Dungeon Defense (WN) 276 การร่วมมือกันครั้งยิ่งใหญ่(4)
บทที่ 276 – การร่วมมือกันครั้งยิ่งใหญ่(4)
* * *
อลิซาเบธกับเฮนริเอตต้าต่างร่วมเป็นพันธมิตรกันอย่างไม่ต้องสงสัย
เรื่องนั้นผมแน่ใจจนกล้าเดิมพันเลยล่ะ
ว่าสองผู้ปกครองนั้นจะมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นต่อกัน ผมยืนยันเรื่องนั้นได้จากช่วงสงครามกลางเมืองในฟรานเคีย
อัศวินกว่าครึ่งในสาธารณรัฐฮับบวร์กถูกบีบให้ลาออกเพราะเคยเป็นชนชั้นสูงมาก่อน
อลิซาเบธก็ส่งคนพวกนี้ไปอยู่กับเฮนริเอตต้า
อลิซาเบธได้กำจัดภัยคุกคามที่อาจลุกขึ้นมาต่อต้านชาติตัวเอง ขณะที่เฮนริเอตต้าก็ได้รับอัศวินเก่งๆไป
ช่างเป็นการร่วมมือที่ยอดเยี่ยมและได้ผลดี
‘อลิซาเบธ กับ เฮนริเอตต้า’
ผมได้แต่หัวเราะออกมาเพราะทำอะไรไม่ได้ สองราชสกุลที่เคยขับเคี่ยวเพื่อแย่งชิงความเป็นหนึ่งกันมาก่อน มาตอนนี้กลับร่วมมือกันอย่างลับๆ
ทั้งคู่ต่างเป็นผู้สุดแกร่งในบรรดาเหล่าผู้แข็งแกร่งทั้งหลาย
นี่มัน คู่เอซ ชัดๆเลยล่ะ
เอาล่ะ พวกแฟนๆของ <Dungeon Attack> คงจะสุดแสนจะหรรษาที่ได้เห็นภาพอย่างนี้
แต่ถึงอย่างนั้นความจริงที่ว่า ผมเป็นศัตรูตัวร้ายของพวกเธอก็ทำเอาผมหัวเราะไม่ออก
หากจะเทียบความสามารถดั้งเดิมที่มีมา ผมเองก็ไม่ต่างจากตัวอ่อนหนอนแก้วเสียด้วยซ้ำ ผมจึงต้องระวังตัวให้มากที่สุด
“……แล้วพวกเธอร่วมมือกันได้อย่างไร?”
ไพม่อนถามขึ้นขณะเดียวกันก็พัดวีตัวเองระหว่างประชุมการสงคราม
“ผู้นำฮับบวร์กประกาศว่า เป็นชาติสาธารณรัฐ ในขณะที่ ราชินีแห่งบริททานี่ก็เป็นราชาธิปไตยตามแบบแผน
ยากที่จะเชื่อว่า ทั้งสองร่วมมือกันเพื่อเคลื่อนกำลังทหาร”
“มันก็เป็นเช่นนั้นเสมอ”
ตัวอย่างก็เช่น ส่งทหารที่ขออาสาไปเอง
ถึงแม้พวกเราจะมีระบบการเมืองการปกครองที่แตกต่างกัน
แต่พวกเราต่างก็เป็นกลุ่มสังคมขนาดใหญ่ที่เรียกว่า มนุษยชาติ ก่อนที่จะกลายเป็นพลเมืองของชาติชาติหนึ่ง,ดังนั้นแล้วต่อให้คุณเป็นพวกต่อต้านระบบกษัตริย์ถึงอย่างไรก็ต้องมาร่วมมือกันเพื่อเผชิญหน้ากับกองทัพจอมมาร…….
อลิซาเบธก็คงจะยุยงส่งเสริมคนของตัวเองไปในทำนองนั้นอยู่แล้ว เธอเก่งในเรื่องแบบนั้น
“ตัวปัญหาของวิธีการดังกล่าวก็คือจะโดนจับได้หรือไม่ต่างหาก
หากทำเป็นการลับได้ ก็ถือว่า พวกนั้นมีความสามารถ
หากปิดเป็นความลับไม่ได้ ก็ถือว่า ไร้ความสามารถ
และก็แน่นอนว่า ผู้นำของฮับบวร์กนั้นเปี่ยมไปด้วยความสามารถ”
บาร์บาทอสและไพมอนต่างพยักหน้า
ทั้งสองดูไม่พอใจที่ต่างพยักหน้าพร้อมๆกับเปล่งเสียง ‘ฮื่ม’ จึงหันหน้าออกห่างกัน
นี่พวกนางไม่คิดว่า การทำอะไรพร้อมเพรียงกันแบบนั้นมันยิ่งทำให้น่ารักขึ้นหรอกหรือ?
