Dungeon Defense (WN) 293 สงครามหุ่นเชิด (10)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 293 สงครามหุ่นเชิด (10) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 293 – สงครามหุ่นเชิด (10)

 

 

 

* * *

 

 

ราชินีเฮนริเอตต้านำหน้ามาพร้อมกับเหล่าอัศวินบนหลังม้า

พวกเขาเป็นกลุ่มที่พุ่งเข้าไปในการรบเมื่อคืน ยังคงบาดเจ็บฟกช้ำแต่ก็ยังถูกบังคับให้เดินทัพต่อ

เกราะของพวกขเาเสียหาย และม้ายังอ่อนล้าจากการวิ่งรวดเดียวสองชั่วโมง

แต่ถึงอย่างนั้น กองทัพบริททานี่ยังคงความแข็งแกร่งอยู่

 

“พวกเราต้องไปถึงปารีสก่อนศัตรู!”

 

กองกำลังสองกองกำลังแข่งไปโดยมีแม่น้ำมาร์นี่คั่นกลาง กองทหารม้าของบริททานี่ขึ้นชื่อเรื่องเคลื่อนทันได้ไว หากอยู่ในเงื่อนไขเดียวกันไม่มีทางที่พวกเขาจะต้องกังวลว่าไปถึงหลังศัตรูเสียด้วยซ้ำ

 

แต่ถึงอย่างนั้นราชินีเฮนริเอตต้าก็รู้ตัวดีว่า พวกเขานั้นช้าไปพอสมควร

 

 

เริ่มจากการที่กองทัพของเธอเพิ่งได้เคลื่อนทัพในขณะที่อีกฝ่าย กองทัพจอมมารนั้นส่งหน่วยกองกำลังตนข้ามแม่น้ำล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

หากจะให้เทียบความจริงเรื่องที่ว่ารบกันนั้นกินเวลาสองชั่วโมง กองทัพจอมมารก็นำหน้าไปแล้วสองชั่วโมงเป็นอย่างน้อย…….

 

อีกอย่างหนึ่งคือ พวกเขายังพบเห็นกองทัพจากสาธารณรัฐบัทตาเวียเลยด้วยซ้ำ ระบุให้ชัดคือ ไม่เห็นแม้แต่มนุษย์คนเดียว

จริงอยู่ที่ปีศาจเป็นกองกำลังส่วนใหญ่ของฝ่ายศัตรูแต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่ไม่มีแม้แต่มนุษย์คนเดียวกันล่ะ

 

พวกนั้นไม่ได้เข้าร่วมสงคราม ถ้าอย่างนั้นเป็นไปได้เพียงคำตอบเดียว

 

‘กองทหารของสาธารณรัฐนั้นเป็นกลุ่มแรกที่ข้ามแม่น้ำไป’

 

ราชินีเฮนริเอตต้ารี่เร่งควบม้าพลางคิดไปด้วย

ทำไมพวกนั้นหลีกทางให้พวกมนุษย์ในกองทัพข้ามแม่น้ำไปก่อน?

คำตอบที่พอจะยืนยันได้ก็คือ เป้าหมายของศัตรูคือ ปารีส

 

‘เพื่อที่ให้พวกนั้นเข้าเมืองได้อย่างปลอดภัย’

หากทัพหน่วยมอนสเตอร์เข้าเมืองหลวงไปก่อนมีหวังชาวเมืองได้แตกตื่นเป็นแน่ แม้มอนสเตอร์จะสัญญาแล้วว่า จะไม่ปล้นชิงแต่ถึงอย่างไรเสียตามสัญชาติญาณแล้ว ไม่มีทางหรอกที่มนุษย์จะไม่หวาดกลัวยามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพออร์ค

 

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมต้องส่งหน่วยมนุษย์เข้าไปก่อนเพื่อจะได้ไม่สร้างความตื่นตระหนกกับผู้ค เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบลื่น

 

“ดันทาเลี่ยน……!”

 

อีกฝ่ายตั้งใจกระจายบทบาทหน้าที่กันตั้งแต่แรก แล้ว

โดยวางกองทัพของพวกปีศาจที่มีประสิทธิภาพในการรบสูงไว้ด้านหน้า

มนุษย์ที่อ่อนแอกว่าแต่มีประสิทธิภาพทางการเมืองไว้แนวหลัง ขณะเดียวกันก็ส่งพวกนั้นไปยังเมืองหลวงก่อน แล้วให้พวกปีศาจสร้างความวุ่นวายให้กับบริททานี่

 

พวกนั้นบอกว่า การทำสงครามเป็นเพียงการขยายผลทางการเมือง แต่นี่มันยิ่งกว่านั้นเสียอีก การต่อสู้ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นเป็นเพียงการดึงความสนใจเท่านั้น

เป้าหมายที่แท้จริงของพวกนั้นคือ การเข้าเมืองปารีส

 

แผนทั้งหมดอาจเป็นไปเพื่อการลักพาตัวจักรพรรดิและจักรพรรดินีโดวาเจอร์ตั้งแต่ต้นจนจบเสียด้วยซ้ำ เป้าหมายเดียวของพวกนั้น คือ การหวังผลทางการเมืองเพียงอย่างเดียว…….

 

 

“ฝ่าบาท, พวกเราใกล้จะถึงแล้ว”

หัวหน้าทหารม้าปลุกเฮนริเอตต้าให้ตื่นขึ้นจากห้วงความคิด

 

พวกเขาได้มาถึงชายเมืองปารีสแล้ว

ใช้เวลาห้าสิบนาทีกว่าจะมาถึงที่นี่

พวกเขาไม่สนใจความเหนื่อยล้าของม้าที่ขี่และมุ่งตรงมาที่นี่ให้เร็วที่สุด

 

“เปิดประตู!”

 

“ผู้ปกครองบริททานี่อยู่ที่นี่แล้ว!”

 

ทหารประจำกองธงชูธงสูง ธงลิลี่สีดำซึ่งเป็นตัวแทนของบริททานี่โบกสะบัด

 

ยามรักษาเมืองที่คุมประตูเมืองฝั่งตะวันออกตกใจ พวกนั้นเร่งรีบมาเปิดประตูให้

แต่ความเร็วในการเลื่อนประตูขึ้นก็ยังคงช้าอย่างที่ไม่อาจเร่ง

 

“เจ้าโง่เอ๊ย! ชักสะพานขึ้นให้เร็วกว่านี้อีก!”

อัศวินตะโกนใส่ยามรักษาเมือง

 

“ขะ-ขอประทานอภัย! แต่สะพานพังไปก็เลยยกให้ไวกว่านี้ไม่ได้…….”

 

ทหารบริททานี่กำลังร้อนใจซึ่งก็ไม่น่าแปลกนัก อารมณ์ของหัวหน้า ผู้ปกครองย่อมส่งต่อมายังลูกน้องด้วย

ราชินีเฮนริเอตต้าเริ่มประสาทตึงเครียด ทำให้ความกดดันแผ่ไปยังเหล่านายพลราวกับเป็นโรคติดต่อ

 

 

“……ฟู่วว”

 

เฮนริเอตต้าถึงกับรู้เลยว่าตัวเองเร่งรีบเพียงใดเมื่อสังเกตลูกน้องของตนตำหนิยามรักษาประตู

 

ผู้ปกครองควรที่จะนิ่งสงบอยู่เสมอ เธอหลงลืมเรื่องพื้นฐานเช่นนั้นไปชั่วขณะ

เฮนริเอตต้าตั้งสติเพื่อสงบใจลง เธอหันไปสังเกตที่กำแพงแทนที่จะดูที่สะพานชัก

 

 

 

‘มียามไม่มีที่คอยคุ้มกันกำแพงนี้อยู่ ธงก็ยังคงพับไม่ได้คลี่กางออก’

 

คุณสามารถดูวินัยกองทัพได้จากสภาพของธงของพวกเขา

ณ ตอนนี้ ธงทั้งหลายเหล่านั้นต่างอยู่ในสภาพยับย่นซึ่งนั่นก็แปลว่า พวกเขารีบร้อนไปโดยไม่มีเวลามาจัดธงให้อยู่ในสภาพที่ดี

 

ยิ่งไปกว่านั้น พวกนั้นมีทหารยืนยามน้อยมากแม้จะเป็นที่พระอาทิตย์ใกล้ขึ้นแล้ว พวกเขาคุ้มครองประตูฝั่งตะวันออกด้วยทหารจำนวนที่น้อย

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ น่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นที่ไหนสักแห่งในปารีส ดังนั้นทหารส่วนมากจึงโยกย้ายไปที่นั่นแล้ว

 

 

‘พวกกองทัพสาธารณรัฐนั่นคงพยายามจะยึดแยกทางใต้หรือบางส่วนของเมืองนี้’

 

จักรพรรดินีและจักรพรรดิเองอาจจะหลบหนีไปกับกองกำลังในวังแล้วเข้าร่วมกับพวกนั้น…….

 

หากพวกกองทัพสาธารณรัฐยึดบางส่วนของเมืองได้แล้ว เธอก็พร้อมที่จะสู้ เนื่องจากนี่เป็นโอกาสสุดท้ายตอนที่กองทัพจอมมารยังมาไม่ถึง

 

 

– กริ้กกก

 

สะพานชักเลื่อนลงมาในที่สุด

เฮนริเอตต้าอบกกับทหารข้างกายให้นำไปก่อน

 

“ทุกคน พวกเราพยายามสุดกำลังจนมาถึงที่นี่ ข้าขอยืนยันว่าไม่มีกองทัพใดในทวีปที่เร็วไปกว่าพวกเรา

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราก็ยังมาสายเกินไป ไม่ใช่ความผิดของพวกเจ้า

หากจะเป็นความผิดก็เป็นความผิดของสวรรค์”

 

(TTL : 

สวรรค์ : อ้าว กุผิดเฉยเลย! ) 

 

“…….”

 

อัศวินทั้งหลายต่างมองไปที่ราชินี ใบหน้าของพวกเขาบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้า แต่ดวงตายังเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

 

ความร้อนใจนำไปสู่ความผิดพลาด

ความผิดพลาดนำไปสู่ความพ่ายแพ้

ยิ่งมีประสบการณ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสุ่มเสี่ยงต้องความร้อนใจมากเท่านั้น

ทหารจะร้อนใจหรือไม่ก็ขึ้นกับผู้บัญชาการของพวกเขา

สิ่งที่ผู้บัญชาการต้องการที่สุดจากเหล่าทหารคือ ความเชื่อใจ

 

ความเชื่อมั่นที่ถึงกับหลงไหลคลั่งไคล้จะทำให้ผู้ที่เชื่อนั้นไม่ห่วงกังวลตราบใดที่ยังทำตามผู้บัญชาการ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายก็ตาม

เฮนริเอตต้าพูดเพื่อโหมกระพือความเชื่อนั้นให้ลุกโชน

 

“ดินแดนบ้านเกิดเดิมพวกเราเป็นแหลมในคาบสมุทรแคบๆ แม้จะทำฟาร์มก็ยังมีแต่เกลือในดิน

บรรพบุรุษของพวกเราพยายามที่จะขยายดินแดนไปยังฟรานเคียมาตั้งแต่โบราณ ความปรารถนาดังกล่าวส่งต่อกันมาเกือบ 700 ปี

เจ้าเท่านั้นที่สามารถเติมเต็มความฝันดังกล่าวได้”

 

“…….”

 

“พูดอีกอย่างหนึ่ง เจ้าเป็นทหารผู้แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์บริททานี่”

เฮนริเอตต้าถอดหมวกแล้วชูขึ้นไปในอากาศ

 

“ใครจะไปนึกฝันกันได้เล่า ว่าชาติที่มาจากแหลมเล็กๆในคาบสมุทรจะเป็นผู้ปกครองทวีป!?

แต่บริททานี่ ก็ทำให้เป็นจริงขึ้นมาได้!

ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด บริททานี่ไม่มีวันจบลง!”

 

เหล่าอัศวินถอดหมวกแล้วตะโกนพร้อมกัน

 

“ความรุ่งโรจน์จงมีแด่บริททานี่!”

 

“ความรุ่งโรจน์จงมีแด่องค์ราชินี!”

 

พวกเขายังคงตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหล่านายพลและทหารยศชั้นรองๆเดาออกว่า ราชินีกำลังพยายามทำอะไรจึงตอบรับอย่างเร่าร้อน

ความร้อนใจกลับสลายหายไป ทุกคนต่างโห่ร้องเป็นเสียงเดียวกัน เฮนริเอตต้าพยักหน้าแล้วข้ามสะพานชัก

 

“พวกเราจงมุ่งหน้าสู่ความรุ่งโรจน์ของบริททานี่”

 

หัวหน้าผู้คุมประตูเข้ามาต้อนรับเฮนริเอตต้าทันทีที่เธอข้ามฟากมา คนๆนั้นเป็นชาวบริททานี่มิใช่ชาวฟรานเคีย

นั่นแสดงให้เห็นถึงอิทธิภลของเฮนริเอตต้าที่มีต่อปารีส

 

“ทำดีมาก รายงานมา”

 

“ครับ ตอนนี้ที่ประตูตะวันออกของปารีสไม่มีปัญหาอะไรครับ”

 

“……?”

หน้าผากของเฮนริเอตต้ากลับยับยู่

 

“ไม่มีปัญหาอะไรอย่างนั้นรึ? แล้วพวกยามหายไปไหนกันหมด?”

 

“อ้อ เรื่องนั้น”

หัวหน้าผู้คุมประตูทำหน้าลำบากใจก่อนจะพูดต่อ

“เกิดเพลิงไหม้ในเมืองครับ พวกนั้นขอความช่วยเหลือมา ข้าจึงตัดสินใจส่งยามไปจัดการ”

 

“…….”

 

ตอนนั้นเองที่ความรู้สึกไม่สบายใจแผ่ซ่านไปทั่วอกเฮนริเอตต้า

หัวหน้าผู้คุมประตูยังคงรายงานต่อ

 

“นั่นเลยทำให้พวกเราลดกำลังลงชั่วคราว แต่ยามรักษาการณ์ก็กลับมาอย่างปลอดภัย ตอนนี้กำลังพักอยู่ในค่าย หากมีเรื่องฉุกเฉินใดเกิดขึ้นข้าจะได้เรียกพวกเขามาใช้งานได้ทันที”

 

“……แล้วเรื่องเพลิงไหม้นั่นล่ะ? ทำไมถึงเกิดเพลิงไหม้ขึ้นมาได้?”

 

“จากรายงานบอกว่า เกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่เรือพ่อค้าที่อู่ นับเป็นโชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต”

หัวหน้าผู้เฝ้าประตูดูจะภูมิใจ

เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นระหว่างเกิดสงคราม หากแต่ยามเฝ้าเมืองและยามเฝ้าประตูก็ยังจัดการกับปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

เขาสามารถป้องกันเหตุด่วนเหตุร้ายได้เป็นอย่างดี

หัวหน้าผู้เฝ้าประตูเมืองจึงเชื่อว่า นี่อาจเป็นโอกาสที่จะได้รับคำชมเชยจากราชินี

แต่ผิดจากที่เขาคาดไว้ สีหน้าท่าทางของราชินีกลับนิ่งไป

 

“แล้วอย่างอื่นล่ะ? มีอะไรเกิดขึ้นในเมืองไหม?”

 

“ไม่มีครับ จากที่ข้าบอกได้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากเพลิงไหม้นั้น”

 

“…….”

 

เฮนริเอตต้าใช้มือลูบหน้าผากตน

 

ฟังจากน้ำเสียงของหัวหน้าผู้คุมประตู ดูเหมือนพวกกองทัพสาธารณรัฐไม่ได้มาที่ปารีส หากพวกนั้นบุกทำลายประตูเมืองทางใต้หรือเข้ามาใกล้ ก็น่าจะมีรายงานแล้ว

อีกความเป็นไปได้ก็คือ พวกนั้นอาจใช้ความวุ่นวายจากเหตุเพลิงไหม้แล้วพาตัวจักรพรรดิกับจักรพรรดินีโดวาเจอร์ไป

……แต่มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นอีกเช่นกัน

 

ดังนั้นแล้ว เฮนริเอตต้าจึงเพิ่มกำลังพลคอยล้อมพระราชวังไว้

หากจักรพรรดิหรือจักรพรรดินีโดวาเจอร์พยายามจะหลบหนี ยามพวกนั้นก็สามารถที่จะแจ้งบอก ขอความช่วยเหลือจากยามเฝ้าประตูได้

 

มีความเป็นไปได้สองอย่างที่เป็นคำตอบของเรื่องนี้

 

พวกนั้นอาจฆ่าองค์รักษ์รอบวังจนหมด พวกนั้นจึงไม่มีโอกาสมาขอความช่วยเหลือซึ่งนั่นหมายความว่า พวกเขาได้ตัวจักรพรรดิและจักรพรรดินีไปโดยไม่มีใครรู้—

 

“……ไอ้พวกสาธารณรัฐบ้านั่นมันไปไหนของมันกัน?”

 

—หรือพวกนั้นไม่คิดจะมาที่ปารีสแต่แรกแล้ว

 

เฮนริเอตต้าปล่อยให้องค์รักษ์อยู่ในเมืองต่อไป 

ชาวบ้านต่างออกมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นเนื่องจาก อยู่ๆมีอัศวินขี่ม้าผ่านเข้ามาในเมืองตอนรุ่งสาง

เฮนริเอตต้าไม่มีเวลามายืนยันอะไร เธอจึงมุ่งหน้าไปยังพระราชวังที่อยู่ไกลออกไป

 

องค์รักษ์รอบวังก็ยืนยันความเป็นอยู่ของทั้งจักรพรรดิและจักรพรรดินีโดวาเจอร์

 

“ขอรับ พวกเราคอยรักษายืนยามอย่างเข้มงวดไม่ให้ใครเข้าไปได้ครับ, ฝ่าบาท”

 

“…….”

 

เฮนริเอตต้าสั่งให้พวกเขาเข้าไปดูว่า จักรพรรดินีกับจักรพรรดิยังคงอยู่ดีไหม

ไม่นานนัก สาวใช้ทั้งหลายก็ออกมารายงานว่า ยังอยู่ดี ไม่มีปัญหาใด

 

 

เฮนริเอตต้าพึมพัมกับตัวเอง

 

“ถ้าอย่างนั้นไฟนั่นก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือ”

เธอไม่เข้าใจ

 

 

กองทัพจอมมารสามารถฉวยโอกาสนี้ยึดประตูทางใต้ได้

พวกเขาสามารถปิดล้อมป้อมกำแพง ทั้งยังสามารถติดต่อกับชนชั้นสูงฟรานเคียเป็นการลับ เพื่อย่องไปลักพาตัวทั้งสองที่อยู่ในพระราชวังได้

แต่ทั้งหมดกลับไม่เกิดขึ้น

 

ชนชั้นสูงฟรานเคียกลับไม่ได้ลุกขึ้นต่อต้าน แล้วประตูทางใต้เองก็ไม่โดนยึด…….

 

ทุกความเป็นไปได้ไม่เกิดขึ้นทั้งนั้น จึงเหลือเพียงคำถามเดียว

 

กองทัพของพวกสาธารณรัฐหายไปที่ไหนกัน?

เฮนริเอตต้ามองไปยังแผนที่ด้วยดวงตาที่อ่อนล้า หัวเธอนั้นว่างเปล่า

 

‘พวกนั้นยอมเสี่ยงเพื่อข้ามแม่น้ำ แต่กลับยอมพลาดโอกาสที่ไปยังปารีส

 เป้าหมายของพวกเขา…….พวกเขาคิดอะไรอยู่กันแน่

อย่าบอกนะว่า การล่ออัศวินกุหลาบเขียวแล้วกวาดล้าง แค่นั้นน่ะหรือคือเป้าหมายของพวกนั้น?

พวกนั้นเคลื่อนทัพใหญ่โตเพียงแค่เรื่องนี้เองน่ะหรือ……. เดี๋ยวก่อน เป้าหมายของพวกนั้น?’

 

เฮนริเอตต้าหยุดคิดชั่วครู่

 

‘แล้วถ้าหากปารีสไม่ใช่เป้าหมายของพวกเขาแต่แรกแล้วล่ะ?’

 

เฮนริเอตต้ามองตามแม่น้ำไปดวงตาของเธอไปหยุดอยู่ที่แผนที่

 

ณ ตอนนั้นเองเธอพูดไม่ออก

 

หัวของเธอมุดงุดลงไปสักพักกว่าจะเงยขึ้นมาอย่างช้าๆ

พระอาทิตย์ลอยสูงเหนือท้องฟ้า รุ่งเช้ามาถึงแล้ว แสงอาทิตย์สาดส่องลงผืนดิน

 

 

เวลาผ่านไปแค่ไหนแล้ว?

มีผู้ส่งสารบอกว่า เป็นสารด่วนส่งมาจากสาธารณรัฐฮับบวร์ก

 

ประโยคดังกล่าวเขียนด้วยลายมือของคอนซูลอลิซาเบธ  จัดส่งโดยพลส่งสาร

ลายมือนั้นเขียนไว้เพียงสองประโยค

 

– ระวัง

เสบียงทหาร

 

เศษกระดาษแผ่นนั้นโดนขยำในมือเฮนริเอตต้า

เฮนริเอตต้ามองขึ้นไปบนฟ้า ริมฝีปากเธอบิดเบี้ยวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

คล้ายกับเธออยากจะยิ้ม แต่ก็ยิ้มไม่ออก 

เสียงบ่นพึมพัมพูดกับตัวเอง คล้ายครางออกมาจากปากของเธอ

 

“……เธอช้าไปสองชั่วโมงนะ,อลิซ่า”

 

(TTL :

 

อลิซาเบธ[ท้าวเอว] : กุผิดซะงั้น )

 

 

 

ณ ตอนนั้นเอง 

ธงของกองทัพสาธารณรัฐชูขึ้นเหนือป้อมปราการที่เสบียงของบริททานี่เก็บไว้

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด