Dungeon Defense (WN) 232 การสู้รบของจอมมาร (3)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 232 การสู้รบของจอมมาร (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

สีหน้าของอกาเรสนั้นบิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจ

 

มัดผมของเธอที่เปี่ยมไปด้วยออร่านั้นลอยขึ้นราวกับมีชีวิต เสียงพื้นดังแกร่ก ณ จุดที่อกาเรสเหยียบอยู่ เสียงนั้นดังไปทั่วผืนดินราวกับพื้นที่แห้งแล้ง

 

“ไอ้พวกภูเขา ไอ้ลิงพวกนั้น”

 

ไม่ปรากฏใบหน้าของจอมมารหญิงผู้งดงามอีกต่อไป สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือ วิญญาณร้ายที่เต็มไปด้วยความขึ้งโกรธ

 

“พวกมันไม่รู้หรือไงว่า เวลาไหนไม่ควรเข้ามาสอดมือมายุ่ง”

 

จอมมารที่ห้อมล้อมอกาเรสอยู่ต่างกลืนน้ำลายเอื้อเนื่องจากออร่าที่ระเบิดปะทุมาจากเธอ ทำให้ร่างของพวกเขานั้นชาเสียจนขยับไม่ได้

แม้จะเป็นจอมมารที่อยู่ในสมรภูมิกว่า 300 ปีก็ยังหายใจไม่ทั่วท้อง

 

พลังของเธอน้้นมันห่างชั้นมากเกินไปจนยากที่จะเชื่อว่า จอมมารหญิงตรงหน้าพวกเขานั้นเป็นเผ่าพงศ์เดียวกัน เธอดูราวกับเป็นเผ่าอื่นผู้มาจากมิติอื่นด้วยซ้ำ และนั่นก็ทำให้ทุกอย่างลงตัวว่า ทำไมเธอจึงกล้าประกาศตนว่าเป็นจอมมารที่แท้จริง

 

แต่ก็ยังคงมีตัวตนหนึ่งที่ยังกล้าพุ่งเข้าใส่พลังอำนาจที่มากล้นนั้น

 

“━ตัวข้าผู้ยืนอยู่เบื้องหน้าดวงวิญญาณอันสูงส่ง ขอสาบาน”

 

จอมมารลำดับ 8 บาร์บาทอส เธอพุ่งเข้าหาอกาเรสไวราวกับแสง

 

มานาสีดำหลั่งไหลออกมาจากเคียวของบาร์บาทอส ต่อหน้าต่อาตอกาเรส เคียวขนาดใหญ่นั้นกลับหยุดกึกลงห่างไปเพียง 2 เซนติเมตรจากเป้าหมาย มันถูกหยุดด้วยออร่าที่ห่อหุ้มร่างทั้งร่างของอกาเรส

 

โดยไม่ได้ใช้เทคนิคกลวิธีอะไรเลย แค่ใช้ตัวออร่านั้นเท่านั้น

บาร์บาทอสถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความเดือดดาลและยังคงร่ายเวทย์ต่อ

 

“ข้าขอสาบานจงรักภักดี ด้วยเลือดผู้นี้ ด้วยสงครามแห่งนี้”

 

“ไอ้พวกแมลงหวี่นี่!”

อกาเรสแกว่งง้าวด้วยความโกรธ

 

แกร้ง

เสียงง้าวกระทบและหยุดลง ดาบใหญ่โผล่มาจากเงาของบาร์บาทอสและป้องกันง้าวนั้นไว้  ดาบแตกกระจายเป็นชิ้นๆ 6 เล่ม แต่มีดาบเล่มเดียวเล่มสุดท้ายบล็อคการโจมตีนั้นไว้ได้

 

ริมฝีปากเล็กๆของบาร์บาทอสยังคงร่ายมนตร์ต่อ

“รับใช้ในฐานะสุนัขล่าเนื้อ เพียงผู้เดียว ราชอาณาจักรเดียว 

จงบินทะยาน โบยบินดั่งเหยี่ยวที่เป็นหนึ่งเดียวกับพายุ”

 

“บาร์บาทอส!”

 

อกาเรสยังคงแกว่งไกลฟาดอาวุธไม่หยุดหย่อน ดาบใหญ่สีดำยังคงโผล่ขึ้นมาจากเงาทุกครั้งที่อีกฝ่ายทำเช่นนั้น

 

หากใครตาดีๆแล้วได้เห็นการต่อสู้ดังกล่าว ก็มีแต่จะตะลึงและหวาดกลัวกับการดวลระดับสูงยิ่งเช่นนั้น

 

ฝ่ายหนึ่งก็เปี่ยมล้นไปด้วยพละกำลัง กำลังที่ทำลายล้างได้ทุกอย่าง แทบไม่ต่างจากภัยหายนะที่ทำลายล้างทุกสรรพสิ่งโดยไม่ต้องอาศัยเทคนิคกลวิธีใดๆ 

วันแมน อาร์มี่ เป็นคำนิยามที่เหมาะสมกับผู้หญิงคนนี้

 

ในขณะที่อีกฝ่ายนั้น เปี่ยมไปด้วยยุทธวิธีในการต่อสู้

 

ในอดีตบาร์บาทอสเคยเป็นนักรบมาก่อน เธอเคยเข้าสนามรบด้วยดาบเพียงเล่มเดียว  เธอเรียนรู้วิชาเนโครแมนเซอร์เพื่อที่จะชุบฟื้นชีวิตสหายศึก ดังนั้นเธอจึงเป็นตัวตนพิเศษในโลกที่เป็นทั้งนักรบและเนโครแมนเซอร์

 

เธอยกเคียวขึ้นแล้วเข้าไปปะทะระยะประชิดกับอีกฝ่าย

 

แขนขาของเธอขยับเคลื่อนอย่างชำนิชำนาญโดยไม่หยุด ขณะที่ปากก็ยังคงร่ายเวทย์ต่อไป

เวทย์ที่ทำให้อีกฝ่ายนั้นเคลื่อนไหวช้าลง สร้างความสันสนใจการมองเห็น ทำให้ทรงตัวแย่ และมองเห็นภาพหลอน

 

ข้ารับใช้นับร้อยตนคอยปกป้องนักรบเนโครแมนเซอร์ผู้นี้ เดธไน้ท์อย่างพวกเขานั้นต่างเป็นทหารหาญผู้กล้าแกร่ง

พวกเขาทุกตนต่างมีหน้าที่หยุดการโจมตีที่เข้ามาหาเจ้านาย

 

การโจมตีของอกาเรสที่ทุบทลายได้แม้กระทั่งผืนแผ่นดิน แต่เดธไน้ท์ก็เป็นดั่งกำแพงที่ไม่ยอมให้การโจมตีเหล่านั้นผ่านไป 

ที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือ ป้อมปราการที่ป้องกันโดยนักรบ นักเวทย์และเหล่าอัศวิน

 

การต่อสู้กันของผู้แข็งแกร่งกว่า ผู้เป็นวันแมน อาร์มี่ กับ ผู้เป็นดั่งป้อมปราการ 

ทั้งยังเป็นการดวลกันระหว่างจอมมารสองตนที่มีผลมากต่อทั้งสนามรบ

 

“ไอ้แมลงระยำนี่! สู้ด้วยพลังตัวเองสิวะ!”

 

“ข้าก็เป็นแบบนี้แหละ อกาเรส”

ร่างทั้งร่างของบาร์บาทอสนั้นโชกชุ่มด้วยเหงื่อ

 

 

ผมสีขาวของเธอติดแน่นไปกับหน้าผากเพราะเหงื่อ เธอได้ผลาญมานาทั้งหมดในร่างที่หลงเหลืออยู่ ทั้งหัวใจและร่างกายนั้นกรีดร้องขึ้นมาอย่างหนักทันทีที่เธอเร่งใช้มานา

 

บาร์บาทอสนั้นเผยรอยยิ้มตึงเคร่ง

 

‘ดันทาเลี่ยน ไอ้สารเลวเอ๊ย!’

 

ก่อนการรบบาร์บาทอสได้พูดคุยกับดันทาเลี่ยน

 

ดันทาเลี่ยนบอกเธอผ่านลูกแก้วเวทย์ว่า

‘ข้าได้เตรียมของขวัญเล็กๆน้อยๆเพื่อให้เธอชนะแล้วล่ะ’

มีแค่เวลาแบบนี้เท่านั้นแหละที่เขาจะซื่อตรงต่อเธอ

 

โอเค เขาอาจจะเป็นจอมโกหก แต่เขาไม่เคยโกหกในเรื่องสำคัญแบบนี้

 

‘นี่มันไม่ใช่ของขวัญเล็กๆน้อยๆแล้ว ไอ้ลูกกะหรี่!’

เธอไม่รู้ว่า เขาทำได้ยังไงกัน แต่เขาสามารถชักนำให้กองทัพของฝ่ายภูเขามาเป็นกองกำลังเสริม

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่นำทัพเสริมมาก็ยังเป็น จอมมารลำดับ 12 สิตริ นักสู้ผู้แข็งแกร่งที่สุดในฝ่ายภูเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่า กองทัพของสิตรินั้นตั้งใจจะยกทัพเข้าประกบเพื่อกวาดล้างกองทหารของอกาเรส

 

ที่ผ่านมาบาร์บาทอสก็แค่เล่นบทบาทของเธอไป

เธอรับรู้ด้วยสัญชาตญาณว่า บทบาทของเธอคืออะไร

 

เธอถนอมพลังเวทย์ไว้จนถึงตอนนี้เพื่อให้แน่ใจว่า มันไม่ลดเหลือน้อยกว่าครึ่งของที่มี แต่บาร์บาทอสก็บอกได้เช่นกันว่า การที่เธอลงมาสู่การต่อสู้ครั้งนี้ก็เนื่องจากรู้ว่ามีโอกาสเอาชัยได้

เธอตั้งใจที่จะค่อยๆผลาญกองทหารของอกาเรสไปเรื่อยๆในการรบครั้งที่ 6 หรือไม่ก็ 7 

 

แต่ถึงอย่างนั้นเอง บาร์บาทอสก็กลับใช้มานาทั้งหมดที่มีในเสี้ยววินาทีนั้น ยามที่รับรู้ธงของสิตริที่อยู่ห่างออกไป

เธอโยนแผนเดิมทิ้งที่หวังจะเล่นสงครามยืดเยื้อ เธอใช้สัญชาตญาณที่เฉียบคมหยั่งรู้ถึงชั่วขณะสำคัญ และเทหมดหน้าตักในการต่อสู้นี้

 

 

“ไอ้แมลงกลายพันธุ์เอ๊ย แม้แต่การดิ้นรนขัดขืนของแกก็ยังน่าขยะแขยง!”

 

อกาเรสคำรามออกมา

 

“พอมาคิดถึงตอนที่แกมีชีวิตด้วยการห้อมล้อมและปกป้องลูกน้องตัวเองไปด้วยนี่! 

อะไรนะ เผ่าพันธุ์เดียวกันกับแกงั้นเรอะ นังหนอนเอ๊ย!? 

นั่นใช่สิ่งที่ราชาของเหล่าปีศาจสมควรจะทำรึยังไงกันวะ!? 

แกสมควรที่จะกวัดแกว่งอาวุธด้วยความกล้าหาญสิ! บาร์บาทอส

แกกำลังทำลายภาพลักษณ์ของจอมมาร!”

การโจมตีที่เป็นดั่งพายุบุแคมโหมกระหน่ำ แรงทุบที่ฟาดลงมาไม่หยุดเพื่อหวังฆ่าอีกฝ่ายยังคงซ้ำเติมอยู่อย่างนั้นราวกับฟ้าถล่ม

บาร์บาทอสก้าวเข้าไปสู่ใจกลางพายุนั้น

 

 

“ข้าขอแก้ความเข้าใจผิดของแกอย่างนึงก่อน อกาเรส”

ดาบใหญ่ยังคงแตกเพล้งอย่างน่าสังเวชเมื่อรับการโจมตีของอกาเรส

 

เคร้ง เกร้ง

 

เสียงโลหะดังสะท้อนราวกับเสียงฝนที่ตกหนัก เศษใบดาบบางส่วนกระจายออกมาเฉือนแก้มของบาร์บาทอส เลือดไหลออกมา แต่ถึงกระนั้น รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของบาร์บาทอสก็ยังอยู่เช่นเคย

 

 

“ข้าไม่ได้ห้อมล้อมไปด้วยลูกน้องของข้า”

 

บาร์บาทอสตวัดเคียวขึ้น เคียวนั้นใส่แรงสุดกำลังและอกาเรสก็บล็อคมันได้โดยง่าย เคียวถูกปัดออกไปด้วยออร่าของเธอ แต่ถึงอย่างนั้น บาร์บาทอสก็ยังคงเดินเข้าไปหาอีกก้าว ราวกับคาดไว้ก่อนแล้ว

 

 

“ลูกน้องของข้า ‘ตามข้ามา’ ต่างหากล่ะ”

 

อกาเรสสะบัดง้าว

 

“เหอะ แกกำลังจะบอกว่า แกไม่ได้ปกป้องพวกลูกน้องงั้นเรอะ!? ดื้อด้านชะมัด

จอมมารน่ะเป็นผู้นำพาหายนะ! จอมมารคือผู้ที่ไปสู่โลกด้วยพละกำลังอันไม่อาจมีใครต้าน นำพาความกลัวที่มากล้นจนไม่มีใครกล้าคิดปฏิวัติ! 

จอมมารน่ะไม่ต้องการไอ้สิ่งที่เรียกว่า ลูกน้องหรอก สิ่งที่ต้องการจริงๆคือ พลังมหาศาลต่างหากล่ะ!”

 

“เธอผิดแล้ว”

 

ดาบใหญ่ 6 เล่มบล็อคง้าว ดาบใหญ่ไม่อาจหยุดการโจมตีโดยสมบูรณ์แต่แรงที่เหลืออยู่ก็อ่อนลงเพียงพอให้บาร์บาทอสหยุดมันได้ด้วยเคียวของเธอ

บาร์บาทอสผลาญพลังเวทย์หยดสุดท้ายจนหมด 

ไปข้างหน้าอีกก้าว

เธอก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว

 

 

“ผู้เป็นราชานั้น จะต้องก้าวนำหน้าผู้อื่น”

เดธไน้ท์ทุกตนคอยเฝ้าปกป้องบาร์บาทอสจากในเงาในฐานะสหายศึกของเธอ พวกเขายังอยู่กับเธอแม้จะตายลมไปแล้ว พวกเขานั้นสาบาน

ว่าจะไม่หยุดต่อสู้จนกว่าถึงวันที่อุดมการณ์นั้นจะประจักษ์แจ้ง พวกเขาต่างแบ่งปันร่างกายเดียวกันกับบาร์บาทอส

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมทุกย่างก้าวของบาร์บาทอสนั้นมิใช่ก้าวเล็กๆ

 

มันเป็นย่างก้าวที่ทุกคนผู้อุทิศชีวิตและความตายของตนให้กับเด็กสาวที่ชื่อ บาร์บาทอส

━เพื่อที่วันหนึ่งเผ่าปีศาจจะได้ร้องเพลงแห่งสันติสุข พวกเขาจะได้มีประเทศชาติที่เหล่าพ่อและแม่ไม่ต้องขายลูกชายลูกสาวของตัวเอง

 

“เส้นทางนี้ไม่ได้สวยงามราบเรียบนัก แต่วันหนึ่งมันจะกลายเป็นถนนใหญ่ที่เผ่าปีศาจสามารถเดินไปด้วยกัน

ข้าอาจเดินเพียงลำพัง แต่ข้ามิได้โดดเดี่ยว”

บาร์บาทอสฟาดเคียวลง

“และนี่ คือ เส้นทางของราชายังไงล่ะ อกาเรส!”

 

เงาของดาบใหญ่จำนวนมากที่ใช้เพื่อป้องกันการโจมตีมาโดยตลอด เป็นครั้งแรกที่ทั้ง ดาบใหญ่ 18 เล่มนั้นรุมแทงอกาเรสพร้อมเพรียงกัน

 

อกาเรสไม่ได้ตื่นตระหนก

 

 

เธอควงง้าวราวกับวงล้อทำให้ปัดปลายดาบทั้ง 10 เล่มไปได้ เธอใช้ข้อศอกถองดาบเล่มหนึ่ง และบิดตัวหลบอีกสองเล่ม

คงเหลือดาบ 5 เล่มที่ยังพุ่งใส่เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของเธอ ร่างทั้งร่างของอกาเรสเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว

 

แต่ถึงอย่างนั้น ดาบใหญ่ที่เหลือก็ได้เบิกถางเส้นทางให้กับเจ้านายของตน

เคียวใหญ่สีดำเฉือนแหวกผ่านอากศ เคียวนั้นปลดปล่อยเสียงกรีดร้องแหลมขณะวาดขึ้น

มุ่งไปสู่เส้นทางที่ดาบใหญ่ทั้ง 18 เล่มได้เปิดทางให้

 

 

ฉึก

 

เลือดสาดกระจายไปในอากาศ มีบางอย่างถูกเฉือนออกจากร่างและลอยก่อนจะตกลงสู่พื้นอย่างไร้กำลัง

 

“…….”

 

อกาเรสครางออกมาขณะที่มองลงไป

หูซ้ายของเธอที่อยู่บนพื้นนั้นชุ่มไปด้วยเลือด

 

ผ่านมาเกือบ  2,000 years ไม่มีใครสามารถทำร้ายร่างกายอกาเรสได้เลยสักคน เธอไม่เคยโดนดาบถากเนื้อมาก่อน

นี่เป็นการได้รับบาดเจ็บครั้งแรกในรอบพันปีที่สร้างความรู้สึกไม่คุ้นเคยจนอกาเรสไม่อาจทานทนไหว

 

ิอย่างช้าๆ

 

สีหน้าของอกาเรสค่อยๆบิดเบี้ยวอย่างช้าๆในขณะที่เธอรับรู้ได้ถึงอาการบาดเจ็บของตัวเอง

 

“นัง ห่าระยำ”

 

“ตอนนี้หน้าตาแกค่อยดีขึ้นหน่อยนะ”

แม้บาร์บาทอสจะหอบหนักแต่ก็ยังคงยิ้มเยาะ เธอยกนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นทำเป็นรูปตัววี มันหมายความว่า ‘ฟัคยู’

 

“หน้าตาแบบหมาขี้แพ้มันเหมาะกับแกมากกว่ารู้ไหม อีนังหูแหว่งเอ๊ย”

 

“━━!”

 

อกาเรสตะโกนลั่น

 

มันเป๋นเสียงร้องตะโกนลั่นที่ไม่อาจมีสัตว์ป่าใดเลียนแบบได้ เธอนั้นอาละวาดคลั่งราวกับพระเจ้าที่ต้องหลั่งเลือดโดยมนุษย์ผู้หนึ่ง

 

 

ทั้งผืนฟ้าและผืนดินต่างสั่นสะเทือน เสียงนั้นหนักหนาขนาดที่ทำให้มอนสเตอร์ที่กำลังสู้ปะทะกันอยู่ห่างไกล ถึงกับหันมามองด้วยความตกใจ

 

ออร่าสีดำสนิทปะทุขึ้นมาราวกับภูเขาไฟ

 

แรงกดอากาศที่ระเบิดออกมาด้วยออร่าของอกาเรสนั้นแผ่ไปทั่วทั้งสมรภูมิ

 

ก็อบลินถึงกับนิ่งอึ้ง ส่วนออร์คก็ถึงกับยกแขนขึ้นมากันกระแสลมนั้น อกาเรสกลายเป็นสัตว์ร้ายที่พุ่งเข้าใส่บาร์บาทอส

 

 

ตอนนั้นเองที่จอมมารฝ่ายที่ราบทั้ง 8 ตนรวมถึง เบเลธเข้ามาแทรก จอมมารทั้งหลายต่างร่วมมือกันหยุดการโจมตีของอกาเรส

เบเลธหัวเราะอย่างไม่กรั่นเกรงท่ามกลางการโจมตีเป็นห่าฝนที่สามารถบั่นคอเขาได้ หากเขาพลาดไปสักครั้ง

 

“แกต้องมาเล่นกับข้านะ อกาเรส”

 

“อ๊ากกกกกกก! ไสหัวไป ไอ้หนู!”

 

“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เรื่องอื่นข้าไม่รู้นะแต่ข้าเป็นพวกที่ต้องใช้หนี้เสมอ

แกเอาแขนขวาข้าไปสามครั้ง คราวนี้ แกก็ต้องจ่ายเป็นแขนขวาแกสามครั้งด้วยเช่นกัน!”

 

ฝ่ายที่ราบต่างปัดป้อง จอมมารวันแมนอาร์มี่อย่างอกาเรสได้จนถึงที่สุด

 

แม้อกาเรสจะน่าสะพรึงขนาดที่ต้องใช้จอมมารทั้ง 9 ตนตรึงเธอไว้

แต่ถึงอย่างนั้น จอมมารเซปาร์แห่งฝ่ายที่ราบและจอมมารสิตริแห่งฝ่ายภูเขาก็ได้โจมตีประกบใส่กองทัพของอกาเรส ในขณะที่เธอนั้นยังโดนตรึงกำลังไว้อยู่

 

การต่อสู้กันระหว่างอกาเรสและเหล่าจอมมารจบลงที่การเสมอ แต่หากเป็นการสู้ระหว่างกองกำลัง อกาเรสพ่ายแพ้

 

 

อกาเรสน้ำตาเป็นสายเลือดขณะที่ต้องหนีไป พลางตะโกนลั่นว่า เธอจะต้องบั่นคอบาร์บาทอสให้ได้

 

 

และนั่นคือ ความพ่ายแพ้ของจอมมารผู้แข็งแกร่งที่สุด 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 232 การสู้รบของจอมมาร (3)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 232 การสู้รบของจอมมาร (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

สีหน้าของอกาเรสนั้นบิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจ

 

มัดผมของเธอที่เปี่ยมไปด้วยออร่านั้นลอยขึ้นราวกับมีชีวิต เสียงพื้นดังแกร่ก ณ จุดที่อกาเรสเหยียบอยู่ เสียงนั้นดังไปทั่วผืนดินราวกับพื้นที่แห้งแล้ง

 

“ไอ้พวกภูเขา ไอ้ลิงพวกนั้น”

 

ไม่ปรากฏใบหน้าของจอมมารหญิงผู้งดงามอีกต่อไป สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือ วิญญาณร้ายที่เต็มไปด้วยความขึ้งโกรธ

 

“พวกมันไม่รู้หรือไงว่า เวลาไหนไม่ควรเข้ามาสอดมือมายุ่ง”

 

จอมมารที่ห้อมล้อมอกาเรสอยู่ต่างกลืนน้ำลายเอื้อเนื่องจากออร่าที่ระเบิดปะทุมาจากเธอ ทำให้ร่างของพวกเขานั้นชาเสียจนขยับไม่ได้

แม้จะเป็นจอมมารที่อยู่ในสมรภูมิกว่า 300 ปีก็ยังหายใจไม่ทั่วท้อง

 

พลังของเธอน้้นมันห่างชั้นมากเกินไปจนยากที่จะเชื่อว่า จอมมารหญิงตรงหน้าพวกเขานั้นเป็นเผ่าพงศ์เดียวกัน เธอดูราวกับเป็นเผ่าอื่นผู้มาจากมิติอื่นด้วยซ้ำ และนั่นก็ทำให้ทุกอย่างลงตัวว่า ทำไมเธอจึงกล้าประกาศตนว่าเป็นจอมมารที่แท้จริง

 

แต่ก็ยังคงมีตัวตนหนึ่งที่ยังกล้าพุ่งเข้าใส่พลังอำนาจที่มากล้นนั้น

 

“━ตัวข้าผู้ยืนอยู่เบื้องหน้าดวงวิญญาณอันสูงส่ง ขอสาบาน”

 

จอมมารลำดับ 8 บาร์บาทอส เธอพุ่งเข้าหาอกาเรสไวราวกับแสง

 

มานาสีดำหลั่งไหลออกมาจากเคียวของบาร์บาทอส ต่อหน้าต่อาตอกาเรส เคียวขนาดใหญ่นั้นกลับหยุดกึกลงห่างไปเพียง 2 เซนติเมตรจากเป้าหมาย มันถูกหยุดด้วยออร่าที่ห่อหุ้มร่างทั้งร่างของอกาเรส

 

โดยไม่ได้ใช้เทคนิคกลวิธีอะไรเลย แค่ใช้ตัวออร่านั้นเท่านั้น

บาร์บาทอสถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความเดือดดาลและยังคงร่ายเวทย์ต่อ

 

“ข้าขอสาบานจงรักภักดี ด้วยเลือดผู้นี้ ด้วยสงครามแห่งนี้”

 

“ไอ้พวกแมลงหวี่นี่!”

อกาเรสแกว่งง้าวด้วยความโกรธ

 

แกร้ง

เสียงง้าวกระทบและหยุดลง ดาบใหญ่โผล่มาจากเงาของบาร์บาทอสและป้องกันง้าวนั้นไว้  ดาบแตกกระจายเป็นชิ้นๆ 6 เล่ม แต่มีดาบเล่มเดียวเล่มสุดท้ายบล็อคการโจมตีนั้นไว้ได้

 

ริมฝีปากเล็กๆของบาร์บาทอสยังคงร่ายมนตร์ต่อ

“รับใช้ในฐานะสุนัขล่าเนื้อ เพียงผู้เดียว ราชอาณาจักรเดียว 

จงบินทะยาน โบยบินดั่งเหยี่ยวที่เป็นหนึ่งเดียวกับพายุ”

 

“บาร์บาทอส!”

 

อกาเรสยังคงแกว่งไกลฟาดอาวุธไม่หยุดหย่อน ดาบใหญ่สีดำยังคงโผล่ขึ้นมาจากเงาทุกครั้งที่อีกฝ่ายทำเช่นนั้น

 

หากใครตาดีๆแล้วได้เห็นการต่อสู้ดังกล่าว ก็มีแต่จะตะลึงและหวาดกลัวกับการดวลระดับสูงยิ่งเช่นนั้น

 

ฝ่ายหนึ่งก็เปี่ยมล้นไปด้วยพละกำลัง กำลังที่ทำลายล้างได้ทุกอย่าง แทบไม่ต่างจากภัยหายนะที่ทำลายล้างทุกสรรพสิ่งโดยไม่ต้องอาศัยเทคนิคกลวิธีใดๆ 

วันแมน อาร์มี่ เป็นคำนิยามที่เหมาะสมกับผู้หญิงคนนี้

 

ในขณะที่อีกฝ่ายนั้น เปี่ยมไปด้วยยุทธวิธีในการต่อสู้

 

ในอดีตบาร์บาทอสเคยเป็นนักรบมาก่อน เธอเคยเข้าสนามรบด้วยดาบเพียงเล่มเดียว  เธอเรียนรู้วิชาเนโครแมนเซอร์เพื่อที่จะชุบฟื้นชีวิตสหายศึก ดังนั้นเธอจึงเป็นตัวตนพิเศษในโลกที่เป็นทั้งนักรบและเนโครแมนเซอร์

 

เธอยกเคียวขึ้นแล้วเข้าไปปะทะระยะประชิดกับอีกฝ่าย

 

แขนขาของเธอขยับเคลื่อนอย่างชำนิชำนาญโดยไม่หยุด ขณะที่ปากก็ยังคงร่ายเวทย์ต่อไป

เวทย์ที่ทำให้อีกฝ่ายนั้นเคลื่อนไหวช้าลง สร้างความสันสนใจการมองเห็น ทำให้ทรงตัวแย่ และมองเห็นภาพหลอน

 

ข้ารับใช้นับร้อยตนคอยปกป้องนักรบเนโครแมนเซอร์ผู้นี้ เดธไน้ท์อย่างพวกเขานั้นต่างเป็นทหารหาญผู้กล้าแกร่ง

พวกเขาทุกตนต่างมีหน้าที่หยุดการโจมตีที่เข้ามาหาเจ้านาย

 

การโจมตีของอกาเรสที่ทุบทลายได้แม้กระทั่งผืนแผ่นดิน แต่เดธไน้ท์ก็เป็นดั่งกำแพงที่ไม่ยอมให้การโจมตีเหล่านั้นผ่านไป 

ที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือ ป้อมปราการที่ป้องกันโดยนักรบ นักเวทย์และเหล่าอัศวิน

 

การต่อสู้กันของผู้แข็งแกร่งกว่า ผู้เป็นวันแมน อาร์มี่ กับ ผู้เป็นดั่งป้อมปราการ 

ทั้งยังเป็นการดวลกันระหว่างจอมมารสองตนที่มีผลมากต่อทั้งสนามรบ

 

“ไอ้แมลงระยำนี่! สู้ด้วยพลังตัวเองสิวะ!”

 

“ข้าก็เป็นแบบนี้แหละ อกาเรส”

ร่างทั้งร่างของบาร์บาทอสนั้นโชกชุ่มด้วยเหงื่อ

 

 

ผมสีขาวของเธอติดแน่นไปกับหน้าผากเพราะเหงื่อ เธอได้ผลาญมานาทั้งหมดในร่างที่หลงเหลืออยู่ ทั้งหัวใจและร่างกายนั้นกรีดร้องขึ้นมาอย่างหนักทันทีที่เธอเร่งใช้มานา

 

บาร์บาทอสนั้นเผยรอยยิ้มตึงเคร่ง

 

‘ดันทาเลี่ยน ไอ้สารเลวเอ๊ย!’

 

ก่อนการรบบาร์บาทอสได้พูดคุยกับดันทาเลี่ยน

 

ดันทาเลี่ยนบอกเธอผ่านลูกแก้วเวทย์ว่า

‘ข้าได้เตรียมของขวัญเล็กๆน้อยๆเพื่อให้เธอชนะแล้วล่ะ’

มีแค่เวลาแบบนี้เท่านั้นแหละที่เขาจะซื่อตรงต่อเธอ

 

โอเค เขาอาจจะเป็นจอมโกหก แต่เขาไม่เคยโกหกในเรื่องสำคัญแบบนี้

 

‘นี่มันไม่ใช่ของขวัญเล็กๆน้อยๆแล้ว ไอ้ลูกกะหรี่!’

เธอไม่รู้ว่า เขาทำได้ยังไงกัน แต่เขาสามารถชักนำให้กองทัพของฝ่ายภูเขามาเป็นกองกำลังเสริม

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่นำทัพเสริมมาก็ยังเป็น จอมมารลำดับ 12 สิตริ นักสู้ผู้แข็งแกร่งที่สุดในฝ่ายภูเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่า กองทัพของสิตรินั้นตั้งใจจะยกทัพเข้าประกบเพื่อกวาดล้างกองทหารของอกาเรส

 

ที่ผ่านมาบาร์บาทอสก็แค่เล่นบทบาทของเธอไป

เธอรับรู้ด้วยสัญชาตญาณว่า บทบาทของเธอคืออะไร

 

เธอถนอมพลังเวทย์ไว้จนถึงตอนนี้เพื่อให้แน่ใจว่า มันไม่ลดเหลือน้อยกว่าครึ่งของที่มี แต่บาร์บาทอสก็บอกได้เช่นกันว่า การที่เธอลงมาสู่การต่อสู้ครั้งนี้ก็เนื่องจากรู้ว่ามีโอกาสเอาชัยได้

เธอตั้งใจที่จะค่อยๆผลาญกองทหารของอกาเรสไปเรื่อยๆในการรบครั้งที่ 6 หรือไม่ก็ 7 

 

แต่ถึงอย่างนั้นเอง บาร์บาทอสก็กลับใช้มานาทั้งหมดที่มีในเสี้ยววินาทีนั้น ยามที่รับรู้ธงของสิตริที่อยู่ห่างออกไป

เธอโยนแผนเดิมทิ้งที่หวังจะเล่นสงครามยืดเยื้อ เธอใช้สัญชาตญาณที่เฉียบคมหยั่งรู้ถึงชั่วขณะสำคัญ และเทหมดหน้าตักในการต่อสู้นี้

 

 

“ไอ้แมลงกลายพันธุ์เอ๊ย แม้แต่การดิ้นรนขัดขืนของแกก็ยังน่าขยะแขยง!”

 

อกาเรสคำรามออกมา

 

“พอมาคิดถึงตอนที่แกมีชีวิตด้วยการห้อมล้อมและปกป้องลูกน้องตัวเองไปด้วยนี่! 

อะไรนะ เผ่าพันธุ์เดียวกันกับแกงั้นเรอะ นังหนอนเอ๊ย!? 

นั่นใช่สิ่งที่ราชาของเหล่าปีศาจสมควรจะทำรึยังไงกันวะ!? 

แกสมควรที่จะกวัดแกว่งอาวุธด้วยความกล้าหาญสิ! บาร์บาทอส

แกกำลังทำลายภาพลักษณ์ของจอมมาร!”

การโจมตีที่เป็นดั่งพายุบุแคมโหมกระหน่ำ แรงทุบที่ฟาดลงมาไม่หยุดเพื่อหวังฆ่าอีกฝ่ายยังคงซ้ำเติมอยู่อย่างนั้นราวกับฟ้าถล่ม

บาร์บาทอสก้าวเข้าไปสู่ใจกลางพายุนั้น

 

 

“ข้าขอแก้ความเข้าใจผิดของแกอย่างนึงก่อน อกาเรส”

ดาบใหญ่ยังคงแตกเพล้งอย่างน่าสังเวชเมื่อรับการโจมตีของอกาเรส

 

เคร้ง เกร้ง

 

เสียงโลหะดังสะท้อนราวกับเสียงฝนที่ตกหนัก เศษใบดาบบางส่วนกระจายออกมาเฉือนแก้มของบาร์บาทอส เลือดไหลออกมา แต่ถึงกระนั้น รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของบาร์บาทอสก็ยังอยู่เช่นเคย

 

 

“ข้าไม่ได้ห้อมล้อมไปด้วยลูกน้องของข้า”

 

บาร์บาทอสตวัดเคียวขึ้น เคียวนั้นใส่แรงสุดกำลังและอกาเรสก็บล็อคมันได้โดยง่าย เคียวถูกปัดออกไปด้วยออร่าของเธอ แต่ถึงอย่างนั้น บาร์บาทอสก็ยังคงเดินเข้าไปหาอีกก้าว ราวกับคาดไว้ก่อนแล้ว

 

 

“ลูกน้องของข้า ‘ตามข้ามา’ ต่างหากล่ะ”

 

อกาเรสสะบัดง้าว

 

“เหอะ แกกำลังจะบอกว่า แกไม่ได้ปกป้องพวกลูกน้องงั้นเรอะ!? ดื้อด้านชะมัด

จอมมารน่ะเป็นผู้นำพาหายนะ! จอมมารคือผู้ที่ไปสู่โลกด้วยพละกำลังอันไม่อาจมีใครต้าน นำพาความกลัวที่มากล้นจนไม่มีใครกล้าคิดปฏิวัติ! 

จอมมารน่ะไม่ต้องการไอ้สิ่งที่เรียกว่า ลูกน้องหรอก สิ่งที่ต้องการจริงๆคือ พลังมหาศาลต่างหากล่ะ!”

 

“เธอผิดแล้ว”

 

ดาบใหญ่ 6 เล่มบล็อคง้าว ดาบใหญ่ไม่อาจหยุดการโจมตีโดยสมบูรณ์แต่แรงที่เหลืออยู่ก็อ่อนลงเพียงพอให้บาร์บาทอสหยุดมันได้ด้วยเคียวของเธอ

บาร์บาทอสผลาญพลังเวทย์หยดสุดท้ายจนหมด 

ไปข้างหน้าอีกก้าว

เธอก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว

 

 

“ผู้เป็นราชานั้น จะต้องก้าวนำหน้าผู้อื่น”

เดธไน้ท์ทุกตนคอยเฝ้าปกป้องบาร์บาทอสจากในเงาในฐานะสหายศึกของเธอ พวกเขายังอยู่กับเธอแม้จะตายลมไปแล้ว พวกเขานั้นสาบาน

ว่าจะไม่หยุดต่อสู้จนกว่าถึงวันที่อุดมการณ์นั้นจะประจักษ์แจ้ง พวกเขาต่างแบ่งปันร่างกายเดียวกันกับบาร์บาทอส

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมทุกย่างก้าวของบาร์บาทอสนั้นมิใช่ก้าวเล็กๆ

 

มันเป็นย่างก้าวที่ทุกคนผู้อุทิศชีวิตและความตายของตนให้กับเด็กสาวที่ชื่อ บาร์บาทอส

━เพื่อที่วันหนึ่งเผ่าปีศาจจะได้ร้องเพลงแห่งสันติสุข พวกเขาจะได้มีประเทศชาติที่เหล่าพ่อและแม่ไม่ต้องขายลูกชายลูกสาวของตัวเอง

 

“เส้นทางนี้ไม่ได้สวยงามราบเรียบนัก แต่วันหนึ่งมันจะกลายเป็นถนนใหญ่ที่เผ่าปีศาจสามารถเดินไปด้วยกัน

ข้าอาจเดินเพียงลำพัง แต่ข้ามิได้โดดเดี่ยว”

บาร์บาทอสฟาดเคียวลง

“และนี่ คือ เส้นทางของราชายังไงล่ะ อกาเรส!”

 

เงาของดาบใหญ่จำนวนมากที่ใช้เพื่อป้องกันการโจมตีมาโดยตลอด เป็นครั้งแรกที่ทั้ง ดาบใหญ่ 18 เล่มนั้นรุมแทงอกาเรสพร้อมเพรียงกัน

 

อกาเรสไม่ได้ตื่นตระหนก

 

 

เธอควงง้าวราวกับวงล้อทำให้ปัดปลายดาบทั้ง 10 เล่มไปได้ เธอใช้ข้อศอกถองดาบเล่มหนึ่ง และบิดตัวหลบอีกสองเล่ม

คงเหลือดาบ 5 เล่มที่ยังพุ่งใส่เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของเธอ ร่างทั้งร่างของอกาเรสเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว

 

แต่ถึงอย่างนั้น ดาบใหญ่ที่เหลือก็ได้เบิกถางเส้นทางให้กับเจ้านายของตน

เคียวใหญ่สีดำเฉือนแหวกผ่านอากศ เคียวนั้นปลดปล่อยเสียงกรีดร้องแหลมขณะวาดขึ้น

มุ่งไปสู่เส้นทางที่ดาบใหญ่ทั้ง 18 เล่มได้เปิดทางให้

 

 

ฉึก

 

เลือดสาดกระจายไปในอากาศ มีบางอย่างถูกเฉือนออกจากร่างและลอยก่อนจะตกลงสู่พื้นอย่างไร้กำลัง

 

“…….”

 

อกาเรสครางออกมาขณะที่มองลงไป

หูซ้ายของเธอที่อยู่บนพื้นนั้นชุ่มไปด้วยเลือด

 

ผ่านมาเกือบ  2,000 years ไม่มีใครสามารถทำร้ายร่างกายอกาเรสได้เลยสักคน เธอไม่เคยโดนดาบถากเนื้อมาก่อน

นี่เป็นการได้รับบาดเจ็บครั้งแรกในรอบพันปีที่สร้างความรู้สึกไม่คุ้นเคยจนอกาเรสไม่อาจทานทนไหว

 

ิอย่างช้าๆ

 

สีหน้าของอกาเรสค่อยๆบิดเบี้ยวอย่างช้าๆในขณะที่เธอรับรู้ได้ถึงอาการบาดเจ็บของตัวเอง

 

“นัง ห่าระยำ”

 

“ตอนนี้หน้าตาแกค่อยดีขึ้นหน่อยนะ”

แม้บาร์บาทอสจะหอบหนักแต่ก็ยังคงยิ้มเยาะ เธอยกนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นทำเป็นรูปตัววี มันหมายความว่า ‘ฟัคยู’

 

“หน้าตาแบบหมาขี้แพ้มันเหมาะกับแกมากกว่ารู้ไหม อีนังหูแหว่งเอ๊ย”

 

“━━!”

 

อกาเรสตะโกนลั่น

 

มันเป๋นเสียงร้องตะโกนลั่นที่ไม่อาจมีสัตว์ป่าใดเลียนแบบได้ เธอนั้นอาละวาดคลั่งราวกับพระเจ้าที่ต้องหลั่งเลือดโดยมนุษย์ผู้หนึ่ง

 

 

ทั้งผืนฟ้าและผืนดินต่างสั่นสะเทือน เสียงนั้นหนักหนาขนาดที่ทำให้มอนสเตอร์ที่กำลังสู้ปะทะกันอยู่ห่างไกล ถึงกับหันมามองด้วยความตกใจ

 

ออร่าสีดำสนิทปะทุขึ้นมาราวกับภูเขาไฟ

 

แรงกดอากาศที่ระเบิดออกมาด้วยออร่าของอกาเรสนั้นแผ่ไปทั่วทั้งสมรภูมิ

 

ก็อบลินถึงกับนิ่งอึ้ง ส่วนออร์คก็ถึงกับยกแขนขึ้นมากันกระแสลมนั้น อกาเรสกลายเป็นสัตว์ร้ายที่พุ่งเข้าใส่บาร์บาทอส

 

 

ตอนนั้นเองที่จอมมารฝ่ายที่ราบทั้ง 8 ตนรวมถึง เบเลธเข้ามาแทรก จอมมารทั้งหลายต่างร่วมมือกันหยุดการโจมตีของอกาเรส

เบเลธหัวเราะอย่างไม่กรั่นเกรงท่ามกลางการโจมตีเป็นห่าฝนที่สามารถบั่นคอเขาได้ หากเขาพลาดไปสักครั้ง

 

“แกต้องมาเล่นกับข้านะ อกาเรส”

 

“อ๊ากกกกกกก! ไสหัวไป ไอ้หนู!”

 

“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เรื่องอื่นข้าไม่รู้นะแต่ข้าเป็นพวกที่ต้องใช้หนี้เสมอ

แกเอาแขนขวาข้าไปสามครั้ง คราวนี้ แกก็ต้องจ่ายเป็นแขนขวาแกสามครั้งด้วยเช่นกัน!”

 

ฝ่ายที่ราบต่างปัดป้อง จอมมารวันแมนอาร์มี่อย่างอกาเรสได้จนถึงที่สุด

 

แม้อกาเรสจะน่าสะพรึงขนาดที่ต้องใช้จอมมารทั้ง 9 ตนตรึงเธอไว้

แต่ถึงอย่างนั้น จอมมารเซปาร์แห่งฝ่ายที่ราบและจอมมารสิตริแห่งฝ่ายภูเขาก็ได้โจมตีประกบใส่กองทัพของอกาเรส ในขณะที่เธอนั้นยังโดนตรึงกำลังไว้อยู่

 

การต่อสู้กันระหว่างอกาเรสและเหล่าจอมมารจบลงที่การเสมอ แต่หากเป็นการสู้ระหว่างกองกำลัง อกาเรสพ่ายแพ้

 

 

อกาเรสน้ำตาเป็นสายเลือดขณะที่ต้องหนีไป พลางตะโกนลั่นว่า เธอจะต้องบั่นคอบาร์บาทอสให้ได้

 

 

และนั่นคือ ความพ่ายแพ้ของจอมมารผู้แข็งแกร่งที่สุด 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+