Dungeon Defense (WN) 230 การสู้รบของจอมมาร (1)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 230 การสู้รบของจอมมาร (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

“…….”

สมองผมหมุนคำนวนอย่างรวดเร็ว

 

เรื่องโมโหกามิกินวางไว้ก่อน ผมจะโกรธเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ผมโน้มน้าวตัวเองอย่างนั้น กรณีนี้ ผมจะพลิกสถานการณ์ได้อย่างไรกัน?

 

 

กฏระเบียบและมารยาท? ผมไปสนใจเรื่องพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? 

จอมมารคนอื่นๆก็แค่พอใจกับการเห็นอะไรน่าสนใจที่เกิดขึ้นก็แค่นั้น

แม้แต่ตอนนี้เองก็มีจอมมารเกือบโหลนั่งจับตาดูสิ่งน่าชมอยู่ตรงหน้า

 

ศักดิ์ศรีของคนกลาง……. ผมสามารถร้องขอจอมมารผู้ยิ่งใหญ่อย่างบาอัล แล้วโจมตีกามิกินยังพอจะเป็นไปได้

‘แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าทำไม บาอัลถึงดูเหมือนไม่ชอบผม’

ปัญหาจริงคือ เรื่องระดับความรุนแรงของการลงโทษที่ไม่แน่นอน

 

เราอาจมีเหตุผลที่ฟังขึ้นแต่กามิกินเองก็มีข้อแก้ต่าง แล้วบาอัลจะรับฟังผมพร้อมกับดันความรับผิดชอบการก่อสงครามให้กับกามิกินจริงหรือเปล่า? 

หรือเขาจะรับฟังกามิกินแล้วให้เธอรับผิดชอบเล็กๆน้อยๆสำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น? 

ตราบใดที่ยังมีข้อแก้ต่างอยู่ คนเล่นการเมืองก็ยังทำตัวหน้าด้านหน้าทนอยู่ดี…….

 

ผมจัดระเบียบความคิดก่อนจะพูดกับกามิกิน

 

 

“การที่ต้องการครึ่งหนึ่งเนี่ย มันไม่มากเกินไปสำหรับจอมมารคนหนึ่งหรอกหรือ?”

 

“บางเวลาก็ควรจะกินตุนให้เยอะเข้าไว้”

 

“เธออาจจะวางแผนแบ่งดินแดนนั่นกับอกาเรสหลังได้รับดินแดนไปแล้ว……? 

มีอะไรยืนยันไหมว่า เรื่องนั้นมันจะไม่เกิดขึ้น?”

กามิกินหัวเราะ

 

“ข้าไม่แน่ใจนักน้า ว่านายน่ะมีหลักฐานอะไรถึงได้พูดอย่างนั้น”

 

แม่นี่ช่างไร้ยางอายตั้งแต่ต้นจนหยดสุดท้ายจริงๆ

ไม่ว่าใครก็ดูออกอยู่แล้วว่า เธอจะต้องไปแบ่งที่ดินครึ่งหนึ่งของพวกเรากับอกาเรสกันอย่างสุขสันต์

 

หมดไปหลายชั่วโมง พวกเรายังคงเล่นสงครามประสาทกันต่อไป

 

มันไม่ใช่การต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์ อย่างน้อยที่สุดผมก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องตัดสินใจอะไรทั้งนั้น สถานการณ์จะเปลี่ยนไปทันทีตามแต่ผลลัพธ์ที่ว่าบาร์บาทอสนั้นสามารถจัดการอกาเรสได้หรือไม่

…….ดังนั้นผมต้องใช้ลีลาการพลิกแพลงตลบแตลงต่ออีกฝ่าย

 

ผมสังหรณ์ใจว่า นี่จะเป็นการต่อรองเจรจาที่แสนยาก

 

 

 

* * *

 

 

บาร์บาทอสตัดสินใจประกาศสงครามหลังจากฟังความเห็นของผม

 

“ปัญหาทั้งหมดของพวกเราจะคลี่คลายหากเราอัดอีนังดอกอกาเรสนั่นให้เละเป็นโจ๊ก”

 

บาร์บาทอสพูดถูกแล้ว มันจะไม่มีการเจรจาต่อรองอะไรอีกต่อไปหากฝ่ายที่ราบสามารถกวาดล้างกองกำลังของอกาเรสได้

เราสามารถมีทั้งเหตุผลอันชอบธรรมและผลประโยชน์ได้ตราบใดที่เรายังกดดันอกาเรสและกามิกินได้อยู่

 

“แต่ไม่ใช่อกาเรสจะยึดดินแดนส่วนใหญ่ไปแล้วหรอกหรือ? วินโดโบน่าโดนยึดไปแล้ว เธอก็เหลือแค่บรอนเดนเบิร์กและแซคซอนี่ เธอจะไม่เป็นไรแน่นะ?”

 

“นังอกาเรสเองอาจแกร่งก็จริง แต่แม่งโง่”

บาร์บาทอสตอบกลับมาอย่างมั่นใจจากลูกแก้วเวทย์มนตร์

 

 

“เราต้องระวังสักหน่อย แต่ไม่มีเหตุผลให้ต้องกลัว”

บาร์บาทอสรวมจอมมารทั้ง 18 ตนจากฝ่ายที่ราบได้ในทันที

 

กองกำลังทหารของฝ่ายเราประมาณ 20,000 แต่จากข้อมูลที่เพิ่งได้มา มีจอมมารที่ไม่สังกัดฝักฝ่ายใดเข้าร่วมกับอกาเรสด้วย

 

“ข้าจะบดขยี้อีนั่นด้วยการลอบโจมตีแบบเต็มกำลัง”

 

“……แล้วถ้าเธอโดนซุ่มโจมตีตัดทัพเสียก่อนล่ะ?”

 

“โอ้ย ไม่มีทางที่นังโง่แบบอกาเรสจะใช้แผนแบบนั้นได้หรอก อีนั่นมันรู้จักแต่การเผชิญหน้าตรงๆ และสงครามยืดเยื้อเท่านั้นแหละ ดันทาเลี่ยน

พอจอมมารใช้ชีวิตเกิน 2,000 ปีแล้ว สันดานก็ไม่เปลี่ยนแล้ว”

 

หาากเป็นเรื่องกลยุทธการรบ บาร์บาทอสนั้นอ่านขาดเสมอ

ฝ่ายที่ราบนั้นเลือกเส้นทางที่สั้นที่สุด เส้นทางก็กันดารพื้นที่ขรุขระ หากอกาเรสจัดทัพซุ่มโจมตีดักรอ มีหวังฝ่ายที่ราบได้ขายขี้หน้าแน่ 

แต่ถึงอย่างนั้นอกาเรสก็เอาแต่ดักรออยู่ในดินแดนที่เธอยึดได้ ราวกับรอให้ฝ่ายที่ราบพุ่งเข้าใกล้เอง

 

อกาเรสนั้นเฝ้ารอ ขณะที่ฝ่ายที่ราบก็ค่อยๆยกชูธงฝ่ายขึ้น

ฝ่ายราบเพิ่งเดินทัพแสนยากลำบากเสร็จ

หากอกาเรสโจมตีเลยตอนนี้ ก็ได้เปรียบเป็นอย่างมาก

แต่ถึงอย่างนั้นอกาเรสกลับเลือกที่จะตั้งค่ายอยู่ด้านนอกปราสาท ด้านนอกออกไปอีก

 

พอได้รู้อย่างนั้นผมก็ผ่อนคลายลง

 

เห็นกันชัดเจนแล้วว่า อกาเลสนั้นเหมือนกับพี่เบเลธและสิตริมากกว่า เธอน่ะไม่ได้สนใจหรือรู้เรื่องกลยุทธ หากแต่สู้ด้วยพละกำลังตัวเอง

 

แม่ทัพแบบนั้นเหมาะกับนำหน่วยหรือกองกำลังจู่โจม แต่ไม่เหมาะกับการนำกองทัพใหญ่ทั้งหมด

 

ขณะที่ผมโล่งใจ บาร์บาทอสกลับยิ่งดูกระวนกระวาย ผมว่ามันแปลกๆก็เลยถามเธอ

 

“มันไม่ใช่ว่า จบแล้วเหรอ?”

 

“ไม่ล่ะ การต่อสู้มันเพิ่งจะเริ่ม”

 

วันต่อมาผมถึงได้รู้ว่า บาร์บาทอสหมายถึงอะไร

 

กองกำลังของบาร์บาทอสและอกาเรสนั้นปะทะกันตั้งแต่วันแรก

 

บาร์บาทอสแบ่งกองกำลังเป็น สามส่วน เธอนำกองที่หนึ่ง พี่เบเลธนำกองที่สอง และนายพลเซปาร์นำกองที่สาม ซึ่งนี่เป็นการรบตามมาตรฐานของฝ่ายที่ราบ

 

นายพลเซปาร์กุมจุดศูนย์กลางและรับมือการบุกตีของศัตรู

ขณะเดียวกัน บาร์บาทอสและพี่เบเลธก็ขนาบข้างแล้วโอบล้อมศัตรู

 

พูดง่ายๆพวกเราวางแผนจะใช้การล้อมศัตรูนี่แหละ

 

ในขณะที่กระบวนทัพของอกาเรสนั้นไร้แก่นสาร

 

มีข่าวพวกนั้นแพร่ออกไปทั่วทั้งสนามรบ อกาเรสนั้นก็เอาแต่หัวเราะแล้วขณะที่เฝ้ามองกองทัพของฝ่ายที่ราบเกือบ 20,000 นายเข้ามาหาเธอ

 

อกาเรสจอมมารลำดับ 2 ที่รู้จักกันในนาม  「จอมมารที่แข็งแกร่งที่สุด」, ได้บอกกับ รองผู้บัญชาการของเธอ

“ข้าจะมอบทหาร 20,000 นายให้เจ้า หยุดการบุกของศัตรูซะ”

“เดี๋ยวก่อนครับ? แล้วท่านอกาเรสจะทำอย่างไร?”

 

“ข้าจะพาหน่วยสองไปด้วยแล้วโจมตีพวกโง่นั่นจากข้างหลัง”

รองผู้บัญชาการถึงกับงงจนต้องถามกลับไป

 

“ขอประทานอภัยด้วยครับ ท่านผู้แข็งแกร่ง แต่  20,000 นายนั่นเป็นทั้งหมดที่พวกเรามี แล้วท่านจะสร้างหน่วยที่สองขึ้นมาได้อย่างไรกัน?”

 

อกาเรสตอบกลับไปขณะที่กระโดดขึ้นขี่หมาป่าสีแดง

 

“ข้านี่แหละ คือ หน่วยที่สอง!”

 

หลังจากพูดจบ อกาเรสก็กลายเป็นดั่งพายุบุแคม พุ่งเข้าชาร์จหาศัตรู ‘ตามลำพัง’ จอมมารใต้คำสั่งของอกาเรสนั้นถึงกับลนลาน แต่ก็ไม่อาจหยุดนางไว้ได้เนื่องจากคำสั่งอันเข้มงวด

 

สถานที่ที่อกาเรสมุ่งหน้าไปนั้นคือ กองทหารหน่วยสองของฝ่ายที่ราบ หน่วยทัพที่นำโดยพี่เบเลธจำนวน 5,000 นาย 

พี่เบเลธนั้นถึงกับพูดไม่ออกขณะที่เฝ้ามองผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพอีกฝ่ายบุกเข้ามาเหมือนหมาป่าเดียวดาย

 

“นั่นคือ อกาเรส ใช่ไหม?”

 

“……ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น”

ผู้ช่วยของพี่เบเลธตอบอย่างไม่แน่ใจนัก

แน่ล่ะ ผู้บัญชาการที่ไหนกันจะบ้าบอขนาดที่แยกออกจากกองกำลังหลักของตน แล้วบุกจู่โจมตามลำพังกันล่ะ?

 

พี่เบเลธนั้นมองด้วยแววตาที่ว่างเปล่าชั่วขณะ ก่อนที่อกาเรสจะเข้ามาใกล้

 

“คุฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้ากำลังจะบอกข้าว่า อกาเรสนั้นไม่รู้จักความกลัวเลยอย่างนั้นรึ!?”

พี่เบเลธกลับระเบิดหัวเราะออกมา

 

 

“แค่เห็นบุคคลผู้ทิ้งตัวเข้าใส่กองกำลัง  5,000 นายโดยไม่ลังเล มันก็เหมือนกับเห็นดอกไม้ร่วงจากน้ำตก 

นี่มันภาพหายากในตำนานชัดๆเลยไม่ใช่รึไงกัน? 

ยอดเยี่ยม นี่มันยอดเยี่ยมมาก โอ้ อกาเรสเอ๋ย!”

พี่เบเลธชูขวานใหญ่ของเขาขึ้น

 

“ข้า,เบเลธ ยินดีรับความตั้งใจนั้นของท่าน! ทุกนาย! พุ่งเข้าใส่!”

 

กองทัพหน่วยที่สองของฝ่ายที่ราบพุ่งเข้าใส่ตามเบเลธที่เป็นผู้นำ

พวกเขาทุกคนต่างมีเป้าหมายเดียว นั่นคือ จอมมารอกาเรส  

ดังนั้นอกาเรสจึงเข้าปะทะกับกองทหาร 5,000 นายกลางลานโล่ง

 

อกาเรสได้ปะทะเข้ากับพี่เบเลธเป็นคนแรก จอมมารสองตน ทั้งคู่ต่างเป็นยอดนักสู้แห่งกองทัพจอมมาร ต่างคนต่างกวัดแกว่งง้าวและขวานใหญ่ปะทะกันไม่หยุดติดต่อกัน 20 ครั้ง

 

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็แค่ 20 ครั้ง

 

ง้าวของอกาเรสนั้นเปล่งประกายจ้า ก่อนจะมีอะไรบางอย่างปลิวลอยไปในอากาศ สีหน้าของพี่เบเลธนั้นบิดเบี้ยวเนื่องจากความละอาย แขนขวาของจอมมารเบเลธนั้นหลุดออกจากหัวไหล่

 

ในมุมของพี่เบเลธเอง การโจมตีนั้นมันนอกเหนือความคาดหมาย เขาจึงต้องยอมสละแขนเพื่อเลี่ยงจุดตาย พี่เบเลธนั้นพอทิ้งแขนแล้วก็กลิ้งไปด้านข้าง

เขาพยายามเอาชีวิตให้รอด

 

“นอนแดกน้ำโคลนตรงนั้นไปเถอะ,ไอ้หนู”

 

อกาเรสได้ยิ้มเยาะขณะมองต่ำดูถูกพี่เบเลธผู้ล้มลงไปกับพื้น

ดูเธอจะไม่สนใจในตัวพี่เบเลธอีกต่อไปจึงปล่อยให้พี่เบเลธไว้เบื้องหลัง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังเป้าหมายข้างหน้า โดยเป้าหมายต่อไปของเธอคือ ทหารที่เหลืออยู่  5,000 นายที่ขาดไร้ผู้บัญชาการไปแล้ว

 

ออร่าสีฟ้าเข้มระเบิดแผ่ออกมาขณะที่อกาเรสคำราม

 

“ฟูอ่าาาาาาาาห์━!”

 

จอมมารอกาเรสนั้นพุ่งเข้าใส่พร้อมกับคำรามดั่งสัตว์ร้าย ทหารจำนวนมากต้องตายตกตามกันอย่างช่วยไม่ได้ทุกครั้งที่เธอกวัดแกว่งง้าว 

เครื่องในตับไตไส้พุง เศษเนื้อและเลือดต่างโปรยปรายจากฟากฟ้าราวกับฝนตก

 

จอมมารแห่งหน่วยกองที่ 2 ของฝ่ายที่ราบพยายามหยุดศัตรูผู้น่าหวาดหวั่นผู้นี้ด้วยการใช้ประโยชน์จากออเกอร์

ออเกอร์ยี่สิบตัวโผพุ่งเข้าไปราวกับหมูป่า

 

แต่ถึงอย่างนั้นอกาเรสก็เชือดออเกอร์แต่ละตัวด้วยการฟันลงและตวัดขึ้นอย่างละครั้ง

ออเกอร์ที่เคยสร้างความหวาดกลัวให้กับเหล่ามนุษย์และปีศาจ กลับไม่อาจทนยื้อต่อสู้ได้เกิน 5 นาที ก่อนที่หัวของพวกมันจะกองกับดินที่พื้น

 

ทหารฝ่ายที่ราบเหลือแค่เพียง พันนาย ไม่มีทางที่พวกที่เหลือรอดมาจะทนต่อไปไหว ยามเมื่อเห็นประจักษ์กับของแบบนี้เข้า

 

 

จอมมารอกาเรสนั้นลงมาสู่สนามรบ เธอกวาดล้างทั้งสมรภูมิราวกับกำลังหัวเราะใส่ฝ่ายที่ราบ เยาะหยันยั่วโมโหบาร์บาทอส

 

 

「กลยุทธ」? 「ยุทธวิธี」? พวกนั้นมันไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกไปจากความอ่อนแออันน่าสิ้นหวัง

 

ผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงไม่จำเป็นต้องมีกลยุทธใดหรือทักษะการวางแผนอื่น

ผู้แข็งแกร่งนั้นต้องการแต่เพียงศาสตราวุธและร่างกายของตน

 

 

ราวกับเธอกำลังแสดงให้ดูว่า จอมมารเขารบกันอย่างไร

 

อกาเรสยังคงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด มอนสเตอร์ที่อยู่ในฝ่ายที่ราบนั้นถึงกับช็อคด้วยความหวาดกลัวทุกครั้งที่เสียงหัวเราะของเธอดังลั่นไปทั่วผืนฟ้า

 

บาร์บาทอสเห็นภาพพวกนั้นอย่างชัดเจน จึงสบถออกมาดังๆ

 

“นังห่าพระเจ้าสาปนั่นแม่งต้องช่วยตัวเองด้วยสายสะดือตอนอยู่ในครรภ์แม่มันแน่ๆ”

ถ้ามันยังเป็นอย่างนี้ต่อไป กระแสการรบมันจะไม่เป็นไปตามที่ฝ่ายที่ราบต้องการ บาร์บาทอสกระชับเคียวของตัวเองแล้วตะโกนขึ้น

 

“ใครที่ยังสู้ไหว ตามข้ามา!”

บาร์บาทองพุ่งเข้าใส่อกาเรสพร้อมกับจอมมารฝ่ายที่ราบอีก 8 ตน 

 

 

บาร์บาทอสเข้าไปปะทะ เพื่อดวลกันตามลำพังระหว่างเธอกับอกาเรส

จริงอยู่ที่เธอไม่อาจเทียบชั้นพละกำลังกับอกาเรสได้ แต่บาร์บาทอสเองก็ใช้มนตร์ดำของตนได้อย่างเหมาะสม

 

เธอใช้ประโยชน์จากเดธไน้ท์ที่สิงอยู่ในเงาของเธอ เดธไน้ท์จำนวนมากกว่า 400 นาย กำลังต่อสู้กับอกาเรสทีละตน ทีละตน 

ด้วยเหตุนี้เอง การต่อสู้จึงสูสีกัน 

 

มันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างอกาเรสกับบาร์บาทอสที่รุกไล่กันไปกันมา

ซึ่งนั่นหมายถึง ความพ่ายแพ้ของบาร์บาทอส

 

 

เมื่อผู้บัญชาการสูงสุดของฝ่ายที่ราบจำต้องออกมาเพื่อหยุดอกาเรส ทั้งกองทัพของอกาเรส 20,000 นาย ก็แสดงพลังอย่างท่วมท้นใส่ฝ่ายที่ราบในสมรภูมิ

ฝ่ายที่ราบจึงต้องถอยร่นไป

 

หากเป็นเช่นนี้ต่อไปย่อมไม่ดีแน่ ดังนั้นบาร์บาทอสที่เม้มริมฝีปากแน่นก็ไม่มีทางเลือกอื่นได้นอกจากถอย

 

การต่อสู้แรกจบลงที่ความพ่ายแพ้ของฝ่ายที่ราบ

ผมที่ได้รับรายงานถึงกับกุมหัว

 

 

“……ไอ้ความยากระดับระยำนรกแตกนี่”

 

อกาเรสใน <Dungeon Attack> มันไม่ได้ทรงพลังบ้าบอขนาดนี้โว้ยยยย

 

นี่มันเหี้ยอะไรกันวะ? นางเป็นอาวุธไม้ตายทำลายล้างของกองทัพจอมมารรึไงกันวะ? 

เผชิญหน้ากับทั้งกองทัพ ตามลำพังบนหนังหมาป่า แม้แต่สุดยอดนักดาบที่เก่งที่สุดในโลกก็ยังไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนี้

กว่าฮีโร่จะไปถึงระดับนั้นได้ก็ต้องปลดขีดจำกัดเลเวลอีก!

 

แถมผมยังต้องไปเจรจาต่อรองกับกามิกินอีกครั้ง หลังจากได้รับรายงานนี้ นี่มันซวยแล้วไม่ใช่รึไง?

 

กามิกินยังคงยิ้มเหมือนอย่างเคยขณะที่ยังนั่งที่เก้าอี้ต่อรอง

แต่สิ่งที่ต่างออกไปเบื้องหลังรอยยิ้มของนางก็คือ

 

ดูนายตอนนี้ซี่ ข้าบอกนายไปก่อนแล้วไม่ใช่หรือไงกัน? ตอนมีโอกาสก็ไม่ยอมฟังกันนะ 

 

รอยยิ้มของเธอเหมือนกำลังบอกอย่างนั้น

 

ริมฝีปากของเธอนั้นฉีกออกกว้างยามที่เห็นผม

 

“มอบดินแดนฮับบวร์กให้ข้า 60% เพื่อชดเชย การเจรจาครั้งนี้ดีกว่าน้า~”

 

“…….”

 

“ข้าจะขอบอกนายไว้ก่อน นี่นับว่า ลดให้เยอะเลยนะ รู้ไหม?”

 

 

ผมล่ะอยากฆ่านางจริงๆ

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 230 การสู้รบของจอมมาร (1)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 230 การสู้รบของจอมมาร (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

“…….”

สมองผมหมุนคำนวนอย่างรวดเร็ว

 

เรื่องโมโหกามิกินวางไว้ก่อน ผมจะโกรธเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ผมโน้มน้าวตัวเองอย่างนั้น กรณีนี้ ผมจะพลิกสถานการณ์ได้อย่างไรกัน?

 

 

กฏระเบียบและมารยาท? ผมไปสนใจเรื่องพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? 

จอมมารคนอื่นๆก็แค่พอใจกับการเห็นอะไรน่าสนใจที่เกิดขึ้นก็แค่นั้น

แม้แต่ตอนนี้เองก็มีจอมมารเกือบโหลนั่งจับตาดูสิ่งน่าชมอยู่ตรงหน้า

 

ศักดิ์ศรีของคนกลาง……. ผมสามารถร้องขอจอมมารผู้ยิ่งใหญ่อย่างบาอัล แล้วโจมตีกามิกินยังพอจะเป็นไปได้

‘แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าทำไม บาอัลถึงดูเหมือนไม่ชอบผม’

ปัญหาจริงคือ เรื่องระดับความรุนแรงของการลงโทษที่ไม่แน่นอน

 

เราอาจมีเหตุผลที่ฟังขึ้นแต่กามิกินเองก็มีข้อแก้ต่าง แล้วบาอัลจะรับฟังผมพร้อมกับดันความรับผิดชอบการก่อสงครามให้กับกามิกินจริงหรือเปล่า? 

หรือเขาจะรับฟังกามิกินแล้วให้เธอรับผิดชอบเล็กๆน้อยๆสำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น? 

ตราบใดที่ยังมีข้อแก้ต่างอยู่ คนเล่นการเมืองก็ยังทำตัวหน้าด้านหน้าทนอยู่ดี…….

 

ผมจัดระเบียบความคิดก่อนจะพูดกับกามิกิน

 

 

“การที่ต้องการครึ่งหนึ่งเนี่ย มันไม่มากเกินไปสำหรับจอมมารคนหนึ่งหรอกหรือ?”

 

“บางเวลาก็ควรจะกินตุนให้เยอะเข้าไว้”

 

“เธออาจจะวางแผนแบ่งดินแดนนั่นกับอกาเรสหลังได้รับดินแดนไปแล้ว……? 

มีอะไรยืนยันไหมว่า เรื่องนั้นมันจะไม่เกิดขึ้น?”

กามิกินหัวเราะ

 

“ข้าไม่แน่ใจนักน้า ว่านายน่ะมีหลักฐานอะไรถึงได้พูดอย่างนั้น”

 

แม่นี่ช่างไร้ยางอายตั้งแต่ต้นจนหยดสุดท้ายจริงๆ

ไม่ว่าใครก็ดูออกอยู่แล้วว่า เธอจะต้องไปแบ่งที่ดินครึ่งหนึ่งของพวกเรากับอกาเรสกันอย่างสุขสันต์

 

หมดไปหลายชั่วโมง พวกเรายังคงเล่นสงครามประสาทกันต่อไป

 

มันไม่ใช่การต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์ อย่างน้อยที่สุดผมก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องตัดสินใจอะไรทั้งนั้น สถานการณ์จะเปลี่ยนไปทันทีตามแต่ผลลัพธ์ที่ว่าบาร์บาทอสนั้นสามารถจัดการอกาเรสได้หรือไม่

…….ดังนั้นผมต้องใช้ลีลาการพลิกแพลงตลบแตลงต่ออีกฝ่าย

 

ผมสังหรณ์ใจว่า นี่จะเป็นการต่อรองเจรจาที่แสนยาก

 

 

 

* * *

 

 

บาร์บาทอสตัดสินใจประกาศสงครามหลังจากฟังความเห็นของผม

 

“ปัญหาทั้งหมดของพวกเราจะคลี่คลายหากเราอัดอีนังดอกอกาเรสนั่นให้เละเป็นโจ๊ก”

 

บาร์บาทอสพูดถูกแล้ว มันจะไม่มีการเจรจาต่อรองอะไรอีกต่อไปหากฝ่ายที่ราบสามารถกวาดล้างกองกำลังของอกาเรสได้

เราสามารถมีทั้งเหตุผลอันชอบธรรมและผลประโยชน์ได้ตราบใดที่เรายังกดดันอกาเรสและกามิกินได้อยู่

 

“แต่ไม่ใช่อกาเรสจะยึดดินแดนส่วนใหญ่ไปแล้วหรอกหรือ? วินโดโบน่าโดนยึดไปแล้ว เธอก็เหลือแค่บรอนเดนเบิร์กและแซคซอนี่ เธอจะไม่เป็นไรแน่นะ?”

 

“นังอกาเรสเองอาจแกร่งก็จริง แต่แม่งโง่”

บาร์บาทอสตอบกลับมาอย่างมั่นใจจากลูกแก้วเวทย์มนตร์

 

 

“เราต้องระวังสักหน่อย แต่ไม่มีเหตุผลให้ต้องกลัว”

บาร์บาทอสรวมจอมมารทั้ง 18 ตนจากฝ่ายที่ราบได้ในทันที

 

กองกำลังทหารของฝ่ายเราประมาณ 20,000 แต่จากข้อมูลที่เพิ่งได้มา มีจอมมารที่ไม่สังกัดฝักฝ่ายใดเข้าร่วมกับอกาเรสด้วย

 

“ข้าจะบดขยี้อีนั่นด้วยการลอบโจมตีแบบเต็มกำลัง”

 

“……แล้วถ้าเธอโดนซุ่มโจมตีตัดทัพเสียก่อนล่ะ?”

 

“โอ้ย ไม่มีทางที่นังโง่แบบอกาเรสจะใช้แผนแบบนั้นได้หรอก อีนั่นมันรู้จักแต่การเผชิญหน้าตรงๆ และสงครามยืดเยื้อเท่านั้นแหละ ดันทาเลี่ยน

พอจอมมารใช้ชีวิตเกิน 2,000 ปีแล้ว สันดานก็ไม่เปลี่ยนแล้ว”

 

หาากเป็นเรื่องกลยุทธการรบ บาร์บาทอสนั้นอ่านขาดเสมอ

ฝ่ายที่ราบนั้นเลือกเส้นทางที่สั้นที่สุด เส้นทางก็กันดารพื้นที่ขรุขระ หากอกาเรสจัดทัพซุ่มโจมตีดักรอ มีหวังฝ่ายที่ราบได้ขายขี้หน้าแน่ 

แต่ถึงอย่างนั้นอกาเรสก็เอาแต่ดักรออยู่ในดินแดนที่เธอยึดได้ ราวกับรอให้ฝ่ายที่ราบพุ่งเข้าใกล้เอง

 

อกาเรสนั้นเฝ้ารอ ขณะที่ฝ่ายที่ราบก็ค่อยๆยกชูธงฝ่ายขึ้น

ฝ่ายราบเพิ่งเดินทัพแสนยากลำบากเสร็จ

หากอกาเรสโจมตีเลยตอนนี้ ก็ได้เปรียบเป็นอย่างมาก

แต่ถึงอย่างนั้นอกาเรสกลับเลือกที่จะตั้งค่ายอยู่ด้านนอกปราสาท ด้านนอกออกไปอีก

 

พอได้รู้อย่างนั้นผมก็ผ่อนคลายลง

 

เห็นกันชัดเจนแล้วว่า อกาเลสนั้นเหมือนกับพี่เบเลธและสิตริมากกว่า เธอน่ะไม่ได้สนใจหรือรู้เรื่องกลยุทธ หากแต่สู้ด้วยพละกำลังตัวเอง

 

แม่ทัพแบบนั้นเหมาะกับนำหน่วยหรือกองกำลังจู่โจม แต่ไม่เหมาะกับการนำกองทัพใหญ่ทั้งหมด

 

ขณะที่ผมโล่งใจ บาร์บาทอสกลับยิ่งดูกระวนกระวาย ผมว่ามันแปลกๆก็เลยถามเธอ

 

“มันไม่ใช่ว่า จบแล้วเหรอ?”

 

“ไม่ล่ะ การต่อสู้มันเพิ่งจะเริ่ม”

 

วันต่อมาผมถึงได้รู้ว่า บาร์บาทอสหมายถึงอะไร

 

กองกำลังของบาร์บาทอสและอกาเรสนั้นปะทะกันตั้งแต่วันแรก

 

บาร์บาทอสแบ่งกองกำลังเป็น สามส่วน เธอนำกองที่หนึ่ง พี่เบเลธนำกองที่สอง และนายพลเซปาร์นำกองที่สาม ซึ่งนี่เป็นการรบตามมาตรฐานของฝ่ายที่ราบ

 

นายพลเซปาร์กุมจุดศูนย์กลางและรับมือการบุกตีของศัตรู

ขณะเดียวกัน บาร์บาทอสและพี่เบเลธก็ขนาบข้างแล้วโอบล้อมศัตรู

 

พูดง่ายๆพวกเราวางแผนจะใช้การล้อมศัตรูนี่แหละ

 

ในขณะที่กระบวนทัพของอกาเรสนั้นไร้แก่นสาร

 

มีข่าวพวกนั้นแพร่ออกไปทั่วทั้งสนามรบ อกาเรสนั้นก็เอาแต่หัวเราะแล้วขณะที่เฝ้ามองกองทัพของฝ่ายที่ราบเกือบ 20,000 นายเข้ามาหาเธอ

 

อกาเรสจอมมารลำดับ 2 ที่รู้จักกันในนาม  「จอมมารที่แข็งแกร่งที่สุด」, ได้บอกกับ รองผู้บัญชาการของเธอ

“ข้าจะมอบทหาร 20,000 นายให้เจ้า หยุดการบุกของศัตรูซะ”

“เดี๋ยวก่อนครับ? แล้วท่านอกาเรสจะทำอย่างไร?”

 

“ข้าจะพาหน่วยสองไปด้วยแล้วโจมตีพวกโง่นั่นจากข้างหลัง”

รองผู้บัญชาการถึงกับงงจนต้องถามกลับไป

 

“ขอประทานอภัยด้วยครับ ท่านผู้แข็งแกร่ง แต่  20,000 นายนั่นเป็นทั้งหมดที่พวกเรามี แล้วท่านจะสร้างหน่วยที่สองขึ้นมาได้อย่างไรกัน?”

 

อกาเรสตอบกลับไปขณะที่กระโดดขึ้นขี่หมาป่าสีแดง

 

“ข้านี่แหละ คือ หน่วยที่สอง!”

 

หลังจากพูดจบ อกาเรสก็กลายเป็นดั่งพายุบุแคม พุ่งเข้าชาร์จหาศัตรู ‘ตามลำพัง’ จอมมารใต้คำสั่งของอกาเรสนั้นถึงกับลนลาน แต่ก็ไม่อาจหยุดนางไว้ได้เนื่องจากคำสั่งอันเข้มงวด

 

สถานที่ที่อกาเรสมุ่งหน้าไปนั้นคือ กองทหารหน่วยสองของฝ่ายที่ราบ หน่วยทัพที่นำโดยพี่เบเลธจำนวน 5,000 นาย 

พี่เบเลธนั้นถึงกับพูดไม่ออกขณะที่เฝ้ามองผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพอีกฝ่ายบุกเข้ามาเหมือนหมาป่าเดียวดาย

 

“นั่นคือ อกาเรส ใช่ไหม?”

 

“……ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น”

ผู้ช่วยของพี่เบเลธตอบอย่างไม่แน่ใจนัก

แน่ล่ะ ผู้บัญชาการที่ไหนกันจะบ้าบอขนาดที่แยกออกจากกองกำลังหลักของตน แล้วบุกจู่โจมตามลำพังกันล่ะ?

 

พี่เบเลธนั้นมองด้วยแววตาที่ว่างเปล่าชั่วขณะ ก่อนที่อกาเรสจะเข้ามาใกล้

 

“คุฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้ากำลังจะบอกข้าว่า อกาเรสนั้นไม่รู้จักความกลัวเลยอย่างนั้นรึ!?”

พี่เบเลธกลับระเบิดหัวเราะออกมา

 

 

“แค่เห็นบุคคลผู้ทิ้งตัวเข้าใส่กองกำลัง  5,000 นายโดยไม่ลังเล มันก็เหมือนกับเห็นดอกไม้ร่วงจากน้ำตก 

นี่มันภาพหายากในตำนานชัดๆเลยไม่ใช่รึไงกัน? 

ยอดเยี่ยม นี่มันยอดเยี่ยมมาก โอ้ อกาเรสเอ๋ย!”

พี่เบเลธชูขวานใหญ่ของเขาขึ้น

 

“ข้า,เบเลธ ยินดีรับความตั้งใจนั้นของท่าน! ทุกนาย! พุ่งเข้าใส่!”

 

กองทัพหน่วยที่สองของฝ่ายที่ราบพุ่งเข้าใส่ตามเบเลธที่เป็นผู้นำ

พวกเขาทุกคนต่างมีเป้าหมายเดียว นั่นคือ จอมมารอกาเรส  

ดังนั้นอกาเรสจึงเข้าปะทะกับกองทหาร 5,000 นายกลางลานโล่ง

 

อกาเรสได้ปะทะเข้ากับพี่เบเลธเป็นคนแรก จอมมารสองตน ทั้งคู่ต่างเป็นยอดนักสู้แห่งกองทัพจอมมาร ต่างคนต่างกวัดแกว่งง้าวและขวานใหญ่ปะทะกันไม่หยุดติดต่อกัน 20 ครั้ง

 

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็แค่ 20 ครั้ง

 

ง้าวของอกาเรสนั้นเปล่งประกายจ้า ก่อนจะมีอะไรบางอย่างปลิวลอยไปในอากาศ สีหน้าของพี่เบเลธนั้นบิดเบี้ยวเนื่องจากความละอาย แขนขวาของจอมมารเบเลธนั้นหลุดออกจากหัวไหล่

 

ในมุมของพี่เบเลธเอง การโจมตีนั้นมันนอกเหนือความคาดหมาย เขาจึงต้องยอมสละแขนเพื่อเลี่ยงจุดตาย พี่เบเลธนั้นพอทิ้งแขนแล้วก็กลิ้งไปด้านข้าง

เขาพยายามเอาชีวิตให้รอด

 

“นอนแดกน้ำโคลนตรงนั้นไปเถอะ,ไอ้หนู”

 

อกาเรสได้ยิ้มเยาะขณะมองต่ำดูถูกพี่เบเลธผู้ล้มลงไปกับพื้น

ดูเธอจะไม่สนใจในตัวพี่เบเลธอีกต่อไปจึงปล่อยให้พี่เบเลธไว้เบื้องหลัง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังเป้าหมายข้างหน้า โดยเป้าหมายต่อไปของเธอคือ ทหารที่เหลืออยู่  5,000 นายที่ขาดไร้ผู้บัญชาการไปแล้ว

 

ออร่าสีฟ้าเข้มระเบิดแผ่ออกมาขณะที่อกาเรสคำราม

 

“ฟูอ่าาาาาาาาห์━!”

 

จอมมารอกาเรสนั้นพุ่งเข้าใส่พร้อมกับคำรามดั่งสัตว์ร้าย ทหารจำนวนมากต้องตายตกตามกันอย่างช่วยไม่ได้ทุกครั้งที่เธอกวัดแกว่งง้าว 

เครื่องในตับไตไส้พุง เศษเนื้อและเลือดต่างโปรยปรายจากฟากฟ้าราวกับฝนตก

 

จอมมารแห่งหน่วยกองที่ 2 ของฝ่ายที่ราบพยายามหยุดศัตรูผู้น่าหวาดหวั่นผู้นี้ด้วยการใช้ประโยชน์จากออเกอร์

ออเกอร์ยี่สิบตัวโผพุ่งเข้าไปราวกับหมูป่า

 

แต่ถึงอย่างนั้นอกาเรสก็เชือดออเกอร์แต่ละตัวด้วยการฟันลงและตวัดขึ้นอย่างละครั้ง

ออเกอร์ที่เคยสร้างความหวาดกลัวให้กับเหล่ามนุษย์และปีศาจ กลับไม่อาจทนยื้อต่อสู้ได้เกิน 5 นาที ก่อนที่หัวของพวกมันจะกองกับดินที่พื้น

 

ทหารฝ่ายที่ราบเหลือแค่เพียง พันนาย ไม่มีทางที่พวกที่เหลือรอดมาจะทนต่อไปไหว ยามเมื่อเห็นประจักษ์กับของแบบนี้เข้า

 

 

จอมมารอกาเรสนั้นลงมาสู่สนามรบ เธอกวาดล้างทั้งสมรภูมิราวกับกำลังหัวเราะใส่ฝ่ายที่ราบ เยาะหยันยั่วโมโหบาร์บาทอส

 

 

「กลยุทธ」? 「ยุทธวิธี」? พวกนั้นมันไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกไปจากความอ่อนแออันน่าสิ้นหวัง

 

ผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงไม่จำเป็นต้องมีกลยุทธใดหรือทักษะการวางแผนอื่น

ผู้แข็งแกร่งนั้นต้องการแต่เพียงศาสตราวุธและร่างกายของตน

 

 

ราวกับเธอกำลังแสดงให้ดูว่า จอมมารเขารบกันอย่างไร

 

อกาเรสยังคงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด มอนสเตอร์ที่อยู่ในฝ่ายที่ราบนั้นถึงกับช็อคด้วยความหวาดกลัวทุกครั้งที่เสียงหัวเราะของเธอดังลั่นไปทั่วผืนฟ้า

 

บาร์บาทอสเห็นภาพพวกนั้นอย่างชัดเจน จึงสบถออกมาดังๆ

 

“นังห่าพระเจ้าสาปนั่นแม่งต้องช่วยตัวเองด้วยสายสะดือตอนอยู่ในครรภ์แม่มันแน่ๆ”

ถ้ามันยังเป็นอย่างนี้ต่อไป กระแสการรบมันจะไม่เป็นไปตามที่ฝ่ายที่ราบต้องการ บาร์บาทอสกระชับเคียวของตัวเองแล้วตะโกนขึ้น

 

“ใครที่ยังสู้ไหว ตามข้ามา!”

บาร์บาทองพุ่งเข้าใส่อกาเรสพร้อมกับจอมมารฝ่ายที่ราบอีก 8 ตน 

 

 

บาร์บาทอสเข้าไปปะทะ เพื่อดวลกันตามลำพังระหว่างเธอกับอกาเรส

จริงอยู่ที่เธอไม่อาจเทียบชั้นพละกำลังกับอกาเรสได้ แต่บาร์บาทอสเองก็ใช้มนตร์ดำของตนได้อย่างเหมาะสม

 

เธอใช้ประโยชน์จากเดธไน้ท์ที่สิงอยู่ในเงาของเธอ เดธไน้ท์จำนวนมากกว่า 400 นาย กำลังต่อสู้กับอกาเรสทีละตน ทีละตน 

ด้วยเหตุนี้เอง การต่อสู้จึงสูสีกัน 

 

มันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างอกาเรสกับบาร์บาทอสที่รุกไล่กันไปกันมา

ซึ่งนั่นหมายถึง ความพ่ายแพ้ของบาร์บาทอส

 

 

เมื่อผู้บัญชาการสูงสุดของฝ่ายที่ราบจำต้องออกมาเพื่อหยุดอกาเรส ทั้งกองทัพของอกาเรส 20,000 นาย ก็แสดงพลังอย่างท่วมท้นใส่ฝ่ายที่ราบในสมรภูมิ

ฝ่ายที่ราบจึงต้องถอยร่นไป

 

หากเป็นเช่นนี้ต่อไปย่อมไม่ดีแน่ ดังนั้นบาร์บาทอสที่เม้มริมฝีปากแน่นก็ไม่มีทางเลือกอื่นได้นอกจากถอย

 

การต่อสู้แรกจบลงที่ความพ่ายแพ้ของฝ่ายที่ราบ

ผมที่ได้รับรายงานถึงกับกุมหัว

 

 

“……ไอ้ความยากระดับระยำนรกแตกนี่”

 

อกาเรสใน <Dungeon Attack> มันไม่ได้ทรงพลังบ้าบอขนาดนี้โว้ยยยย

 

นี่มันเหี้ยอะไรกันวะ? นางเป็นอาวุธไม้ตายทำลายล้างของกองทัพจอมมารรึไงกันวะ? 

เผชิญหน้ากับทั้งกองทัพ ตามลำพังบนหนังหมาป่า แม้แต่สุดยอดนักดาบที่เก่งที่สุดในโลกก็ยังไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนี้

กว่าฮีโร่จะไปถึงระดับนั้นได้ก็ต้องปลดขีดจำกัดเลเวลอีก!

 

แถมผมยังต้องไปเจรจาต่อรองกับกามิกินอีกครั้ง หลังจากได้รับรายงานนี้ นี่มันซวยแล้วไม่ใช่รึไง?

 

กามิกินยังคงยิ้มเหมือนอย่างเคยขณะที่ยังนั่งที่เก้าอี้ต่อรอง

แต่สิ่งที่ต่างออกไปเบื้องหลังรอยยิ้มของนางก็คือ

 

ดูนายตอนนี้ซี่ ข้าบอกนายไปก่อนแล้วไม่ใช่หรือไงกัน? ตอนมีโอกาสก็ไม่ยอมฟังกันนะ 

 

รอยยิ้มของเธอเหมือนกำลังบอกอย่างนั้น

 

ริมฝีปากของเธอนั้นฉีกออกกว้างยามที่เห็นผม

 

“มอบดินแดนฮับบวร์กให้ข้า 60% เพื่อชดเชย การเจรจาครั้งนี้ดีกว่าน้า~”

 

“…….”

 

“ข้าจะขอบอกนายไว้ก่อน นี่นับว่า ลดให้เยอะเลยนะ รู้ไหม?”

 

 

ผมล่ะอยากฆ่านางจริงๆ

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+