ทั้งสองต่างเล่นสงครามประสาทใส่กันในการประชุมสงคราม
ผมกลับรู้สึกขึ้นมาและยิ้มราวกับเป็นพ่อของทั้งสอง
“นังคนไร้ประโยชน์ที่ใช้เวทย์ยังไม่ได้สมควรจะไปช่วยตัวเองอยู่หลังห้อง”
“แหมๆ หมาบ้าที่รู้จักแต่พุ่งเข้าใส่ สมควรอยู่เงียบๆจนกว่าพวกเราจะคิดแผนการณ์กันออก
หรือถ้าอยากจะอยู่ต่อก็อย่าไปเที่ยวปัสสาวะรดเต๊นท์เข้าล่ะ”
……โอเค ผมขอถอนคำพูด
สองคนนี้มันน่ากลัวเกินกว่าจะใช้คำว่า น่ารักได้แล้วล่ะ
บาร์บาทอส,ไพมอน,การ์มิกิน,มาร์บาส,เวสซาโก้,พี่เบเลธ,นายพลเซปาร์และสิตริ ทั้งแปดคนต่างเข้าร่วมประชุมสงครามในครั้งนี้
บาร์บาทอสกับไพมอนทะเลาะกันอยู่ ขณะที่พี่เบเลธกับสิตริก็เถียงกันด้วย
มันกลายเป็นองค์ประกอบพื้นฐานในการประชุมไปเสียแล้ว
(TTL : สภาสุดบันเทิงของพรี่ดัน)
“ความสามารถของเธอน่ะ คือการอ้วกแตกอ้วกแตกได้ทุกที่เลยนี่นะ,ไพมอน”
บาร์บาทอสเยาะเย้ย
“ว่ากันตามตรง ผมของเธอน่ะเหม็นกลิ่นอุจจาระฉาวเหลือเกิน ลูกน้องเธอไม่เคยบอกเธอบ้างหรือไงกัน?
อุ้บ ลืมไป เธอน่ะไม่ได้มีลูกน้องเยอะขนาดนั้นนี่นา!”
“การเที่ยวโอ้อวดเรื่องจำนวนนี่มันเป็นเรื่องของพวกสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำทำกัน ดูเหมือนสมองของบาร์บาทอสจะยังวิวัฒนาการไม่สมบูรณ์พอ โถ ช่างน่าสงสารนัก
สนใจจะเพิ่มรอยหยักในสมองของเธอเหมือนที่เธอชอบเพิ่มรอยย่นรูล่างที่เธอชอบใช้งานนักใช้งานหนาไหม?
มันคงจะเป็นความต้องการมากเกินไปสำหรับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่เอาแต่ชอบขอโทษด้วยรูล่างมากกว่าสมองเนี่ย”
นี่เธอสองคนน่ะเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนแล้วเรอะ?
ไม่มีอะไรเพลินตาไปมากกว่าการดูสองสาวน่ารักแลกเปลี่ยนถ้อยคำสบถก่นด่าสาปแช่งโดยไม่ยั้ง
ทำไมพวกเธอชอบทำแบบนั้นทั้งที่ ลีลาบนเตียงดูน่ารักน่าเอ็นดูกันนะ?
สิ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการวางแผนกำจัดบาอัล ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือไม่ก็ทาง ผมได้รวมฝ่ายที่ราบและฝ่ายภูเขาได้แล้ว
นับเป็นโชคดียิ่งที่ บาร์บาทอสติดหนี้ฝ่ายภูเขา ตอนที่ได้การหนุนกำลังในช่วงปัญหาความแตกแยกภายในกองทัพจอมมาร
ถึงพฤติกรรมเธอจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ แต่บาร์บาทอสนั้นรู้จักแบ่งแยกชีวิตส่วนตัวกับชีวิตในหน้าที่ออกจากกันได้
เธอให้ความร่วมมือเพื่อเป็นการตอบแทน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังสบถก่นด่ามากมายอยู่ดี
ปัญหาจริงๆคือไพมอน
เธอนั้นไม่ต้องการที่จะร่วมมือกับบาร์บาทอสเป็นอย่างมาก ต่อให้ชีวิตต้องตกอยู่ในอันตรายก็ตามที
นั่นก็เลยเป็นเหตุผลหลักที่ว่า ทำไมผมจึงร่วมมือกับเธอในการยึดไฮเดลเบิร์ก
ผมเองก็เป็นหนึ่งในฝ่ายที่ราบ ผมจึงคาดหวังที่จะทำให้รู้กันถ้วนทั่วว่า ฝ่ายที่ราบนั้นให้การสนับสนุนฝ่ายภูเขา ด้วยการปฏิบัติการณ์ครั้งนั้น ซึ่งก็จะทำให้อีกฝ่ายยินดีที่จะร่วมมือกันในครั้งนี้ง่ายขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็เดาออกอยู่แล้วว่า แค่นั้นมันไม่พอหรอก ผมจึงวางเดิมพันไว้ว่า แผนของลอร่าจะได้ผลหรือไม่ และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง
ไพมอนต้องกัดฟันฝืนใจยอมรับที่จะร่วมมือกับบาร์บาทอส
“เฮ่ออ นี่ไม่มีใครบอกนังซัคคิวบัสตัวนี้ให้เอาผ้าเน่าๆออกจากปากบ้างหรือไงกัน? ถ้าจะมาคุยโม้เหม็นแถวนี้ก็เอากลิ่นปลาหมึกเน่าๆคาวๆในปากออกก่อนไป๊ ,นังป้าแก่”
“แหม แหม ช่างดีจังเลยหน้าทำหน้าละอ่อน แล้วพูดจาไม่เคารพคนอื่นเนี่ย
ดูเหมือนหม่าม้าของเธอตอนเลี้ยงดูเธอมาจะให้นมเธอไม่เพียงพอใช่ไหม?
โถ บาร์บาทอสตัวน้อย, เธอคงต้องดิ้นสนกระเสือกกระสนขนาดนั้นเพราะอยากได้น้ำนมแน่ๆเลย”
ถึงแม้ทั้งคู่ตอนนี้จะเชื่อแน่แล้วว่า เหตุผลที่กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรานั้นล้มเหลวก็เพราะบาอัล แต่ดูเหมือนจะยังมีเรื่องอารมณ์เข้ามาเกี่ยวอยู่ทั้งสองฝ่ายแฮะ…….
เอาล่ะ ปล่อยให้ทั้งสองคนตีกันวุ่นไปก่อน
ใครที่เข้าไปแทรกตอนนี้ก็มีแต่เสียกับเสีย
ไม่ใช่ว่า อยากจะฟังต่อด้วยความบันเทิงหรอก แต่สมควรปล่อยไว้สักพัก
“……ข้าจะไม่บอกให้พวกเจ้าหยุดทะเลาะ กันพวกเจ้าทั้งสองช่วยทำแต่พอประมาณบ้างได้ไหม?”
แต่ไม่ใช่ทุกคนจะหนังหนาหน้าทนเหมือนผมหรอก
มาร์บาสนั้นกุมหน้าผากขณะบ่นออกมา เขาดูเหมือนจะแก่ลงไป 10 ปีด้วยซ้ำ
“นี่เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ครั้งล่าสุดคือ การระดมกำลังทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราครั้งที่ 3 ที่กองทัพทั้งหลายได้เคลื่อนไหวไปพร้อมๆกัน
พวกเจ้าก็น่าจะรู้นี่ว่า เหล่าปีศาจต่างคาดหวังกับการจัดตั้งทัพครั้งนี้มากเพียงใด
ถือว่าข้าขอให้พวกเจ้าทั้งสองพยายามเต็มที่เพื่อให้การระดมกำลังครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยเถอะ”
“ยอมแพ้เถอะครับ ,เซอร์มาร์บาส”
ผมยักไหล่
“เอาแค่เรื่องที่พวกเราสามารถให้ทั้งสองมายืนเคียงบ่าเคียงไหล่กันในช่วงเฉลิมฉลองชัยก็ถือว่า ปาฏิหารย์แล้ว
คาดหวังอะไรแบบนั้นจะเป็นการเหนื่อยเปล่าๆ
ปล่อยสองคนนั้นแล้วมาประชุมกันต่อดีกว่าครับ”
“หากเจ้ายังยอมแพ้ที่จะไกล่เกลี่ยคู่นี้ ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงหวังพึ่งใครไม่ได้แล้ว”
มาร์บาสถอนใจ
“แล้วยังไงต่อ ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า สองผู้ปกครองนั่นร่วมมือกัน แล้วเจ้าไม่คิดหรือไงว่า นี่จะเป็นโอกาสอันดีงามสำหรับพวกเราน่ะ?”
“หากกองทัพศัตรูร่วมมือกันแล้ว การบุกโจมตีก่อนย่อมได้ผลเป็นเลิศ”
เวสซาโก้แสดงความเห็นด้วยใบหน้าที่แปรเปลี่ยนอารมณ์ไปมา
สีหน้าเวสซาโก้นั้นอมทุกข์เสมอที่ได้ยินบาร์บาทอสกับไพมอนทะเลาะกัน
เหมือนกับเขาไม่อยากเข้าไปวุ่นยุ่งเรื่องโง่ๆที่ทั้งสองทะเลาะกัน
ผมเองก็อยากจะบอกเขาเหมือนกันว่า ให้รู้จักหาความรื่นรมย์ในชีวิตเสียหน่อย
“พวกนั้นน่าจะยังไม่รู้ถึงแผนของพวกเรา
ดังนั้นเราต้องรีบลงมือจัดการกับฟรานเคียและอกาสเรสก่อน
แม้ผู้นำฮับบวร์กจะเก่งกาจขนาดไหน ก็ไม่มีทางทำสำเร็จได้ด้วยตัวเองคนเดียวหรอก?”
“ฮื่มมม”
มาร์บาสลูบหนวดขณะครุ่นคิด มันไม่ใช่ไอเดียที่แย่หรอก
การแบ่งแยกแล้วพิชิต มันถือเป็นอะไรดีที่มากเลยล่ะ
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ในสถานการณ์ดังกล่าวถือว่ามองโลกในแง่ดีเกินไป
ศัตรูของพวกเราไม่ใช่แค่ท่านผู้นำและราชินี แต่ยังมีอกาเรสด้วย
แถมยังมีบางคนในกลุ่มปีศาจที่ให้การสนับสนุนอกาสเรสอยู่
มันออกจะเป็นการเฝ้าฝันหวานมากเกินไปที่จะเชื่อว่า ข้อมูลของพวกเรานั้นจะไม่หลุดไปถึงหูอกาเรส
ดังนั้นสมควรที่จะลงมือกระทำอย่างมีเหตุผลในขณะที่ตระหนักด้วยว่า มีข่าวบางอย่างรั่วไหลออกไป
“ดันทาเลี่ยน, เจ้าคิดอย่างไร?”
“ข้าก็คิดอยู่ว่า มันเป็นความคิดที่แย่เลยล่ะ”
เวสซาโก้คิ้วกระตุก
นี่เขาคิดว่า ผมจะปล่อยไปง่ายๆหรือยังไง?
ผมก็แค่ซื่อตรงเฉยๆน่า
“อกาเรสร่วมมือกับราชินี ดังนั้นจึงเป็นไปได้มากที่มีคนจากฝ่ายปีศาจเองที่จะปล่อยข้อมูลให้อกาเรส
พวกเราจะกำจัดอกาเรส เราสมควรให้พวกเขาเข้าใจผิดอย่างนั้นไปก่อน”
“อื้มมม”
มาร์บาสพยักหน้า
เวสซาโก้ทำหน้าทำตาไม่พอใจ
ก็เผยอารมณ์ออกมามากมายขนาดนี้ นี่แหละน้าทำไมนายถึงไม่ค่อยได้รับความเคารพยังไงล่ะ
“ปัญหาสำคัญกว่านั้น ปัญหาใหญ๋ที่สุดหากพวกเราใช้การแบ่งแยกแล้วพิชิตพวกนั้น มันไม่ได้สร้างความได้เปรียบให้แก่เราหรอก แต่มันกลับเป็นการสร้างความได้เปรียบให้แก่ฝ่ายนั้นต่างหาก”
มาร์บาสมองผมด้วยแววตาที่สงสัย
“หมายความว่าอย่างไร?”
“มันก็ง่ายมาก
กองทัพหลักของเรามุ่งเป้าไปที่ฟรานเคีย กองทัพของพวกเราที่ชนหน้ากับชายแดนสาธารณรัฐฮับบวร์กก็โหวงเหวง
ไม่มีทางที่ผู้นำของฝ่ายนั้นจะพลาดโอกาสดีๆแบบนี้อยู่แล้ว
เธอย่อมต้องรุกบุกมาทวงดินแดนเดิมคืนแน่นอน”
พูดง่ายๆก็คือ เรากำลังเปิดศึกสองด้าน
บาร์บาทอสนั้นทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนในฮับบวร์ก จากมุมมองของพวกมนุษย์ที่อาศัยอยู่ ถือว่า จอมมารยึดครองดินแดนอย่างฉ้อฉลทรราชย์
หากพวกนั้นรู้ว่า อลิซาเบธมาเพื่อช่วยเหลือพวกเขา ก็คงจะตื้นตั้นดีใจกันสุดๆเลยล่ะ
“พวกมนุษย์ในประเทศก็จะเริ่มการต่อต้านผู้ผู้สำเร็จราชการ
ดินแดนแหลมศักดิ์สิทธิ์ที่ยื่นเข้าไปในทวีปที่พวกเราเพิ่งได้มาในช่วงสงครามพันธมิตรครั้งล่าสุดก็จะพังทลายลง
ถึงต่อให้พวกเราชนะในศึกที่ฟรานเคียได้ แต่ก็ไร้ค่าทันทีที่พวกเราแพ้ที่ฮับบวร์ก”
มาร์บาสกลืนน้ำลาย
“มันจะเป็นปัญหาสำหรับ ‘พวกเรา’…….”
อย่างที่คิดไว้แล้ว มาร์บาสต้องเข้าใจเรื่องนี้ดี
จากมุมมองของพวกมนุษย์แล้ว ดินแดนฮับบวร์กนั้นปกครองโดยผู้สำเร็จราชการที่ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่สำหรับพวกเราแล้วนั้น
จริงๆมันแบ่งพื้นที่ออกมาเป็นหลายส่วน
ดินแดนที่อยู่ใต้การดูแลของฝ่ายที่ราบ,ฝ่ายภูเขา,กามิกิน,จอมมารอื่นที่ไม่สังกัดฝ่ายใด
ลองนึกภาพตามดู หากสถานที่พวกนั้นโดนบุกยึดเข้าได้ คงจะมีจอมมารหลายคนที่ละทิ้งกองทัพพันธมิตรไปเพื่อปกป้องดินแดนของตัวเอง
ถึงอย่างไรเสียจอมมารส่วนใหญ่ก็ต้องให้ความสำคัญกับปกป้องดินแดนตัวเองก่อนเรื่องกำจัดอกาเรสอยู่แล้ว
กองทัพพันธมิตรนั้นดูเผินๆเหมือนจะสมานสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันดี แต่กลุ่มนี้พร้อมจะล่มได้ทันทีหากมีแรงกระเทือนเพียงเบาๆ
มาร์บาสตระหนักถึงคำว่า ‘พวกเรา’ ที่ว่านั่นได้เป็นอย่างดี
“แล้วพวกเราควรทำเช่นไร? หรือควรปล่อยให้ทหารแนวหลังฮับบวร์กรอตั้งรับพวกมัน?”
“ไม่ การทำแบบนั้นมีแต่ทำให้ทัพเราเบาบางลง”
เฮนริเอตต้ากับอกาเรสในฟรานเคียและอลิซาเบธในฮับบวร์ก
แบ่งแยกพวกนั้นแล้วสู้กันเนี่ยนะ?
นั่นมันบ้าไปแล้ว ทำแบบนั้นพวกเราก็ไม่ต่างจากเหยื่อที่รอให้อีกฝ่ายล่า
“ช่างเป็นตรรกะที่ประหลาดยิ่ง”
เวสซาโก้พูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ
“พวกเราไม่อาจรวมกำลังพลแล้วลอบโจมตี แถมยังไม่อาจแยกกำลังพลฝ่ายเราเพื่อป้องกันแนวรบทั้งสองฝั่ง แล้วอย่างนั้นพวกเราจะทำยังไงกัน?”
“ที่ฝ่าบาทเวสซาโก้บอกว่า พวกเราควรจะรวมกำลังทหารฝ่ายเรานั้นถือว่าถูก”
อดทนไว้ก่อนน่า,เวสซาโก้
ตอนนี้นายทำตัวเหมือนน้องหมากระสับกระส่ายอยากเล่น ทำตัวน่ารักแบบนั้นจะเป็นปัญหาสำหรับผมเอานะ
“ไม่มีความจำเป็นที่พวกเราจะต้องไปลอบโจมตี
สิ่งที่สมควรคือ เราควรจะเดินทัพไปอย่างช้าๆ พร้อมทั้งประกาศความเคลื่อนไหวให้ผู้คนรู้ทั่วกันให้มากที่สุด”
“หาาา, แล้วจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร”
เวสซาโก้เยาะหยัน
“กองทัพบ้าอะไรที่เดินทัพไปแล้วยังเที่ยวไปประกาศด้วยว่า จะเดินทัพไปที่ไหน? แบบนั้นก็ไม่ต่างจากเรียกหาอันตรายเข้ามาถึงตัว”
“แล้วถ้าหากกองทัพที่ว่านั้นไม่ใช่กองทัพจอมมาร หากแต่เป็นกองทัพฝ่ายมนุษย์อีกกองทัพแทนล่ะ?”
“อะไรนะ?”
ผมยิ้ม
“มกุฏราชกุมาร รูดอล์ฟ ฟอน ฮับบวร์ก
……เจ้านั่นเป็นหุ่นเชิกของบาร์บาทอส เราสามารถแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้บัญชาการสูงสุดแต่ในนามก็ยังได้”
“……!”
จอมมารทั้งหลายต่างมองหน้ากันไปกันมา ก่อนจะหันมามองผมด้วยสีหน้าแปลกๆ
“พวกเราจะไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนกองทัพในฐานะกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา
พวกเราจะเข้าร่วมกองทัพกับมกุฏราชกุมารแห่งทัพฮับบวร์กเพื่อเสริมกำลัง
กองทัพฝ่ายมนุษย์จะปราบปรามทรราชย์ผู้ชั่วร้ายนามว่า เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่,ผู้สมรู้ร่วมคิดกับจอมมารที่ชื่อว่า อกาเรส”
ด้วยการทำแบบนั้น ภาพลักษณ์ในสงครามจะพลิกกลับในทันที
ที่พวกเรายกไปโจมตีมนุษย์ชาตินั้นหาใช่กองทัพจอมมารไม่ หากแต่เป็นการร่วมมือกันทางทหารกับฝ่ายมนุษย์ชาติเพื่อโจมตีจอมมารตนหนึ่ง
“ในสถานการณ์เช่นนี้ หากผู้นำฮับบวร์กพยายามร่วมมือกับราชินีคนนั้น ก็ถือว่าเป็นการให้การสนับสนุนจอมมาร ซึ่งจะช่วยลดความชอบธรรมของเธอลงไปได้”
“…….”
“สาธารณรัฐฮับบวร์กนั้นรวมเป็นหนึ่งได้ภายใต้การเผชิญหน้าต่อสู้กับกองทัพจอมมาร
แต่หากตัวผู้นำเองหลังร่วมมือกับจอมมารตนนั้นแล้ว มันจะทำลายรากฐานของชาติลงสิ้นเชิง
ซึ่งเรื่องนั้นจะช่วยจำกัดการกระทำของเธอลงอย่างมาก”
เหล่าจอมมารในที่ประชุมต่างครุ่นคิดและมองหน้ากันเองอย่างจริงจัง พวกเขารู้อยู่แก่ใจแล้วว่าเรื่องนี้มันมีความเป็นไปได้ ไม่สิ มันย่อมต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน พวกเรา จะใช้งานบัทตาเวีย และกองทัพผสมขนาดกลางของฝ่ายกองทัพมนุษย์
เธอรู้อะไรไหม ,อลิซาเบธ?
สงครามน่ะมันเริ่มขึ้นก่อนการรบด้วยซ้ำ
นี่แหละคือ วิธีการของผม
เธอจะให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากันล่ะระหว่างมนุษยชาติหรือประเทศชาติของตัวเธอเอง?
เธอเลือกได้เพียงหนึ่งอย่างเท่านั้น
แต่ไม่ว่าเธอจะเลือกทางไหน ก็มีแต่โศกนาฏกรรมที่เฝ้ารอเธออยู่ที่ปลายทางอยู่ดี…….
ผมจะบังคับให้เธออยู่ในสถานการณ์ที่แสนกดดันนั้นอีกครั้งหนึ่ง
เรามาเพลิดเพลินไปกับจังหวะว้อลซ์อันยอดเยี่ยมกันเถอะ
(TTL : พรี่ดันนี่รักอลิซาเบธจริงๆนะ จัดเวทีหนักๆให้ตลอดแบบไม่ยั้งมือ)
Comments