Dungeon Defense (WN) 224 คำทำนายของแม่มด (3)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 224 คำทำนายของแม่มด (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

บาร์บาทอสยังคงก้มหัวลงแล้วเงียบไปสักพักหนึ่ง

 

ผมเฝ้ารออย่างอดทน ผมพูดทุกอย่างที่สมควรพูดไปแล้ว และผมก็ได้เสร็จสิ้นการโน้มน้าวเธอเรียบร้อย การพูดอะไรที่มากไปกว่านี้รังแต่จะทำลายสิ่งที่ต้องการไปเปล่าๆ

 

ผมได้แต่เฝ้ารอให้บาร์บาทอสคิดโดยเอาอารมณ์ออกไป เธอค่อยๆเปิดปากขึ้นพูด

 

 

“แกทำแบบนั้นโดยไม่ได้มีเหตุผลอื่นแล้วใช่ไหม?”

 

“หากข้าทำป่านนี้ ข้าคงจะทำอย่างนั้นกับไพมอนไปเรียบร้อยแล้ว ข้าอดทนข่มกลั้นการยั่วยวนของราชินีซัคคิวบัส ไม่มีการพิสูจน์ใดดีไปกว่านี้อีกแล้ว”

 

อันที่จริงผมหลีกเลี่ยงก็เพราะผมกลัวผลที่ตามมาต่างหากล่ะ แต่ผมไม่บอกเรื่องนั้นหรอก

 

“……ข้าน่ะยอดเยี่ยมที่สุดจริงเหรอ?”

 

“ก็อย่างที่เธอรู้นั่นแหละ ข้าไม่ได้จงรักภักดีต่อฝ่ายที่ราบเต็มตัวหรอก บาร์บาทอส 

ข้าเคารพนายพลเซปาร์และชอบพี่ชายเบเลธ ก็จริงแต่ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะอุทิศกายให้กับอุดมการณ์ของฝ่ายที่ราบ”

 

ผมลูบไล้เปียผมด้านข้างของบาร์บาทอสขณะพูด

 

 

“หรือว่าง่ายๆ ข้าคือเพื่อนของเธอโดยไม่สนว่าจะฝักใฝ่ฝ่ายไหน ข้าไม่สนด้วยซ้ำว่า เธอน่ะจะเป็นหัวหน้าฝ่ายที่ราบหรือจอมมารระดับสูงนะ บาร์บาทอส 

ข้าอยู่ที่นี่ในฐานะเพื่อนของเธอ”

 

“แต่มันมีโอกาสที่…….”

บาร์บาทอสมองมาที่ผม

“หากแกไปอยู่ฝ่ายไพมอน ข้าจะฆ่าแกทิ้งซะ”

 

“ข้าก็พูดแล้วพูดไม่ใช่หรือว่า เธอน่ะเป็นที่หนึ่งของข้า แต่ก็ยังคงทำตัวอย่างนี้อีกเหรือ ฝ่าบาท”

 

ผมหัวเราะพลางมอบจุมพิตให้กับบาร์บาทอส ผมไม่ได้จูบที่ริมฝีปากของเธอ ผมมอบความเคารพด้วยการจูบไปที่ปลายเท้าขณะที่เธอยังนั่งอยู่บนบัลลังค์

หากผมจูบปากเธอ มีโอกาสสูงมากที่บาร์บาทอสจะปฏิเสธเพราะอารมณ์ไม่ดี

 

นั่นเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมผมถึงทำตัวให้ต่ำต้อยที่สูงและสัมผัสกับร่างกายของเด็กสาวด้วยความเคารพราวกับเป็นข้าที่รับใช้นายตน

ไล่ขึ้นไปสู่หน้าแข้ง สู่เข่า สู่น่องของเธอ……ข้ามต่อไปยังท้อง หน้าอก และต้นคอ

ผมบรรจงจูบอย่างระวังไปที่ริมฝีปาก ราวกับเคาะประตู

 

 

 

“ฮืมอืมมม……อืมม”

แล้วประตูที่ว่าก็ยอมเปิดออกโดยง่าย

 

เราสองคนนั้นมีปกติเป็นการร่วมรักกันอย่างรุนแรงสุดเหวี่ยง ผมพูดไม่ได้หรอกว่า ที่รุนแรงนั้นเพราะพวกเราชอบแบบนั้น

 

เหตุผลมันอาจจะง่ายๆก็แค่พวกเราเริ่มคุ้นชินการกระทำที่บดร่างใส่กันและกัน และการกระทำอย่างเช่น ลงแส้ ทรมาน และเล่นบทบาทเจ้านายกับทาส

 

แต่ก็เพราะแบบนั้นไม่ใช่รึ? บาร์บาทอสถึงได้ชอบมากเวลาที่บางครั้งผมปฏิบัติกับเธอเหมือนดั่งคู่รักธรรมดาๆ

 

อย่างที่คนเขาบอกกันนั่นแหละ คุณจะดื่มโซดารสซ่าอย่างเดียวไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก

 

“……แกนี่มัน ไอ้ลูกกะหรี่จริงๆ”

หลังจากพวกเราจูบกัน บาร์บาทอสก็มองหน้าผมด้วยดวงตาที่ฉ่ำชื้น น้ำเสียงแหลมคมนั้นหายไปหมดแล้ว ผมจึงยิ้มหวานให้เธอ

 

“แล้วเธอไม่อยากโดนตั้มเป็นหมาตัวเมียติดสัดจากไอ้ระยำที่ต่ำเหมือนหมาอย่างนั้นเหรอ?”

 

“…….”

 

นั่นเป็นประโยคที่บาร์บาทอสเคยพูดกับผมตอนที่ยั่วยวนผมครั้งแรก ไม่มีทางหรอกที่เธอจะลืมมัน  บาร์บาทอสเปิดปากออกด้วยความรำคาญ 

แต่ก่อนที่เธอจะได้บ่นอะไรออกมา ผมก็ชิงเดินเกม อุดปากเธอด้วยริมฝีปากตัวเองก่อน ถ้อยคำรุนแรงของเธอกลับกลายเป็นเสียงครางแทน

 

 

“อุบ, ฮ่าาา……อืมม”

 

“บาร์บาทอส”

ผมถอยตัวกลับไปขณะพูด

 

“เธอบอกว่า ข้ากลายเป็นไอ้โรคจิตหลังจากที่เราไม่ได้เจอกันสินะ?

นั่นจริงเลยล่ะ เร็วๆนี้ข้าเพิ่งมาพบว่า ตัวเองเป็นไอ้หนุ่มโรคจิตคนหนึ่ง เฮอะ ช่างเป็นการค้นพบที่ชวนประหลาดใจเสียจริง”

 

“……แกเป็นไอ้ระยำโรคจิตมาตลอดอยู่แล้ว”

“โอ้ ? ถ้าอย่างนั้นเธอก็มาเป็น คู่ขาทั้งที่รู้ว่า ข้าเป็นไอ้โรคจิตน่ะสิ”

 

บาร์บาทอสดูเหมือนอยากจะสบถด่าผมอะไรสักเล็กน้อยออกมาก่อนจะเลี่ยงไปเรียกชื่อผมแทน

นับเป็นโชคไม่ดีเลยนะ นี่มันความผิดพลาดแท้ๆเลย 

โอ้ จอมมารผู้เป็นอมตะเอ๋ย

 

“บาร์บาทอส ที่น่าประหลาดใจคือ เธอเองก็มีด้านที่เป็นมาโซคิสม์เหมือนกัน”

 

“หาาา?”

 

“ปกติแล้วเธอชอบทำตัวเป็นเจ้านาย แต่เธอเองก็มีความสุขเหมือนกันเวลาสลับบทบาท”

 

ผมเปิดหน้าต่างระบบขึ้นมาแล้วซื้อมอนสเตอร์มาตัวหนึ่ง

มันคือ สไลม์ทรมาน

สไลม์โปร่งใสที่ผมเคยใช้กับเดซี่ บาร์บาทอสขมวดคิ้วขณะที่เห็นมัน เธอมองผมด้วยความไม่สบายใจ

 

“อะไรวะ……นี่จะแกจะทำอะไรกับเจ้านั่น?”

 

“ข้าแน่ใจว่าเธอน่ะรู้ดีอยู่แล้ว แต่สไลม์น่ะมีความสามารถในการแบ่งประสาทสัมผัสด้วยนะ”

ผมยื่นหน้าไปใกล้ๆบาร์บาทอสแล้วกระซิบ

 

“แล้วข้าก็กำลังจะเอามันใส่เข้าไปข้างในของเธอ”

 

“…….”

 

“ข้าวางแผนจะตัดมันเป็นสองส่วน เก็บครึ่งหนึ่งไว้กับข้า ข้าจะเก็บมันไว้ในกระเป๋าตลอดเวลา และเมื่อใดที่ข้าไปไหนกับเธอ ข้าก็จะลูบถูมันจากในกระเป๋า คิดว่ายังไง? ไม่คิดว่าเป็นไอเดียที่ดีหรอกหรือ?”

 

ริมฝีปากบาร์บาทอสนั้นบิดเบี้ยว การแสดงสีหน้าของเธอนั้นแปลกไป

 

“ไอเดียที่ดี……? แกมันบ้าไอแล้ว ไอ้ห่า กล้าดียังไง มาขอข้าเรื่องนั้นที่เป็น……จอมมารลำดับ 8 …….”

 

 

“เธอคงต้องลำบากแน่ๆตอนจัดการทุกอย่างในฮับบวร์ก ถูกไหม? 

แถมตอนนี้เรายังอยู่ในบ้านของข้าด้วย ต่อจากนี้เราก็ควรไปเนฟเฮมด้วยกัน 

จะไปคาสิโน ผลาญเงินกับซ่องหรูๆก็ยังได้จริงไหม?

แถมช่วงนี้ข้าทำเงินได้เยอะแล้วด้วย เราก็ควรจะมีเวลาสบายๆกันบ้าง”

 

ผมหั่นสไลม์แล้วสอดบางส่วนของมันเข้าไปในร่างของบาร์บาทอส สไลม์หยึกหยึยเหมือนหนอนแก้วมุดเข้าไป ผมยังคงกระซิบกับบาร์บาทอสขณะที่รอยยิ้มยังปรากฏบนปาก

 

 

“แล้วข้าก็จะแตะมันขณะที่พวกเราอยู่ท่ามกลางสายตาของปีศาจตัวอื่นๆ สไลม์ในกระเป๋าของข้า

หนักหน่วง รุนแรงบ้าง จนกระทั่งถึงจุดที่เธอทนมันไม่ไหว…….จอมมารลำดับ 8 นั้นจะได้ถึงจุดสุดยอดต่อหน้าปีศาจนับไม่ถ้วนเลยล่ะ”

 

“แกบ้าไปแล้วรึไง……?”

 

บาร์บาทอสกลับมีสีหน้าบิดเบี้ยวแปลกๆ━

 

“นี่แกคิดว่า ข้าจะยอมให้เธอทำแบบนั้นรึไงกัน……?”

 

เธอยิ้มออกมาด้วยความยินดีอย่างไม่อาจควบคุมได้

เธอนั้นพยายามปั้นหน้า แต่ความคิดที่นำไปสู่ความพึงพอใจนั้นกลับแสดงออกมาผ่านการสั่นระริกของปาก

 

ความมั่นใจดื้อรั้นของทรราชที่เคยมีกลับหายไปหมดสิ้น

 

มีแต่เพียงการอยากรักษาหน้าตนเท่านั้นที่ทำให้บาร์บาทอสลุกขึ้นอย่างยากลำบาก

ผมมองเธอด้วยแววตาที่เย็นชา

นั่นเป็นสัญญาระหว่างเราว่า บทบาทของเรานั้นสลับกันแล้ว

 

“แกควรจะรู้จักพูดให้เหมาะสม ถึงปากแกจะเบี้ยวอยู่ก็เหอะ

นี่แกไม่ฟังคำสั่งของข้ารึไง,นังหมูสกปรก

ข้ากำลังสั่งเจ้าอยู่ หากแกเป็นส้วมเนื้อก็หัดพูดให้มันสมฐานะ”

 

“…… …….”

การแสดงอารมณ์ของบาร์บาทอสพังทลายลง

หลังจากนั้นบาร์บาทอสก็ไม่ได้รับอนุญาตให้พูดแบบมนุษย์ไปอีก 6 ชั่วโมง

ผมได้แสดงให้เธอเห็นว่า เธอควรจะร้องอู๊ดๆเหมือนหมู

 

 

นั่นเป็นการเอาคืนที่มาทำผมเป็นทาสต่อหน้าเดซี่ ผมจะให้อีกฝ่ายชดใช้คืนเสมอเพราะบุคลิกนิสัยที่ซื่อตรงอย่างไม่น่าเชื่อของผม

 

 

 

* * *

 

 

“การประชุม?”

