Dungeon Defense (WN) 313 ราชาเหมันต์ (เร็ก ไฮย์มิส) (1)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 313 ราชาเหมันต์ (เร็ก ไฮย์มิส) (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 313 – ราชาเหมันต์ (เร็ก ไฮย์มิส) (1)

 

ระหว่างที่ผมกำลังเพลินกับน้ำพุร้อนใต้ดิน

 

“เฮ้ย, ได้ยินว่า แกทะเลาะกับนังไพมอนเรอะ?”

 

บาร์บาทอสถามขึ้นมา วันนี้เธอมาหาผมที่ปราสาทจอมมาร

 

อยู่ๆเธอก็เข้ามาในขณะที่ผมกำลังอยู่ระหว่างอาบน้ำชำระตัว เธอเปลื้องผ้าเปลือย แล้วมานั่งอยู่ข้างผม

 

เธอครางออกมาอย่างสบายตัวขณะที่จุ่มตัวลงแช่น้ำ ให้ภาพลักษณ์เหมือนชายกลางคน

 

ไอ้คนแบบนี้มันมาเป็นคนรักของผมได้ไงฟะ?

 

ผมดูดไปป์พลางคิดด้วยว่า โลกใบนี้นี่มันอะไรกันเนี่ย

 

“ทำไม? มีข่าวลืออะไรรึ?”

 

“ข่าวลือส้นตีนแกดิ , ข้าก็แค่เดาไปส่งๆเพราะช่วงนี้นังดอกไพมอนมันดูหดหู่ซะเหลือเกิน”

บาร์บาทอสล้างหน้าด้วยน้ำร้อน

 

“หนังหน้างี้เครียดตึงอย่างกับหำออร์ค แม่นั่นไม่ค่อยโกรธบ่อยนักหรอก”

 

“ก็นะ…… เราก็เถียงกันเล็กน้อยนั่นแหละ”

 

ผมยักไหล่ บาร์บาทอสยิ้มชั่วร้ายทันทีที่ได้ยินผมตอบแบบนั้น

 

 

“ให้ข้าเดาป้ะ ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร? 

เดาเนะว่าเพราะเราบาร์บีคิวมนุษย์กันใช่ไหมล่ะ?”

 

“เหอะ เลิกเป็นรักษาการณ์แล้วไปเป็นหมอดูแทนเหอะ”

 

“เห็นไหม ข้าเดาถูก”

 

บาร์บาทอสหัวเราะคิก ดูเธอจะพอใจเป็นพิเศษ

นังจอมมารตัวน้อยแสนซาดิสม์ผู้มีสุขยามที่เห็นคนอื่นต้องระทมทุกข์

จอมมารแบบนี้เนี่ยน่ะหรือ ที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุดในช่วงนี้?

โลกนี้แม่งเถื่อนว่ะ

 

 

“ข้าก็บอกแกแล้วไง ข้าก็คิดไว้แล้วตั้งแต่ตอนที่แกเริ่มไปตีซี้กับนังไพมอน

บุคลิกของไพมอนน่ะมันต่างจาก ‘พวกเรา’ โดยสิ้นเชิง

ชวนให้ข้านึกย้อนไปถึงตอน กองทัพพันธมิตรครั้งที่ 4 

ตอนนั้นเราเถียงกันว่า เราควรจัดการกับนักโทษมนุษย์ยังไง”

 

บาร์บาทอสไม่ชอบที่ผมเริ่มสานความสัมพันธ์กับไพมอน

ถึงแม้ว่า บาร์บาทอสจะสนับสนุนการรักชอบได้อย่างเสรี ตามที่เธอประกาศไปแล้วว่าจะไม่ทำอะไร หากคู่รักของเธอจะไปเล่นสนุกกับคนอื่น

แต่ถึงอย่างนั้น เธอมองว่าไพมอนเป็นศัตรู

คงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบาร์บาทอสถึงได้ทำตัวประสาทแดกเหลือเกินในช่วงที่ผ่านมา

 

เรื่องที่อยู่เบื้องหลัง สงครามประสาทระยะยาวระหว่างบาร์บาทอสกับไพมอนก็คงจะเป็นเรื่องไร้สาระแบบ ใครเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการ แล้วใครที่ไม่ใช่

แม่นี่น่ะต้องการจะให้ผมการันตีว่า ‘เธอน่ะเหนือกว่าไพมอน’

 

เอาล่ะๆ มันก็เลยไปจบลงตรงที่ผมให้ของขวัญเป็นสร้อยนิ้วของผมเองไง 

 

แม้แต่ตอนนี้ก็เถอะ บาร์บาทอสก็ยังสวมสร้อยนิ้วไว้รอบคอแม้ร่างกายจะเปลือยเปล่าแล้ว นี่แหละน้า ทำไมไอ้ความขี้ริษยาของผู้หญิงมันถึงได้น่ารำคาญซะเหลือเกิน

 

“บาร์บาทอส,มีสิ่งที่ข้าอยากถามเธอมาตลอด

เธอคิดยังไงกับมนุษย์?”

 

“แน่นอน, ข้าคิดว่า เจ้าพวกนั้นเหมือนเดนขยะที่สมควรกำจัดออกไปจากผิวโลกให้เร็วที่สุด’

 

อ้อ เธอมองว่าพวกนั้นเป็นขยะนี่เอง หวา น่ากลัวชิบ

 

ผมยิ้มด้วยความขมขื่นใจ

 

“ทำไมล่ะ? พวกมนุษย์นั้นก็มีเหตุมีผลพอสมควรเลยนะ? เธอจะเปลี่ยนเจ้าพวกนั้นเป็นทาสให้หมดแทนที่จะฆ่าก็ได้นี่”

 

“เจ้าหัวทึบเอ๊ย ก็เพราะมันมีเหตุผลอยู่ในกะโหลกของพวกมันน่ะสิ พวกเราถึงต้องกำจัดมันทิ้งให้สิ้นซาก”

 

บาร์บาทอสทิ้งตัวลงจุ่มในน้ำร้อนลึกขึ้น ดวงตาของเธอมองไอน้ำที่ลอยขึ้นมาอย่างไร้อารมณ์

 

“เพราะมีเหตุมีผลก็เลยพิเศษอย่างนั้นเรอะ? ไร้สาระน่า

จะปีศาจหรือจะมนุษย์ ก็เป็นแค่หมาป่าชั่วร้ายที่จะเปลี่ยนโลกให้กลายเป็นความโกลาหลได้ทั้งนั้นหากแกปล่อยมันไว้ตามลำพังน่ะ

 

ลองถามไอ้พวกที่แกมองว่า มันมีเหตุผลนักเหตุผลหนาดูสิ

ทำไมเจ้าพวกนั้นมันต้องกินสัตว์และพืชด้วยล่ะ พวกนั้นมันก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกันนี่?”

 

บาร์บาทอสพ่นลมออกจมูก

 

“ข้าว่า แกคงได้คำตอบประมาณนี้ว่ะ :

พวกเราน่ะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุมีผล ส่วนพวกสัตว์และพวกพืชนั้นโง่ ดังนั้นจะกินไปก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย

 

แล้วไอ้พวกห่ารากพวกนั้นมันได้อ้างอะไรไหมเล่า? แกเข้าใจไหม? นี่มันเรื่องง่ายๆตรงไปตรงมา

ไอ้พวกนั้นมันก็แค่กินเพราะมันแข็งแกร่งกว่าสัตว์และพืช ก็เท่านั้น”

 

บาร์บาทอสยกเท้าขวาขึ้น เท้าสีขาวซีดยกขึ้นจากผิวน้ำราวกับเป็นเรือดำน้ำ

 

“ทุกครั้งที่ข้าได้ยินคำพูดที่อ้างเหตุผลพรรค์นั้น ถ้าอยากจะตัดหูตัวเองไปอุดปากไอ้คนพูดจริงๆว่ะ

 

นี่คือเหตุผลที่ทำให้ข้าผิดกับไพมอน

แม่นั่นปฏิบัติกับขี้เหลืองๆเป็นดั่งทองคำ ส่วนข้าปฏิบัติกับขี้เหลืองๆนั่นเป็นเหมือนขี้”

 

ผมคิดไว้แล้วว่าคงเป็นแบบนั้น ผมจึงถามอีกคำถามขณะที่ผมกำลังคลายกล้ามเนื้อในน้ำร้อน

 

“ถ้าอย่างนั้นเธอก็สมควรที่จะกวาดล้างทั้งปีศาจและมนุษย์ด้วยสิ ทำไมเธอฆ่าล้างเฉพาะพวกมนุษย์ล่ะ”

 

“อืมมม ก็ถือว่าโชคดีนะ ที่ข้าควบคุมปีศาจได้”

 

“ดันทาเลี่ยนเอ๊ย , ข้าคิดว่านี่เป็นดั่งพรที่ประทานมาเลยล่ะ ที่พวกปีศาจมามีจอมมาร

จอมมารที่สามารถอ่านใจอีกฝ่ายได้และสามารถตัดสินได้อย่างเท่าเทียม

ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา ,พวกเรานั้นจะได้ความยุติธรรมเสมอ”

 

“…….”

 

“แล้วไอ้ขยะพวกนั้นมันคุมได้ไหมล่ะ?  หรือเจ้าขยะพวกนั้นจะอยู่ได้โดยไม่มีปลอกคอรึเปล่า?

นั่นแหละความแตกต่างยังไงล่ะ หากจอมมารไม่มีตัวตนอยู่แล้วล่ะก็ ข้าก็คงพยายามที่จะกำจัดทุกคนให้สิ้นซากนั่นแหละ…….”

 

ผมพยักหน้าไปอย่างนั้น

“อืมฮึ หากไม่ใช่สหายของพวกเราแล้ว ข้าก็จะกำจัดจอมมารที่ไม่มีประโยชน์ทิ้งไป”

 

ช่างบังเอิญเสียจริงนะ

 

ทั้งไพมอนและบาร์บาทอสต่างเป็นจอมมารกันทั้งคู่

แต่ถึงอย่างนั้น ฝ่ายหนึ่งมองว่า ตัวตนจอมมารเป็นดั่งคำสาป ส่วนอีกฝ่ายมองว่าเป็นดั่งพรที่ได้รับมา

 

 

ไพมอนเชื่อว่า จอมมารเป็นผู้รุกรานเป็นสิ่งแปลกปลอมแห่งโลกใบนี้ หากอยากให้สังคมทำงานได้ตามปรกติ ก็สมควรจะต้องจัดการกับจอมมารก่อน 

นั่นเป็นข้อสรุปของเธอ

ทั้งหมดก็เป็นไปเพื่อสังคมที่เท่าเทียมยุติธรรมโดยไม่มีการแบ่งแยกระหว่างมนุษย์และปีศาจ…….

 

ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่ง บาร์บาทอสเห็นมนุษย์เป็นสิ่งแปลกปลอมของโลก

มนุษย์สมควรถูกกำจัดทิ้งให้หมดเพื่อสร้างสังคมแห่งความเท่าเทียมยุติธรรม

 

และในที่สุดทั้งคู่ก็ดันมีคำตอบเดียวกันเสียนี่

 

‘พวกเราต้องกำจัดจอมมารส่วนมากทิ้ง’

 

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮา 

ช่างเป็นเรื่องตลกเสียจริง…….

 

ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

 

“บาร์บาทอส ,ข้าไม่เคยไปเฉียดใกล้กับความยุติธรรมหรือหลักการใด 

ข้าเองก็ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินด้วยว่า เธอหรือไพมอนกันแน่ที่ถูก”

 

“…….’

 

 

“แต่ข้าบอกได้อย่างหนึ่ง ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานั้น

มนุษยชาตินั้นมิได้อ่อนแออย่างที่เหล่าจอมมารคิดกัน

 

ถึงแม้ช่วงเร็วมานี้ก็เถอะ เหตุผลเดียวที่กองทัพจอมมารสามารถเหนือกว่ากองทัพมนุษย์ทั้งปวงได้นั่นก็เนื่องมาจากพวกเรามีความชอบธรรม

 

นั่นไม่ได้เป็นเพราะความยิ่งใหญ่เก่งกาจเกรียงไกรที่ปีศาจมีเหนือมนุษย์”

 

 

“พวกเราชิงความได้เปรียบจากการแบ่งแยกกันของฝ่ายศัตรู

 

ณ ที่ราบบรูโน่ ชนชั้นสูงและสามัญชนต่างแตกแยกกัน

ใน สงครามหุ่นเชิด ฟรานเคียกับบริททานี่ก็แตกแยกกัน

นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้พวกเราได้รับชัยชนะ”

 

ผนึกกำลังพันธมิตร และแบ่งแยกกองกำลังฝ่ายศัตรู

 

นั่นเป็นศาสนาและหลักการเดียวที่ผมรับรู้ปฏิบัติราวกับเป็นบทบัญญัติอันศักดิ์สิทธิ์

 

ทุกการกระทำของผมที่ทำมาจนถึงบัดนี้ เป็นไปด้วยหลักการข้อนี้เพียงข้อเดียว

 

 

“เธอจะเหยียบย่ำฝ่ายภูเขาก็ไม่เป็นไร 

จะสร้างจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าปีศาจก็ได้

 

 

แต่นี่ยังไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาสู้รบกับพันธมิตรฝ่ายตัวเอง

นี่เป็นคำแนะนำของข้าที่มีต่อเธอ ในฐานะผู้บัญชาการภาคและฐานะที่ปรึกษาของกองทัพจอมมาร

 

รอไปก่อน”

 

บาร์บาทอสเผยอปากขึ้นและพ่นลม

 

“ฮับบวร์ก,ฟรานเคีย และบริททานี่เองก็ชิบหายไปแล้ว จะรออะไรกันอีกล่ะ?”

 

“เอาล่ะ, ยังมี เบอร์นิเซีย,คัลมา,บัทตาเวีย,ทิวทัน,โพลิช-ลิทัวร์เนีย,มอสโคว,คาสเทีย,ซาร์ดิเนีย และอนาโตเลีย เก้าประเทศพวกนั้นยังอยู่ดีมีสุขอยู่เลย”

 

มีเพียงสามใน สิบสองชาติที่ล่มจมไป

พูดง่ายๆ สามในสี่ส่วนของมนุษยชาติยังคงอยู่ มันไม่มากพอที่จะบอกว่า พวกมนุษย์กำลังเผชิญหน้ากับหายนะที่ไม่เคยประสบมาก่อนหรอก

 

 

“แถมกองทัพจอมมารเองยังอ่อนแอลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ใช่แต่เพียงล้มตายจากสงครามเพียงอย่างเดียว หากแต่บาอัลและอกาเรสยังตายไปแล้วด้วย

แต่ถึงอย่างนั้น เหตุผลดเียวที่พวกเรายังดูทรงพลังอยู่ได้นั้น”

 

“……เพราะพวกเราเป็นกลุ่มก๊วน ส่วนพวกนั้นแยกกัน ใช่มะ?”

 

ผมพยักหน้า

 

อยู่ๆบาร์บาทอสก็ของขึ้น

“แล้วเราต้องรอไปนานอีกนานแค่ไหนกันวะ!?”

 

“เลิกบ่นเป็นแมวหง่าวได้แล้วน่า

เออๆก็ได้ อย่างน้อยก็รอจนกว่าคอลซูลของฮับบวร์กและราชินีของบริททานี่จะตายก็แล้วกัน”

 

บุคคลสำคัญของฝ่ายมนุษย์ในเกมถึงจุดหนึ่งเดี๋ยวก็แก่ตายกันไปเองนั่นแหละ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งขีดเส้นใต้ สาธารณรัฐฮับบวร์ก ชาติที่ดำรงอยู่ได้ด้วยเสน่ห์แห่งท่านผู้นำอย่างอลิซาเบธ ผมเชื่อแน่ว่า ประเทศนั้นมันต้องแตกเป็นเสี่ยงๆในทันทีที่อลิซาเบธเสียชีวิต

 

ผมนวดสีข้างบาร์บาทอสแบบแกล้งๆ

 

“เอาล่ะ อย่างมากก็ราวหกสิบปี มันไม่นานเกินไปสำหรับพวกเราที่มีชีวิตอยู่อย่างอมตะอยู่แล้วนี่นะ ,ถูกไหมล่ะ?”

 

“แม่งเอ๊ย…… แกนี่มันห่วยชะมัด!”

บาร์บาทอสปัดมือผมทิ้ง

 

 

“เฮ้ย! แล้วถ้าฝ่ายภูเขากับฝ่ายที่ราบทะเลาะกัน แกจะอยู่ฝ่ายไหน!?”

 

“โอ้ แหมแหม  นี่มันเป็นคำถามที่แม้แต่วัยรุ่น ไม่สิ แม้แต่เด็กอมมือเขายังไม่ถามกันเลยนะ…….”

 

“ฟัค,เล่นเล่นลิ้นแล้วตอบข้ามา!”

 

บาร์บาทอสขู่ฟ่อๆเหมือนแมว

 

“เธอพูดอะไรของเธอน่ะ? 

ข้าไม่ได้อยู่ทั้งฝ่ายภูเขาและฝ่ายที่ราบ”

 

ผมแตะแก้มเธอด้วยมือข้างเดียว

 

“ผมอยู่ฝ่ายเดียวกับเธอนะ”

 

“……เอ้ะ?”

 

“ข้าไม่สนหรอกว่า เจ้าพวกมนุษย์มันจะเป็นดั่งขยะจริงไหม

ข้าไม่สนด้วยว่า อุดมการณ์ของเธอมันจะสูงส่งหรือไม่ 

บาร์บาอทส,ข้าเพียงอยู่ฝ่ายเดียวกับเธอก็เท่านั้น”

 

ผมค่อยๆร่นตัวเข้าไปใกล้ริมฝีปากของบาร์บาทอส

ก่อนที่ปากเราจะแตะกัน 

 

บาร์บาทอสหลบจูบผม ผมว่ามันแปลกดี ก็เลยได้แต่ส่ายหัว

 

สีหน้าของบาร์บาทอสดูแย่ขึ้นมาถนัดตา

 

“……โอ้, แกห่วยเรื่องนี้ชิบเป๋งเลยว่ะ”

 

 

ห้ะ?

นั่นเป็นการตอบสนองที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน

 

ผมควรจะพูดอะไรดีล่ะ? ผมแค่อยากให้เธอหน้าแดงและเขินอายดูบ้าง

 

ลอร่ากับอิวาร์นี่แทบจะหลงหัวปักหัวปำยามที่ผมพูดอะไรแบบนี้กับพวกนาง แต่แววตาของบาร์บาทอสกลับเย็นชาราวกับกำลังมองกองขยะอยู่

 

“คิดว่า แกจะสามารถป้อยอข้าด้วยประโยคพรรค์นั้นเหรอวะ? ไอ้โง่เอ๊ย

ใครมันจะไปหลงกลคำน่ารังเกียจแบบนั้นกันวะ? 

ดูเกร่อชิบเป๋งเลยว่ะ ฟัวกราที่ข้ากินไปเมื่อวานนี่แม่งแทบจะขึ้นมาถึงคอแล้วเนี่ย”

 

“…….”

 

 

อิวาร์และลอร่าที่อยู่ๆโดนบาร์บาทอสเหยียดว่าเป็นพวกโง่ 

บาร์บาทอสที่อยู่ๆก็เหยียดหยามอิวาร์กับลอร่าว่า เป็นพวกโง่

 

มุมปากของผมกระตุกขึ้นมาทันที

 

(TTL : ……………… 

ด่าพรี่ดันว่าโง่งั่งยังพอทน 

ว่าลอร่า กับอิวาร์ที่เคารพ

เอ็งมันคบไม่ได้!!!

5555555555555555555555 )

 

“ธะ-เธอน่ะหัดมีความใสซื่อมั่งเดะเฮ่ย!”

 

“ใสซื่อเรอะ? ฟังดูเหมือนอะไรไร้สาระที่ออเกอร์ที่หลงรักอะไรสักอย่างพูดออกมาเลยว่ะ

ข้าไม่ใช่พวกพวกซิงที่ไม่เคยมีคนรักมาก่อนเสียเมื่อไหร่”

 

บาร์บาทอสพ่นลมหึเป็นเชิงดูถูก

 

“ให้ข้าแนะนำแกในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่งหน่อยละกัน อย่าพูดแบบนั้นอีกเข้าใจไหม ไม่ว่าจะต่อหน้าใครก็ตาม ดูดิ เห็นนี่ไหม แกทำข้าขนลุกขนาดไหน? 

ความชื่นชอบที่ข้ามีต่อแกที่เหลืออยู่น้อยนิดอยู่แล้วจะหายไปก็เพราะอย่างนั้นนั่นแหละ”

 

“หาาา……?”

 

“เอาจริงนะ แกสมควรดีใจด้วยซ้ำที่ข้าไม่อัดแกน่ะ

นี่ถ้าแกไม่ใช่คนรักของข้านะ แกโดนควักลิ้นออกมาเฉือนนะรู้ป่ะ

เคะเคะ”

 

บาร์บาทอสหัวเราะออกมาจากใจจริง

 

นานมากแล้วที่ผมโดนยั่วโมโหโกรธจนตัวสั่น

 

กล้าดียังไงถึงเอาลอร่ามาเกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆของผมกัน? 

ที่ผ่านมาผมอาจทำเป็นนิ่งเฉยไม่สนใจ แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้!

 

“ไอ้ที่โม้เก่งๆอยู่นี่ ก็แพ้เด็กสาวมนุษย์ไม่ใช่รึไง—”

 

ในตอนนั้นเอง

 

ใบหน้าบาร์บาทอสกลับเข้ามาใกล้ทันที โดยไม่คาดคิดมาก่อนเธอช่วงชิงจูบด้วยริมฝีปากนุ่มนิ่ม

 

เป็นการลอบจู่โจมฉับพลันทำเอาผมเบิกตากว้าง บาร์บาทอสสอดลิ้นเข้ามาในปาก

มันไม่ใช่จูบโหมกระหน่ำรุนแรง ลิ้นของผมกับเธอพัวพันกันอย่างนุ่มนวลก่อนจะดันเข้ามา

ผมคิดถึงช่วงเวลาที่ภายในปากผมกวาดไกวไปตามจังหวะของบาร์บาทอส

 

ไม่นานเท่าไหร่ การจูบนั้นก็จบลง บาร์บาทอสถอยตัวออกไป 

เธอแสดงสีหน้าเยาะยิ้มหลังแกล้งแรงๆได้สำเร็จ

 

“เจ้าหนู, นี่ต่างหากวิธีการเว้าวอนขอร้องคนอื่นน่ะ”

 

“…….”

 

“ปากแกน่ะนะถ้าไม่พูดก็ทำอะไรไม่ได้เลย เข้าใจไหมเล่า?”

 

บาร์บาทอสฮัมเพลงแล้วก็ลุกขึ้นยืน 

ผมรีบตะโกนตามหลังบาร์บาทอสที่ออกจากสระน้ำใต้ดินไป

 

“ฮะ-เฮ้ย นี่เธอทำให้อยากแล้วจากไปซะอย่างนั้นเลยเรอะ!?”

 

แม่งเอ๊ย ผมถึงกับติดอ่างขึ้นมา

 

ร่างกายส่วนล่างผมโดนปลุกเร้าอย่างรุนแรง จนไม่อาจสั่งให้หยุดได้

แต่ถึงอย่างนั้นนังผีร้ายบาร์บาทอสก็ยังพูดแบบไม่รู้ไม่ชี้ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าทำอะไรลงไป

 

“ไม่ใช่ปัญหาของข้าสักหน่อย ไปชักว่าวหรืออะไรก็ทำไปไป๊”

 

“นี่เธอทำตัวแย่ๆแบบนี้กับคุณสามี ทันทีที่ได้เป็นคนรักของลอร่าแล้วอย่างงั้นเรอะะะ!?”

 

“คุณสามีส้นตีนเหอะ ถ้าแกไม่ชอบ แกก็ไปข้อความช่วยเหลือจากไพมอนซะไป๊”

 

บาร์บาทอสหัวเราะเสียงเล็กแหลม

เหอะ สมแล้วกับที่เป็นนังซาดิส ดูเหมือนจะชอบอกชอบใจเพราะอะไรบางอย่างเข้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด