Dungeon Defense (WN) 219 ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง D (11)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 219 ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง D (11) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

โอ้ ข้อความปรากฏขึ้นบอกว่า เกิดการสู้กับบอสขึ้นแล้ว 

มันเหมือนการแจ้งเตือนกระพริบๆว่า 「Warning!」 ด้วยตัวอักษรสีแดง มันพยายามจะบอกว่า เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่หรือเปล่านะ? 

 

 

พื้นที่เปิดโล่งในถ้ำที่มืดสลัว เด็กสาวผู้ครั้งหนึ่งเคยเป็นลูกสาวผู้น่าภาคภูมิใจของดยุคและนักผจญภัยอีก 20 คน มองกันไปมองกันมาอยู่บนทางเดินก่อนจะเข้าไปถึงห้องจอมมารดันทาเลี่ยน

 

ถ้าว่ากันตามตรรกะธรรมดาแล้ว เด็กสาวก็สมควรที่จะเป็นฝ่ายประหม่ากลัว แต่ทว่า…….

 

 

“อุก, เอ่ออออ…….”

นักผจญภัญพวกนั้นกลับขบกรามและจ้องมองไปยังหญิงสาว

 

พวกเขาไม่อาจซ่อนบังความกังวลในดวงตาได้ งานอดิเรกน่าสยองอย่างการสะสมหัวกระโหลก และดาบที่ออกมาจากเงาของหญิงสาว สิ่งเหล่านั้นทำลายขวัญกำลังใจของนักผจญภัยเป็นอย่างมาก 

ในอีกด้านหนึ่ง เด็กสาวนั้นสงบนิ่งอย่างสิ้นเชิง ผู้ใหญ่ชายยี่สิบคนกลับถูกกดดันด้วยเด็กสาวตัวเล็กๆคนเดียว

 

 

เขาได้คิดบ้างไหมนะว่า จะออกสถานการณ์แย่ๆนี้ได้อย่างไรกัน? 

ฟาเบียนกลับยิ้มเยาะ

 

“แต่พอมาคิดว่า หญิงสาวที่เคยที่เป็นบุตรของดยุคผู้น่าภาคภูมิใจกลับแหกขาให้กับจอมมารเนี่ย โลกนี้มันเป็นแบบนั้นนี่นะ”

 

“……?”

ลอร่าขมวดคิ้ว ฟาเบียนเดาะลิ้นขณะที่มองการตอบสนองของลอร่า

 

“ไอ้เจ้าสิ่งที่ออกมาจากเงานั่นไม่ใช่ของของเธอสินะ ถูกไหม? มันอาจเป็นรางวัลที่ได้จากผู้ติดตามดันทาเลี่ยนหรืออะไรก็ตามแต่ 

น่าประทับใจไปเลยไม่ใช่หรือไง? ร้องขอไปกี่ครั้งกันล่ะถึงได้มา? เธอต้องมีลีลาบนเตียงเด็ดดวงมากแน่ๆจึงเอาชนะจอมมารได้”

 

“…….”

 

“เอาล่ะ เธออาจจะมีใบหน้าที่สวยก็จริง แต่ข้างในของเธอนั้นมันเน่าเหม็นมาก”

 

เขาพยายามจะยั่วโมโหลอร่าอยู่สินะ?

แน่นอนแหละ ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่า ทหารผู้ยังรักษาใจให้สงบนิ่ง การพยายามทำให้อีกฝ่ายโกรธ เพื่อที่จะได้ทำอะไรพลาดนั้นเป็นทางเลือกที่ฉลาด

 

“หำของจอมมารอร่อยไหมล่ะหืม? รู้สึกดีไหมที่ได้มีเซ็กกับไอ้ตัวตนแบบนั้นขณะที่ทั้งทวีปน่ะกำลังดิ้นรนต่อสู้กับกองทัพจอมมารอยู่? 

หากเธอน่ะยังมีสามัญสำนึกหลงเหลืออยู่บ้างก็สมควรที่จะลอบสังหารจอมมารสิ

ไม่อย่างนั้นก็สมควรที่จะกัดลิ้นฆ่าตัวตายไปแล้ว หากคนอย่างเธอไม่ทำอะไรเลย ก็ไม่ต่างอะไรจากอีกะหรี่นั่นแหละ!”

ฟาเบียนหัวเราะ

 

“หากพวกเราเป็นขยะ แล้วเธอล่ะนับเป็นอะไรกัน? ทรยศมนุษยชาติ เด็กสาวที่แหกขาให้ใครก็ได้ แม้แต่จอมมาร ตราบใดที่อีกฝ่ายยังไว้ชีวิตเธอ

…….ใช่แล้วล่ะ เธอนั้นต่ำกว่าขยะ อย่างน้อยๆพวกเราก็ไม่ขายตูดให้จอมมารก็แล้วกัน”

 

“…….”

สีหน้าของลอร่ากลับนิ่งสนิท ผมบอกได้เลยว่า ตอนนี้ลอร่าโกรธจริงจังแล้ว เธอน่ะเป็นคนประเภทที่เวลาโกรธแล้วจะเงียบนิ่ง

 

 

ยั่วโมโหได้เก่งไม่เลวเลย แต่นายเลือกคนผิด

ลอร่าพึมพัมเบาๆ

 

“……นายรู้ไหมอะไรที่ฉันรังเกียจมากที่สุดในโลก?”

 

“หืมม? พูดบ้าอะไรไร้สาระอีก?”

 

“หมูๆที่มันร้องออกมาโดยไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์แบบไหนน่ะสิ”

 

ลอร่ายกมือซ้ายขึ้นอย่างช้าๆ

 

“ทีแรกฉันกะจะไว้ชีวิตพวกนาย สัก5คน แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”

 

นักผจญภัยยกโล่ขึ้นอย่างรีบร้อน พวกเขารู้สึกว่า การโจมตีจะเข้ามาในเร็วๆนี้

ผ่านไปไม่กี่วินาทีก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฟาเบียนยิ้มร่า

 

“แกจบสิ้นตรงนี้แล้ว เลิกบลัฟ…….”

 

ตอนนั้นเองที่เหล่านักผจญภัยได้ยินเสียงประหลาดมาจากรอบข้าง

เสียงของฝีเท้านับร้อยดังสะท้อนในถ้ำ เสียงครางคำรามเฉพาะตัวของมอนสเตอร์ดังก้องมาจากอุโมง แหล่งกำเนิดเสียงใกล้เข้ามาทุกฝีก้าว

 

“นะ-นั่นมันอะไร!?”

 

นักผจญภัยต่างมองไปรอบๆด้วยความตาลีตาลาน ก็อบลินจำนวนมากมายกำลังออกมาจากอุโมงทุกอุโมง

นักผจญภัยที่รู้ตัวว่าติดกับก็หันหลังเตรียมจะวิ่งหนี

 

 

– เครุรุรุก

– คิรุก, คิรุรุ

 

 

 

แต่มันสายเกินไปแล้ว ฝูงก็อบลินนั้นหลั่งไหลออกมาจากทางออกอุโมงทุกทาง นักผจญภัยถอยหลังโดยสัญชาตญาณ

 

“……อึก,?”

 

ฝูงก็อบลินต่างสร้างวงล้อมขนาดใหญ่รอบนักผจญภัยเหมือนลานชมโคลอสเซียม

จากหนึ่งชั้นเป็นสองชั้น กำแพงก็อบลินนั้นหนา ถึง 6 ชั้น ไม่มีทางที่ปาร์ตี้ 20 คนจะทะลวงผ่ากำแพงที่ว่านี้หนีไปได้

 

ก็อบลินพวกนั้นดูนิ่งอย่างน่าประหลาด พวกนั้นได้ฆ่าล้างนักผจญภัยไปกว่า 150 คน

 

มอนสเตอร์ทุกตัวได้มาแสดงความจำนนให้กับความสง่างามขอลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ

 

ไม่มีมอนสเตอร์แม้สักตัวหนึ่งที่ปล่อยให้สัญชาตญาณสัตว์ป่าทำงานแล้วพุ่งเข้าใส่พวกเขา อำนาจทางการทหารของลอร่านั้นครอบงำสิทธิ์อย่างเด็ดขาด

 

“แม่งเอ๊ย”

 

“เชี่ยเอ๊ย……นี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย?”

 

มีมนุษย์ที่ไม่ใช่จอมมาร สามารถบัญชาการมอนสเตอร์ได้เช่นนี้

นักผจญภัยได้แต่ก่นด่าสาปแช่ง ถ้อยคำสาปแช่งนั้นเป็นมากกว่าการกรีดร้อง ถึงกับมีบางคนปล่อยอาวุธหล่นจากมือ

 

“โฮ่”

บางคนเริ่มหัวเราะออกมา

 

“ฮ่าฮ่า คุคุ…….”

ลอร่านั้นเริ่มหัวเราะอยู่หลังกำแพงมอนสเตอร์ มันไม่ใช่เสียงหัวเราะที่สุภาพและอบอุ่นเหมือนเช่นทุกที

 

มันเป็นเสียงหัวเราะของนักรบที่ระเบิดลั่นออกมายามที่ได้ยุแหย่ ยั่วล้อศัตรูอยู่ในสนามรบ เสียงหัวเราะนั่นฟังดูคุ้นหูสำหรับผมมาก

 

 

“หญิงสาวผู้นี้จะจบลงที่นี่แล้วอย่างนั้นหรือ? ที่นี่คือ ฉากปิดม่านของตัวฉันอย่างนั้นหรือ?”

ลอร่าขมวดคิ้ว รอยยิ้มของเธอนั้นหายวับไปและแทนด้วยหน้าที่บึ้ง

 

“อย่าทำให้ฉันขำหน่อยเลย เจ้าพวกขยะ! ไม่มีทางที่หญิงสาวผู้นี้ นายพลของจอมมารดันทาเลี่ยนจะถูกล่าด้วยคนเช่นพวกเจ้า!”

 

เธอเปล่งเสียงดังกังวานออกมาอย่างไม่น่าเชื่อจากร่างเล็กๆ เสียงคำรามก้องของเธอนั้นทำให้นักผจญภัยถึงกับผงะ

 

 

 

“พวกแกไม่ใช่ผู้ล่า หากจะใช่ก็ไม่ใช่ ณ ปราสาทจอมมาร ไม่มีทางเป็นเช่นนั้น ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นอย่าแน่นอน!

นี่คือ ลานล่าที่สร้างขึ้นมาเพื่อล่าขยะอย่างพวกแก นี่แกคิดว่า หญิงสาวผู้นี้จะถูกล่าโดยขยะอย่างนั้นหรือ?!”

 

ลอร่าชูมีดสั้นขึ้น

 

“ข้าจะสลักไว้ในกระดูกว่า พวกเจ้านั้นต่ำทรามและอ่อนแอเพียงใด 

เหล่านักผจญภัยผู้มืดบอดจากเงินตราและกล้าเดินเข้ามามือเปล่าในดันเจี้ยนแห่งนี้เอ๋ย วันนี้จะเป็นวันที่พวกแกถูกกวาดล้าง”

 

ขาของนักผจญภัยคนหนึ่งหมดเรี่ยวแรงแล้วล้มทรุดลงไปกับพื้น เอาล่ะ เขาคงตั้งใจคุกเข่านั่นแหละ

 

“อั่ก ปะ-โปรดไว้ชีวิตข้า! ให้อภัยข้าด้วยเถอะ!”

 

“ไอ้ห่าลากนี่!? ลุกขึ้น! ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”

 

ฟาเบียนตะโกนด้วยความแตกตื่น ถึงอย่างไรเสียฟาเบียนก็เป็นหัวหน้าชั่วคราว

มันไม่มีทางเป็นไปได้สำหรับเขาที่จะควบคุมสถานการณ์เช่นนี้ได้

แล้วพอมีสักคนหนึ่งคุกเข่านำ คนอื่นก็ย่อมคุกเข่าตาม

 

“ดะ-ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเรา!”

 

“ข้า……ข้าถูกความโลภครอบงำ!”

 

พวกเขาทิ้งอาวุธจนหมด เสียงโล่หอก โลหะกระทบพื้นดังสะท้อน

กำลังใจของนักผจญภัยพังทลายอย่างสมบูรณ์

ไม่นานนัก มีเพียงสามคนที่ยังยืนอยู่ นั่นคือ ฟาเบียน,เจเรมิและตัวผม ที่ยังยืนตรงอยู่ได้

 

“ตอนนี้พวกเราก็อยู่ระดับเดียวกันแล้ว”

ลอร่าตั้งใจยิ้ม หรี่ตามองไปยังฟาเบียน

 

“แม้ว่าตอนนี้ฉันจะเห็นหมาตัวนึงที่ไม่รู้สูงต่ำ”

 

“…….”

ฟาเบียนค่อยๆคุกเข่าลง สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความอับอาย

 

 

จึงมีแต่ผมกับเจเรมิ อยู่สองคนเท่านั้นที่ยืนอยู่ นักผจญภัยทั้งหลายต่างมองมาที่ลอร่าราวกับขอให้อภัยพวกเขา และมองมาที่พวกเราด้วยแววตาตำหนิ

ทำไมยังไม่ยอมคุกเข่าอีก!? แกอยากให้พวกเราทั้งหมดโดนฆ่าหรือยังไงกัน!? เหมือนสายตาของพวกเขาจะพูดอย่างนั้น

พวกเขานั้นกลัวว่า ผมจะทำให้ลอร่าโกรธขึ้นมา

 

 

“ฮุ”

ผมหัวเราะก๊าก ลอร่าทำได้ดีเลยนี่หน่า จริงไหม?

 

เธอมีพรสวรรค์ก็จริง แต่ผมคิดว่า เธอก็ยังเป็นพวกมือใหม่อยู่ดีพอเป็นเกมจิตวิทยา

 

แต่ก็อย่างที่ผมคิดไว้ ผมน่ะมีตามองคนออก แม้จะเป็นสิงโตน่ะ แม้จะยังเด็กแต่ก็ยังเป็นสิงโตอยู่ดี ไม่มีทางหรอกที่ ตุลาการเหล็กอย่างลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ่ บุคคลที่เชิดคางต่อหน้าฮีโร่ จะไม่สามารถกดดัน นักผจญภัยแร๊งค์ D ดาดๆ ได้

 

ผมค่อยๆเดินไปอย่างช้าๆ ทิศทางมุ่งตรงไปหาลอร่า

 

“อะ-ไอ้ห่านั่น!”

 

“ไอ้เชี่ยนั่น มันทำอะไรของมันวะ!?”

ผมได้ยินเสียงที่ร้องออกมาด้วยความตกตะลึงจากข้างหลัง

 

 

ถึงอย่างนั้นกำแพงก็อบลินกลับแยกออกจากกันเหมือนโมเสสที่แหวกผ่านทะเลแดง จากเสียงตกใจกลายเป็นความสับสน 

อ้าว? เฮ้ย? นักผจญภัยพวกนั้นพูดไม่ออก ผมหยุดยืนต่อหน้าลอร่า

 

ลอร่ายิ้มอย่างสดใสขณะมองมาที่ผม ดวงตาของเธอเปล่งประกาย เธอเป็นเหมือนดั่งสัตว์เลี้ยงที่เฝ้ารอคำชม ผมจึงเผลอเอามือลูบแตะหัวเธอ

 

“ทำได้ดีมากเลยล่ะ ลอร่า”

 

“อืมม ก็ไม่เท่าไหร่เลยค่ะ”

ลอร่าตอบรับอย่างถ่อมตน แต่เอาจริงๆนะ ที่ถ่อมตัวน่ะมีแต่คำพูดเท่านั้นแหละ

แต่น้ำเสียงเธอนี่ชัดราวกับกำลังจะพูดว่า ‘ฉันทำได้ดีเห็นไหมคะ! ฉันทำดีแล้วใช่ไหมคะ ใช่ไหม!?’

 

ในด้านนี้ของลอร่านั้นยังคงเป็นเด็กอยู่ เธอจึงพยายามทำกับผมเหมือนเป็นตัวแทนพ่อแทนที่จะเป็นลอร์ด เจ้านายของเธอ

 

“นายท่านก็ทำได้ดีเช่นกัน มันยากมากแน่ที่ต้องลดตัวไปอยู่ระดับเดียวกับนักผจญภัยพวกนั้น”

 

“ไร้สาระน่า มันไม่ได้ยากอะไรเลย แถมออกจะสนุกด้วยซ้ำ”

มันน่าตื่นเต้นด้วยซ้ำ กลับการที่ผมได้กลับมาเป็นมนุษย์และเล่นบทบาทของนักผจญภัย ผมได้อะไรต่อมิอะไรมากมายจากเบต้าเทสครั้งนี้

 

“เพิ่มเติมนะ ข้าเห็นเจ้าทำสีหน้าแบบนั้นเหมือนตอนที่ข้าไม่ได้อยู่ด้วย เจ้านี่ช่างเก่งเรื่อง เล่ห์กลเหมือนกันนี่ ทำเอาข้าประหลาดใจเลย ข้ายังคิดด้วยซ้ำว่า เจ้าอาจสูสีกับบาร์บาทอสด้วยซ้ำหากนางมาที่นี่”

 

“ฟุฟุ นายท่านก็ชมฉันเกินไปแล้วค่ะ หญิงสาวผู้นี้ก็ได้เรียนรู้มาจากตัวอย่างของนายท่านนั่นแหละ”

 

พวกเราต่างหัวเราะคิกคักให้กัน

 

 

“แหม ตัวข้านี่ก็เหลือเกิน ผู้คนอาจเข้าใจผิดหากเจ้าพูดอะไรอย่างนั้นออกมา ข้านั้นเป็นตัวตนผู้ซื่อตรงและขยันขันแข็งยิ่งกว่าใคร ทั้งยังมิได้มีงานอดิเรกเป็นการสะสมกระโหลกมนุษย์”

 

“ก็ทีแรก นายท่านอยากจะดูเป็นจอมมารมากขึ้นสักหน่อย งานอดิเรกแบบนี้ออกจะเหมาะ

ลองจินตนาการถึงหัวกระโหลกนับพันมากองรวมกันหน้าห้องจอมมารสิคะ มันมีประสิทธิภาพมากในการบั่นทอนกำลังใจของข้าศึกศัตรูใช่ไหม?”

 

“บั่นทอนกำลังใจอย่างนั้นรึ? ข้าเข้าใจแล้ว บางทีพวกเขาก็ใช้วิธีการแบบนั้นสินะ…….”

ผมพยักหน้าเห็นด้วย เหล่านักผจญภัยมองพวกเราด้วยแววตาที่ว่างเปล่า

 

“อ้อใช่แล้ว นายท่าน ฉันจับกุมตัวนักผจญภัยแยกไว้แล้วนะคะ”

 

“หืม? ทำไมเจ้าต้องทำเรื่องน่ารำคาญเช่นนั้นด้วยล่ะ?”

“นี่เป็นวิธีการที่ฉันจะแสดงให้นายท่านรู้ว่า จะปลดปล่อยกามราคะเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการค่ะ”

 

เอ๋ ผมเผลอปล่อยเสียงแกมรังเกียจออกขณะทำคิ้วมุ่ย

 

 

“ทาสกามอย่างนั้นหรือ? ข้าจะต้องการพวกนั้นไปทำไม ในเมื่อข้ามีเจ้าอยู่แล้ว?”

 

“เพราะมันยากเกินกว่าที่หญิงสาวผู้นี้จะทนรับไหวค่ะ นายท่านนั้นติดสัดอยู่แทบจะตลอดเวลา”

 

ลอร่าหวดที่หน้าผากผม

 

“หญิงสาวผู้นี้ได้แต่หวังว่า พี่ลาพิสเขาจะมารับช่วงไปบ้าง แต่ก็ไม่มีข่าวดีเรื่องนั้นมาหลายเดือนแล้ว

พอรู้แน่ชัดว่า นายท่านจะกลับมาในวันพรุ่งนี้

ท่านก็คงตั้งใจจะทารุณร่างกายของหญิงสาวผู้นี้ด้วยกามตัณหาที่สะสมคั่งค้างระหว่างช่วงที่ออกเดินทางไปฟรานเคีย”

 

“…….”

 

ยัยคนนี้อย่างกับอ่านใจได้เลยแฮะ

 

 

ผมที่ไปขยายอำนาจให้กับลอร่าและพยายามที่จะสร้างขนบธรรมเนียมประเพณีขึ้นมาใหม่ในหมู่บ้านทันทีหลังจากกลับมาจากฟรานเคีย

ว่ากันตามตรงนะ ผมทำงานหนักเกินไปด้วยซ้ำ หลังจากกำจัดนักผจญภัยแล้วผมก็ต้องไปเกาะหนึบกับลอร่าแล้วก็พูดประมาณว่า

 

‘เจ้ารักษาหน้าได้เพราะข้าทั้งนั้นเลยนะ เอาล่ะ ได้เวลาที่ข้าต้องได้รางวัลบ้างแล้ว!’…….

 

ลอร่าพ่นลมหึออกจมูกดัง ฮึ

 

“ท่านก็น่าจะพูดประมาณว่า การที่พวกเราแก่ปัญหาในหมู่บ้านได้ก็ด้วยความสามารถของท่านดังนั้น ตัวฉันก็สมควรจะจ่ายค่าตอบแทนเป็นร่างกายคืนให้ มันก็เห็นๆกันอยู่นี่คะ”

 

“อึก……!”

 

เธอเดาทางได้หมดเลยอย่างนั้นรึ หา!? 

นี่แหละน้า ทำไมพวกอัจฉริยะถึงน่ารำคาญนัก!

 

 

แย่ละ นี่พวกนักผจญภัยหญิงจะน่ารักไหมนะ? มันจะล่ำ กล้ามบึกขนาดที่บุกฝ่าดันเจี้ยนเหมือนพวกผู้ชายหรือเปล่า คงเทียบไม่ได้กับความงดงามอันเปล่งประกายระยิบระยับของลอร่าแน่ๆ ผมจึงรีบหาข้ออ้างอย่างเร่งรีบ

 

“ลอร่าเอ๋ย ข้ามิใช่สัตว์ป่ากระหายเซ็กส์นะ 

ข้าแค่ตื่นเต้นไปหน่อยเพราะมีเจ้าเป็นคู่ขา ข้าเองก็ยังมีศักดิ์ศรีในฐานะชายคนหนึ่ง ข้าไม่ได้ต้องการโอบกอดหญิงอื่นนางใดนอกจากเจ้านะลอร่า”

 

“หืมม? ได้ยินแบบนั้นแล้วก็ดีใจนะคะ  แต่ถึงจะพูดหวานหูอย่างนั้นก็เถอะแต่ท่านก็มีช่วงเวลาอันรื่นรมย์ในฟรานเคียไม่ใช่หรือคะ?”

มุมปากของลอร่าเชิดขึ้นเล็กน้อย

 

“นายท่านคะ ตัวฉันได้ยินมาว่า ท่านสนุกกับโอเปร่าน่าดูเลยนี่คะ”

 

“เจเรมิ!”

ผมตะโกนใส่เจเรมิที่ยืนข้างๆผมเอง นี่ไปรั่วข่าวนั่นตอนไหนกันเนี่ย!?

 

 

เจเรมิยักไหล่อย่างสบายๆ

 

“แหม แหม เรื่องนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”

 

“คนอื่นพูดอย่างนั้นได้ แต่ไม่ใช่เธอเฟ้ย!?”

 

“เอ ฉันคิดว่า อาจเป็นจิตสำนึกอันดีงามของท่านที่แอบสารภาพออกมาก็ได้นะคะ ท่านดันทาเลี่ยนคะ? ถ้าหากท่านยังมีจิตสำนึกแบบนั้นหลงเหลืออยู่บ้างน่ะนะ”

 

เจเรมิหัวเราะคิด แม่งเอ๊ย ผมนี่ไม่มีข้ารับใช้ที่ไว้ใจได้เลยจริงๆ

 

แล้วลอร่าก็พูดขึ้น

“สุดท้ายแล้ว นายท่านก็ทำกับใครก็ได้ ขอแค่ดูดีพอ อย่าห่วงเลยค่ะ หญิงสาวผู้นี้มีมาตรฐานอยู่แล้ว

ฉันจึงไว้ชีวิตเฉพาะนักผจญภัยหญิงที่หน้าตาดูดีเท่านั้น เพื่อให้พวกเขานั้นเพียงพอต่อการสร้างความบันเทิงกับท่อนล่างของนายท่าน”

 

“มัน……ไม่ใช่…….”

 

“ท่านไม่ต้องแก้ตัวอะไรแล้วค่ะ หญิงสาวผู้นี้เข้าใจทุกอย่างดี”

ลอร่าลูบหลังผม

 

 

เธอกำลังยิ้มอยู่ มันเป็นรอยยิ้มที่เหมือนกับชายวัยกลางคนยิ้มให้ ชีวิตเซ็กส์ของผมกำลังโดนแม่สาวอายุ 18 ปี ควบคุมในเร็ววันนี้…….

 

 

“พะ-พวกแกพูดบ้าอะไรกันอยู่……!?”

ตอนนั้นเองที่มีใครบางคนตะโกนขึ้นมาจากกลุ่มนักผจญภัยที่คุกเข่าอยู่

 

“อย่ามาดูถูกกันนะโว้ย! พวกแกน่ะ……!?”

ฟาเบียนนั่นเอง เขากระชับและดาบก่อนจะยืนขึ้น ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ

 

“นายท่าน? ดันทาเลี่ยน? ……อย่าบอกนะว่า นายน่ะคือ จอมมารดันทาเลี่ยน!?”

 

“โอ้ ถูกต้องแล้ว มิสเตอร์ฟาเบียน”

ผมแสยะยิ้มพลางสรรเสริญเขา

 

“ข้านี่แหละ จอมมารลำดับ 71 จอมมารหลากหน้า 

ผู้ช่วยระดับสูงสุดแห่งกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา และผู้บริหารของฝ่ายที่ราบ บางคนก็เรียกข้าในชื่อ ‘เจ้าปวกเปียก’ , ‘จอมแดกดัน’ และ ‘นักฆ่าล้างแห่งบรูโน่’ 

แต่ถึงอย่างไรเสีย ข้านี่แหละ จอมมารดันทาเลี่ยน”

 

เหล่านักผจญภัยทำหน้าโง่งม

 

“เอาล่ะๆ เจ้าทุกคนต่างทำได้ดีแล้ว แน่นอน เงิน  5,000 โกลด์นั้นมิใช่เงินน้อยๆ แต่พอมาคิดว่า พวกเจ้าทั้งหมดเดินไปตามที่ข้าคาดการณ์ไว้ทั้งหมดนี่!

มันทำให้ข้าปลื้มปิติเหลือเกิน ขอบคุณมากสำหรับการลงแรงของพวกเจ้า 

มันทำให้ข้าชำระล้างความข้องใจที่ข้าได้รับที่ฟรานเคียไปจนหมด 

ต้องขอบคุณพวกเจ้าทุกคนจริงๆเลย!”

 

ผมระเบิดหัวเราะออกมา 

 

ผมรู้สึกขอบคุณพวกเขาจริงๆนะ ผมถึงได้ปลดปล่อยความเครียดที่สะสมมาเพราะราชินีเฮนริเอตต้า

 

เสียงหัวเราะของผมเป็นเรื่องโรคติดต่อที่แพร่ไปยังลอร่าและเจเรมิด้วยทำให้ พวกเธอต่างร่วมหัวเราะกับผม

เราทั้งสามคนต่างชี้กันและกันแล้วก็หัวเราะดังยิ่งขึ้น

เหล่านักผจญภัยที่ยังเฝ้าดูพวกเราต่างแสดงสีหน้างุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก

 

 

“คึๆ เจ้าได้อุทิศแรงกายรับใช้ข้ามากเหลือเกิน ข้าต้องตบรางวัลให้เจ้าแล้วล่ะ ลอร่า 

ข้าขอรับนักผจญภัยหญิงพวกนั้นในฐานะทาสกามที่เจ้ามอบให้เป็นของขวัญแด่ข้า 

แต่ในทางกลับกันแล้ว เจ้าต้องมอบชะตากรรมของเจ้าพวกนี้ให้เป็นของข้าแทน”

 

“หืมมม”

ผมอาจจะเป็นลอร์ดของเธอก็จริง แต่เธอเป็นคนที่ลงแรงมากที่สุดในการรบครั้งนี้ ตรงจุดนั้นต้องให้เกียรติเธอ ลอร่าคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะพยักหน้า

 

 

“เอาล่ะ อันที่จะมันก็ดีกว่าถ้าหากจะมอบการลงทัณฑ์ที่รุนแรงให้กับผู้ที่ดูหมิ่นนายท่านและหญิงสาวผู้นี้

……แต่ในเมื่อนายท่านยืนยันอย่างนั้น ตัวฉันก็ขอมอบการตัดสินใจนั้นให้แก่นายท่าน”

 

“โอ้ ข้าซาบซึ้งอย่างมากเลย”

แล้วผมก็ผายมือ กางแขนไปต่อหน้าเหล่านักผจญภัย

 

“เอาล่ะ ตอนนี้นะ ทุกคน อยากมีชีวิตรอดกลับไปไหมเอ่ย? 

พวกเจ้าทุกคนต่างเป็นคนที่เข่นฆ่าผู้อื่นและทำตัวเหมือนนักเลงเพราะหิวเงิน 

แต่ความปรารถนาที่จะมีชีวิตต่อไปเป็นอะไรที่มีกันเฉพาะในหมู่ราชาและชนชั้นสูง 

ข้าเข้าใจความปรารถนาของพวกเจ้าดีเลยล่ะ”

 

ผมจึงพูดต่อ

 

“ข้าจึงอยากให้โอกาสพวกเจ้าทุกคนอีกครั้ง”

 

“โอกาสอีกครั้ง?”

 

“ใช่แล้ว โอกาสที่จะทำให้เจ้ารอดออกไปได้ พวกเราก็เป็นสหายกัน เดินทางด้วยกันมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนมิใช่หรือ?

แหม ข้าออกจะใจอ่อนเสมอแหละเวลามันเกี่ยวข้องกับอารมณ์ของมนุษย์เนี่ย”

 

ผมตอบคำถามของฟาเบียน ความหวังน้อยๆปรากฏขึ้นในดวงตาของเหล่านักผจญภัย

พวกเขานั้นโค้งคำนับและขอบคุณผมแล้ว

 

เอาล่ะ อย่าเพิ่งรีบร้อนไปนัก ผมยังมีเรื่องที่ต้องพูดอีก

 

“เจ้าทุกคนต้องฆ่ากันเอง”

 

“อะไรนะ……?”

 

“การดวลยังไงล่ะ เจ้ารู้จักไหมว่า กลาดิเอเตอร์คืออะไร? ฆ่ากันเองจนกว่าจะเหลือคนเดียวที่รอดชีวิต ข้าจะไม่ทำอะไรกับมนุษย์ที่รอดชีวิตคนสุดท้ายอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม”

 

ผมยังคงพูดด้วยรอยยิ้มสดใส

 

“ข้าไม่โกหกหรอกน่า ด้วยความสัตย์จริงเลย ข้าแทบไม่เคยโกหกเลยตลอดชีวิตข้าเนี่ย ข้าขอสาบานด้วยชื่อของข้าเลยล่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มได้เลย”

 

 

 

ผมนี่ช่างเป็นชายผู้มีเมตตาเหลือล้นเสียจริงๆ

 

 

(TTL : แทบไม่เคยโกหกเลยตลอดชีวิตตตต อยากจะ แหมมมมม ให้ ม ม้า ยาวไปถึงดาวอังคาร!)

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 219 ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง D (11)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 219 ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง D (11) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

โอ้ ข้อความปรากฏขึ้นบอกว่า เกิดการสู้กับบอสขึ้นแล้ว 

มันเหมือนการแจ้งเตือนกระพริบๆว่า 「Warning!」 ด้วยตัวอักษรสีแดง มันพยายามจะบอกว่า เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่หรือเปล่านะ? 

 

 

พื้นที่เปิดโล่งในถ้ำที่มืดสลัว เด็กสาวผู้ครั้งหนึ่งเคยเป็นลูกสาวผู้น่าภาคภูมิใจของดยุคและนักผจญภัยอีก 20 คน มองกันไปมองกันมาอยู่บนทางเดินก่อนจะเข้าไปถึงห้องจอมมารดันทาเลี่ยน

 

ถ้าว่ากันตามตรรกะธรรมดาแล้ว เด็กสาวก็สมควรที่จะเป็นฝ่ายประหม่ากลัว แต่ทว่า…….

 

 

“อุก, เอ่ออออ…….”

นักผจญภัญพวกนั้นกลับขบกรามและจ้องมองไปยังหญิงสาว

 

พวกเขาไม่อาจซ่อนบังความกังวลในดวงตาได้ งานอดิเรกน่าสยองอย่างการสะสมหัวกระโหลก และดาบที่ออกมาจากเงาของหญิงสาว สิ่งเหล่านั้นทำลายขวัญกำลังใจของนักผจญภัยเป็นอย่างมาก 

ในอีกด้านหนึ่ง เด็กสาวนั้นสงบนิ่งอย่างสิ้นเชิง ผู้ใหญ่ชายยี่สิบคนกลับถูกกดดันด้วยเด็กสาวตัวเล็กๆคนเดียว

 

 

เขาได้คิดบ้างไหมนะว่า จะออกสถานการณ์แย่ๆนี้ได้อย่างไรกัน? 

ฟาเบียนกลับยิ้มเยาะ

 

“แต่พอมาคิดว่า หญิงสาวที่เคยที่เป็นบุตรของดยุคผู้น่าภาคภูมิใจกลับแหกขาให้กับจอมมารเนี่ย โลกนี้มันเป็นแบบนั้นนี่นะ”

 

“……?”

ลอร่าขมวดคิ้ว ฟาเบียนเดาะลิ้นขณะที่มองการตอบสนองของลอร่า

 

“ไอ้เจ้าสิ่งที่ออกมาจากเงานั่นไม่ใช่ของของเธอสินะ ถูกไหม? มันอาจเป็นรางวัลที่ได้จากผู้ติดตามดันทาเลี่ยนหรืออะไรก็ตามแต่ 

น่าประทับใจไปเลยไม่ใช่หรือไง? ร้องขอไปกี่ครั้งกันล่ะถึงได้มา? เธอต้องมีลีลาบนเตียงเด็ดดวงมากแน่ๆจึงเอาชนะจอมมารได้”

 

“…….”

 

“เอาล่ะ เธออาจจะมีใบหน้าที่สวยก็จริง แต่ข้างในของเธอนั้นมันเน่าเหม็นมาก”

 

เขาพยายามจะยั่วโมโหลอร่าอยู่สินะ?

แน่นอนแหละ ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่า ทหารผู้ยังรักษาใจให้สงบนิ่ง การพยายามทำให้อีกฝ่ายโกรธ เพื่อที่จะได้ทำอะไรพลาดนั้นเป็นทางเลือกที่ฉลาด

 

“หำของจอมมารอร่อยไหมล่ะหืม? รู้สึกดีไหมที่ได้มีเซ็กกับไอ้ตัวตนแบบนั้นขณะที่ทั้งทวีปน่ะกำลังดิ้นรนต่อสู้กับกองทัพจอมมารอยู่? 

หากเธอน่ะยังมีสามัญสำนึกหลงเหลืออยู่บ้างก็สมควรที่จะลอบสังหารจอมมารสิ

ไม่อย่างนั้นก็สมควรที่จะกัดลิ้นฆ่าตัวตายไปแล้ว หากคนอย่างเธอไม่ทำอะไรเลย ก็ไม่ต่างอะไรจากอีกะหรี่นั่นแหละ!”

ฟาเบียนหัวเราะ

 

“หากพวกเราเป็นขยะ แล้วเธอล่ะนับเป็นอะไรกัน? ทรยศมนุษยชาติ เด็กสาวที่แหกขาให้ใครก็ได้ แม้แต่จอมมาร ตราบใดที่อีกฝ่ายยังไว้ชีวิตเธอ

…….ใช่แล้วล่ะ เธอนั้นต่ำกว่าขยะ อย่างน้อยๆพวกเราก็ไม่ขายตูดให้จอมมารก็แล้วกัน”

 

“…….”

สีหน้าของลอร่ากลับนิ่งสนิท ผมบอกได้เลยว่า ตอนนี้ลอร่าโกรธจริงจังแล้ว เธอน่ะเป็นคนประเภทที่เวลาโกรธแล้วจะเงียบนิ่ง

 

 

ยั่วโมโหได้เก่งไม่เลวเลย แต่นายเลือกคนผิด

ลอร่าพึมพัมเบาๆ

 

“……นายรู้ไหมอะไรที่ฉันรังเกียจมากที่สุดในโลก?”

 

“หืมม? พูดบ้าอะไรไร้สาระอีก?”

 

“หมูๆที่มันร้องออกมาโดยไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์แบบไหนน่ะสิ”

 

ลอร่ายกมือซ้ายขึ้นอย่างช้าๆ

 

“ทีแรกฉันกะจะไว้ชีวิตพวกนาย สัก5คน แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”

 

นักผจญภัยยกโล่ขึ้นอย่างรีบร้อน พวกเขารู้สึกว่า การโจมตีจะเข้ามาในเร็วๆนี้

ผ่านไปไม่กี่วินาทีก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฟาเบียนยิ้มร่า

 

“แกจบสิ้นตรงนี้แล้ว เลิกบลัฟ…….”

 

ตอนนั้นเองที่เหล่านักผจญภัยได้ยินเสียงประหลาดมาจากรอบข้าง

เสียงของฝีเท้านับร้อยดังสะท้อนในถ้ำ เสียงครางคำรามเฉพาะตัวของมอนสเตอร์ดังก้องมาจากอุโมง แหล่งกำเนิดเสียงใกล้เข้ามาทุกฝีก้าว

 

“นะ-นั่นมันอะไร!?”

 

นักผจญภัยต่างมองไปรอบๆด้วยความตาลีตาลาน ก็อบลินจำนวนมากมายกำลังออกมาจากอุโมงทุกอุโมง

นักผจญภัยที่รู้ตัวว่าติดกับก็หันหลังเตรียมจะวิ่งหนี

 

 

– เครุรุรุก

– คิรุก, คิรุรุ

 

 

 

แต่มันสายเกินไปแล้ว ฝูงก็อบลินนั้นหลั่งไหลออกมาจากทางออกอุโมงทุกทาง นักผจญภัยถอยหลังโดยสัญชาตญาณ

 

“……อึก,?”

 

ฝูงก็อบลินต่างสร้างวงล้อมขนาดใหญ่รอบนักผจญภัยเหมือนลานชมโคลอสเซียม

จากหนึ่งชั้นเป็นสองชั้น กำแพงก็อบลินนั้นหนา ถึง 6 ชั้น ไม่มีทางที่ปาร์ตี้ 20 คนจะทะลวงผ่ากำแพงที่ว่านี้หนีไปได้

 

ก็อบลินพวกนั้นดูนิ่งอย่างน่าประหลาด พวกนั้นได้ฆ่าล้างนักผจญภัยไปกว่า 150 คน

 

มอนสเตอร์ทุกตัวได้มาแสดงความจำนนให้กับความสง่างามขอลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ

 

ไม่มีมอนสเตอร์แม้สักตัวหนึ่งที่ปล่อยให้สัญชาตญาณสัตว์ป่าทำงานแล้วพุ่งเข้าใส่พวกเขา อำนาจทางการทหารของลอร่านั้นครอบงำสิทธิ์อย่างเด็ดขาด

 

“แม่งเอ๊ย”

 

“เชี่ยเอ๊ย……นี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย?”

 

มีมนุษย์ที่ไม่ใช่จอมมาร สามารถบัญชาการมอนสเตอร์ได้เช่นนี้

นักผจญภัยได้แต่ก่นด่าสาปแช่ง ถ้อยคำสาปแช่งนั้นเป็นมากกว่าการกรีดร้อง ถึงกับมีบางคนปล่อยอาวุธหล่นจากมือ

 

“โฮ่”

บางคนเริ่มหัวเราะออกมา

 

“ฮ่าฮ่า คุคุ…….”

ลอร่านั้นเริ่มหัวเราะอยู่หลังกำแพงมอนสเตอร์ มันไม่ใช่เสียงหัวเราะที่สุภาพและอบอุ่นเหมือนเช่นทุกที

 

มันเป็นเสียงหัวเราะของนักรบที่ระเบิดลั่นออกมายามที่ได้ยุแหย่ ยั่วล้อศัตรูอยู่ในสนามรบ เสียงหัวเราะนั่นฟังดูคุ้นหูสำหรับผมมาก

 

 

“หญิงสาวผู้นี้จะจบลงที่นี่แล้วอย่างนั้นหรือ? ที่นี่คือ ฉากปิดม่านของตัวฉันอย่างนั้นหรือ?”

ลอร่าขมวดคิ้ว รอยยิ้มของเธอนั้นหายวับไปและแทนด้วยหน้าที่บึ้ง

 

“อย่าทำให้ฉันขำหน่อยเลย เจ้าพวกขยะ! ไม่มีทางที่หญิงสาวผู้นี้ นายพลของจอมมารดันทาเลี่ยนจะถูกล่าด้วยคนเช่นพวกเจ้า!”

 

เธอเปล่งเสียงดังกังวานออกมาอย่างไม่น่าเชื่อจากร่างเล็กๆ เสียงคำรามก้องของเธอนั้นทำให้นักผจญภัยถึงกับผงะ

 

 

 

“พวกแกไม่ใช่ผู้ล่า หากจะใช่ก็ไม่ใช่ ณ ปราสาทจอมมาร ไม่มีทางเป็นเช่นนั้น ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นอย่าแน่นอน!

นี่คือ ลานล่าที่สร้างขึ้นมาเพื่อล่าขยะอย่างพวกแก นี่แกคิดว่า หญิงสาวผู้นี้จะถูกล่าโดยขยะอย่างนั้นหรือ?!”

 

ลอร่าชูมีดสั้นขึ้น

 

“ข้าจะสลักไว้ในกระดูกว่า พวกเจ้านั้นต่ำทรามและอ่อนแอเพียงใด 

เหล่านักผจญภัยผู้มืดบอดจากเงินตราและกล้าเดินเข้ามามือเปล่าในดันเจี้ยนแห่งนี้เอ๋ย วันนี้จะเป็นวันที่พวกแกถูกกวาดล้าง”

 

ขาของนักผจญภัยคนหนึ่งหมดเรี่ยวแรงแล้วล้มทรุดลงไปกับพื้น เอาล่ะ เขาคงตั้งใจคุกเข่านั่นแหละ

 

“อั่ก ปะ-โปรดไว้ชีวิตข้า! ให้อภัยข้าด้วยเถอะ!”

 

“ไอ้ห่าลากนี่!? ลุกขึ้น! ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”

 

ฟาเบียนตะโกนด้วยความแตกตื่น ถึงอย่างไรเสียฟาเบียนก็เป็นหัวหน้าชั่วคราว

มันไม่มีทางเป็นไปได้สำหรับเขาที่จะควบคุมสถานการณ์เช่นนี้ได้

แล้วพอมีสักคนหนึ่งคุกเข่านำ คนอื่นก็ย่อมคุกเข่าตาม

 

“ดะ-ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเรา!”

 

“ข้า……ข้าถูกความโลภครอบงำ!”

 

พวกเขาทิ้งอาวุธจนหมด เสียงโล่หอก โลหะกระทบพื้นดังสะท้อน

กำลังใจของนักผจญภัยพังทลายอย่างสมบูรณ์

ไม่นานนัก มีเพียงสามคนที่ยังยืนอยู่ นั่นคือ ฟาเบียน,เจเรมิและตัวผม ที่ยังยืนตรงอยู่ได้

 

“ตอนนี้พวกเราก็อยู่ระดับเดียวกันแล้ว”

ลอร่าตั้งใจยิ้ม หรี่ตามองไปยังฟาเบียน

 

“แม้ว่าตอนนี้ฉันจะเห็นหมาตัวนึงที่ไม่รู้สูงต่ำ”

 

“…….”

ฟาเบียนค่อยๆคุกเข่าลง สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความอับอาย

 

 

จึงมีแต่ผมกับเจเรมิ อยู่สองคนเท่านั้นที่ยืนอยู่ นักผจญภัยทั้งหลายต่างมองมาที่ลอร่าราวกับขอให้อภัยพวกเขา และมองมาที่พวกเราด้วยแววตาตำหนิ

ทำไมยังไม่ยอมคุกเข่าอีก!? แกอยากให้พวกเราทั้งหมดโดนฆ่าหรือยังไงกัน!? เหมือนสายตาของพวกเขาจะพูดอย่างนั้น

พวกเขานั้นกลัวว่า ผมจะทำให้ลอร่าโกรธขึ้นมา

 

 

“ฮุ”

ผมหัวเราะก๊าก ลอร่าทำได้ดีเลยนี่หน่า จริงไหม?

 

เธอมีพรสวรรค์ก็จริง แต่ผมคิดว่า เธอก็ยังเป็นพวกมือใหม่อยู่ดีพอเป็นเกมจิตวิทยา

 

แต่ก็อย่างที่ผมคิดไว้ ผมน่ะมีตามองคนออก แม้จะเป็นสิงโตน่ะ แม้จะยังเด็กแต่ก็ยังเป็นสิงโตอยู่ดี ไม่มีทางหรอกที่ ตุลาการเหล็กอย่างลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ่ บุคคลที่เชิดคางต่อหน้าฮีโร่ จะไม่สามารถกดดัน นักผจญภัยแร๊งค์ D ดาดๆ ได้

 

ผมค่อยๆเดินไปอย่างช้าๆ ทิศทางมุ่งตรงไปหาลอร่า

 

“อะ-ไอ้ห่านั่น!”

 

“ไอ้เชี่ยนั่น มันทำอะไรของมันวะ!?”

ผมได้ยินเสียงที่ร้องออกมาด้วยความตกตะลึงจากข้างหลัง

 

 

ถึงอย่างนั้นกำแพงก็อบลินกลับแยกออกจากกันเหมือนโมเสสที่แหวกผ่านทะเลแดง จากเสียงตกใจกลายเป็นความสับสน 

อ้าว? เฮ้ย? นักผจญภัยพวกนั้นพูดไม่ออก ผมหยุดยืนต่อหน้าลอร่า

 

ลอร่ายิ้มอย่างสดใสขณะมองมาที่ผม ดวงตาของเธอเปล่งประกาย เธอเป็นเหมือนดั่งสัตว์เลี้ยงที่เฝ้ารอคำชม ผมจึงเผลอเอามือลูบแตะหัวเธอ

 

“ทำได้ดีมากเลยล่ะ ลอร่า”

 

“อืมม ก็ไม่เท่าไหร่เลยค่ะ”

ลอร่าตอบรับอย่างถ่อมตน แต่เอาจริงๆนะ ที่ถ่อมตัวน่ะมีแต่คำพูดเท่านั้นแหละ

แต่น้ำเสียงเธอนี่ชัดราวกับกำลังจะพูดว่า ‘ฉันทำได้ดีเห็นไหมคะ! ฉันทำดีแล้วใช่ไหมคะ ใช่ไหม!?’

 

ในด้านนี้ของลอร่านั้นยังคงเป็นเด็กอยู่ เธอจึงพยายามทำกับผมเหมือนเป็นตัวแทนพ่อแทนที่จะเป็นลอร์ด เจ้านายของเธอ

 

“นายท่านก็ทำได้ดีเช่นกัน มันยากมากแน่ที่ต้องลดตัวไปอยู่ระดับเดียวกับนักผจญภัยพวกนั้น”

 

“ไร้สาระน่า มันไม่ได้ยากอะไรเลย แถมออกจะสนุกด้วยซ้ำ”

มันน่าตื่นเต้นด้วยซ้ำ กลับการที่ผมได้กลับมาเป็นมนุษย์และเล่นบทบาทของนักผจญภัย ผมได้อะไรต่อมิอะไรมากมายจากเบต้าเทสครั้งนี้

 

“เพิ่มเติมนะ ข้าเห็นเจ้าทำสีหน้าแบบนั้นเหมือนตอนที่ข้าไม่ได้อยู่ด้วย เจ้านี่ช่างเก่งเรื่อง เล่ห์กลเหมือนกันนี่ ทำเอาข้าประหลาดใจเลย ข้ายังคิดด้วยซ้ำว่า เจ้าอาจสูสีกับบาร์บาทอสด้วยซ้ำหากนางมาที่นี่”

 

“ฟุฟุ นายท่านก็ชมฉันเกินไปแล้วค่ะ หญิงสาวผู้นี้ก็ได้เรียนรู้มาจากตัวอย่างของนายท่านนั่นแหละ”

 

พวกเราต่างหัวเราะคิกคักให้กัน

 

 

“แหม ตัวข้านี่ก็เหลือเกิน ผู้คนอาจเข้าใจผิดหากเจ้าพูดอะไรอย่างนั้นออกมา ข้านั้นเป็นตัวตนผู้ซื่อตรงและขยันขันแข็งยิ่งกว่าใคร ทั้งยังมิได้มีงานอดิเรกเป็นการสะสมกระโหลกมนุษย์”

 

“ก็ทีแรก นายท่านอยากจะดูเป็นจอมมารมากขึ้นสักหน่อย งานอดิเรกแบบนี้ออกจะเหมาะ

ลองจินตนาการถึงหัวกระโหลกนับพันมากองรวมกันหน้าห้องจอมมารสิคะ มันมีประสิทธิภาพมากในการบั่นทอนกำลังใจของข้าศึกศัตรูใช่ไหม?”

 

“บั่นทอนกำลังใจอย่างนั้นรึ? ข้าเข้าใจแล้ว บางทีพวกเขาก็ใช้วิธีการแบบนั้นสินะ…….”

ผมพยักหน้าเห็นด้วย เหล่านักผจญภัยมองพวกเราด้วยแววตาที่ว่างเปล่า

 

“อ้อใช่แล้ว นายท่าน ฉันจับกุมตัวนักผจญภัยแยกไว้แล้วนะคะ”

 

“หืม? ทำไมเจ้าต้องทำเรื่องน่ารำคาญเช่นนั้นด้วยล่ะ?”

“นี่เป็นวิธีการที่ฉันจะแสดงให้นายท่านรู้ว่า จะปลดปล่อยกามราคะเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการค่ะ”

 

เอ๋ ผมเผลอปล่อยเสียงแกมรังเกียจออกขณะทำคิ้วมุ่ย

 

 

“ทาสกามอย่างนั้นหรือ? ข้าจะต้องการพวกนั้นไปทำไม ในเมื่อข้ามีเจ้าอยู่แล้ว?”

 

“เพราะมันยากเกินกว่าที่หญิงสาวผู้นี้จะทนรับไหวค่ะ นายท่านนั้นติดสัดอยู่แทบจะตลอดเวลา”

 

ลอร่าหวดที่หน้าผากผม

 

“หญิงสาวผู้นี้ได้แต่หวังว่า พี่ลาพิสเขาจะมารับช่วงไปบ้าง แต่ก็ไม่มีข่าวดีเรื่องนั้นมาหลายเดือนแล้ว

พอรู้แน่ชัดว่า นายท่านจะกลับมาในวันพรุ่งนี้

ท่านก็คงตั้งใจจะทารุณร่างกายของหญิงสาวผู้นี้ด้วยกามตัณหาที่สะสมคั่งค้างระหว่างช่วงที่ออกเดินทางไปฟรานเคีย”

 

“…….”

 

ยัยคนนี้อย่างกับอ่านใจได้เลยแฮะ

 

 

ผมที่ไปขยายอำนาจให้กับลอร่าและพยายามที่จะสร้างขนบธรรมเนียมประเพณีขึ้นมาใหม่ในหมู่บ้านทันทีหลังจากกลับมาจากฟรานเคีย

ว่ากันตามตรงนะ ผมทำงานหนักเกินไปด้วยซ้ำ หลังจากกำจัดนักผจญภัยแล้วผมก็ต้องไปเกาะหนึบกับลอร่าแล้วก็พูดประมาณว่า

 

‘เจ้ารักษาหน้าได้เพราะข้าทั้งนั้นเลยนะ เอาล่ะ ได้เวลาที่ข้าต้องได้รางวัลบ้างแล้ว!’…….

 

ลอร่าพ่นลมหึออกจมูกดัง ฮึ

 

“ท่านก็น่าจะพูดประมาณว่า การที่พวกเราแก่ปัญหาในหมู่บ้านได้ก็ด้วยความสามารถของท่านดังนั้น ตัวฉันก็สมควรจะจ่ายค่าตอบแทนเป็นร่างกายคืนให้ มันก็เห็นๆกันอยู่นี่คะ”

 

“อึก……!”

 

เธอเดาทางได้หมดเลยอย่างนั้นรึ หา!? 

นี่แหละน้า ทำไมพวกอัจฉริยะถึงน่ารำคาญนัก!

 

 

แย่ละ นี่พวกนักผจญภัยหญิงจะน่ารักไหมนะ? มันจะล่ำ กล้ามบึกขนาดที่บุกฝ่าดันเจี้ยนเหมือนพวกผู้ชายหรือเปล่า คงเทียบไม่ได้กับความงดงามอันเปล่งประกายระยิบระยับของลอร่าแน่ๆ ผมจึงรีบหาข้ออ้างอย่างเร่งรีบ

 

“ลอร่าเอ๋ย ข้ามิใช่สัตว์ป่ากระหายเซ็กส์นะ 

ข้าแค่ตื่นเต้นไปหน่อยเพราะมีเจ้าเป็นคู่ขา ข้าเองก็ยังมีศักดิ์ศรีในฐานะชายคนหนึ่ง ข้าไม่ได้ต้องการโอบกอดหญิงอื่นนางใดนอกจากเจ้านะลอร่า”

 

“หืมม? ได้ยินแบบนั้นแล้วก็ดีใจนะคะ  แต่ถึงจะพูดหวานหูอย่างนั้นก็เถอะแต่ท่านก็มีช่วงเวลาอันรื่นรมย์ในฟรานเคียไม่ใช่หรือคะ?”

มุมปากของลอร่าเชิดขึ้นเล็กน้อย

 

“นายท่านคะ ตัวฉันได้ยินมาว่า ท่านสนุกกับโอเปร่าน่าดูเลยนี่คะ”

 

“เจเรมิ!”

ผมตะโกนใส่เจเรมิที่ยืนข้างๆผมเอง นี่ไปรั่วข่าวนั่นตอนไหนกันเนี่ย!?

 

 

เจเรมิยักไหล่อย่างสบายๆ

 

“แหม แหม เรื่องนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”

 

“คนอื่นพูดอย่างนั้นได้ แต่ไม่ใช่เธอเฟ้ย!?”

 

“เอ ฉันคิดว่า อาจเป็นจิตสำนึกอันดีงามของท่านที่แอบสารภาพออกมาก็ได้นะคะ ท่านดันทาเลี่ยนคะ? ถ้าหากท่านยังมีจิตสำนึกแบบนั้นหลงเหลืออยู่บ้างน่ะนะ”

 

เจเรมิหัวเราะคิด แม่งเอ๊ย ผมนี่ไม่มีข้ารับใช้ที่ไว้ใจได้เลยจริงๆ

 

แล้วลอร่าก็พูดขึ้น

“สุดท้ายแล้ว นายท่านก็ทำกับใครก็ได้ ขอแค่ดูดีพอ อย่าห่วงเลยค่ะ หญิงสาวผู้นี้มีมาตรฐานอยู่แล้ว

ฉันจึงไว้ชีวิตเฉพาะนักผจญภัยหญิงที่หน้าตาดูดีเท่านั้น เพื่อให้พวกเขานั้นเพียงพอต่อการสร้างความบันเทิงกับท่อนล่างของนายท่าน”

 

“มัน……ไม่ใช่…….”

 

“ท่านไม่ต้องแก้ตัวอะไรแล้วค่ะ หญิงสาวผู้นี้เข้าใจทุกอย่างดี”

ลอร่าลูบหลังผม

 

 

เธอกำลังยิ้มอยู่ มันเป็นรอยยิ้มที่เหมือนกับชายวัยกลางคนยิ้มให้ ชีวิตเซ็กส์ของผมกำลังโดนแม่สาวอายุ 18 ปี ควบคุมในเร็ววันนี้…….

 

 

“พะ-พวกแกพูดบ้าอะไรกันอยู่……!?”

ตอนนั้นเองที่มีใครบางคนตะโกนขึ้นมาจากกลุ่มนักผจญภัยที่คุกเข่าอยู่

 

“อย่ามาดูถูกกันนะโว้ย! พวกแกน่ะ……!?”

ฟาเบียนนั่นเอง เขากระชับและดาบก่อนจะยืนขึ้น ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ

 

“นายท่าน? ดันทาเลี่ยน? ……อย่าบอกนะว่า นายน่ะคือ จอมมารดันทาเลี่ยน!?”

 

“โอ้ ถูกต้องแล้ว มิสเตอร์ฟาเบียน”

ผมแสยะยิ้มพลางสรรเสริญเขา

 

“ข้านี่แหละ จอมมารลำดับ 71 จอมมารหลากหน้า 

ผู้ช่วยระดับสูงสุดแห่งกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา และผู้บริหารของฝ่ายที่ราบ บางคนก็เรียกข้าในชื่อ ‘เจ้าปวกเปียก’ , ‘จอมแดกดัน’ และ ‘นักฆ่าล้างแห่งบรูโน่’ 

แต่ถึงอย่างไรเสีย ข้านี่แหละ จอมมารดันทาเลี่ยน”

 

เหล่านักผจญภัยทำหน้าโง่งม

 

“เอาล่ะๆ เจ้าทุกคนต่างทำได้ดีแล้ว แน่นอน เงิน  5,000 โกลด์นั้นมิใช่เงินน้อยๆ แต่พอมาคิดว่า พวกเจ้าทั้งหมดเดินไปตามที่ข้าคาดการณ์ไว้ทั้งหมดนี่!

มันทำให้ข้าปลื้มปิติเหลือเกิน ขอบคุณมากสำหรับการลงแรงของพวกเจ้า 

มันทำให้ข้าชำระล้างความข้องใจที่ข้าได้รับที่ฟรานเคียไปจนหมด 

ต้องขอบคุณพวกเจ้าทุกคนจริงๆเลย!”

 

ผมระเบิดหัวเราะออกมา 

 

ผมรู้สึกขอบคุณพวกเขาจริงๆนะ ผมถึงได้ปลดปล่อยความเครียดที่สะสมมาเพราะราชินีเฮนริเอตต้า

 

เสียงหัวเราะของผมเป็นเรื่องโรคติดต่อที่แพร่ไปยังลอร่าและเจเรมิด้วยทำให้ พวกเธอต่างร่วมหัวเราะกับผม

เราทั้งสามคนต่างชี้กันและกันแล้วก็หัวเราะดังยิ่งขึ้น

เหล่านักผจญภัยที่ยังเฝ้าดูพวกเราต่างแสดงสีหน้างุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก

 

 

“คึๆ เจ้าได้อุทิศแรงกายรับใช้ข้ามากเหลือเกิน ข้าต้องตบรางวัลให้เจ้าแล้วล่ะ ลอร่า 

ข้าขอรับนักผจญภัยหญิงพวกนั้นในฐานะทาสกามที่เจ้ามอบให้เป็นของขวัญแด่ข้า 

แต่ในทางกลับกันแล้ว เจ้าต้องมอบชะตากรรมของเจ้าพวกนี้ให้เป็นของข้าแทน”

 

“หืมมม”

ผมอาจจะเป็นลอร์ดของเธอก็จริง แต่เธอเป็นคนที่ลงแรงมากที่สุดในการรบครั้งนี้ ตรงจุดนั้นต้องให้เกียรติเธอ ลอร่าคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะพยักหน้า

 

 

“เอาล่ะ อันที่จะมันก็ดีกว่าถ้าหากจะมอบการลงทัณฑ์ที่รุนแรงให้กับผู้ที่ดูหมิ่นนายท่านและหญิงสาวผู้นี้

……แต่ในเมื่อนายท่านยืนยันอย่างนั้น ตัวฉันก็ขอมอบการตัดสินใจนั้นให้แก่นายท่าน”

 

“โอ้ ข้าซาบซึ้งอย่างมากเลย”

แล้วผมก็ผายมือ กางแขนไปต่อหน้าเหล่านักผจญภัย

 

“เอาล่ะ ตอนนี้นะ ทุกคน อยากมีชีวิตรอดกลับไปไหมเอ่ย? 

พวกเจ้าทุกคนต่างเป็นคนที่เข่นฆ่าผู้อื่นและทำตัวเหมือนนักเลงเพราะหิวเงิน 

แต่ความปรารถนาที่จะมีชีวิตต่อไปเป็นอะไรที่มีกันเฉพาะในหมู่ราชาและชนชั้นสูง 

ข้าเข้าใจความปรารถนาของพวกเจ้าดีเลยล่ะ”

 

ผมจึงพูดต่อ

 

“ข้าจึงอยากให้โอกาสพวกเจ้าทุกคนอีกครั้ง”

 

“โอกาสอีกครั้ง?”

 

“ใช่แล้ว โอกาสที่จะทำให้เจ้ารอดออกไปได้ พวกเราก็เป็นสหายกัน เดินทางด้วยกันมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนมิใช่หรือ?

แหม ข้าออกจะใจอ่อนเสมอแหละเวลามันเกี่ยวข้องกับอารมณ์ของมนุษย์เนี่ย”

 

ผมตอบคำถามของฟาเบียน ความหวังน้อยๆปรากฏขึ้นในดวงตาของเหล่านักผจญภัย

พวกเขานั้นโค้งคำนับและขอบคุณผมแล้ว

 

เอาล่ะ อย่าเพิ่งรีบร้อนไปนัก ผมยังมีเรื่องที่ต้องพูดอีก

 

“เจ้าทุกคนต้องฆ่ากันเอง”

 

“อะไรนะ……?”

 

“การดวลยังไงล่ะ เจ้ารู้จักไหมว่า กลาดิเอเตอร์คืออะไร? ฆ่ากันเองจนกว่าจะเหลือคนเดียวที่รอดชีวิต ข้าจะไม่ทำอะไรกับมนุษย์ที่รอดชีวิตคนสุดท้ายอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม”

 

ผมยังคงพูดด้วยรอยยิ้มสดใส

 

“ข้าไม่โกหกหรอกน่า ด้วยความสัตย์จริงเลย ข้าแทบไม่เคยโกหกเลยตลอดชีวิตข้าเนี่ย ข้าขอสาบานด้วยชื่อของข้าเลยล่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มได้เลย”

 

 

 

ผมนี่ช่างเป็นชายผู้มีเมตตาเหลือล้นเสียจริงๆ

 

 

(TTL : แทบไม่เคยโกหกเลยตลอดชีวิตตตต อยากจะ แหมมมมม ให้ ม ม้า ยาวไปถึงดาวอังคาร!)

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+