Dungeon Defense (WN) 249 ดันเจี้ยนมาสเตอร์ (7)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 249 ดันเจี้ยนมาสเตอร์ (7) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

* * *

 

 

 

อ่าห์ การแสดงนี่มันยากกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก—

 

ผมยังคงนอนอยู่บนเตียง โดยมีกามิกินกลั้นสะอื้นไห้อยู่ข้างๆ เสียงมันฟังไม่เหมือนว่า เธอกำลังกลั้นน้ำตา หากจะให้เทียบมันฟังดูเหมือนเพลงกล่อมสงบมากกว่า

 

เธอย่อมไม่รู้อยู่แล้วว่า ผมนั้นยังตื่นอยู่ จริงๆผมไม่ได้หมดสติไปตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ ออกจะสบายตัวด้วยซ้ำที่มาถึงที่นี่ได้โดยกามิกินแบกผมมา

 

 

ผมรับรู้ได้ถึง ความเครียดสะสมของกามิกินในช่วงที่ผ่านมานี้ ผู้คนน่ะไม่ใช่เครื่องจักร ไม่สำคัญหรอกว่า การแลกเปลี่ยนนั้นจะแฟร์แค่ไหน สุดท้ายใครๆก็ต่างอยากได้รับความเคารพนับถือเป็นที่สุด หรืออย่างน้อยๆ ก็อย่าโดนเหยียบย่ำต่อหน้าคนอื่น

 

แม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งที่คนๆนั้นเลือกเองก็ตามที

ไม่สิ แม้แต่ความแฟร์ในตัวมันเองก็มิได้เป็นปัญหานักหรอก……. 

 

กามิกินเป็นจอมมารลำดับ 4 เธออาจจะคิดว่า ต้องใช้การแลกเปลี่ยนที่แฟร์กับคนอย่างผม ซึ่งความจริงแล้ว มันไม่ได้แฟร์อะไรนักหรอก

 

ผู้คนมักจะหลงลืมช่วงเวลายามที่ตัวเองอ่อนแอได้โดยง่าย มีช่วงเวลาที่กามิกินนั้นเคยอ่อนแอ อยู่ระดับต่ำๆ

 

แต่ถึงอย่างนั้น พอผ่านไปหลายศตวรรษในฐานะบุคคลผู้มีชื่อเสียง คนเช่นนั้นย่อมต้องเริ่มคิดขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ

 

‘ข้าน่ะเป็นบุคคลสำคัญนะ ไม่สมควรโดนปฏิบัติอย่างไม่เคารพไร้เกียรติเช่นนี้ ข้าควรได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่านี้…….’

 

ผมได้แต่หัวเราะเยาะคนแบบนั้น แล้วนี่มันจะต่างไปจากเมื่อร้อยปีที่แล้วตรงไหนกันล่ะ?

 

หรือผมกำลังจะกลายเป็นบุคคลผู้สนใจได้หากเวลาผ่านไป 200 หรือ 300 ปีกันล่ะ? ตลกน่า ถึงจะผ่านไปสัก 300 ปี ถ้าผมหัวหลุดจากบ่า ผมก็ตายอยู่ดีนั่นแหละ ชีวิตมันก็เรียบง่ายแบบนั้น

 

พอคนๆนั้นชักเริ่มโง่งมลง ก็จะหลงลืมความจริงที่ว่า หัวหลุดก็ตาย ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่ควรให้สำคัญเป็นอันดับแรกก่อนด้วยซ้ำ

 

การเป็นคนโง่งมนั้นไม่ยากอะไรเลย มันมักเกิดกับบุคคลที่ไม่คิดว่า ตัวเองอ่อนแออีกต่อไป แหย่เจ้าคนหัวทึบแบบนั้นมันไม่สนุกอะไรนักหรอก…….

 

ถึงกามิกินจะอ้างว่า การมีชีวิตรอดนั้นเป็นสิ่งเดียวที่มีค่ามากที่สุด ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังพูดถึงเรื่องศักดิ์ศรี ผมจึงนิยามเธอว่า เป็นพวกไร้กังวล

 

 

หากผมเป็นกามิกิน ผมจะยอมรับเงื่อนไขของผมตอนนี้เต็มที่

ผมก็จะแสร้งทำเป็นผมหลงรักหมดหัวใจแล้วรอจนกว่า ตัวผมนี้จะเผยจุดอ่อนออกมา

ลองคิดดูดีๆสิ ตัวผมที่ได้รับการป้อยอจากจอมมารลำดับ 4 เชียวนะ

 

ไม่ว่าจะใจแข็งเลือดเย็นขนาดไหน ไม่มีทางหรอกที่ผมจะไม่ดีใจหรือมีความสุขจากการได้รับคำชมจากคนฐานะระดับเธอน่ะ

 

แต่ถึงอย่างนั้นกามิกินก็ทำมันพังเสียหมด เธอเลือกไม่ได้ระหว่างจะให้ความร่วมมือกับผมเต็มที่ดี หรือจะเปิดตัวเป็นศัตรูกับผมดี 

เธอนั้นลังเล ครึ่งๆกลางๆ

 

‘สเตตัส’

ผมลืมตาข้างหนึ่งมองไปที่กามิกิน หน้าต่างก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าทันที

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

ืชื่อ : กามิกิน

 

เผ่า : จอมมาร   ฝ่าย : กองกำลังจอมมารกามิกิน

สถานะ: ชั่วร้ายl(-55)

 

เลเวล : 396    ชื่อเสีย : 5233100
อาชีพ : อาร์คเมจ(SSS), จอมมาร(SS), ผู้จัดการดันเจี้ยน(S)

ความเป็นผู้นำ : 295  อำนาจ : 320   สติปัญญา : 353
ไหวพริบ : 371  เสน่ห์ : 449  เทคนิค : 446

 

ค่าความชอบ : 22

 

ความคิดปัจจุบัน : ‘ข้าควรจะพอแล้ว…… พอกับทุกอย่าง…….’

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

 

ผมเพิ่มค่าความชอบของกามิกินที่มีต่อผมจนถึงค่า 20 เมื่อปีที่ผ่านมา

 

ในเวลานั้น ผมกับกามิกิน เราต่างไปด้วยกันได้เป็นอย่างดี แต่มันเริ่มแย่ลงเมื่อตอนที่เราเป็นคู่หูทางธุรกิจที่ต้องแลกเปลี่ยนสิ่งที่จำเป็นต่อกัน

รวมถึงการมีเซ็กส์กันจนถึงตอนนี้ และต่อจากนี้อาจจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเราให้ไปได้ไกลขึ้นอีก

จากจุดนี้ของผม การมีจอมมารลำดับ 4 มาเป็นพรรคพวกนั้นแทบจะการันตีความปลอดภัยได้เลยล่ะ ผมก็แค่ปฏิบัติต่อเธออย่างใจดีและระมัดระวังในการใช้คำพูดต่อหน้าเธอ

 

ก่อนหน้านี้ค่าความชอบของเธอค่อยๆเพิ่มสูงขึ้นทีละ 2 ทีละ 3 ทุกๆเดือน ก่อนที่จะแตะถึง 20 เมื่อปีที่ผ่านมา

 

แม้จะช้าแต่มันมั่นคง ทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างดี

 

ปัญหามันเริ่มจาก ณ ‘จุดนั้น’ นั่นแหละ

 

‘……อย่าไปสนิทกับ ซับนัก(Sabnak)’

 

ตอนนั้นพวกเรานอนกลิ้งอยู่บนเตียงด้วยหลังหลังจากมีเซ็กส์กันอย่างหนัก ตอนนั้นผมถึงกับงง

 

‘อะไรนะ?’

 

ซับนักเป็นจอมมารหญิง ลำดับ 43 ไม่สังกัดฝ่ายใด  เธออยู่ฝ่ายอกาเรส ตอนที่เกิดความแตกแยกกันภายใน แต่หลังๆเธอเริ่มมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆกับฝ่ายที่ราบเมื่อเร็วๆนี้

 

วิธีการที่เธอแอบมาขอให้ยกโทษน่ะ มันน่าสนใจดี ผมเลยไปคุยกับเธอบ้างเป็นบางครั้งบางคราว

 

(TTL : มาทรงนี้ ……ไอ้เชี่ยพรี่ดัน!!!

พรี่ตั้มเขาไถ่โทษใช่ไหม! กามิกินเลยหึง!? ใช่ไหมมม!? ตอบบบบบบ )

 

 

 

‘ข้าไม่คิดว่า นางจะเป็นบุคคลที่ควรค่าน่าประทับใจแบบนั้นนะ’

 

‘ถ้าอยากคบกับนางก็เอาเลย ตามสบาย แต่แม่นี่แหละจะหนีก่อนคนแรก หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในฝ่ายอกาเรส’

 

‘เข้าใจแล้ว’

ผมหัวเราะเบาๆ

 

‘แล้วเธอจะไปกังวลเรื่องอะไรกันล่ะ…….’

เดี๋ยวก่อนสิ 

 

ตอนนั้นผมเริ่มคิดกับตัวเอง

 

กามิกินหันหลังให้ผม ผมจึงไม่เห็นสีหน้าที่เธอแสดงออกมา

แต่ตอนนั้นเองผมรู้สึกเสียววาบไปที่ไขสันหลังขณะที่มองแผ่นหลังขาวๆของเธอ

 

เมื่อกี้กามิกินพูดว่าอะไรกันนะ?

 

เธอเพิ่งจะบอกข้อมูลของใครบางคน ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ฝ่ายเดียวกันกับเธอเพื่อเอาชนะใจผมอย่างนั้นหรือ

 

 

ทำไมกัน? เธอทำแบบนั้นไปด้วยเหตุผลอะไรกัน?

 

หากใครอยู่ ณ จุดเดียวกับผม อาจไม่รับรู้ความผิดปกตินี้ก็ได้ แต่ผมบอกได้โดยสัญชาตญาณว่า กามิกินพยายามจะเป็นหนี้บุญคุณผม!

 

ทุกความสัมพันธ์จะเริ่มพังทลายลงมา ในขณะที่มีเรื่อง หนี้ทางอารมณ์มาเกี่ยวข้อง ผมเคยทำแบบนี้กับคนอื่นมากมายด้วยการแสดงความเชื่อใจด้านดีๆออกมา แต่ผมก็ไม่ได้รับการตอบแทนที่เหมาะสม

 

นายต้องตอบแทนฉันให้ดีๆล่ะ……. พอถึงจุดนั้นความสัมพันธ์เชิงธุรกิจจะเข้าสู่จุดแตกหัก

 

ผมกับบาร์บาทอสระวังเรื่องนั้นเป็นอย่างดี

 

(TTL : นั่น เรียกระวังแล้วเรอะ เกือบจะตีกันเลือดสาดด้วยความหึงโหดเนี่ยนะ 555)

 

แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องทำให้แน่ใจว่า จะไม่เห็นอกเห็นใจอีกฝ่ายโดยไม่จำเป็น หรือไม่ก็…ไม่แสดงออกว่าเป็นอย่างนั้น

 

ทั้งหมดก็เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายคิดเจ็บแค้น ทั้งยังป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายพูดว่า 

‘ข้าทำให้เจ้าถึงขนาดนี้เชียวนะ แต่ทำไมเจ้าทำแค่นี้ให้ข้าไม่ได้กันล่ะ!?’

 

ผู้คนไม่ใช่เครื่องจักร แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถขึ้นสนิมได้ไม่ต่างจากเครื่องจักร ผมได้กลิ่นสนิมเหล็กฉุนกึกมาจากพฤติกรรมของกามิกิน

 

‘……เธอก็เป็นห่วงข้าเสียเหลือเกิน ขอบใจนะ’

 

‘…….’

 

เสียงซาวน์เอฟเฟ็คดังขึ้นร้องเตือนบอกผมว่า ค่าความชอบของเธอเพิ่มสูงขึ้น

แน่นอนแหละ ทุกอย่างจะเริ่มค่อยๆเอนเอียงไปข้างหนึ่งมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

 

 

‘คุณกามิกิน เดี๋ยวก่อน รอก่อน!’

 

‘กรรร……!’

 

‘ทำไมเธอทำท่าทีอย่างนั้นล่ะ? บ้าเอ๊ย นี่เธอทำตัวมีปัญหาเพียงเพราะข้าพูดว่า ข้าชอบบาร์บาทอสมากที่สุดอย่างนั้นรึ? ไม่ใช่ว่า เธอสัญญาแล้วว่าจะมองข้ามเรื่องนี้ไปไม่ใช่หรือไง?’

 

‘ไส……ไสหัวไปซะ!’

 

เห็นได้ชัดเลยว่า กามิกินน่ะพยายามกลั้นน้ำตา

การที่หันหลังให้ผมนั้นก็เพื่อไม่ให้ผมเห็นเธอร้องไห้ นั่นคงเป็นความภาคภูมิใจสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ในฐานะจอมมาร

 

ตอนนั้นเองที่ผมตระหนักได้ว่า ตัวเองให้ความสำคัญต่อจอมมารที่ชื่อว่า กามิกิน  น้อยเกินไป

 

หากมาคิดๆดูแล้ว หน้ากากของกามิกินนั้นไม่เคยแตกก่อนมาเจอกับผม เธอยังคงรักษาหน้ากากนั้นไว้มานับเป็นพันปี ดังนั้นจึงง่ายมากที่จะเดาได้ถึงความเหงาเศร้าและเดียวดายที่เธอต้องมี

 

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ กามิกินเองก็เป็นสุดยอดผู้ชำนาญการในเรื่องรักๆใคร่ๆ

 

เธออาจไปเที่ยวกับผู้คนมากมาย หลับนอนกับพวกนั้นแต่เธอไม่เคยสร้างความสัมพันธ์ดีๆกับพวกเขาอีกเลย ผมเป็นคนแรกที่ไปเดทกับเธอโดยไม่มีหน้ากากสวมอยู่

 

มันไม่มีทางอยู่แล้วสำหรับจิตใจสาวน้อยอย่างเธอที่จะทนฟังคำว่า ‘เธอจะยังคงเป็นหมายเลขสองของผมเสมอ’ จากผม

 

(TTL : เอ็งตามพรี่แว่นคิริชิมะ จากนิยายเรื่อง ขอเป็นแฟนอันดับสองของเธอ ไปเลยนะ! )

 

 

ผมเข้าใจเธอผิด ผมคิดว่า กามิกินจะสามารถเจนจัดเรื่องผลประโยชน์ เหมือนอย่างบาร์บาทอส,สิตริ และไพมอนที่ไร้ข้อบกพร่องเรื่องนี้ ผมคงจะรู้เรื่องนี้นานแล้วหากผมใส่ใจมากกว่านี้!

 

ดังนั้น

ผมจึงใช้สุดยอดไพ่ตายของผม

 

‘ผมจะหยุดการที่เธอคิดสร้างหนี้บุญคุณกับผม’

 

‘ผมจะกดดันเธออย่างหนักด้วยหนี้บุญคุณมหาศาลก่อน……!’

 

ผมนี่แหละเป็นคนเชื้อเชิญให้อาร์คดยุคจัดงานเลี้ยง

 

ก้าวแรกของแผนการคือ การที่ส่งบัตรเชิญมาชวนแค่ผมกับกามิกิน เราทั้งคู่ก็จะมีข่าวอื้อฉาวต่อกันให้มากขึ้น แพร่กระจายข่าวให้มากขึ้น แล้วไปในงานเลี้ยงท่ามกลางข่าวฉาวแบบนั้น

 

แล้วอาร์คดยุคก็จะอย่าพูดป้อยอจอมมารอย่างพวกเราว่า เป็นสุดยอดคู่รัก ต่อหน้าพวกเขา

คาดเดาออกง่ายด้วยซ้ำว่า เขาจะถามพวกเราว่าอย่างไร

 

‘ถ้าเช่นนั้นแล้ว……ฝ่าบาท ในบรรดาจอมมารหญิงทั้งหลาย ท่านคิดว่าใครงดงามที่สุด?’

 

‘อ้า แน่นอนล่ะ ว่าต้องเป็นท่านบาร์บาทอสสิที่งดงามที่สุด’

ผมตั้งใจตอบแบบนั้นเพื่อหยามหมิ่นเธอ

 

 

‘โอ้ ไวน์นี้หรูหราน่าดูเลยนะ’

ตามด้วย การพูดคุยแบบไม่ใส่ใจ เรื่องไวน์ ต่อหน้าแฟนๆของกามิกินเพื่อให้ยิ่งโกรธมากขึ้น

 

กามิกินไม่มีทางทนการเหยียดหยามเช่นนี้ได้อยู่แล้ว

 

 

‘ข้าจะออกไปสูดอากาศสักหน่อย ดูเหมือนคืนนี้ข้าจะดื่มมากเกินไปแล้ว’

ผมลุกขึ้นหลังเวลาผ่านไปแล้วสักพัก หากกามิกินมีอารมณ์ตามที่ผมคาดไว้ เธอก็ต้องตามผมมาอย่างไม่ต้องสงสัย

 

‘อ้า ข้าก็ด้วย~ ในหัวข้ามันร้องว่า อยากสูดอากาศเหมือนกัน’

อย่างที่คิดไว้นั่นแหละ กามิกินตามผมมาที่ห้องส่วนตัวอย่างว่าง่าย ผมแทบจะหัวเราะลั่นออกมาเพราะทุกอย่างไหลไปตามแผนที่วางไว้ทั้งหมด

 

ผมควักไปป์มาสูบหลังจากมาอยู่ในห้องส่วนตัว

สมุนไพรที่ผมสูบจากไปป์นั้นไม่ใช่สมุนไพรธรรมดาหากแต่เป็นสมุนไพรทำให้มีอาการชา ผมวางแผนที่จะแทงตัวเองตั้งแต่แรกแล้ว

 

ผมคงได้คลั่งตายแน่ หากจะแทงตัวเองโดยที่ยังรับรู้ความเจ็บปวดเต็มๆ ผมเป็นชายผู้ใส่ใจในรายละเอียดน่ะ

 

มันเป็นสมุนไพรที่ทำให้ประสาทสัมผัสของผู้เสพนั้นทื่อด้านลง อาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้ใบหน้าของผมตึง แต่นั่นมันไม่ได้สำคัญนักหรอก สถานการณ์แบบนี้ผมไม่มีเวลามาปั้นหน้าอยู่แล้ว

 

ผมระบบประสาททั่วทั้งร่างทื่อพอ ผมก็ควักมีดออกมาอย่างไม่ลังเล แล้วก็แทงไปที่ท้อง 

อย่างที่คิดไว้จริงๆ

ผลจากยาชานั่นไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดหายไป แค่อยู่ในระดับที่พอทนได้

 

‘นะ-นี่เจ้าทำอะไร!?’

กามิกิน ผู้ไม่มีทางล่วงรู้ได้ว่า ผมคิดอะไรอยู่ กำลังตื่นตระหนก

 

มันก็ไม่ตลกเท่าไหร่นักหรอกกับการที่เธอลนลานและพยายามจะฮีลผม ผมที่กำลังคว้านเครื่องในตัวเองออกรู้อยู่ก่อนแล้วว่า กามิกินน่ะเป็นอาร์คเมจและมีความสามารถในการฮีลด้วย

 

ชีวิตของผมจึงไม่ได้เสี่ยงอันตรายอะไรขนาดนั้น

ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่ผมวางไว้

 

 

“อุ่ก, อั่ก…….”

 

“……ดันทาเลี่ยน? นายได้สติแล้วเหรอ?”

กามิกินเข้ามาใกล้ๆผม ผมแอบเห็นเธอปาดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้า

ผมไม่ควรอธิบายอะไรตอนนี้ จึงแกล้งทำเป็นไม่รับรู้เรื่องราวขณะที่สีหน้าของผมบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

 

“ที่ไหน……?”

 

“พวกเรามาอยู่ที่บ้านพักของข้า”

กามิกินมองมาที่ผม ผมแยกไม่ออกแล้วว่า เธอกำลังโกรธหรือกำลังร้องไห้อยู่กันแน่

 

คนเรามักแสดงสีหน้าแบบนั้นเสมอยามที่รู้สึกแย่แต่ไม่อยากขอโทษ ผมทำแบบนั้นกับแม่บ่อยๆ

 

 

“นายทำบ้าอะไรของนายน่ะ!? นายไม่รู้รึไงว่า ข้าน่ะ……!”

 

“……เพื่อเป็นการ ขอโทษ”

ผมตอบออกไปอย่างยากลำบาก

เอาจริงๆมันก็ไม่ได้ดูตอบยากขนาดนั้น แต่มันยากเหลือเกินที่ต้องแกล้งทำเป็นตอบกลับไปอย่างยากลำบากขนาดนั้น

 

 

ผมมองจ้องไปในดวงตาของกามิกินแล้วพูด

“เพื่อแสดงการขอโทษต่อเธอ ……ฮั่ก, ข้าไม่มี ทางเลือก…….”

 

“……!”

 

สีหน้าของกามิกินถึงกับทรมาน นั่นแหละสิ่งที่ผมต้องการ

 

ความรู้สึกผิด ผมปรารถนาให้เธอพยายามตกอยู่ในบึงโคลนแห่งความรู้สีกผิด

 

ไม่มีอะไรดีไปกว่าความรู้สึกผิด หากหวังจะให้คนๆหนึ่งนั้นยอมถอยไป

 

จากนี้กามิกินจะไม่สามารถประกาศตัวว่า เธอเป็นคนรักของผมต่อหน้าผมได้อีกต่อไป

เพราะเธอนั่นเองที่เป็นต้นเหตุให้ผมต้องทำร้ายตัวเอง และยิ่งไปกว่านั้น จะดีมากหากเธอคิดแบบนั้นจริงๆ

 

 

“……คิดจากฐานะของข้า ……ข้าให้สัตย์สาบานต่อ บาร์บาทอส…….”

ผมซัดเข้าไปอีกดอก

 

 

“หากเป็นกามิกิน……ข้าคิดว่า เธอ, เธอคงจะเข้าใจ…….”

 

“…….”

น้ำตาที่เอ่อนองอยู่ในปลายหัวตาของกามิกินไหลออกมา ถูกเวลาพอดี

ผมปิดตาอย่างช้าๆราวกับว่า ผมเหนื่อยล้าเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมา

 

ไม่มีใครอยากดูอีกฝ่ายร้องไห้ ผมเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเพียงคนเดียวเท่านั้น

ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยให้เธอใช้น้ำตาแสดงออกว่าเธอเป็นเหยื่อหรอก

 

“ดูเหมือนข้า ข้าจะเหนื่อยไปหน่อย……ข้า……ขอโทษนะ, กามิกิน……ขอโทษด้วย…….”

ดวงตาผมปิดลง

 

ไม่นานนัก ผมก็ได้ยินเสียงของกามิกินร้องไห้ เห็นได้ชัดแล้วว่า เธอกำลังตำหนิตัวเองอยู่

 

จริงแหละที่ว่า การยอมรับความเหงาเดียวดายของกามิกินเป็นตัวเลือกหนึ่ง แต่มันก็มีหนทางที่พวกเราจะตอบรับกันและกันได้ แบ่งปันอารมณ์ และเดินเคียงข้างกันได้

 

แต่ทำไมผมต้องออกไปนอกเส้นทางของผมแล้วเลือกเดินไปบนเส้นทางแบบนั้นด้วยล่ะ?

 

เฉกเช่นเดียวกับบาร์บาทอสนั่นแหละ ผมไม่มีความตั้งใจที่จะโดนใครสักคนหนึ่งผูกมัดเอาไว้

 

ผมวางแผนที่จะมีชีวิตที่แสนสดใสสุขสบาย แม้กามิกินจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตด้วยความรู้สึกผิดบาปแบบนี้ไปตลอดชีวิต ปัญหาของใครคนนั้นก็ควรจะแบกรับเองสิ

 

 

“ฮึก……อึก ซิก……ฮืออออ…….”

เสียงกามิกินร้องไห้นั้นเป็นเหมือนกับเพลงเห่กล่อมนอนที่ไพเราะ ผมจึงปล่อยตัวเองหลับไหลไป

 

อืมฮึ วันนี้ผมทำงานหนักซะจริงๆเลยนะ 

 

(TTL : และแล้วพรี่ดันของพวกเรา ก็ยังคงความเป็นพระเอกสาระยำ รักษาความเลวทรามต่ำช้าได้ท็อปฟอร์มเหมือนเช่นทุกวัน

 

อธิบายเพิ่ม ถ้าเป็นเชิงกลยุทธพรี่แกใช้กล เจ็บกาย หาเรื่องลงโทษทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกความสงสารเห็นใจ 

ถ้าในสามก๊กก็คือ ตอนที่อุยกายของให้จิวยี่เฆี่ยนตีตนเองอย่างหนักเพื่อหาเหตุไปแกล้งสวามิภักดิ์โจโฉ เพื่อแนะอุบายผูกเรือเป็นแพไว้ เพื่อจะได้ให้พันธมิตรจิวยี่+ขงเบ้ง เผาทีเดียงไหม้ทั้งแถบ) 

 

 

 

 

 

 

 

 

ส่งท้ายผู้เขียน

ผมหวังอย่างยิ่งว่าจะไม่มีนักอ่านคนใดของผมเจอผู้ชายเลวๆแบบนี้

 

—–

 

 

 

Name: Gamigin

 

Race: Demon Lord   Affiliation: Gamigin Demon Lord Army
Attribute: Evil(-55)

 

Level: 396    Infamy: 5233100
Job: Archmage(SSS), Demon Lord(SS), Dungeon Manager(S)

Leadership: 295  Might: 320   Intelligence: 353
Politics: 371  Charm: 449  Technique: 446

Affection: 22

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด