Dungeon Defense (WN) 320 ราชาเหมันต์ (เร็ก ไฮย์มิส) (8)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 320 ราชาเหมันต์ (เร็ก ไฮย์มิส) (8) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 320 – ราชาเหมันต์ (เร็ก ไฮย์มิส) (8)

 

* * *

 

 

“เมื่อวานช่วยได้มาก ขอบคุณนะ ,นักบุญหญิงลองวี่ ”

 

“อย่ามาพูดเหมือนเราเป็นเพื่อนกันนะ”

 

นักบุญหญิงผู้มีผมสีแดงสด หยิกลอน 

 

แจ็คเกอลีน ลองวี่ผู้นี้ตอบกลับมาอย่างเย็นชา เธอรู้สึกหงุดหงิดอยู่ลึกๆ

 

เธอเดินทางจากบริททานี่ไปยังเมืองหลวงจักรวรรดิหลายต่อหลายวัน

เธอขึ้นปราศรัยในย่านการค้า โดยพูดถึงสันติภาพแห่งทวีป

เสียงตอบรับผู้คนเป็นไปในทางบวก แต่ลองวี่กลับรู้สึกแย่กับดันทาเลี่ยนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ

 

ดันทาเลี่ยนพูดขึ้น

 

“จากที่ได้รับผลตอบรับกลับมาแบบนี้ เธอไม่ดีใจสักหน่อยหรือ? 

สิ่งที่เธอเห็นก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีแล้วว่า ประชาชนต้องการสันติภาพขนาดไหน และสถานการณ์ปัจจุบันนี้เลวร้ายเพียงใด

เธอน่าจะดีใจด้วยซ้ำที่ได้ขึ้นไปพูดในฐานะตัวแทนประชาชน”

 

“นายพูดได้ดีนี่ ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลัง ผู้เป็นจุดเริ่มต้นของสถานการณ์เลวร้ายนี้น่ะ…….”

 

ลองวี่โพล่งออกมาโดยไม่คิด

ดันทาเลี่ยนกลับยังคงฉีกยิ้มสดใสต่อหน้าเธอ

 

ยิ่งเธอด่าว่าอีกฝ่ายมากเท่าไหร่ คุณค่าในตัวของเธอก็ยิ่งลดลง

เนื่องจากเธอยังต้องร่วมมือกับคนๆนั้น

ราวกับเธอต้องถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเอง นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ดันทาเลี่ยนยังคงแย้มยิ้มอยู่ ลองวี่รู้สึกขยะแขยงเหมือนมีแมงมุมไต่ขึ้นแขน

 

“เฮอะ ฉันไปละ”

 

เธอลุกขึ้น

เธอมาหาดันทาเลี่ยน ณ ที่พัก เพื่อแกล้งทำเป็นพูดคุยกันถึงอนาคตของมนุษย์ชาติและเผ่าพันธุ์ปีศาจ

 

แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับไม่อยากจะอยู่ที่นี่แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว

 

“เดี๋ยวก่อน นักบุญหญิงลองวี่ มันจะเป็นปัญหาเอาหากเธอรีบออกไปในตอนนี้”

 

“นี่ฉันไม่มีสิทธิ์ออกไปจากที่แห่งนี้เลยหรือยังไงกัน?”

 

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าอยากจะบอก”

แม้จะเจอปัญหาอยู่ตรงหน้าดันทาเลี่ยนก็ยังคงยิ้มชั่วร้ายอยู่

 

“เธอน่ะมาอยู่ที่นี่ เพราะมีเรื่องจะคุยกับข้า อย่างน้อยๆสิ่งเราบอกแก่สาธารณะก็เป็นอย่างนั้น

ในสถานการณ์เช่นนี้ ชาวบ้านเขาจะคิดอย่างไร หากเธอเดินออกไปภายในสิบนาทีกันล่ะ?

เธอคิดว่า ข่าวแบบไหนกันที่จะแพร่ออกไป?”

 

“…….”

 

“การปรึกษาหารือกันเป็นไปไม่ราบรื่น เป็นการประชุมที่ไม่ดี 

ข่าวลือแบบนั้นย่อมต้องแพร่ออกไปทั่ว

อาจไม่สบายใจเท่าไหร่นัก แต่ข้าขอให้เธออดทนรอหน่อย อย่างน้อยก็สักสองชั่วโมง”

 

นี่เขาพูดจริงหรือเปล่าเนี่ย? นักบุญหญิงสำรวจสีหน้าของดันทาเลี่ยน ดูเหมือนเขาจะไม่ได้โกหก

 

นักบุญหญิงลองวี่ไม่พอใจนัก แต่ก็ยอมนั่งลง เธอหันหน้าไปทางอื่นไม่มองดันทาเลี่ยน

 

 

“จะรับชาสักหน่อยไหม?  ข้ามีไวน์ด้วยนะ”

 

“…….”

