Dungeon Defense (WN) 215 ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง D (7)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 215 ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง D (7) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

ในท่ามกลางหัวหน้าหมู่บ้านทั้ง 6 หมู่บ้าน มีเพียงพาร์ซิผู้เดียวที่รู้แผนของผม

 

แผนนั้นก็คือ การรวมเอากลุ่มนักผจญภัยทั้งหมดเข้ามาไว้ด้วยกัน เจ้าพวกนักเลงนอกพื้นที่ได้มาก่อกวนสร้างความปั่นป่วนในหมู่บ้าน 

ชาวบ้านก็ต้องอดทนต่อการกระทำพวกนั้นเพราะไม่มีทหารอาสา

 

 

ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่พวกเขานั้นจัดการด้วยตัวเองไม่ได้ พวกเขาจึงต้องยืมกำลังของใครสักคนมาแทน

……ชาวบ้านที่มองหาคนช่วย ก็จะพึ่งนึกขึ้นมาได้ว่า ควรจะไปหาลอร์ดของพวกเขา จอมมารดันทาเลี่ยน

 

“แล้วหัวหน้าหมู่บ้านอื่นพูดอะไรกับเจ้าบ้างล่ะ?”

 

“อย่าถามเลยครับ พวกเขาเอาแต่บอกให้ผมไปคุยกับท่านจอมมาร เพื่อให้จัดการให้ แต่ผมก็บอกไปหลายต่อหลายรอบแล้วว่า ข้าทำไม่ได้

……เฮ่ออ  ผมล่ะเหนื่อยเต็มที”

 

พาร์ซิถูหน้าด้วยฝ่ามือ ปรากฏสัญญาณแห่งความอ่อนล้าที่รอบดวงตา

เป็นที่รู้กันดีว่า พาร์ซินั้นเป็นผู้ช่วยของผม หัวหน้าหมู่บ้านอื่นต่างรีบรุดมาหาพาร์ซินับเพราะเขารู้ว่า อะไรๆนั้นสมควรเป็นไปตามลำดับ 

 

พาร์ซิไม่ได้เป็นแค่หัวหน้าหมู่บ้านอย่างเดียว

 

เจ้าของที่จากแต่ละหมู่บ้าน พวกเขานั้นตกเป็นเป้าหมายของปาร์ตี้นักผจญภัยมากที่สุดแล้วและถูกปล้นชิงเอาไปเยอะที่สุด ดังนั้นจึงต้องรีบมาหาพาร์ซิให้เร็วที่สุด เพื่อขอร้องเขาให้มาบอกกับฝ่าบาทจอมมาร

 

“เฮ่อ ผมก็บอกพวกเขาไปแล้วนะว่าไม่มีอะไรที่ผมทำได้ ในหูพวกนั้นคงไม่ใช่ก้อนขี้หูแต่คงเป็นก้อนขี้หมา”

 

“ถูกแล้ว เจ้าต้องทำให้มันยากเข้าไว้”

 

แต่เขาจะไปทำอะไรได้ล่ะ? ต่อจากนี้เป็นไปได้ว่าเขาต้องทำงานหนักกว่านี้อีก

อันที่จริงผมว่าจะคัดเลือกคัดสรรคนเก่งมีความสามารถจากฟรานเคียเพื่อลดภาระงานตรงนี้

……แต่กลับหาคนแบบนั้นไม่ได้เลยหลังจากพ่ายแพ้เฮนริเอตต้าโดยสมบูรณ์ในศึกนั้น

 

ฮ่าฮ่า การดึงตัวผู้มีความสามารถมาอยู่ด้วยนี่มันไม่ง่ายเหมือนในเกมเลย

ผมอาจไม่ใช่คนชั่วร้ายขนาดนั้น แต่ก็นั่นแหละ ผมก็ต้องหาคนมาเติมงานในจุดนั้นให้ได้

 

 

“ได้เจอกับเดซี่และลุคหรือยังไ?”

 

“……สองพี่น้องนั่นน่ะนะ?  ผมรู้จักทั้งคู่แหละ ผมพาเขามาพร้อมกับพ่อแม่ด้วย”

 

“ประชุมหมู่บ้านคราวหน้าก็เอาตัวพี่น้องนั่นมาด้วยล่ะ”

 

เดซี่มีพรสวรรค์ ส่วนลุคก็หัวดี 

เจเรมิที่สอนพวกเขาแค่เพียงเดือนเดียวก็จริง แต่กลับอ่านภาษาฟรานเคียน และยังเข้าใจภาษาจักรวรรดิโบราณได้เป็นอย่างดี

เร็วๆนี้ พวกเขาอาจจะเชี่ยวชาญภาษาฮับบวร์กด้วย

แต่ถึงอย่างนั้น พาร์ซิก็ยังดูสงสัยบางอย่าง

 

“ท่านอยากให้ผมทำยังไงกับ เด็กสองคนนั่น?”

 

“ข้าตั้งใจจะเลี้ยงให้สองคนนั่นเป็นผู้ติดตาม ทั้งคู่จะมีหน้าที่คอยติดต่อหมู่บ้านต่างๆเป็นตัวแทนของข้า ข้าอยากให้พวกเขาเริ่มเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ในหมู่บ้าน”

 

“หืมมม”

 

ถ้านั่นใช่สิ่งที่ท่านต้องการจริงๆน่ะนะ พาร์ทำพูดพร้อมยักไหล่สื่อไปทางนั้น

 

“แต่แม่สาวน้อยยังไม่ใช่วัยน่ากินน่ะสิ ข้าไม่รู้ว่าควรจะบอกท่านเรื่องนี้ดีไหมนะ”

 

“อ้าว? มีอะไรเกิดขึ้นหรือไง?”

 

“ผมให้พวกเขามาอยู่บ้านผม เด็กชายอาจจะไปเยี่ยวหรือไปขี้เลยหนีออกไปนอกบ้านกลางดึก แล้วเสียงนั่นก็ทำเอาผมตื่นขึ้นมา ผมน่ะมันเป็นพวกหลับยาก ตื่นง่ายดังนั้นเสียงเล็กๆน้อยๆอะไรก็ทำผมตื่นได้ทั้งนั้น”

 

พาร์ซิขมวดคิ้ว

 

“ผมเลยชักหวาดกลัวกับเสียงแปลกๆ ทีแรกผมคิดว่าเสียงผีหลอกหรืออะไรสักอย่าง แต่มันไม่ใช่เลย พอผมตั้งใจฟังดีๆเสียงมันมาจากเด็กสาวที่หลับอยู่ ผมล่ะตกใจสุดๆไปเลย เด็กนั่นกำลังช่วยตัวเองอยู่!”

 

“…….”

ผมถึงกับพูดไม่ออก เหงื่อไหลลงมาถึงหน้าผาก

 

“จะ-เจ้าอาจฟังผิดก็ได้ม้าง”

 

“หูผมฟังเสียงอะไรไม่มีทางผิดหรอก นี่ท่านคิดว่าผมจะสับสนเสียงช่วยตัวเองกับเสียงอะไรอย่างนั้นเหรอ ? 

ชิ แย่จริงเชียว ขนตรงนั้นยังไม่ขึ้นด้วยซ้ำมั้งแต่กลับครางหอบเสียหื่นเชียว

……. แม่หนูนั่นก็ยังเด็กอยู่แต่ก็ควรรู้บ้างว่า ไม่ควรทำอะไรแบบนั้นตอนมาเป็นแขกบ้านคนอื่นเขานะ”

 

พาร์ซิถึงกับเดาะลิ้น

 

“ที่ผมบอกฝ่าบาทก็เพราะเห็นท่านบอกว่า จะเลี้ยงดูเธอ ผมไม่มีความเห็นอะไรต่อเรื่องที่เกิดขึ้นหรอก แต่จะดีใจมากหากฝ่าบาทรู้จักสอนมารยาทเธอ

ท่านคงไม่ได้ตั้งใจจะปั้นให้แม่หนูนั่นกลายเป็นยัยหื่นกาม ใช่ไหม?”

 

 

“……อ้า แน่นอน เจ้าพูดถูก ข้าจะคุยกับแม่หนูนั่นจริงๆจังๆดู”

 

กลายเป็นว่า ผมเป็นคนที่บังคับขู่เข็ญให้เธอมีพฤติกรรมลามกๆแบบนั้นสินะ พาริซิ

 

ที่สำคัญคือ นั่นมันปัญหาของลุคไม่ใช่รึไง!?

 

ก็ดูดิ เจ้านั่นมันแอบหนีออกไปดึกๆดื่นๆกลางค่ำกลางคืนเพื่อไปช่วยตัวเอง เห็นกันชัดๆเลยนี่หว่า ว่าเจ้าหมอนั่นมันเสพติดสไลม์จิ๋มกระป๋องขนาดไหน

เด็กชายวัย 11 ปี ที่ลุ่มหลงในสัมผัสของสไลม์ โดยไม่รู้เลยว่า มันเป็นแบบจำลองด้านในของใครบางคน

 

ผมแอบเห็นใจเดซี่ที่โดนเข้าใจผิดว่า เป็นเด็กสาวโรคจิตเพียงเพราะความหื่นของพี่ชายตัวเอง แต่ก็นั่นแหละ ผมได้แต่เก็บความสงสารนั้นไว้ใจคนเดียว

 

(TTL : ไอ้เชี่ยพรี่ดัน ทั้งหมดนั่นมันก็ฝีมือพรี่ทั้งหมดไม่ใช่เรอะ! )

 

 

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นข้าว่า ได้เวลาแล้วล่ะที่จะตอบกลับหัวหน้าหมู่บ้านคนอื่นๆ”

 

ผมรีบเปลี่ยนหัวข้อทันที พาร์ซิไม่ได้สนใจเรื่องนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย

 

“พวกนั้นมันรอการตอบสนองของท่านมานาน และคงพร้อมจะวิ่งมาหาท่านทันทีอย่างกับม้าติดสัดเลยล่ะ”

 

 

“จุดยืนของข้านั้นเรียบง่ายและชัดเจน นี่คือ คำสั่งของข้า”

 

มันเป็นสิ่งที่จำเป็นมากต่อการทำสัญญาต่อกันระหว่างผมกับหมู่บ้านพวกนั้น

พวกเขาตระหนักรับรู้ผมในฐานะผู้ปกครองที่คอยปกป้องพวกเขาจากเหล่ามอนสเตอร์

 

ซึ่งนั่นทำให้ผมมีภาระที่ต้องจัดการกับมอนสเตอร์ในดินแดน อย่างพวกก็อบลินในขณะที่ชาวบ้านก็มีภาระหน้าที่ที่จะไม่ทรยศผมและรายงานทุกครั้งที่พวกเขาตัดสินใจจะบุกถางดินแดนมาใหม่

 

―มันไม่มีบรรทัดไหนเลยในสัญญาที่บอกว่า ‘ข้าจะปกป้องพวกเจ้าจากมนุษย์’

 

กลุ่มนักผจญภัยมาสร้างความวุ่นวายในหมู่บ้าน แล้วจะให้ผมทำอะไรกันล่ะ?

นักผจญภัญไม่ใช่พวกมอนสเตอร์ จอมมารดันทาเลี่ยนจึงไม่มีเหตุผลใดให้ต้องมาเกี่ยวข้องกับมนุษย์ที่คิดจะปล้นชิงหรือฆ่าล้างพวกเขา

 

ผมจึงพูดต่อไป

 

“บอกพวกเขาให้ชัดถ้อยชัดคำว่า สถานการณ์นี้อยู่นอกเหนือสัญญาที่พวกเราตกลงกัน

จอมมารคอยจัดการกับมอนสเตอร์ แล้วทำไมข้าถึงต้องไปหยุดการรุกรานของพวกมนุษย์กันด้วยล่ะ?

สิ่งไหนที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ก็สมควรจัดการด้วยมนุษย์กันเอง”

 

พวกชาวบ้านได้หักหลังผมไปสองครั้ง

ครั้งแรกก็ตอนที่ปาร์ตี้ของริฟบุกเข้ามา มีเพียงหมู่บ้านที่ไม่หักหลังผมเท่านั้นที่รอดชีวิตต่อไปได้ 

ตอนนี้พวกเขาคงรู้แล้วว่า ผมจะทำยังไงกับคนทรยศ

มีความเป็นไปได้สูงที่พวกนั้นจะไปเข้าร่วมกับกลุ่มนักผจญภัยแล้วมาบุกปราสาทของผม

 

ครั้งที่สองก็ตอนที่หัวหน้าหมู่บ้านยักยอกส่วย ผมเองก็ใจดีพอจะให้อภัยพวกเขา ชาวบ้านก็เข้าใจตรงจุดนั้นดีแต่ก็ยังมีความละอายอยู่บ้างจึงไม่อาจขอให้ผม ‘ขับไล่พวกนักผจญภัยไปฟรีๆ’ ได้

 

ตัวเลือกเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้จึงกลายเป็นการแลกเปลี่ยนกันทางธุรกิจ

 

“หากพวกเจ้าตัดสินใจจะยกธุระเรื่องมนุษย์ให้กับข้าแล้ว

……นั่นก็หมายถึงข้านั้นมีสิทธิ์ในการปกครองพวกเจ้าเหมือนดั่งราชาที่พวกเจ้าแต่งตั้งข้า

จากนั้นจงเชื่อฟังกฏหมายของพวกเรา

หากพวกเจ้ากระทำความผิด พวกเจ้าก็ต้องไปรับการติดสินจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่มาจากหมู่บ้านอื่น 

เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนในเรื่องนั้นจะข้าปกป้องพวกเจ้าทุกกรณี”

 

พาร์ซิยิ้มอย่างชั่วร้าย

 

“ผมจะบอกพวกเขาอย่างนั้น”

 

พวกชาวนาน่ะเป็นอนุรักษ์นิยมสุดๆดังนั้นพวกเขาไม่ยอมรับนโยบายใหม่ง่ายๆหรอก

แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ให้พวกนั้นเห็นว่านโยบายใหม่เป็นดั่ง ‘เชือกช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย’

หากเจ้าสัญญาว่า จะยอมรับการพิจารณาคดีจากคนหมู่บ้านอื่น ถ้าอย่างนั้นแล้วตัวข้าในฐานะ ฝ่าบาทจอมมารก็ขอสัญญาว่าจะปกป้องพวกเจ้า 

 

ช่างเป็นดีลที่ยอดอะไรอย่างนี้นะ!

ผมน่ะไม่แม้แต่จะเรียกร้องขอภาษีเพิ่ม ผมไม่ได้บอกให้เขาไปเป็นทหารหรืออัศวินเพื่อปกป้องผมด้วยซ้ำ

พวกเขาก็แค่ยอมรับผลการพิจารณาคดีของคนจากหมู่บ้านอื่นเท่านั้นเอง

……. ในทางปฏิบัติแล้ว พวกนั้นคงรู้สึกว่า ไม่ต่างจากได้ของฟรีมาด้วยซ้ำไป

 

ซึ่งความจริงแล้ว มันไม่ใช่เลย นี่ก็แทบไม่ต่างจากการที่พวกนั้นยอมยกอำนาจในการพิจารณาคดีความให้โดยอัตโนมัติ

 

ยามเมื่อที่พวกเขาถูกรบกวนทำร้ายโดยเหล่านักผจญภัยเขาย่อมนึกเรื่องแนวคิด อำนาจทางตุลาการไม่ออก

ผมฉีดพิษที่ชื่อว่า นักผจญภัยเข้าไป เพื่อทำการรักษาความหัวโบราณอนุรักษ์นิยมของพวกเขาเสีย

 

ชาวบ้านทั้งหลายจะถูกปล้นพร้อมกับรับการรักษาเยียวยาไปด้วย อาจมีครอบครัวบางครอบครัวที่ลูกสาวถูกนักผจญภัยข่มขืนไปบ้าง

 

 

ผมเลือกใช้แผนการชั่วร้ายอย่างนี้ไม่ใช่เพราะศัตรูร้ายของผมหรอก หากแต่เป็นเพราะคนของฝ่ายผมเองต่างหาก…….

 

ผมไม่โง่แบบนักปกครองที่พยายามทำตัวเป็นทรราชบ้าอำนาจ ไม่เลย ลอร์ดผู้หวังดีประสงค์ร้ายนั้นเหมาะสมกับผมมากกว่า

 

บาร์บาทอสยังเคยพูดเลยว่า ผมสมควรไปเป็นพวกราชวงศ์ของพวกมนุษย์ด้วยซ้ำ แต่วิธีการปกครองคนผมดันรู้จักแต่วิธีนี้เสียด้วยสิ

 

“แต่ พาร์ซิ เจ้าเองก็ออกจะชั่วร้ายอยู่นะ”

 

“ทำไมอยู่ๆท่านถึงพูดแบบนั้น?”

พาร์ซิเอียงคอสงสัย

 

นี่เขาไม่รู้จริงๆอย่างนั้นหรือ ? หรือเขาแสร้งทำเป็นไม่รู้?

 

ไม่สำคัญว่าจะเป็นอย่างไร ถึงอย่างไรผมก็ชอบนิสัยของพาร์ซิอยู่ดี แม้จะเป็นแบบแรกที่โง่แบบไม่รู้เรื่อง หรือแบบหลังที่ทำตัวมีเล่ห์เหลี่ยม ทั้งสองนิสัยนั้นผมก็เห็นว่ามันใช้ได้ทั้งคู่

 

“ตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านน่ะ สมควรที่จะปกป้องทรัพย์สินและสิทธิของชาวบ้านมิใช่หรืออย่างไรกัน?

เจ้ากลับเลือกที่จะเมินเฉยต่อหน้าที่นั้นแล้วมามอบความภักดีให้กับข้า

ระหว่างคนของเจ้ากับการจงรักภักดีต่อลอร์ด เจ้ากลับเลือกอย่างหลัง เพราะเหตุใดกัน?”

 

ผมยิ้มอย่างเย็นชา

 

“หรือเจ้ากำลังคิดว่า การอยู่ข้างข้านั้นมีค่ามากกว่าคนของเจ้าอีก ? เจ้าให้ความสำคัญกับการเป็นข้ารับใช้ของข้าก่อนฐานะหัวหน้าหมู่บ้านรึ?”

 

“…….”

 

“อย่าห่วงกังวล,พาร์ซิ ข้าไม่ได้ต้องการตำหนิเจ้า เจ้าซื่อสัตย์ต่อข้าเสมอมา 

ข้าแค่สงสัย ข้าอยากรู้ว่าเจ้าคิดอย่างไร และมีเจตนาอย่างไรกันแน่ บอกมันมาตามตรงด้วย”

พาร์ซิตอบกลับมาด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจ

 

“เอาล่ะ ถ้าให้ว่ากันตรงๆนะ ผมไม่ได้รู้สึกจงรักภักดีอะไรกับฝ่าบาทหรอก ผมแค่ไม่ได้ร่วมแก๊งกับปาร์ตี้ไอ้ริฟ และผมก็ออกมาต่อรองกับพวกหัวหน้าหมู่บ้านคนอื่นๆตอนที่ทุกอย่างมันเละเทะตอนนั้น

ว่าง่ายๆตอนนั้นมันไม่ได้สร้างความหงุดหงิดอะไรให้ผมแต่…….”

 

“แต่อะไร?”

 

“มันเป็นตอนที่พบกับฝ่าบาทครั้งแรก”

น้ำเสียงของนิ่ง เขาพูดเหมือนกับเด็ก คนวัยกลางคนและคนแก่ในเวลาเดียวกัน

 

“ท่านจำได้ไหม? ตอนที่พ่อข้าตายไป แล้วข้าก็กลายเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน จริงๆตอนนั้นมีหลายคนที่สมควรขึ้นมาเป็นหัวหน้า 

แต่พวกนั้นก็กลัวพวกริฟมากเสียจนโยนตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านนั้นให้เด็กน้อยอย่างผม”

 

“อ้าา ข้าจำได้”

พาร์ซิที่ทำตัวหยาบคายตั้งแต่การประชุมครั้งแรก

 

ถึงวิธีการพูดนั้นจะหยาบคายไปหน่อย แต่เขาก็รู้ดีว่า จะได้รับสิ่งที่ต้องการมาได้อย่างไรจากผู้อื่น

ถือว่า เขาเกิดมาพร้อมความสามารถในทางการเมือง

 

“ท่านจำได้ไหมว่า พ่อของผมตายยังไง?”

 

“……เพราะพ่อของเจ้าปฏิเสธที่จะร่วมมือกับพวกริฟ? ถ้าข้าจำไมผิด”

 

“ถูกแล้วครับ”

พาร์ซิพยักหน้า

 

 

“แต่อันที่จริงแล้วมันออกจะมีอะไรมากกว่านั้น พ่อของผมพยายามที่จะนำคนไปจู่โจมพวกริฟพร้อมกับชาวบ้านคนอื่นๆ

อืม ทีแรกเขาแกล้งทำเป็นต้อนรับปาร์ตี้ของริฟเป็นอย่างดี แล้วก็จะกวาดล้างในคราวเดียว”

 

“ข้าเข้าใจ”

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยินเรื่องแบบนี้ นี่เขาเป็นลูกชายที่ดีคนนึงเลยนี่

 

“ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ นักผจญภัยนั้นเข้ามาลึกในหมู่บ้านของพวกเรา

พ่อของผมก็ออกคำสั่งด้วยการตะโกนว่า ‘จู่โจมมัน! จู่โจม!’”

 

“ยอดเยี่ยม แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นล่ะ?”

 

“ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

พาร์ซิหัวเราะเสียงแหลม

 

“ชาวบ้านคนอื่นต่างนิ่งตัวแข็งด้วยความกลัว พอเห็นนักผจญภัยมายืนต่อหน้า แม้พ่อผมจะให้คำสั่งพวกนั้นก็ไม่ยอมขยับ

จึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น พ่อผมจึงตะโกนอยู่คนเดียวต่อหน้านักผจญภัย 20 คน”

 

“…….”

 

“ไอ้ระยำริฟมันก็รู้ตัวไวว่าเกิดอะไรขึ้น”

 

แล้วริฟก็เหวี่ยงขวานที่กระชับในมือทันที

พ่อของพาร์ซิจึงไม่สามารถลงมือได้ตามแผนที่วางไว้ในหัวอาจเพราะยังตกใจกับการที่ชาวบ้านคนอื่นหักหลัง หัวของพ่อเขาจึงหลุดจากบ่าไป

 

พาร์ซินั้นเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ

 

นั่นอาจเป็นสาเหตุหลักที่ว่า ทำไมพาร์ซิถึงไม่ใส่ใจต่อหน้าที่หัวหน้าหมู่บ้านนัก

 

“……อ้อ อย่างนั้นเองรึ”

พาร์ซิพยักหน้าแบบไม่ใส่ใจ

 

 

“ครับ มันเป็นอย่างนั้นแหละ”

ผมหยิบไปป์ยาสูบขึ้นมาแล้วส่งให้พาร์ซิดูดหลังจุดไฟแล้ว

 

พาร์ซิรับไปป์ไปโดยไม่พูดแล้วสูดเฮือกใหญ่ ควันลอยฟุ้งเงียบๆอย่างระหว่างพวกเรา

 

 

เขาส่งไปป์กลับมาให้ผม และผมก็พ่นควันลอยในอากาศ

ผมรู้ว่า วิธีนี้เป็นการที่พาร์ซิระลึกถึงการตายของพ่อ

 

 

ไม่มีมนุษย์คนไหน ไม่มีบาดแผล ก็เห็นกันอยู่ 

นั่นคือ สาเหตุที่ว่า ทำไมผมจึงตอบไปสั้นๆแค่เพียงว่า ‘อย่างนั้นเองรึ’ และ พาร์ซิก็พูดได้เพียงแค่ ‘มันเป็นอย่างนั้นแหละ’ กลับมา

 

 

 

มันเป็นอย่างนั้นแหละ

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 215 ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง D (7)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 215 ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง D (7) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

ในท่ามกลางหัวหน้าหมู่บ้านทั้ง 6 หมู่บ้าน มีเพียงพาร์ซิผู้เดียวที่รู้แผนของผม

 

แผนนั้นก็คือ การรวมเอากลุ่มนักผจญภัยทั้งหมดเข้ามาไว้ด้วยกัน เจ้าพวกนักเลงนอกพื้นที่ได้มาก่อกวนสร้างความปั่นป่วนในหมู่บ้าน 

ชาวบ้านก็ต้องอดทนต่อการกระทำพวกนั้นเพราะไม่มีทหารอาสา

 

 

ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่พวกเขานั้นจัดการด้วยตัวเองไม่ได้ พวกเขาจึงต้องยืมกำลังของใครสักคนมาแทน

……ชาวบ้านที่มองหาคนช่วย ก็จะพึ่งนึกขึ้นมาได้ว่า ควรจะไปหาลอร์ดของพวกเขา จอมมารดันทาเลี่ยน

 

“แล้วหัวหน้าหมู่บ้านอื่นพูดอะไรกับเจ้าบ้างล่ะ?”

 

“อย่าถามเลยครับ พวกเขาเอาแต่บอกให้ผมไปคุยกับท่านจอมมาร เพื่อให้จัดการให้ แต่ผมก็บอกไปหลายต่อหลายรอบแล้วว่า ข้าทำไม่ได้

……เฮ่ออ  ผมล่ะเหนื่อยเต็มที”

 

พาร์ซิถูหน้าด้วยฝ่ามือ ปรากฏสัญญาณแห่งความอ่อนล้าที่รอบดวงตา

เป็นที่รู้กันดีว่า พาร์ซินั้นเป็นผู้ช่วยของผม หัวหน้าหมู่บ้านอื่นต่างรีบรุดมาหาพาร์ซินับเพราะเขารู้ว่า อะไรๆนั้นสมควรเป็นไปตามลำดับ 

 

พาร์ซิไม่ได้เป็นแค่หัวหน้าหมู่บ้านอย่างเดียว

 

เจ้าของที่จากแต่ละหมู่บ้าน พวกเขานั้นตกเป็นเป้าหมายของปาร์ตี้นักผจญภัยมากที่สุดแล้วและถูกปล้นชิงเอาไปเยอะที่สุด ดังนั้นจึงต้องรีบมาหาพาร์ซิให้เร็วที่สุด เพื่อขอร้องเขาให้มาบอกกับฝ่าบาทจอมมาร

 

“เฮ่อ ผมก็บอกพวกเขาไปแล้วนะว่าไม่มีอะไรที่ผมทำได้ ในหูพวกนั้นคงไม่ใช่ก้อนขี้หูแต่คงเป็นก้อนขี้หมา”

 

“ถูกแล้ว เจ้าต้องทำให้มันยากเข้าไว้”

 

แต่เขาจะไปทำอะไรได้ล่ะ? ต่อจากนี้เป็นไปได้ว่าเขาต้องทำงานหนักกว่านี้อีก

อันที่จริงผมว่าจะคัดเลือกคัดสรรคนเก่งมีความสามารถจากฟรานเคียเพื่อลดภาระงานตรงนี้

……แต่กลับหาคนแบบนั้นไม่ได้เลยหลังจากพ่ายแพ้เฮนริเอตต้าโดยสมบูรณ์ในศึกนั้น

 

ฮ่าฮ่า การดึงตัวผู้มีความสามารถมาอยู่ด้วยนี่มันไม่ง่ายเหมือนในเกมเลย

ผมอาจไม่ใช่คนชั่วร้ายขนาดนั้น แต่ก็นั่นแหละ ผมก็ต้องหาคนมาเติมงานในจุดนั้นให้ได้

 

 

“ได้เจอกับเดซี่และลุคหรือยังไ?”

 

“……สองพี่น้องนั่นน่ะนะ?  ผมรู้จักทั้งคู่แหละ ผมพาเขามาพร้อมกับพ่อแม่ด้วย”

 

“ประชุมหมู่บ้านคราวหน้าก็เอาตัวพี่น้องนั่นมาด้วยล่ะ”

 

เดซี่มีพรสวรรค์ ส่วนลุคก็หัวดี 

เจเรมิที่สอนพวกเขาแค่เพียงเดือนเดียวก็จริง แต่กลับอ่านภาษาฟรานเคียน และยังเข้าใจภาษาจักรวรรดิโบราณได้เป็นอย่างดี

เร็วๆนี้ พวกเขาอาจจะเชี่ยวชาญภาษาฮับบวร์กด้วย

แต่ถึงอย่างนั้น พาร์ซิก็ยังดูสงสัยบางอย่าง

 

“ท่านอยากให้ผมทำยังไงกับ เด็กสองคนนั่น?”

 

“ข้าตั้งใจจะเลี้ยงให้สองคนนั่นเป็นผู้ติดตาม ทั้งคู่จะมีหน้าที่คอยติดต่อหมู่บ้านต่างๆเป็นตัวแทนของข้า ข้าอยากให้พวกเขาเริ่มเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ในหมู่บ้าน”

 

“หืมมม”

 

ถ้านั่นใช่สิ่งที่ท่านต้องการจริงๆน่ะนะ พาร์ทำพูดพร้อมยักไหล่สื่อไปทางนั้น

 

“แต่แม่สาวน้อยยังไม่ใช่วัยน่ากินน่ะสิ ข้าไม่รู้ว่าควรจะบอกท่านเรื่องนี้ดีไหมนะ”

 

“อ้าว? มีอะไรเกิดขึ้นหรือไง?”

 

“ผมให้พวกเขามาอยู่บ้านผม เด็กชายอาจจะไปเยี่ยวหรือไปขี้เลยหนีออกไปนอกบ้านกลางดึก แล้วเสียงนั่นก็ทำเอาผมตื่นขึ้นมา ผมน่ะมันเป็นพวกหลับยาก ตื่นง่ายดังนั้นเสียงเล็กๆน้อยๆอะไรก็ทำผมตื่นได้ทั้งนั้น”

 

พาร์ซิขมวดคิ้ว

 

“ผมเลยชักหวาดกลัวกับเสียงแปลกๆ ทีแรกผมคิดว่าเสียงผีหลอกหรืออะไรสักอย่าง แต่มันไม่ใช่เลย พอผมตั้งใจฟังดีๆเสียงมันมาจากเด็กสาวที่หลับอยู่ ผมล่ะตกใจสุดๆไปเลย เด็กนั่นกำลังช่วยตัวเองอยู่!”

 

“…….”

ผมถึงกับพูดไม่ออก เหงื่อไหลลงมาถึงหน้าผาก

 

“จะ-เจ้าอาจฟังผิดก็ได้ม้าง”

 

“หูผมฟังเสียงอะไรไม่มีทางผิดหรอก นี่ท่านคิดว่าผมจะสับสนเสียงช่วยตัวเองกับเสียงอะไรอย่างนั้นเหรอ ? 

ชิ แย่จริงเชียว ขนตรงนั้นยังไม่ขึ้นด้วยซ้ำมั้งแต่กลับครางหอบเสียหื่นเชียว

……. แม่หนูนั่นก็ยังเด็กอยู่แต่ก็ควรรู้บ้างว่า ไม่ควรทำอะไรแบบนั้นตอนมาเป็นแขกบ้านคนอื่นเขานะ”

 

พาร์ซิถึงกับเดาะลิ้น

 

“ที่ผมบอกฝ่าบาทก็เพราะเห็นท่านบอกว่า จะเลี้ยงดูเธอ ผมไม่มีความเห็นอะไรต่อเรื่องที่เกิดขึ้นหรอก แต่จะดีใจมากหากฝ่าบาทรู้จักสอนมารยาทเธอ

ท่านคงไม่ได้ตั้งใจจะปั้นให้แม่หนูนั่นกลายเป็นยัยหื่นกาม ใช่ไหม?”

 

 

“……อ้า แน่นอน เจ้าพูดถูก ข้าจะคุยกับแม่หนูนั่นจริงๆจังๆดู”

 

กลายเป็นว่า ผมเป็นคนที่บังคับขู่เข็ญให้เธอมีพฤติกรรมลามกๆแบบนั้นสินะ พาริซิ

 

ที่สำคัญคือ นั่นมันปัญหาของลุคไม่ใช่รึไง!?

 

ก็ดูดิ เจ้านั่นมันแอบหนีออกไปดึกๆดื่นๆกลางค่ำกลางคืนเพื่อไปช่วยตัวเอง เห็นกันชัดๆเลยนี่หว่า ว่าเจ้าหมอนั่นมันเสพติดสไลม์จิ๋มกระป๋องขนาดไหน

เด็กชายวัย 11 ปี ที่ลุ่มหลงในสัมผัสของสไลม์ โดยไม่รู้เลยว่า มันเป็นแบบจำลองด้านในของใครบางคน

 

ผมแอบเห็นใจเดซี่ที่โดนเข้าใจผิดว่า เป็นเด็กสาวโรคจิตเพียงเพราะความหื่นของพี่ชายตัวเอง แต่ก็นั่นแหละ ผมได้แต่เก็บความสงสารนั้นไว้ใจคนเดียว

 

(TTL : ไอ้เชี่ยพรี่ดัน ทั้งหมดนั่นมันก็ฝีมือพรี่ทั้งหมดไม่ใช่เรอะ! )

 

 

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นข้าว่า ได้เวลาแล้วล่ะที่จะตอบกลับหัวหน้าหมู่บ้านคนอื่นๆ”

 

ผมรีบเปลี่ยนหัวข้อทันที พาร์ซิไม่ได้สนใจเรื่องนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย

 

“พวกนั้นมันรอการตอบสนองของท่านมานาน และคงพร้อมจะวิ่งมาหาท่านทันทีอย่างกับม้าติดสัดเลยล่ะ”

 

 

“จุดยืนของข้านั้นเรียบง่ายและชัดเจน นี่คือ คำสั่งของข้า”

 

มันเป็นสิ่งที่จำเป็นมากต่อการทำสัญญาต่อกันระหว่างผมกับหมู่บ้านพวกนั้น

พวกเขาตระหนักรับรู้ผมในฐานะผู้ปกครองที่คอยปกป้องพวกเขาจากเหล่ามอนสเตอร์

 

ซึ่งนั่นทำให้ผมมีภาระที่ต้องจัดการกับมอนสเตอร์ในดินแดน อย่างพวกก็อบลินในขณะที่ชาวบ้านก็มีภาระหน้าที่ที่จะไม่ทรยศผมและรายงานทุกครั้งที่พวกเขาตัดสินใจจะบุกถางดินแดนมาใหม่

 

―มันไม่มีบรรทัดไหนเลยในสัญญาที่บอกว่า ‘ข้าจะปกป้องพวกเจ้าจากมนุษย์’

 

กลุ่มนักผจญภัยมาสร้างความวุ่นวายในหมู่บ้าน แล้วจะให้ผมทำอะไรกันล่ะ?

นักผจญภัญไม่ใช่พวกมอนสเตอร์ จอมมารดันทาเลี่ยนจึงไม่มีเหตุผลใดให้ต้องมาเกี่ยวข้องกับมนุษย์ที่คิดจะปล้นชิงหรือฆ่าล้างพวกเขา

 

ผมจึงพูดต่อไป

 

“บอกพวกเขาให้ชัดถ้อยชัดคำว่า สถานการณ์นี้อยู่นอกเหนือสัญญาที่พวกเราตกลงกัน

จอมมารคอยจัดการกับมอนสเตอร์ แล้วทำไมข้าถึงต้องไปหยุดการรุกรานของพวกมนุษย์กันด้วยล่ะ?

สิ่งไหนที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ก็สมควรจัดการด้วยมนุษย์กันเอง”

 

พวกชาวบ้านได้หักหลังผมไปสองครั้ง

ครั้งแรกก็ตอนที่ปาร์ตี้ของริฟบุกเข้ามา มีเพียงหมู่บ้านที่ไม่หักหลังผมเท่านั้นที่รอดชีวิตต่อไปได้ 

ตอนนี้พวกเขาคงรู้แล้วว่า ผมจะทำยังไงกับคนทรยศ

มีความเป็นไปได้สูงที่พวกนั้นจะไปเข้าร่วมกับกลุ่มนักผจญภัยแล้วมาบุกปราสาทของผม

 

ครั้งที่สองก็ตอนที่หัวหน้าหมู่บ้านยักยอกส่วย ผมเองก็ใจดีพอจะให้อภัยพวกเขา ชาวบ้านก็เข้าใจตรงจุดนั้นดีแต่ก็ยังมีความละอายอยู่บ้างจึงไม่อาจขอให้ผม ‘ขับไล่พวกนักผจญภัยไปฟรีๆ’ ได้

 

ตัวเลือกเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้จึงกลายเป็นการแลกเปลี่ยนกันทางธุรกิจ

 

“หากพวกเจ้าตัดสินใจจะยกธุระเรื่องมนุษย์ให้กับข้าแล้ว

……นั่นก็หมายถึงข้านั้นมีสิทธิ์ในการปกครองพวกเจ้าเหมือนดั่งราชาที่พวกเจ้าแต่งตั้งข้า

จากนั้นจงเชื่อฟังกฏหมายของพวกเรา

หากพวกเจ้ากระทำความผิด พวกเจ้าก็ต้องไปรับการติดสินจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่มาจากหมู่บ้านอื่น 

เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนในเรื่องนั้นจะข้าปกป้องพวกเจ้าทุกกรณี”

 

พาร์ซิยิ้มอย่างชั่วร้าย

 

“ผมจะบอกพวกเขาอย่างนั้น”

 

พวกชาวนาน่ะเป็นอนุรักษ์นิยมสุดๆดังนั้นพวกเขาไม่ยอมรับนโยบายใหม่ง่ายๆหรอก

แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ให้พวกนั้นเห็นว่านโยบายใหม่เป็นดั่ง ‘เชือกช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย’

หากเจ้าสัญญาว่า จะยอมรับการพิจารณาคดีจากคนหมู่บ้านอื่น ถ้าอย่างนั้นแล้วตัวข้าในฐานะ ฝ่าบาทจอมมารก็ขอสัญญาว่าจะปกป้องพวกเจ้า 

 

ช่างเป็นดีลที่ยอดอะไรอย่างนี้นะ!

ผมน่ะไม่แม้แต่จะเรียกร้องขอภาษีเพิ่ม ผมไม่ได้บอกให้เขาไปเป็นทหารหรืออัศวินเพื่อปกป้องผมด้วยซ้ำ

พวกเขาก็แค่ยอมรับผลการพิจารณาคดีของคนจากหมู่บ้านอื่นเท่านั้นเอง

……. ในทางปฏิบัติแล้ว พวกนั้นคงรู้สึกว่า ไม่ต่างจากได้ของฟรีมาด้วยซ้ำไป

 

ซึ่งความจริงแล้ว มันไม่ใช่เลย นี่ก็แทบไม่ต่างจากการที่พวกนั้นยอมยกอำนาจในการพิจารณาคดีความให้โดยอัตโนมัติ

 

ยามเมื่อที่พวกเขาถูกรบกวนทำร้ายโดยเหล่านักผจญภัยเขาย่อมนึกเรื่องแนวคิด อำนาจทางตุลาการไม่ออก

ผมฉีดพิษที่ชื่อว่า นักผจญภัยเข้าไป เพื่อทำการรักษาความหัวโบราณอนุรักษ์นิยมของพวกเขาเสีย

 

ชาวบ้านทั้งหลายจะถูกปล้นพร้อมกับรับการรักษาเยียวยาไปด้วย อาจมีครอบครัวบางครอบครัวที่ลูกสาวถูกนักผจญภัยข่มขืนไปบ้าง

 

 

ผมเลือกใช้แผนการชั่วร้ายอย่างนี้ไม่ใช่เพราะศัตรูร้ายของผมหรอก หากแต่เป็นเพราะคนของฝ่ายผมเองต่างหาก…….

 

ผมไม่โง่แบบนักปกครองที่พยายามทำตัวเป็นทรราชบ้าอำนาจ ไม่เลย ลอร์ดผู้หวังดีประสงค์ร้ายนั้นเหมาะสมกับผมมากกว่า

 

บาร์บาทอสยังเคยพูดเลยว่า ผมสมควรไปเป็นพวกราชวงศ์ของพวกมนุษย์ด้วยซ้ำ แต่วิธีการปกครองคนผมดันรู้จักแต่วิธีนี้เสียด้วยสิ

 

“แต่ พาร์ซิ เจ้าเองก็ออกจะชั่วร้ายอยู่นะ”

 

“ทำไมอยู่ๆท่านถึงพูดแบบนั้น?”

พาร์ซิเอียงคอสงสัย

 

นี่เขาไม่รู้จริงๆอย่างนั้นหรือ ? หรือเขาแสร้งทำเป็นไม่รู้?

 

ไม่สำคัญว่าจะเป็นอย่างไร ถึงอย่างไรผมก็ชอบนิสัยของพาร์ซิอยู่ดี แม้จะเป็นแบบแรกที่โง่แบบไม่รู้เรื่อง หรือแบบหลังที่ทำตัวมีเล่ห์เหลี่ยม ทั้งสองนิสัยนั้นผมก็เห็นว่ามันใช้ได้ทั้งคู่

 

“ตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านน่ะ สมควรที่จะปกป้องทรัพย์สินและสิทธิของชาวบ้านมิใช่หรืออย่างไรกัน?

เจ้ากลับเลือกที่จะเมินเฉยต่อหน้าที่นั้นแล้วมามอบความภักดีให้กับข้า

ระหว่างคนของเจ้ากับการจงรักภักดีต่อลอร์ด เจ้ากลับเลือกอย่างหลัง เพราะเหตุใดกัน?”

 

ผมยิ้มอย่างเย็นชา

 

“หรือเจ้ากำลังคิดว่า การอยู่ข้างข้านั้นมีค่ามากกว่าคนของเจ้าอีก ? เจ้าให้ความสำคัญกับการเป็นข้ารับใช้ของข้าก่อนฐานะหัวหน้าหมู่บ้านรึ?”

 

“…….”

 

“อย่าห่วงกังวล,พาร์ซิ ข้าไม่ได้ต้องการตำหนิเจ้า เจ้าซื่อสัตย์ต่อข้าเสมอมา 

ข้าแค่สงสัย ข้าอยากรู้ว่าเจ้าคิดอย่างไร และมีเจตนาอย่างไรกันแน่ บอกมันมาตามตรงด้วย”

พาร์ซิตอบกลับมาด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจ

 

“เอาล่ะ ถ้าให้ว่ากันตรงๆนะ ผมไม่ได้รู้สึกจงรักภักดีอะไรกับฝ่าบาทหรอก ผมแค่ไม่ได้ร่วมแก๊งกับปาร์ตี้ไอ้ริฟ และผมก็ออกมาต่อรองกับพวกหัวหน้าหมู่บ้านคนอื่นๆตอนที่ทุกอย่างมันเละเทะตอนนั้น

ว่าง่ายๆตอนนั้นมันไม่ได้สร้างความหงุดหงิดอะไรให้ผมแต่…….”

 

“แต่อะไร?”

 

“มันเป็นตอนที่พบกับฝ่าบาทครั้งแรก”

น้ำเสียงของนิ่ง เขาพูดเหมือนกับเด็ก คนวัยกลางคนและคนแก่ในเวลาเดียวกัน

 

“ท่านจำได้ไหม? ตอนที่พ่อข้าตายไป แล้วข้าก็กลายเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน จริงๆตอนนั้นมีหลายคนที่สมควรขึ้นมาเป็นหัวหน้า 

แต่พวกนั้นก็กลัวพวกริฟมากเสียจนโยนตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านนั้นให้เด็กน้อยอย่างผม”

 

“อ้าา ข้าจำได้”

พาร์ซิที่ทำตัวหยาบคายตั้งแต่การประชุมครั้งแรก

 

ถึงวิธีการพูดนั้นจะหยาบคายไปหน่อย แต่เขาก็รู้ดีว่า จะได้รับสิ่งที่ต้องการมาได้อย่างไรจากผู้อื่น

ถือว่า เขาเกิดมาพร้อมความสามารถในทางการเมือง

 

“ท่านจำได้ไหมว่า พ่อของผมตายยังไง?”

 

“……เพราะพ่อของเจ้าปฏิเสธที่จะร่วมมือกับพวกริฟ? ถ้าข้าจำไมผิด”

 

“ถูกแล้วครับ”

พาร์ซิพยักหน้า

 

 

“แต่อันที่จริงแล้วมันออกจะมีอะไรมากกว่านั้น พ่อของผมพยายามที่จะนำคนไปจู่โจมพวกริฟพร้อมกับชาวบ้านคนอื่นๆ

อืม ทีแรกเขาแกล้งทำเป็นต้อนรับปาร์ตี้ของริฟเป็นอย่างดี แล้วก็จะกวาดล้างในคราวเดียว”

 

“ข้าเข้าใจ”

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยินเรื่องแบบนี้ นี่เขาเป็นลูกชายที่ดีคนนึงเลยนี่

 

“ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ นักผจญภัยนั้นเข้ามาลึกในหมู่บ้านของพวกเรา

พ่อของผมก็ออกคำสั่งด้วยการตะโกนว่า ‘จู่โจมมัน! จู่โจม!’”

 

“ยอดเยี่ยม แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นล่ะ?”

 

“ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

พาร์ซิหัวเราะเสียงแหลม

 

“ชาวบ้านคนอื่นต่างนิ่งตัวแข็งด้วยความกลัว พอเห็นนักผจญภัยมายืนต่อหน้า แม้พ่อผมจะให้คำสั่งพวกนั้นก็ไม่ยอมขยับ

จึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น พ่อผมจึงตะโกนอยู่คนเดียวต่อหน้านักผจญภัย 20 คน”

 

“…….”

 

“ไอ้ระยำริฟมันก็รู้ตัวไวว่าเกิดอะไรขึ้น”

 

แล้วริฟก็เหวี่ยงขวานที่กระชับในมือทันที

พ่อของพาร์ซิจึงไม่สามารถลงมือได้ตามแผนที่วางไว้ในหัวอาจเพราะยังตกใจกับการที่ชาวบ้านคนอื่นหักหลัง หัวของพ่อเขาจึงหลุดจากบ่าไป

 

พาร์ซินั้นเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ

 

นั่นอาจเป็นสาเหตุหลักที่ว่า ทำไมพาร์ซิถึงไม่ใส่ใจต่อหน้าที่หัวหน้าหมู่บ้านนัก

 

“……อ้อ อย่างนั้นเองรึ”

พาร์ซิพยักหน้าแบบไม่ใส่ใจ

 

 

“ครับ มันเป็นอย่างนั้นแหละ”

ผมหยิบไปป์ยาสูบขึ้นมาแล้วส่งให้พาร์ซิดูดหลังจุดไฟแล้ว

 

พาร์ซิรับไปป์ไปโดยไม่พูดแล้วสูดเฮือกใหญ่ ควันลอยฟุ้งเงียบๆอย่างระหว่างพวกเรา

 

 

เขาส่งไปป์กลับมาให้ผม และผมก็พ่นควันลอยในอากาศ

ผมรู้ว่า วิธีนี้เป็นการที่พาร์ซิระลึกถึงการตายของพ่อ

 

 

ไม่มีมนุษย์คนไหน ไม่มีบาดแผล ก็เห็นกันอยู่ 

นั่นคือ สาเหตุที่ว่า ทำไมผมจึงตอบไปสั้นๆแค่เพียงว่า ‘อย่างนั้นเองรึ’ และ พาร์ซิก็พูดได้เพียงแค่ ‘มันเป็นอย่างนั้นแหละ’ กลับมา

 

 

 

มันเป็นอย่างนั้นแหละ

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+