำ

 

พลธนูที่ไว้ใจว่าตนเองจะได้รับการปกป้องจากเพื่อนพ้องทำให้พวกเขาสามารถยิงธนูได้

 

“แม่งเอ๊ย!”

 

ผมไม่อาจสะกดกลั้นความโกรธ จึงกระทืบพื้น ผมนี่มันโง่โดยแท้!

 

ราชินีเฮนริตต้ารู้ดีอยู่แล้วว่า พวกเราจะต้องทำการตั้งรับ ฝ่ายพวกเรานั้นเปี่ยมไปด้วยกำลังใจเพราะได้สู้ในที่ราบนักบุญเดนิส แต่ถึงอย่างนั้นนั่นก็เป็นสิ่งที่ราชินีเฮนริเอตต้าคาดไว้เช่นกัน

 

ผมขบฟัน ทั้งๆที่ผมมีประสบการณ์เรื่องนี้มาก่อนอยู่แล้ว

มาร์คกราฟ โรเซนเบิร์ก เขาได้ฝึกทหารม้าให้กลายเป็นพลธนูบนหลังม้า

 

“หรือนี่กำลังจะซ้ำรอยกับออสเตอร์ลิทช์กัน……!?”

 

พลหอกนับหมื่นที่ออกันอยู่ในที่ราบแคบๆ

นั่นเป็นโอกาสล้ำค่าที่จะทำให้ฝ่ายเราสูญเสียให้มากที่สุดด้วยการใช้ธนูระดมยิงใส่

พวกเรามัวแต่กังวลกับทหารม้าของบริททานี่พุ่งเข้ามาจนไม่ได้เตรียมการรับมือกับพลธนูบนหลังม้า

 

“ผู้บัญชาการคะ พวกเรายังคงได้เปรียบอยู่”

เจเรมิพูดกับผมอย่างนิ่งสงบ เธอไม่ได้แสดงสีหน้าปลอมๆ อารมณ์ปลอมๆเหมือนอย่างทุกที 

 ความสงบนิ่งเยือกเย็นของเธอแสดงออกมาทางสีหน้า

 

“หากพวกเรายังคงปกป้องพลธนูของฝ่ายเราด้วยโล่ต่อไป พลธนูหลังม้าของอีกฝ่ายก็มีแต่ต้องล่าถอน ดูนั่นสิคะ รั้วไม้ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี”

เจเรมิพูดถูก ผมแน่ใจเลยล่ะว่า รั้วของพวกเรานั้นแข็งแรงทนทานเป็นอย่างมาก แถมพวกมันยังทำหน้าที่เป็นโล่กันธนูได้เป็นอย่างดี

 

นักธนูจำนวนหนึ่งเอาร่างแนบกับรั้วไม้เพื่อเลี่ยงการโจมตีของอีกฝ่าย แล้วแอบมองลอดช่องเล็กๆระหว่างรั้วเพื่อหาจังหวะยิงสวน พลหอกนั้นค่อยๆถอยตัวออกห่างมายังจุดที่ลูกธนูพุ่งมาไม่ถึง

 

“ข้ารู้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็รู้สึกแย่ที่ปล่อยให้ตัวเองโดยราชินีเฮนริเอตต้าปั่นหัวเอา!”

 

“การจู่โจมฉับพลันของพวกนั้นได้ผลดีทีเดียว แต่ก็ไม่สร้างความเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ราชินีเฮนริเอตต้ายังเสียเปรียบอยู่ หากพวกเรายังคงรักษาความเยือกเย็นไว้ได้…….”

 

เจเรมิมองไปเบื้องหน้าของพวกเรา ผมกลับสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์บา่งอย่างของเธอและมองตามเธอไป

พวกพลธนูบนหลังม้าถอยกลับไปแล้ว มีเพียงม้าศึกไม่กี่ตัวนอนแผ่อยู่ตรงนั้นตรงนี้กระจายบนพื้น

จากที่ดูแล้ว ดูเหมือนพวกนั้นต้องถอนตัวเพื่อเลี่ยงธนูของพวกเรา

 

“แนวรบที่สองของพวกนั้น……!”

ทหารม้าที่อยู่แนวรบที่สองได้ขึ้นมาข้างหน้า สลับกับแนวรบแรก

ทหารม้าที่สวมเกราะอย่างดีกว่าพลธนูบนหลังม้าได้ก้าวออกมาเต็มตัว

นั่นแหละ อัศวินของพวกนั้น อัศวินที่สวมชุดคลุมและมีการปักลวดลายเป็นดอกลิลี่สีดำซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของบริททานี่ 

 

แม้แต่ม้าก็ยังสวมเกราะครบครัน

นี่ต่างจากแนวรบแรก ทหารม้าในชุดสองนี้สวมเกราะเต็มยศ ใช่แล้ว สมเกราะเต็มยศ! พวกเขามาพรอมกับหอกยาว 8 เมตร!

 

ทหารของฝ่ายเรากู่ร้องออกมาในทันที

 

“อัศวิน! ทหารม้าจะพุ่งเข้ามาแล้ว━!”

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+