 

ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่า เธอไม่ได้มาที่นี่เพราะอยากหนีปัญหาตัวเอง เธอมีธุระกับผมด้วยเช่นกัน มีการประชุมที่จัดขึ้นระหว่างจอมมารด้วยกัน

 

เป้าหมายเดิมข้า คือ การบอกเรื่องนี้กับแก

นั่นคือ สิ่งที่บาร์บาทอสบอกกับผม

 

“โฮ่……. กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรามาถึงจุดนี้แล้วสินะ จุดที่ทุกคนจะต้องแบ่งชื่อเสียงกัน”

 

บาร์บาทอสควักไปป์ออกมา ดูเหนื่อยๆล้าๆ ไม่แปลกใจนักเพราะเราทำกันทุกมุมถ้ำกันมาหลายชั่วโมง

 

ผมนวดถูเจ้าสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าของผมขณะที่เดินไปด้วยกันกับเธอ

บาร์บาทอสพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ถึงจุดออกมาขณะที่เฝ้าดูก็อบลินทำงาน

 

แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวอยู่ดี แตกไปราว 50 รอบ

 

 

ผมรู้ดีจึงสั่งให้เธอบอกผมทุกครั้งที่เธอถึงจุดสุดยอด

บาร์บาทอสเกือบสลบไป เธอล้มลงกองกับพื้นถ้ำด้วยดวงตาที่เลื่อนลอยและบ่นพึมถึม
‘ห้าสิบ – หก……ห้าสิบ-หกครั้ง……ห้าสิบ-หก ครั้ง…….’

 

เพิ่มเติมว่า มีสกิลแปลกๆเลเวลอัพขึ้นมาด้วย

 

「การฝึกฝนของคุณ (Lv. 2) เพิ่มระดับขึ้น!」

 

 

ผมสงสัยจึงรีบเช็คสเตตัสว่ามันคืออะไรกัน

 

ผมได้รับอบิลิตี้ใหม่นี้หลังจากเอาเดซี่มาเป็นทาส 

 ‘ยิ่งระดับการฝึกฝนของคุณมากเทาไหร่ การฝึกฝนทาสก็ยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น’

 

มันแสดงผลคำอธิบายออกมาบนหน้าต่างได้ดีเลยล่ะ หากมีเวลาผมก็ควรจะทดลองความสามารถนี้กับเดซี่ดูบ้าง

 

“แบ่งชื่อเสียง เกียรติยศอย่างนั้นรึ เอ่? ……ไม่ใช่ว่า บาอัลเป็นผู้ปกครองของพวกเราหรืออะไรสักอย่างหรอกรึ แล้วทำไมพวกเราต้องไปเข้าร่วมอะไรแบบนั้นด้วยล่ะ?”

 

“แกเข้าใจเรื่องนั้นถูกแล้วล่ะ มันก็แค่ เรียกว่า แบ่งปันชื่อเสียงแค่เปลือกเท่านั้น มันมีอะไรที่สำคัญกว่านั้นอยู่”

 

บาร์บาทอสพูดต่อ

“ข้าขอให้ตาแก่บาอัลเป็นผู้ไกล่เกลี่ยให้น่ะ”

 

สิ่งที่เธอพูดถึงก็คือ  ฮับบวร์กตอนนี้แบ่งออกมาเป็นสามก๊กสามเหล่าจอมมารที่ขัดแย้งกันอยู่……. 

มันเป็นการต่อสู้กันระหว่างฝ่าย บาร์บาทอส,อกาเรสและการ์มิกิน ที่เริ่มตึงเครียดต่อกันแทบทุกวัน

ตามปรกติแล้ว จอมมารมาร์บาสจากฝ่ายเป็นกลางจะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยให้แต่คราวนี้ มันเป็นการทะเลาะกันที่เกินมือของมาร์บาสที่จะจัดการได้

อกาเรสเป็นจอมมารลำดับ 2 ส่วน กามิกินเป็นจอมมารลำดับ 4 ไม่มีอะไรรับรองได้ว่า สองคนนั้นจะเชื่อฟังสิ่งที่ มาร์บาส จอมมารลำดับ 5 พูด

 

นั่นเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมบาร์บาทอสจึงขอให้บาอัลที่มีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพจอมมารมาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยให้

 

 

“แต่ตาแก่บาอัลจะไม่หาทางออกให้หรอก ไม่มีวัน”

 

จอมมารบาอัลนั้นสนับสนุนนโยบายการไม่เข้าแทรกแซง (Laissez-faire)

เขาจะมาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยเมื่อใดก็ตามที่เห็นว่า เป็นปัญหา จึงต้องการให้ทั้งสองฝ่ายจัดการปัญหาด้วยตัวเอง

 

บาร์บาทอสจึงมาหาผม เพราะอยากจะได้เปรียบขณะที่เจรจาต่อรองกัน

 

“ทักษะการพูดของแกเนี่ย ต่อให้แกจมน้ำอยู่แกก็พูดจนลอยตัวขึ้นมาได้เลยล่ะ ดังนั้นช่วยข้าที”

 

“……เฮ้ เฮ้ นี่เธอบ้าไปแล้วเรอะ?  นี่กำลังบอกให้ข้าไปสู้กับอกาเรสกับกามิกินเนี่ยนะ?”

ผมถึงกับสะดุ้งด้วยความผวา

 

“แล้วเธอจะทำยังไงล่ะ หากเจ้าพวกนั้นมันคิดแค้นข้าขึ้นมา?”

 

“ก็เคยบอกไม่ใช่เหรอ ว่ากามิกินน่ะชอบแก? ลองเอาหำไปเจรจากับนางดูสิ อาจจะได้ก็ได้นะ”

 

“ได้ก็เหี้ยแล้ว!”

 

ผมเคยเจอกามิกันแค่ครั้งเดียวตอนสงครามพันธมิตร แต่แค่นั้นก็พอที่จะรู้นิสัย

กามิกินน่ะเป็นคนที่พร้อมจะลอบฆ่าอีกฝ่ายอย่างไร้ความลังเล หากนั่นทำให้เธอสามารถกำจัดศัตรูทางการเมืองของเธอได้

ผมยังแอบสงสัยอยู่เลยว่า เธอจะมาอยู่ฝ่ายเราด้วยอารมณ์ส่วนตัวอย่างพวกว่า น่าสนใจ หรือเปล่า

ส่วนอกาเรสนั้นผมไม่รู้เลย เพราะไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์ใดๆกับเธอมาก่อน

 

 

“อืมม ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์กับข้าเลย ที่ข้าจะต้องเข้าไปยุ่งในฐานะตัวแทนการเจรจา”

 

“……แม้แต่ข้าก็โน้มน้าวแกไม่ได้เหรอ?”

บาร์บาทอสลอบมองผม

 

การเล่นโรลเพลย์เจ้านายกับทาสจบไปสักพักหนึ่งแล้วแต่ถึงอย่างนั้นบาร์บาทอสยังคงทำตัวต้อยต่ำอย่างน่าประหลาดใจ นี่ก็หมายความว่า บาร์บาทอสตระหนักดีว่า การเข้าร่วมในฐานะนักเจรจาครั้งนี้ ผมไม่ได้อะไรเลยจริงๆ

 

ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงต้องการผมไปด้วย

 

หากแกฟังคำขอร้องขอข้านะ ข้าจะให้ทุกอย่างเป็นการตอบแทนเลย ข้าจะทำทุกอย่างให้แกเลยนะ

 

บาร์บาทอสคงอยากจะบอกประมาณนี้ แต่คงไม่สามารถมอบทุกอย่างให้ผมได้จริงๆหรอก

จะอย่างนั้นก็เหอะ……บาร์บาทอสเองก็ไม่ได้เอาเรื่อง กำไรขาดทุนมาอยู่เหนือความสัมพันธ์ฉันท์มิตรของพวกเรา

 

“…….”

ผมตั้งใจคิดเต็มที่

 

บาร์บาทอสนั้นไม่เคยร้องขออะไรจากผมแบบนี้มาก่อน ความสัมพันธ์ระหว่างเราน่ะแห้งแล้งมาก พวกเราน่ะไม่ใช่ทั้งเพื่อนหรือคนรักกัน

อยากหลับนอนเมื่อไหร่ก็ทำ พวกเราใช้เวลาด้วยกันคล้ายเพื่อน

ถึงอย่างนั้นก็ใช้คำว่า คนรักกับเพื่อนไม่ได้อยู่ดี แถมยังโอเคด้วย ถ้าหากความสัมพันธ์ระหว่างเรามันจะแห้งแล้งต่อกันแบบนั้น

 

ผมจึงได้ข้อสรุปขึ้นมา

‘อ้อ ผมเข้าใจแล้ว’

มันเป็นการแลกเปลี่ยนกันนี่เอง

 

บาร์บาทอสกำลังให้สัญญาณกับผมว่า โอเคแม้ผมจะหลับนอนกับไพมอนและคนอื่นๆ โดยเธอจะไม่ถือเรื่องนั้นเป็นอารมณ์

 

‘ข้าอนุญาตให้แกทำเรื่องนั้นเท่าไหร่ก็ได้ แต่แกต้องทำเรื่องนี้ให้ข้าด้วย’

นี่แหละที่บาร์บาทอสจะสื่อกับผม

 

 

เหตุผลที่เธอไม่อธิบายออกมาชัดๆก็เพราะความจริงเรื่องที่นั่นก็เพราะมันเห็นกันชัดๆอยู่แล้วถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรา

ความสัมพันธ์ของพวกเราที่แทบจะต่ำติดตม ทันทีที่มาพัวพันเกี่ยวข้องกันน่ะ…….

 

(TTL : ไม่ใช่ว่า บาร์บาทอสอยากออดอ้อนพรี่ แบบฟีลแฟนเหรอครับ? ทำไมมันไหลไปทรงนั้นได้วะครับ! )

 

 

“ฮ่าชชช์”

เธอถอนใจออกมา ท่าทางนั้นของเธอก็น่ารักดี ถึงจะดื้อด้านไปหน่อยก็เถอะ

 

“บาร์บาทอส เธอได้เอานิ้วข้ามาด้วยหรือเปล่า?”

 

“หือ? อือ เอามา”

บาร์บาทอสพยักหน้าแล้วหยิบผ้าผืนเล็กออกมาจากกระเป๋า

นิ้วมือของผมสองนิ้วห่ออยู่ในผ้าผืนนั้น

มันเป็นสองนิ้วที่ผมตั้งใจตัดเพื่อช่วยชีวิตลาพิส เธอคงตั้งใจจะเอามาด้วยเพื่อต่อคืนให้ผม

ผมจึงพูดขึ้นมาว่า

 

“เอาพวกนั้นไปทำเป็นสร้อยคอ แล้วเก็บไว้กับเธอ”

บาร์บาทอสทำตาปริบๆ

 

“อะไรนะ?”

 

“ข้าสัญญากับเธอแล้วไม่ใช่เหรอ? เธอจะเป็นที่หนึ่งเสมอถึงข้าจะไปหลับนอนกับไพมอน นี่อาจไม่ใช่หลักฐานยืนยันที่ดี แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนอย่างหนึ่งเลยล่ะ

ไปให้ไพมอนเห็น ตอนเจอกันคราวหน้าก็แล้วกัน แล้วบอกนางด้วยว่า นี่เป็นของขวัญที่ข้ามอบให้”

 

แกอาจได้หลับนอนกับดันทาเลี่ยน แต่เขาให้ส่วนหนึ่งของร่างกายของเขากับข้าว่ะ

ความสัมพันธ์ที่ข้ากับเขามีต่อกัน มันลึกซึ้งกว่าที่มีต่อแกเยอะ…….

 

ไม่มีอะไรจะทรงประสิทธิภาพมากไปกว่านี้อีกแล้ว

ผมกำลังจะเสนอสองนิ้วของผมให้เป็นของแทนความเชื่อใจที่มีต่อเธอ

 

“……ก็ได้ ข้าเข้าใจ”

บาร์บาทอสบ่นพึมพัมชั่วครู่ด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย 

เธอกุมผ้าผืนเล็กสีขาวนั้นไว้แน่น ผมไม่ต้องการให้เธอยืนยันหรอกไอ้ที่บอกว่า เข้าใจน่ะเข้าใจอะไร

 

บาร์บาทอสเอนตัวหาผมโดยไม่พูดอะไร ผมยิ้มให้แล้วลูบผมเธอเบาๆ

 

เราสองคนน่ะมันเป็นไอ้เด็กที่น่ารังเกียจด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 224 คำทำนายของแม่มด (3)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 224 คำทำนายของแม่มด (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

บาร์บาทอสยังคงก้มหัวลงแล้วเงียบไปสักพักหนึ่ง

 

ผมเฝ้ารออย่างอดทน ผมพูดทุกอย่างที่สมควรพูดไปแล้ว และผมก็ได้เสร็จสิ้นการโน้มน้าวเธอเรียบร้อย การพูดอะไรที่มากไปกว่านี้รังแต่จะทำลายสิ่งที่ต้องการไปเปล่าๆ

 

ผมได้แต่เฝ้ารอให้บาร์บาทอสคิดโดยเอาอารมณ์ออกไป เธอค่อยๆเปิดปากขึ้นพูด

 

 

“แกทำแบบนั้นโดยไม่ได้มีเหตุผลอื่นแล้วใช่ไหม?”

 

“หากข้าทำป่านนี้ ข้าคงจะทำอย่างนั้นกับไพมอนไปเรียบร้อยแล้ว ข้าอดทนข่มกลั้นการยั่วยวนของราชินีซัคคิวบัส ไม่มีการพิสูจน์ใดดีไปกว่านี้อีกแล้ว”

 

อันที่จริงผมหลีกเลี่ยงก็เพราะผมกลัวผลที่ตามมาต่างหากล่ะ แต่ผมไม่บอกเรื่องนั้นหรอก

 

“……ข้าน่ะยอดเยี่ยมที่สุดจริงเหรอ?”

 

“ก็อย่างที่เธอรู้นั่นแหละ ข้าไม่ได้จงรักภักดีต่อฝ่ายที่ราบเต็มตัวหรอก บาร์บาทอส 

ข้าเคารพนายพลเซปาร์และชอบพี่ชายเบเลธ ก็จริงแต่ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะอุทิศกายให้กับอุดมการณ์ของฝ่ายที่ราบ”

 

ผมลูบไล้เปียผมด้านข้างของบาร์บาทอสขณะพูด

 

 

“หรือว่าง่ายๆ ข้าคือเพื่อนของเธอโดยไม่สนว่าจะฝักใฝ่ฝ่ายไหน ข้าไม่สนด้วยซ้ำว่า เธอน่ะจะเป็นหัวหน้าฝ่ายที่ราบหรือจอมมารระดับสูงนะ บาร์บาทอส 

ข้าอยู่ที่นี่ในฐานะเพื่อนของเธอ”

 

“แต่มันมีโอกาสที่…….”

บาร์บาทอสมองมาที่ผม

“หากแกไปอยู่ฝ่ายไพมอน ข้าจะฆ่าแกทิ้งซะ”

 

“ข้าก็พูดแล้วพูดไม่ใช่หรือว่า เธอน่ะเป็นที่หนึ่งของข้า แต่ก็ยังคงทำตัวอย่างนี้อีกเหรือ ฝ่าบาท”

 

ผมหัวเราะพลางมอบจุมพิตให้กับบาร์บาทอส ผมไม่ได้จูบที่ริมฝีปากของเธอ ผมมอบความเคารพด้วยการจูบไปที่ปลายเท้าขณะที่เธอยังนั่งอยู่บนบัลลังค์

หากผมจูบปากเธอ มีโอกาสสูงมากที่บาร์บาทอสจะปฏิเสธเพราะอารมณ์ไม่ดี

 

นั่นเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมผมถึงทำตัวให้ต่ำต้อยที่สูงและสัมผัสกับร่างกายของเด็กสาวด้วยความเคารพราวกับเป็นข้าที่รับใช้นายตน

ไล่ขึ้นไปสู่หน้าแข้ง สู่เข่า สู่น่องของเธอ……ข้ามต่อไปยังท้อง หน้าอก และต้นคอ

ผมบรรจงจูบอย่างระวังไปที่ริมฝีปาก ราวกับเคาะประตู

 

 

 

“ฮืมอืมมม……อืมม”

แล้วประตูที่ว่าก็ยอมเปิดออกโดยง่าย

 

เราสองคนนั้นมีปกติเป็นการร่วมรักกันอย่างรุนแรงสุดเหวี่ยง ผมพูดไม่ได้หรอกว่า ที่รุนแรงนั้นเพราะพวกเราชอบแบบนั้น

 

เหตุผลมันอาจจะง่ายๆก็แค่พวกเราเริ่มคุ้นชินการกระทำที่บดร่างใส่กันและกัน และการกระทำอย่างเช่น ลงแส้ ทรมาน และเล่นบทบาทเจ้านายกับทาส

 

แต่ก็เพราะแบบนั้นไม่ใช่รึ? บาร์บาทอสถึงได้ชอบมากเวลาที่บางครั้งผมปฏิบัติกับเธอเหมือนดั่งคู่รักธรรมดาๆ

 

อย่างที่คนเขาบอกกันนั่นแหละ คุณจะดื่มโซดารสซ่าอย่างเดียวไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก

 

“……แกนี่มัน ไอ้ลูกกะหรี่จริงๆ”

หลังจากพวกเราจูบกัน บาร์บาทอสก็มองหน้าผมด้วยดวงตาที่ฉ่ำชื้น น้ำเสียงแหลมคมนั้นหายไปหมดแล้ว ผมจึงยิ้มหวานให้เธอ

 

“แล้วเธอไม่อยากโดนตั้มเป็นหมาตัวเมียติดสัดจากไอ้ระยำที่ต่ำเหมือนหมาอย่างนั้นเหรอ?”

 

“…….”

 

นั่นเป็นประโยคที่บาร์บาทอสเคยพูดกับผมตอนที่ยั่วยวนผมครั้งแรก ไม่มีทางหรอกที่เธอจะลืมมัน  บาร์บาทอสเปิดปากออกด้วยความรำคาญ 

แต่ก่อนที่เธอจะได้บ่นอะไรออกมา ผมก็ชิงเดินเกม อุดปากเธอด้วยริมฝีปากตัวเองก่อน ถ้อยคำรุนแรงของเธอกลับกลายเป็นเสียงครางแทน

 

 

“อุบ, ฮ่าาา……อืมม”

 

“บาร์บาทอส”

ผมถอยตัวกลับไปขณะพูด

 

“เธอบอกว่า ข้ากลายเป็นไอ้โรคจิตหลังจากที่เราไม่ได้เจอกันสินะ?

นั่นจริงเลยล่ะ เร็วๆนี้ข้าเพิ่งมาพบว่า ตัวเองเป็นไอ้หนุ่มโรคจิตคนหนึ่ง เฮอะ ช่างเป็นการค้นพบที่ชวนประหลาดใจเสียจริง”

 

“……แกเป็นไอ้ระยำโรคจิตมาตลอดอยู่แล้ว”

“โอ้ ? ถ้าอย่างนั้นเธอก็มาเป็น คู่ขาทั้งที่รู้ว่า ข้าเป็นไอ้โรคจิตน่ะสิ”

 

บาร์บาทอสดูเหมือนอยากจะสบถด่าผมอะไรสักเล็กน้อยออกมาก่อนจะเลี่ยงไปเรียกชื่อผมแทน

นับเป็นโชคไม่ดีเลยนะ นี่มันความผิดพลาดแท้ๆเลย 

โอ้ จอมมารผู้เป็นอมตะเอ๋ย

 

“บาร์บาทอส ที่น่าประหลาดใจคือ เธอเองก็มีด้านที่เป็นมาโซคิสม์เหมือนกัน”

 

“หาาา?”

 

“ปกติแล้วเธอชอบทำตัวเป็นเจ้านาย แต่เธอเองก็มีความสุขเหมือนกันเวลาสลับบทบาท”

 

ผมเปิดหน้าต่างระบบขึ้นมาแล้วซื้อมอนสเตอร์มาตัวหนึ่ง

มันคือ สไลม์ทรมาน

สไลม์โปร่งใสที่ผมเคยใช้กับเดซี่ บาร์บาทอสขมวดคิ้วขณะที่เห็นมัน เธอมองผมด้วยความไม่สบายใจ

 

“อะไรวะ……นี่จะแกจะทำอะไรกับเจ้านั่น?”

 

“ข้าแน่ใจว่าเธอน่ะรู้ดีอยู่แล้ว แต่สไลม์น่ะมีความสามารถในการแบ่งประสาทสัมผัสด้วยนะ”

ผมยื่นหน้าไปใกล้ๆบาร์บาทอสแล้วกระซิบ

 

“แล้วข้าก็กำลังจะเอามันใส่เข้าไปข้างในของเธอ”

 

“…….”

 

“ข้าวางแผนจะตัดมันเป็นสองส่วน เก็บครึ่งหนึ่งไว้กับข้า ข้าจะเก็บมันไว้ในกระเป๋าตลอดเวลา และเมื่อใดที่ข้าไปไหนกับเธอ ข้าก็จะลูบถูมันจากในกระเป๋า คิดว่ายังไง? ไม่คิดว่าเป็นไอเดียที่ดีหรอกหรือ?”

 

ริมฝีปากบาร์บาทอสนั้นบิดเบี้ยว การแสดงสีหน้าของเธอนั้นแปลกไป

 

“ไอเดียที่ดี……? แกมันบ้าไอแล้ว ไอ้ห่า กล้าดียังไง มาขอข้าเรื่องนั้นที่เป็น……จอมมารลำดับ 8 …….”

 

 

“เธอคงต้องลำบากแน่ๆตอนจัดการทุกอย่างในฮับบวร์ก ถูกไหม? 

แถมตอนนี้เรายังอยู่ในบ้านของข้าด้วย ต่อจากนี้เราก็ควรไปเนฟเฮมด้วยกัน 

จะไปคาสิโน ผลาญเงินกับซ่องหรูๆก็ยังได้จริงไหม?

แถมช่วงนี้ข้าทำเงินได้เยอะแล้วด้วย เราก็ควรจะมีเวลาสบายๆกันบ้าง”

 

ผมหั่นสไลม์แล้วสอดบางส่วนของมันเข้าไปในร่างของบาร์บาทอส สไลม์หยึกหยึยเหมือนหนอนแก้วมุดเข้าไป ผมยังคงกระซิบกับบาร์บาทอสขณะที่รอยยิ้มยังปรากฏบนปาก

 

 

“แล้วข้าก็จะแตะมันขณะที่พวกเราอยู่ท่ามกลางสายตาของปีศาจตัวอื่นๆ สไลม์ในกระเป๋าของข้า

หนักหน่วง รุนแรงบ้าง จนกระทั่งถึงจุดที่เธอทนมันไม่ไหว…….จอมมารลำดับ 8 นั้นจะได้ถึงจุดสุดยอดต่อหน้าปีศาจนับไม่ถ้วนเลยล่ะ”

 

“แกบ้าไปแล้วรึไง……?”

 

บาร์บาทอสกลับมีสีหน้าบิดเบี้ยวแปลกๆ━

 

“นี่แกคิดว่า ข้าจะยอมให้เธอทำแบบนั้นรึไงกัน……?”

 

เธอยิ้มออกมาด้วยความยินดีอย่างไม่อาจควบคุมได้

เธอนั้นพยายามปั้นหน้า แต่ความคิดที่นำไปสู่ความพึงพอใจนั้นกลับแสดงออกมาผ่านการสั่นระริกของปาก

 

ความมั่นใจดื้อรั้นของทรราชที่เคยมีกลับหายไปหมดสิ้น

 

มีแต่เพียงการอยากรักษาหน้าตนเท่านั้นที่ทำให้บาร์บาทอสลุกขึ้นอย่างยากลำบาก

ผมมองเธอด้วยแววตาที่เย็นชา

นั่นเป็นสัญญาระหว่างเราว่า บทบาทของเรานั้นสลับกันแล้ว

 

“แกควรจะรู้จักพูดให้เหมาะสม ถึงปากแกจะเบี้ยวอยู่ก็เหอะ

นี่แกไม่ฟังคำสั่งของข้ารึไง,นังหมูสกปรก

ข้ากำลังสั่งเจ้าอยู่ หากแกเป็นส้วมเนื้อก็หัดพูดให้มันสมฐานะ”

 

“…… …….”

การแสดงอารมณ์ของบาร์บาทอสพังทลายลง

หลังจากนั้นบาร์บาทอสก็ไม่ได้รับอนุญาตให้พูดแบบมนุษย์ไปอีก 6 ชั่วโมง

ผมได้แสดงให้เธอเห็นว่า เธอควรจะร้องอู๊ดๆเหมือนหมู

 

 

นั่นเป็นการเอาคืนที่มาทำผมเป็นทาสต่อหน้าเดซี่ ผมจะให้อีกฝ่ายชดใช้คืนเสมอเพราะบุคลิกนิสัยที่ซื่อตรงอย่างไม่น่าเชื่อของผม

 

 

 

* * *

 

 

“การประชุม?”

 

ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่า เธอไม่ได้มาที่นี่เพราะอยากหนีปัญหาตัวเอง เธอมีธุระกับผมด้วยเช่นกัน มีการประชุมที่จัดขึ้นระหว่างจอมมารด้วยกัน

 

เป้าหมายเดิมข้า คือ การบอกเรื่องนี้กับแก

นั่นคือ สิ่งที่บาร์บาทอสบอกกับผม

 

“โฮ่……. กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรามาถึงจุดนี้แล้วสินะ จุดที่ทุกคนจะต้องแบ่งชื่อเสียงกัน”

 

บาร์บาทอสควักไปป์ออกมา ดูเหนื่อยๆล้าๆ ไม่แปลกใจนักเพราะเราทำกันทุกมุมถ้ำกันมาหลายชั่วโมง

 

ผมนวดถูเจ้าสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าของผมขณะที่เดินไปด้วยกันกับเธอ

บาร์บาทอสพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ถึงจุดออกมาขณะที่เฝ้าดูก็อบลินทำงาน

 

แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวอยู่ดี แตกไปราว 50 รอบ

 

 

ผมรู้ดีจึงสั่งให้เธอบอกผมทุกครั้งที่เธอถึงจุดสุดยอด

บาร์บาทอสเกือบสลบไป เธอล้มลงกองกับพื้นถ้ำด้วยดวงตาที่เลื่อนลอยและบ่นพึมถึม
‘ห้าสิบ – หก……ห้าสิบ-หกครั้ง……ห้าสิบ-หก ครั้ง…….’

 

เพิ่มเติมว่า มีสกิลแปลกๆเลเวลอัพขึ้นมาด้วย

 

「การฝึกฝนของคุณ (Lv. 2) เพิ่มระดับขึ้น!」

 

 

ผมสงสัยจึงรีบเช็คสเตตัสว่ามันคืออะไรกัน

 

ผมได้รับอบิลิตี้ใหม่นี้หลังจากเอาเดซี่มาเป็นทาส 

 ‘ยิ่งระดับการฝึกฝนของคุณมากเทาไหร่ การฝึกฝนทาสก็ยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น’

 

มันแสดงผลคำอธิบายออกมาบนหน้าต่างได้ดีเลยล่ะ หากมีเวลาผมก็ควรจะทดลองความสามารถนี้กับเดซี่ดูบ้าง

 

“แบ่งชื่อเสียง เกียรติยศอย่างนั้นรึ เอ่? ……ไม่ใช่ว่า บาอัลเป็นผู้ปกครองของพวกเราหรืออะไรสักอย่างหรอกรึ แล้วทำไมพวกเราต้องไปเข้าร่วมอะไรแบบนั้นด้วยล่ะ?”

 

“แกเข้าใจเรื่องนั้นถูกแล้วล่ะ มันก็แค่ เรียกว่า แบ่งปันชื่อเสียงแค่เปลือกเท่านั้น มันมีอะไรที่สำคัญกว่านั้นอยู่”

 

บาร์บาทอสพูดต่อ

“ข้าขอให้ตาแก่บาอัลเป็นผู้ไกล่เกลี่ยให้น่ะ”

 

สิ่งที่เธอพูดถึงก็คือ  ฮับบวร์กตอนนี้แบ่งออกมาเป็นสามก๊กสามเหล่าจอมมารที่ขัดแย้งกันอยู่……. 

มันเป็นการต่อสู้กันระหว่างฝ่าย บาร์บาทอส,อกาเรสและการ์มิกิน ที่เริ่มตึงเครียดต่อกันแทบทุกวัน

ตามปรกติแล้ว จอมมารมาร์บาสจากฝ่ายเป็นกลางจะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยให้แต่คราวนี้ มันเป็นการทะเลาะกันที่เกินมือของมาร์บาสที่จะจัดการได้

อกาเรสเป็นจอมมารลำดับ 2 ส่วน กามิกินเป็นจอมมารลำดับ 4 ไม่มีอะไรรับรองได้ว่า สองคนนั้นจะเชื่อฟังสิ่งที่ มาร์บาส จอมมารลำดับ 5 พูด

 

นั่นเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมบาร์บาทอสจึงขอให้บาอัลที่มีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพจอมมารมาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยให้

 

 

“แต่ตาแก่บาอัลจะไม่หาทางออกให้หรอก ไม่มีวัน”

 

จอมมารบาอัลนั้นสนับสนุนนโยบายการไม่เข้าแทรกแซง (Laissez-faire)

เขาจะมาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยเมื่อใดก็ตามที่เห็นว่า เป็นปัญหา จึงต้องการให้ทั้งสองฝ่ายจัดการปัญหาด้วยตัวเอง

 

บาร์บาทอสจึงมาหาผม เพราะอยากจะได้เปรียบขณะที่เจรจาต่อรองกัน

 

“ทักษะการพูดของแกเนี่ย ต่อให้แกจมน้ำอยู่แกก็พูดจนลอยตัวขึ้นมาได้เลยล่ะ ดังนั้นช่วยข้าที”

 

“……เฮ้ เฮ้ นี่เธอบ้าไปแล้วเรอะ?  นี่กำลังบอกให้ข้าไปสู้กับอกาเรสกับกามิกินเนี่ยนะ?”

ผมถึงกับสะดุ้งด้วยความผวา

 

“แล้วเธอจะทำยังไงล่ะ หากเจ้าพวกนั้นมันคิดแค้นข้าขึ้นมา?”

 

“ก็เคยบอกไม่ใช่เหรอ ว่ากามิกินน่ะชอบแก? ลองเอาหำไปเจรจากับนางดูสิ อาจจะได้ก็ได้นะ”

 

“ได้ก็เหี้ยแล้ว!”

 

ผมเคยเจอกามิกันแค่ครั้งเดียวตอนสงครามพันธมิตร แต่แค่นั้นก็พอที่จะรู้นิสัย

กามิกินน่ะเป็นคนที่พร้อมจะลอบฆ่าอีกฝ่ายอย่างไร้ความลังเล หากนั่นทำให้เธอสามารถกำจัดศัตรูทางการเมืองของเธอได้

ผมยังแอบสงสัยอยู่เลยว่า เธอจะมาอยู่ฝ่ายเราด้วยอารมณ์ส่วนตัวอย่างพวกว่า น่าสนใจ หรือเปล่า

ส่วนอกาเรสนั้นผมไม่รู้เลย เพราะไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์ใดๆกับเธอมาก่อน

 

 

“อืมม ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์กับข้าเลย ที่ข้าจะต้องเข้าไปยุ่งในฐานะตัวแทนการเจรจา”

 

“……แม้แต่ข้าก็โน้มน้าวแกไม่ได้เหรอ?”

บาร์บาทอสลอบมองผม

 

การเล่นโรลเพลย์เจ้านายกับทาสจบไปสักพักหนึ่งแล้วแต่ถึงอย่างนั้นบาร์บาทอสยังคงทำตัวต้อยต่ำอย่างน่าประหลาดใจ นี่ก็หมายความว่า บาร์บาทอสตระหนักดีว่า การเข้าร่วมในฐานะนักเจรจาครั้งนี้ ผมไม่ได้อะไรเลยจริงๆ

 

ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงต้องการผมไปด้วย

 

หากแกฟังคำขอร้องขอข้านะ ข้าจะให้ทุกอย่างเป็นการตอบแทนเลย ข้าจะทำทุกอย่างให้แกเลยนะ

 

บาร์บาทอสคงอยากจะบอกประมาณนี้ แต่คงไม่สามารถมอบทุกอย่างให้ผมได้จริงๆหรอก

จะอย่างนั้นก็เหอะ……บาร์บาทอสเองก็ไม่ได้เอาเรื่อง กำไรขาดทุนมาอยู่เหนือความสัมพันธ์ฉันท์มิตรของพวกเรา

 

“…….”

ผมตั้งใจคิดเต็มที่

 

บาร์บาทอสนั้นไม่เคยร้องขออะไรจากผมแบบนี้มาก่อน ความสัมพันธ์ระหว่างเราน่ะแห้งแล้งมาก พวกเราน่ะไม่ใช่ทั้งเพื่อนหรือคนรักกัน

อยากหลับนอนเมื่อไหร่ก็ทำ พวกเราใช้เวลาด้วยกันคล้ายเพื่อน

ถึงอย่างนั้นก็ใช้คำว่า คนรักกับเพื่อนไม่ได้อยู่ดี แถมยังโอเคด้วย ถ้าหากความสัมพันธ์ระหว่างเรามันจะแห้งแล้งต่อกันแบบนั้น

 

ผมจึงได้ข้อสรุปขึ้นมา

‘อ้อ ผมเข้าใจแล้ว’

มันเป็นการแลกเปลี่ยนกันนี่เอง

 

บาร์บาทอสกำลังให้สัญญาณกับผมว่า โอเคแม้ผมจะหลับนอนกับไพมอนและคนอื่นๆ โดยเธอจะไม่ถือเรื่องนั้นเป็นอารมณ์

 

‘ข้าอนุญาตให้แกทำเรื่องนั้นเท่าไหร่ก็ได้ แต่แกต้องทำเรื่องนี้ให้ข้าด้วย’

นี่แหละที่บาร์บาทอสจะสื่อกับผม

 

 

เหตุผลที่เธอไม่อธิบายออกมาชัดๆก็เพราะความจริงเรื่องที่นั่นก็เพราะมันเห็นกันชัดๆอยู่แล้วถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรา

ความสัมพันธ์ของพวกเราที่แทบจะต่ำติดตม ทันทีที่มาพัวพันเกี่ยวข้องกันน่ะ…….

 

(TTL : ไม่ใช่ว่า บาร์บาทอสอยากออดอ้อนพรี่ แบบฟีลแฟนเหรอครับ? ทำไมมันไหลไปทรงนั้นได้วะครับ! )

 

 

“ฮ่าชชช์”

เธอถอนใจออกมา ท่าทางนั้นของเธอก็น่ารักดี ถึงจะดื้อด้านไปหน่อยก็เถอะ

 

“บาร์บาทอส เธอได้เอานิ้วข้ามาด้วยหรือเปล่า?”

 

“หือ? อือ เอามา”

บาร์บาทอสพยักหน้าแล้วหยิบผ้าผืนเล็กออกมาจากกระเป๋า

นิ้วมือของผมสองนิ้วห่ออยู่ในผ้าผืนนั้น

มันเป็นสองนิ้วที่ผมตั้งใจตัดเพื่อช่วยชีวิตลาพิส เธอคงตั้งใจจะเอามาด้วยเพื่อต่อคืนให้ผม

ผมจึงพูดขึ้นมาว่า

 

“เอาพวกนั้นไปทำเป็นสร้อยคอ แล้วเก็บไว้กับเธอ”

บาร์บาทอสทำตาปริบๆ

 

“อะไรนะ?”

 

“ข้าสัญญากับเธอแล้วไม่ใช่เหรอ? เธอจะเป็นที่หนึ่งเสมอถึงข้าจะไปหลับนอนกับไพมอน นี่อาจไม่ใช่หลักฐานยืนยันที่ดี แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนอย่างหนึ่งเลยล่ะ

ไปให้ไพมอนเห็น ตอนเจอกันคราวหน้าก็แล้วกัน แล้วบอกนางด้วยว่า นี่เป็นของขวัญที่ข้ามอบให้”

 

แกอาจได้หลับนอนกับดันทาเลี่ยน แต่เขาให้ส่วนหนึ่งของร่างกายของเขากับข้าว่ะ

ความสัมพันธ์ที่ข้ากับเขามีต่อกัน มันลึกซึ้งกว่าที่มีต่อแกเยอะ…….

 

ไม่มีอะไรจะทรงประสิทธิภาพมากไปกว่านี้อีกแล้ว

ผมกำลังจะเสนอสองนิ้วของผมให้เป็นของแทนความเชื่อใจที่มีต่อเธอ

 

“……ก็ได้ ข้าเข้าใจ”

บาร์บาทอสบ่นพึมพัมชั่วครู่ด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย 

เธอกุมผ้าผืนเล็กสีขาวนั้นไว้แน่น ผมไม่ต้องการให้เธอยืนยันหรอกไอ้ที่บอกว่า เข้าใจน่ะเข้าใจอะไร

 

บาร์บาทอสเอนตัวหาผมโดยไม่พูดอะไร ผมยิ้มให้แล้วลูบผมเธอเบาๆ

 

เราสองคนน่ะมันเป็นไอ้เด็กที่น่ารังเกียจด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+