 

“มันจะเป็นปัญหาเอานะ”

 

ดันทาเลี่ยนถอนใจเบาๆ

 

“ถึงจะเกลียดข้าก็เถอะ อย่างน้อยข้าก็ดีใจที่เธอแสดงออกมาตรงๆ

แต่เรื่องอารมณ์ส่วนตัวน่ะไว้ก่อนเถอะ จากนี้เราต้องร่วมงานกันอีกยาว

 

ในการทำงานร่วมกันแล้วไม่มีทางที่เธอจะไม่พูดคุยกับข้า”

 

ดันทาเลี่ยนดึงไปป์ส่วนตัวออกมาแล้วพูดขึ้น

น้ำเสียงเขาเหมือนกำลังพูดกับเด็กน้อยอยู่

นักบุญหญิงลองวี่หันขวับกลับไปแสดงความโกรธออกมา

 

 

“ฉันบอกว่า อย่ามาพูดกับฉันเหมือนเราเป็นเพื่อนกัน

ไม่มีเหตุผลอะไรเลยด้วยซ้ำที่ฉันจะต้องไปญาติดีกับนายขณะที่คุยกันเรื่องธุรกิจ”

 

“แต่การทำแบบนั้นมันไร้ประสิทธิโดยสิ้นเชิงน่ะสิ”

 

ฟู่ววว

ดันทาเลี่ยนดูดไปป์เข้าไปเต็มปอด

 

“ข้าล่ะสงสัยจังเลยนะ ว่าธุรกิจจะเป็นไปได้อย่างราบรื่นได้อย่างไร หากทั้งสองฝ่ายไม่อาจแม้กระทั่งจะพูดคุยทักทายกันดีๆได้เลย

ข้าล่ะแปลกใจจริงๆที่ผ่านมาถึงยังไม่เคยเจอปัญหานี้ ว่าแต่ นี่เป็นวิธีที่บริททานี่สร้างพันธมิตรอย่างนั้นหรือ?”

 

“…….”

 

 

“นักบุญหญิง แจ็คเกอลีน ลองวี่,ตอนนี้ข้านั่งที่นี่ในฐานะเค้าท์พาลาทีน ตัวแทนแห่งจักรวรรดิฮับบวร์ก

เธอเองก็เช่นเดียวกัน

โยนอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวลงจานข้าวหมาไปซะ”

 

นักบุญหญิงลองวี่มองดันทาเลี่ยนด้วยสายตาคมกริบ

 

 

“แกประหารทหารทุกนายที่ฉันเป็นผู้นำกอง  แม้แต่ทหารที่ยอมแพ้แกก็ไม่ยอมละเว้น!”

 

 

“อ้อ แล้วคราวนี้ข้าก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความตายทหารของเธอน่ะหรือ?

น่าสนใจดีนี่”

 

ดันทาเลี่ยนหัวเราะคิก

 

“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นแล้ว นักบุญหญิงลองวี่ , หากเรื่องที่ข้าทำให้ทหารของเธอตายจริงแล้วล่ะก็ เธอเองก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเหมือนกันนะ”

 

ดวงตาของนักบุญหญิงลองวี่ยิ่งดุดันขึ้นหากแต่ดันทาเลี่ยนไม่สนใจ

 

“ทหารที่เอาแต่คอยป้องกันเมืองปารีส มีแต่ทหารแก่และทหารใหม่ไม่เคยฝึกทั้งนั้น 

พวกนั้นน่ะทนการปิดล้อมของพวกเราได้ไม่นานเท่าไหร่นักหรอก

แล้วทำไมกันนะ ทำไมกองทหารบริททานี่ถึงได้เอาทหารผู้แสนอ่อนแอพวกนั้นมาป้องกันปารีสล่ะ?”

 

“เรื่องนั้นน่ะ…….”

 

 

“ใครก็ดูออกน่า ว่าเธอน่ะตั้งใจสละเจ้าพวกนั้นอยู่แล้ว”

 

ดันทาเลี่ยนมองจ้องนักบุญหญิงแล้วพูดต่อ

 

“โล่เนื้อที่คอยกำบังให้ขณะที่ราชินีกำลังหนีไป พวกเขาเป็นได้ไม่มากกว่านั้น ไม่น้อยกว่านั้น

อย่าปฏิเสธความจริงตรงหน้าเลยหน้า แจ็คเกอลีน ลองวี่เอ๋ย 

เหล่าทหารทั้งหลายต้องตกตายไปก็เพราะคำสั่งจากองค์ราชินี

แถมเธอยังทำตามคำสั่งนั้นเสียด้วย …….”

 

 

“…….”

 

“เธอกับราชินีน่ะร่วมใจกันที่จะแบ่งทหารสี่พันนายไว้ที่ปารีส ข้าเข้าใจถูกไหม ?”

 

ลองวี่ไม่ยอมตอบ

 

เสียงหัวเราะหยันดังทั่วทั้งห้องรับแขก

 

 

“โทษคนอื่นทั้งๆที่ตัวเองเป็นผู้ที่เสียสละคนฝ่ายตัวเองแท้ๆ

เธอเองก็เอาเรื่องเหมือนกันนี่ ข้าล่ะอิจฉานัก

มนุษย์อย่างเธอเนี่ย กลายเป็นนักบุญหญิงได้ยังไงกันนะ? 

ช่างเป็นความผิดพลาดเสียจริงๆ?”

 

“กะ-กล้าดียังไง จอมมารอย่างแกถึง……!”

 

ไหล่ของนักบุญหญิงสั่นเทาด้วยความโกรธ มุมปากของดันทาเลี่ยนยกขึ้น

 

“หากเธออยู่ในจักรวรรดิเรา เธอไม่มีทางเป็นนักบุญหญิงได้หรอกนะ

แทนที่จะมาอยู่ที่วิหาร สถานที่ทำงานที่คู่ควรกับเธอจริงๆ คือ ซ่องต่างหาก”

 

เผียะ 

เสียงดังก้องไปในอากาศ นักบุญหญิงทนต่อไปไม่ไหวจึงตบแก้มขวาของดันทาเลี่ยน

 

ดวงตาของเธอนั้นปริ่มไปด้วยน้ำตา และใบหน้าก็บูดเบี้ยวเพราะความโกรธ

 

“ฉันรู้ ฉันรู้ดีกว่าใครทั้งนั้นว่า ฉันนั้นมันเลวทรามแค่ไหน! 

แต่อย่างน้อย คนอย่างแกก็ไม่มีสิทธิ์มาเย้ยหยันฉัน!”

 

“…….”

 

“ไม่มีทั้งนั้น ไม่ว่าดวงวิญญาณไหนก็ไม่ควรถูกตัวตนชั่วร้ายอย่างแกมาเย้ยหยัน!”

 

ดันทาเลี่ยนมองนักบุญหญิงอย่างเงียบๆ

เขาค่อยๆพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

 

“ใช่ เรื่องนี้ เธอพูดถูก”

 

 

ดันทาเลี่ยนยอมรับเรื่องนั้นโดยไม่ลังเล และผลกลับกลายเป็นว่า นักบุญหญิงกลับเป็นฝ่ายงงเสียเอง

นักบุญหญิงถึงกับสงสัยเพราะไม่รู้ว่า ควรจะแสดงสีหน้าอย่างไรดี 

ดันทาเลี่ยนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์

 

 

“ข้าขอถามบ้างด้วยความสงสัยจากใจจริง 

ถ้าเป็นอย่างที่เธอพูดแล้ว เธอมีสิทธิ์ที่จะดูถูกข้าอย่างนั้นหรือ?”

 

“…….”

 

“นั่นสินะ มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อน

อารมณ์ที่อยู่เบื้องลึกจะถูกกวนขึ้นมาและสร้างความสับสนในชั่วขณะที่ไม่อาจควบคุมมันได้ด้วยเหตุผล”

 

ดันทาเลี่ยนยักไหล่

 

“เรากลับมาคุยเรื่องการเรื่องงานกันต่อดีกว่า

หนึ่งเดือนข้างหน้านี้ จะมีงานที่จัดขึ้นที่บัทตาเวีย

ที่นั่นมีสิ่งที่ข้าและเธอจะต้องไปทำ”

 

“เรื่องนั้น…… มันไม่กวนใจนายหรือ?”

นักบุญหญิงลองวี่ถามขึ้นมา

 

“นายทำตัวสบายอยู่ได้ยังไงกันทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า สิ่งที่ทำนั้นมันผิด……?”

 

“นักบุญหญิงแจ็คเกอลีนลองวี่”

 

ดันทาเลี่ยนยิ้ม

 

“เรื่องส่วนตัวน่ะพอเถอะ มันไม่ใช่เรื่องที่เธอควรเข้าไปก้าวก่าย”

 

 

* * *

 

 

สงครามการทูตในฤดูหนาวจบลงตรงที่ชัยชนะขาดลอยของจักรวรรดิ

 

ในขณะที่เหล่านักบุญหญิงต่างแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและวุ่นวายกับการทะเลาะกันเอง ผมเร่งไปสร้างพันธมิตรกับนานาอารยชาติ

 

สุดท้ายแล้วในบรรดาสิบสองชาติ มีแปดชาติที่ให้การสนับสนุนจักรวรรดิฮับบวร์ก ส่วนสี่ชาติที่เหลือให้การสนับสนุนสาธารณรัฐฮับบวร์ก จะบอกว่า เป็นชัยชนะยิ่งใหญ่แลนสไลด์ก็ไม่ผิดนัก

 

สรุปคร่าวๆ การปะทะกันทางการทูตอันแสนเข้มข้นจบลงในเวลาไม่ถึงเดือนดี ตัวแทนสาธารณรัฐเข้ามาพบปะกันในงานประชุมที่บัทตาเวียแทบจะในทันทีหลังจากนั้น

 

ผมมุ่งตรงไปยังเมืองหลวงของบัทตาเวีย อย่างอาร์มสเทล ด้วยอารมณ์เบาๆ

 

ณ ที่ทำการสาธารณรัฐ

 

มีส่วนที่เป็นสถานที่ปลอดมนุษย์ พอผมเดินตรงไปตามทาง สิ่งที่ผมเจอก็คือ ไพมอนนั่งอยู่บนเก้าอี้สีขาว

เธอคงรู้อยู่แล้วว่า ผมมาหา แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับไม่หันหน้ามามองผมเลย

 

“ไพมอน นี่ยังไม่สายเกินไป นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว”

 

ไพมอนไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

 

“จักรวรรดิฮับบวร์กรวมกลุ่มพันธมิตรกับหลากหลายชาติ

 

หากเธอคิดจะรวมกลุ่มพวกสาธารณรัฐในตอนนี้ ชาติเหล่านั้นจะไม่ได้หันหัวหอกหาจักรวรรดิของเรา หากแต่จะร่วมมือกับพวกเราแทน

และฝ่ายที่ราบเองไม่อยู่เฉยแน่ หากเธอจะก่อหวอดลุกขึ้นมาต่อต้านในตอนนี้”

 

“…….”

 

ยังคงไม่ตอบอะไรกลับมา อย่างนั้นเองน่ะรึ ? 

เธอตั้งใจจะโดดเข้ามาร่วมด้วยเต็มตัวอย่างนั้นสินะ……?

 

ผมหลับตาแน่นสนิทชั่วครู่ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

 

“ข้าจะเข้าร่วมการประชุมนี้ในฐานะตัวแทนจักรวรรดิด้วยเช่นกัน 

หากฝ่ายที่ราบกับฝ่ายภูเขาต้องห้ำหั่นกัน ข้าไม่มีทางยืนดูอยู่เฉยๆแน่

ข้าขอเตือนเธอไว้ก่อนนะ ,ไพมอน 

อย่าคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เธอหวังให้พวกนั้นเป็น”

 

จบแค่นั้นแหละ

 

ตอนที่ผมหันหน้าเตรียมจะออกจากสวน ไพมอนก็พูดกับผม

 

“ดันทาเลี่ยน, สาธารณรัฐฮับบวร์กจะเข้าร่วมการประชุมนี้ด้วย”

 

“……แล้วยังไงล่ะ? เธอคิดว่า เจ้าพวกตัวแทนอ่อนหัดที่มาจากสาธารณรัฐจะทำอะไรข้าได้หรือ?”

 

“มันอาจเป็นไปได้ที่ บุคคลที่เจ้าเคยบอกเสนอว่า เป็นอัจฉริยะจะรู้เรื่องนี้”

 

ผมหยุดกึกกลางคัน

 

“อย่าบอกข้านะว่า…….”

 

“อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์ก เธอส่งข่าวมาบอกพวกเราว่า เธอจะเข้าร่วมการประชุมสาธารณรัฐในครั้งนี้ด้วย ที่จะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า”

 

ร่างกายของผมแข็งทื่อ

 

“นี่มันบ้าไปแล้ว ทำไมผู้ปกครองประเทศนั่น……. ไพมอน,เธอได้บอกคอนซูลคนนั้นถึงเหตุผลเบื้องหลังของการประชุมครั้งนี้หรือเปล่า!?”

 

“……ข้าไม่เคยบอกใครทั้งนั้น ข้าบอกนายคนเดียว”

 

ผมจึงเปิดหน้าต่างสเตตัสของไพมอน และดูความนึกคิดของเธอในทันที 

มันเป็นเรื่องจริง เธอไม่ได้โกหก

นี่อลิซาเบธถึงกับรู้เจตนาเบื้องหลังการประชุมครั้งนี้ด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ?

 

นี่มันบ้าไปแล้วน่า! 

 

มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย แม้แต่ฝ่ายที่ราบเองก็ยังไม่คิดอะไรจริงจังกับการประชุมครั้งนี้

 

อยากจะประชุมอะไรก็จัดๆไปเถอะน่า ความเห็นคนส่วนใหญ่ก็เป็นไปในทางนั้นกันทั้งนั้น

ไม่มีใครที่จะสามารถปล่อยข้อมูลลับนั่นให้กับอลิซาเบธได้…….

 

 

หรือเธอจะรู้เรื่องการแบ่งแยกในฝ่ายเราเข้าแล้ว? ไม่มีทางน่า

เรื่องนั้นไม่เคยบอกแก่สาธารณะด้วยซ้ำไป

 

ทั้งหมดที่ผ่านมา พวกเรากระทำการใดๆราบรื่นผ่านใต้ธง ใต้ป้ายที่ชื่อว่า จักรวรรดิฮับบวร์กทั้งนั้น…….

 

……เข้าใจแล้ว จักรวรรดิฮับบวร์กไม่ใช่ปัญหา สาธารณรัฐบัทตาเวียนี่เองที่เป็นตัวปัญหา

 

ตามปรกติแล้ว สาธารณรัฐบัทตาเวียเป็นตัวตั้งตัวตีในการให้การสนับสนุนจักรวรรดิฮับบวร์ก แต่คราวนี้กลับทำอะไรเชื่องช้า แถมผมยังใช้นักบุญหญิงจากบริททานี่ ไม่ใช่นักบุญหญิงจากบัทตาเวียอีก 

 

นี่เธอรู้สัญญาณแห่งการไม่เป็นหนึ่งเดียวกันของฝ่ายเราจากเรื่องนั้นน่ะหรือ……?

 

กระแสเย็นหวาบแผ่ไปทั่วทั้งร่างกายของผม นี่แค่พลาดไปก้าวเดียว 

ก้าวเล็กๆที่คนทั้งโลกไม่มีใครสังเกตเห็น

 

ช่องว่างเพียงนิดเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้อลิซาเบธมองทะลวงพวกเราได้ ไม่สิ ที่อ่านพวกเราขาดขนาดนี้ก็เพราะเธอคือ อลิซาเบธนั่นแหละ…….

 

 

ถึงอย่างไรก็เถอะ นี่ไม่ใช่ว่า จะมานั่งหวั่นวิตกกัน

ถึงอย่างไรเสียนี่ก็เป็นจังหวะที่ดี เธออาจจะเป็นตัวตนที่น่าเกรงขาม แต่ก็ใช่ว่า ผมจะไม่มีวิธีรับมือ

 

 

“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้น ขอให้เธอจงมีสุขภาพดี”

 

ผมบอกลาไพมอน และออกมาจากอาคาร

 

เมืองหลวงแห่งนั้นย่อมมีการรักษาการณ์เข้มงวด

 

และการรักษาความปลอดภัยก็จะยิ่งเข้มขึ้นยามที่มีผู้ปกครองจากนานาประเทศเข้าร่วมประชุมกัน

 

ถึงผมอยากจะใช้โอกาสครั้งนี้ในการลอบสังหารอลิซาเบธก็เถอะ แต่ตอนนี้ บัทตาเวียกลับไม่ยอมให้ความร่วมมือ

 

ไอเดียเรื่องการลอบสังหารคงต้องเอาออกไป

 

แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็มีวิธีอื่นอยู่…….

 

 

อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์ก ผมแน่ใจเลยว่า เราจะได้พบปะเจอหน้ากันแล้ว

 

 

รอบนี้ต่างจากตอนที่ขึ้นพูดสุนทรพจน์ที่ ที่ราบ บรูโน่

 

ตอนนั้นผมรู้การมีอยู่ของอลิซาเบธ แต่อลิซาเบธไม่รู้การมีอยู่ของผม

 

มาคราวนี้ เราต่างรับรู้การมีอยู่ของกันและกัน ดังนั้นมันจึงไม่ง่ายดายแล้ว

…….

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด