Dungeon Defense (WN) 291 สงครามหุ่นเชิด (8)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 291 สงครามหุ่นเชิด (8) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 291 – สงครามหุ่นเชิด (8)

 

 

* * *

 

กองทหารหลวงแห่งจักรวรรดิฮับบวร์กเข้าร่วมกับพันธมิตรของสาธารณรัฐบัทตาเวีย และมีเหล่าเมืองอิสระทั้งหลาย

เป็นกองทัพพันธมิตรที่ให้ความรู้สึกที่น่าประทับใจเป็นอันมาก

 

แต่หากคุณมองเข้าไปจนเห็นเนื้อในจะพบว่า กองทหาร  30,000 นายนั้นมาจากกองทัพจอมมารทั้งสิ้น

 

ออร์คนั้นเป็นกองกำลังรบหลักของกองทัพ เผ่าพันธุ์นี้บ้างครั้งก็ถูกเรียกว่าเป็น ‘เผ่าหมู’ ที่เกิดมาพร้อมกับกำลังแขนที่มากมาย จึงเป็นการสะดวกสำหรับพวกมันที่จะใช้หอกที่ยาวกว่าของพวกมนุษย์ เป็นความจริงอันโหดร้ายที่ต้องเผชิญกับทหารม้าด้วยสิ่งนั้น

 

“อย่าถอยทัพ! รักษาตำแหน่งไว้!”

จอมมารเซปาร์ตะโกนสั่งการ

 

“ตั้งเป็นแนวกำแพง ปิดกั้นไม่ให้เข้ามา!”

เขานั้นเป็นอดีตจอมมารลำดับ 16 ผู้เก่งกาจที่สุดในฝ่ายที่ราบในการรบแนวตั้งรับ

 

ผู้บัญชาการที่สั่งให้ตั้งรับปัดป้องการพยายามรุกคืบเข้ามาในช่วงสงครามออสเตอร์ลิทซ์ได้แสดงทักษะอีกครั้ง

 

 

– คุฮุล่า,คูฮับ!

 

ออร์คต่างตอบรับเสียงดังสนั่น

การต่อสู้หนักหน่วงรุนแรง

 

ทางขวามือของพวกเขานั้น จอมมารอกาเรสกับจอมมารอีกสามตนกำลังรบกันในระดับตำนาน

แทบจะเรียกได้ว่า เป็นการสู้รบที่ระเบิดภูเขาเผาผืนป่าก็ว่าได้

ทั้งฝ่ายศัตรูและฝ่ายเดียวกันนั้นไม่กล้าที่จะเข้าไปวุ่นยุ่งกับการต่อสู้นั้น

 

เสียงระเบิดดังสนั่นต่อเนื่อง จนน่าสะพรึงถึงขนาดที่เซปาร์ยังต้องหยุดแล้วหันไปดูพวกเขา

 

“เบเลธ,สิตริและเวสซาโก้…….เราได้แต่เชื่อใจพวกเขาเท่านั้น”

หากแนวรบทางปีกขวาพังทลายลงแผนก็ล้มเหลว

แผนการที่ผู้บัญชาการการรบ ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ วางแผนไว้ก็จะล้มครืนต่อเนื่องราวกับโดมิโน่

 

ฝั่งขวาต้องทนไว้จนกว่าจะประสบความสำเร็จ

 

– ตุ่บ, ตั่บ, ตั่บ!

 

เสียงฝีเท้าม้าใกล้เข้ามาแล้ว เหล่าอัศวินเตรียมพุ่งชาร์จเข้ามาอีกระลอก ผู้ช่วยนายพลพูดขึ้น

 

“ท่านครับ! ระลอกที่หกกำลังเข้ามาแล้ว!”

 

“ข้าเห็น ข้าได้ยินน่า จากรอบที่แล้วนี่มันนานเท่าไหร่……?”

 

เซปาร์ส่งเสียงครางด้วยความรำคาญ

 

“หรือเจ้าจะบอกข้าว่า พวกอัศวินบริททานี่พวกนั้นเป็นสัตว์ประหลาดกันจริงๆ?”

 

ผ่านไปชั่วโมงเดียวตั้งแต่เปิดศึก พวกอัศวินพุ่งเข้าชาร์จถึงหกครั้ง การเคลื่อนที่ของพวกนั้นรวดเร็วอย่างผิดธรรมชาติ

ในช่วงคืนจันทร์ดับข้างแรมเช่นนี้ มันเป็นเวลาที่ปีศาจครองความได้เปรียบเหนือมนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้น ทหารม้าบริททานี่กลับสามารถแสดงศักยภาพในการพุ่งเข้าปะทะโดยใช้ลูกบอลแสงที่นักเวทย์ร่ายให้ก่อนหน้านี้

เขาไม่อาจแพ้ได้เช่นกัน เซปาร์ดึงตัวเองขึ้นมาแล้วชูไม้ออกคำสั่ง

 

“นักเวทย์ทั้งหลาย, จงร่ายเวทย์น้ำ! 

ขว้างหอกไป, ขว้างหอกปาหินไป ไม่ต้องย้ัง!”

 

“รับทราบ!”

 

นักเวทย์ทำให้ผืนดินเจิ่งแฉะตรงหน้าก่อนที่อัศวินจะพุ่งเข้าปะทะ

แม้พวกเขาจะไม่สามารถแปลงสมรภูมิทั้งทุ่งให้กลายเป็นบึงหมดเพราะต้องถนอมมานาไว้ แต่การทำให้พื้นดินอ่อนนุ่มลงก็เพียงพอที่จะทำให้ม้าเคลื่อนที่ได้ช้าแล้ว

สุดท้าย การพุ่งชาร์จครั้งที่ 6 ของศัตรูก็ไม่บังเกิดผลใดๆ

 

 

– เครุรุก! เครุก!

 

ก็อบลินวิ่งออกมาจากแนวไม้ แล้ววางขวากไม้ในทันทีที่อัศวินถอยไปแล้ว

การติดตั้งขวานหนามเป็นงานที่ง่ายขึ้นเมื่อดินนุ่มลง

 

มาตอนนี้นักเวทย์มนุษย์ก็กลับร่ายเวทย์ให้ดินแห้งเพื่อช่วยให้ทหารม้าฝ่ายตนสะดวก แต่นก็เป็นการทำให้พวกหนามไม้ติดตรึงแน่นเช่นกัน

ราชินีเฮนริเอตต้าเมื่อเห็นดังนั้นถึงกับอุทานด้วยความอึ้ง

 

“ช่างน่าประทับใจ หากเราปล่อยดินไว้เป็นเช่นนั้นต่อไป การบุกฝ่ายเรามีแต่จะอ่อนแอลง

แต่หากพวกเราใช้เวทย์มนตร์แก้ทาง ก็จะเป็นการติดตั้งขวากไม้ให้กับพวกนั้น…….หืมมม”

 

เฮนริเอตต้าพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ทำแบบนั้นก็ไม่ดี ทำแบบนี้ก็ไม่ได้

เหล่านายพลต่างตอบรับกับคำพูดของราชินี

 

“ฝ่าบาท คนของเราจะบาดเจ็บหนักหากเข้าไปโจมตีเต็มกำลัง…….”

 

“บาดเจ็บรึ ข้ารู้ดี แต่หากยังปล่อยให้มันเป็นเช่นนี้ต่อไป เจ้ารู้ความหมายของมันไหม? 

ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่มีฝ่ายไหนบาดเจ็บเสียหาย นั่นคือ สิ่งที่พวกนั้นต้องการ”

 

ไม่บาดเจ็บล้มตาย ไม่เสียหาย ไม่ได้แปลว่าจะชนะการรบในครั้งนี้ 

หากแต่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโค่นล้มให้อีกฝ่ายเลือดนอง จึงจะถือได้ว่า สำเร็จสมตามเป้าหมาย

 

ในขณะที่กองทัพจอมมารกลับยื้อซื้อเวลาเพื่อให้ทหารทั้งหลายฝ่ายตัวเองข้ามแม่น้ำ ได้อย่างดีเยี่ยม…….

 

หากเป็นผู้บัญชาการทหารธรรมดาๆก็คงโดนยื้อเวลาด้วยเช่นกัน

แต่ทว่าราชินีเฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่นั้นไม่ใช่ผู้บัญชาการทหารธรรมดาที่ไร้ความสามารถ

 

“มิเลียนเน่”

 

“ค่ะ,ฝ่าบาท ข้ากำลังรอคำสั่งท่านอยู่”

 

“ข้าเชื่อในความสามารถของอัศวินกุหลาบเขียว”

 

ราชินีเฮนริเอตต้าใช้ไพ่ใบแกร่งที่สุดในมือ หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงหลังเปิดศึก 

เธอได้ส่งกองอัศวินที่เลื่องชื่อลือในเรื่องความแข็งแกร่งที่สุดของทวีป

 

ภาคีอัศวินที่ประกอบไปด้วยสองนักดาบ ผู้รับคำสั่งโดนตรงจากราชินี แล้วมุ่งเข้าสนามรบ

 

“ลูกหลานชาวบริททานี่! พุ่งเข้าไป!”

 

“แด่องค์ราชินี!”

นักเวทย์ร่ายวินด์คัตเตอร์เพื่อเบิกทางให้อัศวินสามารถพุ่งเข้าใส่ได้อย่างเสรี

ใบมีดสายลมคมกริบบาดผิวหน้าดิน เฉือนขวากไม้ออก

ซึ่งนั่นเป็นการโจมตีสนับสนุนโดยไม่หวงมานาไว้เลย

จอมมารเซปาร์ถึงกับขบฟันแน่นยามที่เห็นเช่นนั้น

“นั่นมัน อัศวินกุหลาบเขียว……! พลขว้างหอก!”

 

นั่นเป็นภาคีอัศวินที่เป็นสร้างความอับอายให้กับเซปาร์ มานาน หลายต่อหลายปี

 

เขาสูญเสียออเกอร์ทั้งหมดที่มีไปก็เพราะอัศวินเหล่านี้ ในที่สุดเขาได้โอกาสในการแก้แค้น ณ ที่แห่งนี้

 

“ไม่ต้องหวงมานา! โจมตีเข้าไป!”

 

“แต่นายท่านครับ หากพวกเราทำอย่างนั้นในตอนนี้ เราจะไม่มีมานาเหลือพอสำหรับรอบสุดท้าย…….”

 

“หากมีตา ก็จงดูนั่น!”

 

เซปาร์ตะโกนขึ้นอย่างแข็งขันผิดธรรมดา

“ตอนนี้คือ รอบสุดท้ายที่ว่านั่น!”

 

ดังนั้นแล้วกองทัพจอมมารจึงร่ายเวทย์ใส่อัศวินกุหลาบเขียวที่พุ่งชาร์จเข้าใส่

ผืนดินกลับชุ่มชื้น และมีบอลไฟตกกระหน่ำใส่ทหารม้า

เป็นอย่างที่เซปาร์ได้บอกไว้

เห็นได้ชัดเลยว่า นี่เป็นการรบที่ฝ่ายกองทัพมนุษย์นั้นใช้เวทย์มนตร์โดยไม่ยั้งไว้อีกต่อไปแล้ว

ลูกบอลไฟห้าสิบลูกลอยผ่านผืนฟ้ายิงมาจากฝั่งหนึ่งตกลงสู่อีกฝั่งหนึ่ง

 

เกิดบาเรียโปร่งใสขึ้นเพื่อบล็อคบอลไฟที่พุ่งเข้าใส่ออร์คที่หนีด้วยความกลัว

 

ทหารปีศาจต่างชักดาบแล้วคำราม

 

“อย่าได้ถอย! ความตายมีแต่ผู้ที่ถอยหนี!”

 

เหล่าอัศวินแห่งภาคีกระชับหอกยาวมั่นแล้วตะโกน

“ทะลวงเข้าไป! บดขยี้พวกมัน—มอบความตายให้มันซะ!”

 

มันเป็นการกระแทกครั้งรุนแรง

หอกปะทะดาบ,โลหะปะทะโลหะ

 

เสียงศาสตราวุธเข้าปะทะกันดังไปทั่ว เลือดสีแดงสาดกระจาย เกือกม้าย่ำเข้าใบหน้าของออร์ค

หมวกเหล็กถูกบดขยี้ไปพร้อมกับกระโหลกศีรษะ หอกทะลวงผ่านทรวงอกอัศวินที่พุ่งเข้ามาจากอีกฟาก

 

“คูฮ่าาาา! ฮว่าาาาาา!”

 

“คูฮุล, คุฮูบบบ!”

 

ทั้งเสียงกรีดร้องครางคำรามดังผสานกันไม่ต่างจากค็อกเทลระเบิดขึ้นฟ้าจนฟังไม่รู้ภาษา

 

มีเพียงเสียงร้องของสัตว์ป่าที่ห่มคลุมด้วยเลือดยังคงอยู่

ม้าศึกกัดทึ้งไหล่ของออร์ค ในขณะที่ออร์คก็คว้านกระชากไส้ของอัศวินที่ตกจากหลังม้า

 

“ตายซะ! คูอ๊าาา, จงตายซะ!”

 

“คูพูราฮาล่า!”

 

ไม่ว่าจะมนุษย์หรือปีศาจต่างใช้ฟันฉีกเฉือนเนื้อหนังอีกฝ่าย อาวุธใดๆก็โดนขว้างทิ้งลงบนพื้น เสียงเล็กแหลมของโลหะกระทบพื้นดินทำเอาหูชาจนไม่อาจได้ยินเสียงใด

 

ใต้คำสั่งของราชินี ,จอมมาร และที่สำคัญยิ่ง ความปรารถนาที่จะเอาชีวิตรอด ทหารทุกนายต่างดิ้นรนสู้สุดกำลัง

ในสภาวะที่ทุกคนต่างเป็นใบ้ บอดหนวก—

 

“รักษาตำแหน่งไว้! อึก อย่าออกจากรูปขบวน!”

 

“อย่าพัก มุ่งหน้าต่อไป! พุ่งเข้าไป! เพื่อความรุ่งโรจน์แห่งบริททานี่!”

 

ในที่สุดอัศวินก็ได้ทำลายแนวรบพลหอก

 

ด้วยการนำของ มิเลียนเน่ เดอ นาไซเร(Milianne de Nazaire) นักดาบ, อัศวินหญิงผู้มีผมบลอนด์ควงเกรฟ*ที่รูปร่างเหมือนกังหันลม

 

หัวของออร์คปลิดปลิวไปในอากาศในทุกครั้งที่ออร่าสีทองของเธอฟันผ่านอากาศ

 

“ทหารทุกนาย,ตามข้าพเจ้ามา!”

 

อัศวินสิบห้าคนตามหลังเส้นทางที่นักดาบได้เบิกไว้ให้

เส้นทางนั้นที่เคยดูเหมือนจะผ่านไปได้แค่คนสองคนกลับแหวกกว้างขึ้น

 

พออัศวินทั้งสิบห้าคนผ่านไป ทหารมากมายต่างก็ไหลหลั่ง จนเกือบร้อยคน

 

 

แนวรับของกองทัพจอมมารพังทลายลงแล้ว

ความรู้สึกเศร้าเสียใจและรื่นเริงปะปนกัน

 

“ใช่แล้ว ! เหล่าอัศวินทั้งหลาย! จงพุ่งเข้าไป!”

 

“แม่งเอ๊ย! เราต้องฟื้นแนวรบด้วยทุกอย่างที่มี!”

ช่างเป็นความบังเอิญ ที่เฮนริเอตต้ากับเซปาร์ต่างตะโกนขึ้นพร้อมกัน

ทั้งราชินีและจอมมารต่างลุกขึ้นสะบัดไม้ออกคำสั่ง

 

ในเสี้ยวเวลาการปะทะกันระหว่างหอกที่แข็งแกร่งที่สุดกับโล่ที่แข็งแกร่งที่สุด 

องค์เทพีได้เลือกยืนข้างของหอกที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

 

แนวป้องกันแหวกช่องตรงกลางออก

ณ ขณะนั้นเองที่พลหอกทั้งหลายโดนฆ่าล้าง

ม้าสามารถกระโดดข้ามหลุมคู สนามเพลาะที่ขุดไว้

ทหารม้านับร้อยนายทะลักเข้ามาไม่ต่างจากน้ำในเขื่อนที่แตก

มันนับเป็นชัยชนะของราชินีเฮนริเอตต้าที่ได้มาอย่างฉิวเฉียด

 

 

“แนวป้องกันที่สอง และแนวป้องกันที่สาม”

 

ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ ยิ้ม

 

 

“—ให้พวกมันเข้ามา”

ผู้บัญชาการการรบถ่ายทอดคำสั่งไปยังผู้บัญชาการคนอื่นๆในทันที

 

ผิดกับแนวป้องกันแรกที่เซปาร์รับหน้าที่ดูแล 

แนวป้องกันที่สอง และแนวป้องกันที่สามนั้นไม่มีขวากไม้หนาม

จะมีก็แต่กลุ่มพลหอกที่แน่นขนัด

ผู้บัญชาการทั้งสองประจำแนวรับต่างชูไม้คทาออกคำสั่ง

 

“ทหารทุกนาย, เปิดเส้นทาง”

 

“หลีกไปข้างๆให้พวกอัศวิน”

 

ไพมอน กับ มาร์บาส

 

สองผู้บัญชาการที่ไม่ได้มีความสามารถพิเศษในการสั่งการ

หากเป็นเรื่องการบุกตี พวกเขานั้นไม่เก่งเท่าเบเลธและสิตริ

หากเป็นเรื่องการตั้งรับ พวกเขาไม่เก่งเท่าเซปาร์

 

แต่ถึงอย่างนั้นไพมอนและมาร์บาสก็มีจุดได้เปรียบที่จอมมารส่วนใหญ่ไม่มีกัน

 

– คุฮูรับ!

– เครุรุ, เครุก!

 

ความจริงเรื่องที่ว่า ทั้งคู่นั้น ฝ่ายหนึ่งเป็นอดีตจอมมารลำดับ 5 และลำดับ 9 

ต่อให้มากที่สุด ดันทาเลี่ยนก็สามารถส่งความปรารถนาของตนเองไปยังปีศาจได้เพียงไม่กี่ตัว

แต่จอมมารทั้งสองนี้ สามารถบัญชาการได้นับพัน โดยไม่ต้องใช้พลสื่อสาร หรือการสั่งการใดๆ พวกเขาสามารถทำให้กลุ่มใหญ่ทั้งกลุ่มเคลื่อนทัพได้ด้วยประโยคเดียว

 

จุดได้เปรียบอย่างที่สองคือ พวกเขาทั้งคู่ต่างเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของเหล่าทหาร

ไพมอนและมาร์บาสไม่เคยทอดทิ้งทหารของตนไว้เบื้องหลัง

แม้เส้นทางลำเลียงเสบียงจะโดนตัดจนต้องหิวโหยหรือแม้จะโดนทอดทิ้งไว้ในดินแดนของศัตรู จนต้องเดินหน้าต่อไปอย่างไร้ความหวัง 

ผู้บัญชาการทั้งสองต่างประสบความลำบากยากแค้นนั่นร่วมกันกับทหารของตน

 

ความเป็นผู้นำที่แท้จริงนั้นแสดงผ่านการกระทำมิใช่คำพูด

ดังนั้นแล้ว ไพมอนและมาร์บาสผู้ไม่ได้มีพรสวรรค์ในเรื่อง กลศึกก็จริง—หากแต่เป็นผู้นำที่น่าเชื่อถือเป็นอย่างมากสำหรับเผ่าปีศาจ

 

ความไว้เนื้อเชื่อใจโดยสมบูรณ์ทำให้ทหารหาญรับคำสั่งปฏิบัติตามโดยไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวแห่งความลังเลสงสัย

เมื่อประกอบสองปัจจัยนั้นเข้าด้วยกัน ทหารหน่วยต่างๆจึงได้สั่งออกไป

 

“……!”

 

แนวป้องกันที่สองและสามแยกออกเหมือนดั่งทะเลแดง*

 

 

ภาคีอัศวินยังคงรักษาความเร็วขณะที่พุ่งไปข้างหน้า เพราะหากพวกเขาหยุดลงเมื่อใดมีหวังพวกพลหอกของศัตรูจะล้อมได้เมื่อนั้น 

 

อัศวินกุหลาบเขียวพุ่งหน้าตรงต่อไปยังศูนย์บัญชาการฝ่ายศัตรู

 

“ไม่! นั่นมันกับดัก!”

 

เฮนริเอตต้าเร่งตะโกนขึ้นทันทีที่เห็นพวกเขาบุกเข้าไป นายทั้งหลายต่างเอียงคอด้วยความงงงัน สำหรับพวกเขาแล้ว มันดูเหมือนรูปขบวนทัพของศัตรูแตกออกเพราะโดนอัศวินเข้าตี

 

 

“ฝ่าบาท พวกเขาพุ่งเข้าไปสำเร็จอย่างงดงามแล้ว มีหรือที่แนวรับที่เหลือจะไม่ถอยหนีไป? 

หากพวกเราสามารถกำจัดผู้บัญชาการของพวกนั้นได้ แล้วไปโจมตีที่ท้ายสะพาน…….”

 

“แล้วความเคลื่อนไหวของพวกนั้นมันดูเหมือน ‘กำลังถอยหนี’ หรืออย่างไรกัน!? 

มอบคำสั่งให้ นาไซเร รีบถอยออกมาเดี๋ยวนี้! 

ต้องรีบถอยออกมาก่อนจะไม่มีโอกาสนั้นอีก!”

 

ราชินีเฮนริเอตต้าเห็นความเคลื่อนไหวพวกศัตรูจากการเฝ้าดูอยู่จากที่ไกลๆ

แม้ตัวเธอจะไม่ล่วงรู้รายละเอียดของแผนศัตรูดี แต่สัญชาตญาณบอกให้พวกเขาต้องถอยออกมา

 

“ฝ่าบาท ,ขอประทานอภัยแต่ว่า…….”

 

แม้จะล่วงรู้ แต่ก็ไม่อาจนำชัยชนะมาให้

 

“มนตร์ต้านเวทย์ทำให้เราไม่อาจสื่อสารกับพวกเขาได้”

 

“อะไร? นี่เจ้าพูดอะไร? เวทย์มนตร์ที่ยิงขึ้นไปบนอากาศเนี่ยนะ”

 

“ขอประทานอภัยด้วย ดูเหมือนเป็นเวทย์ที่ปิดกั้นแต่การสื่อสารเท่านั้น”

 

เฮนริเอตต้าขมวดคิ้ว

“พวกนั้นร่าย มนตร์ต้านเวทย์ ที่ทรงพลังพอที่จะคลุมทั้งพื้นที่

……แต่กลับเลือกที่จะใช้มันเพื่อตัดการติดต่อสื่อสารอย่างนั้นรึ?”

 

“ขอรับ,ฝ่าบาท”

 

“ใครมันจะไปทำไอ้เรื่องสิ้นเปลืองพรรค์นั้นกัน?”

 

เฮนริเอตต้าอ้าปากค้าง เธอรีบหันกลับไปมองที่สนามรบอย่างรวดเร็ว

 

“ตั้งแต่แรก ตั้งแต่แรกแล้วอย่างนั้นหรือ……?”

 

เฮนริเอตต้าบีบคทาสั่งการในมือแน่น 

หากใช้มนตร์ต้านเวทย์ ก็จะเป็นการปิดกั้นไม่ให้ใช้เวทย์อื่นๆนอกจากการสื่อสารด้วย

ซึ่งการที่จะปิดกั้นเวทย์ทุกชนิดแบบนั้นย่อมเกิดประสิทธิภาพสูงกว่ามิใช่หรือ?

 

แต่ถึงอย่างไรก็ดี ฝ่ายศัตรูกลับเลือกปิดกั้นเฉพาะการสื่อสาร

พวกนั้นพยายามทำตัวเป็นเหยื่อน่าอร่อยเพื่อล่อให้เข้ามาในรัง

 

“เดธไน้ท์”

 

อีกฟากหนึ่ง เด็กสาวผมบลอนด์และชายร่างสูงยืนอยู่ในศูนย์บัญชาการจอมมาร

มนุษย์ผู้มีนามว่า ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ่ ชูมือขวาขึ้น

 

“สกัดการพุ่งเข้ามาของพวกนั้น”

 

ตอนนั้นเองที่ ดาบใหญ่สี่ร้อยเล่มทะลวงขึ้นมาจากพื้น

 

 

 

 

*ทะเลแดง

ทะเลที่โมเสส แยกน้ำออกสองฝั่งเพื่อหนีการตามล่าของทหารอียิปส์

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด