Dungeon Defense (WN) 294 สงครามหุ่นเชิด (11)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 294 สงครามหุ่นเชิด (11) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 294 – สงครามหุ่นเชิด (11)

 

* * *

 

 

กองทัพหลักของฝ่ายเราที่เหลือตามทันทัพที่เหลือที่ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของปารีส ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงคว้าชัยชนะไว้ได้

 

ป้อมปราการที่มีเสบียงอันสำคัญกลับโดนพวกเรายึด

ป้อมปราการชื่อยาวสุดๆชื่อว่า  เซจ-เจอแมน-ออง-เลย์ (Sage-Germain-en-Laye) 

ยาวและยากเกินกว่าจะจำหรือจะเรียก พวกทหารก็เลยตัดสินใจเรียกว่า <คลัง>ก็แล้วกัน

 

(TTL : ชื่อนี้ล้อชื่อเมืองในฝรั่งเศสที่ชื่อ St.Germain-en-Laye เปลี่ยน St.ที่เป็นนักบุญ เป็นนักปราชญ์แทน ) 

 

มีทหารเดินเท้า 700 นายและทหารม้าอีก 200 นายคอยคุ้มกันป้อมแห่งนี้อยู่ ถึงการป้องกันจะมั่นคงแค่ไหน แต่เมื่อเผชิญกับกองทัพสาธารณรัฐที่แห่เข้าไปทั้งฝูงเกือบ  10,000 นาย ป้อมก็ทนได้ไม่ถึงสองชั่วโมงดี

ิอีกทั้งพวกนั้นไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่า จะมีกองทัพมหาศาลระดับนั้นบุกโจมตี จึงเป็นการลอบโจมตีที่หมดจดงดงาม

พวกนั้นอาจจะแอบหวังว่า เฮนริเอตต้าอาจส่งกำลังเสริมมาช่วย……แต่ช่างโชคร้ายเหลือเกินนะ ช่วงเวลาของพวกเรามันทิ้งห่างกันไปเสียแล้ว

พวกเราให้กองทัพสาธารณรัฐบัทตาเวียข้ามแม่น้ำมาก่อนแล้วให้พวกนั้นแยกไปทำภารกิจนี้ในทันที 

ตอนนั้นพวกบริททานี่ก็ต้องรบทัพจับศึกพัวพันกับเราอยู่สักพัก

ซึ่งทำให้เสียเวลาไปเปล่าๆถึงสองชั่วโมง เฮนริเอตต้าพลาดอย่างมากนับตั้งแต่ตัดสินใจทำการรบกับพวกเรา

 

ซึ่งก็แน่นอนว่า มันเป็นข้อสรุปของผลลัพธ์

หากเธอรบชนะ นามของเฮนริเอตต้าก็จะชื่อก้องระบือไปในประวัติศาตร์ในฐานะสุดยอดผู้บัญชาการ ส่วนฝ่ายเรานั้นเองก็จะโดนขนานนามว่า เป็นไอ้โง่งั่นที่กล้าแบ่งแยกกองกำลังแล้วโดนจับได้ขณะพยายามข้ามแม่น้ำ

สงครามก็แบบนี้แหละ 

ตัดสินกันที่ผลลัพธ์…….

 

 

ผมขอให้บารอนเบอร์ซี่จุดไฟในปารีส

ทีแรกผมตกใจอยู่เหมือนกันพอได้ยินข่าวว่ามีการฆ่าล้างครั้งใหญ่เกิดขึ้น

 

นับเป็นโชคดีมากที่บารอนเบอร์ซี่ไหวตัวเลี่ยงการนองเลือดได้ทัน 

บารอนน่ะเป็นบุคคลเดียวที่มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับผู้รักชาติในฟรานเคีย

ดีจริงๆที่เขาเอาชีวิตรอดมาได้ แถมเขายังทำงานที่ได้รับมอบหมายเป็นอย่างดีด้วย

 

ป่านนี้เฮนริเอตต้าคงครางด้วยความทุกข์ระทมอยู่ล่ะมั้ง

นางสูญเสียกองทัพที่ทรงพลงที่มีชื่อว่า อัศวินกุหลาบเขียวพร้อมกับเสบียง

ความสามารถในกองทัพของบริททานี่ลดลงฮวบฮาบ

 

เฮนริเอตต้าเอ๋ย, เธอน่ะมุ่งเป้าไปที่การรบเด็ดขาดมากจนเกินไป

 

สุดท้ายแล้ว สงครามคือ การหลอกลวง และหลอกลวงยิ่งๆไปอีก

การเอาหลังชนแม่น้ำ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเป้าหมายของเธอคือ อยากจะเปิดศึกตัดสิน

 

ส่วนพวกเรานั้นซ่อนเจตนาของเราไว้จนกระทั่งจบ

เราทำกำแพงเพื่อให้ดูเหมือนเราอยากจะรบยืดเยื้อ แล้วเราก็ข้ามแม่น้ำไปโดยทำท่าว่าจะไปปารีส

ทั้งที่เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเราคือ คลังเสบียงของเธอ

เฮนริเอตต้าเดินพลาดท่าแล้วหล่นลงไปในกับดักมากมายเหล่านั้น

 

ในตอนกลางวันผมกับลอร่า เราอยู่ด้วยกันเป็นการส่วนตัว

กองทหารของพวกเราใช้การตบตาแล้วได้รับชัยก็จริง แต่สงครามมันยังไม่จบ

กองทัพบริททานี่ยังคงอยู่ดี แข็งแรฃดี ดังนั้นจึงไม่ควรคลายความระวัง 

เราสองคนรีบเริ่มแผนการรบขั้นต่อไปทันทีระหว่างที่ตั้งค่ายในฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของปารีส

 

“ตอนนี้บริททานี่มีตัวเลือกสองทาง”

 

“พยายามป้องกันรักษาเมืองไว้ หรือถอยหนี”

 

ลอร่าพยักหน้า พอผมพูดจบเธอก็พูดต่อ เราทั้งสองต่างเข้าใจแผนในหัวของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

 

“บริททานี่ไม่ต้องการที่จะโอบล้อม สิ่งเดียวที่พวกนั้นชื่นชอบคือ ทำการรบขั้นเด็ดขาด แต่ก็ไม่มีเสบียงมากพอที่จะยืนระยะเพื่อการโอบล้อมได้นาน ดังนั้นพวกนั้นน่าจะอยากหนี แต่ว่า…….”

 

“ปัญหาก็คือ พวกนั้นจะหนีไปที่ไหน”

 

ผลจากสงครามกลางเมืองที่แพร่กระจายไปทั่วฟรานเคีย

อิทธิพลของพวกนิยมกษัตริย์นั้นเข้มแข็งในทางตะวันตกและตกวันออกของปารีส ซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่าตรงนั้นเป็นพื้นที่ที่พวกนิยมสาธารณรัฐโดนฆ่าล้างบางเป็นจำนวนมาก

ในขณะที่ ทางเหนือสุดของฟรานเคียกลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกนิยมสาธารณรัฐ

เหนือสุดนั้นเต็มไปด้วยเมืองเสรีที่ประกาศอิสรภาพ

 

ดังนั้นแล้วเฮนริเอตต้าจึงต้องการจะห่างจากทั้งฟากตะวันตกและตะวันออกที่เป็นมิตรกับฝ่ายเรา 

หากเจ้าพวกนั้นลักพาตัวจักพรรดิและจักรพรรดินีโดวาเจอร์ไป ย่อมต้องขอเรียกเก็บภาษีโดยอ้างว่าเป็น ‘ราชโองการขององค์จักรพรรดิ’ ซึ่งพวกนั้นมีสิทธิ์ในการระดมเสบียงขึ้นมาใหม่

 

แต่ถึงอย่างไรเสียพวกเราก็ปิดกั้นทางฝั่งใต้และตะวันตกไว้แล้ว

หากผู้คนจากบริททานี่อยากจะหนีไปทางใต้หรือตะวันตกก็ต้องข้ามแม่น้ำเหมือนอย่างที่พวกเราทำไปเมื่อคืน

ก็ไม่ค่อยอยากโม้เท่าไหร่หรอกนะ แต่ผมกับลอร่าไม่นั่งเฉยๆให้เจ้าพวกนั้นข้ามแม่น้ำไปง่ายๆหรอก

 

 

“พวกเราต้องสั่งหน่วยไวเวิร์นจับตาดูที่ปารีส”

 

“ข้าออกคำสั่งผ่านกามิกินแล้ว

ครึ่งหน่วยกำลังวนเวียนตรวจตราทุกสามชั่วโมงรอบปารีส”

 

ลอร่ายิ้มกับคำตอบของผม

 

“สมแล้วที่เป็นนายท่าน ท่านนี่เป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมเสียจริงๆ”

 

“……เอ่อ เหมือนบทบาทมันจะสลับกันอยู่นะ”

 

ลอร่าเป็นลูกน้องคนเดียวในโลกที่กล้าจะทำกับนายตนเองเหมือนเป็นผู้ช่วย แต่เอาล่ะ ผมสนใจที่ไหน ตราบใดที่ชนะศึกนี้ได้ ทำอะไรก็ทำ

 

หากกองทัพบริททานี่ทำอะไรสักอย่าง หน่วยไวเวิร์นก็จะรายงานพวกเราในทันที

พวกเราวางแผน ที่จะป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายข้ามแม่น้ำ

ถึงอย่างไรเสีย เฮนริเอตต้าก็ไม่ใช่คนโง่ เธอย่อมต้องรู้อยู่แล้วว่าโดนไวเวิร์นจับตาดูอยู่

 

“ราชินีเฮนริเอตต้าอาจจะพยายามฝืนข้ามแม่น้ำหรือไม่อย่างนั้นก็ยอมแพ้”

 

“จะตัวเลือกไหนก็เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา”

ลอร่าพยักหน้า

 

“หากศัตรูพยายามจะข้ามแม่น้ำ, พวกเราก็จะสู้ขณะที่ได้เปรียบ 

มันคงจะผิดกันหากพวกนั้นมีหน่วยที่ทรงมากพอ จะไม่สนใจความเสี่ยงในการข้ามแม่น้ำได้…….”

 

“แต่เมื่อคืนพวกเราก็กำจัดหน่วยนั้นทิ้งไปแล้วนี่ ถูกไหม ,ลอร่า?”

 

อัศวินกุหลาบเขียว

พวกนั้นแข็งแกร่งจนผิดปกติ

เป็นเรื่องปกติที่กองทัพจะอ่อนแอลงมากระหว่างกำลังข้ามแม่น้ำ แต่หากมีกองอัศวินกุหลาบเขียวคอยคุ้มครองป้องกันอยู่ ก็จะช่วยให้กองทัพข้ามแม่น้ำไปได้

เช่นนั้นแล้ว พวกเราจึงต้องยอมเสี่ยงเพื่อฆ่าล้างอัศวินกุหลาบเขียวไปเมื่อคืน

 

อันที่จริงแล้วแทนที่จะแยกกองทัพพวกเราเป็นสี่แนวป้องกัน เราสมควรจะโฟกัสให้ทุกคนอยู่ในแนวป้องกันเดียวกัน

 

หากทำอย่างนั้น แนวป้องกันคงไม่แตกง่ายๆ แต่พวกเราน่ะตั้งใจให้แนวตั้งรับแรกโดนทำลาย

 

ผลลัพธ์ที่ได้คือ บริททานี่เสียไพ่ไม้ตายใบสำคัญไป

พวกนั้นไม่ได้สูญเสียแต่กองทัพที่แข็งแกร่งทรงพลังที่สุดไป

หากแต่ยังสูญเสียความสามารถการข้ามแม่น้ำโดยง่ายอีกด้วย

เอาล่ะ กว่าเฮนริเอตต้าจะตระหนักถึงเรื่องนั้นก็คงสักพักมั้ง…….

 

“บริททานี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหนีไปทางเหนือ”

ถูกต้อง

 

ราชินีเฮนริเอตต้าไม่มีทางเลือกอื่นเหลือเลยนอกจากวิ่งขึ้นเหนือซึ่งมีแต่ผู้เกลียดชัง แล้วเธอก็จะเริ่มหาเสบียงใหม่ด้วยการปล้นฆ่าชาวบ้านชาวเมืองทางฝั่งเหนือ

และนั่นเป็นสิ่งที่ผมกับลอร่าต้องการให้เกิด

 

 

* * *

 

เหล่าผู้บัญชาการทั้งหลายต่างมารวมตัวกันที่ค่ายทหารกันตั้งแต่หัววัน

จอมมารส่วนมากดูจะพออกพอใจ พวกเราได้รับชัยชนะทางยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ คงจะแปลกแหละถ้าใครจะมาทำท่าทางโกรธอยู่

 

แต่ถึงอย่างไรก็ดี สีหน้าของไพมอน เวสซาโก้ และนายพลเซปาร์ยังคงนิ่ง

ไพมอนดูจะไม่ค่อยพอใจนักกับกลยุทธของลอร่า

เหมือนมีอะไรมากมายที่นางอยากจะพูดจะบอก แต่ก็เก็บไว้ในใจยามที่เราได้รับชัยชนะ อารมณ์ที่แผ่ออกมามันเป็นอะไรประมาณนั้นฃ

 

เวสซาโก้นั้นอารมณ์ไม่ดีสุดๆ เมื่อคืนวานนั้นแทบไม่ต่างจากฝันร้ายสำหรับเขา เขาต้องไปเผชิญหน้าเพื่อสู้กับอกาเรสซ้ำแล้ว ซ้ำอีก

เอาล่ะจริงๆผมก็ตั้งใจให้หมายหัวให้เวสซาโก้เป็นเป้าล่ออกาเรสอยู่แล้วน่ะนะ

ขณะเดียวกัน นายพลเซปาร์พยายามข่มกลั้นความโกรธไว้

 

“ท่านผู้บัญชาการการรบ ข้าไม่ได้รับรู้แผนการในการรบก่อนหน้าเลยสักคำ ได้โปรดชี้แจงด้วย”

รอยยับย่นบนใบหน้าของนายพลเฒ่าราวกับอยากจะระเบิดอารมณ์

 

พวกเราคาดไว้แล้วว่า แนวป้องกันแรกของพวกเรานั้นย่อมต้องโดนทำลาย ซึ่งก็ต้องขอบคุณที่พวกเราชนะ แต่นายพลเซปาร์ผู้รับหน้าที่ดูแลแนวรับนั้นกลับทำหน้ามืดหม่น

 

นายพลเซปาร์นั้นพยายามสุดกำลังเพราะเขาคิดว่า ทุกคนจะเป็นอันตรายหากเขาปล่อยให้ศัตรูเข้ามาได้

 

ลอร่าตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงทื่อๆ

 

“การที่แนวรับแรกของเราต้องดิ้นรนสู้สุดกำลังนั้นทำให้แผนของพวกเราได้ผล”

 

“……ท่านกำลังจะบอกว่า หากข้ารู้แผนแล้วข้าจะไม่อาจสู้กล้าหาญเช่นนี้หรือ?”

 

“นั่นเป็นความแตกต่างอย่างมากระหว่าง การที่เรามีมาตรการรับมือหรือไม่มี

แต่อย่างน้อย มันก็สร้างผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป 

ข้าเชื่อว่า ท่านจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้,นายพลเซปาร์”

 

นายพบเซปาร์ปิดปากเงียบ

แม้เขาจะเข้าใจเรื่องนั้นดี แต่เขาก็ยังโกรธอยู่ดี

สีหน้าท่าทางของเขานั้นแสดงสิ่งที่คิดออกมาเห็นเด่นชัด

 

“และแน่นอน บุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับการต่อสู้ครั้งล่าสุดนี้ นั่นคือ นายพลเซปาร์”

 

ลอร่าปรบมือ

 

เหล่ามนุษย์สัตว์ที่ยืนอยู่ด้านนอกเข้ามาในค่ายพร้อมกับธงผืนหนึ่งในมือ

จอมมารตนอื่นถึงกับงงไปเลยตอนที่มองไปยังมนุษย์สัตว์ตนนั้น

ขณะนั้นเองมีเพียงนายพลเซปาร์ที่สังเกตเห็นได้ในทันที

 

“นี่มัน…….”

 

“ใช่แล้ว ผืนธงของอัศวินกุหลาบเขียว”

 

ด้วยการกวักมือของลอร่า ทหารคนอื่นๆก็เข้ามาใกล้และคลี่ธงออก

 

“ข้าขอมอบธงนี้ ,ในนามของตัวแทนผู้บัญชาการสูงสุด รูดอล์ฟ ฟอน ฮับบวร์ก ให้แก่นายพลผู้ทุ่มเทในการศึกครั้งล่าสุดนี้”

 

“…….”

 

ดวงตาของนายพลเซปาร์เบิกกว้าง มันเป็นธงที่คุยโตโอ้อวดในประวัติศาสตร์นับ 700 ปี ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์

ธงปกติทั่วไปอย่างมากก็มีราคาราวๆ  200 ถึง 500 โกลด์ ……ดังนั้นแล้ว ธงของอัศวินกุหลาบเขียวจึงมีค่ามหาศาลระดับที่ประเมินค่าไม่ถูกเชียวล่ะ

มันย่อมเป็นเกียรติยศขั้นสูงที่มีธงนั้นแขวนอยู่หน้าปราสาทจอมมารของตัวเอง

 

นายพลเซปาร์หลับตาลงเงียบๆ เขาคงคิดถึงอะไรบางอย่างอยู่ ในที่สุดเขาสามารถเอาคืนความอับอายที่เขาได้รับมาเมื่อ 500ปีก่อนได้เสียที มันคงจะแปลกหากเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยกับมัน

 

“……ขอบคุณครับ, ผู้บัญชาการการศึก”

 

นายพลเซปาร์ลืมตาและยืนขึ้น

เขานาบมือขวาไว้ที่อกแล้วทำวันยหัตถ์ นั่นเป็นการแสดงความเคารพอย่างสูงสุดของเขาในฐานะผู้รับใช้บาร์บาทอส

 

ลอร่าพยักหน้า

 

“เกียรติยศดังกล่าวคู่ควรกับความพยายามของผู้นั้นแล้ว

แต่ถึงอย่างไรเสียสงครามยังไม่จบ 

กองทัพบริททานี่แทบไม่กระทบกระเทือนใด

การมอบเกียรติยศของจริงจะเริ่มหลังจากที่เราชนะสงคราม”

 

จอมมารทั้งหลายพยักหน้า บางส่วนแสดงความไม่พอใจนัก

 

 

ว่าไงจ๊ะ คราวนี้มีอะไรเหรอ? เวสซาโก้คนดีคนเดิม

ผมตั้งใจสบตากับเขาแล้วยิ้มให้ เขากระแอมแล้วหันหน้าไปทางอื่น

เขานี่ช่างเป็นสุภาพบุรุษผู้น่าเอ็นดูเสียจริงเลยนะ ผมยิ่งชอบเขามากขึ้นไปอีก บริสุทธิ์ผุดผ่องแบบนี้ต่อไปนะ

 

(TTL : ยิ่งนานวัน พรี่ดันก็ยิ่ง เ ก เ ร ! )

 

พออารมณ์เริ่มคลายลง ลอร่าก็พูดต่อ

 

“ในวันพรุ่งนี้ พวกเราจะเริ่มฆ่าล้างรอบเมืองปารีส”

 

“อ้าว? เรามีเสบียงพอแล้วไม่ใช่หรือไงน่ะ? แล้วทำแบบนั้นจะไม่เป็นการทำลายภาพลักษณ์หรอกหรือ?”

 

บาร์บาทอสถามกลับไป เป็นคำถามที่ดีนะ

จริงอยู่การปล้นชิงเสบียงในยุคนี้ถือว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดา ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่า หากมีโอกาสทำก็ทำเลยดีกว่า

ลอร่าหันหน้ามาหาผม

 

“เรื่องนั้นจะให้ นายพลดันทาเลี่ยนเป็นผู้อธิบายในรายละเอียด เขาเป็นผู้ออกแบบแผนการนี้”

 

“ครับ”

 

ผมยืนขึ้นแล้วทุกคนก็หันมาจ้องมองผม

 

ผมกระแอมกระไอเพื่อเคลียร์ลำคอตัวเองก่อนจะอธิบายอย่างใจเย็น

 

“ไม่ต่างจากสหายจอมมารทั้งหลาย ฝ่ายมนุษย์เองก็มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกเป็นพวกนิยมกษัตริย์และพวกนิยมสาธารณรัฐ อยู่ในฟรานเคีย 

พูดให้เข้าใจง่าย บริททานี่อยู่ฝ่ายนิยมกษัตริย์ ในขณะที่บัทตาเวียที่มาพร้อมกับพวกเรานั้นเป็นพวกนิยมสาธารณรัฐ”

จอมมารส่วนใหญ่ก็เอียงคอด้วยความสงสัย

 

ทำไมพวกเราต้องไปสนใจระบบการเมืองการปกครองในโลกมนุษย์ด้วยล่ะ?

สีหน้าสีตาของพวกเขาเหมือนจะตอบกลับมาอย่างนั้น

เฮ่อออ นี่แหละน้า ผมเข้าใจดีเลยล่ะ ทำไมพวกนายน่ะถึงแพ้แล้วแพ้อีกตอนระดมกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา

 

ผมยิ้มให้อย่างอ่อนละมุน

 

“สี่ปีที่ผ่านมา ,การฆ่าล้างครั้งใหญ่เกิดขึ้นในฟรานเคียเพราะกองทัพบริททานี่

กลุ่มนิยมสาธารณรัฐในประเทศนี้ล้มตายจากการเข่นฆ่าไปกว่า  10,000 คน

ดังนั้นแล้ว กลุ่มนิยมสาธารณรัฐจึงจงเกลียดจงชังต่อฝ่ายนิยมกษัตริย์เป็นอย่างมาก พวกเราจะใช้ความเกลียดชังนี้ให้เป็นประโยชน์”

 

จอมมารทั้งหลายยังทำหน้างง

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด