Dungeon Defense (WN) 304 ฆาตกรผู้ฆ่าจักรวรรดิ (6)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 304 ฆาตกรผู้ฆ่าจักรวรรดิ (6) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 304 – ฆาตกรผู้ฆ่าจักรวรรดิ (6)

 

 

มุมปากของเฮนริเอตต้ายกขึ้น

 

“ข้าควรจะต้อนรับท่านอย่างไรดี? ท่านเป็นจอมมารตนหนึ่ง? หรือเป็นขุนนางชนชั้นสูงผู้หนึ่ง?”

 

“ต้องขออภัย ฝ่าบาทตั้งใจจะต้อนรับทูตผู้มาเจรจาเช่นไร?”

 

ผมประทับยิ้มอันนุ่มละมุนในขณะที่เฮนริเอตต้าเลิกคิ้วมองผม

 

“ข้าตั้งใจจะต้อนรับทูตผู้มาเจรจาเช่นไรอย่างนั้นหรือ?”

 

“กองทัพที่กำลังห้อมล้อมปราสาทฝ่าบาทอยู่ ณ ขณะนี้เป็นของจักรพรรดิแห่งฮับบวร์ก

หากฝ่าบาทปรารถนาที่จะเจรจาเรื่องทางการทหาร ข้าจะปฏิบัติต่อท่านดังเช่นข้าเป็นขุนนาง”

 

กองทหารของฝ่ายเรานั้นชูธงแปะป้ายว่า เป็นจักรวรรดิฮับบวร์ก ในฐานะตัวแทน ผมจึงเป็นดั่งขุนนางผู้หนึ่งของฮับบวร์ก

“แต่ถึงกระนั้น หากฝ่าบาทปรารถนาที่จะไปไกลกว่านั้น ไปยิ่งกว่าเรื่องกองกำลังทหารและมาพูดคุยกันถึงอนาคตของทวีป”

ผมผายมือแล้วพูดต่อ

“ข้าก็พร้อมที่จะพูดคุยประเด็นจริงจังกับฝ่าบาทในฐานะจอมมาร”

 

“หืมม แล้วหากข้าไม่ชอบเจ้าทั้งในฐานะขุนนางและในฐานะจอมมารล่ะ?”

 

“ถ้าเช่นนั้น…….”

ผมแกล้งทำท่าคิดด้วยการลูบคาง

“ใครจะไปรู้? ข้าอาจจะเข้าหาฝ่าบาทในฐานะชายคนหนึ่งก็เป็นได้”

 

(TTL : ท่าทางเหมือนพรี่ไม่ได้พูดเล่นเลยนะ….เห็นนางเอกเกมทีไรก็ไม่เคยพลาดโอกาสหยอด เพราะแบบนี้ไงสาวๆในค่ายถึงได้หวง(ไม่ใช่ห่วง) 555 )

 

“อะไรนะ?”

 

“ความงามของฝ่าบาทนั้นยิ่งกว่าข่าวที่ลือกันเสียอีก

หากวันนี้เริ่มมีการตระเตรียมจัดงานเลี้ยง ข้าคงต้องตั้งตาคอยเป็นแน่”

 

เฮนริเอตต้าหัวเราะคิก

 

“ใครจะไปคิดกันว่า จอมมารผู้หนึ่งจะชวนข้าเต้นรำด้วย”

 

“ฝ่าบาทย่อมทราบดีแล้วว่า พวกเราเต้นรำเก่งเพียงใดในขณะที่ใช้ฟรานเคียเป็นดั่งเวที

ท่านสามารถเทียบกับเวทีในวันนี้เป็นการปิดม่านงานเลี้ยงก็ได้

ถูกแล้วล่ะ นี่คือ ชั่วขณะที่ชายหญิงจะซื่อตรงต่อกันมากที่สุด”

 

“ตอนนี้มีคนจับตาดูอยู่เยอะเกินไปสำหรับเรื่องส่วนตัวแบบนั้น”

 

เฮนริเอตต้ายกมือขวาขึ้น

 

“พวกเจ้าทั้งหมดออกไปได้”

 

เหล่านายพลวันทยหัตถ์ก่อนจะออกไปจากห้องจนหมด

 

เหลือเพียงผมกับราชินีที่ยังอยู่กันในห้อง

เฮนริเอตต้าเอนหลังและไขว่ห้าง รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอหายไป

 

 

“ข้าพูดเข้าประเด็นเลยก็แล้วกัน ข้าต้องการยอมแพ้อย่างสมเกียรติ”

 

“อย่างที่ฝ่าบาททราบดี สิ่งนั้นมาพร้อมเงื่อนไขหลายอย่าง”

 

“ว่ามา”

 

พวกเราเป็นฝ่ายได้เปรียบ ระหว่างเราจึงไม่ต้องมีลูกเล่นมากมาย 

ผมยกนิ้วชี้ขึ้นแล้วพูด

 

“อย่างแรก ส่งจักรพรรดินีโดวาเจอร์ แคทเทอรี เดอ เมดิชี ให้กับพวกเรา”

 

“ข้ายอมรับ แต่มีข้อแม้ ต้องส่งตัวนักบุญหญิงแจ็คเกอลีน ลองวี่ คืนกลับมาให้ฝ่ายเราด้วย”

 

เมื่อเฮนริเอตต้าพยักหน้า ผมก็พยักหน้าตอบ พวกเราตัดสินใจกันรวดเร็วโดยไร้ความลังเล

 

ผมยกนิ้วกลางต่อ

 

 

“อย่างที่สอง วางมือจากเมืองและป้อมปราการทั้งหมดของฟรานเคียที่เธอยึดมาได้ และต้องเซ็นสัญญาไม่รุกรานฟรานเคีย”

 

“……สัญญาไม่รุกรานนั่นนานแค่ไหน? ขอให้ไม่เกินสิบปี 

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราจะส่งอาวุธและเสบียงที่เรามีในปราสาทกลับไปยังบริททานี่”

 

สัญญาสงบศึกไม่รุกราน 10 ปี เท่านี้เราก็หยุดความทะเยอทะยานของเฮนริเอตต้าที่จะยึดทวีปไปได้สักพัก

และผมก็ยกนิ้วนาง

 

“ข้อสาม, ฆ่าจักรพรรดิฟรานเคีย,เฮนรี่ที่สาม แล้วทำให้เหมือนว่าเขาตายด้วยอาการป่วย”

 

“…….”

 

เฮนริเอตต้ามองเขม่นผม

 

“เจ้าตั้งใจที่จะทำให้เราเป็นผู้วางยาพิษจักรพรรดิอย่างนั้นรึ?”

 

“ด้วยการตายของเฮนรี่ที่สาม จะทำให้สายเลือดราชวงศ์ของฟรานเคียสิ้นสุดลงโดยสมบูรณ์”

 

ไม่เพียงแต่สายตรงของราชวงศ์ที่ถูกฆ่าหากแต่สายตระกูลอื่นๆก็โดนกวาดล้างไปด้วยเช่นเดียวกัน

ทั้งหมดนี่ก็ต้องขอบคุณเฮนริเอตต้านั่นแหละที่ไปปราบกำจัดพวกนั้นให้ราวกับไล่จับแมลงสาบมาหลายต่อหลายปี

 

 

 

“ให้อำนาจทั้งหมดไปอยู่ที่จักรพรรดินีโดวาเจอร์

และสถานการณ์มันก็จะต่างไปทันที หากพวกเราพยายามแต่งตั้งรักษาการณ์ขึ้นมาในขณะที่จักรพรรดิยังอยู่ 

แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า จักรพรรดินีโดวาเจอร์จะต้องบริหารบ้านเมืองเองแล้ว

ท่านคิดว่า สถานการณ์ในฟรานเคียจะเป็นอย่างไรกันล่ะ?”

 

“……จะเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นอีก”

 

ผมพยักหน้า

ชนชั้นสูงระดับหัวกะทิโดยกวาดล้างจนหมด

ที่เหลืออยู่มีแต่พวกลูกกระจ๊อก

เห็นกันอยู่ว่า ผู้ที่จะครองอำนาจต่อไปนั้นจะต้องเจอความลำบากในอนาคตขนาดไหน

ดังนั้นแล้ว ย่อมต้องเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นอีก

 

“จนถึงตอนนี้ที่ฝ่ายนิยมกษัตริย์และฝ่ายนิยมสาธารณรัฐของฟรานเคียนั้นร่วมมือร่วมใจกัน นั่นก็เพราะพวกเขามีศัตรูคนเดียวกันนะ ,ฝ่าบาท

แต่ทันทีที่เซ็นสัญญาสงบศึกไม่รุกราน ดวงตาที่เคยจับจ้องภายนอกก็จะเบนหันมามองกันเอง

และเมื่อเป็นอย่างนั้น พวกนั้นก็จะเข้าปะทะกันเพราะอุดมการณ์ที่ต่างกันอย่างไม่ต้องสงสัย”

 

“…….”

เฮนริเอตต้ากลับเงียบไป

 

ก่อนหน้านี้ดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจเสียแล้วว่าเธอจะรับมือได้อย่างไร

 

เฮนริเอตต้าค่อยๆเปิดปากถาม

 

“เป้าหมายของเจ้ามิใช่ขับเราออกจากฟรานเคียหรือ?”

 

“ถูกต้อง”

 

“ข้าไม่เข้าใจ ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าถึงพยายามทำร้ายฟรานเคียกัน?”

 

“ฝ่าบาทครับ บริททานี่มิใช่ประเทศเดียวที่จะเจอปัญหา หากฟรานเคียทรงพลังเกินไป”

 

เฮนริเอตต้าถอนใจยาวๆหลังได้ยินคำตอบของผม

 

 

“……เจ้านั้นไม่ปรารถนาที่จะช่วยเหลือฟรานเคีย ทั้งยังหวาดกลัวว่าฟรานเคียจะเข้มแข็งเกินไปหากเข้าร่วมกับฝ่ายเรา

 

ดังนั้นเจ้าเลยทำลายกองกำลังทหาร และหว่านเมล็ดแห่งสงครามกลางเมืองในฟรานเคีย

ด้วยการเช่นนั้น เจ้าจะได้รับแต่ประโยชน์ในท่ามกลาง”

 

ผมยิ้มกรุ้มกริ่ม ผมไม่ได้ทั้งปฏิเสธหรือยอมรับ

 

“กลับไปที่ประเด็นหลัก ,ข้าเชื่อว่า การทำสัญญาไม่รุกรานไม่เกินกว่า 10ปีนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อฝ่าบาทไม่น้อยเลย ทั้งยังทำให้ชาวฟรานเคียทั้งหลายลดความตึงเครียดลง”

 

“……ข้าเข้าใจแล้ว

ยิ่งสัญญาไม่รุกรานอยู่นานแค่ไหน ชาวฟรานเคียก็ยิ่งให้ความสนใจไปกับสงครามกลางเมืองนานเท่านั้น”

 

เฮนริเอตต้ามองผมราวกับยอมรับความพ่ายแพ้

 

“เจ้าช่างเป็นตัวตนที่น่ากลัวยิ่งนัก ,ดันทาเลี่ยน”

 

“…….”

 

“ผู้คนอาจเข้าใจไปว่าเมื่อสงครามจบลง สันติสุขย่อมกลับมา แต่มันมิได้เป็นสิ่งอื่นใดนอกไปจากเงื่อนไขที่เจ้าวางไว้เอง; 

ถึงอย่างไรเสียมันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า แผนการร้ายที่บังหน้าด้วยความสงบสันติ…….ชาวฟรานเคียจะก่อสงครามกลางเมืองด้วยตัวเอง”

 

เฮนริเอตต้าถอนใจออกมา

 

“แล้ว? แล้วฝ่าบาทคิดเห็นเช่นไร?”

 

“อย่างที่ข้าคิดไว้ แผนการชั่วร้ายต่ำช้าสมกับเป็นจอมมาร……แต่”

 

เฮนริเอตต้าลุกขึ้น

“ก็ไม่มีเหตุผลใดสำหรับบริททานี่ให้ต้องปฏิเสธเงื่อนไขพวกนั้น 

ข้ายอมรับเงื่อนไข”

 

พวกเราจับมือกัน

 

ชะตากรรมของฟรานเคียในอีก 10 ปีข้างหน้าได้ถูกตัดสินแล้ว ในชั่วขณะนั้น

 

 

พวกเราร่างสัญญากันในวันนั้น

การพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการในครั้งนั้นไม่เผยแพร่แก่สาธารณะ

ส่วนที่สารณชนทั่วไปรู้กันก็คือ กองกำลังบริททานี่กับฝ่ายเราไม่เห็นด้วย ทำให้การเจรจาไม่เป็นผล

 

ไม่กี่วันต่อมา เฮนรี่ที่สามป่วยหนักและสวรรคต

 

ทหารของบริททานี่ ‘สะเทือนใจ’ ที่องค์จักรพรรดิสวรรคต และบอกกับพันธมิตรว่า พวกเขานั้น ‘ยอมแพ้’ เพราะหมดแรงใจที่จะสู้ต่อไป

 

 

เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ใช้โอกาสที่บริททานี่อยู่ในสภาพหมดหวัง ยื่นโอกาสให้พวกนั้น ‘ยอมแพ้อย่างสมเกียรติ’ เพื่อที่จะได้กลับบ้านเมืองพร้อมกับธงและอาวุธของตัวเอง

 

เนื่องจากความเมตตาที่เรามีให้ สนธิสัญญาที่ร่างขึ้นมีดังต่อไปนี้

 

 

1. ราชอาณาจักรบริททานี่และจักรวรรดิฟรานเคียจะไม่รุกรานดินแดนกันและกันเป็นเวลา 14 ปี

 

2. ราชินีแห่งบริททานี่จะมอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้กับจักรพรรดิแห่งฮับบวร์ก

 

3. จะไม่เรียกเอาค่าปฏิกรรมสงครามทั้งจากฝ่ายฮับบวร์กหรือบริททานี่

 

 

สนธิสัญญานั้นเป็นที่รู้จักกันในนาม สนธิสัญญา เลอ ฮาวี

 

เงื่อนไขพวกนั้นช่างเมตตาเหลือเกินสำหรับกองทหารของราชินีที่พ่ายแพ้ยับเยิน

ตัวแทนของแต่ละชาติที่ยืนข้างฟรานเคียได้มาเป็นประจักษ์พยานในการลงนามสนธิสัญญาครั้งนี้

 

จักรพรรดิรูดอล์ฟ ฟอน ฮับบวร์ก ได้ประกาศขณะเซ็นสัญญา

 

“เป้าหมายของพวกเราคือ การกำจัดจอมมารอกาเรส

เมื่อเป้าหมายของพวกเราสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว เราไม่มีความปรารถนาที่จะก่อกวนผู้ปกครองบริททานี่”

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ได้ประกาศความชอบธรรมของกองทัพพันธมิตรของพวกเราให้โลกได้ล่วงรู้

หากมีการร่างสนธิสัญญาอันไม่เป็นธรรม ชาติต่างๆก็จะจับตาดู และเมื่อถึงคราวพวกนั้นก็จะยื่นมือเข้ามาแทรก

 

ผู้คนย่อมกังวลหากปล่อยให้บริททานี่ยิ่งกล้าแข็ง ทั้งยังห่วงระวังว่า ฮับบวร์กเองจะแข็งกล้าขึ้นมากด้วย

ดังนั้นแล้วจักรวรรดิฮับบวร์กจึงไม่ยึดถือครองดินแดนใดเลยระหว่างสงคราม

คนทั้งทวีปได้ยอมรับแล้วว่า จักรพรรดิฮับบวร์กรักษาสัจจะ

ยังมีอีกเรื่องที่ไม่มีใครมองเห็น มันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่ซ่อนอยู่ในสนธิสัญญา

ความจริงเรื่องที่กองทัพจอมมารเองก็นับรวมอยู่ในสนธิสัญญานั่นด้วยเช่นกัน

 

จนถึงตอนนี้มนุษยชาติไม่เคยทำสนธิสัญญาใดๆกับกองทัพจอมมารมาก่อน

 

แม้โดยผิวเผินจะดูเหมือนเป็นสัญญากันระหว่างราชอาณาจักรบริททานี่กับจักรวรรดิฮับบวร์ก แต่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า ฝ่ายหนึ่งเป็นกองทัพจอมมาร

ว่าอีกอย่างก็คือ กองทัพจอมมารและมนุษย์ต่างยอมรับกันโดยนัยแล้วว่า อีกฝ่ายน่ะเจรจากันรู้เรื่อง

 

 

“ดังนี้แล้ว , เป้าหมายของข้าจึงสำเร็จเสร็จสิ้น”

ผมฮัมเพลงอย่างสุขใจขณะที่เอนหลังแตะเก้าอี้

 

 

“เฮนริเอตต้าเชื่อว่า เธอเองจะฟื้นอำนาจของประเทศได้ใน 14 ปี ซึ่งก็เป็นไปได้สูงมากเพราะอัศวินทั้งหลายของเธอโดนกำจัดไปมาก

ยิ่งไปกว่านั้น เฮนริเอตต้ามิได้กลายเป็นผู้ปกครองฝ่ายกษัตริย์ในอุดมคติของทุกคนอีกต่อไป ทวีปไม่ได้อยู่ในกำมือเธออีกแล้ว”

 

ผมหัวเราะอย่างเริงร่ายามที่มือของลอร่ากำลังนวดไหล่ผม

 

“ทั้งจอมมารลำดับ 1 และจอมมารลำดับ 2 ……สองตัวตนที่ใกล้เคียงกับสุดยอดผู้ปกครองก็ตายไปแล้วทั้งคู่

มีแต่ฝักฝ่ายทางการเมืองเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่

ลอร่า,พวกเราชนะแล้ว”

 

“ค่ะ ทำได้ดีมากค่ะ,นายท่าน”

 

แถมบารอนเบอร์ซี่เองยังรับตัวจักรพรรดินีโดวาเจอร์ไปดูแล หลังจากถูกปล่อยตัวมาจากกองทัพบริททานี่

บารอนเบอร์ซี่คุ้มกันจักรพรรดินีกลับคืนสู่ปารีสพร้อมกับทหารของเขา ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นเอิร์ล

 

เอิร์ลเบอร์ซี่มีอำนาจครองปารีสโดยมีจักรพรรดินีโดวาเจอร์อยู่ข้างกาย ในฐานะผู้นำแห่งฝ่ายสาธารณรัฐ

 

 

และมาตอนนี้

 

ไม่มีผู้ปกครองอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในมือกองทัพจอมมารอีกต่อไป

 

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่ราบ,ฝ่ายเป็นกลาง หรือฝ่ายภูเขา ไม่มีกลุ่มใดสามารถขยับขับเคลื่อนกองทัพทั้งกองทัพด้วยตัวเองได้อีก

สามฝ่ายต่างต่างยันกันเพื่อคอยรักษาสมดุล

 

ฐานอำนาจในโลกมนุษย์โดนกดไว้

 

 

อลิซาเบธร่วงหล่นกลายเป็นคอลซูลของประเทศสาธารณรัฐธรรมดาๆ ขณะที่เฮนริเอตต้าก็อยู่ในช่วงสะสมอำนาจของประเทศขึ้นมาใหม่

 

กองทัพจอมมารสูญเสียบาอัลกับอกาเรส ขณะที่ฝ่ายมนุษย์สูญเสียเฮนริเอตต้า…….

 

ความจริงแล้ว สงครามครั้งนี้มีแต่ความสูญเสียเกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย

ผมพูดได้เต็มปากเลยว่า ผมนี่แหละเป็นบุคคลที่ได้รับประโยชน์สูงสุดในครั้งนี้

 

ผมสามารถทำให้ฐานอำนาจของตัวเองในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยระหว่างจอมมารแต่ละฝ่าย

แถมยังสามารถเจรจากับชาติต่างๆได้ในฐานะขุนนาง ผมจัดเตรียมที่ทางเพื่อให้ผมสามารถมีบทบาทในโลกมนุษย์ได้นับแต่นี้

 

ผมสามารถกลับบ้านแสนรักหลัจากจบสงครามได้อย่างสบายใจเฉิบ ผมรู้สึกสดชื่นเสียจริงจริง

 

จนกระทั่งผมได้รับข่าวแปลกๆ

 

* * *

 

 

“……กองทหารฝ่ายเราทำการปล้นชิงต่างฝั่งใต้ของฟรานเคียรรึ?”

 

“ครับ ดูเหมือนว่า เป็นการกระทำของกลุ่มกองขนาดใหญ่ด้วย”

 

พวกเรากำลังมุ่งกลับบ้านเราหลังจากที่กองทัพสาธารณรัฐบัทตาเวียและจักรวรรดิฮับบวร์กแยกย้ายกันไป แล้วจึงได้รับข่าวประหลาดจากพลส่งข่าว

 

ทหารหลวงฝ่ายเราทำการปล้นชิงทั้งฝ่ายทางใต้ของฟรานเคีย

 

ผมถึงกับอึ้งตะลึง

 

“ไม่น่า ข่าวบ้าๆนั่นมันมาจากไหนกัน? พวกเราไม่เคยย่างเท้าไปเหยียบแถวนั้นด้วยซ้ำ”

 

“แต่ถึงอย่างนั้น ความแค้นของชาวเมืองทางฝั่งใต้เป็นของจริงครับ บางแห่งก็เริ่มเดินขบวนกันแล้ว…….”

 

สีหน้าของคนส่งข่าวดูไม่พอใจนักขณะที่รายงาน

 

สรุปย่อๆก็คือ กองทัพหลวงเกือบพันนายได้ทำการปล้นฆ่าแย่งชิงไปจากหมู่บ้านแถวนั้นมากมาย สิ่งที่พวกเขาทำไม่ต่างจากการฆ่าล้าง พวกนั้นทำการเผาทำลายเหมือนที่พวกเราทำที่หน้าเมืองปารีส

 

ภายในเดือนเดียว

ความเสียหายเกิดขึ้นเกินกว่าจะรับมือได้ มีการร้องทุกข์ส่งมายังพระราชวังของปารีสเพื่อให้เร่งบรรเทา มีการแต่งตั้งคณะเจ้าหน้าที่ให้ลงไปตรวจสอบโดยไม่หยุดหย่อน

 

บาร์บาทอสหันไปมองรอบๆแล้วพูดขึ้น

 

“เฮ้ย สารภาพมา ใครทำวะ ?”

 

“…….”

 

“ใครมันแยกหน่วยออกไป แล้วทำเรื่องไม่จำเป็นแบบนั้นกันวะ? หาาา?”

 

เหล่าจอมมารทั้งหลายต่างมองหน้ากันและกัน มองกันไปมองกันมาอยู่อย่างนั้น

 

แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีคำตอบใด

 

 

 

(TTL : มัวแต่จีบสาวผมแดงเพลินก็งี้ โดนแทงหลังจังๆไปหนึ่งที เลยเห็นไหมมมม ถถถ! ) 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด