Dungeon Defense (WN) 305 เพียงสองคนเท่านั้นบนทวีปนี้ (1)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 305 เพียงสองคนเท่านั้นบนทวีปนี้ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 305 – เพียงสองคนเท่านั้นบนทวีปนี้ (1)

 

 

 

 

“…….”

ผมเช็คหน้าต่างสเตตัสของทุกคนอย่างเงียบๆ

 

กวาดตาไล่อ่านทีละอัน ทุกคนต่างเป็นผู้บริสุทธิ์

 

ไม่ว่าจะเวสซาโก้หรือมาร์บาสทุกคนต่างก็สงสัยในเรื่องนี้ทั้งนั้น

 

แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีใครในกลุ่มนี้ที่ไปทำอะไรชั่วร้ายลับหลัง…….

 

“บาร์บาทอส,ใจเย็นก่อน

ไม่มีข้อยืนยันใดว่า คนร้ายอยู่ในหมู่พวกเรา

และยังมีความเป็นไปได้อีกว่าอาจเป็นฝีมือจอมมารที่ไม่ได้เข้าร่วมรบในครั้งนี้”

 

“อามอนกับวาเลฟอร์รึ……ก็ฟังดูเข้าเค้า

หากจะให้สงสัยพวกเรากันเอง สงสัยพวกนั้นดูจะสมเหตุสมผลกว่า”

 

อารมณ์ของมาร์บาสและไพมอนกลับเป็นปกติหลังจากตึงเคร่ง

 

หากมีคนทรยศขึ้นมา ก็ไม่มีประโยชน์ใดเลยที่จะมาทำการสงสัยกันเองแบบนี้

พวกนั้นเชี่ยวชาญเรื่องการเก็บความลับอยู่แล้ว

 

แต่ความเห็นที่ว่าน่ะ มันไม่เข้าใกล้ความจริงเลย

 

“เหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น”

 

“ดันทาเลี่ยน”

 

มาร์บาสขมวดคิ้ว เหมือนเขากำลังตำหนิผมด้วยสายตาที่ผมโหมกระพือเชื้อไฟทั้งที่เขาเพิ่งดับมันลงได้

 

มาร์บาส อาจระงับสถานการณ์ตอนนี้ลงได้ แต่เมล็ดแห่งความไม่เชื่อใจยังคงอยู่

กองทัพจอมมารของพวกเราเพิ่งก่อร่างสร้างระบบใหม่ขึ้นมา ความลังเลสงสัยไม่เชื่อใจจะกัดกินทำลายถึงราก

 

“ไม่แปลกไปหน่อยหรือ? หากจะบอกว่า จอมมารที่ไม่เข้าร่วมสงครามในครั้งนี้อยู่ๆก็ส่งกองทัพมา การทำแบบนั้นมันเป็นไปเพื่ออะไรกัน”

 

“หรือเป้าหมายของพวกนั้นคือทำลายชื่อเสียงของพวกเรา?”

 

ผมส่ายหัว

 

“หากเป็นเช่นนั้นจริง พวกนั้นก็ต้องใช้ทหารปีศาจ

กองทัพจอมมารนั้นอนุญาตให้ทหารของตนทำการฆ่าล้างปล้นชิงชาวบ้านได้

ดังนั้นสิ่งที่พันธมิตรพวกนั้นพูดก็เป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น……. หากหวังจะทำลายชื่อเสียงพวกเรา ต้องทำแบบนี้ต่างหาก”

 

ผมหันหน้าไปหาคนรายงานข่าว

 

“ผู้รายงาน, จากรายงานที่เจ้าว่ามา ทหารจักรวรรดิเป็นผู้เผาทำลายหมู่บ้าน,ถูกไหม?”

 

“ใช่ครับ ฝ่าบาท ไม่ต้องสงสัยเลยขอรับ”

 

“เห็นไหม? กลุ่มนั้นไม่ใช่พวกกลุ่มปีศาจ”

 

“…….”

 

แววตาของมาร์บาสกลับคร่ำเคร่ง.

“หรือท่านกำลังจะบอกว่า มีผู้ทรยศอยู่ในหมู่พวกเราจริงๆ?”

 

“นั่นก็ไม่ถูกอีกเหมือนกัน 

หากหวังจะทำร้ายทำลายชื่อเสียงของพวกเราจริงสู้ส่งปีศาจออกไปไม่เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพกว่าหรือ

แทนที่จะต้องไปปลอมตัวเป็นทหารฝ่ายมนุษย์น่ะ……?”

 

วิธีการนั้นมันไร้ประสิทธิภาพเกินไป

จอมมารตนนั้นจะไม่ได้ประโยชน์อะไรด้วยซ้ำ หากเผยเปิดตัวคนร้ายแล้วพบว่าเป็นทหารจักรวรรดิ

ผมส่ายหัวไปมา

 

“จึงยากที่จะบอกว่า นี่เป็นการกระทำของจอมมาร”

 

จอมมารตนอื่นเริ่มแตกตื่น

ถึงจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่ก็มีบางคนที่มองไปรอบๆด้วยความไม่เชื่อใจ

 

แต่ถึงอย่างนั้น บรรยากาศก็ดีขึ้นกว่าก่อนหน้า

ทุกอย่างดีขึ้นมากยามที่ได้รู้ว่า ไม่มีคนทรยศในหมู่พวกเรา

 

“ถ้าเช่นนั้นใครกัน……?”

 

“มันต้องเป็นพวกทหารบริททานี่นั่นแน่ๆ พวกนั้นคงฉวยโอกาสระหว่างที่เจรจากับพวกเรา”

 

“พวกนั้นสวมเครื่องแบบทหารจักรวรรดิมิใช่รึ?”

 

จอมมารเริ่มหันหน้ามาคุยกันเอง

ส่วนมากก็แสดงความเห็นกันว่า เฮนริเอตต้านั้นน่าสงสัย มาร์บาสเองก็ลูบหนวดแล้วมองมาทางผม

 

“หากผู้ร้ายมิใช่จอมมารแล้ว หรือท่านกำลังจะบอกว่า มนุษย์อยู่เบื้องหลังการปล้นฆ่าครั้งนี้ล่ะ,ดันทาเลี่ยน?”

 

“ใช่ ข้าแน่ใจเช่นนั้น

แม้จะมีเบาะแสอยู่ไม่มากก็ตาม”

 

อย่างแรก ผู้อยู่เบื้องหลังนั้นมีอำนาจมากพอที่จะบงการบัญชากองทหารหนึ่งพันนาย

ซึ่งเท่านั้นก็ถือว่า สอดคล้องกับทหารของฮับบวร์ก

มีไม่กี่คนหรอกที่สามารถทำแบบนั้นได้

 

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่รู้ว่า กองกำลังของพวกเราจะ ‘ไม่มีวัน’ ไปทางตอนใต้ของฟรานเคีย

พูดอีกอย่างก็คือ พวกนั้นเข้าใจเป้าหมายของกลยุทธฝ่ายเราเป็นอย่างดี

 

ความเข้าใจในเรื่องทางการเมืองและการยุทธศาสตร์การทหารถือว่ายอดเยี่ยม

 

ผมเปิดปากพูด

 

“ทุกคน,ข้าคิดว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือ…….”

 

 

* * *

 

 

“เราจะเลิกให้การช่วยเหลือปารีส”

 

คอนซูลอลิซาเบธกลับมาจากการสอดแนมพื้นที่บริเวณปารีสพร้อมกับเหล่านายพลเธอก็ประกาศแบบนั้นออกมา

 

“กองทัพของบริททานี่ไม่มีหวังชนะแล้ว ผ่านไปสองวันหลังจากพวกเขาถูกปิดล้อม ราชินีเฮนริเอตต้าไม่ยอมละทิ้งเมืองหลวง แล้วปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ สงครามจบแล้ว”

 

“ท่านคะ แต่นี่เพิ่งผ่านไปสองวัน ไม่เร็วไปหน่อยหรือครับที่จะทำนายผลลัพธ์ของสงคราม?”

 

เลขาอันดับหนึ่งของท่านคอลซูน ยูเรียเอียงคอสงสัย

 

“เข้าใจแล้ว แค่สองวันเองอย่างนั้นหรือ……?”

 

อลิซาเบธยิ้มอย่างขื่นขม

 

 

“ผู้นำฝ่ายศัตรูคือ ดันทาเลี่ยน

เขาย่อมตระหนักดีว่า สงครามเป็นเพียงการขยายผลของแผน

ยูเรีย, แผนการเป็นสิ่งที่จะเห็น จะรับรู้ได้ก็เมื่อมันสายเกินไป

มันไม่ใช่ ‘แค่เพียง’ สองวัน แต่มันคือ ‘มันผ่านไป’ ถึงสองวันต่างหาก”

 

อลิซาเบธถอดหมวกออก

ผมสีขาวชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ

 

 

“กองทัพจอมมารจับมนุษย์มาเผา การกระทำดังกล่าวนั้น ไม่ต่างจากการฆ่าล้างเมื่อสี่ปีก่อน

พวกเจ้า คิดว่ามันหมายความว่าอย่างไรกัน?”

 

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่เข้าใจ”

ยูเรียและเหล่านายพลต่างส่ายหัว

 

อลิซาเบธเช็ดผมเผ้าด้วยผ้าขนหนูที่ข้ารับใช้ส่งให้

 

“ปารีสนั้นเป็นดั่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพวกนิยมกษัตริย์

หากกองทหารบริททานี่ละทิ้งเมืองหลวง การฆ่าล้างเกิดขึ้นทั่วทั้งปารีส

เจ้าคิดว่า ผู้คนจะตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างไร?”

 

“……!”

 

“ผู้ปกครองที่หนีไปทันทีที่รู้ว่า ประชาชนตัวเองกำลังโดนฆ่า

ยัยนั่นก็ย่อมต้องเป็นทรราชย์ผู้รักหวงแหนชีวิตตัวมากกว่าชีวิตผู้คน

เธอย่อมต้องถูกวิพากย์วิจารณ์อย่างนั้น 

เหล่าผู้นิยมกษัตริย์จากชาติทั้งหลายจะรุมประณามเฮนริเอตต้า”

 

อลิซาเบธที่ดูอ่อนล้าทิ้งร่างลงบนเก้าอี้

 

“มันจะไม่เป็นอะไรเลย หากเธอหนีออกมาก่อนเกิดการฆ่าล้างขึ้น

มันจะกลายเป็นสิ่งที่ยอมรับกันได้ หากออกมาก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน แต่นี่ผ่านไปสองวันแล้ว ชีวิตทางการเมืองของเฮนริเอตต้าจบสิ้นแล้ว”

 

“ไม่มีทางน่า…….” 

 

น้ำเสียงของยูเรียเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ

ราชินีเฮนริเอตต้าที่ใกล้เคียงกับสุดยอดผู้ปกครองทวีปที่สุดแล้ว

ยากเหลือเกินที่จะเชื่อว่า บุคคลแบบนั้นโดนโค่นล้มได้โดยง่าย

 

“แค่สองวันเอง…….”

 

“หากเป็นดันทาเลี่ยน ย่อมเป็นไปได้อยู่แล้ว”

 

อลิซาเบธบ่นราวกับว่า ก็เห็นๆกันอยู่

 

“ราบคาบและหมดจด 

เฮนริเอตต้าเป็นศัตรูกับบุคคลที่ไม่ควรเป็นศัตรูด้วยอย่างที่สุดแล้ว”

 

“…….”

 

ูยูเรียได้แต่มีคำถามในใจ นักวางแผนคนหนึ่งทำให้ประเทศชาติหนึ่งล่มจมลงได้โดยง่ายได้อย่างไรกัน? 

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนั้นกลับรู้แผนการนั้นได้ในทันทีได้อย่างไร?

 

‘มีเพียงสองคนบนทวีปนี้ที่รู้ว่า สงครามนี้กำลังจะจบลง’

ยูเรียถึงกับหนาววาบไปถึงไขสันหลัง

ครั้งหนึ่ง คอลซูล อลิซาเบธเคยเรียกดันทาเลี่ยนว่าเป็น ‘นักวางแผนผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีป’ แต่นั่นใช่สิ่งที่ทำให้ท่านคอนซูลอ่านแผนของนักวางแผนคนนั้นออกได้จริงๆหรือ?

คนแบบเดียวกันย่อมต้องอ่านกันเองออก

อลิซาเบธและดันทาเลี่ยนต่างเป็นคนจำพวกเดียวกันอย่างแน่แท้

 

ยูเรียกลับสัมผัสได้ถึงน้ำลายในปากตอนยามที่อ้าปากถาม

(TTL : สายสัมพันธ์ระหว่างไอด้อล กับ โอชิ ยังไงล่ะ!) 

 

 

“แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไป? หากไม่อาจช่วยพวกเขาได้ ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ต้องถอยอย่างเดียว”

 

“ไม่เลย ยังพอมีสิ่งที่เราทำได้”

 

อลิซาเบธหลับตาลง

เว้นช่วงไปสักพักก่อนจะเอ่ยขึ้น

 

“พวกเราจะทำเลียนแบบศัตรู”

 

 

* * *

 

“สาธารณรัฐฮับบวร์กนั้นถือกำเนิดมาจากจักรวรรดิฮับบวร์ก

ดังนั้นการที่จะจัดหาเครื่องแบบจักรวรรดิพร้อมธงป้ายให้มาอยู่ในมือนั้นเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมาก  สิ่งที่น่าสนใจจริงๆคือ—”

 

รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากผม

 

“จากที่ผู้ส่งข่าวรายงาน เกิดการฆ่าล้างกันขึ้นหนึ่งเดือนที่ทางตอนใต้ของฟรานเคีย

เข้าใจหรือไม่ว่า สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? 

มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆก็สิบกว่าวันที่จะเตรียมการเครื่องแบบและธงป้าย ให้กับทหารนับพันนาย หรือต่อให้ใช้วิธีการเทเลพอร์ทได้ ก็ต้องใช้เวลาถึงสิบวันอยู่ดี…….”

 

พวกเราล้อมกรอบปารีสเป็นเวลาสิบวัน

แถมยังต้องใช้เวลาเพิ่มเกินกว่าหนึ่งเดือนในการรอรับทูตยอมจำนนมาจาก เลอ ฮาวี่

 

“สรุปง่ายๆว่า ท่านคอนซูลรู้แผนการของพวกเราตั้งแต่ตอนที่พวกเราปิดล้อมปารีสแล้ว เป็นยังไง เธอเก่งกาจไปเลยใช่ไหม? 

เธออ่านแผนของพวกเราออกในชั่วพริบตาเลยล่ะ”

 

เธอจึงปลอมทหารของตัวเองให้เป็นทหารจักรวรรดิ แล้วทำการกวาดล้างทางตอนใต้ของฟรานเคีย

 

เหล่าทหารที่คุ้นเคยกับภาษาชาวฮับบวร์กและยังสวมเครื่องแบบ มีป้ายมีธงของฮับบวร์กมาอีก

พวกนั้นทำตัวเสมือนจักรวรรดิฮับบวร์กเป็นผู้รุกรานเองเลยล่ะ

ไม่ว่าใครก็ย่อมต้องคิดอยู่แล้วว่า นี่เป็นฝีมือของทหารฝ่ายจักรวรรดิ

 

 

“พวกนั้นได้ทำการเลียนแบบการฆ่าล้างเช่นเดียวกันกับที่เราได้ทำไปในปารีส  จะเรียกว่าสิ่งที่เธอทำนั้นแนบเนียนดีไหม? 

 

สมแล้วที่เป็นคอนซูลแห่งฮับบวร์ก…….”

 

“แล้วทำไมสาธารณรัฐฮับบวร์กจึงต้องทำเช่นนั้น?”

 

มาร์บาสถามด้วยความสงสัย

 

“ก็เรื่องนี้มันเกี่ยวกับฟรานเคีย ไม่ใช่พวกเขา”

 

ผมยิ้มฝืนๆ

 

มันย่อมต้องเกี่ยวกับพวกเขาอยู่แล้ว

คอลซูลแห่งฮับบวร์กมีหูมีตาอยู่ทั่วทั้งทวีป แต่ถึงผมจะอธิบายให้พวกจอมมารฟังไปก็ไม่เข้าใจอยู่ดี

 

 

“พวกนั้นมีเป้าหมายหลายอย่าง

อย่างแรก,ทำลายชื่อเสียงพวกเรา พวกเราจะไปปล้นชิงได้ยากขึ้นเวลาเดินทัพไปไหม ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เราสร้างภาพให้สาธารณเข้าใจอย่งนั้น

สุดท้ายการทำแบบนั้นจะกลายเป็นปัญหาเสียเอง”

 

ต่อให้พวกเราเดินทัพไปทั่วทั้งภาคเหนือของฟรานเคีย เราก็จะได้รับแต่ภาษีคุ้มครอง 10% 

ซึ่งนั่นมันทำให้ทุกอย่างเป็นหมันไปหมด

 

“อย่างที่สอง กลุ่มต่อต้านสาธารณรัฐนิยม จะเกิดการสร้างกลุ่มใหม่ขึ้นในฟรานเคียอีกครั้ง”

 

อลิซาเบธฆ่าล้างผู้คนมากมายในทางใต้ด้วยข้ออ้างอันชอบธรรมที่ว่า ‘ให้พวกนั้นชดใช้ความผิดในการฆ่าล้างเมื่อสี่ปีก่อน’ 

แล้วคิดว่า เมืองทางใต้จะทำการโต้ตอบอย่างไรกับเรื่องนี้?

 

“เมืองพวกนั้นก็จะว่าเราน่ะสิ พวกนั้นก็จะแจ้งข่าวไปบอก จักรรดินีโดวาเจอร์ถึงหายนะที่เกิดขึ้นกับพวกเขา แล้วก็ขอให้พระนางประณามเรา

แม้เราจะปฏิเสธการฆ่าล้างนั้นก็ตาม”

 

พวกเราไม่ได้ทำ พวกเราจึงไม่ขอโทษ

 

ไม่มีทางหรอกที่ชาวเมืองจะพอใจกับคำตอบ และคำชี้แจงจากทางการแบบนั้น

 

“……ต่อให้พวกเราไม่ได้เป็นผู้ลงมือกระทำจริงๆ แต่ฟังแล้วก็ดูเหมือนแก้ตัวข้างๆคูๆอยู่ดี”

 

“ใช่ ถูกต้องเลย”

 

“เป็นการประณามกันที่ไม่สมเหตุสมผลจริงๆ”

มาร์บาสถึงกับอึ้ง

 

“แล้วหากพวกเราเปิดเผยว่า คอนซูลเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง?”

 

“โชคไม่ดีนะ ที่พวกเราไม่มีหลักฐานยืนยันเรื่องนั้น”

 

ที่เราพูดถึงกันอยู่คือ อลิซาเบธ คนนั้นเชียวนะฃ

ไม่มีทางที่เธอจะเหลือหลักฐานทิ้งไว้ให้สาวตัวถึงหรอก 

ไม่สิ  เธอน่าจะฆ่าล้างไปพร้อมกับทำลายหลักฐานไปด้วยนั่นแหละ เห็นๆกันอยู่

 

 

“แล้วหากเราบอกว่า มันเป็นการโจมตีทางการเมือง……?”

 

“นั่นก็ยากเหมือนกัน มันเป็นเรื่องจริงที่พวกเราทำการฆ่าล้างผู้คนรอบเขตปารีส

ส่วนสาธารณรัฐฮับบวร์กก็เป็นชาติที่ไม่เคยทำอะไรเช่นนั้นกับประเทศใดเลย 

 

แล้วหากเอาสองชาติมาเทียบกันแล้ว คิดว่า ผู้คนจะสงสัยฝ่ายไหนมากกว่ากันล่ะ?”

 

“อืมมมม”

 

มาร์บาสครางอือออกมา เขาคงขัดใจน่าดู

 

พวกเราจะประกาศตัวคนลงมือก็ไม่ได้ จะยอมรับก็ยากอีก

 

แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกพึงพอใจเหลือเกิน หัวใจผมเต้นระรัวราวกับเด็กหนุ่มเด็กสาวที่เจอกับรักแรกพบ

 

อลิซาเบธเห็นแผนการในขณะที่เฮนริเอตต้าคิดไม่ถึง และเธอยังสามารถตอบสนองต่อแผนการด้วยการลงมือฆ่าล้างได้ในทันที…….

 

ทั้งเรื่อง การลงมือและการลวงหลอกนี่ เฮนริเอตต้าเทียบอลิซาเบธไม่ติดเลยจริ งๆ

 

 

 

“เราส่งสปายไปที่สาธารัฐฮับบวร์กเถอะ 

คอยสังเกตดูท่าทีของฝ่ายนั้น มีความเป็นไปได้มากว่า คอนซูลอาจจะใช้งานพวกทหารชายแดน หากเราพิสูจน์ได้ว่า ทหารชายแดนหายไปจริงๆก็สามารถเปิดโปงความผิดของพวกนั้นได้โดยง่าย”

 

“อืมมม”

 

ถึงผมจะพูดแบบนั้นไปก็ไม่เชื่อว่า เรื่องมันจะง่ายดายแบบนั้น

เป็นไปได้สูงมากว่า อลิซาเบธจะปกปิดตัวตนของทหารเธอหลายชั้น

 

แม้แต่ชาวเมืองในประเทศเองอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ทหารในประเทศตนนั้นเคลื่อนทัพ

ผมค่อนข้างแน่ใจเลยว่า อลิซาเบธถนัดเรื่องนี้ยิ่งกว่าใคร

มาร์บาสไขว้นิ้วด้วยกัน

 

“ดันทาเลี่ยน,ความเห็นของท่านตั้งอยู่ความคิดที่ว่า คอนซูลผู้นั้นเข้าใจถึงเป้าหมายของพวกเราได้ในทันที 

ข้าสงสัยว่า สิ่งนั้นเป็นไปได้จริงน่ะหรือ”

 

“เป็นไปได้จริงครับ”

 

ผมยิ้มออกมา

 

“หากคนผู้นั้นเป็น อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์ก”

 

 

(TTL : ไม่แปลกถ้าคนๆนั้นแฟนพันธุ์แท้พรี่ดัน) 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด