Dungeon Defense (WN) 231 การสู้รบของจอมมาร (2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 231 การสู้รบของจอมมาร (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

60% ของทุกอย่างงั้นเรอะ!?

 

สมองแม่นี่คงจะมีรูกลวงโบ๋มากมายเหมือนสวิสชีสไปแล้วแน่ๆ ถ้าเรายอมทำแบบนั้นสัดส่วนของฝ่ายที่ราบ : อกาเรส : กามิกิน ก็จะกลายเป็น 4:3:3 อย่างไม่ต้องสงสัย

 

มันไม่มีทางที่ใครจะมารีบดีลแบบนี้ได้อยู่แล้ว ส่วนยัยกามิกินก็ดันทำตัวดื้อแพ่งจะเอาดีลนี้เพียงเพราะชนะการรบครั้งแรก!

 

 

 

“…….”

 

ผมแตะไปที่มือซ้ายของตัวเอง

 

บางครั้งผมก็แตะไปที่มือด้วนๆที่เคยมีนิ้วตัวเองอยู่ หลังจากที่มอบนิ้วชี้กับนิ้วกลางเป็นของกำนัลให้กับบาร์บาทอสไป

ผมสามารถใช้ความสามารถการฟื้นตัวของจอมมารรักษาแผลดังกล่าวได้ แต่ผมตั้งใจจะปล่อยมันไว้อย่างนั้น

ผมสามารถตายได้ในชั่วพริบตา หากผมประมาท

 

แผลนี้มันคอยเป็นเครื่องย้ำเตือนผม ให้ผมระลึกถึงความกลัวความวุ่นวายใจเมื่อครั้งที่ผมถูกลอบทำร้ายในโลกปีศาจ

แต่พอมาเทียบกันแล้ว ที่นี่ไม่มีแม้แต่มีดมือสังหารหรือมนตร์สังหารที่ปลิวว่อน

 

ค่อยๆคิดกันอย่างใจเย็นดีกว่า

 

“……ณ ตอนนี้ตำแหน่งของจอมมารที่อยู่กับฝ่ายคุณอกาเรสนั้นเป็นพวกไม่สังกัดฝักฝ่ายใด

 

จอมมารที่ไม่สังกัดฝ่ายใดที่เคยเข้าร่วมรบในสงครามพันธมิตรเสี้ยวจันทรานั้นมารวมกลุ่มก้อนกันได้ก็เนื่องจากเสน่ห์โดยกำเนิดของคุณอกาเรส”

 

“หืมมม?”

กามิกินถึงกับเอียงคอด้วยความสงสัย

 

“อยู่ๆนายพูดอะไรออกมาน่ะ?”

 

“พวกนั้นน่ะ อ่อนแอมากยามที่รวมกลุ่มกัน”

ในช่วงแรกๆ แม้แต่กลุ่มของคนเร่ร่อนพเนจรก็แกร่งขึ้นมาได้หากรวมกลุ่มกัน

แต่พอเสถียรภาพ ความมั่นคงของกลุ่มเกิดสั่นคลอนขึ้นมายามเมื่อมีภัย ก็มีหลายกรณีที่เกิดฝ่ายต่อต้านและทำให้พวกคนทรยศในหมู่พวกเขาทำการโต้กลับ

มันไม่สำคัญเลยด้วยซ้ำว่า จะมีพละกำลังในการบุกตะลุยไปข้างหน้ามากแค่ไหน

 

“ข้ากล้ายืนยันเลยว่า พละกำลังของคุณอกาเรสนั้นเป็นอะไรที่ทำให้จอมมารเกือบทุกตนต่างต้องสั่นกลัว แต่ทว่า นั่นก็หมายความว่า กองทัพทั้งกองทัพกลับกำลังพึ่งพาความแข็งแกร่งของบุคคลๆเดียวอยู่

ก็ถือว่า ดีที่สามารถชนะได้ครั้งหนึ่ง พวกนั้นก็คงจะตื่นเต้นกันน่าดูเลยล่ะหลังชัยชนะครั้งนั้น

แล้วเธอคิดว่า จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ หากพวกนั้นเกิดแพ้ขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง?’

 

หากเป็นเรื่องนี้เทียบกับฝ่ายที่ราบไม่ได้หรอก

 

พวกเขาอาจจะแพ้ไปในศึกแรก แต่บาร์บาทอสก็สามารถหนี แล้วรวมทหารกลับมาใหม่ได้ในทันที

 

ไม่มีแม้แต่คนเดียวในฝ่ายที่ราบ ในบรรดา 19 จอมมาร ที่จะยอมแพ้ศัตรูหรือหนีไป

แถมให้ด้วยว่า พี่เบเลธน่ะยังบอกกับผมด้วย 

“คราวหน้าข้าจะขยี้แขนขวาของอกาเรส!”

แค่กองทัพที่เพิ่งแตกพ่ายไปกลับสามารถมารวมกันได้ใหม่ในทันที ยังไม่พอ แถมขวัญกำลังใจของพวกเขานั้นยังไม่ลดลงเลยด้วยซ้ำ

 

“คุณกามิกิน คิดว่า กองทัพแบบไหนกันที่น่ากลัวที่สุดในโลก?”

กามิกินตอบขณะที่ใช้นิ้วม้วนผมสีบลอนด์ของเธอ

 

“ก็รู้กันอยู่ กองทัพที่ถึงจะโดนบดขยี้ยังไงก็ยังคงโจมตีไปเรื่อยๆไม่หยุดหย่อน ไม่ต่างจากแมลงสาบ”

 

“ถูกต้องแล้ว”

ใครก็ตามที่เคยเป็นผู้บัญชาการนำทัพมาก่อน ต่างก็ตอบแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น

กองทัพที่สู้แล้วสู้อีกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากเพิ่งพ่ายแพ้ไป ผมแน่ใจสุดๆเลยว่า มันไม่มีอะไรชวนสยองได้มากเท่านี้อีกแล้ว

 

และฝ่ายที่ราบน่ะก็เป็นกองทัพแบบนั้น

 

บาร์บาทอสนั้นเป็นทั้งผู้นำในอุดมคติและผู้บัญชาการที่ชำนาญเรื่องการรบ พูดง่ายๆก็คือ เป็นผู้นำแห่งเหล่าผู้นำ

บาร์บาทอสอาจอยู่ในก๊วนพวกชั่วร้ายที่สุดที่มีแต่คนบ้ามารวมตัวกัน

แต่ก็คนพวกนั้นนั่นแหละที่ถูกเชื่อมย้อมไปด้วยอุดมคติหลอมรวมกันกลายเป็นเครื่องจักรทำลายล้าง

 

 

“ฝ่ายที่ราบน่ะจะลุกขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าไม่เลิกรา หลังจากได้รับความพ่ายแพ้ 

วิธีการดีที่สุดในการเอาชนะขาดฝ่ายที่ราบก็คือ เธอต้องฆ่าล้างให้สิ้นซากอย่างสมบูรณ์”

 

“หืมมม แล้วนายคิดว่า อกาเรสทำไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?”

 

“ข้าบอกตามตรงว่า ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก”

ผมหงายฝ่ามือตัวเองให้ดูและยิ้มชั่วร้าย

 

“แล้วเธอแน่ใจได้ไหมล่ะ? ว่าจอมมารไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดนั้นจะไม่แพ้เลยสักครั้งเดียว?”

กามิกิมไม่ตอบคำถามนั้น แต่ก็ยังคงจ้องมองผมอย่างเงียบๆ ปรากฏยิ้มที่ริมฝีปากนั่นคือ สาเหตุที่เธอตั้งใจเงียบ

 

 

“ผิดกับฝ่ายที่ราบ จอมมารไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดนั้นพอแพ้ไปสักครั้งหนึ่งแล้วก็จะท้อถอยและบาร์บาทอสน่ะก็ไม่มีทางพลาดโอกาสนั้นอยู่แล้ว”

 

บาร์บาทอสนั้นเป็นสุดยอดผู้ยิ่งใหญ่นักกลยุทธในหมู่กองทัพจอมมาร

เธอจะไล่กัดไล่จับจุดอ่อนเหมือนหมาป่าโดยไม่ยอมให้อีกฝ่ายหลุดไปได้

 

 

“คุณกามิกิน อันที่จริง คุณอกาเรสต่างหากที่กำลังจะเสียเปรียบในสงครามความขัดแย้งภายใน ไม่ใช่ฝ่ายที่ราบ”

 

“อกาเรสเนี่ยนะ จะเสียเปรียบ?”

“ถูกต้อง คุณอกาเรสนั้นไม่อาจพลาดได้เลยแม้สักครั้ง ซึ่งนั่นเป็นการพนันที่เสี่ยงอันตรายอย่างมาก”

 

กามิกินไขว้ขา เธอนั้นสวมชุดเสื้อผ้าบางยาวสีขาวเหมือนคนจากยุคกรีกโบราณ น่องของเธอจึงเผยออกมาเมื่อผ้าร่นขึ้น

 

“อย่างนั้นเหรอ? ก็ธรรมดาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอที่การเดิมพันสูง ผลตอบแทนก็สูงตามด้วย”

 

“สิ่งที่ข้าต้องการจะบอก คือ ตอนนี้เวลานี้เท่านั้นที่คุณกามิกินจะมีค่าสูงได้ถึงขนาดนี้”

ผมแกล้งทำเป็นไม่แยแสขณะยิ้มให้

 

“หากฝ่ายที่ราบชนะขึ้นมา เธอก็เสียโอกาสที่จะขายตัวเองในราคาสูงๆอีกต่อไป

คุณกามิกิน ข้าสัญญาว่าจะมอบ 20%ของดินแดนทางเหนือฮับบวร์กหลังจากศึกนี้จบ มาร่วมมือกับฝ่ายที่ราบเราดีกว่า”

 

“โทษทีนะ แต่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”

กามิกินหัวเราะลั่นออกมา

 

“ที่พูดมาก็ฟังดูดีอยู่หรอกน้า แต่ก็ไม่ชวนให้คล้อยตามขนาดนั้น

 

การที่อกาเรสรักษากองทัพไว้ก็ด้วยเสน่ห์ผู้นำเพียงอย่างเดียวน่ะเหรอ? ก็จริงนะ แต่ถ้าหันไปดูให้ดี นั่นก็หมายความว่า ฝ่ายที่ราบน่ะแพ้คนแบบนั้นอยู่ไม่ใช่เหรอ~”

 

“…….”

ดูเหมือนกามิกินไม่รับข้อตกลง

 

ผมคิดว่า เธอจะร่วมมือด้วยถ้าผมเสนอที่ดินที่เหมาะสม แต่ดูเหมือนพันธมิตรของเธอกับอกาเรสนั้นแนบแน่นกว่าที่ผมคิดไว้ พวกนั้นอาจใช้เวทย์มนตร์บางอย่างเพื่อป้องกันการทรยศหักหลังก็ได้

ผมจึงพูดขึ้น

 

“ข้าขอเตือนท่านจริงจังนะ คุณกามิกิน”

 

“นั่นเป็นสิ่งที่ข้าอยากจะเตือนนายก่อนต่างหาก ดันทาเลี่ยน”

 

เราทั้งคู่ต่างยิ้มให้แก่กัน

การเจรจาต่อรองครั้งที่สองจบลงตรงที่ไม่ได้อะไรขึ้นมา

ผมตัดสินใจใช้ไพ่ไม้ตายที่ซ่อนไว้

 

 

* * *

 

 

การเจรจาล้มเหลวโดยสิ้นเชิง!

 

 

อกาเรสเคลื่อนทัพของเธอทันที เธอไม่เห็นด้วยกับอะไรอย่างเช่นการเจรจา เธอพอใจอย่างมากตอนที่กามิกินบอกข่าวนั้นกับเธอ เนื่องจากอกาเรสมั่นใจเต็มร้อยมากว่านางจะชนะ

 

“ฝ่ายที่ราบมันหมาขี้แพ้ที่เอาแต่เห่า”

 

เธอนั้นไม่ชอบที่บาร์บาทอสเป็นตัวแทนของคนคลั่งสงครามในกองทัพจอมมาร

ในความเห็นของอกาเรสนั้น กลยุทธ กลศึกเป็นแค่เกมสำหรับพวกมนุษย์เท่านั้น แต่สำหรับเผ่าปีศาจที่มีพละกำลังกายเหนือศัตรู ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งเดียวที่มีค่า

ในขณะที่ตอนนี้บาร์บาทอสพยายามชิงความได้เปรียบในแง่ภูมิศาสตร์

 

บาร์บาทอสอยู่ที่เนินสูงกว่าและทำให้อีกฝ่ายที่พยายามพุ่งขึ้นมากลับต้องเหนื่อย เธอได้เรียนรู้จากการรบก่อนหน้าแล้วจึงได้แยกหน่วยเผชิญกับอกาเรส

 

มันเป็นหน่วยที่มีแต่บาร์บาทอส,เบเลธและจอมมารอีก 9 ตน และเดธไน้ท์อีก 400 นาย เป็นหน่วยชั้นนำที่ทำให้ทั้งทวีปต้องหวาดกลัว

 

เซปาร์ได้ถามด้วยความกังวลออกมา

 

“หากนายท่านรับมืออกาเรสแล้ว ใครจะเป็นผู้บัญชาการทหารทั้งหมดกัน?”

 

“แกบัญชาการได้ ,เซปาร์”

 

ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นการต่อสู้แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองฝ่ายนั้นเลิกเป็นผู้ออกคำสั่งแล้วลงมาดวลกันเองแทน

 

ฝ่ายที่ราบตรงเข้าปะทะอีกครั้งแม้ก่อนหน้าจะเพิ่งแพ้ไป

กองทัพที่นำโดยฝ่ายที่ราบนั้นระดมกำลังรวมกันเพื่อสู้รบมาหลายร้อยปีโดยไม่หยุดพัก

หากเป็นเรื่องในแง่คุณภาพ พวกเขานั้นเหนือกว่ากองกำลังของอกาเรส

 

 

ไอ้หนู! มาอีกรอบมา!”

 

ถึงอย่างนั้น สำหรับจอมมารอกาเรส คุณภาพของกองกำลังนั้นไร้ค่าเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าพละกำลังอันล้นหลามของเธอ

 

 

อกาเรสขี่หมาป่าสีแดงเข้าสู่สนามรบโดยไม่พัก

บาร์บาทอสใส่เต็มที่กับการเผชิญหน้ากับอกาเรส แต่อกาเรสสู้กับจอมมาร 9 ตนและเดธไน้ท์ 400 นาย ราวกับว่าต้องการจะประกาศให้ทุกคนรู้ทั่วกันว่า จอมมารลำดับ 2 นั้นไม่ได้มีไว้โชว์

 

“นังโง่นั่น……มันไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยรึไงวะ!?”

 

บาร์บาทอสสบถออกมาขณะหอบเหนื่อย

ตอนนี้รบกันมานานกว่า 6 ชั่วโมง จนถึงตอนนี้บาร์บาทอสใช้พลังเวทย์ไปเกินกว่าครึ่งแล้ว

เมื่อเวทย์จำนวนมหาศาลหลั่งไหลออกจากร่างกายฉับพลัน มันจะนำมาซึ่งอากรเวียนหัวคลื่นไส้ บ้างครั้งถึงกับท้องเสีย

 

บาร์บาทอสไม่ใช่คนเดียวที่อยู่ในสภาพสุดแย่

เบเลธที่เสียแขนไปจากการต่อสู้ก่อนหน้า วันนี้เขาก็ถูกตัดแขนซ้ายไปถึงสองครั้งแล้ว

ถึงเขาสามารถเยียวยาแผลด้วยความสามารถในการฟื้นตัว แต่การทำแบบนั้นต้องเหนื่อยล้า

พอบาร์บาทอสกับเบเลธค่อยๆอ่อนแอลง อกาเรสก็ยังคงถล่มอาละวาดหนักขึ้น

 

 

“เท่านี้ก็หมดท่าแล้วรึ!? เห็นว่า โม้ไปเรื่อยว่า จะแบกรับความปรารถนาของเผ่าปีศาจ แค่นี้ก็หมดแรงแล้วรึไง!? 

อ่อนแอเหลือเกิน เจ้าพวกฝ่ายที่ราบ!”

 

อกาเรสหัวเราะลั่นขึ้นมากลางสนามรบ

 

“ชีวิตมันก็อย่างนี้แหละ! ในหมู่ผู้แข็งแกร่งก็ยังมีผู้แข็งแกร่งกว่า ในหมู่ผู้อ่อนแอก็มีผู้อ่อนแอกว่า!

คนที่ไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆอย่างนี้ กล้าดียังไงมาทำเป็นแข็งแกร่งทั้งที่แค่พอมีกำลังอยู่เล็กน้อยเท่านั้น!”

อกาเรสกวัดแกว่งง้าว

 

“ใครๆก็ทำเป็นแข็งแกร่งได้! พูดเหมือนผู้แข็งแกร่งได้ คิดว่าตนแข็งแกร่งได้ ทำตัวเหมือนผู้แข็งแกร่งได้

แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงนั้น มันคนละระดับกัน!”

 

เดธไนท์สามตนตายในทันทีที่อกาเรสตวัดกวาดอย่างรุนแรง

เดธไน้ท์เหล่าน้้นคอยช่วยปัดป้องในจุดที่บาร์บาทอสและเบเลธป้องกันไม่ไหว ทำให้ต้องเสียพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว

 

อกาเรสระเบิดออร่าออกมาขณะที่หัวเราะลั่น

 

“ทุกครั้งที่ข้าได้เหยียบย่ำแมลงที่แกล้งทำตัวว่าแข็งแกร่งมันทำให้ข้าสดชื่น! บาร์บาทอส! จงสิ้นหวังกับความอ่อนแอของตัวเองซะ”

 

“ปากบนเอ็งมันก็เน่าเหมือนปากล่างจริงๆว่ะ อีดอกนี่”

 

บาร์บาทอสกระชับเคียวในมือพลางกัดฟัน

 

 

ในตอนนั้นเอง

 

“━━?”

อกาเรสลดตำแหน่งง้าวในมือลงพลางมองไปยังอีกฝั่ง

 

บาร์บาทอสคิดว่า อีกฝ่ายตั้งใจทำตัวประมาทลงเพื่อล่อให้โจมตีเข้าไป แต่อกาเรสนั้นไม่ได้ใช้ ทริค แบบนั้น

 

อันที่จริงแล้ว สีหน้าของอกาเรสนั้นค่อยๆแสดงความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ บาร์บาทอสจึงตัดสินใจถอยเว้นระยะห่างออกมาก่อนจะมองตามไปยังทิศทางของอกาเรส

 

บนทิวเขานั้นมีธงนับร้อยธงที่โบกสะบัดพัดไสว

เนื่องมาจากพลังกายอันมหาศาลของจอมมารระดับสูงทำให้เธอสามารถรู้ว่า สัญลักษณ์บนธงนั้นเป็นของใครได้จากที่ไกลๆ

 

มันไม่ใช่ธงของอกาเรส ไม่ใช่สัญลักษณ์ของจอมมารที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเช่นกัน สีหน้าบาร์บาทอสก็ต่างบูดบึ้งยามที่เห็นสัญลักษณ์นั้น

 

“……สิตริ?”

 

แพะที่มีสามเขา

นั่นเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของจอมมารลำดับ 12 บุคคลที่ขึ้นครองตำแหน่งผู้นำสูงสุดของฝ่ายภูเขาแทนไพมอน

 

 

* * *

 

 

สิตริมาพร้อมกับจอมมารฝ่ายภูเขาอีก 6 ตน

 

 

เธอขี่แพะภูเขาพร้อมกับมองลงมายังสมรภูมิที่อยู่เบื้องล่างเนิน ดูไปก็คล้ายเธอกำลังแยกแยะอยู่ว่า ใครเป็นสหาย ใครเป็นศัตรู

 

“หึ อกาสเผยตูดให้เห็นชัดจริงๆ”

 

สิตริได้รักษาสัญญากับดันทาเลี่ยนก่อนหน้านี้ เธอทำตามสัญญาทั้งสองข้อที่ให้ไว้เพื่อชดเชยกับการที่ไว้ชีวิตไพมอน

 

ข้อแรกคือ เรื่องของเงินทุน และไม่กี่วันต่อมา ดันทาเลี่ยนก็แอบบอกคำขออย่างที่สองกับสิตริ

 

ความปรารถนาของเขาคือ ต้องการให้เธอเข้ามาจัดการกำจัดความขัดแย้งภายในฮับบวร์กและช่วยบาร์บาทอส

 

พูดอีกอย่างหนึ่ง เขากำลังบอกให้เธอช่วยเหลือบาร์บาทอสผู้เป็นศัตรูตลอดกาลของเธอ ถ้าเป็นคนปกติก็คงโกรธมาก

แต่ถึงอย่างนั้นสิตริก็ตกลงรับปากโดยไม่ลังเล ดังนั้นจึงมีจอมมารฝ่ายภูเขาบางส่วนไม่เห็นด้วย เธอจึงยกทัพเดินทหารมาด้วยตัวเอง เธอเป็นคนที่ตรงไปตรงมาเช่นนั้น

 

และเธอเองต้องรักษาสัญญา

นั่นเป็นเหตุผลที่ยิ่งใหญ่พอแล้วสำหรับจอมมารสิตริ

 

 

สิตริยกแขนขวาขึ้น

 

“ทุกหน่วย จงข่มขืนอกาเรสอย่างนุ่มนวลด้วย”

เธอนั้นยิ้มออกมาอย่างมีความสุขที่ได้สามารถทำตามความปรารถนาของดันทาเลี่ยน

 

“รู้ไว้เถอะว่า เรื่องทะลวงตูดคนอื่นนี่เป็นความช่ำชองของข้าอยู่แล้ว”

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 231 การสู้รบของจอมมาร (2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 231 การสู้รบของจอมมาร (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

60% ของทุกอย่างงั้นเรอะ!?

 

สมองแม่นี่คงจะมีรูกลวงโบ๋มากมายเหมือนสวิสชีสไปแล้วแน่ๆ ถ้าเรายอมทำแบบนั้นสัดส่วนของฝ่ายที่ราบ : อกาเรส : กามิกิน ก็จะกลายเป็น 4:3:3 อย่างไม่ต้องสงสัย

 

มันไม่มีทางที่ใครจะมารีบดีลแบบนี้ได้อยู่แล้ว ส่วนยัยกามิกินก็ดันทำตัวดื้อแพ่งจะเอาดีลนี้เพียงเพราะชนะการรบครั้งแรก!

 

 

 

“…….”

 

ผมแตะไปที่มือซ้ายของตัวเอง

 

บางครั้งผมก็แตะไปที่มือด้วนๆที่เคยมีนิ้วตัวเองอยู่ หลังจากที่มอบนิ้วชี้กับนิ้วกลางเป็นของกำนัลให้กับบาร์บาทอสไป

ผมสามารถใช้ความสามารถการฟื้นตัวของจอมมารรักษาแผลดังกล่าวได้ แต่ผมตั้งใจจะปล่อยมันไว้อย่างนั้น

ผมสามารถตายได้ในชั่วพริบตา หากผมประมาท

 

แผลนี้มันคอยเป็นเครื่องย้ำเตือนผม ให้ผมระลึกถึงความกลัวความวุ่นวายใจเมื่อครั้งที่ผมถูกลอบทำร้ายในโลกปีศาจ

แต่พอมาเทียบกันแล้ว ที่นี่ไม่มีแม้แต่มีดมือสังหารหรือมนตร์สังหารที่ปลิวว่อน

 

ค่อยๆคิดกันอย่างใจเย็นดีกว่า

 

“……ณ ตอนนี้ตำแหน่งของจอมมารที่อยู่กับฝ่ายคุณอกาเรสนั้นเป็นพวกไม่สังกัดฝักฝ่ายใด

 

จอมมารที่ไม่สังกัดฝ่ายใดที่เคยเข้าร่วมรบในสงครามพันธมิตรเสี้ยวจันทรานั้นมารวมกลุ่มก้อนกันได้ก็เนื่องจากเสน่ห์โดยกำเนิดของคุณอกาเรส”

 

“หืมมม?”

กามิกินถึงกับเอียงคอด้วยความสงสัย

 

“อยู่ๆนายพูดอะไรออกมาน่ะ?”

 

“พวกนั้นน่ะ อ่อนแอมากยามที่รวมกลุ่มกัน”

ในช่วงแรกๆ แม้แต่กลุ่มของคนเร่ร่อนพเนจรก็แกร่งขึ้นมาได้หากรวมกลุ่มกัน

แต่พอเสถียรภาพ ความมั่นคงของกลุ่มเกิดสั่นคลอนขึ้นมายามเมื่อมีภัย ก็มีหลายกรณีที่เกิดฝ่ายต่อต้านและทำให้พวกคนทรยศในหมู่พวกเขาทำการโต้กลับ

มันไม่สำคัญเลยด้วยซ้ำว่า จะมีพละกำลังในการบุกตะลุยไปข้างหน้ามากแค่ไหน

 

“ข้ากล้ายืนยันเลยว่า พละกำลังของคุณอกาเรสนั้นเป็นอะไรที่ทำให้จอมมารเกือบทุกตนต่างต้องสั่นกลัว แต่ทว่า นั่นก็หมายความว่า กองทัพทั้งกองทัพกลับกำลังพึ่งพาความแข็งแกร่งของบุคคลๆเดียวอยู่

ก็ถือว่า ดีที่สามารถชนะได้ครั้งหนึ่ง พวกนั้นก็คงจะตื่นเต้นกันน่าดูเลยล่ะหลังชัยชนะครั้งนั้น

แล้วเธอคิดว่า จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ หากพวกนั้นเกิดแพ้ขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง?’

 

หากเป็นเรื่องนี้เทียบกับฝ่ายที่ราบไม่ได้หรอก

 

พวกเขาอาจจะแพ้ไปในศึกแรก แต่บาร์บาทอสก็สามารถหนี แล้วรวมทหารกลับมาใหม่ได้ในทันที

 

ไม่มีแม้แต่คนเดียวในฝ่ายที่ราบ ในบรรดา 19 จอมมาร ที่จะยอมแพ้ศัตรูหรือหนีไป

แถมให้ด้วยว่า พี่เบเลธน่ะยังบอกกับผมด้วย 

“คราวหน้าข้าจะขยี้แขนขวาของอกาเรส!”

แค่กองทัพที่เพิ่งแตกพ่ายไปกลับสามารถมารวมกันได้ใหม่ในทันที ยังไม่พอ แถมขวัญกำลังใจของพวกเขานั้นยังไม่ลดลงเลยด้วยซ้ำ

 

“คุณกามิกิน คิดว่า กองทัพแบบไหนกันที่น่ากลัวที่สุดในโลก?”

กามิกินตอบขณะที่ใช้นิ้วม้วนผมสีบลอนด์ของเธอ

 

“ก็รู้กันอยู่ กองทัพที่ถึงจะโดนบดขยี้ยังไงก็ยังคงโจมตีไปเรื่อยๆไม่หยุดหย่อน ไม่ต่างจากแมลงสาบ”

 

“ถูกต้องแล้ว”

ใครก็ตามที่เคยเป็นผู้บัญชาการนำทัพมาก่อน ต่างก็ตอบแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น

กองทัพที่สู้แล้วสู้อีกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากเพิ่งพ่ายแพ้ไป ผมแน่ใจสุดๆเลยว่า มันไม่มีอะไรชวนสยองได้มากเท่านี้อีกแล้ว

 

และฝ่ายที่ราบน่ะก็เป็นกองทัพแบบนั้น

 

บาร์บาทอสนั้นเป็นทั้งผู้นำในอุดมคติและผู้บัญชาการที่ชำนาญเรื่องการรบ พูดง่ายๆก็คือ เป็นผู้นำแห่งเหล่าผู้นำ

บาร์บาทอสอาจอยู่ในก๊วนพวกชั่วร้ายที่สุดที่มีแต่คนบ้ามารวมตัวกัน

แต่ก็คนพวกนั้นนั่นแหละที่ถูกเชื่อมย้อมไปด้วยอุดมคติหลอมรวมกันกลายเป็นเครื่องจักรทำลายล้าง

 

 

“ฝ่ายที่ราบน่ะจะลุกขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าไม่เลิกรา หลังจากได้รับความพ่ายแพ้ 

วิธีการดีที่สุดในการเอาชนะขาดฝ่ายที่ราบก็คือ เธอต้องฆ่าล้างให้สิ้นซากอย่างสมบูรณ์”

 

“หืมมม แล้วนายคิดว่า อกาเรสทำไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?”

 

“ข้าบอกตามตรงว่า ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก”

ผมหงายฝ่ามือตัวเองให้ดูและยิ้มชั่วร้าย

 

“แล้วเธอแน่ใจได้ไหมล่ะ? ว่าจอมมารไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดนั้นจะไม่แพ้เลยสักครั้งเดียว?”

กามิกิมไม่ตอบคำถามนั้น แต่ก็ยังคงจ้องมองผมอย่างเงียบๆ ปรากฏยิ้มที่ริมฝีปากนั่นคือ สาเหตุที่เธอตั้งใจเงียบ

 

 

“ผิดกับฝ่ายที่ราบ จอมมารไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดนั้นพอแพ้ไปสักครั้งหนึ่งแล้วก็จะท้อถอยและบาร์บาทอสน่ะก็ไม่มีทางพลาดโอกาสนั้นอยู่แล้ว”

 

บาร์บาทอสนั้นเป็นสุดยอดผู้ยิ่งใหญ่นักกลยุทธในหมู่กองทัพจอมมาร

เธอจะไล่กัดไล่จับจุดอ่อนเหมือนหมาป่าโดยไม่ยอมให้อีกฝ่ายหลุดไปได้

 

 

“คุณกามิกิน อันที่จริง คุณอกาเรสต่างหากที่กำลังจะเสียเปรียบในสงครามความขัดแย้งภายใน ไม่ใช่ฝ่ายที่ราบ”

 

“อกาเรสเนี่ยนะ จะเสียเปรียบ?”

“ถูกต้อง คุณอกาเรสนั้นไม่อาจพลาดได้เลยแม้สักครั้ง ซึ่งนั่นเป็นการพนันที่เสี่ยงอันตรายอย่างมาก”

 

กามิกินไขว้ขา เธอนั้นสวมชุดเสื้อผ้าบางยาวสีขาวเหมือนคนจากยุคกรีกโบราณ น่องของเธอจึงเผยออกมาเมื่อผ้าร่นขึ้น

 

“อย่างนั้นเหรอ? ก็ธรรมดาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอที่การเดิมพันสูง ผลตอบแทนก็สูงตามด้วย”

 

“สิ่งที่ข้าต้องการจะบอก คือ ตอนนี้เวลานี้เท่านั้นที่คุณกามิกินจะมีค่าสูงได้ถึงขนาดนี้”

ผมแกล้งทำเป็นไม่แยแสขณะยิ้มให้

 

“หากฝ่ายที่ราบชนะขึ้นมา เธอก็เสียโอกาสที่จะขายตัวเองในราคาสูงๆอีกต่อไป

คุณกามิกิน ข้าสัญญาว่าจะมอบ 20%ของดินแดนทางเหนือฮับบวร์กหลังจากศึกนี้จบ มาร่วมมือกับฝ่ายที่ราบเราดีกว่า”

 

“โทษทีนะ แต่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”

กามิกินหัวเราะลั่นออกมา

 

“ที่พูดมาก็ฟังดูดีอยู่หรอกน้า แต่ก็ไม่ชวนให้คล้อยตามขนาดนั้น

 

การที่อกาเรสรักษากองทัพไว้ก็ด้วยเสน่ห์ผู้นำเพียงอย่างเดียวน่ะเหรอ? ก็จริงนะ แต่ถ้าหันไปดูให้ดี นั่นก็หมายความว่า ฝ่ายที่ราบน่ะแพ้คนแบบนั้นอยู่ไม่ใช่เหรอ~”

 

“…….”

ดูเหมือนกามิกินไม่รับข้อตกลง

 

ผมคิดว่า เธอจะร่วมมือด้วยถ้าผมเสนอที่ดินที่เหมาะสม แต่ดูเหมือนพันธมิตรของเธอกับอกาเรสนั้นแนบแน่นกว่าที่ผมคิดไว้ พวกนั้นอาจใช้เวทย์มนตร์บางอย่างเพื่อป้องกันการทรยศหักหลังก็ได้

ผมจึงพูดขึ้น

 

“ข้าขอเตือนท่านจริงจังนะ คุณกามิกิน”

 

“นั่นเป็นสิ่งที่ข้าอยากจะเตือนนายก่อนต่างหาก ดันทาเลี่ยน”

 

เราทั้งคู่ต่างยิ้มให้แก่กัน

การเจรจาต่อรองครั้งที่สองจบลงตรงที่ไม่ได้อะไรขึ้นมา

ผมตัดสินใจใช้ไพ่ไม้ตายที่ซ่อนไว้

 

 

* * *

 

 

การเจรจาล้มเหลวโดยสิ้นเชิง!

 

 

อกาเรสเคลื่อนทัพของเธอทันที เธอไม่เห็นด้วยกับอะไรอย่างเช่นการเจรจา เธอพอใจอย่างมากตอนที่กามิกินบอกข่าวนั้นกับเธอ เนื่องจากอกาเรสมั่นใจเต็มร้อยมากว่านางจะชนะ

 

“ฝ่ายที่ราบมันหมาขี้แพ้ที่เอาแต่เห่า”

 

เธอนั้นไม่ชอบที่บาร์บาทอสเป็นตัวแทนของคนคลั่งสงครามในกองทัพจอมมาร

ในความเห็นของอกาเรสนั้น กลยุทธ กลศึกเป็นแค่เกมสำหรับพวกมนุษย์เท่านั้น แต่สำหรับเผ่าปีศาจที่มีพละกำลังกายเหนือศัตรู ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งเดียวที่มีค่า

ในขณะที่ตอนนี้บาร์บาทอสพยายามชิงความได้เปรียบในแง่ภูมิศาสตร์

 

บาร์บาทอสอยู่ที่เนินสูงกว่าและทำให้อีกฝ่ายที่พยายามพุ่งขึ้นมากลับต้องเหนื่อย เธอได้เรียนรู้จากการรบก่อนหน้าแล้วจึงได้แยกหน่วยเผชิญกับอกาเรส

 

มันเป็นหน่วยที่มีแต่บาร์บาทอส,เบเลธและจอมมารอีก 9 ตน และเดธไน้ท์อีก 400 นาย เป็นหน่วยชั้นนำที่ทำให้ทั้งทวีปต้องหวาดกลัว

 

เซปาร์ได้ถามด้วยความกังวลออกมา

 

“หากนายท่านรับมืออกาเรสแล้ว ใครจะเป็นผู้บัญชาการทหารทั้งหมดกัน?”

 

“แกบัญชาการได้ ,เซปาร์”

 

ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นการต่อสู้แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองฝ่ายนั้นเลิกเป็นผู้ออกคำสั่งแล้วลงมาดวลกันเองแทน

 

ฝ่ายที่ราบตรงเข้าปะทะอีกครั้งแม้ก่อนหน้าจะเพิ่งแพ้ไป

กองทัพที่นำโดยฝ่ายที่ราบนั้นระดมกำลังรวมกันเพื่อสู้รบมาหลายร้อยปีโดยไม่หยุดพัก

หากเป็นเรื่องในแง่คุณภาพ พวกเขานั้นเหนือกว่ากองกำลังของอกาเรส

 

 

ไอ้หนู! มาอีกรอบมา!”

 

ถึงอย่างนั้น สำหรับจอมมารอกาเรส คุณภาพของกองกำลังนั้นไร้ค่าเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าพละกำลังอันล้นหลามของเธอ

 

 

อกาเรสขี่หมาป่าสีแดงเข้าสู่สนามรบโดยไม่พัก

บาร์บาทอสใส่เต็มที่กับการเผชิญหน้ากับอกาเรส แต่อกาเรสสู้กับจอมมาร 9 ตนและเดธไน้ท์ 400 นาย ราวกับว่าต้องการจะประกาศให้ทุกคนรู้ทั่วกันว่า จอมมารลำดับ 2 นั้นไม่ได้มีไว้โชว์

 

“นังโง่นั่น……มันไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยรึไงวะ!?”

 

บาร์บาทอสสบถออกมาขณะหอบเหนื่อย

ตอนนี้รบกันมานานกว่า 6 ชั่วโมง จนถึงตอนนี้บาร์บาทอสใช้พลังเวทย์ไปเกินกว่าครึ่งแล้ว

เมื่อเวทย์จำนวนมหาศาลหลั่งไหลออกจากร่างกายฉับพลัน มันจะนำมาซึ่งอากรเวียนหัวคลื่นไส้ บ้างครั้งถึงกับท้องเสีย

 

บาร์บาทอสไม่ใช่คนเดียวที่อยู่ในสภาพสุดแย่

เบเลธที่เสียแขนไปจากการต่อสู้ก่อนหน้า วันนี้เขาก็ถูกตัดแขนซ้ายไปถึงสองครั้งแล้ว

ถึงเขาสามารถเยียวยาแผลด้วยความสามารถในการฟื้นตัว แต่การทำแบบนั้นต้องเหนื่อยล้า

พอบาร์บาทอสกับเบเลธค่อยๆอ่อนแอลง อกาเรสก็ยังคงถล่มอาละวาดหนักขึ้น

 

 

“เท่านี้ก็หมดท่าแล้วรึ!? เห็นว่า โม้ไปเรื่อยว่า จะแบกรับความปรารถนาของเผ่าปีศาจ แค่นี้ก็หมดแรงแล้วรึไง!? 

อ่อนแอเหลือเกิน เจ้าพวกฝ่ายที่ราบ!”

 

อกาเรสหัวเราะลั่นขึ้นมากลางสนามรบ

 

“ชีวิตมันก็อย่างนี้แหละ! ในหมู่ผู้แข็งแกร่งก็ยังมีผู้แข็งแกร่งกว่า ในหมู่ผู้อ่อนแอก็มีผู้อ่อนแอกว่า!

คนที่ไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆอย่างนี้ กล้าดียังไงมาทำเป็นแข็งแกร่งทั้งที่แค่พอมีกำลังอยู่เล็กน้อยเท่านั้น!”

อกาเรสกวัดแกว่งง้าว

 

“ใครๆก็ทำเป็นแข็งแกร่งได้! พูดเหมือนผู้แข็งแกร่งได้ คิดว่าตนแข็งแกร่งได้ ทำตัวเหมือนผู้แข็งแกร่งได้

แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงนั้น มันคนละระดับกัน!”

 

เดธไนท์สามตนตายในทันทีที่อกาเรสตวัดกวาดอย่างรุนแรง

เดธไน้ท์เหล่าน้้นคอยช่วยปัดป้องในจุดที่บาร์บาทอสและเบเลธป้องกันไม่ไหว ทำให้ต้องเสียพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว

 

อกาเรสระเบิดออร่าออกมาขณะที่หัวเราะลั่น

 

“ทุกครั้งที่ข้าได้เหยียบย่ำแมลงที่แกล้งทำตัวว่าแข็งแกร่งมันทำให้ข้าสดชื่น! บาร์บาทอส! จงสิ้นหวังกับความอ่อนแอของตัวเองซะ”

 

“ปากบนเอ็งมันก็เน่าเหมือนปากล่างจริงๆว่ะ อีดอกนี่”

 

บาร์บาทอสกระชับเคียวในมือพลางกัดฟัน

 

 

ในตอนนั้นเอง

 

“━━?”

อกาเรสลดตำแหน่งง้าวในมือลงพลางมองไปยังอีกฝั่ง

 

บาร์บาทอสคิดว่า อีกฝ่ายตั้งใจทำตัวประมาทลงเพื่อล่อให้โจมตีเข้าไป แต่อกาเรสนั้นไม่ได้ใช้ ทริค แบบนั้น

 

อันที่จริงแล้ว สีหน้าของอกาเรสนั้นค่อยๆแสดงความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ บาร์บาทอสจึงตัดสินใจถอยเว้นระยะห่างออกมาก่อนจะมองตามไปยังทิศทางของอกาเรส

 

บนทิวเขานั้นมีธงนับร้อยธงที่โบกสะบัดพัดไสว

เนื่องมาจากพลังกายอันมหาศาลของจอมมารระดับสูงทำให้เธอสามารถรู้ว่า สัญลักษณ์บนธงนั้นเป็นของใครได้จากที่ไกลๆ

 

มันไม่ใช่ธงของอกาเรส ไม่ใช่สัญลักษณ์ของจอมมารที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเช่นกัน สีหน้าบาร์บาทอสก็ต่างบูดบึ้งยามที่เห็นสัญลักษณ์นั้น

 

“……สิตริ?”

 

แพะที่มีสามเขา

นั่นเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของจอมมารลำดับ 12 บุคคลที่ขึ้นครองตำแหน่งผู้นำสูงสุดของฝ่ายภูเขาแทนไพมอน

 

 

* * *

 

 

สิตริมาพร้อมกับจอมมารฝ่ายภูเขาอีก 6 ตน

 

 

เธอขี่แพะภูเขาพร้อมกับมองลงมายังสมรภูมิที่อยู่เบื้องล่างเนิน ดูไปก็คล้ายเธอกำลังแยกแยะอยู่ว่า ใครเป็นสหาย ใครเป็นศัตรู

 

“หึ อกาสเผยตูดให้เห็นชัดจริงๆ”

 

สิตริได้รักษาสัญญากับดันทาเลี่ยนก่อนหน้านี้ เธอทำตามสัญญาทั้งสองข้อที่ให้ไว้เพื่อชดเชยกับการที่ไว้ชีวิตไพมอน

 

ข้อแรกคือ เรื่องของเงินทุน และไม่กี่วันต่อมา ดันทาเลี่ยนก็แอบบอกคำขออย่างที่สองกับสิตริ

 

ความปรารถนาของเขาคือ ต้องการให้เธอเข้ามาจัดการกำจัดความขัดแย้งภายในฮับบวร์กและช่วยบาร์บาทอส

 

พูดอีกอย่างหนึ่ง เขากำลังบอกให้เธอช่วยเหลือบาร์บาทอสผู้เป็นศัตรูตลอดกาลของเธอ ถ้าเป็นคนปกติก็คงโกรธมาก

แต่ถึงอย่างนั้นสิตริก็ตกลงรับปากโดยไม่ลังเล ดังนั้นจึงมีจอมมารฝ่ายภูเขาบางส่วนไม่เห็นด้วย เธอจึงยกทัพเดินทหารมาด้วยตัวเอง เธอเป็นคนที่ตรงไปตรงมาเช่นนั้น

 

และเธอเองต้องรักษาสัญญา

นั่นเป็นเหตุผลที่ยิ่งใหญ่พอแล้วสำหรับจอมมารสิตริ

 

 

สิตริยกแขนขวาขึ้น

 

“ทุกหน่วย จงข่มขืนอกาเรสอย่างนุ่มนวลด้วย”

เธอนั้นยิ้มออกมาอย่างมีความสุขที่ได้สามารถทำตามความปรารถนาของดันทาเลี่ยน

 

“รู้ไว้เถอะว่า เรื่องทะลวงตูดคนอื่นนี่เป็นความช่ำชองของข้าอยู่แล้ว”

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+