Dungeon Defense (WN) 306 เพียงสองคนเท่านั้นบนทวีปนี้ (2)
บทที่ 306 – เพียงสองคนเท่านั้นบนทวีปนี้ (2)
ผลพวงจากเหตุการณ์การฆ่าล้างครั้งนั้นคลี่คลายโดยง่าย หากพูดให้ชัดๆ ผมแก้ปัญหามันได้โดยง่าย
สิ่งที่อลิซาเบธเล็งไว้ก็คือ การที่ฝ่ายเราไม่สามารถประกาศออกไปได้ว่า ไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง
แต่จะว่าก็ว่าเถอะนะ อลิซาเบธ เธอละเลยความจริงเรื่องนึงที่ว่า ไม่ว่าจะเป็นวิธีการแบบไหน จะตรงจะโค้ง จะซึ่งหน้าจะโกง ผมก็ทำได้ทั้งนั้น
ผมเลือกหัวหน้าหน่วยคนหนึ่งจากฝ่ายกองทัพมนุษย์ที่เข้าร่วมกับพวกเราในครั้งนี้ด้วย
เมื่อมีคำสั่งจากผู้บังคับการระดับสูงกว่า หัวหน้าหน่วยรีบมาด้วยความกระวนกระวายใจ
ผมพูดตรงๆโดยไม่อ้อมค้อมกับเขา
“กองทหารของพวกเราตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก พวกนายรู้ไหมว่าทำไม?”
“ขะ-ขออภับครับ เราไม่ทราบเลย”
ชายผู้อยู่ตรงหน้าผมคงมียศที่ไม่สูงมาก
จึงไม่ทราบเรื่องการฆ่าล้างดังกล่าวเลย
“มีทหารไม่ทราบฝ่ายปลอมตัวเป็นพวกเราแล้วไปฆ่าล้างผู้คนทางตอนใต้ของฟรานเคีย
พวกนั้นกระทำการอย่างเหี้ยมโหด เหล่าผู้ปกครองแดนข้างเคียงต่างโกรธพวกเราเป็นอย่างมาก
พวกเราต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเราต้องรับผิดชอบต่อการกระทำนี้”
“ทราบแล้วครับ…….”
หัวหน้าหน่วยพยักหน้าแบบงงๆ ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจว่า ผมกำลังจะสื่ออะไรอยู่
“ปัญหาก็คือ หากพวกเราจะรับผิดชอบเรื่องนั้น ก็ไม่มีใครสามารถทำได้
เนื่องจากพวกเราไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม หากเราทำเมินเฉยไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป ทางนั้นก็ย่อมต้องประณามหนักขึ้น เจ้าเข้าใจใช่ไหม?”
“คะ-ครับ ค่อนข้างเข้าใจครับ”
“พวกเราที่ได้สร้างความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับฟรานเคียได้แล้ว
ย่อมต้องเป็นเรื่องแย่ที่จะปล่อยให้ความสัมพันธ์เลวร้ายขึ้นมาตั้งแต่เริ่ม
ดังนั้นแล้วเราต้องมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองบ้าง…….”
หัวหน้าหน่วยขมวดคิ้วย่น
ผมปรบมือขณะพูดออกไป
“สรุปแล้วก็คือ เราต้องแสดงเจตนาที่จะรับผิดชอบเรื่องนี้ โดยไม่สำคัญว่า เราจะได้ทำหรือไม่ก็ตาม
รัฐบาลกลางของปารีสแค่อยากให้พวกเราทำเรื่องนี้ให้มันถูกต้องเหมาะสมเท่านั้น”
“…….”
“นายน่ะ ได้ยินว่า มีครอบครัวอยู่นี่”
หัวหน้าหน่วยทำตาปริบๆ
“อะไรนะครับ?”
“อย่าห่วงเรื่องพ่อแม่ หรือลูกหลานก็แล้วกัน พวกเราจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี”
พอผมหันไปมองสตริ เธอก็ชักดาบออกมา
ทีแรกหัวหน้าหน่วยต่างงุนงงสงสัย แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ และก็เริ่มคุกเข่าร้องขอชีวิต
“ทะ-ท่านครับ, ผมไม่ได้ทำผิดพลาดอะไรเลย!”
“ใช่ ข้ารู้ดี เจ้ามิใช่ผู้กระทำผิด”
สิตริเดินเข้าไปหาหัวหน้าหน่วยอย่างกระฉับกระเฉง
“ข้านี่แหละเป็นคนผิด ไม่ใช่เจ้า”
คมดาบฟันคอหัวหน้าหน่วยขณะที่เขากรีดร้องออกมา เลือดสาดกระจายทั่วพื้น นั่นเป็นชั่วขณะเกิดแพะรับบาปตัวแรกขึ้นมา
ในวันเดียวกันนั้นหัวหน้าหน่วยคนอื่นๆ ก็ถูกสังหาร
หน่วยทหารม้าที่มีทหารราว 87 นาย ผมก็อธิบายแบบเดียวกันกับที่อธิบายกับหัวหน้าของพวกเขานั่นแหละ
ทีแรกพวกเขาก็งุนงงสงสัยไม่ต่างจากตัวหัวหน้า แต่พอเข้าใจสถานการณ์ไปพร้อมกันแล้ว…
“วะ-ไว้ชีวิตข้าเถอะ!”
“ข้ายินดีจ่าย…….จ่ายเท่าไหร่ก็ได้ ขอเพียงไว้ชีวิตข้า……!”
“ทำไมพวกเราต้องตายด้วย!?”
ในเมื่อผมชักจูงพวกเขาไม่ได้ ผมจึงต้องออกคำสั่ง
ผมสั่งการให้ฆ่าอย่างเดียว ไม่ต้องจับเผา
เป้าหมายครั้งนี้ของผมคือ ฆ่าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ไม่ถึงสามสิบนาที ผมก็ได้หัวทั้ง 87 หัว
พวกเราโรยเกลือลงบนหัวเหล่นั้นก่อนจะส่งไปยังปารีส
พวกเราได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการกระทำอันหยามหมิ่นต่อดินแดนทางใต้ของฟรานเคีย
ภายหลังการสืบสวนแล้ว เราพบ ผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังการปล้นชิงอันน่าละอายนั่น
พวกมันบิดเบือนคำสั่งที่ได้รับการบัญชาการจากหัวหน้าอย่างชาญฉลาด และแยกหน่วยทัพออกมา
พวกมันออกปล้นฆ่าโดยพลการ…….
พวกเราไม่ได้สั่ง แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ได้
คนก่อเหตุบางส่วนก็ถูกจับ บางส่วนก็ยังรอดไปได้ แต่พวกเราส่งพวกที่โดนจับได้ไปให้กับปารีสแล้ว
เราเลือกที่จะอธิบายแบบนั้น
พวกเราแจกจ่ายสินค้าที่ชิงมาจากกองทหารบริททานี่ให้กับเหล่าผู้ปกครองทางใต้
พวกนั้นต่างหุบปากเงียบหลังได้รับสินบนก้อนใหญ่ไป
เราจึงยังสามารถรักษาความสัมพันธ์ดีๆกับรัฐบาลฟรานเคียใหม่ต่อไปได้
เลือดย่อมข้นกว่น้ำ
แต่สิ่งที่ผมเข้าใจจริงๆ คือสิ่งนี้ต่างหาก: น้ำไม่อาจล้างเลือดได้ หากแต่เลือดเท่านั้นที่ล้างเลือด…….
อลิซาเบธช่างเก่งนัก เธอจัดฉากให้พวกเราเป็นคนลงมือฆ่าล้างเพื่อให้เกิดความแตกแยกทางการเมืองในฝ่าย
นั่นเป็นแผนการที่ต่อให้เป็นคนเก่งไม่มีทางคิดออก
แถมอลิซาเบธยังเป็นคนเดียวที่ได้รับผลประโยชน์จากการกระทำดังกล่าวด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ อลิซาเบธสมควรเรียนรู้ผ่านเหตุการณ์นี้เลยว่า ผมไม่ลังเลที่จะทำการเซ่นสังเวย
หากเธอใช้แผนมา ผมก็ใช้แผนกลับ
ที่เธอตั้งใจกระทำการฆ่าล้างแบบนั้นก็เพราะผมเคยทำมาก่อนครั้งหนึ่งน่ะหรือ?
ก็ได้ ถ้าอย่างนั้น ผมก็แค่ฆ่าล้างอีกครั้ง เราเอาเลือดมาล้างเลือดกันดีกว่า
เรามาสร้างดินแดนที่เต็มไปด้วยการเอาเลือดมาล้างเลือด
มันจะเป็นดินแดนที่ดำเนินการล้างเลือดไปไม่สิ้นสุดจนกว่าฝ่ายหนึ่งจะยอมแพ้
หากอยากจะเต้นรำกับผม เธอก็ควรที่จะแสดงความกล้าในการเต้นจังหวะวอลท์ในดินแดนแห่งนี้ด้วยนะ,อลิซาเบธ
คราวนี้เป็นโอกาสดีที่เธอจะได้รู้ว่า ผมน่ะไม่ใช่คนเรื่องมากอะไรนักหรอก
* * *
วันนี้ ณ ออฟฟิศที่ทำการของคอนซูลยังคงหดหู่
เลขาของกระทรวงการต่างประเทศ,ไฮเดลเบิร์ก ถอนใจขณะที่เข้าออฟฟิศ อีกฝั่งหนึ่งของห้อง อลิซาเบธนั่งจ้องมองหน้าต่างด้วยแววตาที่ว่างเปล่า
“ท่านครับ, นี่ครับเอกสาร”
“…….”
ไม่มีเสียงตอบกลับมา ท่านคอลซูลนั้นนับตั้งแต่กลับมาหลังเดินทัพอย่างลับๆเมื่อเดือนก่อน เธอก็แทบไม่พูดไม่จา
อลิซาเบธยังคงมงออกไปนอกหน้าต่างราวกับไม่ได้ยินอะไร
แหมะ แหมะ แหมะ
เสียงสายฝนตกกระทบหน้าต่างดังเข้ามาในห้อง
เธอเฝ้ามองหยดน้ำที่ไหลลงเป็นหยด เป็นสายผ่านหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย
ดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความว่างเปล่า และความเศร้า
ราวกับเธอกำลังจะจางหายไปคล้ายภาพลวงตา
‘เป็นภาพที่ไม่น่าดูจริงๆ’
ไฮเดลเบิร์กส่ายหัว ก่อนจะเร่งเสียง
“ท่านคอลซูลครับ”
“……หือ? อ้อ เจ้านั่นเอง , เลขาของฝ่ายกระทรวงการต่างประเทศ”
ในที่สุดอลิซาเบธก็หันหน้ามา
“โทษทีนะ ข้าไม่ค่อยได้ยิน”
“ผู้น้อยเป็นห่วงเหลือเกินว่า ท่านคอนซูลจะแก่เกินวัยมากเกินไป”
“ช่างเป็นถ้อยคำที่หยาบคายต่อสาวน้อยอย่างข้าเสียจริง”
อลิซาเบธยิ้มออกมาน้อยๆ
แต่จากมุมมองของไฮเดลเบิร์กเขากลับพบว่า แม้แต่รอยยิ้มเองก็ยังดูฝืน
“ท่านครับ, ข้ารับใช้ทุกคนของท่านต่างเป็นห่วงท่านมาก”
“…….”
“แม้จะมีน้อยคนนักที่รู้ว่า นายท่านน่ะรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ฟรานเคีย”
ไฮเดลเบิร์กเป็นหนึ่งในน้อยคนที่รู้ภารกิจลับของอลิซาเบธ
ท่านคอลซูลได้ทำการฆ่าล้างผู้คนที่ฟรานเคียขนานใหญ่
ไฮเดลเบิร์กคาดเดาว่า นั่นน่าจะเป็นสาเหตุเบื้องหลังที่ทำให้นางซึมเซาเช่นนี้
“แต่ถึงอย่างนั้น นายท่านก็เป็นคอลซูลแห่งสาธารณรัฐ เป็นหน้าเป็นตาของชาติ
ผู้น้อยไม่บังอาจที่จะบอกให้ท่านทำอย่างไร, แต่ว่า…….”
“ข้าเนี่ยนะ เป็นหน้าเป็นตาของชาติ?”
อลิซาเบธพูดออกมาขณะเหม่อลอย
“วูลฟ์เฟรม , รักษาการณ์แห่งฮับบวร์กได้ส่งจดหมายลับมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว”
“ว่าอย่างไรนะครับ?”
“มีเพียงถ้อยคำเดียวที่เขียนไว้ในจดหมาย …… คำว่า โลก”
โลก
ไฮเดลเบิรืกขมวดคิ้วมุ่ย
เป็นอะไรที่แปลกเสียจริงที่ รักษาการณ์แทนของประเทศจะส่งจดหมายลับ แถมเนื้อหาในจดหมายก็ดูเพี้ยนๆด้วย
“ท่านครับ หรือสิ่งนั้นจะเป็นรหัสลับกันครับ?”
“มันไม่ใช่รหัสลับ
พวกเขารู้อยู่แล้วว่า ผู้อยู่เบื้องหลังการฆ่าล้างชาวเมืองทางใต้ของฟรานเคียคือข้า ”
“…….”
หน้าผากของไฮเดลเบิร์กกลับยับย่น
ผู้นำระดับสูงของสาธารณรัฐต่างอุทิศตัวเองในปฏิบัติการณ์การกวาดล้างในครั้งนั้น
กองทหารที่มีเพียง หนึ่งพันหนึ่งร้อยนาย แต่เคลื่อนทัพอย่างลับๆในทันทีไม่ใช่เรื่องง่าย
ถึงอย่างนั้นเขาก็มั่นใจว่า จะไม่มีทางถูกใครจับได้
ต่อให้เป็นผู้คนในประเทศเองหรือแม้แต่สมาชิกสภาก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
แล้วตัวแทนรักษาการณ์จะรู้ความจริงเรื่องนั้นได้อย่างไร?
“ย่อมต้องเป็นดันทาเลี่ยนอยู่แล้ว หากพวกเรายอมเสี่ยงจ้างทหารปีศาจมา
หากเราทำเช่นนั้น ดันทาเลี่ยนอาจยังไม่แน่ใจว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเป็นข้าหรือจอมมารอื่น”
“…….”
“มันเป็นความผิดของข้าเอง
มันคงดีกว่านี้หากจ้างใช้ทหารรับจ้างคนแคระ แล้วค่อยสั่งเก็บพวกนั้นทีหลัง
แต่……ข้าไม่แน่ใจว่า พวกปีศาจนั่นจะไว้ใจได้
นั่นจึงเป็นความผิดของข้า…….”
อลิซาเบธพูดคนเดียวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ดันทาเลี่ยนยั่วยุข้า
‘ดูนี่สิ, นี่ไง โลกที่เธอต้องการ
การได้เล่นกับมันทำให้รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?’.
นั่นคือสิ่งที่เขาถามข้า ”
“…….”
“มันช่างน่าหดหู่”
อลิซาเบธทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ฝนยังคงตกอยู่
“ในอดีต ข้าเชื่อว่า การพิชิตโลกใบนี้นั้นเป็นพันธกิจของผู้ที่เหนือกว่า ข้าไม่เคยสงสัยเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย
แต่ยามที่ต้องตกอยู่ในสภาวะอันแสนสิ้นหวังระหว่างทาง ข้าถึงได้รู้แล้วว่า ตัวโลกใบนี้มันงดงามอยู่แล้ว
ข้าเพิ่งมาตระหนักรู้ถึงเรื่องนั้นยามที่โลกสูญสิ้นความงาม”
“……ท่านครับ”
“เธอลวงหลอกและเย้ยหยันผู้คนทั้งทวีป
เธอนองเลือดเพื่อเป้าหมายทางการเมืองของตัวเอง
สิ่งเดียวที่เหลืออยู่มีเพียงการลวงหลอกและแผนชั่ว”
รอยยิ้มจางๆโผล่ที่ริมฝีปากบางของอลิซาเบธ มันเป็นรอยยิ้มเย้ยยันตนเองของเธอ
“ข้าควรจะตระหนักรู้เรื่องนั้นตั้งแต่ที่ข้าฆ่าโรเบิร์ตแล้ว
นี่ข้าช่างโง่งมอะไรเช่นนี้……?
พี่ข้า,รูดอล์ฟสังหารพี่สาวของข้าเพื่ออำนาจ ข้าก็เช่นกัน
แล้วแบบนี้ ตัวข้ากับพี่ข้าถือว่าต่างกันตรงไหน?
ข้าอยู่มาจนถึงบัดนี้เพื่ออะไรกัน……?”
ไฮเดลเบิร์กไม่กล้าเปิดปากพูด
เขาไม่คิดว่า สิ่งที่ท่านคอลซูลทำนั้นผิด
มันย่อมเป็นธรรมดาที่ต้องมีการเสียสละเพื่อให้เป้าหมายของคนผู้หนึ่งประสบผลสำเร็จ
หน้าที่ของนักปกครองคือ ต้องจดจำการเสียสละเหล่านั้นไว้ให้จงดี
นั่นคือสิ่งที่เขาเชื่อ แล้วมันผิดตรงไหนกัน?
“นายท่านครับ, พวกเราบากบั่นสร้างประเทศชาติที่ดีขึ้นมาได้ก็ด้วยเหตุนั้น
นั่นเป็นการแสดงความเคารพที่เราแสดงออกมาให้ผู้อยู่ในหลุมที่เสียสละตนได้รับทราบ”
“……ชาติไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับคนตาย
แม้เราจะประสบความรุ่งโรจน์แลสันติภาพ แล้วมันจะมีประโยชน์ใดต่อผู้ล่วงลับไปแล้ว?
เจ้าก็แค่หาข้ออ้างเพื่อปลอบโยนตัวเอง”
อลิซาเบธถอนใจอย่างอ่อนแรง
“นั่นคือ โลกใบที่ดันทาเลี่ยนกำลังจับจ้องมองอยู่
มันทั้งหม่นหมองหดหู่เป็นโลกใบสีเทา
ไม่มีทั้งความโรแมนซ์ หรืออุดมคติใดทั้งนั้น
มีแต่การหยามหยันและการแก้แค้นลอยเวียนไปทั่วราวกับเป็นผีสาง
ทวีปนี้มิได้เป็นอย่างอื่นเลยนอกไปจากสุสานขนาดใหญ่ หรืองานศพสำหรับดันทาเลี่ยน”
“…….”
ไฮเดลเบิร์กไม่เข้าใจเรื่องนั้นนัก; แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี คำพูดของเขาไม่มีทางไปถึงท่านคอลซูล
“แต่ถึงอย่างนั้น ยังมีสิ่งหนึ่งที่ข้าไม่อาจละทิ้ง เจ้าอาจจะเรียกมันว่า การลวงหลอกก็ได้
หากนั่นหมายถึงการที่ข้าสามารถนำชาติไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง ข้าก็ไม่สนหรอกหากจะกลายเป็นผู้ลวงหลอกไปอีกคน…….”
อลิซาเบธหันหน้ากลับมาหาไฮเดลเบิร์ก จิตวิญญาณที่สูงส่งเลือนหายไปจากดวงตาสีทองคู่งามของเธอ
สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือ แววตาที่ดุดันและมืดหม่น
“เลขาแห่งกระทรวงการต่างประเทศ”
“ครับ,ท่าน”
“พยายามติดต่อกับพวกเมืองอิสระทางใต้ของฟรานเคีย
หากเมืองอิสระทางเหนือสามารถร่วมมือได้ ก็ไม่มีเหตุผลใดที่มันจะไม่เกิดขึ้นกับเมืองทางต้
หากรักษาการณ์ฝ่ายนั้นเลือกจะยึดเอาฟากเหนือ สาธารณรัฐของเราก็ต้องมีอิทธิพลเหนือทางฟากใต้”
ไฮเดลเบิร์กโค้งให้กับเจ้านายผู้เป็นที่เคารพ
“รับทราบครับ พวกเราจะติดต่อกับพวกเขาในทันที”
“……รักษาการณ์ของฝ่ายปกครองด้วยระบอบจักรพรรดิ กลับช่วยเหลือพวกสาธารณรัฐทางเหนือ
ในขณะที่ชาติสาธารณรัฐฝ่ายเรากลับให้การสนับสนุนผู้นิยมกษัตริย์ทางใต้
มันเป็นหายนะเกินกว่าที่จะเรียกว่า เป็นเรื่องตลก”
รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปากของอลิซาเบธ
“เอาอย่างนั้นก็ได้
หากเป็นโลกใบนี้
หากจะสร้างดินแดนพิพากษาใต้ผืนฟ้านี้ ก็สมควรที่จะมีพื้นที่ว่างมากพอให้คนสองคนเต้นรำ
ข้าจะร่วมเล่นตามที่เจ้าต้องการเอง…….”
เสียงอลิซาเบธจางหายไปในออฟฟิศขณะที่เต็มไปด้วยเสียงของสายฝน
Comments