Dungeon Defense (WN) 308 เพียงสองคนเท่านั้นบนทวีปนี้ (4)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 308 เพียงสองคนเท่านั้นบนทวีปนี้ (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 308 – เพียงสองคนเท่านั้นบนทวีปนี้ (4)

 

 

* * *

 

 

เอิร์ลเบอร์ซี่ตั้งใจทำงานแต่เช้า

 

ยศของเขาเลื่อนขึ้นจากบารอนกลายเป็นเอิร์ล

แถมเขายังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการของจักรวรรดิ

 

ตำแหน่งที่ปรึกษานั้นอยู่รองลงมาจากจักรพรรดิและนายกรัฐมนตรี ดังนั้นถือว่า เขาได้รับแจ็คพอตใหญ่ในทันที

 

ยิ่งไปกว่านั้น ฟรานเคียในตอนนี้ไม่มีทั้งจักรพรรดิและตัวนายกรัฐมนตรี หลังจากที่จักรพรรดิเฮนรี่สิ้นพระชนม์ลง

แต่เดิมเฮนริเอตต้าถือครองตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีชั่วคราว แต่เธอก็ไม่อยู่ที่ฟรานเคียแล้วเช่นกัน

 

จักรพรรดินีโดวาเจอร์ถึงยังอยู่ก็จริงแต่เธอนั้นเป็นเพียงหุ่นไล่กาที่มีค่าเพียงเชิงสัญลักษณ์ทั้งยังแก่มากแล้ว

 

ไม่ว่าใครต่างก็เห็นว่า ตอนนี้เอิร์ลเบอร์ซี่ต่างก็เห็นตรงกันว่า เขาเป็นผู้นำของภาครัฐด้วยกันทั้งนั้น

 

การเลื่อนตำแหน่งจากบารอนธรรมดาๆขึ้นมาเป็นหนึ่งผู้ที่รับผิดชอบบริหารจัดการฟรานเคียทั้งประเทศ

……. หากจะบอกว่า เป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูลของเขาก็ว่าได้

แต่ถึงอย่างไรก็ดี เอิร์ลเบอร์ซี่ก็มิได้ดีอกดีใจกับเรื่องนั้น

 

“จักรพรรดิมาอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง……?”

 

เอิร์ลเบอร์ซี่กำลังกุมหน้าผากขณะที่เปิดอ่านเอกสารมากมาย

 

สภาพของฟรานเคียที่ชี้แจงในเอกสารนั้นบ่งบอกถึง สภาพของประเทศที่ย่ำแย่

ทั้งการเงิน,การบังคับใช้กฏหมาย และทางการทหารเองก็ปั่นป่วนเละเทะไปหมด

 

 

เลวร้าย อย่างมาก

 

สองคำนี้โผล่ขึ้นในหัวสมองของเอิร์ล

 

“แบบนี้ไปต่อไปไม่ไหวแน่”

เอิร์ลเบอร์ซี่วางเอกสารในมือลง

 

เขารู้สึกเลยว่า หากยังอ่านเอกสารต่อไป หัวของเขาต้องระเบิดออกมาแน่ๆ

นี่มันกี่วันแล้วนะ ที่เขานอนเพียงแค่สามชั่วโมงต่อวันติดต่อกัน? 

ห้าหรือ ไม่สิ หกวัน……. เอิร์ลเบอร์ซี่พอเห็นว่า มันเกินครึ่งเดือนก็เลิกนับ

 

“นี่ข้ากำลังทำอะไรอยู่?”

 

ท่านเอิร์ลกำลังเหยียดหยันตน ดูเหมือนเขากำลังจะสติแตก…….

 

เอิร์ลเบอร์ซี่ทิ้งแผ่นหลังตัวเองให้มันจมลงไปกับพนักเก้าอี้ที่เต็มไปด้วยความอ่อนล้า

 

พักสักหน่อยดีกว่า เขาคิดแบบนั้นก่อนจะหลับตาลง

 

ผ่านไปนานเท่าไหร่กันแล้วนะ? 

คนต้อนรับนอกออฟฟิศส่งเสียง

 

“ท่านครับ , ฝ่าบาทจักรพรรดินีโดวาเจอร์มาถึงแล้วครับ”

 

“อืม”

ดวงตาของเอิร์ลเบอร์ซี่เบิกโพลง

 

เขารีบเช็ดหน้าตัวเองด้วยผ้าเช็ดหน้าก่อนจะลุกขึ้นมาปรับกระดุม ขยับเสื้อผ้าให้เรียบ

ทั้งหมดที่ว่ากินเวลาเพียง 5 วินาที และเขาใช้เวลาอีก 2 วินาที ในการกระแอมเพื่อเคลียร์คอให้โล่ง

 

“รีบให้ท่านเข้ามา”

 

เขาขยับเคลื่อนไหวในจังหวะที่พอเหมาะพอดี

ยามเมื่อประตูเปิดออกและหญิงชรามาอยู่ที่หน้าออฟฟิศ 

เอิร์ลเบอร์ซี่ก็ได้ปรากฏกายในสภาพที่กำลังคุกเข่าอยู่ แต่หญิงผู้นั้นโบกมือให้เขาพร้อมรอยยิ้ม

 

“เรื่องธรรมเนียมน่ะข้ามไปก่อน ,ท่านเอิร์ล ทุกอย่างมันทำให้เราเหนื่อยกันมากพอแล้ว”

 

“ขอประทานอภัยครับ”

จักรพรรดินีโดวาเจอร์เดินก้าวเข้ามา แล้วนั่งเก้าอี้ตรงหน้าที่เอิร์ลเบอร์ซี่จัดแจงเตรียมไว้ให้เธอ

แม้ตามปกติหญิงชาววังที่มีชาติกำเนิดสูงพอยิ่งแก่ก็จะยิ่งเคร่งกับธรรมเนียมปฏิบัติ หากแต่จักรพรรดินีโดวาเจอร์เป็นข้อยกเว้น

ชาติที่แล้วเธออาจเคยเกิดมาเป็นหญิงชาวเผ่าอะเมซอนก็ได้

 

“สถานการณ์เป็นอย่างไร?”

เข้าประเด็นเลยอย่างนั้นสินะ?

เอิร์ลเบอร์ซี่ยิ้มแหย

 

“ว่ากันตามตรงแล้ว เลวร้ายมากครับ”

 

“เฮ่อ นายเป็นชายที่ไม่รู้จักวิธีสงวนท่าทีสินะ”

 

“ขออภัยด้วยครับ”

 

จักรพรรดินีขมวดคิ้วด้วยท่าทางรำคาญหากแต่เธอไม่ได้รู้สึกรำคาญจริงๆหรอก

สิ่งที่ยืนยันก็คือ การที่บรรยากาศเป็นกันเองแผ่นไปทั่วออฟฟิศ

 

เดือนที่ผ่านมา เอิร์ลเริ่มเข้าใจอุปนิสัยของจักรพรรดินีโดวาเจอร์

เธอนั้นรังเกียจธรรมเนียมมารยาทที่ไม่จำเป็นและยังเปี่ยมไปด้วยความทระนงตนแม้เธอจะพูดจาหยาบกระด้าง……. นี่แหละตัวตนของจักรพรรดินีโดวาเจอร์ผู้ให้กำเนิด จักรพรรดิสามพระองค์

แคเธอรีน เดอ เมดิชี

 

“ฝ่าบาทครับ แล้วพวกเหล่าชนชั้นสูงเป็นอย่างไร?”

 

“อย่าไปเอ่ยถึงพวกมันเลย

 โปรดมอบดินแดนคืนให้พวกข้าด้วย ได้โปรดมอบตำแหน่งคืนให้ครอบครัวข้าด้วย

…….ตอนบริททานี่บุกเข้ามาไอ้หมูพวกนี้มันก็นิ่งเงียบ พอมาตอนนี้กล้ากำแหงขึ้นมาทันที!”

 

เอิร์ลเบอร์ซี่ได้แต่หัวเราะ

จริงอยู่ที่พระนางพูดด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความเคารพและสูงส่ง แต่ถ้อยคำที่ออกมานี่เต็มไปด้วยความดิบหยาบ ซึ่งมันก็เหมาะกับเธออย่างน่าประหลาด

จักรพรรดินีโดวาเจอร์ช่างเป็นคู่สนทนาที่สร้างความเพลิดเพลินอย่างที่เขาไม่ได้เจอมานานแสนนาน

 

จักรพรรดินีดูจะไม่พอใจ

 

“เหมือนข้าพูดเล่นหรือยังไงกัน ? ข้าไม่ได้ล้อเล่น

ทุกวันข้าต้องได้รับเรื่องร้องเรียนมากมาย ไม่ว่าจะ ทอมเอย ดิ๊กเอย หรือจากเฮนรี่

เอิร์ลเอ๋ย, นี่มันกระทำทารุณกรรมต่อผู้สูงวัยกันชัดๆ”

 

“มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายมากที่หลายต่อหลายครอบครัวต้องบ้านแตกสาแหรกขาดเพราะการยื่นมือเข้ามายุ่งของพวกบริททานี่,ฝ่าบาท”

 

“เรื่องนั้นข้าก็รู้อยู่”

ดวงตาของเธอจริงจัง

 

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เอิร์ลเอ๋ย , ข้าไม่คิดจะมอบคืนตำแหน่งตระกูลให้ไอ้พวกคนถ่อยพวกนั้น ไอ้พวกนั้นมันเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ตอนที่ราชวงศ์กำลังประสบภัย”

 

“เช่นนั้นแล้ว…….”

 

“ความภูมิใจและดินแดนนั้นมิสมควรตกอยู่กับผู้ที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดี

เจ้าเห็นด้วยไหม?”

 

เอิร์ลเบอร์ซี่กลืนน้ำลาย

 

บริททานี่ได้ยึดดินแดนจากพวกชนชั้นสูงต่างๆมากมาย

โดยส่วนมากแล้วพวกนั้นกลับกลายเป็นสินทรัพย์ของราชวงศ์

หากเหล่าชนชั้นสูงพยายามปฏิวัติขึ้นมา ก็จะโดนกองทหารของบริททานี่บดขยี้

 

พอรัฐบาลปารีสใหม่ตั้งขึ้นได้ พวกชนชั้นสูงที่รอดมาได้ก็เริ่มทำการก่อกวนราชวงศ์เพื่อหวังที่จะทวงเกียรติยศ และสมบัติของตระกูลกลับมา

 

จักรพรรดินีโดวาเจอร์ปฏิเสธที่จะมอบให้

 

“ข้าไม่คิดว่า เจ้าจะทำสีหน้าสีตาจริงจังขนาดนั้น ข้าล่ะแปลกใจจริงๆกับการที่เจ้าเป็นพวกสาธารณรัฐนิยม”

 

“……ฝ่าบาท, ต้องขอประทานอภัย, แต่พวกเรามีคนไม่พอที่จะไปรับมือการกับปฏิวัติหากพวกชนชั้นสูงรวมตัวกันต่อต้าน”

 

ตอนนี้แม้แต่รักษาความปลอดภัยของปารีสยังอยู่ในมือของสาธารณรัฐบัทตาเวีย

พวกนั้นสัญญาว่า จะคอยคุ้มครองให้ฟรีๆเป็นเวงลาหนึ่งปี แต่หากเกิดการปฏิวัติต่อต้านขึ้นดูเหมือนเจ้าพวกนั้นจะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว

 

 

“นี่ก็นานมากแล้วนับตั้งแต่สงครามกลางเมืองครั้งก่อนหน้านี้จะจบลงเสียที

ประชาชนแห่งฟรานเคียปรารถนาความสงบสุข

ชนชั้นสูงทั้งหลายต้องรับผิดชอบในการก่อร่างสร้างชาติขึ้นมาใหม่”

 

“ข้าจะปล้นชิงชีวิตส่วนตัวของเจ้าพวกนั้น”

จักรพรรดินีโดวาเจอร์พูดด้วยความหนักแน่น

 

 

“พวกกองทัพสาธารณรัฐย่อมจะยินดีเข้าร่วม หากพวกเราจะจ่ายให้มันเพิ่มให้”

 

“…….”

ความตั้งใจของพระนางนั้นเด็ดเดี่ยว

 

“เอิร์ลเอ๋ย ,หากเจ้ามองสถานการณ์นี้จากมุมอื่นดูบ้าง เจ้าจะเห็นว่า นี่คือโอกาส”

 

“โอกาสอย่างนั้นหรือครับ?”

 

“ฟรานเคียในตอนนี้ไม่มีดยุคเหลือแม้แต่คนเดียว พวกเขาโดนราชินีบริททานี่ฆ่าล้างกันไปหมดแล้ว

จำนวนเอิร์ลและบารอนเองก็มีน้อยลงกว่าแต่ก่อนมาก

นานแค่ไหนแล้วที่ฝ่ายขุนนางไม่ได้มีทีท่าที่อ่อนแอเช่นนี้?”

 

มันดูราวกับว่า จักรพรรดินีโดวาเจอร์มีเจตนาเคลือบแฝงอยู่ เช่นเดียวกับแนวคิดสาธารณรัฐนิยมของนาง

เอิร์ลเบอร์ซี่ตั้งใจฟัง

“ไม่ครับ ฝ่าบาท ตอนนี้ชนชั้นสูงรวมถึงขุนนางทั้งหลายอ่อนแอแล้วจริงๆ”

 

“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเรามอบคืนตำแหน่งและสมบัติให้กับพวกนั้น ณ ตอนนี้? 

ยศฐาบรรดาศักดิ์ที่ถูกบริททานี่ปล้นเอาไป รวมถึงที่มาของแหล่งเงินและความมั่งคั่งอย่างเดียวของเจ้าพวกนั้น”

 

 

“……คนพวกนั้นจะรีดนาทาเร้นประชาชน”

 

จักรพรรดินีพยักหน้า

 

“เจ้าเข้าใจไหม ,เอิร์ล? 

หากต้องการสันติความสงบอาจเป็นเรื่องดี

 

แต่ทว่า หากเราร่วมมือกับชนชั้นสูง ชาวบ้านมีแต่จะต้องทนทุกข์ และเมื่อเป็นเช่นนั้นชาวบ้านก็ย่อมต้องลุกขึ้นมาทำการปฏิวัติแทน”

 

“ไม่ว่าจะชนชั้นสูงหรือชาวบ้าน ก็จะลุกขึ้นมาก่อปฏิวัติอยู่ดี….แล้วมันต่างกันตรงไหน?”

 

เอิร์ลเบอร์ซี่ครางออกมา

 

ความคิดนั้นมันสมเหตุสมผลมาก ไม่ว่าจะชนชั้นสูงหรือสามัญชน ต่างใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็ใกล้จะถึงจุดปะทุขึ้นมาแล้ว

จุดนี้คงหลีกเลี่ยงการปฏิวัติไม่ได้

 

 

“และหากเกิดการปฏิวัติขึ้นมาทางใดทางก็ทางหนึ่ง อย่างน้อยพวกเราก็ควรจะระลึกนึกถึงอนาคตของฟรานเคีย”

 

“…….”

 

“ข้าจะไม่ปล่อยอนาคตพวกเราไปอยู่ในมือหมูโสโครกที่ไร้ซึ่งความจงรักภักดี”

 

นั่นเป็นแววตาที่คมกริบอันมาจากดวงตาของสุภาพสตรีวัยหกสิบปี

ม่านแห่งความเงียบครอบงำคนทั้งคู่

 

ไม่นานนัก จักรพรรดินีหันหน้าออกไปและบ่นกับตัวเธอเอง

 

“มันเป็นความผิดของข้าที่จักรวรรดิล่มสลายลงเช่นนี้”

 

“ฝ่าบาท?”

 

“ตอนที่ข้าออกมาจากซาร์ดิเนียเพื่อมาแต่งงานอยู่ในราชสกุลข้ามั่นใจในตัวเองมากว่า ข้าได้ให้กำเนิดจักรพรรดิผู้ยอดเยี่ยม ได้สร้างชาติและปราสาทที่เป็นที่อิจฉากันไปทั่วทั้งทวีป

……แต่สุดท้ายแล้ว ข้าก็กลายเป็นแม่ผู้ล้มเหลว”

 

น้ำเสียงของจักรพรรดินีนั้นฟังแล้วชวนระทม จึงทำให้เอิร์ลเบอร์ซี่ไม่กล้าพูดแทรก

“ข้าคิดว่า ตัวข้าเข้มงวดกับลูกชายเพื่อหวังจะเลี้ยงดูเขาให้เติบโตขึ้นมาเป็นนักปกครองผู้ชาญฉลาด แต่กลายเป็นว่า ลูกๆของข้าโตขึ้นมากลายเป็นคนขี้ขลาดตาขาว นั่นเป็นเพราะข้าเข้มงวดจนเกินไป

……. ดังนั้นแล้วการที่ฟรานเคียตกอยู่ในสภาพเลวร้ายเช่นนี้ก็เพราะการอบรมเลี้ยงดูลูกที่ไม่ดีของข้านี่เอง”

 

“…….”

 

“ราชวงศ์ไม่อาจให้การสนับสนุนประเทศนี้อีกต่อไปได้

พวกชนชั้นสูงเองก็เหมือนกัน

ข้าเชื่อว่า ภารกิจสุดท้ายของข้าคือ การส่งต่อประเทศนี้ให้กับบุคคลอื่น ที่ไม่ใช้ราชสกุลผู้โง่เขลาหรือ ชนชั้นสูงที่คิดคด”

 

เอิร์ลเบอร์ซี่ก้มหน้าลง

 

ทำไมผู้หญิงตรงหน้าเขาถึงได้ดูทุกข์ใจขนาดนี้? เอิร์ลรู้สึกไม่ค่อยพอใจขึ้นมา มันไม่สมเหตุสมผลเลย

เธอนั้นเป็นบุคคลที่สมควรมีครอบครัวดีมีความสุข และมีข้ารับใช้ผู้สัตย์ซื่ออยู่ข้างกาย

เธอนั้นสูงส่งและคู่ควรพอกับสิ่งดีกว่านี้ด้วยซ้ำ

 

ณ ตอนนั้นเองที่ เอิร์ลเบอร์ซี่เอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับการก่อสงครามกลางเมือง

ในอดีต เขาโกรธแค้นจักรพรรดิและราชินีบริททานี่ก่อสงครามกลางเมืองขึ้น 

มาคราวนี้เป็นตัวเขาเองเป็นผู้จุดไฟสงครามกลางเมืองขึ้นบ้าง

 

มันเป็นอย่างที่นักบวช จอน โบล พูดไว้จริงๆ ไม่มีทางที่จะเป็นแต่ผู้เฝ้าดูต่อไปได้อีกแล้ว เพื่อฟรานเคียและเพื่อผู้คน เขาจำต้องเสียสละตนเอง

 

ประวัติศาสตร์จะจารึกชื่อเขาไว้ในฐานะบุคคลผู้ก่อสงครามกลางเมืองในยามที่ความสงบกำลังมาถึง 

ชนชั้นสูงทั้งหลายจะด่าทอเขาพร้อมน้ำตาและเลือด ในขณะที่ชาวบ้านจะเรียกเขาว่า เป็นทรราชย์ ช่างเป็นชื่อเสียงที่ฉาวโฉ่วสิ้นดี…….

 

 

ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดที่จะก้มหน้าก้มตาไปตลอดกาล เขาให้เสียงในใจนำพาตัวเองไป

 

“เอิร์ล, เจ้าน่ะจะเข้าร่วมกับภารกิจสุดท้ายนี้ของข้าไหม?”

 

“ครับ,ฝ่าบาท ข้าขออุทิศชีวิตเพื่อมัน”

 

 

* * *

 

 

“ฮ่าาา, ฮิกกก……อาาาห์”

เสียงลมหายใจหอบหนักจนได้ยินได้ฟังชัดเจนอยู่นี่ เป็นเสียงของอิวาร์ ล็อดบรอคนั่นเอง

 

 

ผมกับอิวาร์ต่างเปลือยและกลิ้งอยู่บนเตียงที่ห้องส่วนกลางของบริษัทเคียนคุสก้า

พึ่งจบยกแรกไปหมาดๆ

ถึงจะเป็นแวมไพร์ก็เถอะ แต่อิวาร์ ออกจะแพ้ทางเรื่องบนสงครามกลางคืนจริงๆ

 

 

เธอถึงจุดสุดยอดไปเกือบสามสิบครั้ง ตาก็เลยเหม่อๆลอยๆ

ร่องน้ำลายเส้นบางๆไหลผ่านปากสีชมพูน้อยๆ นั่นเกิดขึ้นเพราะสิ่งที่ผมทำลงไปเมื่อครู่น่ะหรือ? แหม วันนี้ช่างให้สัมผัสดียอดเยี่ยมเสียจริง

 

“ฝ่า……ฝ่าบาท พอแล้ว,ฮิก ข้า ไม่ไหว”

 

“เป็นอะไรไปเล่า อิวาร์? เจ้าจะยอมแพ้แล้วอย่างนั้นรึ? ชื่อเล่นของเจ้าที่ชื่อว่า สัตว์ร้ายแห่งราตรีจะเสียใจเอานะ”

 

ผมพูดหยอกขณะขบติ่งหูของเธอ

 

“อ๊าา!”

 

ร่างเล็กๆของเธอนั้นสั่นเทา ดูเหมือนเธอจะถึงจุดออกมาแล้วครั้งหนึ่ง

กลีบร่องของเธอนั้นกระชับน้องชายของผมแน่นขึ้น

 

มันให้ความรู้สึกราวกับร่องของเธอนั้นพยายามที่จะดูดติดและรัดรึงผมไว้

 

หึ ผมเผลอส่งเสียงออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นดั่งดนตรีเสียงประสานอันไพเราะ ร่างทั้งร่างของอิวาร์แสดงออกมานอกเหนือการควบคุมของเจ้าตัว

ผมประคองอิวาร์ไว้ในอ้อมแขนพลางกดสะโพกลง พวกเรานั้นต่างอยู่บนเตียงด้วยกันและผมกอดร่างอิวาร์ไว้จากข้างหน้า

ร่างเล็กๆของเธอนั้นขยัลขึ้นลงอย่างแผ่วอ่อนทุกครั้งที่ผมดันกระแทกเข้าไป

 

“ฝ่าบาท……ฝ่าบาท, ฮึกกก, ฝ่าบาทท…….”

 

อิวาร์ทั้งกอดรัดผมแน่นพลางหลั่งน้ำตา

เธอทำราวกับว่า ไม่อาจทน หรือกลั้นมันได้อีกต่อไป 

ขาของอิวาร์พันโอบรอบเอวผม 

น่ารักเสียจริงๆ

 

นี่เธอไม่รู้หรือไง ว่าน้องชายผมจะยิ่งเข้าไปลึกนะ หายเธอยังจะมาเกาะหนึบผมแบบนี้อยู่น่ะ? ผมยิ้มด้วยเจตนาร้าย

 

“หัวหน้าล็อดบรอค, เจ้ากำลังจะแตกอีกแล้วใช่ไหม?”

 

“ฮิก, ใช่……ข้ากำลัง……อึกก, ขะ-ข้า แตกไป หลาย รอบแล้ว……!”

 

“หากเจ้าตอบคำถามของข้าได้ถูกข้าจะยอมผ่อนลงหน่อย

ดูเหมือนตอนนี้รัฐบาลใหม่ของฟรานเคียจะเข้าไปทะเลาะกับพวกขุนนางทั้งหลาย”

 

อิวาร์มองผมด้วยดวงตาที่ชุ่มฉ่ำ

ลมหายใจร้อนๆพ่นออกมาอย่างแผ่วเบาจากปากของเธอ

 

“ใช่ อาาา ……อึกก!”

 

“ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลใหม่ของพวกนั้นขาดทุนทรัพย์

การใช้หนี้สงครามเป็นภาระหนักหนาของพวกนั้น

แล้วยังไงดีล่ะ? สนใจให้ให้พวกฟรานเคียกู้ยืมผ่านทางสาธารณรัฐบัทตาเวียไหม?”

 

“อ่าาา, อู่ววว……ฝ่าบาท, เดี๋ยวก่อน, ฮิกกก!  อีกแล้ว, ฮึกก, ข้าแตก อีกครั้งแล้ว……!”

 

ผมเร่งสปีดจนอิวาร์ต้องร้องครางออกมา เธอถอนคอออกจนเผยให้เห็นต้นคอขาวซีดของเธอ

 

“อ่า, อ๊ะ, ฮีาาา! ไม่, อ๊าาา! ทำไม ทำไมท่าน……!”

 

หากพวกเราเป็นหนี้บุญคุณจักรวรรดิ

เราก็สามารถหาผลประโยชน์อื่นๆได้ ดังนั้นเราควรฉวยโอกาสนี้ไว้

เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ, ล็อดบรอค?”

 

“อู่ววว, ฮ่าาา, อือออ……อาาา……!”

 

ตัวของอิวาร์สั่นอย่างแรง

ยามที่กระแสประสาทไหลไปทั่วร่าง ร่างทั้งร่างของเธอก็สะดุ้ง

 

ผมจึงลองปล่อยเธอออกจากท่อนแขน

 

เด็กสาวผมบลอนด์ร่วงหล่นลงกับพื้นราวกับหุ่นเชิดที่ไร้เชือก เธอนอนแผ่หรากับพื้น

 

“…….”

 

อิวาร์ไม่อาจใช้ดวงตาเหม่อคู่นั้นมองอะไรได้อีก

แม้แต่ตอนนี้ร่างกายของเธอก็ยังท่วมท้นไปด้วยความพึงพอใจเข้มข้นที่เพิ่งได้รับ

 

 

 

(TTL : ข้างบนเขากำลังตึงเคร่งเรื่องการฟื้นฟูประเทศส่วนพรี่ดันก็ตึงเคร่งเรื่อง…อืมมมมม ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอีวาน สินะ! ขยันจริงๆ!)

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด