Dungeon Defense (WN) 238 การสู้รบของจอมมาร (9)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 238 การสู้รบของจอมมาร (9) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

ถึงเวลากำหนดนัดหมายการเจรจาแล้ว

เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผมยังคงว่างเปล่า กามิกินยังมาไม่ถึง

 

เสียงผู้คนที่เริ่มเอะอะวุ่นวายดังขึ้น จอมมารตนอื่นต่างกระซิบกระซาบต่อกัน

 

 

“หรือจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น?” , “ทำไมกามิกินยังไม่มาอีก?”

มีทั้งที่คิดว่า นี่อาจเป็นแผนการร้ายอะไรบางอย่าง รวมถึงจอมมารที่หวังใช้โอกาสนี้เย้ยเยาะกามิกิน

 

จะบอกว่า มันเป็นไปตามที่ผมคาดไว้ดีหรือเปล่านะ……? ดูเหมือนว่า เมื่อคืนมันจะหนักหนาสำหรับสาวน้อยไปสักหน่อย

 

มันก็ไม่แปลกหรอก เธอเล่นถึงจุดสุดยอดทุกครั้งที่ผมกระแทกใส่เธอ 

ทุกทีที่ออกแรงกระแทก จำนวนครั้งที่เธอถึงจุดเกือบพันครั้งได้

ผู้หญิงนั้นมีประสบการณ์การถึงจุดสุดยอดรุนแรงกว่าผู้ชาย ผมจึงสงสัยเหลือเกินว่า การถึงจุดไปเกือบพันครั้งนั้นจะเป็นเช่นไร

ผมยิ้มชั่วร้ายขณะที่หันหน้าไปพูดกับเหล่าผู้ชมทั้งหลาย

 

“ดูเหมือนคุณกามิกินจะไม่ค่อยพอใจข้าสักเท่าไหร่ หากเธอไม่ชอบข้า ข้าก็พอเข้าใจได้อยู่ แต่การที่แสดงออกมาชัดเจนเช่นนี้……. 

ก็คงจะดูถูกข้าเป็นอย่างมากเลยล่ะ ชีวิตของจอมมารระดับต่ำที่มันยากลำบากนัก”

 

ผมคงจะโง่มากที่ปล่อยไปโดยไม่ใช้โอกาสทองอย่างนี้เพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง

ผมทำให้พวกเขาคิดว่า กามิกินนั้นดูถูกผมที่เป็นจอมมารระดับต่ำ อันที่จริงมันไม่ได้ช่วยเรื่องการเจรจาต่อรองนักหรอกแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้คนมาอยู่ฝ่ายผมมากขึ้น

 

 

“เจ้าจะทำอย่างไร?”

บาอัล ที่นั่งเงียบอยู่ที่กลางห้อง ถามผมด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“หากเป็นความปรารถนาของเจ้า ข้ายินดีจะเลื่อนการเจรจาครั้งนี้ไปก่อน”

 

“ข้าไม่รังเกียจที่จะรอครับ มันไม่ได้ขึ้นกับว่า ข้าปรารถนาหรือไม่ ฝ่ายที่ราบนั้นปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะหาทางแก้เรื่องนี้อย่างสันติ”

กามิกินไม่เพียงแต่ดูหมิ่นผมหากแต่เป็นทั้งฝ่ายที่ราบ ผมจบบทสนทนาด้วยความหมายโดยนัยเช่นนั้น แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

 

 

บาอัลพยักหน้าแล้วหลับตาลง ผมไม่รู้เลยว่า ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

แต่ถึงอย่างนั้น……เขาก็เป็นจอมมารลำดับ 1 บาอัลอยู่ดี?

 

ผมแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับบาอัล เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก ผมเคลียร์ดันเจี้ยนของบาอัลเพียงครั้งเดียว ผมอาจจะเคลียร์ดันเจี้ยนของจอมมารอื่นหลายต่อหลายครั้ และถ้าอย่างแย่ที่สุดก็คือ ต้องเคลียร์นับร้อยครั้งใน <Dungeon Attack> แต่บาอัลเป็นบุคคลเดียวที่ผมโค่นได้เพียงครั้งเดียว

 

นับตั้งแต่ฝ่ายที่ราบเอาชนะอกาเรส จอมมารลำดับ 2 ได้ ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับฝ่ายที่ราบแบบไม่คิดหน้าคิดหลังอีก คนเดียวที่น่ากังวลตอนนี้ก็คือ จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ บาอัล

 

ขนาดอกาเรสยังปล่อยพลังไร้ผู้ต้านทานได้ถึงขนาดนั้น แล้วหากบาอัลทำบ้างล่ะ จะเป็นยังไง?

 

ผมต้องฉวยโอกาสนี้จับเจตนาความตั้งใจของบาอัล มันก็โอเคอยู่แหละ เพราะตอนนี้ผมเป็นตัวแทนฝ่ายที่ราบ เขาไม่อาจปฏิบัติกับผมอย่างไม่ใส่ใจได้

 

มาดูกันดีกว่า นิสัยบาอัลโน้มเอียงไปทางไหน…….อืมมม ถ้าดูจากประโยคบทพูดในเกม เขานั้นชื่นชอบนักรบผู้เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นและทรงเกียรติ หลักฐญานก็อย่างที่เห็นว่า เขานั้นเอ็นดูบาร์บาทอสอย่างมาก

 

ผมควรประทับภาพลักษณ์ของเขาลงในสมองดีไหมนะ?

 

“ถ้ายังเงียบๆระหว่างรอคุณกามิกินมาถึง ก็คงน่าเบื่อเกินไป เอาอย่างนี้ดีไหมครับ เซอร์บาอัล? 

ขอนุญาตให้ผู้ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมอย่างข้าได้สนทนากับท่านด้วยเถิด?”

 

“…….”

บาอัลลืมตาขึ้นมามองที่ผ

 

จอมมารรอบตัวพวกเราต่างหยุดกระซิบแล้วหันมามองพวกเราทันที จอมมารลำดับล่างสุดอย่างลำดับ 71 พูดคุยกับจอมมารลำดับ 1 นั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

หากการอนุมานของผมถูกต้อง บาอัลนั้นเป็นบุคคลที่ไม่ชอบพิธีรีตรองยิ่งกว่าใครทั้งนั้น

 

“ข้าได้ยินมาว่า ฝ่าบาทบาอัลนั้นเคยเป็นปีศาจธรรมดามาก่อน เมื่อนานมากแล้ว”

 

“ถูกต้องแล้ว ข้าเคยเป็นแวมไพร์”

รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของบาอัล ขณะที่ตั้งใจตอบ นี่หมายถึง การอนุมานของผมนั้นถูกต้อง

 

“แต่ถึงอย่างนั้น มาตรฐานในปัจจุบันนี้ ข้าก็ไม่ใช่ปีศาจปกติ”

 

“ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะครับ?”

 

“ย้อนกลับไปในสมัยนั้น มีแวมไพร์ลอร์ดอยู่เยอะ แต่ตอนนี้เหลืออยู่ไม่ถึง 10 ตน”

 

อย่างนี้นี่เอง ผมเข้าใจแล้ว เขาเคยเป็นแวมไพร์ลอร์ดมาก่อน

 

แวมไพร์ลอร์ดนั้นหมายถึง แวมไพร์สายเลือดแท้ ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดการข้ามสายพันธุ์กับเผ่าพันธุ์อื่น ดังนั้นเมื่อเวลายิ่งผ่านไป จำนวนสายเลือดแท้ก็ยิ่งลดลง 

 

แม้แต่ใน <Dungeon Attack> อิวาร์ ล็อดบรอคเอง หัวหน้าของบริษัทเคียนคุสก้านั้นเป็นแวมไพร์ลอร์ดเพียงคนเดียวที่ปรากฏ

 

“นี่มันผิดกับข่าวที่ข้าเคยได้ฟังมา ข้าได้ยินมาว่า ฝ่าบาทนั้นเริ่มต้นจากการเป็นทหารเดินเท้าที่ต่ำที่สุดก่อนจะไต่ขึ้นมาจนสู่ตำแหน่งในทุกวันนี้ได้

แล้วทำไมท่านถึงไม่ได้รับการปฏิบัติในโลกปีศาจอย่างชนชั้นสูงทั้งที่ท่านเป็นแวมไพร์ลอร์ดล่ะ?”

 

“ลองจินตนาการดูสิ เจ้าคิดว่า แวมไพร์นั้นเป็นเผ่าเดียวที่มีสายเลือดบริสุทธิ์และเป็นชนชั้นสูงในอดีตเท่านั้นหรือ?”

 

“อ้ออ เผ่าอื่นก็เช่นเดียวกัน ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว…….”

ผู้คนที่อยู่รอบกายพวกเราต่างมองด้วยใบหน้าแตกตื่น

ถ้าพูดกันตามตรรกะปกติ การที่มาพูดกับจอมมารลำดับ 1 ถึงอดีตที่แสนจะ ‘ไม่ธรรมดา’ ก็นับว่า บ้าพอแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นผมยังพูดคุยกับบาอัลด้วยน้ำเสียงสบายๆราวกับพูดคุยกับเพื่อนตัวเองด้วย 

ผมควรจะสอดรู้เรื่องนี้อีกสักหน่อยดีไหมนะ?

 

“ต้องขอประทานอภัยด้วย ฝ่าบาท 

แต่คุณอกาเรสนั้นเริ่มก่อสงครามระหว่างการเจรจา ดังนั้นเป็นที่แน่นอนว่า คุณอกาเรสนั้นสมควรได้รับโทษจากเรื่องในคราวนี้ 

ฝ่าบาทคิดอย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้?”

บาอัลมองตรงมายังผม

เขาขยับริมฝีปาก

 

“เจ้าสนุกมากไหม ที่ใช้ทั้งโลกใบนี้เป็นดั่งเวทีของเจ้าน่ะ”

 

“ขออภัยครับ?”

 

“อย่ามาแสดงต่อหน้าข้า”

บาอัลปิดตาลงอย่างช้าๆ

 

 

“…….”

 

ณ เวลานั้น ผมพูดอะไรไม่ออกได้แต่ช็อค เขาพูดอะไรออกมาน่ะ? อย่ามาแสดงต่อหน้าเขาอย่างนั้นรึ? ที่เขาพูดนั้นหมายความว่ายังไงกัน?

 

ผมหวนนึกถึงคำพูดที่กามิกินพูดกับผม เธอบอกว่า ไล้ฟ์สไตล์ของผมมันไม่ต่างจากปรสิตเลยด้วยซ้ำ บาอัลก็หมายความอย่างนั้นเหมือนกันหรือ? ผมสัมผัสได้ถึงคลื่นความโกรธอยู่ในภายตัวผม

 

 

ถึงอย่างนั้นผมเองก็ไม่ลืมความจริงที่ว่า เบื้องหน้าผมคือ บุคคลที่ทรงอำนาจที่สุดในโลกปีศาจ

ผมจึงต้องเก็บซ่อนความโกรธนั้นไว้

 

 

“ทราบแล้วครับ ข้าจะขอรอกามิกินอย่างอดทนจนกว่าเธอจะมาถึงก็แล้วกัน”

ผ่านไป 30 นาที กามิกินก็ยังมาไม่ถึง

 

จอมมารคนอื่นๆเริ่มบ่นเสียงดัง เหล่าจอมมารนั้นมีอัตตาความภาคภูมิใจสูงส่ง กามิกินกำลังทำให้พวกเขารอ มันคงจะเป็นอะไรที่ประหลาดหากไม่มีใครบ่น

 

 

“นี่นางจงใจแกล้งพวกเราเรอะ!?”

 

“ถึงนางจะเป็นจอมมารระดับสูง แต่ก็ไม่ควรแสดงความไม่เคารพกันอย่างนี้ นี่กฏกติกามารยาทในกองทัพจอมมารมันหย่อนหยานแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

จอมมารปลดปล่อยความโกรธขึ้งของตัวเองออกมาให้เห็น

 

กามิกินมาถึงหลังเวลานัดหมาย หนึ่งชั่วโมง เธอเดินมายังในกลางห้องประชุมเท้าฝีเท้าสงบ

 

 

“ข้าต้องขออภัยในฐานะตัวแทนที่ทำให้ทุกท่านต้องรอ”

กามิกินค้อมหัวลงแล้วแสดงการขอโทษ

 

เธอสวมชุดเสื้อผ้าหนาหลายชั้น หากสังเกตชาติชุดปกติที่มักจะเป็นชุดผ้าบาง ชุดนี้นับว่าหนาเกินไปสำหรับเธอ ทันทีที่เห็นผมก็รู้ได้ทันที

เธอกำลังเหงื่อแตกเหงื่อแตกเป็นอย่างมาก!

 

อารมณ์ที่ขมขื่นของผมจากที่โดนบาอัลเมินกลายเป็นพลิกดีขึ้นมา

ใช่แล้วล่ะ กามิกินนั้นไม่อาจชำระฤทธิ์ยาในร่างกายได้โดยสมบูรณ์แม้จะอาศัยพลังการฟื้นฟูของจอมมารแล้วก็ตาม

 

หากเธอสวมเสื้อผ้าตามปรกติแล้ว มีหวังได้เห็นเหงื่อที่แนบชิดติดตัวเผยทุกสัดส่วนออกมา เธอจึงพยายามสวมเสื้อผ้าให้หนาที่สุดเพื่อเลี่ยงเรื่องแบบนั้น

 

อาจจะมีเวทย์บางอย่างที่ร่ายใส่ชุดเสื้อผ้าเพื่อเอาของเหลวในร่างกายและกลิ่นกายที่ไหลออกจากร่างก็ได้

 

จอมมารตนอื่นต่างตะโกนด้วยความโกรธ

 

“คุณกามิกิน! ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ เธอก็มาสายเกินไปอยู่ดี!”

 

“ใช่ค่ะ ขออภัยด้วย ข้าต้องขออภัยทุกท่านจากใจจริง”

 

“เฮอะ ข้าไม่ยักจะรับรู้ถึงความจริงใจในคำขอโทษของเจ้าเลย……!”

 

กามิกินยังคงขอโทษด้วยท่าทีที่เรียบเฉยราวกับหุ่นยนตร์ ไม่มีเศษเสี้ยวแม้แต่น้อยที่แสดงความจริงใจในน้ำเสียง นั่นยิ่งทำให้จอมมารอื่นยิ่งปะทุ แต่มีผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่า ทำไมเธอถึงมีท่าทางแบบนี้

 

เธอในตอนนี้มีปัญหาในการแสดงน้ำเสียงและท่าทาง

การแสดงสีหน้าของเธอมันพังไปหมดแล้วต้องครางอย่างเชื่องๆแน่นอน หากเธอไม่คุมตัวเองไว้

กามิกินจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแสดงท่าทางที่เรียบเฉยในขณะที่ร่างกายกำลังกรีดร้องด้วยความพึงพอใจ

 

ผมปรบมือเพื่อดึงความสนใจของทุกคน

 

 

“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าเข้าใจว่า ทุกท่านกำลังโกรธอยู่ แต่ถึงอย่างไรเสียคุณกามิกินก็คงอยู่ในสถานการณ์ ‘หลายๆอย่าง’ ดังนั้นได้โปรดอภัยให้เธอเถอะ”

 

 

จอมมารตนอื่นยอมถอยให้เมื่อเห็นบุคคลที่ควรโกรธที่สุดกลับแนะนำให้ พวกเขาให้อภัย กามิกินจึงโค้งให้ผม

 

“……ขอบคุณ สำหรับความกรุณาของคุณค่ะ”

 

“อย่าใส่ใจเลย”

ผมยิ้มอย่างเป็นกันเอง

 

“ข้าก็มีช่วงเวลาที่ร่างกายของข้าไม่แข็งแรงเช่นกัน สุดท้ายข้าก็มาไม่ทันตามนัดหมาย อะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลานั่นแหละ

 

เอาล่ะ สำหรับ การจะประเมินบุคลิกลักษณ์นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า เขาสามารถควบคุมสิ่งที่ไม่คาดฝันพวกนั้นได้ดีแค่ไหน  แต่ถึงอย่างนั้น……ก็ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก ถูกไหม?”

 

“…….”

 

“ข้าเข้าใจดี คุณกามิกิน”

ตอนนั้นเองที่กามิกินขบฟัน เธอปั้นหน้าไร้อารมณ์ แต่ผมก็เห็นได้ชัดว่า เธอเบือนหน้าหนีขณะที่เผชิญหน้าผม

 

แหม ผมนี่ มันจะเป็นปัญหาเอาน้า หากเธอแสดงอารมณ์ออกมาง่ายๆแบบนั้นน่ะ จากนี้พวกเรายังมีอะไรต่อมิอะไรมากมายเลยล่ะ

 

 

“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้คุณกามิกิน ยินดีต้อนรับ เรามาเริ่มการเจรจากันเลยดีกว่า”

 

“…….”

 

กามิกินเดินขยับแต่ละก้าวอย่างเชื่องช้าเป็นอันมาก เธอนั่งลงที่เก้าอี้อย่างระมัดระวัง สุดท้ายปากของเธอต้องสั่นไหวในชั่วขณะที่ก้นของเธอสัมผัสกับเก้าอี้

ผมแน่ใจเลยว่า เธอจะต้องถึงจุดสุดยอดจากการที่แตะสัมผัสกับเก้าอี้แน่ๆ

 

สุดยอดไปเลยนะ

 

ผมรู้ว่า ทำไมกามิกินถึงมาสายไปชั่วโมงหนึ่ง มันไม่มีทางหรอกที่เธอจะเดินมายังห้องประชุมด้วยสภาพร่างกายเช่นนี้ แถมการใช้เทเลพอร์ทส่วนตัวนั้นก็ยังไม่อนุญาตในเนฟเฮมด้วยเช่นกัน

 

ดังนั้น กามิกินจึงต้องมาที่นี่ด้วยรถม้า

 

กามิกินน่ะถึงจุดสุดยอดไปกี่ครั้งแล้ว ขณะที่นั่งอยู่บนรถม้ากันนะ? เธออาจจะบอกให้คนขับรถม้าหยุดหลายต่อหลายครั้ง 

กามิกินที่ต้องอดทนต่อจุดสุดยอดตามลำพังในรถม้าขณะที่ไหล่สั่นเทิ้มไม่หยุด…….

 

 

“ข้าคาดว่า คุณกามิกินไม่ปรารถนาที่จะให้การพูดคุยครั้งนี้ลากยาวอีกต่อไป ดังนั้นข้าจะเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน

 

พวกเราฝ่ายที่ราบ รับทราบประจักษ์ชัดแล้วว่า คุณกามิกินนั้นเป็นเหยื่อในเหตุการณ์ครั้งนี้”

 

เสียงของเหล่าจอมมารต่างฮือฮาขึ้นมา

เอาล่ะ จริงๆพวกเราคุยกันจนจบไปก่อนหน้านี้แล้วล่ะ

 

 

“ข้าได้รู้ก่อนแล้วว่า กองทหารลับของคุณกามิกินได้แอบเข้าร่วมกับกองกำลังฝ่ายเรา

คุณกามิกินกับคุณอกาเรสจึงไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆต่อกัน……เราสามารถสรุปได้เช่นนั้น”

 

“อืมฮึ ถูกแล้วล่ะ”

กามิกินตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อเหมือนหุ่นยนตร์

“ข้าก็บอกนายไปก่อนแล้ว ไม่มีทางที่จะรู้หรอกว่า อย่างอกาเรสน่ะจะทำอะไรลงไปบ้าง”

 

“ในฐานะตัวแทนของฝ่ายที่ราบ ข้าขอแสดงความขอบคุณสำหรับการให้การสนับสนุนทางการทหารของคุณกามิกิน ดังนั้นพวกเราจึงขอส่งมองการปกครองดินแดนโมราเวีย(Moravia)ให้เป็นของคุณกามิกิน”

 

“ขอบคุณสำหรับรางวัลค่ะ”

ผมปรบมือให้กับเธอ

 

 

“ยอดเยี่ยมเหลือเกิน ก่อนหน้านี้พวกเราเข้าใจผิดกัน แต่มาคราวนี้พวกเราสามารถแก้ความเข้าใจผิด และมุ่งสู่หนทางแห่งการปรองดองที่เฉิดฉายในภายภาคหน้า!”

 

จอมมารรอบข้างเราถึงกับมองพวกเราด้วยแววตางุนงง มีผู้หนึ่งที่ได้ยินข่าวว่า เห็นผมออกจากบ้านพักของกามิกินก็ยิ่งมองด้วยความสงสัย มันมีอะไรเกิดขึ้นกันแน่ พวกเขาคงกำลังคิดอย่างนั้นอยู่

 

ข่าวลือที่ว่า กามิกินกับดันทาเลี่ยนนั้นเป็นคู่รักที่เร่าร้อนพรุ่งนี้คงแพร่ออกไปแล้วล่ะ นั้นเป็นสิ่งที่ผมหวังไว้ ยิ่งกามิกินมีส่วนในเรื่องความเข้าใจผิดในเรื่องความสัมพันธ์กับผมมากเท่าไหร่ มันก็ยากที่เธอจะหักหลังผม

 

ไม่มีทางที่เธอจะได้ชื่อเสียงดีๆจากการหักหลังชายคนรักของตนขึ้นมาหรอกน่า

กามิกินจะแบกรับคำวิจารณ์พวกนั้นทั้งที่ก่อนหน้าก็ทำตัวเป็นสาวน้อยใสซื่อมาโดยตลอดอย่างนั้นหรือ?

ผมลุกขึ้นและกางแขนออก

 

“เอาล่ะ คุณกามิกิน เรามากอดเพื่อแสดงถึงความปรองดองให้ทุกคนเห็นอย่างประจักษ์ดีกว่า!”

 

“อั่ก……เดี๋ยว…….”

ผมสวมกอดอย่างรักใคร่ก่อนที่กามิกินจะได้พูดอะไรออกมา ผมกอดเธอแนบแน่นด้วยแขนทั้งสองข้าง

กามิกินถึงกับร้องครางออกมาขณะอยู่ในอ้อมแขนผม ร่างทั้งร่างของเธอสั่นไหวไม่หยุดราวกับเป็นเจ้าสัตว์ตัวน้อย

ผมจึงพูดขึ้น

 

“ข้าปรารถนาที่จะเชื้อเชิญให้คุณกามิกิน รับประทานอาหารค่ำด้วยกันในคืนนี้ 

นี่ก็เป็นการเฉลิมฉลองให้กับความสัมพันธ์อันดีที่จะมีไปตลอดกาลระหว่างฝ่ายที่ราบกับคุณกามิกิน 

เธอคงไม่ปฏิเสธใช่ไหม? หากพิจารณาจากความสัมพันธ์ที่พวกเรามีต่อกันแล้วน่ะ”

 

“……, ……”

กามิกินพยักหน้า

 

เธอพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

ถึงอย่างนั้นก็เห็นๆกันอยู่ว่า จอมมารตนอื่นต่างคิดว่า ใบหน้าของเธอนั้นดูแดงก่ำจนเกินไป ผมยังแอบได้ยินเสียงเหล่าเลดี้ทั้งหลายเม้ามอยกันด้วยความตื่นเต้น

 

 

 

 

 

ด้วยเหตุนี้เอง ทุกอย่างก็คลี่คลายด้วยความสันติ

 

นี่ช่างเป็นวันแห่งความสุข เป็นวันแห่งความสุขจริงๆ

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 238 การสู้รบของจอมมาร (9)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 238 การสู้รบของจอมมาร (9) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

ถึงเวลากำหนดนัดหมายการเจรจาแล้ว

เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผมยังคงว่างเปล่า กามิกินยังมาไม่ถึง

 

เสียงผู้คนที่เริ่มเอะอะวุ่นวายดังขึ้น จอมมารตนอื่นต่างกระซิบกระซาบต่อกัน

 

 

“หรือจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น?” , “ทำไมกามิกินยังไม่มาอีก?”

มีทั้งที่คิดว่า นี่อาจเป็นแผนการร้ายอะไรบางอย่าง รวมถึงจอมมารที่หวังใช้โอกาสนี้เย้ยเยาะกามิกิน

 

จะบอกว่า มันเป็นไปตามที่ผมคาดไว้ดีหรือเปล่านะ……? ดูเหมือนว่า เมื่อคืนมันจะหนักหนาสำหรับสาวน้อยไปสักหน่อย

 

มันก็ไม่แปลกหรอก เธอเล่นถึงจุดสุดยอดทุกครั้งที่ผมกระแทกใส่เธอ 

ทุกทีที่ออกแรงกระแทก จำนวนครั้งที่เธอถึงจุดเกือบพันครั้งได้

ผู้หญิงนั้นมีประสบการณ์การถึงจุดสุดยอดรุนแรงกว่าผู้ชาย ผมจึงสงสัยเหลือเกินว่า การถึงจุดไปเกือบพันครั้งนั้นจะเป็นเช่นไร

ผมยิ้มชั่วร้ายขณะที่หันหน้าไปพูดกับเหล่าผู้ชมทั้งหลาย

 

“ดูเหมือนคุณกามิกินจะไม่ค่อยพอใจข้าสักเท่าไหร่ หากเธอไม่ชอบข้า ข้าก็พอเข้าใจได้อยู่ แต่การที่แสดงออกมาชัดเจนเช่นนี้……. 

ก็คงจะดูถูกข้าเป็นอย่างมากเลยล่ะ ชีวิตของจอมมารระดับต่ำที่มันยากลำบากนัก”

 

ผมคงจะโง่มากที่ปล่อยไปโดยไม่ใช้โอกาสทองอย่างนี้เพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง

ผมทำให้พวกเขาคิดว่า กามิกินนั้นดูถูกผมที่เป็นจอมมารระดับต่ำ อันที่จริงมันไม่ได้ช่วยเรื่องการเจรจาต่อรองนักหรอกแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้คนมาอยู่ฝ่ายผมมากขึ้น

 

 

“เจ้าจะทำอย่างไร?”

บาอัล ที่นั่งเงียบอยู่ที่กลางห้อง ถามผมด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“หากเป็นความปรารถนาของเจ้า ข้ายินดีจะเลื่อนการเจรจาครั้งนี้ไปก่อน”

 

“ข้าไม่รังเกียจที่จะรอครับ มันไม่ได้ขึ้นกับว่า ข้าปรารถนาหรือไม่ ฝ่ายที่ราบนั้นปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะหาทางแก้เรื่องนี้อย่างสันติ”

กามิกินไม่เพียงแต่ดูหมิ่นผมหากแต่เป็นทั้งฝ่ายที่ราบ ผมจบบทสนทนาด้วยความหมายโดยนัยเช่นนั้น แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

 

 

บาอัลพยักหน้าแล้วหลับตาลง ผมไม่รู้เลยว่า ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

แต่ถึงอย่างนั้น……เขาก็เป็นจอมมารลำดับ 1 บาอัลอยู่ดี?

 

ผมแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับบาอัล เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก ผมเคลียร์ดันเจี้ยนของบาอัลเพียงครั้งเดียว ผมอาจจะเคลียร์ดันเจี้ยนของจอมมารอื่นหลายต่อหลายครั้ และถ้าอย่างแย่ที่สุดก็คือ ต้องเคลียร์นับร้อยครั้งใน <Dungeon Attack> แต่บาอัลเป็นบุคคลเดียวที่ผมโค่นได้เพียงครั้งเดียว

 

นับตั้งแต่ฝ่ายที่ราบเอาชนะอกาเรส จอมมารลำดับ 2 ได้ ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับฝ่ายที่ราบแบบไม่คิดหน้าคิดหลังอีก คนเดียวที่น่ากังวลตอนนี้ก็คือ จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ บาอัล

 

ขนาดอกาเรสยังปล่อยพลังไร้ผู้ต้านทานได้ถึงขนาดนั้น แล้วหากบาอัลทำบ้างล่ะ จะเป็นยังไง?

 

ผมต้องฉวยโอกาสนี้จับเจตนาความตั้งใจของบาอัล มันก็โอเคอยู่แหละ เพราะตอนนี้ผมเป็นตัวแทนฝ่ายที่ราบ เขาไม่อาจปฏิบัติกับผมอย่างไม่ใส่ใจได้

 

มาดูกันดีกว่า นิสัยบาอัลโน้มเอียงไปทางไหน…….อืมมม ถ้าดูจากประโยคบทพูดในเกม เขานั้นชื่นชอบนักรบผู้เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นและทรงเกียรติ หลักฐญานก็อย่างที่เห็นว่า เขานั้นเอ็นดูบาร์บาทอสอย่างมาก

 

ผมควรประทับภาพลักษณ์ของเขาลงในสมองดีไหมนะ?

 

“ถ้ายังเงียบๆระหว่างรอคุณกามิกินมาถึง ก็คงน่าเบื่อเกินไป เอาอย่างนี้ดีไหมครับ เซอร์บาอัล? 

ขอนุญาตให้ผู้ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมอย่างข้าได้สนทนากับท่านด้วยเถิด?”

 

“…….”

บาอัลลืมตาขึ้นมามองที่ผ

 

จอมมารรอบตัวพวกเราต่างหยุดกระซิบแล้วหันมามองพวกเราทันที จอมมารลำดับล่างสุดอย่างลำดับ 71 พูดคุยกับจอมมารลำดับ 1 นั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

หากการอนุมานของผมถูกต้อง บาอัลนั้นเป็นบุคคลที่ไม่ชอบพิธีรีตรองยิ่งกว่าใครทั้งนั้น

 

“ข้าได้ยินมาว่า ฝ่าบาทบาอัลนั้นเคยเป็นปีศาจธรรมดามาก่อน เมื่อนานมากแล้ว”

 

“ถูกต้องแล้ว ข้าเคยเป็นแวมไพร์”

รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของบาอัล ขณะที่ตั้งใจตอบ นี่หมายถึง การอนุมานของผมนั้นถูกต้อง

 

“แต่ถึงอย่างนั้น มาตรฐานในปัจจุบันนี้ ข้าก็ไม่ใช่ปีศาจปกติ”

 

“ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะครับ?”

 

“ย้อนกลับไปในสมัยนั้น มีแวมไพร์ลอร์ดอยู่เยอะ แต่ตอนนี้เหลืออยู่ไม่ถึง 10 ตน”

 

อย่างนี้นี่เอง ผมเข้าใจแล้ว เขาเคยเป็นแวมไพร์ลอร์ดมาก่อน

 

แวมไพร์ลอร์ดนั้นหมายถึง แวมไพร์สายเลือดแท้ ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดการข้ามสายพันธุ์กับเผ่าพันธุ์อื่น ดังนั้นเมื่อเวลายิ่งผ่านไป จำนวนสายเลือดแท้ก็ยิ่งลดลง 

 

แม้แต่ใน <Dungeon Attack> อิวาร์ ล็อดบรอคเอง หัวหน้าของบริษัทเคียนคุสก้านั้นเป็นแวมไพร์ลอร์ดเพียงคนเดียวที่ปรากฏ

 

“นี่มันผิดกับข่าวที่ข้าเคยได้ฟังมา ข้าได้ยินมาว่า ฝ่าบาทนั้นเริ่มต้นจากการเป็นทหารเดินเท้าที่ต่ำที่สุดก่อนจะไต่ขึ้นมาจนสู่ตำแหน่งในทุกวันนี้ได้

แล้วทำไมท่านถึงไม่ได้รับการปฏิบัติในโลกปีศาจอย่างชนชั้นสูงทั้งที่ท่านเป็นแวมไพร์ลอร์ดล่ะ?”

 

“ลองจินตนาการดูสิ เจ้าคิดว่า แวมไพร์นั้นเป็นเผ่าเดียวที่มีสายเลือดบริสุทธิ์และเป็นชนชั้นสูงในอดีตเท่านั้นหรือ?”

 

“อ้ออ เผ่าอื่นก็เช่นเดียวกัน ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว…….”

ผู้คนที่อยู่รอบกายพวกเราต่างมองด้วยใบหน้าแตกตื่น

ถ้าพูดกันตามตรรกะปกติ การที่มาพูดกับจอมมารลำดับ 1 ถึงอดีตที่แสนจะ ‘ไม่ธรรมดา’ ก็นับว่า บ้าพอแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นผมยังพูดคุยกับบาอัลด้วยน้ำเสียงสบายๆราวกับพูดคุยกับเพื่อนตัวเองด้วย 

ผมควรจะสอดรู้เรื่องนี้อีกสักหน่อยดีไหมนะ?

 

“ต้องขอประทานอภัยด้วย ฝ่าบาท 

แต่คุณอกาเรสนั้นเริ่มก่อสงครามระหว่างการเจรจา ดังนั้นเป็นที่แน่นอนว่า คุณอกาเรสนั้นสมควรได้รับโทษจากเรื่องในคราวนี้ 

ฝ่าบาทคิดอย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้?”

บาอัลมองตรงมายังผม

เขาขยับริมฝีปาก

 

“เจ้าสนุกมากไหม ที่ใช้ทั้งโลกใบนี้เป็นดั่งเวทีของเจ้าน่ะ”

 

“ขออภัยครับ?”

 

“อย่ามาแสดงต่อหน้าข้า”

บาอัลปิดตาลงอย่างช้าๆ

 

 

“…….”

 

ณ เวลานั้น ผมพูดอะไรไม่ออกได้แต่ช็อค เขาพูดอะไรออกมาน่ะ? อย่ามาแสดงต่อหน้าเขาอย่างนั้นรึ? ที่เขาพูดนั้นหมายความว่ายังไงกัน?

 

ผมหวนนึกถึงคำพูดที่กามิกินพูดกับผม เธอบอกว่า ไล้ฟ์สไตล์ของผมมันไม่ต่างจากปรสิตเลยด้วยซ้ำ บาอัลก็หมายความอย่างนั้นเหมือนกันหรือ? ผมสัมผัสได้ถึงคลื่นความโกรธอยู่ในภายตัวผม

 

 

ถึงอย่างนั้นผมเองก็ไม่ลืมความจริงที่ว่า เบื้องหน้าผมคือ บุคคลที่ทรงอำนาจที่สุดในโลกปีศาจ

ผมจึงต้องเก็บซ่อนความโกรธนั้นไว้

 

 

“ทราบแล้วครับ ข้าจะขอรอกามิกินอย่างอดทนจนกว่าเธอจะมาถึงก็แล้วกัน”

ผ่านไป 30 นาที กามิกินก็ยังมาไม่ถึง

 

จอมมารคนอื่นๆเริ่มบ่นเสียงดัง เหล่าจอมมารนั้นมีอัตตาความภาคภูมิใจสูงส่ง กามิกินกำลังทำให้พวกเขารอ มันคงจะเป็นอะไรที่ประหลาดหากไม่มีใครบ่น

 

 

“นี่นางจงใจแกล้งพวกเราเรอะ!?”

 

“ถึงนางจะเป็นจอมมารระดับสูง แต่ก็ไม่ควรแสดงความไม่เคารพกันอย่างนี้ นี่กฏกติกามารยาทในกองทัพจอมมารมันหย่อนหยานแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

จอมมารปลดปล่อยความโกรธขึ้งของตัวเองออกมาให้เห็น

 

กามิกินมาถึงหลังเวลานัดหมาย หนึ่งชั่วโมง เธอเดินมายังในกลางห้องประชุมเท้าฝีเท้าสงบ

 

 

“ข้าต้องขออภัยในฐานะตัวแทนที่ทำให้ทุกท่านต้องรอ”

กามิกินค้อมหัวลงแล้วแสดงการขอโทษ

 

เธอสวมชุดเสื้อผ้าหนาหลายชั้น หากสังเกตชาติชุดปกติที่มักจะเป็นชุดผ้าบาง ชุดนี้นับว่าหนาเกินไปสำหรับเธอ ทันทีที่เห็นผมก็รู้ได้ทันที

เธอกำลังเหงื่อแตกเหงื่อแตกเป็นอย่างมาก!

 

อารมณ์ที่ขมขื่นของผมจากที่โดนบาอัลเมินกลายเป็นพลิกดีขึ้นมา

ใช่แล้วล่ะ กามิกินนั้นไม่อาจชำระฤทธิ์ยาในร่างกายได้โดยสมบูรณ์แม้จะอาศัยพลังการฟื้นฟูของจอมมารแล้วก็ตาม

 

หากเธอสวมเสื้อผ้าตามปรกติแล้ว มีหวังได้เห็นเหงื่อที่แนบชิดติดตัวเผยทุกสัดส่วนออกมา เธอจึงพยายามสวมเสื้อผ้าให้หนาที่สุดเพื่อเลี่ยงเรื่องแบบนั้น

 

อาจจะมีเวทย์บางอย่างที่ร่ายใส่ชุดเสื้อผ้าเพื่อเอาของเหลวในร่างกายและกลิ่นกายที่ไหลออกจากร่างก็ได้

 

จอมมารตนอื่นต่างตะโกนด้วยความโกรธ

 

“คุณกามิกิน! ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ เธอก็มาสายเกินไปอยู่ดี!”

 

“ใช่ค่ะ ขออภัยด้วย ข้าต้องขออภัยทุกท่านจากใจจริง”

 

“เฮอะ ข้าไม่ยักจะรับรู้ถึงความจริงใจในคำขอโทษของเจ้าเลย……!”

 

กามิกินยังคงขอโทษด้วยท่าทีที่เรียบเฉยราวกับหุ่นยนตร์ ไม่มีเศษเสี้ยวแม้แต่น้อยที่แสดงความจริงใจในน้ำเสียง นั่นยิ่งทำให้จอมมารอื่นยิ่งปะทุ แต่มีผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่า ทำไมเธอถึงมีท่าทางแบบนี้

 

เธอในตอนนี้มีปัญหาในการแสดงน้ำเสียงและท่าทาง

การแสดงสีหน้าของเธอมันพังไปหมดแล้วต้องครางอย่างเชื่องๆแน่นอน หากเธอไม่คุมตัวเองไว้

กามิกินจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแสดงท่าทางที่เรียบเฉยในขณะที่ร่างกายกำลังกรีดร้องด้วยความพึงพอใจ

 

ผมปรบมือเพื่อดึงความสนใจของทุกคน

 

 

“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าเข้าใจว่า ทุกท่านกำลังโกรธอยู่ แต่ถึงอย่างไรเสียคุณกามิกินก็คงอยู่ในสถานการณ์ ‘หลายๆอย่าง’ ดังนั้นได้โปรดอภัยให้เธอเถอะ”

 

 

จอมมารตนอื่นยอมถอยให้เมื่อเห็นบุคคลที่ควรโกรธที่สุดกลับแนะนำให้ พวกเขาให้อภัย กามิกินจึงโค้งให้ผม

 

“……ขอบคุณ สำหรับความกรุณาของคุณค่ะ”

 

“อย่าใส่ใจเลย”

ผมยิ้มอย่างเป็นกันเอง

 

“ข้าก็มีช่วงเวลาที่ร่างกายของข้าไม่แข็งแรงเช่นกัน สุดท้ายข้าก็มาไม่ทันตามนัดหมาย อะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลานั่นแหละ

 

เอาล่ะ สำหรับ การจะประเมินบุคลิกลักษณ์นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า เขาสามารถควบคุมสิ่งที่ไม่คาดฝันพวกนั้นได้ดีแค่ไหน  แต่ถึงอย่างนั้น……ก็ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก ถูกไหม?”

 

“…….”

 

“ข้าเข้าใจดี คุณกามิกิน”

ตอนนั้นเองที่กามิกินขบฟัน เธอปั้นหน้าไร้อารมณ์ แต่ผมก็เห็นได้ชัดว่า เธอเบือนหน้าหนีขณะที่เผชิญหน้าผม

 

แหม ผมนี่ มันจะเป็นปัญหาเอาน้า หากเธอแสดงอารมณ์ออกมาง่ายๆแบบนั้นน่ะ จากนี้พวกเรายังมีอะไรต่อมิอะไรมากมายเลยล่ะ

 

 

“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้คุณกามิกิน ยินดีต้อนรับ เรามาเริ่มการเจรจากันเลยดีกว่า”

 

“…….”

 

กามิกินเดินขยับแต่ละก้าวอย่างเชื่องช้าเป็นอันมาก เธอนั่งลงที่เก้าอี้อย่างระมัดระวัง สุดท้ายปากของเธอต้องสั่นไหวในชั่วขณะที่ก้นของเธอสัมผัสกับเก้าอี้

ผมแน่ใจเลยว่า เธอจะต้องถึงจุดสุดยอดจากการที่แตะสัมผัสกับเก้าอี้แน่ๆ

 

สุดยอดไปเลยนะ

 

ผมรู้ว่า ทำไมกามิกินถึงมาสายไปชั่วโมงหนึ่ง มันไม่มีทางหรอกที่เธอจะเดินมายังห้องประชุมด้วยสภาพร่างกายเช่นนี้ แถมการใช้เทเลพอร์ทส่วนตัวนั้นก็ยังไม่อนุญาตในเนฟเฮมด้วยเช่นกัน

 

ดังนั้น กามิกินจึงต้องมาที่นี่ด้วยรถม้า

 

กามิกินน่ะถึงจุดสุดยอดไปกี่ครั้งแล้ว ขณะที่นั่งอยู่บนรถม้ากันนะ? เธออาจจะบอกให้คนขับรถม้าหยุดหลายต่อหลายครั้ง 

กามิกินที่ต้องอดทนต่อจุดสุดยอดตามลำพังในรถม้าขณะที่ไหล่สั่นเทิ้มไม่หยุด…….

 

 

“ข้าคาดว่า คุณกามิกินไม่ปรารถนาที่จะให้การพูดคุยครั้งนี้ลากยาวอีกต่อไป ดังนั้นข้าจะเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน

 

พวกเราฝ่ายที่ราบ รับทราบประจักษ์ชัดแล้วว่า คุณกามิกินนั้นเป็นเหยื่อในเหตุการณ์ครั้งนี้”

 

เสียงของเหล่าจอมมารต่างฮือฮาขึ้นมา

เอาล่ะ จริงๆพวกเราคุยกันจนจบไปก่อนหน้านี้แล้วล่ะ

 

 

“ข้าได้รู้ก่อนแล้วว่า กองทหารลับของคุณกามิกินได้แอบเข้าร่วมกับกองกำลังฝ่ายเรา

คุณกามิกินกับคุณอกาเรสจึงไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆต่อกัน……เราสามารถสรุปได้เช่นนั้น”

 

“อืมฮึ ถูกแล้วล่ะ”

กามิกินตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อเหมือนหุ่นยนตร์

“ข้าก็บอกนายไปก่อนแล้ว ไม่มีทางที่จะรู้หรอกว่า อย่างอกาเรสน่ะจะทำอะไรลงไปบ้าง”

 

“ในฐานะตัวแทนของฝ่ายที่ราบ ข้าขอแสดงความขอบคุณสำหรับการให้การสนับสนุนทางการทหารของคุณกามิกิน ดังนั้นพวกเราจึงขอส่งมองการปกครองดินแดนโมราเวีย(Moravia)ให้เป็นของคุณกามิกิน”

 

“ขอบคุณสำหรับรางวัลค่ะ”

ผมปรบมือให้กับเธอ

 

 

“ยอดเยี่ยมเหลือเกิน ก่อนหน้านี้พวกเราเข้าใจผิดกัน แต่มาคราวนี้พวกเราสามารถแก้ความเข้าใจผิด และมุ่งสู่หนทางแห่งการปรองดองที่เฉิดฉายในภายภาคหน้า!”

 

จอมมารรอบข้างเราถึงกับมองพวกเราด้วยแววตางุนงง มีผู้หนึ่งที่ได้ยินข่าวว่า เห็นผมออกจากบ้านพักของกามิกินก็ยิ่งมองด้วยความสงสัย มันมีอะไรเกิดขึ้นกันแน่ พวกเขาคงกำลังคิดอย่างนั้นอยู่

 

ข่าวลือที่ว่า กามิกินกับดันทาเลี่ยนนั้นเป็นคู่รักที่เร่าร้อนพรุ่งนี้คงแพร่ออกไปแล้วล่ะ นั้นเป็นสิ่งที่ผมหวังไว้ ยิ่งกามิกินมีส่วนในเรื่องความเข้าใจผิดในเรื่องความสัมพันธ์กับผมมากเท่าไหร่ มันก็ยากที่เธอจะหักหลังผม

 

ไม่มีทางที่เธอจะได้ชื่อเสียงดีๆจากการหักหลังชายคนรักของตนขึ้นมาหรอกน่า

กามิกินจะแบกรับคำวิจารณ์พวกนั้นทั้งที่ก่อนหน้าก็ทำตัวเป็นสาวน้อยใสซื่อมาโดยตลอดอย่างนั้นหรือ?

ผมลุกขึ้นและกางแขนออก

 

“เอาล่ะ คุณกามิกิน เรามากอดเพื่อแสดงถึงความปรองดองให้ทุกคนเห็นอย่างประจักษ์ดีกว่า!”

 

“อั่ก……เดี๋ยว…….”

ผมสวมกอดอย่างรักใคร่ก่อนที่กามิกินจะได้พูดอะไรออกมา ผมกอดเธอแนบแน่นด้วยแขนทั้งสองข้าง

กามิกินถึงกับร้องครางออกมาขณะอยู่ในอ้อมแขนผม ร่างทั้งร่างของเธอสั่นไหวไม่หยุดราวกับเป็นเจ้าสัตว์ตัวน้อย

ผมจึงพูดขึ้น

 

“ข้าปรารถนาที่จะเชื้อเชิญให้คุณกามิกิน รับประทานอาหารค่ำด้วยกันในคืนนี้ 

นี่ก็เป็นการเฉลิมฉลองให้กับความสัมพันธ์อันดีที่จะมีไปตลอดกาลระหว่างฝ่ายที่ราบกับคุณกามิกิน 

เธอคงไม่ปฏิเสธใช่ไหม? หากพิจารณาจากความสัมพันธ์ที่พวกเรามีต่อกันแล้วน่ะ”

 

“……, ……”

กามิกินพยักหน้า

 

เธอพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

ถึงอย่างนั้นก็เห็นๆกันอยู่ว่า จอมมารตนอื่นต่างคิดว่า ใบหน้าของเธอนั้นดูแดงก่ำจนเกินไป ผมยังแอบได้ยินเสียงเหล่าเลดี้ทั้งหลายเม้ามอยกันด้วยความตื่นเต้น

 

 

 

 

 

ด้วยเหตุนี้เอง ทุกอย่างก็คลี่คลายด้วยความสันติ

 

นี่ช่างเป็นวันแห่งความสุข เป็นวันแห่งความสุขจริงๆ

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+