Dungeon Defense (WN) 204 สงครามลิลี่ (7)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 204 สงครามลิลี่ (7) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

ผมถึงกับเผลอปล่อยมือ

 

ทหารม้าพุ่งเข้าชาร์จหลังจากระดมยิงอย่างนั้นรึ!? พวกศัตรูนั้นยิงห่าลูกธนูเสร็จปุ๊บก็เปลี่ยนเป็นทหารม้าในแนวรบที่สองแล้วพุ่งชาร์จต่อ ผมถึงกับสะบัดไม้คำสั่งด้วยความลนลาน

 

 

“พลหอก! ส่งพลหอกมาข้างหน้า!”

ธงคำสั่งโบกสะบัด

 

แจ็กเกอรี่และเหล่าคนแคระคนอื่นๆต่างตะโกนเรียกให้พลหอกก้าวออกมาข้างหน้าก่อนคำสั่งจะไปถึงทุกคน

ทหารชาวนาต่างตะลึงงันกับเหตุการณ์ต่อเนื่องที่เหนือคาด แต่พวกเขาก็เร่งขยับทันทีหลังจากโดนหัวหน้าเตะเอาจากข้างหลัง

“อุว๊ากกกก!”

ทหารเดินเท้าของฝ่ายเรากระชับหอกในมือแน่นก่อนจะพุ่งเข้าไปยังที่กำบัง

ก็มีบ้างบางคนที่เผลอทำหอกหลุดมือเพราะความเร่งรีบ

ความผิดพลาดอันไม่น่าดูเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้่งเล่า ผมไม่อาจปกป้องความหวาดวิตกได้ ตอนนี้ทั้งแถวและการบัญชาการคำสั่งต่างเละเทะไปหมดแล้ว!

เหล่านักล่าที่มาอยู่แถวหน้าเพื่อแสดงตัวให้พลธนูขี่ม้าของศัตรูเห็นตอนนี้กำลังถอยกลับ ความอลหม่านเกิดขึ้นหลายจุดทั่วไปหมดเนื่องจากพลธนูที่กำลังถอยและพลหอกที่กำลังไปข้างหน้าได้กระทบชนกัน

 

มันเป็นช่วงเวลาที่ทุกวินาทีต่างมีค่า พลธนูไม่อาจทนต่อการพุ่งเข้ามาของหอกใหญ่ได้ 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอัศวินที่เคลือบหอกยาวด้วยออร่า พวกเราต้องเปลี่ยนรูปขบวนแถวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อัศวินของบริททานี่นั้นเข้ามาหาพวกแทบจะในทันทีราวกับสึนามิ

 

สุดท้ายแล้ว อัศวินก็เข้ามาถึงตัวพวกเรา ม้าของพวกเขาที่ย่ำเร่งฝีเท้ากุบกับพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง พวกอัศวินสอดตัวเข้ามาในช่องว่างระหว่างรั้วไม้ทั้งยังเปล่งเสียงตะโกนออกมา

 

“หน่วยเดฟโฟดิล, พุ่งเข้าไป!”

 

“แด่องค์ราชินี! แด่เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่!”

อัศวินและพลหอกปะทะกัน เลือดสาดกระจาย หอกที่เคลือบด้วยออร่านั้นแทงทะลุทหารเดินเท้าหลายนาย

ม้าศึกที่แสนป่าเถื่อนที่คละคลุ้งไปด้วยเลือดกลับไม่หวาดหวั่นต่อหอกเลยแม้แต่น้อย

หอกของอัศวินนั้นยาวกว่าหอกของพลหอกเป็นอย่างมาก จึงแทงทะลุทั้งหัวไหล่,คอและอก

ม้าศึกเหยียบย่ำลงไปบนโล่ที่คอยบล็อค ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา พลหอกจำนวนมากล้มครืนลงพร้อมกัน

ตอนนั้นเองที่ผมไม่อยู่เฉยๆอีกต่อไป

 

“หยุดพวกมันไว้! หยุดพวกมันไม่ว่าต้องใช้อะไรก็ตาม!”

ผมขึ้นขี่ม้าของตัวเองแล้วหุนหันออกไปแนวหน้า เจเรมิตะโกนอะไรบางอย่างจากข้างหลังผมแต่ผมไม่ใส่ใจ

เธอคงจะบอกผมว่า ข้างหน้านั้นมันอันตราย มันน่าขำไม่ใช่รึไงกัน? ผมไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายแท้ๆ ทหารของพวกเราต่างหากล่ะ!

 

เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่นั้นใช้กลยุทธตบตาและลอบจู่โจมโดยไม่ให้พวกเราตั้งตัวอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน นั่นเป็นสิ่งที่พวกนั้นทำได้ดีตั้งแต่เริ่มสงคราม

หากพวกทหารของเรายังคงหวาดผวาแล้วหนีห่างจากรั้วไม้เมื่อไหร่━ตอนนั้นก็ถือว่า พวกเราจบสิ้นกันจริงๆ

 

“อย่าหนี!”

 

อย่างน้อยที่สุดพวกเราต้องคอยป้องกันเครื่องกีดขวางไว้ ผมสั่งใช้เวทย์มนตร์ขยายเสียงที่เตรียมไว้กับสร้อยคอล่วงหน้า เพื่อตะโกนออกไป

 

เสียงของผมสะท้อนดังทั่วสมรภูมิราวกับเสียงฟ้าคำรณ

 

“ท่านนักบวช?”

 

ทหารกลับมองผมด้วยความตื่นตกใจ เจ้าพวกโง่เอ๊ย! ผมควบม้ามาอยู่ด้านหลังของหน่วยพลหอก

 

“ผู้คนแห่งฟรานเคียเอ๋ย มองไปข้างหน้านั่น! อย่าได้หันหลังถอยกลับมา!”

 

ทหารที่หันหัวกลับมามอง รีบหันคอกลับไป

มันยังไม่จบ ผมไม่คิดจะปล่อยให้การรบครั้งมันจบลงแบบนี้แน่ เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่

 

“ฟังข้า! เหล่าอัศวินอาจดูน่าประทับใจ แต่พวกมันก็ไม่อาจก้าวข้ามแนวป้องกันของพวกเราได้

อัศวินพวกนั้นมันจะใช้ออร่าทำลายรั้วพวกเราอย่างไม่ลังเลหากพวกเราออกห่างจากรั้ว

ถ้าเราปล่อยให้มันเกิดขึ้น เราจะแพ้ 

ทหารเอ๋ย เกาะติดกับแนวรั้วไว้! อย่าให้เจ้าพวกอัศวินมาใกล้กับเรา!”

 

เกาะติดรั้วไว้! เกาะติดรั้วไว้!

คนแคระสั่งการซ้ำจากสิ่งที่ผมพูดด้วยเสียงอันดัง ไม่ว่าทหารจะเข้าใจที่ผมบอกไปหรือไม่ก็ตามที แต่ดูเหมือนเท้าของพวกเขาก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร่าร้อนกระหายในสนามรบ

 

โว้ววว! โว้ววว! ทหารต่างตะโกนกู่ก้องพร้อมกับเดินไปข้างหน้า

ทหารรับจ้างคนแคระวิ่งไปยังจุดสั่งการประจำตำแหน่ง

ไม่ช้าไม่เร็วเกินไป 

อัศวินคนหนึ่งอาจฆ่าทหารเดินเท้าไป 5 คน แต่ใครจะสนใจล่ะ? พวกเราก็แค่ส่งไปอีก 5 …10 …20 นาย!

 

“อั่กกก! ตายซะ!”

 

“แทงที่ม้า! ให้ไอ้หมูบริททานี่มันชิมรสเหล็กของหอกพวกเราบ้าง!”

 

“เพื่อความรุ่งโรจน์แห่งองค์พระจักรพรรดิ! เพื่อความรุ่งโรจน์ของฟรานเคีย!”

 

ที่พุ่งเข้าใส่พวกเรานั้นใช่ว่ามีแต่ทหารม้าอย่างเดียว มีอัศวินมากมายอยู่ในแนวหน้า ส่วนทหารม้าที่ตามหลังก็มิใช่ทหารม้าธรรมดา

หอกยาว 5 เมตรยังคงน่าสะพรึงอยู่ดี แม้จะไม่มีออร่าเคลือบก็ตาม

 

หอกนั้นไม่ใช่อาวุธที่จะใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีก คุณต้องดึงหอกออกมาหลังจากแทงไปแล้วครั้งหนึ่ง

อัศวินและทหารม้าทั้งหลายต้องยอมปล่อยมือจากหอกแล้วชักดาบออกมาใช้แทน ดาบโค้งของพวกเขาเข้าปะทะกันกับหอกของฝ่ายเรา

 

มันไม่สำคัญแล้วว่า อีกฝ่ายจะเป็นทหารชั้นสูงแห่งบริททานี่หรือเปล่า มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพวกนั้นที่จะกดดันพลหอกหลังเครื่องกำบังด้วยดาบเพียงอย่างเดียว

 

ทหารม้าทั้งหลายดูเชื่องช้าลงหลังจากที่เสียแรงในการพุ่งชาร์จไป ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่เยี่ยม ทหารม้าที่ไร้ซึ่งความเร็วนั้นไม่ต่างอะไรจากของว่างสำหรับพลหอก!

 

 

“โอ้ นักรบผู้ทรงเกียรติแห่งฟรานเคียน, ดูนั่น!”

 

ผมรู้สึกได้ว่ามันมีอะไรบางอย่างในร่างกายผมพวยพุ่งขึ้นมา

 

“ไอ้ห่าระยำบริททานี่นั่นแม่ง หำน้อย! หำพวกมันอาจจะยาว แต่แทงสองทีแม่งก็แตกแล้วเห็นไหม บุตรแห่งฟรานเคียเอ๋ย! แสดงให้ไอ้แตกไวพวกนั้นเห็นหน่อยสิ ว่าลูกผู้ชายตัวจริงมันเป็นยังไง!”

 

เหล่าทหารอยู่ๆระเบิดหัวเราะออกมา พวกเขาไม่ได้ขำออกมันตลก

ผมจงใจจะทำให้พวกเขาเค้นหัวเราะ ขำออกมาจนสุดปอด จึงทำให้ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดจะหนีในขณะที่สหายกำลังถูกฆ่าโดยอัศวิน

 

นี่เป็นพลังของทหารเดินเท้าที่รวมกลุ่มชิดกัน หากรูปขบวนพวกเรากางขยายออกจะถูกพวกทหารม้าชาร์จทำลาย

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังมีผู้คนอีกนับร้อยนับพันที่อยู่ด้านหลังของทหารที่ล้มตายลงไป

 

หากหนึ่งในสิบคนนั้นล้มลง ที่เหลือก็จะเดินเข้ามาแทนที่

หากหนึ่งในสิบคนนั้นตายลง ที่เหลือก็จะเข้ามาประจำการแทน

 

เมื่อมีพันธมิตรพรรคพวกรอบตัวหนาแน่นก็จะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นป้อมปราการที่ไม่อาจเจาะได้ แถมพวกเรายังมีเครื่องกั้นอีก…….

พลธนูบนหลังม้าของบริททานี่ และทหารม้าที่พุ่งชาร์จเข้ามาก็น่าประทับใจอย่างมากระดับที่บอกได้เลยว่า พวกนั้นได้รับการฝึกฝนและทำตามคำสั่งจากราชินีเฮนริเอตต้าเป็นอย่างดี

พวกนั้นคงฝึกยุทธวิธีนี้มานับครั้งไม่ถ้วนก่อนที่จะมาถึงที่ราบนักบุญเดนิส แต่มันก็แค่น่าประทับใจ ทหารอาสาสมัคร 10,000 นายของพวกเราก็อดทนได้อย่างดีเยี่ยม

 

“ท่านเสี่ยงเกินไปแล้วค่ะ! เกิดอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไรคะ!?”

 

เจเรมิที่เป็นผู้นำกลุ่มมือสังหารถึงกับถอนใจขณะที่มาอยู่ใกล้ๆผม 

ผมปิดเวทย์มนตร์ขยายเสียงก่อนจะพูดกับเธอ

 

“เจเรมิ, ส่งหน่วยของเธอไปจัดการพวกอัศวิน! ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้วหากเราจัดการพวกอัศวินได้

ฟันขาม้าศึก แล้วที่เหลือให้พลหอกจัดการ”

 

“ไม่ค่ะ หากฉันไปแล้ว ท่านจะถ่ายทอดคำสั่งอย่างไรกันคะ?”

 

“อย่าห่วง ผู้บัญชาการของเจ้ามีผู้ช่วยอยู่แล้ว”

ผมรบเร้าให้เจเรมิรีบไปลงมือ

 

 

“ทหารอาสาสมัครทั้ง 10,000 นายที่นี่ ณ ทุ่งราบนักบุญเดนนิสแห่งนี้ เป็นผู้ช่วยของข้า!”

 

“……อ๊าาาา เอาจริงเหรอคะเนี่ย! นี่มันยุ่งเหยิงไปหมด 

เอ้าก็ได้! ฉันต้องไปใช่ไหม ได้ๆ!?”

 

เจเรมิเกาหัวตัวเองก่อนตะโกนให้คนข้างหลังได้ยิน

 

 

“พวกบ้าแห่งหน่วยแผลแดง ได้เวลาไปฆ่าไอ้ลูกหมูนั่นแล้ว! เชือดหำไร้ประโยชน์ของพวกมันจนถึงโคนกัน!”

 

หน่วยของมือสังหาร 20 คน หายไปโผล่ในแนวหน้าทันทีที่เจเรมิพูดจบ

เจเรมิเหยียบผืนดินแล้วชักมีดจากสะโพก เธอไม่แม้แต่จะพูดคำลา

 

เสียงที่โกรธจัด,เสียงของโลหะกระทบกัน,เสียงกรีดร้องจากความพ่ายแพ้และเสียงเชียร์จากผู้ได้รับชัยชนะดังลั่นไปทั่วผืนดิน กองทหารของบริททานี่พยายามที่จะผลักดันเราให้ถอยไปอย่างสุดกำลัง

 กองทัพของพวกเราก็พยายามอย่างมากเช่นกันที่จะดันพวกนั้นไปให้ห่างจากรั้ว

 

ทันทีที่เหล่ามือสังหารปรากฏกายขึ้น อัศวินบริททานี่หลายคนที่กวาดล้างทหารของพวกเราด้วยดาบโค้งก็กลับหล่นลงจากหลังม้า

 

“พวกอัศวินร่วงแล้ว! แทงมัน! แทงมันเดี๋ยวนี้!”

 

“อ๊าาาาา! ทุกคนโถมเข้าไป!”

 

อัศวินบางคนเข้ามาแทรกในรูปขบวนของพวกเรา โดยเขาถูกพวกเราล้อมไว้ พลหอกของพวกเรานั้นเป็นดั่งไฮยีน่าที่รุมทึ้งเหยื่อเมื่อเห็นโอกาสให้ทิ่มแทง

หอกและขวานมากมายระดมเข้าใส่อัศวินทันทีที่ร่วงลงกระแทกพื้น อัศวินบางคนก็ตายทันทีโดยไม่อาจลุกขึ้นยืนได้สำเร็จ

 

 

ภาพเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำแล้ว มือสังหารที่แอบซ่อนอยู่ท่ามกลางพลหอกออก ได้ฟันขาม้าศึกก่อนจะปล่อยให้ที่เหลือเป็นหน้าที่ของเหล่าทหาร

ผมไม่ได้บอกอะไรเขาเขา แต่ดูเหมือนคนแคระเองก็พอเข้าใจว่า สมควรที่จะช่วยสนับสนุนการทำงานของมือสังหาร

นี่ พวกนั้นจะเข้าใจรึยังนะ ว่าตอนนี้น่ะถึงทำอะไรไปก็เปล่าประโยชน์แล้ว?

 

“ถอยทัพ! ถอย!”

 

หนึ่งในหน่วยทหารของบริททานี่หันหัวม้ากลับ

 

พอมีสักหน่วยหนึ่งเริ่มถอยหนี ทหารม้าทุกหน่วยต่างก็ทำแบบเดียวกัน เสียงตะโกนเชียร์จากพวกพ้องดังขึ้นไปทั่วทุ่งราบทันทีที่พวกเรารู้ว่า ตั้งรับพวกอัศวินได้สำเร็จ

 

ชนะแล้ว! พวกเราได้รับชัยชนะจากการรบครั้งแรก ทั้งชาวไร่ชาวนาสามารขับไล่อัศวินและทหารม้าแนวหน้าไปได้

 

“โว้ววววว! ความรุ่งโรจน์แด่ฟรานเคีย! อวยชัยแด่องค์จักรพรรดิ!”

 

“ไอ้ชิบหายหมาระยำฝ่ายบริททาน!”

 

พวกทหารม้าต่างหนีออกไปช่องทางเดียวกับที่แทรกตัวเข้ามา พลธนูของพวกเรายังคงยิงใส่จวบจนสุดช่วงเวลาสุดท้ายราวกับไม่อยากให้พวกนั้นหนีไปสำเร็จ สิ่งนี้เองที่เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นอย่างเด่นชัดแล้วว่า พวกเขานั้นสู้กันอย่างเต็มที่โดยไม่ห่วงเรื่องราคาค่าธนู

 

“ข้าขอถามทุกท่าน บุตรหลานแห่งฟรานเคีย!”

 

ผมตะโกนถามด้วยน้ำเสียงดุดัน

 

“พวกท่านภาคภูมิใจในจักรวรรดิหรือไม่!?”

 

ทันทีที่ถ้อยคำเหล่านั้นออกจากปากผม เหล่าทหารหาญกลับตะโกนกู่ก้องเฉกเช่นกับการคำรามของสัตว์ป่า

 

“ถูกแล้ว! พวกเราต่างภาคภูมิใจในประเทศชาติ เจ้าพวกหมูจอมละโมบพวกนั้นมันมาเหยียบย่ำประเทศชาติของพวกเรา……พวกท่านยอมได้หรือ!?”

 

– ไม่! ไม่! ไม่!

ทหารทั้งหลายต่างร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า  ‘ไม่!’

“ดังนั้นสมควรไหมที่เราจะเอาเจ้าหมูสกปรกมาเชือดทิ้งเสีย!?”

 

– เชือดมัน! เชือดมัน! เชือดมัน!

 

“ถูกต้องแล้ว เชือดมันซะ! อย่าได้ลังเล! เชือดมันทิ้งให้หมด!”

 

บทพูดที่ผมตะโกนนั้นผมด้นสดเอาหมดแหละ ใช่แล้ว มันโอเคแหละหากจะโยนบทที่เตรียมไว้ทิ้งไปในสถานการณ์แบบนี้

 

ทหารนับ 10,000 นาย ต่างรวมกันกลายเป็นฝูงชนฝูงเดียว และถูกกลืนไปกับความกระหายเลือดในสนามรบ

ไม่สิ พวกเรานั้นกลายเป็นคลื่น คลื่นที่จะกวาดชำระผ่านสนามรบด้วยความอลหม่าน!

 

 

“เชือดมันอย่าได้หยุดมือ การฆ่าล้างนั้นไม่เพียงพอ!

ให้พืชทุกต้นหญ้าทุกกอของฟรานเคียได้เติบโตขึ้นด้วยเลือดของศัตรู! 

 

สลักเข้าไปในหัวใจของพวกมันว่า จุดจบแบบใดที่ทวยเทพได้เตรียมไว้ให้สำหรับไอ้พวกป่าเถื่อนที่เที่ยวปล้นชิงจักรวรรดิ!

นักรบแห่งฟรานเคียเอ๊ย แสดงประวัติศาสตร์ที่พวกเราเป็นดั่งป้อมปราการของจักรวรรดกันเถิด!”

 

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะตะโกนออกสุดเสียง

 

 

“ที่นี่ ขณะนี้ พวกเราจะเป็นผู้ชนะ!”

ทหารทุกคนต่างตะโกนขึ้นอย่างมีกำลังใจ

 

แฟรงจงยืนยง! แฟรงจงยืนยง!

เสียงตะโกนนั้นดังขึ้นจากปีกซ้าย แผ่ผ่านไปยังปีกกลาง และปีกขวา ดังกระหึ่มทั่วหมอกยามเช้า

 

เป็นที่แน่นอนแล้วว่า กองทัพของพวกเรานั้นสามารถหยุดการชาร์จของทหารม้า  การลอบจู่โจมอันแสนจะมั่นใจของราชินีเฮนริเอตต้านั้นพังทลายลง!

 

แต่ถึงอย่างนั้นเสียงฝีเท้าม้าก็ยังเข้ามาใกล้ จากอีกฟากของทุ่งราบ 

ผมระงับหัวใจที่ตื่นเต้นลงเมื่อมองจ้องไปยังภาพตรงหน้า พลธนูบนหลังม้า ที่มากว่าพันนาย เข้ามาใกล้พวกเราอีกครั้ง

 

 

“คึ”

ผมรู้แล้วว่า กลยุทธต่อไปของเฮนริเอตต้าคืออะไร

ราชินีผู้นั้นวางแผนที่จะระดมยิงใส่เราอย่างไม่หยุดหย่อนสลับระหว่างพลธนูบนหลังม้ากลับพลหอกบนหลังม้า ซ้ำแล้วซ้ำแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราก็หยุดมันได้ตั้งแต่ชุดแรก

 

สุดท้ายแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไประหว่างหอกของบริททานี่กับโล่ของฟรานเคีย? 

 

ตอนนี้พระอาทิตย์ขึ้นเต็มที่แล้ว ผมสั่งให้พลธนูเคลื่อนไปอยู่แนวหน้าอีกครั้ง วันนี้ต้องเป็นวันที่แสนเหนื่อยล้ายาวนานอย่างแน่นอน…….

 

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 204 สงครามลิลี่ (7)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 204 สงครามลิลี่ (7) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

ผมถึงกับเผลอปล่อยมือ

 

ทหารม้าพุ่งเข้าชาร์จหลังจากระดมยิงอย่างนั้นรึ!? พวกศัตรูนั้นยิงห่าลูกธนูเสร็จปุ๊บก็เปลี่ยนเป็นทหารม้าในแนวรบที่สองแล้วพุ่งชาร์จต่อ ผมถึงกับสะบัดไม้คำสั่งด้วยความลนลาน

 

 

“พลหอก! ส่งพลหอกมาข้างหน้า!”

ธงคำสั่งโบกสะบัด

 

แจ็กเกอรี่และเหล่าคนแคระคนอื่นๆต่างตะโกนเรียกให้พลหอกก้าวออกมาข้างหน้าก่อนคำสั่งจะไปถึงทุกคน

ทหารชาวนาต่างตะลึงงันกับเหตุการณ์ต่อเนื่องที่เหนือคาด แต่พวกเขาก็เร่งขยับทันทีหลังจากโดนหัวหน้าเตะเอาจากข้างหลัง

“อุว๊ากกกก!”

ทหารเดินเท้าของฝ่ายเรากระชับหอกในมือแน่นก่อนจะพุ่งเข้าไปยังที่กำบัง

ก็มีบ้างบางคนที่เผลอทำหอกหลุดมือเพราะความเร่งรีบ

ความผิดพลาดอันไม่น่าดูเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้่งเล่า ผมไม่อาจปกป้องความหวาดวิตกได้ ตอนนี้ทั้งแถวและการบัญชาการคำสั่งต่างเละเทะไปหมดแล้ว!

เหล่านักล่าที่มาอยู่แถวหน้าเพื่อแสดงตัวให้พลธนูขี่ม้าของศัตรูเห็นตอนนี้กำลังถอยกลับ ความอลหม่านเกิดขึ้นหลายจุดทั่วไปหมดเนื่องจากพลธนูที่กำลังถอยและพลหอกที่กำลังไปข้างหน้าได้กระทบชนกัน

 

มันเป็นช่วงเวลาที่ทุกวินาทีต่างมีค่า พลธนูไม่อาจทนต่อการพุ่งเข้ามาของหอกใหญ่ได้ 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอัศวินที่เคลือบหอกยาวด้วยออร่า พวกเราต้องเปลี่ยนรูปขบวนแถวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อัศวินของบริททานี่นั้นเข้ามาหาพวกแทบจะในทันทีราวกับสึนามิ

 

สุดท้ายแล้ว อัศวินก็เข้ามาถึงตัวพวกเรา ม้าของพวกเขาที่ย่ำเร่งฝีเท้ากุบกับพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง พวกอัศวินสอดตัวเข้ามาในช่องว่างระหว่างรั้วไม้ทั้งยังเปล่งเสียงตะโกนออกมา

 

“หน่วยเดฟโฟดิล, พุ่งเข้าไป!”

 

“แด่องค์ราชินี! แด่เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่!”

อัศวินและพลหอกปะทะกัน เลือดสาดกระจาย หอกที่เคลือบด้วยออร่านั้นแทงทะลุทหารเดินเท้าหลายนาย

ม้าศึกที่แสนป่าเถื่อนที่คละคลุ้งไปด้วยเลือดกลับไม่หวาดหวั่นต่อหอกเลยแม้แต่น้อย

หอกของอัศวินนั้นยาวกว่าหอกของพลหอกเป็นอย่างมาก จึงแทงทะลุทั้งหัวไหล่,คอและอก

ม้าศึกเหยียบย่ำลงไปบนโล่ที่คอยบล็อค ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา พลหอกจำนวนมากล้มครืนลงพร้อมกัน

ตอนนั้นเองที่ผมไม่อยู่เฉยๆอีกต่อไป

 

“หยุดพวกมันไว้! หยุดพวกมันไม่ว่าต้องใช้อะไรก็ตาม!”

ผมขึ้นขี่ม้าของตัวเองแล้วหุนหันออกไปแนวหน้า เจเรมิตะโกนอะไรบางอย่างจากข้างหลังผมแต่ผมไม่ใส่ใจ

เธอคงจะบอกผมว่า ข้างหน้านั้นมันอันตราย มันน่าขำไม่ใช่รึไงกัน? ผมไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายแท้ๆ ทหารของพวกเราต่างหากล่ะ!

 

เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่นั้นใช้กลยุทธตบตาและลอบจู่โจมโดยไม่ให้พวกเราตั้งตัวอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน นั่นเป็นสิ่งที่พวกนั้นทำได้ดีตั้งแต่เริ่มสงคราม

หากพวกทหารของเรายังคงหวาดผวาแล้วหนีห่างจากรั้วไม้เมื่อไหร่━ตอนนั้นก็ถือว่า พวกเราจบสิ้นกันจริงๆ

 

“อย่าหนี!”

 

อย่างน้อยที่สุดพวกเราต้องคอยป้องกันเครื่องกีดขวางไว้ ผมสั่งใช้เวทย์มนตร์ขยายเสียงที่เตรียมไว้กับสร้อยคอล่วงหน้า เพื่อตะโกนออกไป

 

เสียงของผมสะท้อนดังทั่วสมรภูมิราวกับเสียงฟ้าคำรณ

 

“ท่านนักบวช?”

 

ทหารกลับมองผมด้วยความตื่นตกใจ เจ้าพวกโง่เอ๊ย! ผมควบม้ามาอยู่ด้านหลังของหน่วยพลหอก

 

“ผู้คนแห่งฟรานเคียเอ๋ย มองไปข้างหน้านั่น! อย่าได้หันหลังถอยกลับมา!”

 

ทหารที่หันหัวกลับมามอง รีบหันคอกลับไป

มันยังไม่จบ ผมไม่คิดจะปล่อยให้การรบครั้งมันจบลงแบบนี้แน่ เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่

 

“ฟังข้า! เหล่าอัศวินอาจดูน่าประทับใจ แต่พวกมันก็ไม่อาจก้าวข้ามแนวป้องกันของพวกเราได้

อัศวินพวกนั้นมันจะใช้ออร่าทำลายรั้วพวกเราอย่างไม่ลังเลหากพวกเราออกห่างจากรั้ว

ถ้าเราปล่อยให้มันเกิดขึ้น เราจะแพ้ 

ทหารเอ๋ย เกาะติดกับแนวรั้วไว้! อย่าให้เจ้าพวกอัศวินมาใกล้กับเรา!”

 

เกาะติดรั้วไว้! เกาะติดรั้วไว้!

คนแคระสั่งการซ้ำจากสิ่งที่ผมพูดด้วยเสียงอันดัง ไม่ว่าทหารจะเข้าใจที่ผมบอกไปหรือไม่ก็ตามที แต่ดูเหมือนเท้าของพวกเขาก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร่าร้อนกระหายในสนามรบ

 

โว้ววว! โว้ววว! ทหารต่างตะโกนกู่ก้องพร้อมกับเดินไปข้างหน้า

ทหารรับจ้างคนแคระวิ่งไปยังจุดสั่งการประจำตำแหน่ง

ไม่ช้าไม่เร็วเกินไป 

อัศวินคนหนึ่งอาจฆ่าทหารเดินเท้าไป 5 คน แต่ใครจะสนใจล่ะ? พวกเราก็แค่ส่งไปอีก 5 …10 …20 นาย!

 

“อั่กกก! ตายซะ!”

 

“แทงที่ม้า! ให้ไอ้หมูบริททานี่มันชิมรสเหล็กของหอกพวกเราบ้าง!”

 

“เพื่อความรุ่งโรจน์แห่งองค์พระจักรพรรดิ! เพื่อความรุ่งโรจน์ของฟรานเคีย!”

 

ที่พุ่งเข้าใส่พวกเรานั้นใช่ว่ามีแต่ทหารม้าอย่างเดียว มีอัศวินมากมายอยู่ในแนวหน้า ส่วนทหารม้าที่ตามหลังก็มิใช่ทหารม้าธรรมดา

หอกยาว 5 เมตรยังคงน่าสะพรึงอยู่ดี แม้จะไม่มีออร่าเคลือบก็ตาม

 

หอกนั้นไม่ใช่อาวุธที่จะใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีก คุณต้องดึงหอกออกมาหลังจากแทงไปแล้วครั้งหนึ่ง

อัศวินและทหารม้าทั้งหลายต้องยอมปล่อยมือจากหอกแล้วชักดาบออกมาใช้แทน ดาบโค้งของพวกเขาเข้าปะทะกันกับหอกของฝ่ายเรา

 

มันไม่สำคัญแล้วว่า อีกฝ่ายจะเป็นทหารชั้นสูงแห่งบริททานี่หรือเปล่า มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพวกนั้นที่จะกดดันพลหอกหลังเครื่องกำบังด้วยดาบเพียงอย่างเดียว

 

ทหารม้าทั้งหลายดูเชื่องช้าลงหลังจากที่เสียแรงในการพุ่งชาร์จไป ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่เยี่ยม ทหารม้าที่ไร้ซึ่งความเร็วนั้นไม่ต่างอะไรจากของว่างสำหรับพลหอก!

 

 

“โอ้ นักรบผู้ทรงเกียรติแห่งฟรานเคียน, ดูนั่น!”

 

ผมรู้สึกได้ว่ามันมีอะไรบางอย่างในร่างกายผมพวยพุ่งขึ้นมา

 

“ไอ้ห่าระยำบริททานี่นั่นแม่ง หำน้อย! หำพวกมันอาจจะยาว แต่แทงสองทีแม่งก็แตกแล้วเห็นไหม บุตรแห่งฟรานเคียเอ๋ย! แสดงให้ไอ้แตกไวพวกนั้นเห็นหน่อยสิ ว่าลูกผู้ชายตัวจริงมันเป็นยังไง!”

 

เหล่าทหารอยู่ๆระเบิดหัวเราะออกมา พวกเขาไม่ได้ขำออกมันตลก

ผมจงใจจะทำให้พวกเขาเค้นหัวเราะ ขำออกมาจนสุดปอด จึงทำให้ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดจะหนีในขณะที่สหายกำลังถูกฆ่าโดยอัศวิน

 

นี่เป็นพลังของทหารเดินเท้าที่รวมกลุ่มชิดกัน หากรูปขบวนพวกเรากางขยายออกจะถูกพวกทหารม้าชาร์จทำลาย

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังมีผู้คนอีกนับร้อยนับพันที่อยู่ด้านหลังของทหารที่ล้มตายลงไป

 

หากหนึ่งในสิบคนนั้นล้มลง ที่เหลือก็จะเดินเข้ามาแทนที่

หากหนึ่งในสิบคนนั้นตายลง ที่เหลือก็จะเข้ามาประจำการแทน

 

เมื่อมีพันธมิตรพรรคพวกรอบตัวหนาแน่นก็จะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นป้อมปราการที่ไม่อาจเจาะได้ แถมพวกเรายังมีเครื่องกั้นอีก…….

พลธนูบนหลังม้าของบริททานี่ และทหารม้าที่พุ่งชาร์จเข้ามาก็น่าประทับใจอย่างมากระดับที่บอกได้เลยว่า พวกนั้นได้รับการฝึกฝนและทำตามคำสั่งจากราชินีเฮนริเอตต้าเป็นอย่างดี

พวกนั้นคงฝึกยุทธวิธีนี้มานับครั้งไม่ถ้วนก่อนที่จะมาถึงที่ราบนักบุญเดนิส แต่มันก็แค่น่าประทับใจ ทหารอาสาสมัคร 10,000 นายของพวกเราก็อดทนได้อย่างดีเยี่ยม

 

“ท่านเสี่ยงเกินไปแล้วค่ะ! เกิดอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไรคะ!?”

 

เจเรมิที่เป็นผู้นำกลุ่มมือสังหารถึงกับถอนใจขณะที่มาอยู่ใกล้ๆผม 

ผมปิดเวทย์มนตร์ขยายเสียงก่อนจะพูดกับเธอ

 

“เจเรมิ, ส่งหน่วยของเธอไปจัดการพวกอัศวิน! ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้วหากเราจัดการพวกอัศวินได้

ฟันขาม้าศึก แล้วที่เหลือให้พลหอกจัดการ”

 

“ไม่ค่ะ หากฉันไปแล้ว ท่านจะถ่ายทอดคำสั่งอย่างไรกันคะ?”

 

“อย่าห่วง ผู้บัญชาการของเจ้ามีผู้ช่วยอยู่แล้ว”

ผมรบเร้าให้เจเรมิรีบไปลงมือ

 

 

“ทหารอาสาสมัครทั้ง 10,000 นายที่นี่ ณ ทุ่งราบนักบุญเดนนิสแห่งนี้ เป็นผู้ช่วยของข้า!”

 

“……อ๊าาาา เอาจริงเหรอคะเนี่ย! นี่มันยุ่งเหยิงไปหมด 

เอ้าก็ได้! ฉันต้องไปใช่ไหม ได้ๆ!?”

 

เจเรมิเกาหัวตัวเองก่อนตะโกนให้คนข้างหลังได้ยิน

 

 

“พวกบ้าแห่งหน่วยแผลแดง ได้เวลาไปฆ่าไอ้ลูกหมูนั่นแล้ว! เชือดหำไร้ประโยชน์ของพวกมันจนถึงโคนกัน!”

 

หน่วยของมือสังหาร 20 คน หายไปโผล่ในแนวหน้าทันทีที่เจเรมิพูดจบ

เจเรมิเหยียบผืนดินแล้วชักมีดจากสะโพก เธอไม่แม้แต่จะพูดคำลา

 

เสียงที่โกรธจัด,เสียงของโลหะกระทบกัน,เสียงกรีดร้องจากความพ่ายแพ้และเสียงเชียร์จากผู้ได้รับชัยชนะดังลั่นไปทั่วผืนดิน กองทหารของบริททานี่พยายามที่จะผลักดันเราให้ถอยไปอย่างสุดกำลัง

 กองทัพของพวกเราก็พยายามอย่างมากเช่นกันที่จะดันพวกนั้นไปให้ห่างจากรั้ว

 

ทันทีที่เหล่ามือสังหารปรากฏกายขึ้น อัศวินบริททานี่หลายคนที่กวาดล้างทหารของพวกเราด้วยดาบโค้งก็กลับหล่นลงจากหลังม้า

 

“พวกอัศวินร่วงแล้ว! แทงมัน! แทงมันเดี๋ยวนี้!”

 

“อ๊าาาาา! ทุกคนโถมเข้าไป!”

 

อัศวินบางคนเข้ามาแทรกในรูปขบวนของพวกเรา โดยเขาถูกพวกเราล้อมไว้ พลหอกของพวกเรานั้นเป็นดั่งไฮยีน่าที่รุมทึ้งเหยื่อเมื่อเห็นโอกาสให้ทิ่มแทง

หอกและขวานมากมายระดมเข้าใส่อัศวินทันทีที่ร่วงลงกระแทกพื้น อัศวินบางคนก็ตายทันทีโดยไม่อาจลุกขึ้นยืนได้สำเร็จ

 

 

ภาพเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำแล้ว มือสังหารที่แอบซ่อนอยู่ท่ามกลางพลหอกออก ได้ฟันขาม้าศึกก่อนจะปล่อยให้ที่เหลือเป็นหน้าที่ของเหล่าทหาร

ผมไม่ได้บอกอะไรเขาเขา แต่ดูเหมือนคนแคระเองก็พอเข้าใจว่า สมควรที่จะช่วยสนับสนุนการทำงานของมือสังหาร

นี่ พวกนั้นจะเข้าใจรึยังนะ ว่าตอนนี้น่ะถึงทำอะไรไปก็เปล่าประโยชน์แล้ว?

 

“ถอยทัพ! ถอย!”

 

หนึ่งในหน่วยทหารของบริททานี่หันหัวม้ากลับ

 

พอมีสักหน่วยหนึ่งเริ่มถอยหนี ทหารม้าทุกหน่วยต่างก็ทำแบบเดียวกัน เสียงตะโกนเชียร์จากพวกพ้องดังขึ้นไปทั่วทุ่งราบทันทีที่พวกเรารู้ว่า ตั้งรับพวกอัศวินได้สำเร็จ

 

ชนะแล้ว! พวกเราได้รับชัยชนะจากการรบครั้งแรก ทั้งชาวไร่ชาวนาสามารขับไล่อัศวินและทหารม้าแนวหน้าไปได้

 

“โว้ววววว! ความรุ่งโรจน์แด่ฟรานเคีย! อวยชัยแด่องค์จักรพรรดิ!”

 

“ไอ้ชิบหายหมาระยำฝ่ายบริททาน!”

 

พวกทหารม้าต่างหนีออกไปช่องทางเดียวกับที่แทรกตัวเข้ามา พลธนูของพวกเรายังคงยิงใส่จวบจนสุดช่วงเวลาสุดท้ายราวกับไม่อยากให้พวกนั้นหนีไปสำเร็จ สิ่งนี้เองที่เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นอย่างเด่นชัดแล้วว่า พวกเขานั้นสู้กันอย่างเต็มที่โดยไม่ห่วงเรื่องราคาค่าธนู

 

“ข้าขอถามทุกท่าน บุตรหลานแห่งฟรานเคีย!”

 

ผมตะโกนถามด้วยน้ำเสียงดุดัน

 

“พวกท่านภาคภูมิใจในจักรวรรดิหรือไม่!?”

 

ทันทีที่ถ้อยคำเหล่านั้นออกจากปากผม เหล่าทหารหาญกลับตะโกนกู่ก้องเฉกเช่นกับการคำรามของสัตว์ป่า

 

“ถูกแล้ว! พวกเราต่างภาคภูมิใจในประเทศชาติ เจ้าพวกหมูจอมละโมบพวกนั้นมันมาเหยียบย่ำประเทศชาติของพวกเรา……พวกท่านยอมได้หรือ!?”

 

– ไม่! ไม่! ไม่!

ทหารทั้งหลายต่างร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า  ‘ไม่!’

“ดังนั้นสมควรไหมที่เราจะเอาเจ้าหมูสกปรกมาเชือดทิ้งเสีย!?”

 

– เชือดมัน! เชือดมัน! เชือดมัน!

 

“ถูกต้องแล้ว เชือดมันซะ! อย่าได้ลังเล! เชือดมันทิ้งให้หมด!”

 

บทพูดที่ผมตะโกนนั้นผมด้นสดเอาหมดแหละ ใช่แล้ว มันโอเคแหละหากจะโยนบทที่เตรียมไว้ทิ้งไปในสถานการณ์แบบนี้

 

ทหารนับ 10,000 นาย ต่างรวมกันกลายเป็นฝูงชนฝูงเดียว และถูกกลืนไปกับความกระหายเลือดในสนามรบ

ไม่สิ พวกเรานั้นกลายเป็นคลื่น คลื่นที่จะกวาดชำระผ่านสนามรบด้วยความอลหม่าน!

 

 

“เชือดมันอย่าได้หยุดมือ การฆ่าล้างนั้นไม่เพียงพอ!

ให้พืชทุกต้นหญ้าทุกกอของฟรานเคียได้เติบโตขึ้นด้วยเลือดของศัตรู! 

 

สลักเข้าไปในหัวใจของพวกมันว่า จุดจบแบบใดที่ทวยเทพได้เตรียมไว้ให้สำหรับไอ้พวกป่าเถื่อนที่เที่ยวปล้นชิงจักรวรรดิ!

นักรบแห่งฟรานเคียเอ๊ย แสดงประวัติศาสตร์ที่พวกเราเป็นดั่งป้อมปราการของจักรวรรดกันเถิด!”

 

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะตะโกนออกสุดเสียง

 

 

“ที่นี่ ขณะนี้ พวกเราจะเป็นผู้ชนะ!”

ทหารทุกคนต่างตะโกนขึ้นอย่างมีกำลังใจ

 

แฟรงจงยืนยง! แฟรงจงยืนยง!

เสียงตะโกนนั้นดังขึ้นจากปีกซ้าย แผ่ผ่านไปยังปีกกลาง และปีกขวา ดังกระหึ่มทั่วหมอกยามเช้า

 

เป็นที่แน่นอนแล้วว่า กองทัพของพวกเรานั้นสามารถหยุดการชาร์จของทหารม้า  การลอบจู่โจมอันแสนจะมั่นใจของราชินีเฮนริเอตต้านั้นพังทลายลง!

 

แต่ถึงอย่างนั้นเสียงฝีเท้าม้าก็ยังเข้ามาใกล้ จากอีกฟากของทุ่งราบ 

ผมระงับหัวใจที่ตื่นเต้นลงเมื่อมองจ้องไปยังภาพตรงหน้า พลธนูบนหลังม้า ที่มากว่าพันนาย เข้ามาใกล้พวกเราอีกครั้ง

 

 

“คึ”

ผมรู้แล้วว่า กลยุทธต่อไปของเฮนริเอตต้าคืออะไร

ราชินีผู้นั้นวางแผนที่จะระดมยิงใส่เราอย่างไม่หยุดหย่อนสลับระหว่างพลธนูบนหลังม้ากลับพลหอกบนหลังม้า ซ้ำแล้วซ้ำแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราก็หยุดมันได้ตั้งแต่ชุดแรก

 

สุดท้ายแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไประหว่างหอกของบริททานี่กับโล่ของฟรานเคีย? 

 

ตอนนี้พระอาทิตย์ขึ้นเต็มที่แล้ว ผมสั่งให้พลธนูเคลื่อนไปอยู่แนวหน้าอีกครั้ง วันนี้ต้องเป็นวันที่แสนเหนื่อยล้ายาวนานอย่างแน่นอน…….

 

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+