Dungeon Defense (WN) 220 ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง D (12)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 220 ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง D (12) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

ดวงตาของฟาเบียนนั้นเบิกกว้าง

แหม มันกว้างเสียจนลูกตาแทบจะหลุดออกจากเบ้า

ลอร่าต้องพอใจแน่ๆที่ไม่ต้องออกแรงคว้านลูกตาออกจากเบ้าด้วยมือตัวเอง

 

“ไอ้ลูกกะหรี่นี่……!”

 

“มิสเตอร์ฟาเบียนเอ๋ย ไม่ใช่แค่เจ้าหรอกที่เรียกพ่อข้าว่าเป็นหมาตัวหนึ่ง”

ผมพูดขึ้น

 

“นั่นเป็นการคาดเดาที่ช่างหาญกล้านัก และทุกผู้ที่คาดเดาอย่างนั้นต่างมีลักษณะร่วมกันอย่างหนึ่งนั่นคือ กลายเป็นศพ

้ข้าได้แต่หวังว่า มิสเตอร์ฟาเบียนจะสามารถมีชีวิตรอดไปเป็นคนสุดท้ายนะ”

 

ผมเผลอหัวเราะออกมา แหม มันอดไม่ได้จริงๆนี่ ดูเหมือนลอร่ากับเจเรมิเองก็เช่นกัน ปอดของพวกเรานั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ 

หากจะมีอะไรที่โคตรของโคตรสำคัญสำหรับคนธรรมดา พวกเราคงไม่มีสิ่งนั้นอีกต่อไปแล้ว เหมือนข้างในของเราสามคนนั้นมันพังไปหมดแล้ว

 

 

“ผู้ช่วยคนนั้นที่ทำงานในกิลด์นักผจญภัย……ชื่อ ฟลัว ใช่ไหม? 

นายไม่อยากกลับไปแต่งงานกับแม่สาวคนนั้นเหรอ? ออกไปจากที่นี่แบบมีชีวิตอยู่น่ะ ? มันจะเป็นปัญหาเอานะ ถ้าเจ้าสาวใหม่กลัยต้องใช้คืนร่วมหอกับร่างเย็นๆน่ะ”

 

“ไอ้เชี่ยระยำเอ๊ย! ขอให้แกโดนเทพทุกองค์สาปแล้วตายห่าไปซะ!”

โอ้ เขายังมีใจสู้อยู่นี่

 

ฟาเบียนนั้นไม่ใช่นักผจญภัยหน้าเก่าธรรมดาๆ แต่เขายังเป็นบุคคลที่มีศักดิ์ศรีในฐานะมนุษย์คนหนึ่งด้วย ศักดิ์ศรีอันไร้ราคา และไร้ค่ายิ่งเมื่ออยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

 

 

“อว๊ากกก!?”

 

ไม่สำคัญเลยว่า ฟาเบียนนั้นจะโมโหโทโสขึ้นมาหรือไม่ แบทเทิ่ลรอยั่ลได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

นักผจญภัยคนหนึ่งใช้มีดแทงคนข้างๆ อีกฝ่ายที่ถูกแทงก็มองด้วยสายตาที่ตกตะลึง

 

“นี่แกทำอะไรวะ!?”, “แกกล้าดียังไงทรยศพวกพ้องวะ!”,นักผจญภัยคนอื่นต่างตะโกนด้วยความเกรี้ยวโกรธ

 

“ฉะ-ฉันไม่อยากตาย”

ฆาตกรนั้นยืนตัวสั่นขณะที่ยังกุมมีดในมือ

 

“ข้าไม่ได้อยากมาที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว……. หากพวกแกไม่ได้โกหกว่า นี่เป็นโอกาสทองในการรวยรวดเร็ว! 

ชะ-ใช่แล้ว นี่มันเป็นความผิดของพวกแกนั่นแหละ…….ข้ามีฟาร์มที่บ้านที่ต้องกลับไป…….ข้าไม่เหมือนกับพวกแกที่เน่าหนอนอยู่ก้นบึ้ง!”

 

“ไอ้ห่าฆาตกรนี่!”

 

นักผจญภัยคนอื่นพุ่งเข้าใส่ฆาตกรคนนั้น พร้อมกับแกว่งขวานใส่หน้า

ฆาตกรคนนั้นหดก้มลงและยกมีดขึ้นแต่นั่นก็ไม่ทำให้ปัดป้องขวานได้

หัวของเขาแบะผ่าออก ขวานกะเทาะกระโหลกกระจาย

 

นั่นแหละคือ จุดเริ่มต้น

นักผจญภัยคนที่เหลือต่างคว้าโล่และหอกขึ้นมาพุ่งใส่กัน

เสียงตะโกนดังก้องพร้อมกับเสียงวัตถุกระแทกโล่

ฟาเบียนหยุดมองผม แล้วไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าร่วมการต่อสู้ที่สุดวุ่นวาย

ข้าอยากมีชีวิต ข้าไม่อยากตาย หรือไม่ก็ ข้าอยากจะออกไปจากนรกนี่ให้ไวที่สุด

ความปรารถนาพื้นฐานพวกนั้นไหลออกมาผ่านอาวุธที่แกว่งไกว

 

แฟรี่บางตัวก็บินมาหาผมขณะที่กำลังรับชมการต่อสู้ของเหล่ากลาดิเอเตอร์พร้อมกับแขนที่แบกหามมาด้วย

แฟรี่สี่ตัวพยายามอย่างมากที่จะแบกขวดไวน์มา ในขณะที่แฟรี่อีกสามตัวก็ประคองแก้วไวน์มา

พวกนั้นรู้สินะว่า มาสเตอร์กำลังอยากเหล้า เลยไปเอามาให้ แหม ช่างน่ารักอะไรเช่นนี้!?

 

“แฟรี่ของข้าเนี่ย ใจดีที่สุดในโลกเลย!”

ผมรับขวดและลูบหัวแฟรี่พวกนั้นตอบแทน เหล่าแฟรี่ต่างหัวเราะคิกคัก

 

พวกเรารินไวน์ใส่แก้วให้กันพลางรับชมโคลอสเซียม การสู้รบเริ่มจริงจังเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

ยิ่งเข้มข้นเท่าไหร่ก็ยิ่งบันเทิงมากเท่านั้น แถมมีไวน์เข้ามาเสริมอีกยิ่งทำให้ประสบการณ์การรับชมนั้นยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น

 

แต่ก็มีนักผจญภัยทั้งที่สู้เต็มที่และบางคนก็สู้ไประแวงไปเพราะกลัวจะฆ่าสหาย

 

“แม่งเอ๊ย อย่าสู้กันสิวะ! อย่าถูกไอ้จอมมารมันหลอกเอา! แม่งเอ๊ย ฟัค!”

และก็มีคนอย่างฟาเบียนที่พยายามจะหยุดการต่อสู้

 

นักผจญภัยที่กระหายเลือดไม่ได้ยินคำพูดของฟาเบียนแล้ว

ฟาเบียนเองก็พยายามที่จะระงับการต่อสู้ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จ

 

เขายังคงไร้ทางเลือกเหมือนเคย ยังคงต้องแกว่งดาบเพื่อยับยั้งนักผจญภัยคนอื่นที่พุ่งใส่เขาพร้อมอาวุธ

 

ผมถึงกับผิวปาก

 

 

“มนุษย์น่ะจะแสดงสันดานแท้จริงออกมา เมื่อเผชิญหน้ากับภัยอันตราย”

 

 

“ฮื่มม มันเป็นอะไรที่งดงามเพราะหาดูได้ยากยิ่ง”

ผ่านไป 10 นาที นักผจญภัย 20คนก็ลดลงเหลือ 7 คน

 

7 คนนั้นไม่มีใครที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ บางคนถูกแทงด้วยมีด บางคนก็ถูกดาบฟันเนื้อฉีก ทุกคนต่างมีบาดแผลทั้งนั้น

ทั้งหมดต่างหายใจหอบหนักขณะที่มองกันและกันด้วยแววตาดุดัน ไม่มีใครอยากขยับก่อน ทำให้ต่างฝ่ายต่างดูเชิงกันอยู่อย่างนั้น

คงพยายามจะยื้อออกไปให้นานที่สุดนั่นแหละ ไม่เป็นอะไรมากไปกว่าเกมที่น่าเบื่อและเสียเวลาโดยไม่จำเป็น

 

ผมจึงตัดสินใจเพิ่มแรงกระตุ้นเข้าไปอีกสักหน่อย

“เอาล่ะ เอาล่ะ ทุกคน หยุดสู้กันก่อนนะ แล้วมาดูทางนี้”

ผมปรบมือเพื่อดึงความสนใจของพวกเขา

 

ดวงตา 7 คู่ที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือด อ่อนล้าและหวาดกลัว หันมาหาผม 

ผมควักถุงเงินออกมาแล้ว เขย่าต่อหน้าพวกเขา

 

 

“เห็นนี่ไหม?”

 

เกร้ง เกร้ง

เสียงโลหะกระทบตัวดังมาจากในถุง

 

 

“ในนี้มีทองมากมายเลยล่ะ ราวๆ 50 ไลบร้า ข้าจะให้เงิน 50 ไลบร้าเป็นของกำนัลสำหรับผู้รอดชีวิต ถ้าอย่างนั้นแล้ว เชิญสู้กันต่อได้เลย”

 

“……!”

 

ความโลกได้เติมเต็มในดวงตาของพวกเขา 

จำนวนเงิน 50 โกลด์นั้นไม่ใช่เงินน้อยๆเลยสำหรับนักผจญภัย การต่อสู้อย่างสิ้นหวังเพื่อเอาชีวิตรอดไปให้ได้กลับกลายเป็นการต่อสู้เพื่อชิงเงินรางวัลด้วยชีวิต นักผจญภัยทั้งหลายต่างผ่อนคลายลงเพื่อสูดลมหายใจลึกๆ

 

 

“อ๊าาาากก!”

ก่อนจะตะโกนพร้อมกับพุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย 

เรจ สแลช( Rage Slash), คราวน์ สแลช(Crown Slash), และครอส สไลซ์( Cross Slice)เปิดการใช้งาน

 

พวกเขาใช้เทคนิคดาบประจำตัวไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่หมายจะฆ่าฟันกัน เสียงของโลหะกระทับกันดังไม่ต่างจากซิมโฟนี่แห่งความอลหม่าน

ผมตะโกนเชียร์พร้อมรอยยิ้ม

 

 

“เออ อย่างนั้นแหละ! นี่แหละที่แกควรทำ แกควรจะฆ่าพวกที่เหลือเพื่อเงินและเพื่อเอาชีวิตรอด

มันเป็นธรรมดาอยู่แล้วนี่ ข้าคิดแล้วว่า พวกเจ้าทุกคนต้องเข้าใจดี 

C’est Si Bon! C’est Si Bon!”

(มันยอดมาก! มันยอดมาก!)

 

ลอร่าจึงพูดแทรกขึ้นมา

“ท่านมีงานอดิเรกที่แย่มาก นายท่าน”

 

“เฮ่อ ข้าไม่อยากได้ยินคำนั้นจากปากจากสาวน้อยที่สะสมหัวกระโหลกเลย”

 

“……ก็พอกันทั้งคู่นั่นแหละ”

เจเรมิบ่นพลางถอนใจ

 

การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว หลังจาก 5 นาทีผ่านไป มีเพียงมนุษย์ผู้เดียวที่ยังมีชีวิตอยู่รอดท่ามกลางวงล้อมของก็อบลิน

ชายผู้เดียวที่ยืนอยู่ท่ามกลางศพทั้ง 19 ศพกระจายไปทั่ว

 

 

“ฟู่, ฟู่……อั่กกก”

 

ฟาเบียนนั่นเอง

 

เขาดิ้นรนที่จะหายใจออกมา เขาต้องยอมสละแขนซ้ายเพื่อที่พยายามบล็อคการโจมตีของอีกคน

แขนข้างนั้นมันแกว่งราวกับของเล่นที่โดนขวานสับ

ทั้งยังมีมีดเสียบที่น่อง เลือดไหลออกราวกับน้ำพุโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล

 

 

“ยอดเยี่ยมจริงๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าทำได้ มิสเตอร์ฟาเบียน”

 

“อั่ก……อึก ”

 

“ขอแสดงความยินดีด้วย”

 

ผมปรบมือให้กับฟาเบียนชุดใหญ่ ลอร่าและเจเรมิเองก็ปรบมือให้ด้วยเช่นกัน

ผมสั่งให้ก็อบลินทุกตัวที่อยู่ที่นั่นทำตาม ก็อบลินนับร้อยตัวจึงร่วมกันปรบมือให้

 

 

หากจะเทียบกับประชาชนในโรมที่ปรบมือให้กับกลาดิเอเตอร์ผู้กล้าที่พยายามดิ้นรนยืนหยุดในท้ายที่สุด และแสดงความนับถือให้แม้ว่า กลาดิเอเตอร์ผู้นั้นจะเป็นทาสก็ตาม 

ฟาเบียนเองก็ถือว่า ยืนอยู่ในจุดที่เป็นดั่งฮีโร่ท่ามกลางเสียงปรบมือนับร้อย นี่แหละลูกผู้ชายตัวจริงล่ะ!

 

แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสิ่งหนึ่งที่ประหลาดออกไป ฟาเบียนไม่ได้ดูดีใจกับการแสดงความยินดีด้วยซ้ำ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอับอายและเจ็บปวด

 

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นกันล่ะ ? พวกเราแสดงความยินดีกับเขาจากใจจริงเลยนะ

ฟาเบียนนี่นายจะเป็นมนุษย์คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับการปรบมือจากเหล่าก็อบลิน นายก็ควรจะภาคภูมิใจซี่

 

 

– เกร้ง

 

ผมโยนถุงเงินให้ มันตกอยู่ข้างเท้าของฟาเบียน ฟาเบียนค่อยๆก้มหัวลงมองไปยังถุงเงินชั่วครู่

 

 

“…….”

 

มันดูเหมือนกับเขากำลังมองจ้องอย่างสงสัยไปยังสัตว์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตนี้

ไม่นานฟาเบียนก็หมดความสนใจในถุงเงินแล้วหันมามองผมอีกครั้ง

 

 

“นั่นคือ รางวัลตามคำสัญญา รางวัลที่คู่ควรมอบให้แด่ผู้ชนะ ได้โปรดอย่าปฏิเสธมันเลย

ให้คิดเสียว่า เป็นของขวัญแทนความรู้สึกของข้าก็ได้”

 

“……คึก”

 

ดวงตาของฟาเบียนนั้นแดงฉานราวกับร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด

แม้การดวลจะจบลง แต่ก็ยังคงมีความกระหายเลือดอยู่เต็มตา

 

 

อ้าา ผมเข้าใจแล้ว ผมเข้าใจในตัวเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว

ผมยิ้มอย่างสงบ

 

“มิสเตอร์ฟาเบียน เจ้าอยากจะฆ่าข้า ถูกไหม?”

 

“…….”

 

“ไม่ต้องห่วง ข้าสัญญากับเจ้าก่อนหน้าแล้วนี่ ถูกไหมล่ะ”

ที่ผมบอกว่า จะไม่ทำอะไรกับมนุษย์ผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย

 

“หากอยากจะฆ่าข้า ก็เชิญลองได้เลยตามสบาย เจ้ามีสิทธิ์ที่จะฆ่าข้าได้

เอาล่ะ ถ้าแค่นั้นไม่พอ ก็ต้องขอบอกว่าที่ข้าได้บันเทิงเริงรื่นได้ขนาดนี้ต้องขอบใจเจ้ามากเลย ข้าจึงขอบอกอีกครั้งว่า เจ้ามีสิทธิ์ทำแบบนั้นได้”

 

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พูดต่อ

 

“แต่เจ้ามีโอกาสนั้นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น โอกาสเดียวที่จะทำร้ายข้า

อย่าเสียใจไปเลยน่า ชีวิตมันก็แบบนี้แหละจริงไหม? โอกาสครั้งที่สองมันยากจะเกิดขึ้น…….โชคไม่ดีเลยเนอะ”

 

“…….”

 

“หากไม่อยากจัดการข้า ก็หนีไปเถอะ”

ผมควักโพชั่นออกมา ของเหลวสีแดงกระฉอกไหลไปมาอยู่ในขวดแก้ว

 

“ตามคำของข้า! วันหยุดแห่งชาติได้มาถึงแล้ว ดังนั้นนี่เป็นรางวัลแถมให้จากปราสาทจอมมารดันทาเลี่ยน!

แรร์ไอเทม โพชั่นฟื้นเลือดสุดหรูหรา ที่จะมอบให้เจ้าฟรีๆ เฉพาะโอกาสนี้เท่านั้นนะ ซึ่งเจ้าสิ่งนี้จะการันตีว่า ชีวิตของมิสเตอร์ฟาเบียนที่อยู่ปากเหวความตายอันเนื่องจากเลือดไหลไม่หยุดจะมีชีวิตรอดต่อไปได้!”

 

ผมเที่ยวเดินเร่ขายโพชั่นในมือ ลอร่าและเจเรมิต่างหัวเราะกับท่าทางเหมือนตัวตลกของผม มีเพียงฟาเบียนเท่านั้นที่ไม่เข้าใจมุกนั้นจึงยังคงจ้องมองผมด้วยความอยากฆ่า

 

 

“ว่ายังไงล่ะ? จะใช้โอกาสครั้งเดียวนี้ในการฆ่าข้าไหม? หรือเจ้าอยากจะกลับบ้านไปด้วยชื่อเสียงหลังจากรับโพชั่นและทองไปแล้ว? ตัดสินใจเลือกเองละ ตาเดียว หัวโล้น ฟาเบียน”

 

“…….”

 

ฟาเบียนชักมีดที่เหน็บเอว มือขวาของเขาสั่นสะท้าน

เขาแทบไม่มีแรงเหลือพอจะเดินแล้วด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่าเขาไม่มีแรงมากพอจะวิ่งเข้ามาแทงผมด้วยมีด นั่นแหละคือ สาเหตุที่ว่าทำไมเขาพยายามที่จะปามีดใส่ผม

 

เขาเลือกที่จะฆ่าผมเพื่อเอาชีวิตรอด

 

“……ยอดเยี่ยมมาก”

ผมกำลังอารมณ์ดีสุดๆ หากเทียบกับคนอื่นแล้ว ผมเป็นบุคคลที่ให้ความสำคัญกับชีวิตตัวเองยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง 

ความจริงเรื่องนั้นทำให้ผมปลาบปลื้ม ผมลอบยิ้มขณะที่เฝ้ามองนักผจญภัยฟาเบียนยกมีดขึ้น

 

– ชวิ้ง!

 

การโจมตีที่เกิดขึ้นจากการเค้นพละกำลังสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่บินมาหาผม

น่าประหลาดใจนัก ทั้งที่มือของเขาสั่นจนไม่อาจควบคุมได้ แต่ฟาเบียนก็ยังสามารถปาใส่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

 

ฉึก

 

เสียงเนื้อฉีกทะลุมาจากร่างของผม

 

มีดแทงทะลุเข้าไปในอกขวา

ผมยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

 

“น่าเสียดายเหลือเกินนะ จอมมารไม่อาจตายด้วยวิธีนี้ได้”

ผมแตะไปที่หน้าผากของตัวเองด้วยนิ้ว

 

“ตรงนี้ ตรงนี้ต่างหากที่เจ้าควรจะต้องเล็ง ไม่ใช่อกของข้า”

 

“…….”

ร่างทั้งร่างของฟาเบียนไม่อาจประคองตนได้อีกต่อไป

 

หัวเข่าหลุด ทำให้เขานั้นล้มลงกับพื้นงอตัว

 

เลือดไหลออกมาทั่วทั้งร่าง แต่พื้นเองก็ชุ่มไปด้วยเลือดนักผจญภัยคนอื่นอยู่ก่อนแล้ว

 

 

พวกเราเฝ้าดูลมหายใจสุดท้ายของฟาเบียน ซึ่งก็กินเวลาเกือบ 10 นาที 

มันไม่ได้น่าเบื่อหรอก ผมถอนมีดที่ปักอกออก

แผลค่อยๆสมานอย่างช้าๆ ผมรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เสียดแทง ผมสวมเกราะหนังไว้ เลยยังพอทนไหว

 

“ฟ……ฟลัว……ฟลัว…….”

ฟาเบียนพึมพัมชื่อสาวกิลด์คนนั้นแม้กระทั่งวาระสุดท้าย

 

เสียงนั่นหยุดพูดไปหลัง 10 นาที พอผมเข้าไปใกล้ เพื่อยืนยันว่า เขาหมดลมหายใจแล้วจริงๆ

 

ุสุดท้ายแล้ว คำพูดสุดท้ายก็เป็นชื่อของสาวคนนั้น 

คลิ้นช์* ฉิบหายเลย ไอ้หมอนี่

 

 

*Cliché – ซ้ำซาก โบราณคร่ำครึ เป็นไปตามขนบ

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 220 ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง D (12)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 220 ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง D (12) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

ดวงตาของฟาเบียนนั้นเบิกกว้าง

แหม มันกว้างเสียจนลูกตาแทบจะหลุดออกจากเบ้า

ลอร่าต้องพอใจแน่ๆที่ไม่ต้องออกแรงคว้านลูกตาออกจากเบ้าด้วยมือตัวเอง

 

“ไอ้ลูกกะหรี่นี่……!”

 

“มิสเตอร์ฟาเบียนเอ๋ย ไม่ใช่แค่เจ้าหรอกที่เรียกพ่อข้าว่าเป็นหมาตัวหนึ่ง”

ผมพูดขึ้น

 

“นั่นเป็นการคาดเดาที่ช่างหาญกล้านัก และทุกผู้ที่คาดเดาอย่างนั้นต่างมีลักษณะร่วมกันอย่างหนึ่งนั่นคือ กลายเป็นศพ

้ข้าได้แต่หวังว่า มิสเตอร์ฟาเบียนจะสามารถมีชีวิตรอดไปเป็นคนสุดท้ายนะ”

 

ผมเผลอหัวเราะออกมา แหม มันอดไม่ได้จริงๆนี่ ดูเหมือนลอร่ากับเจเรมิเองก็เช่นกัน ปอดของพวกเรานั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ 

หากจะมีอะไรที่โคตรของโคตรสำคัญสำหรับคนธรรมดา พวกเราคงไม่มีสิ่งนั้นอีกต่อไปแล้ว เหมือนข้างในของเราสามคนนั้นมันพังไปหมดแล้ว

 

 

“ผู้ช่วยคนนั้นที่ทำงานในกิลด์นักผจญภัย……ชื่อ ฟลัว ใช่ไหม? 

นายไม่อยากกลับไปแต่งงานกับแม่สาวคนนั้นเหรอ? ออกไปจากที่นี่แบบมีชีวิตอยู่น่ะ ? มันจะเป็นปัญหาเอานะ ถ้าเจ้าสาวใหม่กลัยต้องใช้คืนร่วมหอกับร่างเย็นๆน่ะ”

 

“ไอ้เชี่ยระยำเอ๊ย! ขอให้แกโดนเทพทุกองค์สาปแล้วตายห่าไปซะ!”

โอ้ เขายังมีใจสู้อยู่นี่

 

ฟาเบียนนั้นไม่ใช่นักผจญภัยหน้าเก่าธรรมดาๆ แต่เขายังเป็นบุคคลที่มีศักดิ์ศรีในฐานะมนุษย์คนหนึ่งด้วย ศักดิ์ศรีอันไร้ราคา และไร้ค่ายิ่งเมื่ออยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

 

 

“อว๊ากกก!?”

 

ไม่สำคัญเลยว่า ฟาเบียนนั้นจะโมโหโทโสขึ้นมาหรือไม่ แบทเทิ่ลรอยั่ลได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

นักผจญภัยคนหนึ่งใช้มีดแทงคนข้างๆ อีกฝ่ายที่ถูกแทงก็มองด้วยสายตาที่ตกตะลึง

 

“นี่แกทำอะไรวะ!?”, “แกกล้าดียังไงทรยศพวกพ้องวะ!”,นักผจญภัยคนอื่นต่างตะโกนด้วยความเกรี้ยวโกรธ

 

“ฉะ-ฉันไม่อยากตาย”

ฆาตกรนั้นยืนตัวสั่นขณะที่ยังกุมมีดในมือ

 

“ข้าไม่ได้อยากมาที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว……. หากพวกแกไม่ได้โกหกว่า นี่เป็นโอกาสทองในการรวยรวดเร็ว! 

ชะ-ใช่แล้ว นี่มันเป็นความผิดของพวกแกนั่นแหละ…….ข้ามีฟาร์มที่บ้านที่ต้องกลับไป…….ข้าไม่เหมือนกับพวกแกที่เน่าหนอนอยู่ก้นบึ้ง!”

 

“ไอ้ห่าฆาตกรนี่!”

 

นักผจญภัยคนอื่นพุ่งเข้าใส่ฆาตกรคนนั้น พร้อมกับแกว่งขวานใส่หน้า

ฆาตกรคนนั้นหดก้มลงและยกมีดขึ้นแต่นั่นก็ไม่ทำให้ปัดป้องขวานได้

หัวของเขาแบะผ่าออก ขวานกะเทาะกระโหลกกระจาย

 

นั่นแหละคือ จุดเริ่มต้น

นักผจญภัยคนที่เหลือต่างคว้าโล่และหอกขึ้นมาพุ่งใส่กัน

เสียงตะโกนดังก้องพร้อมกับเสียงวัตถุกระแทกโล่

ฟาเบียนหยุดมองผม แล้วไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าร่วมการต่อสู้ที่สุดวุ่นวาย

ข้าอยากมีชีวิต ข้าไม่อยากตาย หรือไม่ก็ ข้าอยากจะออกไปจากนรกนี่ให้ไวที่สุด

ความปรารถนาพื้นฐานพวกนั้นไหลออกมาผ่านอาวุธที่แกว่งไกว

 

แฟรี่บางตัวก็บินมาหาผมขณะที่กำลังรับชมการต่อสู้ของเหล่ากลาดิเอเตอร์พร้อมกับแขนที่แบกหามมาด้วย

แฟรี่สี่ตัวพยายามอย่างมากที่จะแบกขวดไวน์มา ในขณะที่แฟรี่อีกสามตัวก็ประคองแก้วไวน์มา

พวกนั้นรู้สินะว่า มาสเตอร์กำลังอยากเหล้า เลยไปเอามาให้ แหม ช่างน่ารักอะไรเช่นนี้!?

 

“แฟรี่ของข้าเนี่ย ใจดีที่สุดในโลกเลย!”

ผมรับขวดและลูบหัวแฟรี่พวกนั้นตอบแทน เหล่าแฟรี่ต่างหัวเราะคิกคัก

 

พวกเรารินไวน์ใส่แก้วให้กันพลางรับชมโคลอสเซียม การสู้รบเริ่มจริงจังเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

ยิ่งเข้มข้นเท่าไหร่ก็ยิ่งบันเทิงมากเท่านั้น แถมมีไวน์เข้ามาเสริมอีกยิ่งทำให้ประสบการณ์การรับชมนั้นยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น

 

แต่ก็มีนักผจญภัยทั้งที่สู้เต็มที่และบางคนก็สู้ไประแวงไปเพราะกลัวจะฆ่าสหาย

 

“แม่งเอ๊ย อย่าสู้กันสิวะ! อย่าถูกไอ้จอมมารมันหลอกเอา! แม่งเอ๊ย ฟัค!”

และก็มีคนอย่างฟาเบียนที่พยายามจะหยุดการต่อสู้

 

นักผจญภัยที่กระหายเลือดไม่ได้ยินคำพูดของฟาเบียนแล้ว

ฟาเบียนเองก็พยายามที่จะระงับการต่อสู้ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จ

 

เขายังคงไร้ทางเลือกเหมือนเคย ยังคงต้องแกว่งดาบเพื่อยับยั้งนักผจญภัยคนอื่นที่พุ่งใส่เขาพร้อมอาวุธ

 

ผมถึงกับผิวปาก

 

 

“มนุษย์น่ะจะแสดงสันดานแท้จริงออกมา เมื่อเผชิญหน้ากับภัยอันตราย”

 

 

“ฮื่มม มันเป็นอะไรที่งดงามเพราะหาดูได้ยากยิ่ง”

ผ่านไป 10 นาที นักผจญภัย 20คนก็ลดลงเหลือ 7 คน

 

7 คนนั้นไม่มีใครที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ บางคนถูกแทงด้วยมีด บางคนก็ถูกดาบฟันเนื้อฉีก ทุกคนต่างมีบาดแผลทั้งนั้น

ทั้งหมดต่างหายใจหอบหนักขณะที่มองกันและกันด้วยแววตาดุดัน ไม่มีใครอยากขยับก่อน ทำให้ต่างฝ่ายต่างดูเชิงกันอยู่อย่างนั้น

คงพยายามจะยื้อออกไปให้นานที่สุดนั่นแหละ ไม่เป็นอะไรมากไปกว่าเกมที่น่าเบื่อและเสียเวลาโดยไม่จำเป็น

 

ผมจึงตัดสินใจเพิ่มแรงกระตุ้นเข้าไปอีกสักหน่อย

“เอาล่ะ เอาล่ะ ทุกคน หยุดสู้กันก่อนนะ แล้วมาดูทางนี้”

ผมปรบมือเพื่อดึงความสนใจของพวกเขา

 

ดวงตา 7 คู่ที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือด อ่อนล้าและหวาดกลัว หันมาหาผม 

ผมควักถุงเงินออกมาแล้ว เขย่าต่อหน้าพวกเขา

 

 

“เห็นนี่ไหม?”

 

เกร้ง เกร้ง

เสียงโลหะกระทบตัวดังมาจากในถุง

 

 

“ในนี้มีทองมากมายเลยล่ะ ราวๆ 50 ไลบร้า ข้าจะให้เงิน 50 ไลบร้าเป็นของกำนัลสำหรับผู้รอดชีวิต ถ้าอย่างนั้นแล้ว เชิญสู้กันต่อได้เลย”

 

“……!”

 

ความโลกได้เติมเต็มในดวงตาของพวกเขา 

จำนวนเงิน 50 โกลด์นั้นไม่ใช่เงินน้อยๆเลยสำหรับนักผจญภัย การต่อสู้อย่างสิ้นหวังเพื่อเอาชีวิตรอดไปให้ได้กลับกลายเป็นการต่อสู้เพื่อชิงเงินรางวัลด้วยชีวิต นักผจญภัยทั้งหลายต่างผ่อนคลายลงเพื่อสูดลมหายใจลึกๆ

 

 

“อ๊าาาากก!”

ก่อนจะตะโกนพร้อมกับพุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย 

เรจ สแลช( Rage Slash), คราวน์ สแลช(Crown Slash), และครอส สไลซ์( Cross Slice)เปิดการใช้งาน

 

พวกเขาใช้เทคนิคดาบประจำตัวไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่หมายจะฆ่าฟันกัน เสียงของโลหะกระทับกันดังไม่ต่างจากซิมโฟนี่แห่งความอลหม่าน

ผมตะโกนเชียร์พร้อมรอยยิ้ม

 

 

“เออ อย่างนั้นแหละ! นี่แหละที่แกควรทำ แกควรจะฆ่าพวกที่เหลือเพื่อเงินและเพื่อเอาชีวิตรอด

มันเป็นธรรมดาอยู่แล้วนี่ ข้าคิดแล้วว่า พวกเจ้าทุกคนต้องเข้าใจดี 

C’est Si Bon! C’est Si Bon!”

(มันยอดมาก! มันยอดมาก!)

 

ลอร่าจึงพูดแทรกขึ้นมา

“ท่านมีงานอดิเรกที่แย่มาก นายท่าน”

 

“เฮ่อ ข้าไม่อยากได้ยินคำนั้นจากปากจากสาวน้อยที่สะสมหัวกระโหลกเลย”

 

“……ก็พอกันทั้งคู่นั่นแหละ”

เจเรมิบ่นพลางถอนใจ

 

การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว หลังจาก 5 นาทีผ่านไป มีเพียงมนุษย์ผู้เดียวที่ยังมีชีวิตอยู่รอดท่ามกลางวงล้อมของก็อบลิน

ชายผู้เดียวที่ยืนอยู่ท่ามกลางศพทั้ง 19 ศพกระจายไปทั่ว

 

 

“ฟู่, ฟู่……อั่กกก”

 

ฟาเบียนนั่นเอง

 

เขาดิ้นรนที่จะหายใจออกมา เขาต้องยอมสละแขนซ้ายเพื่อที่พยายามบล็อคการโจมตีของอีกคน

แขนข้างนั้นมันแกว่งราวกับของเล่นที่โดนขวานสับ

ทั้งยังมีมีดเสียบที่น่อง เลือดไหลออกราวกับน้ำพุโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล

 

 

“ยอดเยี่ยมจริงๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าทำได้ มิสเตอร์ฟาเบียน”

 

“อั่ก……อึก ”

 

“ขอแสดงความยินดีด้วย”

 

ผมปรบมือให้กับฟาเบียนชุดใหญ่ ลอร่าและเจเรมิเองก็ปรบมือให้ด้วยเช่นกัน

ผมสั่งให้ก็อบลินทุกตัวที่อยู่ที่นั่นทำตาม ก็อบลินนับร้อยตัวจึงร่วมกันปรบมือให้

 

 

หากจะเทียบกับประชาชนในโรมที่ปรบมือให้กับกลาดิเอเตอร์ผู้กล้าที่พยายามดิ้นรนยืนหยุดในท้ายที่สุด และแสดงความนับถือให้แม้ว่า กลาดิเอเตอร์ผู้นั้นจะเป็นทาสก็ตาม 

ฟาเบียนเองก็ถือว่า ยืนอยู่ในจุดที่เป็นดั่งฮีโร่ท่ามกลางเสียงปรบมือนับร้อย นี่แหละลูกผู้ชายตัวจริงล่ะ!

 

แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสิ่งหนึ่งที่ประหลาดออกไป ฟาเบียนไม่ได้ดูดีใจกับการแสดงความยินดีด้วยซ้ำ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอับอายและเจ็บปวด

 

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นกันล่ะ ? พวกเราแสดงความยินดีกับเขาจากใจจริงเลยนะ

ฟาเบียนนี่นายจะเป็นมนุษย์คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับการปรบมือจากเหล่าก็อบลิน นายก็ควรจะภาคภูมิใจซี่

 

 

– เกร้ง

 

ผมโยนถุงเงินให้ มันตกอยู่ข้างเท้าของฟาเบียน ฟาเบียนค่อยๆก้มหัวลงมองไปยังถุงเงินชั่วครู่

 

 

“…….”

 

มันดูเหมือนกับเขากำลังมองจ้องอย่างสงสัยไปยังสัตว์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตนี้

ไม่นานฟาเบียนก็หมดความสนใจในถุงเงินแล้วหันมามองผมอีกครั้ง

 

 

“นั่นคือ รางวัลตามคำสัญญา รางวัลที่คู่ควรมอบให้แด่ผู้ชนะ ได้โปรดอย่าปฏิเสธมันเลย

ให้คิดเสียว่า เป็นของขวัญแทนความรู้สึกของข้าก็ได้”

 

“……คึก”

 

ดวงตาของฟาเบียนนั้นแดงฉานราวกับร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด

แม้การดวลจะจบลง แต่ก็ยังคงมีความกระหายเลือดอยู่เต็มตา

 

 

อ้าา ผมเข้าใจแล้ว ผมเข้าใจในตัวเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว

ผมยิ้มอย่างสงบ

 

“มิสเตอร์ฟาเบียน เจ้าอยากจะฆ่าข้า ถูกไหม?”

 

“…….”

 

“ไม่ต้องห่วง ข้าสัญญากับเจ้าก่อนหน้าแล้วนี่ ถูกไหมล่ะ”

ที่ผมบอกว่า จะไม่ทำอะไรกับมนุษย์ผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย

 

“หากอยากจะฆ่าข้า ก็เชิญลองได้เลยตามสบาย เจ้ามีสิทธิ์ที่จะฆ่าข้าได้

เอาล่ะ ถ้าแค่นั้นไม่พอ ก็ต้องขอบอกว่าที่ข้าได้บันเทิงเริงรื่นได้ขนาดนี้ต้องขอบใจเจ้ามากเลย ข้าจึงขอบอกอีกครั้งว่า เจ้ามีสิทธิ์ทำแบบนั้นได้”

 

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พูดต่อ

 

“แต่เจ้ามีโอกาสนั้นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น โอกาสเดียวที่จะทำร้ายข้า

อย่าเสียใจไปเลยน่า ชีวิตมันก็แบบนี้แหละจริงไหม? โอกาสครั้งที่สองมันยากจะเกิดขึ้น…….โชคไม่ดีเลยเนอะ”

 

“…….”

 

“หากไม่อยากจัดการข้า ก็หนีไปเถอะ”

ผมควักโพชั่นออกมา ของเหลวสีแดงกระฉอกไหลไปมาอยู่ในขวดแก้ว

 

“ตามคำของข้า! วันหยุดแห่งชาติได้มาถึงแล้ว ดังนั้นนี่เป็นรางวัลแถมให้จากปราสาทจอมมารดันทาเลี่ยน!

แรร์ไอเทม โพชั่นฟื้นเลือดสุดหรูหรา ที่จะมอบให้เจ้าฟรีๆ เฉพาะโอกาสนี้เท่านั้นนะ ซึ่งเจ้าสิ่งนี้จะการันตีว่า ชีวิตของมิสเตอร์ฟาเบียนที่อยู่ปากเหวความตายอันเนื่องจากเลือดไหลไม่หยุดจะมีชีวิตรอดต่อไปได้!”

 

ผมเที่ยวเดินเร่ขายโพชั่นในมือ ลอร่าและเจเรมิต่างหัวเราะกับท่าทางเหมือนตัวตลกของผม มีเพียงฟาเบียนเท่านั้นที่ไม่เข้าใจมุกนั้นจึงยังคงจ้องมองผมด้วยความอยากฆ่า

 

 

“ว่ายังไงล่ะ? จะใช้โอกาสครั้งเดียวนี้ในการฆ่าข้าไหม? หรือเจ้าอยากจะกลับบ้านไปด้วยชื่อเสียงหลังจากรับโพชั่นและทองไปแล้ว? ตัดสินใจเลือกเองละ ตาเดียว หัวโล้น ฟาเบียน”

 

“…….”

 

ฟาเบียนชักมีดที่เหน็บเอว มือขวาของเขาสั่นสะท้าน

เขาแทบไม่มีแรงเหลือพอจะเดินแล้วด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่าเขาไม่มีแรงมากพอจะวิ่งเข้ามาแทงผมด้วยมีด นั่นแหละคือ สาเหตุที่ว่าทำไมเขาพยายามที่จะปามีดใส่ผม

 

เขาเลือกที่จะฆ่าผมเพื่อเอาชีวิตรอด

 

“……ยอดเยี่ยมมาก”

ผมกำลังอารมณ์ดีสุดๆ หากเทียบกับคนอื่นแล้ว ผมเป็นบุคคลที่ให้ความสำคัญกับชีวิตตัวเองยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง 

ความจริงเรื่องนั้นทำให้ผมปลาบปลื้ม ผมลอบยิ้มขณะที่เฝ้ามองนักผจญภัยฟาเบียนยกมีดขึ้น

 

– ชวิ้ง!

 

การโจมตีที่เกิดขึ้นจากการเค้นพละกำลังสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่บินมาหาผม

น่าประหลาดใจนัก ทั้งที่มือของเขาสั่นจนไม่อาจควบคุมได้ แต่ฟาเบียนก็ยังสามารถปาใส่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

 

ฉึก

 

เสียงเนื้อฉีกทะลุมาจากร่างของผม

 

มีดแทงทะลุเข้าไปในอกขวา

ผมยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

 

“น่าเสียดายเหลือเกินนะ จอมมารไม่อาจตายด้วยวิธีนี้ได้”

ผมแตะไปที่หน้าผากของตัวเองด้วยนิ้ว

 

“ตรงนี้ ตรงนี้ต่างหากที่เจ้าควรจะต้องเล็ง ไม่ใช่อกของข้า”

 

“…….”

ร่างทั้งร่างของฟาเบียนไม่อาจประคองตนได้อีกต่อไป

 

หัวเข่าหลุด ทำให้เขานั้นล้มลงกับพื้นงอตัว

 

เลือดไหลออกมาทั่วทั้งร่าง แต่พื้นเองก็ชุ่มไปด้วยเลือดนักผจญภัยคนอื่นอยู่ก่อนแล้ว

 

 

พวกเราเฝ้าดูลมหายใจสุดท้ายของฟาเบียน ซึ่งก็กินเวลาเกือบ 10 นาที 

มันไม่ได้น่าเบื่อหรอก ผมถอนมีดที่ปักอกออก

แผลค่อยๆสมานอย่างช้าๆ ผมรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เสียดแทง ผมสวมเกราะหนังไว้ เลยยังพอทนไหว

 

“ฟ……ฟลัว……ฟลัว…….”

ฟาเบียนพึมพัมชื่อสาวกิลด์คนนั้นแม้กระทั่งวาระสุดท้าย

 

เสียงนั่นหยุดพูดไปหลัง 10 นาที พอผมเข้าไปใกล้ เพื่อยืนยันว่า เขาหมดลมหายใจแล้วจริงๆ

 

ุสุดท้ายแล้ว คำพูดสุดท้ายก็เป็นชื่อของสาวคนนั้น 

คลิ้นช์* ฉิบหายเลย ไอ้หมอนี่

 

 

*Cliché – ซ้ำซาก โบราณคร่ำครึ เป็นไปตามขนบ

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+