Dungeon Defense (WN) 288 สงครามหุ่นเชิด (5)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 288 สงครามหุ่นเชิด (5) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 288 – สงครามหุ่นเชิด (5)

 

 

“ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีอะไรยืนยันว่า เสบียงของพวกนั้นอยู่ทางแม่น้ำฝั่งใต้จริงๆ

ที่ตั้งของโกดังเสบียงต้องเป็นความลับแม้แต่ในฝ่ายเดียวกัน

จึงยากที่พวกกองทัพจอมมารจะรู้ตำแหน่งที่ตั้งได้”

 

สีหน้าของอลิซาเบธมืดหม่น

 

“……แต่ถึงอย่างนั้น หากกองทัพจอมมารได้ข้อมูลนั้นมาอยู่ในมือเมื่อไหร่ก็นับเป็นข่าวร้าย

 

ไม่ต้องสงสัยเลย กองทัพจอมมารแกล้งทำเป็นเดินทัพไปยังปารีส 

ในสถานการณ์ที่เฮนริเอตต้าไม่อาจเสียจักรพรรดินีหรือจักรพรรดิไปได้

ข้าแน่ใจเลยว่า นางจะต้องรีบไปที่ปารีสเพื่อตรวจสอบ”

 

กรณีที่เลวร้ายที่สุดคือ กรณีที่เสบียงอยู่ในทิศทางเดียวกับปารีส แทบไม่ต้องเดาเลยด้วยซ้ำว่า ศัตรูจะไปทางไหน 

แต่ถึงอย่างนั้น อลิซาเบธก็ยังมิได้พูดถึงกรณีที่เลวร้ายที่สุดจริงๆ

 

 

“หากเสียเสบียงไป เฮนริเอตต้าต้องถอยอย่างไม่มีทางเลือก

เธออาจต้องทำการปล้นชิงชาวบ้าน ทำให้ความเกลียดชังที่มีต่อบริททานี่ในประเทศฟรานเคียกลับเพิ่มสูงขึ้นอีก

ไม่สิ นี่อาจเป็นสิ่งที่ดันทาเลี่ยนตั้งใจไว้ก็ได้…….”

 

“นายท่าน , ฝ่าบาทเฮนริเอตต้าไม่ตระหนักจริงๆหรือว่า เสบียงของนางกำลังตกอยู่ในอันตราย?”

 

ยูเรียพูดด้วยความระวัง

 

“ข้าไม่คิดว่า นางไม่รู้หรอก”

อลิซาเบธถอนใจ

 

“แต่ปัญหาคือ เราไม่รู้แน่ชัดเลยว่า กองทัพจอมมารตั้งใจทำอะไร

อาจจะตั้งใจมุ่งเป้าไปเพื่อปารีสจริงๆ แล้วปารีสใช่สถานที่เก็บเสบียงของบริททานี่จริงๆหรือเปล่า? 

ไม่มีอะไรแน่นอนทั้งนั้นแหละ

เฮนริเอตต้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนำกองทัพทั้งหมดมุ่งไปยังที่แห่งเดียว…….”

 

อลิซาเบธสั่งให้หาวิธีการทำให้ลูกแก้วเวทย์มนตร์กลับมาใช้งานให้ได้ด้วยเหตุนี้

ยูเรียพยายามอย่างหนักเพื่อทะลวงผ่านมนตร์ต้านเวทย์

ผ่านไปเกือบยี่สิบนาที

ยูเรียพูดด้วยน้ำเสียงยอมแพ้

 

“นายท่าน, ข้าต้องขอประทานอภัยด้วย แต่มัน…….”

 

“มันไม่กลับมาอย่างนั้นหรือ?”

 

“ค่ะ”

 

อลิซาเบธถอนใจเฮือกใหญ่ การรู้ถึงเจตนาของศัตรูสายเกินไปถือว่า โดนโจมตีเข้าจุดตายก็ไม่ผิด

 

หากรู้สิ่งนั้นก่อน ผลลัพธ์จะผิดกันโดยสิ้นเชิง

แต่ถึงอย่างไร้ก็ตามไม่มีทางที่อลิซาเบธจะสามารถส่งข่าวดังกล่าวที่เธอมีให้เฮนริเอตต้าได้

 

“ดูเหมือนจะเป็นนักเวทย์เจ็ดวง ไม่สิๆ เป็นนักเวทย์แปดวงที่ร่าย มนตร์ต้านเวทย์ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ข้าไม่…….”

 

“หากพวกเราจะใช้นักเวทย์ทั้งหมดที่มีเพื่อแก้ไขมันล่ะ?”

 

“ขอประทานอภัยค่ะ แต่มันปัญคือการที่ระดับของเรามันไม่สูงพอ 

มันไม่ใช่ว่า มีนักเวทย์ระดับสูงคนเดียวเป็นผู้ร่ายเวทย์

หากแต่ยังมีปีศาจอีกเกินกว่าสามสิบตนที่ร่ายเวทย์สนับสนุนด้วย”

 

อลิซาเบธจึงได้ตระหนักถึงความต่างระหว่างนักเวทย์มนุษย์และนักเวทย์ปีศาจ

 

ผิดกับพวกอัศวิน มีหนทางไม่มากนักในการปั้นนักเวทย์ขึ้นมา นั่นก็เพราะพรสวรรค์และความสามารถมันผิดกันเป็นอย่างมาก

 

ซ้ำร้ายกว่านั้น พวกนักเวทย์หอคอยทั้งหลายที่มีหลงเหลืออยู่น้อยอยู่แล้วกลับเดินทางข้ามทวีปออกจากดินแดนฮับบวร์กไปด้วยเหตุผลบางประการ

ดังนั้นแล้ว ศักยภาพในการพัฒนาเวทย์มนตร์ของฮับบวร์กจึงตกลงฮวบฮาบ

คอนซูลอลิซาเบธนั้นได้แต่บ่นครางออกมา

 

“ไม่ว่าพวกเราจะเร่งอย่างไรก็ใช้เวลามากกว่า ห้าวันกว่าที่จะไปถึงปารีส

การต่อสู้คงไปถึงบทสรุปแล้วไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

 

ยูเรียเอ๋ย,พวกเราทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากภาวนาให้เพื่อนของเราโชคดี…….”

 

“ข้าจะเร่งทัพให้เต็มที่เท่าที่จะทำได้”

พวกเขาสามารถเร่งการเดินทัพได้เร็วขึ้นอีกสองวัน หากเดินทัพต่อเนื่องแล้วฟื้นฟูความเหนื่อยล้าของม้าด้วยเวทย์มนตร์แทน 

ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาประมาณ สามหรือสี่วัน อลิซาเบธจึงได้แต่ต้องคว้าโอกาสสุดท้ายนี้ไว้…….

 

 

 

* * *

 

 

“พวกนั้นเริ่มโจมตีแล้ว ,ท่านผู้บัญชาการทหาร”

 

“นายท่าน, แกล้งหญิงสาวผู้นี้มันสนุกมากไหม?”

ลอร่าทำท่าโกรธแก้มป่อง จนดูไปก็คล้ายแฮมสเตอร์ผู้น่ารัก

 

“แน่นอน การแกล้งเจ้าเป็นอะไรที่สนุกที่สุดในโลกเลย”

 

“เอาจริงๆสิ…….”

ลอร่าบ่นออกมา

 

หากมีคนอยู่รอบข้าง ผมจะรักษาเกียรติยศของเธอในฐานะผู้บัญชาการกองทหาร แต่หากทหารทุกนายกลับไปกองของตนเพราะการรบที่ใกล้จะเข้ามา

จึงเหลือแต่ผมกับลอร่าอยู่ในเต๊นท์ด้วยกัน หากจะมีก็แค่ก็อบลินส่งข่าวที่รออยู่ ไม่ต้องไปสนใจนักก็ได้

 

 

 

โดยปกติแล้วพวกเราจะใช้การสื่อสารกันด้วยลูกแก้วคริสตัล แต่ตอนนี้เกิดการรบกวนการสื่อสารขนาดใหญ่ด้วยเวทย์มนตร์ที่ร่าย

ทั้งฝ่ายเราและฝ่ายศัตรูต่างไม่อาจใช้การสื่อสารด้วยเวทย์มนตร์ได้อีกต่อไป

 

เหตุผลที่พวกเราทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายแบบนี้ ก็เพื่อสร้างความวิตกยามที่ไม่อาจติดต่อกับผู้คนที่อยู่ภายนอกได้

ซึ่งนั่นจะสร้างความเครียดให้เกิดกับผู้ปกครองที่ต้องรับผิดชอบในการชี้ชะตาประเทศชาติ ทั้งยังมีทหารเกือบสามหมื่นนายในมือ

ผมพูดขณะที่มองกองทหารของบริททานี่เข้ามาอย่างรวดเร็วจากเบื้องหน้าพวกเรา

 

“ดูจากคบไฟของพวกนั้นแล้ว คงจะยกกันมาหมดกองทัพเลยล่ะ จะบอกว่า นางนั้นน่าประทับใจหรือนางช่างกล้าหาญดีล่ะ? 

พวกเราก็ควรจะเตรียมทัพไปดักซุ่มไว้ก่อนนะ หากรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้”

 

 

“นายท่าน,ท่านคงพูดเล่นกระมัง หากส่งทหารจำนวนน้อยไปซุ่ม พวกนั้นก็คงโดนจอมมารอกาเรสกวาดตายหมด ซื้อเวลายังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”

 

“แล้วหากพวกเราซุ่มโจมตีด้วยกำลังพลนับหมื่นนายล่ะ?”

 

“พวกเราก็จะโดนทหารม้าของบริททานี่พุ่งเข้ามาด้วยจำนวนที่น้อยกว่า หมื่นนาย

หากตัวฉันจำไม่ผิด นายท่านโดนทหารม้าจำนวนน้อยกว่านี้บดขยี้อีกนะ 

ท่านมั่นใจหรือว่าพวกเราจะทำแบบนั้นได้น่ะ?”

 

ผมยักไหล ผมนี่เถียงไม่ชนะลอร่าเลยจริงๆ

 

 

“ข้ารู้ เราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบาร์บาทอส”

 

“บทบาทของท่านบาร์บาทอสก็สำคัญ บทบาทของบารอนเบอร์ซี่ก็ไม่แพ้กัน ย่อมเป็นการดีมากหากเขาเคลื่อนไหวได้ถูกเวลา”

 

กองทัพพวกเราไม่เคลื่อนไหวกันเกือบครึ่งเดือน 

แต่ถึงอย่างไร พวกเราก็วุ่นยุ่งที่สุดแม้จะไม่เคลื่อนทัพเลย

 

นั่นคือ สิ่งที่ลอร่าพูดยามที่เห็นกองทัพบริททานี่ตั้งค่ายหลังชนแม่น้ำ

‘พวกเราจะไม่สู้’

 

การที่คนๆหนึ่งตัดทางหนีตัวเองแปลว่าอย่างไร?

นั่นหมายถึงว่า อีกฝ่ายต้องการจะสู้จนตัวตายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ลอร่าตัดสินใจใช้ความปรารถนาที่หวังต่อสู้รวบรัดของอีกฝ่ายในทันทีที่รู้อย่างนั้น

 

 

ทีแรกเธอก็ค้นหาดูว่า โกดังเสบียงของบริททานี่ตั้งอยู่ที่ใดกัน 

พอเรายืนยันได้แล้วว่า ไม่ใช่ปารีส ก็จากข้อมูลรั่วไหลจากชนชั้นสูงฟรานเคีย ต้องขอบคุณพวกเขาจริงๆ

 

คลังเสบียงไม่มีทางอยู่ที่ปารีส

 

ดังนั้นแล้ว หรือจะเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงล่ะ……. 

ปัญหาก็คือ มีหมู่บ้านทั้งเล็กทั้งใหญ่ 17 หมู่บ้านอยู่ใกล้ๆปารีสฃ

จึงไม่จำเป็นต้องไปยึดทุกป้อมปราการหรอก

 

หลังจากวันนั้น ลอร่าพูดขณะที่กำลังตรวจสอบค่ายของศัตรู

 

‘พวกนั้นเคลื่อนเสบียงด้วยเรือ โกดังของพวกนั้นอยู่ริมแม่น้ำค่ะ,นายท่าน

มีป้อมปราการกี่แห่งที่อยู่ชิดกับแม่น้ำ?’

 

‘หก 

อื้มมม,เป็นจำนวนที่น้อยลงมาเยอะเลย’

ผมยิ้มอย่างพอใจ แต่ลอร่ากลับขมวดคิ้ว

 

‘หกยังมากไป ต้องลดจำนวนลงให้เหลือแค่ป้อมปราการทางใต้ไม่ใช่ทางเหนือ’

 

‘หากทำอย่างนั้นก็จะเหลือแค่ สี่…….ทำไมจึงเป็นทางใต้ล่ะ?’

 

ลอร่าตอบกลับมาในทันที

 

 

‘กองทัพพวกเราโจมตีจากทางฝั่งเหนือของฮับบวร์ก

เส้นาทงเดียวที่พวกเราจะเข้าได้ก็มีแต่ทางเหนือ หากเป็นนายท่าน นายท่านจะเอาเสบียงไปไว้ในฝั่งเดียวกันกับที่ศัตรูมาหรือคะ? หรือจะเอาไว้ฝั่งตรงข้ามแทน?’

 

และมันก็เป็นอย่างที่เธอพูด

 

สถานที่ตั้งลดลงจากสิบเจ็ดเหลือเพียงสี่แห่งในทันที ผมขอให้เวสซาโก้ส่งภูตน้ำไป

พวกเราลอบแอบตามเรือกลับไปยังโกดังของพวกนั้น

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ราชินีเฮนริเอตต้าก็รอบคอบน่าดู

 

 

เรือไม่ได้ทอดสมอที่เดียว เรือนั้นไปลงจอดที่ป้อมปราการเหนือ และทุกแห่งที่ป้อมปราการฝั่งใต้ แวะพักทุกป้อม

พวกนั้นซ่อนด้วยการนำเสบียงใส่ลังทำให้ยากที่จะบอกได้ว่า ได้อะไรมาดังนั้นจึงมีแค่ป้อมปราการสี่แห่งที่เป็นสถานลำเลียงเสบียงจริง

 

ผมคิดว่า อาจจะมีโอกาสในการยืนยันตำแหน่งได้จึงเสนอความเห็น

 

‘ไม่สิส่งภูตไปโจมตีดูล่ะ’

ลอร่าส่ายหัว

 

‘ทำแบบนั้นไม่ได้ค่ะ จะแหวกหญ้าให้งูตื่น ทำแบบนั้นแล้วศัตรูจะรู้ทันทีว่าพวกเรากำลังหาแหล่งเสบียงของพวกเขา

พวกนั้นต้องไม่รู้จุดมุ่งหมายของเราจนถึงขั้นสุดท้าย

หืมม นายท่านนี่ช่างไร้ความสามารถในการรบจริงๆนะคะ’

 

‘……หากพวกเราไม่อาจลงไปตรวจสอบได้ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงกันล่ะ? จะให้เดาเอาเองหรือ?’

 

‘ลองจิตนาการตามดูนะ นายท่าน’

ลอร่ายิ้ม แต่มันกลับเป็นยิ้มที่แสนชั่วร้ายไม่ต่างจากนางร้าย

 

‘มีเหตุผลอะไรที่เราต้องไปเดากันเองล่ะ?’

 

‘หา อะไรนะ?’

 

‘บริททานี่จะเผยตำแหน่งกองเสบียงให้เรารู้ด้วยตัวเอง’

 

นี่เธอกำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่น่ะ

พอผมถามด้วยความสงสัย ลอร่ากลับตอบกลับมาอย่างเชื่อมั่นว่า ถ้าผมดูต่อไปเรื่อยๆผมจะเข้าใจเอง

 

และเมื่อเวลาผ่านไป

 

 

ในเวลานั้นพวกเราโดนพวกหน่วยของบริททานี่ที่แยกตัวออกมาเข้าคุกคาม

 

ดินแดนตะวันออกเฉียงของฟรานเคียนั้นส่งเสบียงให้ในชื่อว่า ‘ส่วนค่าคุ้มครอง’ แต่กองศัตรูกลับได้ทำการขโมยเสบียงกองนั้นไป เนื่องจากความไม่ชำนาญพื้นที่เท่าพวกเขา หน่วยนั้นมีแต่พวกอัศวิน ดังนั้นการส่งทหารไปคุ้มครองเสบียงจึงเป็นเรื่องสูญเปล่า

 

ขีดจำกัดมันอยู่ตรงที่ว่า เราจะอดทนรอด้วยเสบียงที่เอามาได้นานแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นลอร่าก็สั่งให้ทหารฝ่ายเราไปตัดไม้มาจากป่า และเริ่มสร้างแนวป้องกันจากไม้พวกนั้น จนดูเหมือนพวกเราตั้งใจที่จะรบยืดเยื้อ

 

สุดท้ายแล้ว พี่เบเลธเองก็ทนไม่ไหวแล้วระเบิดออกมาก่อน

 

‘เฮ้ย , ยัยผู้บัญชาการทหาร’

พี่เบเลธลุกขึ้นมาระหว่างประชุม ทุกคนหันหน้าไปหาเขา เบเลธมองไปที่ลอร่าแล้วพูด

 

‘เจ้าอาจเป็นที่ชอบใจของฝ่าบาทบาร์บาทอสและเป็นคนรักของดันทาเลี่ยน แต่ข้าก็อยากจะพูดสิ่งที่ข้าคิด เจ้าบ้าหรือเปล่า?’

 

ลอร่าตอบรับความคิดเห็นนั้นด้วยการมองที่เฉยชา

 

 

‘ข้าภูมิใจในความสามารถที่ข้าบ้าได้ตลอดเวลา นายพลเบเลธ’

 

‘เฮ่ออ นังหนูจากบริททานี่น่ะมันขโมยเสบียงไปจากพวกเราแล้ว

ข้าจะไม่หยุดให้เจ้าเลิกลากยาวจนกลายเป็นสงครามยืดเยื้อหรอก แต่หากเราไม่มีอะไรกินแล้วเราจะสู้กันได้ยังไง?’

 

เบเลธคำรามออกมา

เขาเป็นบุคคลที่ต่อต้านที่สุดในการให้มนุษย์มาเป็นผู้บัญชาการ หากไม่ได้เป็นเพราะบาร์บาทอส หมอนี่อาจลุกขึ้นต่อต้านไปนานแล้วก็ได้

 

‘เราควรเพิ่มจำนวนพลรักษาการณ์ หรือต่อให้ไม่ได้ผลเราก็ควรจะบดขยี้อีกฝ่ายก่อนที่เราจะแห้งตายกันก่อน แต่ถึงอย่างนั้นเจ้ากลับบอกให้พวกเราไปตัดไม้สบายๆ ไม่ว่าจะมองยังไง เจ้าก็เป็นแค่คนขี้ขลาดที่กลัวการรบ’

 

‘……เฮ่อออ’

บาร์บาทอสถอนใจจากมุมหนึ่งของโต๊ะ แต่เบเลธก็ไม่ยอมถอย

 

‘ผู้บัญชาการ อธิบายให้พวกเราเสียที

ข้าขอเตือนเจ้า หากคำตอบมันฟังไม่เข้าท่า ข้าจะยกทัพไปบุกโจมตีเอง

หากกลัวนัก ก็เพิ่มทหารรักษาเส้นทางเสบียง’

 

‘เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ ,นายพลเบเลธ’

 

ลอร่าประสานนิ้ว

 

 

‘เส้นทางเสบียงของฝ่ายเราต้องถูกปล้นต่อไป’

 

‘……ข้าว่า ข้าพูดไปแล้วว่า เจ้าน่ะมันบ้า ?’

 

‘ท่านเข้าใจถูกต้องแล้ว ตัวฉันน่ะมันบ้า’

 

สีหน้าเบเลธกลับบิดเบี้ยว

 

‘ถ้าอย่างนั้นเจ้ากำลังจะบอกว่า เราควรที่จะรบยืดเยื้อโดยที่เราไม่มีเสบียงพออย่างนั้นรึ? 

เฮ้ย ดูเหมือนหนึ่งในพวกเรานี่จะมีคนไม่สมควรพูดเรื่องกลยุทธการทหาร

และข้าก็คิดอยู่เสมอว่า ฝ่ายแกต่างหากที่ควรจะนั่งเงียบๆไปซะ’

 

‘เรื่องเสบียงย่อมสัมพันธ์กับการรบอยู่แล้ว’

ลอร่ายิ้มสบายๆ

 

‘ต่อให้ฝ่ายเรามีเสบียงเหลือแค่เพียงหนึ่งสัปดาห์ แต่พวกเราก็ชนะอยู่ดีหากฝ่ายศัตรูมีเสบียงเหลือเพียงหนึ่งวัน

ง่ายๆเราก็แค่มีเสบียงเหลือให้มากกว่าศัตรู’

 

‘แล้วมันเกี่ยวกับปัญหาตอนนี้ตรงไหน? ไอ้ห่าพวกนั่นมันเอาเสบียงของมันมาทางแม่น้ำ แต่เส้นทางเสบียงทางบกของเราโดนตีแตก!’

 

เบเลธแผดเสียงด้วยความโกรธ

 

สีหน้าของลอร่าไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ถึงเธอจะได้รับออร่าสังหารจากจอมมารระดับสูง

 

เธอพูดด้วยเสียงเรียบ

 

‘กองทหารบริททานี่ตั้งค่ายหลังชนฝา โดยให้พวกเราปิดทาง พูดง่ายๆทางน้ำเป็นทางเดียวที่พวกนั้นจะขนเสบียงได้’

 

‘……จะพูดเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วทำไม?’

 

‘เช่นนั้นฉันขอถามท่านกลับบ้าง,นายพลเบเลธ

กองทัพบริททานี่ขโมบเสบียงของพวกเราไปแล้ว’

ริมฝีปากของลอร่ายกขึ้นอย่างช้าๆ

 

‘พวกเขาจะส่งเสบียงที่ขโมยมาไปยังที่ใดกัน?’

 

บางคนเริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้ว

 

ผมหันไปหาคนๆนั้น ซึ่งก็คือ ไพมอน ไพมอนพูดขึ้นขณะที่ยังใช้พัดป้องปาก

 

‘พวกนั้นจะนำเสบียงกลับไปยังโกดังของพวกเรา พวกเขาจะเพิ่มไปเป็นเสบียงส่วนตัว!’

 

‘ถูกต้องแล้ว ผู้บัญชาการไพมอน

เสบียงที่ปล้นมาจากหน่วยแยกจะต้องนำไปเก็บที่โกดังของพวกเขา

ดังนั้นแล้วฉันจึงยอมปล่อยให้พวกนั้นปล้นชิงไปเพื่อจะได้ตามตัวพวกเขาได้ภายหลัง’

 

ลอร่าหันหน้าไปหาเบเลธ

‘ฉันคิดไว้แล้วว่า ป้อมปราการไหนเป็นที่เก็บเสบียง ที่เหลือก็แค่เผาป้อมปราการนั้น

นายพลเบเลธ , ก็อย่างที่ท่านเห็น ว่าฉันน่ะมันบ้า’

 

‘…….’

 

‘อันที่จริงตัวฉันนั้นชอบทหารกล้าอยู่แล้ว หากนายพลเบเลธปรารถนาที่จะไปรบในทันที ฉันก็จะมอบโอกาสในการต่อสู้นั้นให้กับท่าน

โปรดไปจัดการกับอกาเรสด้วย คนทรยศอกาเรสผู้นั้น นี่ย่อมต้องเป็นการสู้รบที่น่าสนุกเป็นแน่’

 

เบเลธถึงกับหน้าซีด

 

ลอร่ายิ้มร่า

ใบหน้าของเธอนั้นบริสุทธิ์ผุดผ่องราวกับเป็นนางฟ้า

 

แต่ถ้อยคำที่ออกมาจากปากนั้นไม่ต่างจากคำตัดสินประหาร

 

‘ข้าเชื่อว่า นายจะไม่ปฏิเสธนะ ,ท่านนายพล’

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด