Dungeon Defense (WN) 207 สงครามลิลี่ (10)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 207 สงครามลิลี่ (10) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

* * *

 

 

พวกเราเฝ้าดูการต่อสู้ที่บ้าเลือดที่เผยออกมา ณ ทุ่งราบอย่างประหม่า

 

กองทหารม้าของราชินีนั้นดูอ่อนล้าลงไปมากหลังสู้รบมา เกือบ 5 ชั่วโมง ส่วนหนึ่งอาจเพราะเกราะหนักๆของพวกนั้นด้วยจึงทำให้ลดความสูญเสียไปได้เยอะ

 

ส่วนมากที่จะบาดเจ็บล้มตายมักเป็นม้า ด้วยเหตุนั้นเองพวกเราจึงยังคงได้เปรียบในแง่จำนวนของทหารม้า

 

“ลากไป!!”

 

“เร่งมือเข้า รีบลากออกไป!”

 

มันคือ ม้าศึกที่ดุร้ายและขนาดใหญ่กว่าม้าในโลกเดิมของผมถึง 1.5 เท่า มันล้มตัวลงและหายใจหอบอยู่บนพื้นใกล้กับรั้วของพวกเรา

 

พลหอกฝ่ายเราแทงมันจนตายนั่นแหละ ซากของพวกมันก็เลยถูกลากไปไว้หลังรั้วไม้และใช้เป็นเครื่องกั้นเพิ่มอีกอย่าง

 

“……การพุ่งชาร์จของราชินี เฮนริเอตต้าประสบความสำเร็จ”

 

“……แน่ล่ะ”

 

ผมตอบอย่างเป็นกันเองราวกับเป็นเรื่องไกลตัวเพราะผมกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างกับตัวเองอยู่

 

ฝุ่นคลาคลุ้งในสนามรบ ตัวตนที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นราชินีเฮนริเอตต้านั้นกวัดแกว่งดาบไปมาขณะที่เข้าประจัญบานในหมอกฝุ่นอีกรอบ

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเป็นประจักษ์พยานการรบในที่กว้างของทหารม้า

 

เอาจริงๆมันก็ไม่นับเป็นข่าวดีหรอก

 

“ทัพเราจะแพ้ไหม?”

 

“……คงจะเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ”

 

ผมถอนใจออกมา นี่มันแปลว่า พวกเรามีโอกาสแพ้แหงๆเลยไม่ใช่รึไงกัน?

 

“เจ้าพวกนั้นมันสัตว์ประหลาดรึยังไงกันน่ะ? พวกเรามีจำนวนมากกว่าแท้ๆ ไม่สิ ทั้งที่พวกเรามีทั้งความได้เปรียบทางภูมิประเทศ พวกเราเหนือกว่าทุกอย่างเลย ยกเว้นแค่เรื่อง พลธนูบนหลังม้า แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงกันที่ พวกเราน่ะแพ้รวดทุกศึกอย่างนี้?”

 

“…….”

 

เจเรมิแสดงท่าทีอึดอัด เธออาจจะคิดว่า ผมโกรธ แต่เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้โกรธพวกนั้น

 

ผมโกรธที่พวกเราจะต้องรับมือกับพลธนูบนหลังม้าโดยไม่เตรียมการป้องกันมาก่อนทั้งที่ผมมีประสบการณ์เรื่องการสลับอาวุธของทหารบนหลังม้ามาจากการรบที่ออสเตอร์ลิทช์แล้วแท้ๆ

พูดง่ายๆ มันเป็นความผิดพลาดของผมเองนั่นแหละ

 

แต่ตอนนี้น่ะมันไม่ใช่ กองกำลังของราชินีเฮนริเอนต้าพิชิตสมรภูมิได้ด้วยทักษะความชำนาญล้วนๆ มันไม่ได้มีอะไรให้ผมต้องโกรธ มันแค่กวนใจผมเท่านั้น

 

“เจเรมิ เรียก แจ็กเกอรี่มาที่นี่”

 

“รับทราบค่ะ”

 

ผมในฐานะผู้บัญชาการ คงดูไม่งามนักหากผมยังคงทอดถอนใจอาลัยอาวรณ์อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ

ผมได้อ่านหนังสือกลยุทธมาหลายต่อหลายเล่ม ทั้งยังมีประสบการณ์การเข้าร่วมกับการรบทัพจับศึกกับกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ทั้งยังได้รู้แล้วว่า ศักยภาพของผู้บัญชาการจะเปล่งประกายสูงสุดเมื่อพวกเขาได้รับความพ่ายแพ้ ผมจึงเตรียมใจรับความพ่ายแพ้…….

 

“ข้าเรียกข้าเหรอ ฝ่าบาท?”

 

แจ็กเกอรี่ปรากฏกายในฐานะหัวหน้าทหารรับจ้างที่มีเลือดท่วมตัว

หลักๆเลยก็ต้องขอบคุณกองทหารรับจ้างขอเราที่ขับไล่พวกกองทหารบริททานี่ไปได้ขณะที่พลธนูปีกซ้ายของเรากำลังถูกศัตรูรุกไล่

 

เรื่องคำพูดอะไรต่อมิอะไรไว้ทีหลัง แต่ที่พวกเราสามารถทนได้นานขนาดนี้ก็เพราะทหารรับจ้างถ่ายทอดคำสั่งให้พวกทหารชาวนานั่นเอง

 

“แจ็กเกอรี่ ตอบข้ามาตามตรง เจ้าคิดว่า ทหารม้าฝ่ายเราจะแพ้ไหม?”

 

“……ปกติแล้วก็ยากที่จะระบุว่าใครจะเป็นผู้ชนะ แต่ข้าเชื่อว่า พวกเราจะพ่ายแพ้ครับ”

 

แจ็กเกอรี่ตอบตรงๆ แพ้ชนะนั้นไม่ใช่เรื่องที่เป็นนัยสำคัญนักสำหรับทหารรับจ้าคนแคระที่อยู่ในสนามรบมากว่าสิบปี

 

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เฮนริเอตต้านั้นเป็นสุดยอดผู้นำทหารม้าที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคสมัย

ทั้งทวีปนี้จะต้องก้มหัวให้กับความสำเร็จของเธอไปอย่างน้อยก็ 20 ปี

เธอสมควรได้รับสมญานามว่า บลัดดี้ เฮนริเอตต้าด้วยซ้ำ (Blutbefleckt Henrietta)”

 

“บลัดดี้ อย่างนั้นรึ?”

ผมผงกหัวอย่างจริงจัง ช่างเป็นชื่อเล่นที่เหมาะสมเสียจริง

 

ราชินีผู้มีเรือนผมสีแดงสะบัดอยู่ต่อหน้าทุกคน……สมญาที่เรียก นางว่า กระหายเลือดนั้นเหมาะกับเธอจริงๆ

 

เธอจะยังคงดื่มกินเลือดของผู้คนชาวแฟรงและชาวบริททานี่ไปเรื่อยจนกว่าจะพิชิตทวีปนี้ได้

 

ผมตั้งใจจะให้ราชินีเฮนริเอตต้าลงจากเวทีไปก่อน 

วิกฤตินั้นสร้างทั้งโอกาสและฮีโร่

เช่นเดียวกับสิ่งที่เธอทำใน <Dungeon Attack> ผมเองก็เชื่อว่า ราชินีเฮนริเอตต้าเองก็จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำชัยเหนือฟรานเคียและสร้างความปั่นป่วนขึ้น

นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมผมต้องเหยียบเธอทิ้งก่อนที่เธอจะได้ทำแบบนั้น

 

จนถึงตอนนี้ ผมยังเชื่อเลยว่า เรายังมีโอกาสถ้าเรายังกุมความได้เปรียบทั้งแง่กลยุทธและเหตุผลอันชอบธรรม แต่สุดท้ายมันจบลงแบบนี้ได้ยังไงกัน……?

 

ราชินีเฮนริเอตต้าเองก็คงคิดเหมือนๆกัน เธอเองก็คงได้ข้อสรุปแล้วว่า ต้องกำจัดดยุค เฮนรี่ เดอกุยก่อนที่จะกลายเป็นชนชั้นสูงที่เก่งกาจยิ่งกว่านี้?

นี่เธอตั้งใจจะรวมพวกเราไว้แล้วสร้างประทับใจด้วยการยกความได้เปรียบทางสมรภูมิให้พวกเราด้วยอย่างนั้นรึ……?

 

“ข้าล่ะอิจฉานัก”

เฮนริเอตต้านั้นมีกองกำลังที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แค่เพียงกองทัพก็เพียงพอแล้วที่จะไม่ต้องมานั่งวางแผนหรือกลยุทธอะไรให้มันซับซ้อนวุ่นวาย

หากเทียบนี่เป็นเกม ก็เหมือนกับตัวละครที่มีเลเวลและค่าต่างๆเต็ม

 

ผมไม่มีหรอกไอ้พวกนั้นน่ะ ผมนั้นอ่อนแอ ผมจึงต้องปลุกระดมสามัญชนขึ้นมาและวางแผนสร้างพันธมิตรขึ้นเพื่อชดเชยการที่ไร้ซึ่งพลัง

 

แต่ถึงอย่างนั้นดูเหมือนไม่เพียงพอเมื่อมายืนต่อหน้ากองทหารที่แข็งแกร่ง นี่คงเป็นขีดจำกัดสำหรับจอมมารลำดับ 71 สินะ

 

ผมจึงพูดขึ้น

 

“แจ็กเกอรี่ เห็นได้ชัดเลยว่า ทัพพวกเราจะหนีไปที่ไหนถ้าแพ้”

 

“แน่นอนครับ พวกเขาจะมากับพวกเรา”

 

แม่น้ำอยู่ทางซ้าย ป่าอยู่ทางขวา แล้วกองทัพของบริททานี่นั้นก็อยู่ข้างหน้า

 

ด้านหลังเป็นทางเดียวที่ทหารม้าที่พ่ายแพ้จะหนีกลับมาได้……พูดง่ายๆก็คือ แนวรั้วไม้ของพวกเรานั่นแหละ

พวกทหารม้าก็จะถอยกลับมาที่แนวรั้วและขอให้รักษาชีวิต

มันไม่ใช่ปัญหาหรอกหากไอ้ที่ทำแบบนั้นมันเป็นทหารศัตรู ไม่ใช่ทหารของฝ่ายเราเสียเอง

 

 

พวกเรายังคงตั้งรับต่อ ฆ่าพวกมันทิ้งถ้าเป็นศัตรู แต่หากกองทัพฝ่ายเราหนีมา เราก็ฆ่าไม่ได้

 

เครื่องกั้นโดนเขี่ยทำลาย และพลหอกฝ่ายเราก็ปั่นป่วน ทหารฝ่ายเราเริ่มลนลาน

หากจะบอกว่า นี่เป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุดก็ไม่ผิดนัก เห็นได้ชัดเลยว่า นี่เป็นสถานการณ์ที่ราชินีเล็งไว้แล้วว่าจะต้องเกิดขึ้นหลังการพุ่งชาร์จ

 

ผมหัวเราะ

 

“ดูๆไปแล้ว มันน่าตลกดีไม่ใช่รึไง

แบบนี้ไม่ต่างจากการที่ราชินีรอให้พวกเราส่งทหารออกไปเลยไม่ใช่หรือ?

เหตุผลเดียวที่เธอยังเก็บนักบุญไว้จนถึงตอนนี้ ก็เพื่อให้ที่ราบนักบุญเดนนิสนี้กลายเป็นฉากนรกที่ฝ่ายเดียวกันนั้นเหยียบย่ำชนกันเอง…….”

 

“แล้วเราควรทำอย่างไรครับ? หรือเราจะหนีกันก่อน”

ผมส่ายหัว

 

“หากพวกเราหนีตอนนี้ พวกเราก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบในการพ่ายแพ้สงครามครั้งนี้

แจ็กเกอรี่ ให้ทหารของฝ่ายเราอยู่ชิดแนวป่าไว้ พวกเราจะยังคงสู้ต่อด้วยการใช้ต้นไม้ ในฐานะแนวป้องกัน 

ราชินีเฮนริเอตต้าน่ะจะต้องมาชวนให้เรายอมแพ้”

 

“รับทราบครับ, ผู้บัญชาการ”

 

พวกเราเร่งย้ายตำแหน่งทหารไปประจำที่ป่า 

ป่านั้นเป็นสถานที่ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับทหารม้าที่จะพุ่งชาร์จเข้ามาและนั่นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราในการสร้างแนวรับ พวกเราจึงย้ายรั้วไม้ทั้งหมดไปอยู่ที่ป่า

 

ปัญหาก็คือ การที่ทหารม้าของพวกเรากลับเริ่มหนีมาก่อนที่จะย้ายรั้วไม้เสร็จ

ผมหวังว่า พวกเขาจะทนได้สัก 10 นาที แต่ก็คิดใหม่เมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องมาจากทหารม้าฝ่ายเรา

 

“ทะ-ท่านกุย ตายแล้ว!”

 

“ถอยเร็ว! ถอย ไปรวมกันใหม่!”

 

ผู้บัญชาการสูงสุด ดยุค เฮนรี่ เดอ กุย ตายในสนามรบ

 

ผมบอกได้แต่ว่า เขาได้รับเกียรติสูงสุดจากการใส่สุดกำลังของเฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่

การดวลกันระหว่างราชินีกับดยุคผู้สูงศักดิ์ โดยผู้ชนะได้หัวอีกฝ่ายติดมือไป 

 

แล้วราชินีก็เอาชนะผู้บัญชาการของฝ่ายศัตรูนั้นได้ด้วยการดวล พวกนักข่าวปาปารัซซี่ที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านต้องชอบข่าวนี้แน่

หากผมไม่ใช่ฝ่ายแพ้นะ ป่านนี้ผมคงจะขยับหมวกแสดงความยินดีให้แล้ว แม่งเอ๊ย

สิ่งที่ตามมาคือ ทหารม้าฝ่ายเราเองเนี่ยแหละที่ทำลายแนวป้องกันตอนถอยกลับมา

รูปขบวนพลหอกที่เคยต่อสู้กันอย่างหาญกล้ากลับพังไม่เป็นท่า

ผมเห็นทหารม้าบริททานี่กวดหลังคนของเราตามหลังมา

 

 

“อย่างน้อยก็ควรสู้จวบจนลมหายใจสุดท้ายสิวะ เฮ่อ”

 

ทหารม้าฝ่ายชนชั้นสูงของแฟรงเองกลับฉีกรูปขบวนทหารฝ่ายเดียวกันพังยับเยิน

 

ยังดีที่มันเกิดขึ้นกับส่วนกลางและปีกขวา ผมยังคงสั่งให้ทหารอาสาฝ่ายเราจู่โจมคนที่เข้ามาใกล้รั้วไม้ฝ่ายเราโดยไม่สนหน้าว่าจะเป็นเพื่อนหรือศัตรู

 

ทหารม้าถึงกับตะโกนด้วยความหวาดวิตก

 

“เราพวกเดียวกัน! ไม่ได้เป็นศัตรู!”

 

ทหารฝ่ายเราใช้หอกแทงทหารม้าพวกนั้นจนเลือดอาบ

 

“ฟัคเหอะ! ไอ้พวกขี้แพ้มันไม่ใช่พวกเรา!”

 

“ไสหัวไปไอ้ขี้ขลาด! นี่แกมีหำอยู่ไหมวะ ไอ้ระยำเอ๊ย!?”

 

ตั้งแต่แรกแล้วล่ะ คนของผมเข้าร่วมกองทัพเพราะชื่นชอบการปราศรัยของผม

หน่วยพวกนั้นที่รับใช้ชนชั้นสูงหรือเป็นยามของชนชั้นสูง พวกชาวนาน่ะไม่ชอบพวกนั้นอยู่แล้ว 

พอโดนอย่างนั้นเข้าก็ถึงกับตกตะลึง

 

 

“แม่งเอ้ย! นี่ทำบ้าอะไรกันอยู่!”

 

“แล้วจะให้เราไปที่ไหนวะ!”

 

พวกนั้นสบถพ่นคำสาปแช่งออกมาก่อนหันหัวม้ากลับไป

 

พวกเราจำกัดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากทางปีกซ้ายด้วยวิธีนี้ พวกเราขับทหารม้าพวกเดียวกันออกไปแล้วค่อยๆไปเตรียมตั้งแนวรบที่ป่าต่อ

 

แต่ถึงอย่างนั้นสถานการณ์กลับต่างออกไปใต้การสั่งการของจักรพรรดินีโดวาเจอร์และพวกสาธารณรัฐบัทตาเวีย

พวกนั้นไม่คิดจะตั้งแนวรับใกล้ป่าในฝั่งตัวเองด้วยซ้ำ

ยิ่งไปกว่านั้น พวกทหารม้ากลับวิ่งตามไปด้วย ผู้บัญชาการแบบไหนกันที่เที่ยววิ่งไล่ตามทหารของตัวเองวะเนี่ย?

 

แนวรบของทหารเดินเท้าของพวกนั้นจึงพังทลายลง

 

ทหารม้าพวกเดียวกันต่างเหยียบกันเองขณะถอยหนี แล้วพวกทหารบริททานี่ก็พุ่งเข้าใส่ซ้ำ ไม่มีทางที่จะคาดหวังให้พลเดินเท้าจะสามารถทนสถานการณ์แบบนี้ได้หรอก

 

พลหอกก็ค่อยๆถอยร่นจากแนวรั้วไว้ ยิ่งพวกนั้นรู้ว่าฝ่ายตัวเองแพ้ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนคนหนีพร้อมๆกับทหารม้า

มันเหมือนกับดูเขื่อนค่อยๆพังทลายลงอย่างช้าๆ รูปขบวนจุดโน้นจุดนี้ต่างเริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ

 

ทหารบริททานี่พุ่งเข้ามาครั้งนึง พวกเขาก็ล้มโครมกันจุดนึง ทั้งพลหอกและพลธนูต่างพอเห็นว่าโต้คืนไม่ไหวก็ถอยหนีกันต่อเนื่อง

 

“…….”

 

“…….”

 

ม่านแห่งความเงียบงันรูดปิดลงเหนือทหารอาสา มันเป็นธรรมดาแหละ ที่การฆ่าล้างจะเกิดขึ้นตรงหน้าพวกเรา

ไม่นานหลังแนวป้องกันพังทลาย พลหอกที่ไม่ประจำตำแหน่งก็ไม่ต่างจากขนมหวานของอัศวิน

 

ถึงจะมีทหารเดินเท้าบางคงยังคงรักษาตำแหน่งอย่างสุดกำลัง แต่อัศวินที่วิ่งเข้ามาพร้อมกับดาบเคลือบออร่าเพื่อหวังเอาคืนจากการหน้าที่สร้างความยุ่งยากให้กับพวกนั้น 

จึงไม่มีทางที่กลุ่มทหารเดินเท้าจำนวนน้อยนิดจะป้องกันเหล่าอัศวินได้ มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่

 

มีเพียงผู้บัญชาการสูงสุดเท่านั้นที่จะแก้สถานการณ์เช่นนี้ได้  แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผู้บัญชาการเฮนรี่ เดอ กุย ก็คอหลุดไปแล้ว พอพวกทหารยอมรับว่าตัวเองแพ้แล้วก็เลิกต่อต้านแล้วหนีกันท่าเดียว

 

 

“โง่ชะมัด…….”

ผมบ่นออกมา

 

การหันหลังหนีให้ศัตรูแบบนั้น พลเดินเท้าวิ่งหนีด้วยเท้า ส่วนทหารม้าก็ไล่กวดบนหลังม้า

ก็น่าจะรู้ชัดอยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นยังไง หากแกล้งทำตัวเป็นศพยังมีโอกาสรอดมากกว่าด้วยซ้ำ

 

ยังคงมีทหารรับจ้างบางกลุ่มที่ต่อต้านอย่างดุเดือด

แต่ก็โชคไม่ดีนักที่มันไม่มากพอที่จะหยุดออร่าพวกนั้น ทหารรับจ้างทุกกลุ่มต่างถูกฆ่าล้างอย่างไม่มีข้อยกเว้น

 

 

พวกทหารบริททานี่ต่างปล้นข้าวของศัตรูกันอย่างตื่นเต้น พวกนั้นขโมยทั้งรถศึก ปลดเกราะจากศพ ทั้งหมดเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น

 

ราชินีเฮนริเอตต้าก็คงบอกพวกเขาแหละว่า ปล้นชิงได้ตามสบายแถมคงจะมีการตบรางวัลนักสู้ผู้กล้าหาญให้ด้วยซ้ำ

 

พอสนามรบเป็นอย่างนั้นไปเสียแล้ว พวกบริททานี่ก็จับจ้องมองมาที่พวกเรา

 

มีทหารเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ยังรักษาตำแหน่งและยังป้องกันแนวรับต่อ นั่นคือ กองทหารอาสาสมัครของพวกเรา

 

อัศวินพวกนั้นมองราวกับกำลังประเมินอะไรบางอย่าง และเข้ามาใกล้พวกเรา

 

“หืมมม”

 

พวกอัศวินกวาดสายตาดูรั้วไม้ก่อนจะมองไปทางป่า เขาคงได้ข้อสรุปแหละว่า มันยากที่จะพุ่งชาร์จเข้าใส่เรา จึงตะโกนบอก

 

“ส่งตัวผู้บัญชาการของเจ้ามา! ถ้ายอมส่งตัวผู้บัญชาการของพวกเจ้ามา พวกเราจะให้พวกแกทั้งหมดกลับไป!”

 

ผมรู้สึกใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เห็นอยู่ชัดๆว่าตอแหล 

เจ้าหมอนี่ตั้งใจจะฆ่าล้างเราทั้งหมดหลังจากได้ตัวผู้บัญชาการไปแล้ว มันเป็นลูกเล่นพื้นๆเลย แต่สำหรับผมก็คงเป็นจุดจบแหละหากทหารของพวกเราโดนหลอกเอาง่ายๆด้วยวิธีนั้น

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 207 สงครามลิลี่ (10)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 207 สงครามลิลี่ (10) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

* * *

 

 

พวกเราเฝ้าดูการต่อสู้ที่บ้าเลือดที่เผยออกมา ณ ทุ่งราบอย่างประหม่า

 

กองทหารม้าของราชินีนั้นดูอ่อนล้าลงไปมากหลังสู้รบมา เกือบ 5 ชั่วโมง ส่วนหนึ่งอาจเพราะเกราะหนักๆของพวกนั้นด้วยจึงทำให้ลดความสูญเสียไปได้เยอะ

 

ส่วนมากที่จะบาดเจ็บล้มตายมักเป็นม้า ด้วยเหตุนั้นเองพวกเราจึงยังคงได้เปรียบในแง่จำนวนของทหารม้า

 

“ลากไป!!”

 

“เร่งมือเข้า รีบลากออกไป!”

 

มันคือ ม้าศึกที่ดุร้ายและขนาดใหญ่กว่าม้าในโลกเดิมของผมถึง 1.5 เท่า มันล้มตัวลงและหายใจหอบอยู่บนพื้นใกล้กับรั้วของพวกเรา

 

พลหอกฝ่ายเราแทงมันจนตายนั่นแหละ ซากของพวกมันก็เลยถูกลากไปไว้หลังรั้วไม้และใช้เป็นเครื่องกั้นเพิ่มอีกอย่าง

 

“……การพุ่งชาร์จของราชินี เฮนริเอตต้าประสบความสำเร็จ”

 

“……แน่ล่ะ”

 

ผมตอบอย่างเป็นกันเองราวกับเป็นเรื่องไกลตัวเพราะผมกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างกับตัวเองอยู่

 

ฝุ่นคลาคลุ้งในสนามรบ ตัวตนที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นราชินีเฮนริเอตต้านั้นกวัดแกว่งดาบไปมาขณะที่เข้าประจัญบานในหมอกฝุ่นอีกรอบ

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเป็นประจักษ์พยานการรบในที่กว้างของทหารม้า

 

เอาจริงๆมันก็ไม่นับเป็นข่าวดีหรอก

 

“ทัพเราจะแพ้ไหม?”

 

“……คงจะเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ”

 

ผมถอนใจออกมา นี่มันแปลว่า พวกเรามีโอกาสแพ้แหงๆเลยไม่ใช่รึไงกัน?

 

“เจ้าพวกนั้นมันสัตว์ประหลาดรึยังไงกันน่ะ? พวกเรามีจำนวนมากกว่าแท้ๆ ไม่สิ ทั้งที่พวกเรามีทั้งความได้เปรียบทางภูมิประเทศ พวกเราเหนือกว่าทุกอย่างเลย ยกเว้นแค่เรื่อง พลธนูบนหลังม้า แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงกันที่ พวกเราน่ะแพ้รวดทุกศึกอย่างนี้?”

 

“…….”

 

เจเรมิแสดงท่าทีอึดอัด เธออาจจะคิดว่า ผมโกรธ แต่เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้โกรธพวกนั้น

 

ผมโกรธที่พวกเราจะต้องรับมือกับพลธนูบนหลังม้าโดยไม่เตรียมการป้องกันมาก่อนทั้งที่ผมมีประสบการณ์เรื่องการสลับอาวุธของทหารบนหลังม้ามาจากการรบที่ออสเตอร์ลิทช์แล้วแท้ๆ

พูดง่ายๆ มันเป็นความผิดพลาดของผมเองนั่นแหละ

 

แต่ตอนนี้น่ะมันไม่ใช่ กองกำลังของราชินีเฮนริเอนต้าพิชิตสมรภูมิได้ด้วยทักษะความชำนาญล้วนๆ มันไม่ได้มีอะไรให้ผมต้องโกรธ มันแค่กวนใจผมเท่านั้น

 

“เจเรมิ เรียก แจ็กเกอรี่มาที่นี่”

 

“รับทราบค่ะ”

 

ผมในฐานะผู้บัญชาการ คงดูไม่งามนักหากผมยังคงทอดถอนใจอาลัยอาวรณ์อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ

ผมได้อ่านหนังสือกลยุทธมาหลายต่อหลายเล่ม ทั้งยังมีประสบการณ์การเข้าร่วมกับการรบทัพจับศึกกับกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ทั้งยังได้รู้แล้วว่า ศักยภาพของผู้บัญชาการจะเปล่งประกายสูงสุดเมื่อพวกเขาได้รับความพ่ายแพ้ ผมจึงเตรียมใจรับความพ่ายแพ้…….

 

“ข้าเรียกข้าเหรอ ฝ่าบาท?”

 

แจ็กเกอรี่ปรากฏกายในฐานะหัวหน้าทหารรับจ้างที่มีเลือดท่วมตัว

หลักๆเลยก็ต้องขอบคุณกองทหารรับจ้างขอเราที่ขับไล่พวกกองทหารบริททานี่ไปได้ขณะที่พลธนูปีกซ้ายของเรากำลังถูกศัตรูรุกไล่

 

เรื่องคำพูดอะไรต่อมิอะไรไว้ทีหลัง แต่ที่พวกเราสามารถทนได้นานขนาดนี้ก็เพราะทหารรับจ้างถ่ายทอดคำสั่งให้พวกทหารชาวนานั่นเอง

 

“แจ็กเกอรี่ ตอบข้ามาตามตรง เจ้าคิดว่า ทหารม้าฝ่ายเราจะแพ้ไหม?”

 

“……ปกติแล้วก็ยากที่จะระบุว่าใครจะเป็นผู้ชนะ แต่ข้าเชื่อว่า พวกเราจะพ่ายแพ้ครับ”

 

แจ็กเกอรี่ตอบตรงๆ แพ้ชนะนั้นไม่ใช่เรื่องที่เป็นนัยสำคัญนักสำหรับทหารรับจ้าคนแคระที่อยู่ในสนามรบมากว่าสิบปี

 

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เฮนริเอตต้านั้นเป็นสุดยอดผู้นำทหารม้าที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคสมัย

ทั้งทวีปนี้จะต้องก้มหัวให้กับความสำเร็จของเธอไปอย่างน้อยก็ 20 ปี

เธอสมควรได้รับสมญานามว่า บลัดดี้ เฮนริเอตต้าด้วยซ้ำ (Blutbefleckt Henrietta)”

 

“บลัดดี้ อย่างนั้นรึ?”

ผมผงกหัวอย่างจริงจัง ช่างเป็นชื่อเล่นที่เหมาะสมเสียจริง

 

ราชินีผู้มีเรือนผมสีแดงสะบัดอยู่ต่อหน้าทุกคน……สมญาที่เรียก นางว่า กระหายเลือดนั้นเหมาะกับเธอจริงๆ

 

เธอจะยังคงดื่มกินเลือดของผู้คนชาวแฟรงและชาวบริททานี่ไปเรื่อยจนกว่าจะพิชิตทวีปนี้ได้

 

ผมตั้งใจจะให้ราชินีเฮนริเอตต้าลงจากเวทีไปก่อน 

วิกฤตินั้นสร้างทั้งโอกาสและฮีโร่

เช่นเดียวกับสิ่งที่เธอทำใน <Dungeon Attack> ผมเองก็เชื่อว่า ราชินีเฮนริเอตต้าเองก็จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำชัยเหนือฟรานเคียและสร้างความปั่นป่วนขึ้น

นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมผมต้องเหยียบเธอทิ้งก่อนที่เธอจะได้ทำแบบนั้น

 

จนถึงตอนนี้ ผมยังเชื่อเลยว่า เรายังมีโอกาสถ้าเรายังกุมความได้เปรียบทั้งแง่กลยุทธและเหตุผลอันชอบธรรม แต่สุดท้ายมันจบลงแบบนี้ได้ยังไงกัน……?

 

ราชินีเฮนริเอตต้าเองก็คงคิดเหมือนๆกัน เธอเองก็คงได้ข้อสรุปแล้วว่า ต้องกำจัดดยุค เฮนรี่ เดอกุยก่อนที่จะกลายเป็นชนชั้นสูงที่เก่งกาจยิ่งกว่านี้?

นี่เธอตั้งใจจะรวมพวกเราไว้แล้วสร้างประทับใจด้วยการยกความได้เปรียบทางสมรภูมิให้พวกเราด้วยอย่างนั้นรึ……?

 

“ข้าล่ะอิจฉานัก”

เฮนริเอตต้านั้นมีกองกำลังที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แค่เพียงกองทัพก็เพียงพอแล้วที่จะไม่ต้องมานั่งวางแผนหรือกลยุทธอะไรให้มันซับซ้อนวุ่นวาย

หากเทียบนี่เป็นเกม ก็เหมือนกับตัวละครที่มีเลเวลและค่าต่างๆเต็ม

 

ผมไม่มีหรอกไอ้พวกนั้นน่ะ ผมนั้นอ่อนแอ ผมจึงต้องปลุกระดมสามัญชนขึ้นมาและวางแผนสร้างพันธมิตรขึ้นเพื่อชดเชยการที่ไร้ซึ่งพลัง

 

แต่ถึงอย่างนั้นดูเหมือนไม่เพียงพอเมื่อมายืนต่อหน้ากองทหารที่แข็งแกร่ง นี่คงเป็นขีดจำกัดสำหรับจอมมารลำดับ 71 สินะ

 

ผมจึงพูดขึ้น

 

“แจ็กเกอรี่ เห็นได้ชัดเลยว่า ทัพพวกเราจะหนีไปที่ไหนถ้าแพ้”

 

“แน่นอนครับ พวกเขาจะมากับพวกเรา”

 

แม่น้ำอยู่ทางซ้าย ป่าอยู่ทางขวา แล้วกองทัพของบริททานี่นั้นก็อยู่ข้างหน้า

 

ด้านหลังเป็นทางเดียวที่ทหารม้าที่พ่ายแพ้จะหนีกลับมาได้……พูดง่ายๆก็คือ แนวรั้วไม้ของพวกเรานั่นแหละ

พวกทหารม้าก็จะถอยกลับมาที่แนวรั้วและขอให้รักษาชีวิต

มันไม่ใช่ปัญหาหรอกหากไอ้ที่ทำแบบนั้นมันเป็นทหารศัตรู ไม่ใช่ทหารของฝ่ายเราเสียเอง

 

 

พวกเรายังคงตั้งรับต่อ ฆ่าพวกมันทิ้งถ้าเป็นศัตรู แต่หากกองทัพฝ่ายเราหนีมา เราก็ฆ่าไม่ได้

 

เครื่องกั้นโดนเขี่ยทำลาย และพลหอกฝ่ายเราก็ปั่นป่วน ทหารฝ่ายเราเริ่มลนลาน

หากจะบอกว่า นี่เป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุดก็ไม่ผิดนัก เห็นได้ชัดเลยว่า นี่เป็นสถานการณ์ที่ราชินีเล็งไว้แล้วว่าจะต้องเกิดขึ้นหลังการพุ่งชาร์จ

 

ผมหัวเราะ

 

“ดูๆไปแล้ว มันน่าตลกดีไม่ใช่รึไง

แบบนี้ไม่ต่างจากการที่ราชินีรอให้พวกเราส่งทหารออกไปเลยไม่ใช่หรือ?

เหตุผลเดียวที่เธอยังเก็บนักบุญไว้จนถึงตอนนี้ ก็เพื่อให้ที่ราบนักบุญเดนนิสนี้กลายเป็นฉากนรกที่ฝ่ายเดียวกันนั้นเหยียบย่ำชนกันเอง…….”

 

“แล้วเราควรทำอย่างไรครับ? หรือเราจะหนีกันก่อน”

ผมส่ายหัว

 

“หากพวกเราหนีตอนนี้ พวกเราก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบในการพ่ายแพ้สงครามครั้งนี้

แจ็กเกอรี่ ให้ทหารของฝ่ายเราอยู่ชิดแนวป่าไว้ พวกเราจะยังคงสู้ต่อด้วยการใช้ต้นไม้ ในฐานะแนวป้องกัน 

ราชินีเฮนริเอตต้าน่ะจะต้องมาชวนให้เรายอมแพ้”

 

“รับทราบครับ, ผู้บัญชาการ”

 

พวกเราเร่งย้ายตำแหน่งทหารไปประจำที่ป่า 

ป่านั้นเป็นสถานที่ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับทหารม้าที่จะพุ่งชาร์จเข้ามาและนั่นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราในการสร้างแนวรับ พวกเราจึงย้ายรั้วไม้ทั้งหมดไปอยู่ที่ป่า

 

ปัญหาก็คือ การที่ทหารม้าของพวกเรากลับเริ่มหนีมาก่อนที่จะย้ายรั้วไม้เสร็จ

ผมหวังว่า พวกเขาจะทนได้สัก 10 นาที แต่ก็คิดใหม่เมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องมาจากทหารม้าฝ่ายเรา

 

“ทะ-ท่านกุย ตายแล้ว!”

 

“ถอยเร็ว! ถอย ไปรวมกันใหม่!”

 

ผู้บัญชาการสูงสุด ดยุค เฮนรี่ เดอ กุย ตายในสนามรบ

 

ผมบอกได้แต่ว่า เขาได้รับเกียรติสูงสุดจากการใส่สุดกำลังของเฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่

การดวลกันระหว่างราชินีกับดยุคผู้สูงศักดิ์ โดยผู้ชนะได้หัวอีกฝ่ายติดมือไป 

 

แล้วราชินีก็เอาชนะผู้บัญชาการของฝ่ายศัตรูนั้นได้ด้วยการดวล พวกนักข่าวปาปารัซซี่ที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านต้องชอบข่าวนี้แน่

หากผมไม่ใช่ฝ่ายแพ้นะ ป่านนี้ผมคงจะขยับหมวกแสดงความยินดีให้แล้ว แม่งเอ๊ย

สิ่งที่ตามมาคือ ทหารม้าฝ่ายเราเองเนี่ยแหละที่ทำลายแนวป้องกันตอนถอยกลับมา

รูปขบวนพลหอกที่เคยต่อสู้กันอย่างหาญกล้ากลับพังไม่เป็นท่า

ผมเห็นทหารม้าบริททานี่กวดหลังคนของเราตามหลังมา

 

 

“อย่างน้อยก็ควรสู้จวบจนลมหายใจสุดท้ายสิวะ เฮ่อ”

 

ทหารม้าฝ่ายชนชั้นสูงของแฟรงเองกลับฉีกรูปขบวนทหารฝ่ายเดียวกันพังยับเยิน

 

ยังดีที่มันเกิดขึ้นกับส่วนกลางและปีกขวา ผมยังคงสั่งให้ทหารอาสาฝ่ายเราจู่โจมคนที่เข้ามาใกล้รั้วไม้ฝ่ายเราโดยไม่สนหน้าว่าจะเป็นเพื่อนหรือศัตรู

 

ทหารม้าถึงกับตะโกนด้วยความหวาดวิตก

 

“เราพวกเดียวกัน! ไม่ได้เป็นศัตรู!”

 

ทหารฝ่ายเราใช้หอกแทงทหารม้าพวกนั้นจนเลือดอาบ

 

“ฟัคเหอะ! ไอ้พวกขี้แพ้มันไม่ใช่พวกเรา!”

 

“ไสหัวไปไอ้ขี้ขลาด! นี่แกมีหำอยู่ไหมวะ ไอ้ระยำเอ๊ย!?”

 

ตั้งแต่แรกแล้วล่ะ คนของผมเข้าร่วมกองทัพเพราะชื่นชอบการปราศรัยของผม

หน่วยพวกนั้นที่รับใช้ชนชั้นสูงหรือเป็นยามของชนชั้นสูง พวกชาวนาน่ะไม่ชอบพวกนั้นอยู่แล้ว 

พอโดนอย่างนั้นเข้าก็ถึงกับตกตะลึง

 

 

“แม่งเอ้ย! นี่ทำบ้าอะไรกันอยู่!”

 

“แล้วจะให้เราไปที่ไหนวะ!”

 

พวกนั้นสบถพ่นคำสาปแช่งออกมาก่อนหันหัวม้ากลับไป

 

พวกเราจำกัดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากทางปีกซ้ายด้วยวิธีนี้ พวกเราขับทหารม้าพวกเดียวกันออกไปแล้วค่อยๆไปเตรียมตั้งแนวรบที่ป่าต่อ

 

แต่ถึงอย่างนั้นสถานการณ์กลับต่างออกไปใต้การสั่งการของจักรพรรดินีโดวาเจอร์และพวกสาธารณรัฐบัทตาเวีย

พวกนั้นไม่คิดจะตั้งแนวรับใกล้ป่าในฝั่งตัวเองด้วยซ้ำ

ยิ่งไปกว่านั้น พวกทหารม้ากลับวิ่งตามไปด้วย ผู้บัญชาการแบบไหนกันที่เที่ยววิ่งไล่ตามทหารของตัวเองวะเนี่ย?

 

แนวรบของทหารเดินเท้าของพวกนั้นจึงพังทลายลง

 

ทหารม้าพวกเดียวกันต่างเหยียบกันเองขณะถอยหนี แล้วพวกทหารบริททานี่ก็พุ่งเข้าใส่ซ้ำ ไม่มีทางที่จะคาดหวังให้พลเดินเท้าจะสามารถทนสถานการณ์แบบนี้ได้หรอก

 

พลหอกก็ค่อยๆถอยร่นจากแนวรั้วไว้ ยิ่งพวกนั้นรู้ว่าฝ่ายตัวเองแพ้ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนคนหนีพร้อมๆกับทหารม้า

มันเหมือนกับดูเขื่อนค่อยๆพังทลายลงอย่างช้าๆ รูปขบวนจุดโน้นจุดนี้ต่างเริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ

 

ทหารบริททานี่พุ่งเข้ามาครั้งนึง พวกเขาก็ล้มโครมกันจุดนึง ทั้งพลหอกและพลธนูต่างพอเห็นว่าโต้คืนไม่ไหวก็ถอยหนีกันต่อเนื่อง

 

“…….”

 

“…….”

 

ม่านแห่งความเงียบงันรูดปิดลงเหนือทหารอาสา มันเป็นธรรมดาแหละ ที่การฆ่าล้างจะเกิดขึ้นตรงหน้าพวกเรา

ไม่นานหลังแนวป้องกันพังทลาย พลหอกที่ไม่ประจำตำแหน่งก็ไม่ต่างจากขนมหวานของอัศวิน

 

ถึงจะมีทหารเดินเท้าบางคงยังคงรักษาตำแหน่งอย่างสุดกำลัง แต่อัศวินที่วิ่งเข้ามาพร้อมกับดาบเคลือบออร่าเพื่อหวังเอาคืนจากการหน้าที่สร้างความยุ่งยากให้กับพวกนั้น 

จึงไม่มีทางที่กลุ่มทหารเดินเท้าจำนวนน้อยนิดจะป้องกันเหล่าอัศวินได้ มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่

 

มีเพียงผู้บัญชาการสูงสุดเท่านั้นที่จะแก้สถานการณ์เช่นนี้ได้  แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผู้บัญชาการเฮนรี่ เดอ กุย ก็คอหลุดไปแล้ว พอพวกทหารยอมรับว่าตัวเองแพ้แล้วก็เลิกต่อต้านแล้วหนีกันท่าเดียว

 

 

“โง่ชะมัด…….”

ผมบ่นออกมา

 

การหันหลังหนีให้ศัตรูแบบนั้น พลเดินเท้าวิ่งหนีด้วยเท้า ส่วนทหารม้าก็ไล่กวดบนหลังม้า

ก็น่าจะรู้ชัดอยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นยังไง หากแกล้งทำตัวเป็นศพยังมีโอกาสรอดมากกว่าด้วยซ้ำ

 

ยังคงมีทหารรับจ้างบางกลุ่มที่ต่อต้านอย่างดุเดือด

แต่ก็โชคไม่ดีนักที่มันไม่มากพอที่จะหยุดออร่าพวกนั้น ทหารรับจ้างทุกกลุ่มต่างถูกฆ่าล้างอย่างไม่มีข้อยกเว้น

 

 

พวกทหารบริททานี่ต่างปล้นข้าวของศัตรูกันอย่างตื่นเต้น พวกนั้นขโมยทั้งรถศึก ปลดเกราะจากศพ ทั้งหมดเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น

 

ราชินีเฮนริเอตต้าก็คงบอกพวกเขาแหละว่า ปล้นชิงได้ตามสบายแถมคงจะมีการตบรางวัลนักสู้ผู้กล้าหาญให้ด้วยซ้ำ

 

พอสนามรบเป็นอย่างนั้นไปเสียแล้ว พวกบริททานี่ก็จับจ้องมองมาที่พวกเรา

 

มีทหารเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ยังรักษาตำแหน่งและยังป้องกันแนวรับต่อ นั่นคือ กองทหารอาสาสมัครของพวกเรา

 

อัศวินพวกนั้นมองราวกับกำลังประเมินอะไรบางอย่าง และเข้ามาใกล้พวกเรา

 

“หืมมม”

 

พวกอัศวินกวาดสายตาดูรั้วไม้ก่อนจะมองไปทางป่า เขาคงได้ข้อสรุปแหละว่า มันยากที่จะพุ่งชาร์จเข้าใส่เรา จึงตะโกนบอก

 

“ส่งตัวผู้บัญชาการของเจ้ามา! ถ้ายอมส่งตัวผู้บัญชาการของพวกเจ้ามา พวกเราจะให้พวกแกทั้งหมดกลับไป!”

 

ผมรู้สึกใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เห็นอยู่ชัดๆว่าตอแหล 

เจ้าหมอนี่ตั้งใจจะฆ่าล้างเราทั้งหมดหลังจากได้ตัวผู้บัญชาการไปแล้ว มันเป็นลูกเล่นพื้นๆเลย แต่สำหรับผมก็คงเป็นจุดจบแหละหากทหารของพวกเราโดนหลอกเอาง่ายๆด้วยวิธีนั้น

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+